ห้ะ! อะไรนะ... สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจ หยุดเจ้าชู้ไม่ได้ 15 ปีที่คบกันมา นอกใจแฟนมากกว่า 15 ครั้ง ทุกครั้งที่นอกใจ จะบอกคนที่คุยด้วยว่า ห้ามล้ำเส้นเด็ดขาด เผยเหตุผลที่ทำไปเพราะหนูชอบบริหารเสน่ห์ เช็คเรตติ้ง

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ห้ะ! อะไรนะ... สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจ หยุดเจ้าชู้ไม่ได้ 15 ปีที่คบกันมา นอกใจแฟนมากกว่า 15 ครั้ง ทุกครั้งที่นอกใจ จะบอกคนที่คุยด้วยว่า ห้ามล้ำเส้นเด็ดขาด เผยเหตุผลที่ทำไปเพราะหนูชอบบริหารเสน่ห์ เช็คเรตติ้ง

31 มี.ค. 2023

        “คุณฟ้า (นามสมมุติ)” อายุ 30 ปี สายที่สองใน รายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 มี.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหามีแฟน แต่นอกใจแฟนมาตลอด

        โดย “คุณฟ้า (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันมา 15 ปี เขาเป็นแฟนคนที่ 2 ที่หนูคบแบบจริงๆ แต่หนูนอกใจเขาทุกปีมากกว่า 15 คนด้วยซ้ำ มีนอกกายบ้างบางคน ไม่รู้จะใช้คำว่านอกใจได้มั้ย แต่หนูชอบเช็คเรตติ้ง แบบไปอ่อย คุยกับคนนั้น คนนี้ แค่อยากเช็คความสวยว่าจะมีคนชอบเราหรือเปล่า

        หนูอยู่กับเขามานานมาก จนเหมือนเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อน เป็นครอบครัวกันไปแล้ว ซึ่งหนูจะบอกกับคนที่มาคุยว่าหนูมีแฟนแล้วนะ ห้ามมาล้ำเส้นแฟนของหนูเด็ดขาด ถ้าใครรับได้ก็อีกเรื่องนึง ช่วงแรกๆหนูก็ภูมิใจแฟนนะ แฟนหนูเป็นคนดี แต่ตอนนี้แบบความหวานมันก็หมดไปแล้ว เราทำงานด้วยกัน อยู่ห้องเดียวกัน เหมือนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงเลย

        เราสองคนจะไม่ยุ่งโทรศัพท์ของกันและกันเลย แต่ส่วนใหญ่ที่แฟนจับได้ ไม่ได้มาจากคนที่คุยกับหนู แต่จะเป็นคนรอบข้างที่มาบอกเขา มาส่งซิกว่าหนูคุยกับคนนั้น คนนี้อยู่นะ พอเขารู้ เขาก็มาถามหนู หนูก็บอก แต่คือเราสองคนเลิกกันไม่ได้อยู่ดี แบบเขาเลิกกับหนูไม่ได้ และหนูก็เลิกกับเขาไม่ได้เหมือนกัน ช่วงแรกๆแฟนก็ร้องไห้ แล้วขอให้เลิกเจ้าชู้ได้มั้ย แต่หนูทำไม่ได้ เขาบอกว่าเขาแค่รับฟังคนอื่น แต่ถ้าเขาทนไม่ไหวเขาจะไปเอง

        แฟนเคยคุยกับคนอื่นด้วย แต่หนูไม่รู้ว่าถึงขั้นไหน หนูจับได้ก็บอกให้เขาไปเคลียร์แค่นั้นสั้นๆ แล้วเขาก็ไม่มีอีกเลย ตอนนี้หนูอยากเลิกนิสัยนี้มาก หนูพยายามไม่คุยกับคนอื่น ไม่อ่อยคนอื่น แต่มันก็ทำไม่ได้ ห้ามใจตัวเองไม่ได้อยู่ดี หนูอยากให้พี่ๆช่วยดึงสติหนูหน่อย...’

        พี่ๆ 3 ดีเจก็ได้ให้คำปรึกษา “คุณฟ้า (นามสมมุติ)” ว่า ‘มันคือคนหนึ่งพิการสมอง อีกคนหนึ่งพิการหัวใจที่มาเจอกัน แต่คนที่โทรเข้ามาคือคนที่พิการหัวใจ ซึ่งอยู่ในหน้าได้เปรียบ เพราะเราทุกคนมีความเห็นแก่ตัว แต่ที่ต่างกันคือความละอาย ซึ่งคนอื่นมี แต่ฟ้าไม่มี....

