หย่าตอนนี้เร็วไปไหม? เพิ่งเป็นเจ้าสาวเมื่อเดือนที่แล้ว แต่มาจับได้ว่าแฟนแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงอีกคน เขาบอกจะไม่ทำอีกแล้ว แต่ล่าสุดเพิ่งเห็นเขายังคุยแชทกันอยู่ ความไว้ใจที่มีตอนนี้ไม่เหลือแล้ว ควรทำยังไงดี...? จะให้โอกาส สามีอีกดีไหม? หรือ เดินหน้าหย่าไปเลย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หย่าตอนนี้เร็วไปไหม? เพิ่งเป็นเจ้าสาวเมื่อเดือนที่แล้ว แต่มาจับได้ว่าแฟนแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงอีกคน เขาบอกจะไม่ทำอีกแล้ว แต่ล่าสุดเพิ่งเห็นเขายังคุยแชทกันอยู่ ความไว้ใจที่มีตอนนี้ไม่เหลือแล้ว ควรทำยังไงดี...? จะให้โอกาส สามีอีกดีไหม? หรือ เดินหน้าหย่าไปเลย

14 ก.ค. 2023

        “คุณแพรว (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 ก.ค. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น ภูวนาท เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับสามี

        โดย “คุณแพรว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูแต่งงานได้ประมาณ 1 เดือนก็จับได้ว่าสามีไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นแล้ว ก่อนหน้านี้หนูไม่แน่ใจว่าเขาเคยทำมั้ย เขาอาจจะเคยทำ แต่หนูจับไม่ได้เองหรือเปล่า หรือเขาไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้เลย แฟนอายุเท่ากันเลย ก่อนแต่งงานคบกันมาเกือบจะ 5 ปีแล้ว หนูเพิ่งแต่งงานกัน ค่อยๆย้ายของไปอยู่ที่บ้านแฟน ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเราทั้งสองคนไม่เคยอยู่ด้วยกัน

        เมื่อประมาณวันเสาร์ 2 อาทิตย์ที่แล้วได้ไปเจอรหัส Internet WiFi โรงแรมที่ห้องเขา หนูก็เลยถามเขาว่าโรงแรมนี้ที่ไหน เขาก็บอกว่าเหมือนไปประชุมที่นึงมา เขาให้มาแหละ หนูก็สงสัย เพราะจริงๆคือเขาไปประชุมที่จังหวัดนึง แต่โรงแรมนี้อยู่อีกจังหวัดนึง หนูก็เลยขอดูโทรศัพท์ เท่านั้นแหละ! พิรุธมาเต็ม เขาไม่ให้ ล็อคแขนหนู แล้วบอกว่ายังไงก็ไม่ให้ แล้วเหมือนเขาเอาโทรศัพท์ไปลบแชทผู้หญิงคนนั้นทิ้ง

        หนูก็ไปค้นมาจนเจอ เห็นเขาบล็อกผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ แต่หนูไม่เห็นแชทที่เขาคุยกัน หนูก็เลยถามเขาว่าคนนี้คือใคร เขาก็บอกว่าเคยคุยกันนานแล้ว ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมันก็คือก่อนแต่งงาน หนูก็รู้สึกเสียใจ และเขาบอกว่าผู้หญิงคนนี้เพิ่งทักกลับมา หนูก็ไม่เชื่อ หนูก็ค้นต่อ ซึ่งในแชทไลน์เขามีติดประกาศเบอร์บัญชีของผู้หญิงคนนั้นอยู่ หนูก็เอาไปเสิร์จทุกธนาคารเลย

        จนไปเจอชื่อจริงผู้หญิงคนนั้น หนูก็เอาไปเสิร์จเฟซบุ๊กและไอจี แล้วก็ทักไปถามผู้หญิงคนนั้น เขาก็บอกว่าเพิ่งเจอกันวันอังคารที่ผ่านมา เหมือนไปเจอกันที่ร้านเหล้า แล้วสามีหนูไปเลี้ยงเหล้าเขา ดื่มเสร็จสามีหนูก็ไปส่งที่หอพัก แต่เหมือนผู้หญิงลืมกุญแจหอพักก็เลยไปเปิดโรงแรมนอนด้วยกัน แล้วก็มีอะไรกัน หนูก็ถามผู้หญิงว่า เธอจะพัฒนาความสัมพันธ์มั้ยหรือคุยกันมานานหรือยัง? เขาก็บอกว่า เอ้ย เพิ่งเจอ ไม่ได้จะพัฒนาความสัมพันธ์ สุดท้ายสามีก็มาสารภาพว่าไปเจอกันที่ร้านเหล้า แล้วไปมีอะไรกัน และเขาก็บอกว่าคุยกับผู้หญิงคนนี้สนุกดี

        สำหรับหนู เขามาทำแบบนี้หลังจากแต่งงานได้เดือนเดียว มันเร็วมากเลย เพราะก่อนแต่งงานเราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน หนูอยู่หอ เขามาหาเสร็จ เขาก็กลับบ้านเขาไป หนูก็อยากให้อภัยนะ แต่อีกใจก็ไม่อยากให้อภัย

        แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สิ่งที่หนูเจออีกครั้ง คือ หนูไปเจอแชทที่เขาคุยกันอีก เห็นแค่ประมาณว่า กินข้าวหรือยัง ที่นี่ฝนตกนะ ที่นั่นฝนตกมั้ย? ต้องบอกก่อนว่า...สามีเขาเริ่มเปลี่ยนไปตอนก่อนที่เราจะจัดงานแต่งกัน แล้วประเด็นคือวันนั้นเขาก็มาหงุดหงิดใส่หนู หนูก็โทรไปเคลียร์กับสามี ซึ่งตอนนั้นเขาก็คุยกับผู้หญิงคนนั้นไปด้วย และคุยโทรศัพท์กับหนูไปด้วย