        ไม่โทษฟ้า เพราะมีคนๆนึงที่เขาทนได้ให้เอาเปรียบมาโดยตลอด แล้วในเมื่อเขาทนให้เอาเปรียบขนาดนี้ ทำไมวันนี้ถึงต้องหยุด 15 ปีไม่เคยไปไหนเลย ร้องไห้ให้ตาย ต่อให้เจ็บแค่ไหน เขาก็ยังทนให้เอาเปรียบ และก็ไม่ได้เดือดร้อนจะโทรมาปรึกษาด้วย

        ถ้าให้ฟ้าทิ้งแฟนไปเลย ฟ้าจะทำมั้ย? เพราะฟ้าก็รู้ตัวว่าเป็นคนเจ้าชู้ ถ้าอยากจะไปวัดความสวยก็วัดได้เต็มที่เลย เราแค่ต้องไปหาคนที่เขารับได้ แต่คนที่รับได้ก็แปลว่าเขาก็ทำได้เหมือนกันนะ ถ้าไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวมากเกินไป ถ้าเขามีก็อย่าไปว่า ไปอะไรเขา แฟร์ๆหน่อย อยู่กันแบบเสมอภาค อย่างน้อยเราจะได้เป็นคนที่ไม่ได้เห็นแก่ตัว

        ฟ้าไม่ได้รักแฟนขนาดนั้น ระยะเวลา 15 ปีมันคือคู่ชีวิต แต่ฟ้าไม่ได้เห็นคุณค่าของมันแค่นั้นเอง ถ้าการที่เราไม่ได้รักเขา มันก็เลยเป็นวิถีที่เราจะมองหาคนอื่น ถ้าไม่รักก็ให้เขาอยู่ในสถานะเพื่อนที่ดีที่สุด ไม่งั้นเขาก็ไม่ได้เริ่มต้นใหม่กับใครสักที

        ถ้าวันนึงแฟนไปเจอคนใหม่ที่นิสัยดีกว่าฟ้า ซึ่งมีโอกาสสูงมาก เพราะถ้าเจอใครสักคนที่ซื่อสัตย์ วันนั้น 15 ปีจะไม่มีความหมายสำหรับฟ้าเลย เพราะฉะนั้นละครเรื่องนี้ ไม่ได้บอกให้ฟ้าหยุด แต่มันจะจบที่แฟนฟ้าคนนี้เขาจะเจอใครสักคนนึงที่ใช่ และเขารู้เลยว่าฟ้าไม่ได้ดีพอ เขายอมไปเสี่ยงเอาดาบหน้าดีกว่าอยู่กับฟ้า เรื่องราวทั้งหมดมันจะจบตรงที่เขามีคนอื่น...’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

โลกกลมเกิ๊นนน!! สาวสองโทรปรึกษา ไม่เชื่อในรักแท้ของ LGBTQ+ จนมาเจอผู้ชายคนนี้ ดีทุกอย่าง แล้วเขาก็นัดหนูไปกินข้าว และพาน้องชายมาด้วย สุดท้าย หนูจำได้ว่าน้องชายของเขา คือคนที่หนูเคยเล่นแอปด้วย และนัดมีอะไรกันมาหลายครั้งแล้ว...

03 เม.ย. 2023

โลกกลมเกิ๊นนน!! สาวสองโทรปรึกษา ไม่เชื่อในรักแท้ของ LGBTQ+ จนมาเจอผู้ชายคนนี้ ดีทุกอย่าง แล้วเขาก็นัดหนูไปกินข้าว และพาน้องชายมาด้วย สุดท้าย หนูจำได้ว่าน้องชายของเขา คือคนที่หนูเคยเล่นแอปด้วย และนัดมีอะไรกันมาหลายครั้งแล้ว...

“คุณไอซ์ (นามสมมุติ)” อายุ 30 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 มี.ค.66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม โดย “คุณไอซ์ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ขอท้าวความก่อนว่า หนูเป็นสาวประเภทสองและยังโสดอยู่ หนูไม่เชื่อเรื่องความรักเลยว่าจะเกิดขึ้นกับเพศทางเลือกหรือ LGBTQ อย่างหนู และหนูก็ใช้ชีวิตโสดมาเรื่อยๆ ถ้าเหงาก็มีการโหลดแอปหาคู่มาเล่นเพื่อคลายความเหงา แต่วันนึงความรักมันก็ได้เกิดขึ้นกับหนู ซึ่งหนูก็ได้เปิดใจให้ผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นรุ่นพี่ที่ทำงาน เขาก็เข้ามาจีบ เหมือนเขาเป็นคนที่มาเปิดประตูหัวใจของหนู ทะลายกำแพงความโสดของเราลง ให้เรากล้าที่จะคบกับใครสักคนมากขึ้น และเรื่องราวมันก็ดีมาก คบกันมาเรื่อยๆ สักระยะนึง ตัวหนูเองจะเป็นคนไม่ถามเรื่องส่วนตัว เรื่องการเป็นอยู่อะไรต่างๆของฝั่งผู้ชายเลย คือหนูจะไม่ยุ่ง ไม่ไปสืบหาอะไรทั้งสิ้น หนูรู้แค่ว่าเขาดีกับหนู หนูดีกับเขา แต่พอระยะเวลานานเข้าเขาก็อยากให้หนูรู้จักกับทางบ้านเขา ก็เริ่มจากเขานัดหนูไปทานบุฟเฟ่ต์ที่ห้างกับน้องชายเขาก่อน พอไปถึงร้านบุฟเฟ่ต์ หนูเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ผู้ชายคนนี้หนูรู้สึกคุ้นมาก แล้วเขาก็เดินมานั่งที่โต๊ะกับหนูกับแฟนของหนู หนูก็เลยรู้ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นน้องชายของแฟน ซึ่งเขาเคยคุยกับหนูในแอพหาคู่และนัดเจอแล้วมีอะไรกัน ทั้งหนูและน้องชายเขาก็สตั้นกันไป ต่างคนต่างตกใจ น้องเขาก็ตกใจมากที่หนูเป็นแฟนพี่ชาย มันเหมือนเป็นละคร แต่ไม่ใช่ มันคือเรื่องจริง ที่เคยนัดมีอะไรกัน มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เป็นตลอดระยะเวลาที่หนูโสด 1 – 2 เดือน ก่อนที่จะมาเจอพี่ชายของเขา หลังจากนั้น หนูก็เฟดตัวออกมาจากแฟนหนูเลย หนูไม่สามารถทำลายความรู้สึกของพี่เขาได้ เพราะเขาดีกับหนูมาก เขาไม่เคยทำให้หนูเสียใจ และหนูก็ไม่ได้มีการติดต่อกับน้องเขาด้วย มันก็เลยเป็นคำถามกับพี่เขาว่าเขาทำอะไรผิด ทำไมหนูถึงต้องเดินออกมาจากเขาทั้งๆที่เขาก็ OPEN ในเรื่องของการที่หนูเป็น LGBTQ เพราะเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร เขาก็งงกับตัวเองว่าเขาทำอะไรผิด หนูก็เลยบอกเขาว่า พี่ไม่ผิด แต่เราน่าจะไม่เหมาะกันตอนนี้ผ่านมา 5 เดือนแล้ว แต่หนูกับพี่เขายังเป็นเพื่อนกันอยู่ในเฟซบุ๊ก ก็ยังมีการกดไลก์ให้กันอยู่ หนูก็เคยโพสต์ประมาณว่า ทำไมโชคชะตาไม่เข้าข้างเรา ทำไมเราเจอเรื่องดีๆ แล้วเราต้องมีเรื่องแบบนี้ ทำให้เราต้องเดินออกมา เขาก็มากดหน้าเศร้า ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงเขาอยู่ แต่เขาโทรมาหนูก็ตัดสายทิ้ง อยากถามพี่ๆว่าจากเหตุการณ์นี้ ถ้าหนูเดินออกมาจากเขาโดยที่หนูไม่ได้บอกเหตุผล ไม่บอกความจริง ไม่สามารถที่จะพูดความจริงในเรื่องนี้ให้เขาฟังได้ จนมันเป็นคำถามในใจเขา หนูผิดมั้ยหรือว่าหนูทำถูกแล้ว? 3 ดีเจก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องนี้ไม่มีใครผิด แต่มันเป็นเรื่องของความซวยจริงๆ ถ้าให้แนะนำอยากจะให้ไปบอกเหตุผลกับเขา เผื่อจะได้ เพราะถ้ามันไม่ได้ขึ้นมายังไงก็เสมอตัว อย่างน้อยเราและเขาก็จะได้มูฟออนเร็ว ไม่ค้างคาใจกัน ยังไงก็แยกย้ายกันเหมือนเดิม แต่ถ้าเกิดบอกไปแล้วเขาโอเคก็นัดเจอเขาข้างนอกได้ ไม่ต้องเข้าบ้านเขา ไม่ต้องไปเจอน้องเขา ถ้าคบกันรอดเราก็แยกออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน 2 คน แต่ถ้าคบกันแล้วไม่รอดก็แยกย้าย ที่แนะนำให้บอกเพราะไม่อยากให้สร้างปมหรือความรู้สึกแย่กับคนๆหนึ่งที่เขารู้สึกว่าไม่ดีตรงไหน ผิดอะไร เขาจะพยายามหาอะไรที่มันเป็นการโทษตัวเอง เราบอกเขาเพื่อให้เขารู้ว่าเขามีค่านะ แต่มันดันบังเอิญเกิดเรื่องไม่คาดคิดแบบนี้ขึ้นมา บางทีจากปัญหาที่เราแบกไว้ 100% เราอาจจะแบ่งไปให้เขา 50 ก็ได้ ที่เหลืออีก 50 ไปคิดต่อ แล้วถ้าช่วยกันคิดแล้วได้คำตอบว่าเราคงไปต่อกันไม่ได้จริงๆ คำตอบของไอซ์มันจะชัดเจนเลย ถ้าบอกเหตุผลมันจะชัดเจนกับความสัมพันธ์ของ 2 คนนี้เลยว่ามันจะไปในทิศทางไหนต่อ แล้วมันจะกลายเป็นว่า 2 คนจะช่วยกันเลือกทางของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ทิ้งบาดแผลไว้ให้ใครข้างหลังไม่อยากให้คิดมาก ไม่ว่าไอซ์จะเลือกทางไหน บอกหรือไม่บอก ถ้าในอุดมคติการที่เราได้บอกอะไรโดยไม่ค้างคามันก็ดี แต่ในโลกความเป็นจริงมันก็มีบางเคสที่หนักใจเหลือเกินในการที่จะบอกแล้วก็เลือกที่จะหายไปเงียบๆ พอเวลาผ่านไปต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองวันนั้นจะรู้แค่ว่าเราอย่าไปรู้เลย จังหวะนั้นก็แค่ไม่ใช่ สุดท้ายเราจะเรียนรู้เองว่าถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ เหตุผลมันเป็นแค่ส่วนประกอบก็เท่านั้นเอง...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมกำลังจะแต่งงาน และเพิ่งสมัครงานใหม่ บริษัทให้เซ็นต์ค้ำประกัน ‘แฟน’ คือคนแรกที่ผมนึกถึง พอไปขอให้ช่วย เขาปฏิเสธเลยทันที บอกว่า ‘ยังไม่ไว้ใจผม’ ทางเลือกสุดท้ายผมไปปรึกษาแฟนเก่า...