        หนูรู้ เพราะตอนที่ทะเลาะกันครั้งก่อน หนูขอรหัสเฟซบุ๊กกับไลน์เขา แต่หนูคิดว่าเขาคงจะคิดว่าหนูไม่ได้ค้นจริงๆ เพราะหนูไม่ค่อยได้เช็คโทรศัพท์เขาสักเท่าไร ซึ่งนานๆทีหนูมีเซ้นส์ถึงจะไปเปิดดู ก่อนแต่งงานมันจะมีแค่เขาทักไปหาผู้หญิงขายบริการ แต่แค่ทักเฉยๆ ไม่ได้มีแชทต่อเนื่องว่าเขาไปหา หนูก็รู้สึกไม่ดีแล้ว แต่พอรู้ว่าเขาเลือกแต่งงานกับหนู หนูก็ไม่ค้น ไม่อะไรแล้ว แต่พอหลังแต่งงานมา มันเป็นแบบนี้ หนูรู้สึกระแวงมาก คือทุกคืนที่นอนกับเขา หนูต้องสะดุ้งตื่นมา เพื่อไปค้นดูโทรศัพท์เขา ซึ่งเขาลบแชททุกอย่าง บล็อกทุกอย่าง แต่พออีกวันเขาก็ยังไปคุยกันได้

        สำหรับการแต่งงาน หนูเป็นคนต่างจังหวัด ส่วนเขาเป็นคนกรุงเทพ แล้ววัฒนธรรมคนต่างจังหวัด พวกเขาก็คิดว่าคบกันมานานแล้ว เมื่อไรจะแต่ง แล้วก็ไปถามเขาบ่อยๆ แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยวางแผนร่วมกัน หนูก็เคยถามเขาไปว่า เธออยากแต่งงานกับเรามั้ย? แล้วจะแต่งกันประมาณไหน? แล้วเขาก็เพิ่งมาสารภาพเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วว่าจริงๆเขาไม่พร้อมจะแต่งงานนะ เขาก็พรั่งพรูหมดเลยว่าหนูไปดุเขา หนูไปกดดันเขา ซึ่งหนูก็บอกว่าถ้ามันขนาดนี้ เธอบอกเลิกเราไปก่อนที่จะแต่งงานกันก่อนก็ได้นะ หรือบอกว่าเราไม่พร้อมก็ได้ แต่เขาไม่พูด เขาแบบก็แต่งๆไป แต่เรามีการเก็บเงินมาแต่งงานด้วยกัน ถึงเขาจะเก็บเยอะกว่า แต่เราก็มีการวางแผนร่วมกัน...

        หนูก็เคยบอกเขาไปว่า ครั้งแรกเราก็อยากให้โอกาส เพราะสิ่งที่เขาบอกเราก็ดูผิดเหมือนกันนะ เราผิดที่ทำให้เขาเครียด ต้องไปกินเหล้าที่ร้านเหล้าบ่อยๆก่อนแต่งงาน เขาบอกเขาแอบไป โดยที่เราไม่รู้ หนูก็อยากปรับตัวนะ ซึ่งหนูพยายามปรับตัวแล้ว เหมือนมันมีอะไรบางอย่างที่เขาบอกเราไม่หมด เหมือนมันยังตึงๆ ร่วมกับการที่หนูยังระแวงเขา หลังจากที่หนูจับได้ ตอนนี้เขาก็ดูเหมือนรู้สึกผิด เขาก็บอกว่าเขาไม่คุยแล้ว แต่พอเรามาจับได้ครั้งที่ 2 เขาก็พูดเหมือนเดิมว่าเขาไม่ทำแล้ว รอบนี้ไม่มีจริงๆ หนูไม่อยากให้มีครั้งที่ 3 ให้หนูรู้สึกไม่ดีอีกแล้ว

        แต่พอหนูถามว่าเขาจะหย่ามั้ย? จริงๆเรื่องหย่า หนูไปเห็นในประวัติการค้นหาใน Google ของเขา เขาก็ค้นหาคำว่า หย่า ไม่รักแล้ว แล้วพอวันจันทร์ที่ผ่านมาหนูก็เห็นเขาแชทคุยกับแฟนเก่า เขาถามแฟนเก่าว่าถ้าคิดเรื่องหย่านี่ถือว่าเป็นเรื่องเล็กมั้ย แต่แฟนเก่าเขาก็ไม่ได้อะไร เหมือนให้คำปรึกษามากกว่า ซึ่งหนูก็ถามเขาว่าแล้วจะไปปรึกษาแฟนเก่าทำไม เขาบอกว่าคิดว่าจะได้คำปรึกษาที่ดีจากแฟนเก่า แต่พอหนูถามเขาว่าหย่ามั้ย เขาก็บอกว่าไม่หย่า ขอโทษทุกอย่าง จะไม่ทำอีกแล้ว ขอโอกาสให้เขานะ

        ตอนที่จับได้ครั้งแรก เขาก็ง้อเราด้วยกันพาหนูไปเที่ยว จองโรงแรมดีๆเลย ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยจองโรงแรมดีขนาดนี้ แต่หนูขอเขาว่าให้หนูดูแลเรื่องเงินได้มั้ย เขาก็ถามว่าแล้วทำไมเขาจะต้องให้ หรือแม้แต่การเปลี่ยนรูปโปรไลน์ที่ใส่รูปแต่งงานหนูคู่กับเขา เขาก็ยังไม่ยอมเลย เขาไม่ได้แสดงออกถึงความบริสุทธิ์ใจอะไรเลย เวลาเล่นโทรศัพท์เสร็จเขาก็จะเก็บใส่กระเป๋าเลย ไม่ได้ให้เราดูได้เต็มร้อย และเวลาอาบน้ำก็จะเอาโทรศัพท์ไปด้วย

        ช่วงนี้ชีวิตหนูก็ค่อนข้างเครียดเพราะมีปัญหาที่บ้าน แล้วเขากลับเอาความเครียดของหนูมาทำให้เขาเครียดไปด้วย หนูก็เลยคิดว่าเราเป็นสามี-ภรรยากันแล้ว เราแชร์ความทุกข์ ความสุขกันไม่ได้หรอ กลายเป็นทุกอย่างตอนนี้หนูทำอะไรก็ไม่ดี ผิดไปหมด แล้วยังต้องมาเจอที่เขาทำกับหนูอีก หรือเขาโทษหนูเพื่อบ่ายเบี่ยงประเด็นหรือเปล่า...

        หนูอยากปรึกษาพี่ๆว่า ถ้าเราหย่าเลยตอนนี้มันจะเร็วไปมั้ยสำหรับคนที่เพิ่งแต่งงานกัน หรือจริงๆเราควรจะให้โอกาสเขามั้ย?