24 เม.ย. 2023

ผมกำลังจะแต่งงาน และเพิ่งสมัครงานใหม่ บริษัทให้เซ็นต์ค้ำประกัน ‘แฟน’ คือคนแรกที่ผมนึกถึง พอไปขอให้ช่วย เขาปฏิเสธเลยทันที บอกว่า ‘ยังไม่ไว้ใจผม’ ทางเลือกสุดท้ายผมไปปรึกษาแฟนเก่า...

“คุณน็อต (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (19 เม.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจอั๋น - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย เกี่ยวกับปัญหาการค้ำประกัน โดย “คุณน็อต (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมคบกับแฟนคนหนึ่งมาปีครึ่งแล้ว เราสองคนมีแพลนจะแต่งงานกัน แต่มันเกิดเรื่องขึ้นมาเพราะผมกำลังจะไปทำงานบริษัทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับทางด้านการเงิน ซึ่งผมสอบทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว แต่ในทางกฎหมาย ก่อนที่เราจะออกไปนำเสนอขายให้กับลูกค้าได้ เราต้องมีใบอนุญาตก่อน ซึ่งก่อนที่จะออกใบอนุญาตมันก็ต้องมีคนค้ำประกันเพื่อให้บริษัทมั่นใจว่าเรามีความน่าเชื่อถือ การค้ำประกันในที่นี้ จะแตกต่างกับการค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งในความคิดแรกของผมคือแฟนของผมเลย ผมก็เลยตัดสินใจขอให้แฟนช่วย แต่พอไปขอแล้ว เขากลับปฏิเสธ เขาให้เหตุผลว่าเขายังไม่เชื่อใจผม ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรเขานะ หลังจากนั้นผมก็ไปขอให้เพื่อนช่วย แต่ก็ไม่มีใครช่วยเลย และเพื่อนก็ยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำไมถึงไม่ให้แฟนช่วย และต้องบอกก่อนว่าพ่อกับแม่ผมไม่สามารถค้ำให้ได้ เพราะอายุท่านเกินแล้ว บังเอิญมันเหมือนเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้ว ผมก็เลยติดต่อแฟนเก่าไป ซึ่งต้องบอกก่อนว่าผมกับแฟนเก่าเราเลิกกันดี เป็นพี่น้องกัน ไม่ได้มีซัมติงอะไรกัน แล้วแฟนเก่าผมแทบจะเป็นคนเดียวเลยที่พยายามหาทางช่วย จนกระทั่งแฟนคนปัจจุบันของเขาไม่อนุญาตให้ช่วย ผมก็เข้าใจเขานะ แต่ในความรู้สึกผม ผมรู้สึกว่ามันมีความหมายกับผมมาก จนเอามาเปรียบเทียบกับแฟนปัจจุบันของผม สำหรับงานแต่ง แฟนผมเป็นคนอยากแต่ง เพราะเขาก็อายุ 32 – 33 ปีแล้ว ตอนนี้ผมกับแฟนอยู่กันคนละบ้าน แต่ที่ผมแพลนไว้หลังแต่งงาน คือ ผมมีแพลนจะซื้อบ้านของตัวเอง แต่ถ้าซื้อไม่ทันผมก็จะอยู่ที่บ้านของแฟนก่อนแล้วค่อยมาซื้อบ้านของตัวเอง ตอนนี้เรามีงานทำ เขาก็มีงานทำ ก็เลยใช้กระเป๋าตังของใครของมัน และมีเงินอีกส่วนที่เป็นบัญชีร่วม เราจะออมเงินกันทุกๆเดือน จนมันทำให้เกิดคำถามว่า เราควรจะไปต่อกับเขาดีไหม? แล้วที่เราเก็บเงินร่วมกันมาเพื่อจะแต่งงานกัน อันนี้คือเราเชื่อใจกันแค่ไหนหรอ? เพราะผมเชื่อใจเขาในระดับนึงเลย อยากถามพี่ๆว่า ความรู้สึที่ผมรู้สึกมันถูกหรือเปล่า? หรือพี่ๆมองว่าที่แฟนผมคิดและทำคือสิ่งที่ถูกต้องไหม? ซึ่ง ดีเจเติ้ล ได้ให้ความคิดเห็นกับเรื่องนี้ว่า “1 ปีครึ่งที่รู้จักกัน ถ้าเราทั้งสองคน ยังไม่เชื่อใจกัน ยังไม่รู้จักกันดีพอ ก็จะไปเซ็นต์ค้ำประกันให้กัน สิ่งที่ต้องมองคือ กำลังจะแต่งงานกันแล้ว กำลังจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว แต่ยังไม่เชื่อใจกันเลย ถ้าเป็นพี่ พี่เลือกที่จะคุยกันตรงๆ คุยกันเลยว่า ที่เธอไม่เชื่อใจกันเพราอะไร? เหตุผลคืออะไร? ควรเคลียร์ไปเลย มองในมุมว่าถ้าเขามีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นไหม เขาก็มีสิทธิ์ เพราะเวลาก็ไม่นานที่รู้จักกันปีกว่า ถ้าเปรียบเทียบ กับเพื่อนเราบางคน รู้จักกันมาตั้งนาน เราก็ยังไม่กล้าที่จะเซ็นต์อะไรให้เขาเลย สุดท้ายก็ต้องเคลียร์กันก่อน” สำหรับ ดีเจอั๋น ให้คำแนะนำว่า “ควรคุย และ ให้เหตุผลกันไปเลยว่าไม่อยากเซ็นต์เพราะอะไร? เหตุผลคือ 1 2 3 4 ตามนี้ ควรคุยกัน เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ เข้าใจสิ่งที่น็อตรู้สึก ในที่สุดเราต้องยอมรับว่า ความรู้สึกที่น็อตมีมันแรงขึ้น เพราะมันเกิดการเปรียบเทียบกันกับแฟนเก่า บังเอิญเป็นแฟนเก่าด้วย มันเลยยิ่งแรงขึ้นรึเปล่า? ก็ควรอย่างยิ่งที่จะต้องบอกความจริงต่อกันและกันได้ โดยไม่ต้องมีฟอร์มอะไรเลย คุยกันจริงๆ เป็นการสื่อสารแบบมีประสิทธิภาพ บอกเค้าได้ว่าเรารู้สึกยังไง? เราสะเทือนใจ เสียใจยังไง เราพูดความจริงได้ และถ้าวันนี้ การที่เราพูดความจริงอะไรออกไป แล้วเขาไม่เข้าใจ ก็ไม่ควรแต่งเลย และตัวเราเองก็จะต้องเป็นฝ่ายที่พร้อมรับฟังเขาด้วยเหตุผลจริงๆจากใจ ในวันนี้ไม่ควรที่จะเก็บอะไรไว้ ควรพูดไปทุกอย่าง ไม่มีทางที่จะแต่งงานกันได้ ถ้าเราไม่เคลียร์กันให้ดี ให้โอกาสทั้งเขาและเราในการได้อธิบาย” สุดท้าย ดีเจอ้อย ได้ให้ความคิดเห็นว่า “การที่เราจะแต่งงานกับใครคนใดคนนึงมันไม่ได้พิจารณาจากเรื่องนี้แค่เรื่องเดียว เรายังไม่ทันได้รู้เหตุผลอะไรจากเขาเลย ตอนนี้เหมือนเราไม่ได้แก้ปัญหาที่ปัญหา แต่เป็นการเพิ่มจำนวนคน ยิ่งเป็นแฟนเก่าอีก มันจะไม่ใช่แค่เรื่องของการค้ำหรือไม่ค้ำ มันเลยกลายเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของคน 2 คนไปแล้ว พี่มองว่านี่เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ปรับจูนกัน ควรคุยกัน ฟังกันจริงๆ แบบอย่าคาดหวังกับคำตอบที่เขาจะตอบ ไม่ควรปักธงกับคำตอบของเขา ที่สุดแล้วเราต้องฟังเขาด้วย บางคู่ บางคนรักกันแทบตาย แต่ไม่จดทะเบียนสมรส เพราะอนาคตเขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรื่องมันจะเยอะกว่านี้ไหม? ก็มี... ทุกวันมีการเคลื่อนตัว เขาก็มีสิทธิ์ที่จะกลัวเช่นกัน เชื่อว่าถ้าได้คุยกันแล้ว ฟังเขาดู เขาอาจจะมีเหตุผลที่เราอาจจะไม่รู้ก็ได้ ตราบใดที่จะเป็นคู่รักกัน อย่าหยุดที่จะสื่อสารกัน น็อตก็มีสิทธิ์น้อยใจ แฟนเขาก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ค้ำเช่นเดียวกัน ”เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage : EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนักใจทั้งรายการ! สาวโทรปรึกษา จะเลือกทางไหนดี? แฟนที่คบมา 10 ปี ซื้อบ้าน ซื้อรถ หมั้นด้วยกันแล้ว ประสบอุบัติเหตุ ป่วยติดเตียง สุดท้ายเราเลือกทำงานเป็นเด็กเอนฯ หาเงินเลี้ยงดูแฟน ไปเจอลูกค้าจ้างเป็นรายเดือน ตกลงจะให้เงินเลี้ยงดูเรา

28 เม.ย. 2023

หนักใจทั้งรายการ! สาวโทรปรึกษา จะเลือกทางไหนดี? แฟนที่คบมา 10 ปี ซื้อบ้าน ซื้อรถ หมั้นด้วยกันแล้ว ประสบอุบัติเหตุ ป่วยติดเตียง สุดท้ายเราเลือกทำงานเป็นเด็กเอนฯ หาเงินเลี้ยงดูแฟน ไปเจอลูกค้าจ้างเป็นรายเดือน ตกลงจะให้เงินเลี้ยงดูเรา