        “ดีเจอั๋น” ให้คำแนะนำว่า ‘คุณแพรวต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณแพรวอยู่ในภาวะที่ต้องพึ่งพิงเขามากแค่ไหน เราจะขาดเขาได้ไหม ในวันนี้เราแข็งแรงพอไหมที่จะไม่มีเขา ปัญหาที่คุณแพรวเล่ามาเป็นสิ่งที่คุณแพรวไม่ได้คุยกับเขาตั้งแต่ก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ทั้งเรื่องการเงินและทัศนคติต่างๆ เรื่องที่คุณแพรวขอเป็นคนดูแลเรื่องเงิน เขาไม่ควรบอกคุณแพรวว่า “ทำไมผมต้องให้” มันเป็นคำพูดที่ไม่ดีและมันแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใส่ใจคุณแพรวเลย มันไม่มีคำว่าช้าหรือเร็ว ตอนนี้คุณแพรวควรคุยกับเขาดีๆว่ายังอยากมีกันและกันในชีวิตหรือเปล่า ถ้าเขายังอยากมีกัน ก็บอกเขาว่าช่วยทำให้คุณแพรวรู้สึกสำคัญ มีค่าและไม่สามารถเสียไปจากชีวิตได้ แต่ก่อนจะถามเขาคุณแพรวต้องรู้ก่อนว่าตัวเองมีค่า และถามตัวเองว่ายังอยากมีผู้ชายแบบนี้อยู่ในชีวิตหรือเปล่า’

        ส่วน “ดีเจเติ้ล” แนะนำว่า ‘ที่สามีคุณแพรวนอกใจน่าจะไม่ใช่แค่ครั้งแรก ถ้าเขาทำผิดครั้งแรกการที่เขาขอโทษน่าจะเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้ คนที่รู้ตัวว่าทำผิดอย่างน้อยเขาจะต้องมีการเว้นระยะที่จะไม่ทำผิดอีก แต่สามีของคุณแพรวยังทำผิดติดต่อกันลับหลังคุณแพรว ตอนนี้คุณแพรวกับเขามองค่าน้ำหนักความผิดไม่เท่ากัน เรื่องเล็กของเขาแต่มันคือเรื่องใหญ่ของคุณแพรว ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะมันเก็บสะสมมาเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้มีการทำความเข้าใจและแก้ปัญหา จนทำให้สามีคุณแพรวแสดงออกมาว่าเขาไม่มีความสุขกับความรักครั้งนี้ ซึ่งจริงๆแล้วนี่อาจจะเป็นช่วงปลายของการคบหากันตลอด 4-5 ปีก็ได้ ส่วนเรื่องการหย่า จะเร็วจะช้ามันขึ้นอยู่กับตัวของคุณแพรว หนึ่งเดือนของบางคนอาจจะนานสำรับการทนเจ็บ ถ้าคุณแพรวไม่มีความสุขก็กลับมารักตัวเองดีกว่า’

        ดีเจ “ต้นหอม” เสริมว่า ‘การกระทำของสามีคุณแพรวคือผู้ชายเจ้าชู้ เขาไม่สำนึกเลยว่าเขาทำผิด เขาไม่เห็นความสำคัญของคุณแพรว และเขาไม่สามารถสร้างความมั่นใจในความสัมพันธ์นี้ได้เลย คุณแพรวต้องถามตัวเองแล้วว่าอยากอยู่กับผู้ชายแบบนี้ไหม ถ้าคุณแพรวรับไม่ได้แสดงว่านี่ไม่ใช่ที่ของคุณแพรว ไม่ต้องสนใจกับงานแต่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ถ้าแต่งงานมาอยู่ด้วยกันแล้วมีแต่เรื่อง Toxic ก็ทิ้งอดีตไป นับจากนี้ชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณแพรวจะต้องมีแต่ความสุข การที่เขาไม่หย่าไม่ได้แปลว่าเขารักเรา เพราะการกระทำเขามันไม่แสดงออกถึงความรักเลย ถ้าอยู่ไม่ไหวก็ออกมา แต่ถ้าอยู่ไหวก็อดทนแล้วเปลี่ยนตัวเองให้เขาเมตตาและมอบความรักให้เราบ้าง ถ้าเลือกที่จะอยู่ด้วยกันต่อก็ต้องบอกสามีให้ปรับไปด้วยกัน แต่สุดท้ายชีวิตใครชีวิตมัน คุณแพรวต้องถามตัวเอง เพราะคนที่เจ็บและสุขก็คือคุณแพรวคนเดียว’

        สุดท้ายนี้พี่ๆดีเจเป็นกำลังใจและบอกให้คุณแพรวทบทวนตัวเองดีๆ ให้ตัดสินใจเรื่องนี้ได้

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ก็งานเสร็จแล้ว จะนั่งต่อเพื่อ ?? สาวออฟฟิศสุดกลุ้ม ถึงเวลาเลิกงานแล้ว แต่หัวหน้าชอบยื้อเวลาให้อยู่ต่อ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว สงสัยจัง ทำไมจะกลับตรงเวลา ถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ !! พี่ๆในแผนกก็เจอเหมือนกันหมด

27 มิ.ย. 2023

ก็งานเสร็จแล้ว จะนั่งต่อเพื่อ ?? สาวออฟฟิศสุดกลุ้ม ถึงเวลาเลิกงานแล้ว แต่หัวหน้าชอบยื้อเวลาให้อยู่ต่อ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว สงสัยจัง ทำไมจะกลับตรงเวลา ถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ !! พี่ๆในแผนกก็เจอเหมือนกันหมด