“คุณปุ้ม (นามสมมุติ)” อายุ 26 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (26 เม.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษาดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาแฟนเกิดอุบัติเหตุ โดย “คุณปุ้ม (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมาตั้งแต่ปี 2556 สถานะของเราคือหมั้นกันแล้ว และเริ่มสร้างครอบครัว มีบ้าน มีรถด้วยกัน แบบกู้ร่วม ต่างคนต่างทำงาน ระหว่างนั้นเขาก็ดูแลหนูดีมากๆ ซักชุดชั้นในให้หมด ทำกับข้าวไว้รอ เขาจะมีวันหยุดเยอะกว่าหนู เขาเลยทำให้หมดเลย แต่เดือนมิถุนายน ปี 2565 ที่ผ่านมา เขาประสบอุบัติเหตุหนัก เส้นเลือดในสมองแตก กะโหลดหน้ายุบ แขนขวาใช้งานไม่ได้ ทำให้ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้... ภาระที่กู้ร่วมกันทุกอย่างตกมาที่หนูหมดเลย ก่อนหน้านี้แม่แฟนก็ยื่นมือมาช่วยดูแลเขา และช่วยเรื่องรายเดือนไปก่อน จนช่วงนั้นหนูก็ตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อจะไปเรียน เพราะหนูได้ทุน และรอโอกาสนี้มานานแล้ว ระหว่างที่เรียนก็ยังมีเวลา หนูเลยเรียนไปด้วย ดูแลเขาไปด้วย เพราะหนูเรียนแค่ช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ ส่วนวันจันทร์ - ศุกร์ หนูดูแลเขาตลอด ตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน ช่วงที่เขาอยู่โรงพยาบาลประมาณเดือนกว่าๆ และกลับมาพักที่บ้านต่อ แต่มันมีผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ น้ำเสียง หน้าตา นิสัยเขาเปลี่ยนไปทุกอย่างเลย เขาจำหนูได้ แต่มีปัญหาเรื่องความรู้สึก อารมณ์อ่อนไหว ซึ่งหลังจากนั้นเป็นช่วงที่ต้องกายภาพ และมันต้องใช้เวลามากๆ หนูก็ทำทุกอย่างเลย ทั้งเอาหมอมาฝังเข็ม ไม่ว่าจะเป็น หมอการแพทย์ หมอบ้าน หมอผี เอามาหมด หลังจากนั้นอาการเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จากป่วยติดเตียง กลับมาเดินได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่แขนขวาใช้ไม่ได้ เพราะต้องรอผ่าตัดกระดูกก่อน จนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาล้มแบบวูบ ทรุดไปเลย หนูก็พาไปหาหมอ สรุปเขาเป็นเส้นเลือดในสมองแตกอีกครึ่งหนึ่ง ครั้งนี้เขาหนักมาก พูดไม่ชัด ลิ้นแข็ง ป่วยติดเตียงไปอีกรอบนึงเลย ซึ่งระหว่างที่เขาป่วยหนูก็ดูแลเขาเต็มที่ แม่แฟนก็ช่วยบ้าง และช่วงนั้นหนูก็ตัดสินใจออกไปทำงานกลางคืน เป็นเด็กเอนเตอร์เทน ได้เงินมาทีละ 2 – 3 พัน แต่ไม่ได้ไปบ่อย เพราะเรื่องเรียนหนูก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน พอหนูไปทำงานก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามา เขาเข้าหาหนูโดยการจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 15,000 บาท ต้องไปเจอเขาทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ไปกินข้าวด้วยกันปกติ เขาก็มีของขวัญมาให้ตลอด แล้วก็แยกย้ายกันกลับ ไม่ได้มีอะไรเกินเลย ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่รู้ว่าหนูมีครอบครัวแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหนูมีแฟนที่ป่วย หลังๆมา เหมือนเขาเริ่มอยากจะจริงจังกับหนู เขาบอกว่าเขาก็ไม่อยากทำร้ายคนป่วยเหมือนกัน แต่สงสารหนู อยากดูแลหนูเหมือนกัน เขาพร้อมดูแลและซัพพอร์ตหนู เขาอยากให้หนูชัดเจน เคลียร์ไปชัดๆเลย เขาจึงยื่นข้อเสนอมาให้ว่า หนูจะอยู่กับเขาหรือกลับไปอยู่กับแฟนที่ป่วย? หนูกับผู้ชายคนนี้ เราทะเลาะเรื่องนี้กันมาตลอด เรื่องอื่นไม่เคยมีปัญหาเลย เหมือนเขาอยากเป็นตัวจริง แล้วก็นอยด์หนูว่าทำไมต้องมาหลอก