“คุณมน (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 มิ.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเวลาการเลิกงาน โดย “คุณมน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ 2 เดือนกว่าแล้ว ที่นี่ไม่ใช่บริษัทใหญ่ ตอนแรกหนูคุยกับเขา เขาบอกเข้างาน 09.30 น. เลิกงาน 18.30 น. แล้วเขาก็พูดทิ้งท้ายว่า แต่กลับสักทุ่มครึ่งก็ดีนะ หนูก็เอ๊ะ! แต่ตอนนั้นหนูอยากออกจากงานเก่าเต็มที แล้วเขาก็ให้เงินเดือนหนูเยอะเกินความคาดหมาย หนูก็เลยตัดสินใจทำงานที่นี่ พอเข้ามาทำงานจริงๆแล้ว ในช่วงเดือนแรกๆหนูก็กลับบ้านตรงเวลาอยู่ เพราะหนูเป็นคนกลับบ้านตรงเวลามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่หนูงงว่าทำไมในออฟฟิศไม่มีใครกลับเลย หนูก็เลยค่อยๆตะล่อมถามคนในออฟฟิศว่า เอ้อ...ทำไมไม่มีใครกลับเลย เขาก็เล่าให้หนูฟังว่าเจ้านายเขาไม่ค่อยอยากให้กลับตรงเวลา เขาจะดึงให้ทำงาน บางคนไม่ได้มีอะไรทำ แต่เขาก็ดึงเพื่อให้อยู่ด้วยกันแล้วเขาก็จะบอกว่าเดี๋ยวซื้อข้าวให้กิน พอช่วงหลังๆมาหนูก็ไม่ได้กลับตรงเวลา เพราะว่าจะมีงานให้บ้าง ที่หนูกลับดึกที่สุดตอนนี้ประมาณ 2 ทุ่ม – 2 ทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นการที่หนูกลับเอง คือไม่ไหวแล้ว อยากกลับแล้ว ก็ลาเขาแล้วก็ออกไปเลย ไม่ได้รอเขาตอบกลับอะไร วันที่อยู่ดึกๆกลับช้าหนูก็ไม่ได้โอที แต่มีคนเคยบอกว่าถ้าเกิดวันไหนทำถึง 4 ทุ่ม หนูก็จะได้โอที 200 บาท ส่วนเรื่องอื่นๆ หนูเคยถามว่าลาพักร้อนมีกี่วัน เขาก็ตอบหนูไม่ชัดเจน แล้วเขาก็บอกว่าแต่ต้องทำงานให้ครบปีก่อนนะ ถึงจะได้วันลาพักร้อน แต่เขาก็ไม่บอกจำนวนวัน บรรยากาศในการทำงานมันเป็นสภาวะที่อึดอัด ทุกคนทำงานเหมือนอยู่ในสถานปฏิบัติธรรม เงียบมาก เจ้านายก็นั่งอยู่ในห้องทำงาน แต่พอเจ้านายเดินออกจากห้องทำงาน ทุกคนก็เฮฮาหัวเราะ หนูก็เลยคิดว่าทำไมบรรยากาศมันแตกต่างจังเลย หนูเคยทำที่อื่นมาก่อน แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย และล่าสุดที่เจอมา คือ มีเพื่อนคนนึงเขาป่วยหนักหลายวัน เจ้านายก็เลยให้เรียกรถมายกคอมไปให้ทำที่บ้านเลย การกลับบ้านของเจ้านายแต่ละวันก็แล้วแต่เขาเลย บางวันเขากลับเร็วก็เร็ว บางวันเขากลับดึกก็ดึก วันไหนที่เขากลับเร็วก็เหมือนเป็น Lucky ของพนักงานที่จะได้กลับเร็ว แต่ก็จะมีอีกกรณีนึงที่คนเก่าเขาเล่ามา คือ บางตำแหน่งที่เขาต้องคุยกับลูกค้า แล้วลูกค้าโทรมาให้ทำงานให้ตอนดึกๆ เจ้านายก็จะโทรมาบอกให้อยู่ทำงานก่อน ทำงานให้เสร็จ บางคนเลิกเที่ยงคืน ตี 1 ก็มี ส่วนค่าตอบแทน ที่นี่เขาให้เงินเดือนสูง คนอื่นๆก็ได้เงินเดือนสูงเหมือนกัน ได้โบนัสดี แต่เจ้านายคนนี้เขาก็ดี แค่เรื่องเวลาที่รู้สึกไม่ค่อยโอเค... “คุณมน (นามสมมติ)” อยากถามพี่ๆ ดีเจว่า ควรจะออกจากที่ทำงานนี้เลยมั้ย หรือ ทำต่อไป เพราะเราอยากได้ประสบการณ์ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘เมื่อ15 ปีที่แล้ว ผมก็เคยทำงานออฟฟิศมาก่อน แต่ของผมเป็นออฟฟิศค่อนข้างใหญ่แบบ WorldWide ตอนนั้นก็สัมผัสได้ว่ามันเป็นวัฒนธรรมของงานในสายงานนี้ เมื่อคุณเสร็จงานประจำในช่วงเวลาปกติแล้ว หลังจากนั้นคุณสามารถทำอะไรต่อได้อีกเยอะเลย คุณสามารถทำงานเพื่อส่งประกวด เพื่อแคมเปญต่อๆไป ผมเลิกงานช้าสุดก็ตี 3 - 4 ไปเลย เน้นงานเสร็จไม่ได้เน้นเวลาการทำงาน ก่อนที่จะเลือกช้อยส์ 1 หรือช้อยส์ 2 ต้องถามตัวเองก่อนว่า มนมีทางเลือกหรือเปล่า? มีตัวเลือกอื่นที่จะทำให้มนย้ายและเงินเดือนเพิ่มขึ้น ได้งานที่รับผิดชอบที่สนุกสนานมากขึ้น หน้าที่การงานเติบโตขึ้นก็ย้าย แต่ถ้ารู้สึกว่าตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด จากเงินเดือนที่เขาให้มาค่อนข้างสูงและจากที่ฟังมนเล่ามา เขาไม่ได้ดูเป็นคนเลวร้ายอะไร แค่เขาอาจจะขี้เหงา และเป็นหัวหน้าที่บ้างาน