หลังจากที่หนูได้เงินจากพี่เขา หนูก็ไม่ได้ไปทำงานอีกเลย ตอนนี้หนูไม่แน่ใจเรื่องความรู้สึกเหมือนกัน หนูก็จะเอาเขาไปเปรียบเทียบกับแฟนที่ป่วยของหนูด้วย ก่อนหน้านี้ก็มีคนเข้ามา แต่ก็ไม่ได้มีใครดีกว่าแฟนหนูสักคน หนูคิดว่าถ้าแฟนไม่ป่วย หนูน่าจะตัดสินใจได้ง่ายกว่านี้ เพราะหนูเลือกแฟนแน่นอน! แต่ตอนนี้แฟนป่วยมันก็เลยทำให้เป็นอุปสรรคใหญ่มากๆกับชีวิตหนู แฟนไม่เคยบอกให้ไปหาคนใหม่ มีแต่เขาบอกว่าอย่าทิ้งเขานะ และบ้านหลังแรกของเราก็ไม่ได้อยากให้ปล่อยบ้านไป ประเด็น คือ หนูทิ้งแฟนที่ป่วยไม่ได้ เพราะเขาไม่มีใครเลย เขามีน้องชายอยู่ที่ต่างจังหวัด และพ่อกับแม่ก็อายุจะ 60 แล้ว บ้านเขาก็ไม่ได้มีฐานะด้วย และหนูก็ต้องซัพพอร์ตทางบ้านหนู แต่ช่วงที่หนูต้องดูแลเขา หนูก็ไม่ได้กลับบ้านตัวเองเลย...’ 3 ดีเจให้คำปรึกษา “คุณปุ้ม (นามสมมุติ)” ว่า ‘ถ้าวันนี้ปุ้มทิ้งเขา ปุ้มแอบดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย เพราะคบกันมาเป็น 10 ปี นึกถึงวันนั้น ถ้าคนที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเราแทน ปุ้มคิดว่าเขาจะทิ้งเรามั้ย? สิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้จากที่ปุ้มโทรมาวันนี้ คือ รู้เลยว่าตอนนี้ปุ้มเหนื่อยมาก เหมือนแบกทุกอย่างไว้กับตัวหมดเลย ไม่ว่าจะเรียน ฝึกงาน ส่งเงินค่าบ้าน แม้กระทั่งจะต้องดูแลเขาอีก การที่หนูต้องไปทำงานกลางคืน ต้องไปเจอข้อเสนอนี้ มันก็เกิดจากความตั้งใจของหนูที่จะเอาเงินไปดูแลเขา ตอนนี้ให้โฟกัสที่แฟนที่ป่วยก่อน แนะนำให้เขากลับไปอยู่ที่บ้าน ให้พ่อแม่ดูแลลูกเขาแทน ส่วนเราออกไปทำงาน บ้านที่กู้ร่วมกันคือขายออกไป เคลียภาระให้หมด ตอนนี้ไม่ใช่จังหวะที่เราจะทิ้งแฟนคนนี้ไป มันคือคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่ไม่ได้บอกให้อยู่ตรงนี้ไปตลอด เพราะการที่จะเดินออกจากชีวิตใคร เราต้องคุยกับเขาก่อน ต้องได้รับความยินยอมจากเขาด้วย ไม่งั้นมันจะกลายเป็นเราทิ้งเขา ต้องคุยและตกลงกัน ให้เป็นสถานพเพื่อนแล้วดูแลกัน ปุ้มจะไม่รู้สึกผิดเลย แต่ถ้าวันนี้ปุ้มเดินออกจากชีวิตเขา โดยที่ทิ้งเขาไป สิ่งนี้มันจะอยู่ในใจปุ้มไปตลอดชีวิตเลย... ส่วนผู้ชายคนใหม่ บอกให้เขาเข้าใจว่าตอนนี้ยังคงทำไม่ได้ แต่ให้รอหน่อยได้มั้ย? ลองยืดข้อเสนอ ยืดเวลากับเขาดู แต่เราก็ไม่รู้อีกว่าเราจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนใหม่ได้ยาวนานแค่ไหน ถ้าปุ้มอยากจะไปเริ่มใหม่จริงๆ อยากให้ประวิงเวลาไปก่อน เพื่อพิสูจน์ให้มากกว่านี้ เพราะนี่แค่ช่วงแรกๆที่คบกัน เขายังอดทนรอไม่ได้เลย เรามีปัญหาขนาดนี้ แต่เขายื่นคำขาดให้เราไปทิ้งแฟนซะ มันก็มีมุมไม่ดีที่อาจจะเตือนสติตัวเอง ให้ใจเย็นๆ ค่อยๆดูไป ปุ้มลองไปคุยกับทางบ้านแฟน บอกเขาได้หมดเลยว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง มีคนเข้ามา มีคนเลี้ยงดูแล มีคนอยากให้ไปเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้ปุ้มยังอยู่เพราะปุ้มรักแฟน ทางบ้านเขาก็ต้องช่วยอะไรบ้าง ความรักก็ใช่ แต่การดูแลคนป่วย เงินก็ต้องกิน ต้องใช้ เขาเองก็ต้องช่วยเหลือ เพราะนี่ก็คือลูกชายของเขา และเขาจะได้เข้าใจว่าการตัดสินใจครั้นี้มันยิ่งใหญ่กับการที่เรายังอยู่ตรงนี้ ณ ตอนนี้ลองทำอะไรให้ภาระเหล่านี้มันเบาบางลง เพื่อให้เราได้รู้ว่าเรายังรักเขาจริงๆหรือเปล่า? แต่ถ้าวันหนึ่งที่มันไม่ไหวจริงๆ ทุกคนก็เคารพการตัดสินใจของหนู ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่สุดท้ายมันก็แล้วแต่ตัวหนู เพราะหนูต้องเป็นคนตัดสินใจ....’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