บางครั้งหัวหน้าที่บ้างานมักจะเอาความเป็นตัวเองใส่มาให้ลูกน้องด้วย แต่ถ้าไม่มีทางเลือก การที่อยู่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ มนอาจจะได้เจออะไรที่เลวร้ายกว่า 2 เดือนแรกอีก เดี๋ยวอยู่ต่อไป มีถึงตี 1 – 2 วันที่ต้องปิดงานเพื่อจะต้องส่ง นั่นแหละต้องเจออีกแน่ ถ้าไม่มีทางเลือกก็อยู่ต่อไป มีทางเลือกเมื่อไหร่ก็บายบ๊าย เงินเดือนเพิ่มขึ้น ธรรมชาติของงานแบบนี้ย้ายกันบ่อยอยู่แล้ว ยิ่งย้าย มีผลงานเป็นที่พิสูจน์ ยิ่งอัพเงินเดือนเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นพี่เมื่อ 15 ปีที่แล้วพี่ยังคงทำ...’ ‘ดีเจเติ้ล’ ให้คำแนะนำว่า ‘มนต้องถามตัวเองว่าเป็นคนประเภทไหน แน่นอนมันจะมีคนที่สู้เพื่องาน จะเหนื่อยเท่าไร จะไม่สบายยังไง แต่ถ้าทำงานแล้วงานมันดี มันทำให้เราเจริญเติบโตก้าวหน้ายอมเสียสละ ถ้าเอาแค่ปัญหาที่อยู่แล้วไม่มีงานทำ ก็อาจจะลองถามคนอื่นว่ามีอะไรให้ช่วย เพราะว่างานที่หนูทำอยู่มันไม่ใช่งานที่ทำแล้วจบ มันสามารถทำอย่างอื่นเพื่อเพิ่มสกิล ทักษะอื่นๆได้ ถ้าหนูอยากหาประสบการณ์ คือ มันอยู่ที่ทัศนคติของหนูในการทำงานว่าจะทำให้มันดีกับตัวเองได้หรือเปล่า หรือแค่มานั่งว่างๆเพื่อรอให้คนอื่นกลับ แล้วฉันจะกลับ อันนี้พี่ว่ามันไม่มีประโยชน์ เอาจริงๆ มันควรต้องแก้ที่ตัวหัวหน้า ที่จะให้เขารู้ว่า เวลาในการทำงานมันไม่ได้เท่ากับประสิทธิภาพในการทำงานนะ มันไม่ได้เสมอไปว่า ถ้าทำงานดึกๆ มันจะได้งานที่ดี แต่ถ้าเขาเป็นแบบนี้ เราไปเปลี่ยนเขาไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเราไปเป็นลูกน้องเขา ตอนนี้มันก็มีแค่มนที่ต้องปรับ อยู่แบบนี้ให้ได้ โดยที่อยู่ยังไงให้ดีกับตัวเรา เหมือนที่พี่ถามมนตั้งแต่แรกว่ามนเป็นคนประเภทไหน มันแล้วแต่เลยว่าเราอยากเห็นชีวิตเราเป็นแบบไหน เราเลือกเป็นแบบไหน ซึ่งมันไม่มีถูก ไม่มีผิด มันแล้วแต่ว่าเราแฮปปี้หรือไม่แฮปปี้เท่านั้นเอง ตอนนี้มนต้องถามตัวเองว่ามนแฮปปี้มั้ยที่เป็นแบบนี้ แต่ก็ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆด้วยว่า ถ้ามนออก ที่อื่นจะยังไง จะรับเข้าทำงานมั้ย ตอนนี้เงื่อนไขชีวิตเป็นยังไง หรือถ้าทนได้ แล้วไม่มีอะไรทำก็หาอะไรทำได้ ถ้างานมันยังดี เจ้านายดี ติดแค่เวลาการทำงานที่ชอบให้อยู่ดึก ลองชั่งน้ำหนักดูแล้วถ้าข้อดีมันมีเยอะกว่าก็อยู่ต่อ...’ ‘ดีเจต้นหอม’ ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้าพี่เป็นเจ้านายแล้วลูกน้องกลับก่อนคนอื่น พี่จะเช็คว่างานเขาเสร็จหรือยัง เพราะฉะนั้นมันจะฟ้องด้วยผลงาน ถ้าเกิดงานหมดมันเสร็จแล้ว มันก็สามารถกลับได้ เราก็เคยไปบอกเขาว่ากลับก่อนนะคะ เขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร พี่ว่าเราอาจจะยังไม่ต้องคิดอะไรไปก่อนก็ได้ คือ ถ้ามนทำงานแล้วคุณภาพมันไม่ได้ลดลง มนกลับได้! เจ้านายไม่ไล่ออกหรอก ถ้าคุณภาพการทำงานของมนดี ทำงานเกินเงินเดือน ถึงเวลาเราทำงาน เราทำเต็มที่ วัดกันที่คุณภาพ แต่ถ้าวันไหนที่เขามีเคสเร่งด่วนหน่อย เราก็มีน้ำใจในการช่วยเหลือเขา คนละครึ่งทาง มันก็คือการเอื้ออาทรต่อกัน ถามว่าจะอยู่ต่อหรือพอแค่นี้ เอามวลความสุขของเราว่าการที่เราอยู่ที่นี่เรารู้สึกมีความสุขมั้ย บางทีมันไม่ใช่เรื่องหัวหน้า ไม่ใช่เรื่องเวลาอย่างเดียวหรอก เพื่อนร่วมงาน องค์ประกอบทุกอย่าง เราอยู่แล้วเราโอเคมั้ย แล้วเงินมันจำเป็นมั้ยที่ต้องได้เท่านี้ มันมีปัจจัยให้มนตัดสินใจได้อีกเยอะ 2 เดือนยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ ให้เวลากว่านี้หน่อย...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำยังไงต่อไปดี หนูรู้สึกขยะแขยงตัวเอง... คบแฟนคนนี้มา 5 ปี แฟนเพิ่งมาบอกรสนิยมทางเพศว่าชอบ สวิงกิ้ง เราไม่ชอบเลย แต่ที่หนูยอมเพราะรัก ครั้งแรก เขาพาผู้ชายอีกคนมาให้หนู หนักขึ้นเรื่อยๆ จนครั้งที่สาม เขาพามา 3 คู่ จนหนูทนไม่ไหวแล้ว

07 เม.ย. 2023

ทำยังไงต่อไปดี หนูรู้สึกขยะแขยงตัวเอง... คบแฟนคนนี้มา 5 ปี แฟนเพิ่งมาบอกรสนิยมทางเพศว่าชอบ สวิงกิ้ง เราไม่ชอบเลย แต่ที่หนูยอมเพราะรัก ครั้งแรก เขาพาผู้ชายอีกคนมาให้หนู หนักขึ้นเรื่อยๆ จนครั้งที่สาม เขาพามา 3 คู่ จนหนูทนไม่ไหวแล้ว

“คุณปุกปุย (นามสมมุติ)” อายุ 35 ปี สายที่สามใน รายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (5 เม.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาไม่ชอบรสนิยมทางเพศของแฟน “คุณปุกปุย (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกันแฟนมา 5 ปี เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมาประมาณ 1-2 ปีแรกในความสัมพันธ์ของเราสองคน มันดีหมดทุกอย่างเลย แต่แฟนหนูมีรสนิยมทางเพศที่ไม่เหมือนคนอื่น เพราะเขาชอบสวิงกิ้ง ช่วงแรกๆเขาจะเกริ่นๆก่อนว่าเขาชอบสไตล์นี้ แล้วเขาก็บอกว่าถ้าเรื่องเซ็กส์ไปด้วยกันได้ มันจะทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นนะ ด้วยความที่หนูรักเขา ก็เลยพยายามลองเปิดใจครั้งแรก ซึ่งอันดับแรกที่เขาให้ทำก็คือเอาผู้ชายมานวดหนู นวดเสร็จก็มีอะไรด้วยกัน แล้วเขาก็นั่งดู หนูรู้สึกขยะแขยงมาก แต่ก็ต้องทำ เพราะหนูรักเขา หนูอยากรักษาความสัมพันธ์ตรงนี้เอาไว้ แต่พอมีครั้งที่หนึ่ง ก็มีครั้งที่สอง พอมีครั้งที่สอง มันก็ขยับสเต็ปไปอีกแบบนึง จากผู้ชาย 1 คนมานวด ก็กลายเป็นคู่รัก 3 คู่ที่เขามีรสนิยมเดียวกันที่หนูยังยอมอยู่ เพราะรักคำเดียวเลย ที่ผ่านมามันไม่มีความสุขเลย หนูขยะแขยงมาก หนูก็เลยพยายามปฏิเสธ เพราะมันเริ่มมีครั้งที่สี่ หนูก็เลยบอกว่าไม่ไหวแล้ว หนูขอจบแค่ครั้งที่สามพอ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม และเขาก็นอกใจหนู เพียงเพราะหนูไม่ตอบโจทย์เขาเรื่องนี้อีกแล้ว ตอนนี้เราสองคนก็ยังอยู่ในสถานะที่อยู่ด้วยกัน แต่เขาก็มีคนอื่น หนูจับได้แล้วขอให้เขาเลิก แต่เขาก็ไม่เลิก เขาพูดประมาณว่า จะอยู่ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไป หนูตอบแบบโง่ๆเลยว่าหนูยอมเขา หนูคิดว่าคนนี้เขาจะคบแบบจริงจัง แต่เขาเพิ่งจะคบกัน ผู้หญิงคนนั้นยังไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เขามีรสนิยมแบบนี้ หนูพยายามที่จะออกจากความสัมพันธ์นี้แล้ว แต่พอหนูคิดถึงเรื่องนั้นหนูก็ยิ่งขยะแขยงตัวเอง รู้สึกด้อยค่าตัวเองมากๆ ไม่กล้าที่จะไปมีคนใหม่3 ดีเจจึงให้คำแนะนำ “คุณปุกปุย (นามสมมุติ)” ว่า ‘การที่หนูเป็นอยู่ตอนนี้คือการด้อยค่าตัวเองมากกว่าอีก เขาเห็นเราเป็นอะไร เราไม่มีค่าอะไรสำหรับเขาเลย แต่หนูยังเลือกให้ตัวเองเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่เขาไล่แล้วแต่เรายังไม่ไป เราจะเริ่มด้อยค่าตัวเองก็ต่อเมื่อเราตัดสินใจอยู่ต่อ ซึ่งตอนที่ปุกปุยรู้ตัวว่าไม่ชอบ และปฏิเสธสำเร็จ นั่นคือวันที่ปุกปุยรู้คุณค่าของตัวเองและคุณค่านั้นมันสูงที่สุดเลยนะ การสวิงกิ้งไม่ได้ทำให้ชีวิตคนเราต้องพังไปทั้งชีวิต มันก็มีกลุ่มคนที่ชอบรสนิยมแบบนี้ แต่ปุกปุยแค่ไปอยู่ผิดกลุ่ม และเขามีรสนิยมแบบนี้เขาก็ไม่ได้ผิดนะ แต่เขาผิดที่เลือกมีคนอื่นแล้วไล่ปุกปุยขนาดนี้ ต้องถามตัวเองว่าเราจะทนไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะเราได้คำตอบแล้วว่าคนๆนี้เขาไม่เคยรักเราเลย และมันเสียเวลาชีวิตถ้าสมมุติวันนึงเขากับผู้หญิงคนนั้นไปไม่รอด แล้วเขากลับมาอยู่กับปุกปุย เราต้องกลับไปสวิงกิ้งอีกนะ ชีวิตมันต้องตกนรกไปอีกนานแค่ไหน ซึ่งเขาก็แสดงออกให้เห็นแล้วว่าถ้าจะอยู่กับเขาได้ ต้องเป็นทาสทางเรื่องเพศเท่านั้น เพราะพอไม่มีเรื่องเซ็กส์ ปุกปุยก็ไม่ได้มีค่าอะไรกับคนๆนี้เลย ส่วนคุณค่าของปุกปุยจะอยู่ที่การตัดสินใจเลยว่าจะยอมอยู่ให้เขารู้สึกว่าเราด้อยค่าต่อไปมั้ย และเมื่อไหร่ที่มูฟออน ตอนนั้นคือมีค่าเลย...เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เจ็บปวดจนพูดไม่ออก... หนูแต่งงานกับสามีมา 12 ปี มีลูก 1 คน เพิ่งจับได้ว่า ‘สามีที่รัก’ แอบมีอะไรกับ ‘พี่สาวแท้ๆ’ ของหนู สุดท้าย พี่สาว ขอตัดพี่ตัดน้อง แล้วเลือกที่จะอยู่กับสามีเรา ส่วนสามีก็บอกว่า ขอรักพี่สาวของเธอเพิ่มอีกคนนึงได้ไหม?

05 พ.ค. 2023

เจ็บปวดจนพูดไม่ออก... หนูแต่งงานกับสามีมา 12 ปี มีลูก 1 คน เพิ่งจับได้ว่า ‘สามีที่รัก’ แอบมีอะไรกับ ‘พี่สาวแท้ๆ’ ของหนู สุดท้าย พี่สาว ขอตัดพี่ตัดน้อง แล้วเลือกที่จะอยู่กับสามีเรา ส่วนสามีก็บอกว่า ขอรักพี่สาวของเธอเพิ่มอีกคนนึงได้ไหม?