มาร่วมแชร์ความคิดเห็น... สาววัย 30 โทรปรึกษาในรายการ หนูมีคำถามอยู่ในใจ คำว่า “มีลูกเมื่อพร้อม” ที่หลายๆคนพูดกัน แค่ไหนของแต่ละคนเหรอคะ?? ถึงเรียกว่า “พร้อม” และอยากรู้ว่า... “การส่งลูกเรียนอินเตอร์” จำเป็นแค่ไหนในยุคปัจจุบัน ??

23 พ.ค. 2023

มาร่วมแชร์ความคิดเห็น... สาววัย 30 โทรปรึกษาในรายการ หนูมีคำถามอยู่ในใจ คำว่า “มีลูกเมื่อพร้อม” ที่หลายๆคนพูดกัน แค่ไหนของแต่ละคนเหรอคะ?? ถึงเรียกว่า “พร้อม” และอยากรู้ว่า... “การส่งลูกเรียนอินเตอร์” จำเป็นแค่ไหนในยุคปัจจุบัน ??

“คุณนนท์ (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (17 พ.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับความพร้อมในการมีลูก โดย “คุณนนท์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูค่อนข้างสับสนที่เวลาหลายๆคนชอบพูดว่า มีลูกเมื่อพร้อม หนูก็เลยอยากรู้ว่าคำว่าพร้อม มันคือยังไง แล้วเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการวัด คำถามแรกหนูอยากถามว่า ถ้าสมมติมีลูก การส่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ มีความจำเป็นมาก น้อยขนาดไหน? แล้วค่าเรียนลูกควรจะคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้? อีกเรื่องนึง Facilities (สิ่งอำนวยความสะดวก) ในประเทศไทย ถ้ามองในหลายๆมุมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเอื้อต่อการมีลูกอะไรขนาดนั้น แล้วแบบนี้การมีลูกเป็นการเห็นแก่ตัวมั้ย? ที่เกิดมาในยุคแบบนี้... ซึ่ง 3 ดีเจก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘พร้อมสำหรับพวกพี่คือ เมื่อลูกออกมาแล้ว ใครเป็นคนเลี้ยง มีเงินแค่ไหน แล้วเรามีเวลาขนาดไหน และพร้อมจะเปลี่ยนเป้าหมาย เปลี่ยนความสำคัญ พร้อมสละทุกอย่างในชีวิตเพื่อเด็กคนหนึ่งหรือยัง? ส่วนโรงเรียน ไม่จำเป็นต้องเรียนอินเตอร์ แต่ถ้าอยากให้ลูกได้ภาษาอังกฤษ ให้ไปเรียนเพิ่มเติมเอาได้ เพราะภาษาก็โคตรสำคัญในโลกนี้และโลกอนาคต มันเป็นโอกาสที่จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อคุณได้ภาษา และเราดูเอาว่าลูกเราไปในทางไหน สายวิชาการ หรือสายครีเอทีฟ แล้วลองหาโรงเรียนที่เหมาะกับลูก เพราะลูกจะโชว์ออกมาให้เห็นเลยว่าถ้าเขาเป็นสายครีเอทีฟ เขาจะมีความคิดสร้างสรรค์ เขาจะจับนู้นจับนี่มาประดิษฐ์กัน อยากเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ อยากเป็นผู้ใหญ่ แต่ถ้าเด็กท่องจำจะไม่มีอะไรที่เป็นครีเอทีฟเลย ไม่ได้อยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เด็กพวกนี้อาจจะเป็นสายวิชาการ มันจะมีบางอย่างบอกออกมาเลย ซึ่งพี่กับน้องก็ไม่เหมือนกันด้วย มันจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเด็กเลย ถึงเวลานั้นเราค่อยเลือกโรงเรียนที่เหมาะกับลูก ถามว่าเห็นแก่ตัวมั้ย? ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ถ้าดูเหมือนเห็นแก่ตัวก็ต่อเมื่อเราดูแลเขาได้ไม่ดี เราไม่ได้มีความพร้อมในการดูแลเขา แล้วการที่เอาเขาออกมาเพียงหวังว่าจะให้เขาเลี้ยงเราในยามแก่ นั่นก็คือความเห็นแก่ตัว จากที่เราไม่เคยห่วงใคร แต่ความห่วงของเรามันจะไปลงที่เขาคนเดียวเลย แต่มันเป็นความสุขทางใจที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน เพราะความรักของเขามันไม่มีเงื่อนไข การมีลูกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าชีวิตนี้ไม่ต้องการมีห่วงกับใครเลยก็อย่ามีลูกเลย เพราะมันเป็นห่วงที่เราไม่มีทางถอดออกจากชีวิตได้ และหน้าที่แม่มันลาออกไม่ได้...เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1