“คุณเก๋ (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (3 พ.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาพี่สาวแท้ๆ กับสามีสุดที่รัก โดย “คุณเก๋ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูแต่งงานกับสามีมา 12 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 1 คน แต่หนูมีลูกติดอีก 1 คน เรื่องมันเกิดจากพี่สาวของหนูทะเลาะกับพ่อ หนูก็เลยพาพี่สาวเข้ามาอยู่ในบ้านตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ประมาณ 6-7 เดือน ซึ่งพี่สาวก็ช่วยเลี้ยงลูกติดของหนูด้วย เพราะพี่สาวไม่มีครอบครัว ซึ่งพี่สาวแท้ๆ พ่อกับแม่เดียวกัน หนูมีแค่เขา เพราะเขาเลี้ยงหนูมาเหมือนแม่เลย เลี้ยงหนูมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เพราะพ่อกับแม่ของพวกหนูเขาเลิกกัน และมันเริ่มแปลกๆ คือ พี่สาวของหนูกับสามีของหนูเขาเริ่มคุยกันแปลกๆ แล้วมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้หนูสงสัย แต่ก็ไม่ได้ไปสนใจอะไรขนาดนั้น พอมาเริ่มสังเกต สามีหนูมีการลบแชททุกอย่างออก แต่ในแชทไลน์เขาก็มีการส่ง Good Morning กันทุกวัน ส่งสติ๊กเกอร์จุ๊บทุกวัน มีการแลกดูกับข้าวกันด้วย วันละ 3 มื้อ ซึ่งกับหนูเขาไม่เคยทำแบบนี้เลย พอหนูจับได้ หนูก็ถามเขาว่า มันคืออะไร? ยังไง? แล้ววันนั้นเรา 3 คนอยู่ข้างนอกด้วยกัน แต่แฟนบอกว่ามีอะไรให้กลับไปคุยกันที่บ้าน พอมาถึงบ้านเราก็มีการคุยกัน แต่สามีของหนูโวยวายขึ้นมา แล้วเขาก็หนีออกจากบ้านไปเลย กลับบ้านอีกทีตอนเช้าอีกวัน แต่ตอนนั้นเหลือหนูกับพี่สาว หนูก็เลยถามพี่สาวว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่สาวก็ไม่ได้ยอมรับ หนูก็พูดไปประมาณว่า ถ้าแฟนหนูรู้สึก หนูอยากให้เขาหยุด แต่ตอนนั้นหนูไม่ได้โทษพี่สาวเลยว่าเขาจะรู้สึกอะไรกับแฟนหนู ทางฝั่งพ่อกับแม่ของสามีก็มาด่าหนูว่า หนูหึงสามีไม่เข้าเรื่อง พอใช้ประโยชน์พี่สาวหมดก็จะไล่เลยหรอ? หนูก็เลยยอมขอโทษที่หนูโวยวาย จนเหตุการณ์มันเกิดไปได้ประมาณอาทิตย์นึง หนูก็กลับไปเห็นแชทไลน์ในโทรศัพท์ของพี่สาว ประมาณว่า สามีของหนูไปหึงผู้ชายที่ทักมาคุยกับพี่สาวหนู หนูก็เลยแคปแชทนี้ส่งไปให้สามีดู แล้วถามเขาว่า มันคืออะไร? เขาก็ไม่ตอบหนูเลยทั้งวัน จนกลับมาตอนเย็น เขาก็มายอมรับกับหนูว่าเขารักพี่สาวหนู แต่ยังไม่ได้มีอะไรกัน แล้วพี่สาวก็มายอมรับว่ารู้สึกดีกับสามีหนู หลังจากนั้นทุกอย่างมันเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ใช้ชีวิตระแวงกันมาตลอด และสามีก็มาพูดกับหนูว่า ขออยู่แบบ 3 คนผัวเมียได้ไหม? หนูก็เลยย้อนถามกลับไปว่ามีอะไรกันแล้วหรอ? ทำไมถึงมาขอแบบนี้ เขาบอกยังไม่ได้มีอะไรกัน แต่เขาอยากได้ เขาจะเอา หนูก็บอกว่าไม่ได้หรอก แล้วลูกจะอยู่ยังไง เพราะลูกทั้ง 2 คนก็อยู่ในบ้านด้วย เขาก็บอกว่า ขอรักพี่สาวหนูเพิ่มอีกคนนึงได้ไหม? หนูไม่รู้จะพูดยังไงเลย พอเขาพูดจบปุ๊บ พี่สาวหนูก็พูดขึ้นมาว่า ลองให้มันไปอยู่กับพี่ไหม แบบไปเช่าหออยู่ด้วยกัน หนูก็เลยถามว่า อยากลองหรอ ตอนนั้นหนูรู้สึกอยากดึงใครสักคนไว้กับหนู หนูขอร้องให้พี่สาวกลับมาเป็นพี่สาวของหนู ส่วนผู้ชายอยากออกไปไหนก็ไปเลย... แต่พี่สาวพูดกับหนูว่า เขาไม่สามารถกลับมาเป็นพี่สาวหนูได้แล้ว เขาให้เหตุผลว่าหนูคิดไปไกลเกินที่จะกลับมาอยู่ด้วยกันได้แล้ว หนูไม่รู้เลยว่าเขาไปถึงขั้นไหนกัน ตลอดระยะเวลาหนูก็ถามสามีตลอดว่าเอาความรู้สึกกลับมาได้ไหม ถึงแม้เธอจะบอกว่าไม่มีอะไรกัน หนูเชื่อนะ ขอร้องได้ไหม อยู่กับหนูกับลูกได้ไหม? หลังจากวันนั้น พี่สาวก็ขอออกจากบ้าน เขาบอกเขาอึดอัด อยู่ไม่ได้ แต่พอพี่สาวย้ายออกไป เหตุการณ์มันเริ่มแย่ลงทุกวัน สามีหนูไม่กลับบ้านเลย เขาบอกขอออกไปขับรถเล่น ค่ำไหนก็นอนนั่น เขาบอกอยู่กับหนูแล้วอึดอัด เพราะหนูจับผิดเขาตลอดเวลา หลังจากนั้นผู้ชายก็มาขอกลับไปอยู่บ้านกับพ่อ-แม่ หนูก็บอกโอเค ถ้าเธออยากกลับไป ก็ไปจัดการความรู้สึกตัวเองให้ได้ก่อน แล้วเธออยากเลือกทางซ้าย ทางขวา เธอไปได้เลย หนูก็พูดและกอดเขาทั้งน้ำตา แล้วเขาก็ออกจากบ้านไป ซึ่งหนูก็อยากรู้ว่าเขาโกหกไหม เพราะตลอดระยะเวลาที่พี่สาวหนูออกไปอยู่ข้างนอก หนูไม่เคยตาม ไม่เคยรู้เลยว่าพี่สาวอยู่ที่ไหน แต่วันนั้นหนูตามไปดู ไปถึงพักพี่สาวประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง หนูเจอเขาอยู่ด้วยกัน หนูก็ไปคุยกับสามีว่ามาอยู่ทำไมที่นี่ เขาบอกว่า พี่สาวขอให้มาหา มาคุยกันเรื่องหนู เพราะพี่สาวอยากให้สามีกลับไปอยู่กับหนู หนูไม่มีอะไรจะต้องเชื่อแล้ว ทุกอย่างที่หนูเห็น หนูให้โอกาสเขาทั้งคู่มาตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม แล้วคืนนั้นเขาก็หายไปพร้อมกันเลย แต่หนูไม่ได้โทษว่าเขาไปด้วยกัน พี่สาวหนูกลับมาอีกทีวัน 10 ประมาณอาทิตย์กว่าๆ แต่แฟนหนูกลับมาอีกทีวันสงกรานต์ เขาก็ไม่เข้าบ้านอีกเลยจนถึงวันนี้ และเขาก็ไม่สนใจลูกด้วย หนูอยากจัดการความรู้สึกตัวเอง ตอนนี้หนูทรมานมากๆ หนูควรจะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง? หนูกลัวตัวเองดิ่งไปมากกว่านี้ ซึ่ง “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อย่างแรกเลยคือยอมรับกับตัวเองว่ามันหนัก แล้วก็เผชิญกับความจริงก่อนในตอนนี้ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว พี่คิดว่าการที่เรายอมรับว่าเจ็บคือเจ็บ เสียใจคือเสียใจ ผิดหวังคือผิดหวัง อยู่กับความจริงให้ได้มากที่สุดก่อน เป็นใครเจอก็คงไม่ สามารถที่จะรับมือมันได้แบบยิ้มสู้ ไม่มีทาง แต่สักวันคงทำได้ แต่เร็วช้าพี่ยังไม่กล้าพูดเลยจริงๆ เพราะมันก็เป็นเรื่องหนักและเรื่องใหญ่ แล้วเป็นพี่สาวที่เป็นคนสำคัญและกำลังสำคัญในชีวิต แต่ในตอนนี้เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราต้องแยกเรื่องของอารมณ์ กับ การใช้ชีวิตของเราต่อไปให้ได้ถ้าเป็นพี่นะ ในส่วนเสียใจพี่เข้าใจ แต่เราต้องเริ่มคิดละว่า ฉันจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรก่อน เพราะฉันไม่ได้ตัวคนเดียว ถ้าเราตัวคนเดียว โอเค เราปล่อยตัวเองให้จมลงสักพักนึง เพราะรู้สึกเหมือนว่ามันใกล้จะขาดใจ เราค่อยตะเกียกตะกายขึ้นมาหายใจแล้วอาจจะยังพอไปต่อได้ แต่ตอนนี้มีคนที่อยู่บนบ่า มีคนที่อยู่บนไหล่ ของเราอยู่ด้วยนั่นก็คือลูกถ้าเป็นพี่ พี่จะรวบรวมสติเอามาตั้งไว้อยู่ตรงนี้ก่อน ย้ายโฟกัส ย้ายที่วางหัวใจ คือมันย้ายไม่ได้แบบสมบูรณ์แบบหรอก หยิบตรงโน้นมาวางตรงนี้มันไม่ได้ขนาดนั้น แต่อย่างน้อยแค่พยายาม เมื่อไหร่ที่เผลอไปคิด ไม่ถึงกับขนาดที่ว่าต้องบีบคั้นตัวเอง จนเกินไปแต่ลองค่อยๆ พยายาม นึกถึงเรื่องนี้ให้น้อยลงแล้วมาโฟกัสก่อนว่า ฉันจะดูแลลูกยังไงฉันจะเดินหน้าต่อไปยังไง แปลว่าถ้าตอนนี้ไม่มีเขาเราอยู่ได้เพราะเรามีบ้านเป็นของตัวเองและที่ผ่านมาเราไม่ได้พึ่งเงินหรือรายได้จากของผู้ชายขนาดนั้น เราเลี้ยงดูลูกได้ เราเลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่ต้องหยิบยืม ไม่ต้องเป็นหนี้นอกระบบ อย่างน้อยก็โฟกัสตรงนี้ก่อน ณ ตอนนี้ปัญหาเดียวคือเรื่องใจแล้วมาที่เรื่องใจ เราจะเริ่มคิดวนอยู่ในหัวว่านี่พี่สาวเรา นี่คือคนสำคัญในชีวิตเรานะ นี่คือสามีเรานะ ซึ่งความคิดเหล่านี้ไม่ผิดหรอก พี่เข้าใจ แต่การคิดมันเหมือนกับเอามีดเล่มเดิมมาแทงตัวเองซ้ำๆ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วก็คือเกิดขึ้นแล้ว ยอมรับมันซะ ถ้าการคิดประโยคเหล่านั้นไม่ได้ช่วยอะไรแล้วก็ไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว โกรธได้ ผิดหวังได้ แต่อย่าปล่อยให้มันกลายเป็นความรู้สึกเคียดแค้นหรือพยาบาท หรืออย่าพาตัวเองไปถึงจุดที่อยากทำให้คนเหล่านี้รู้สึกเจ็บปวดอย่างสาสมบ้าง จะพาทุกคนให้ดิ่งลงไปหมดในท้ายที่สุดถึงแม้ว่ามันจะยังทำไม่ได้แต่ให้ปักธงปักหมุดตั้งเป้าหมายไว้ว่า เราจะใช้พละกำลังทั้งหมด สติทั้งหมดที่มี เท่าที่จะกอบกู้ได้ ในการทำชีวิตจากวันนี้ให้ดียิ่งขึ้น โดยโฟกัสที่ชีวิตของเรา และครอบครัวของเรา คือเราและลูกก่อน เป็นการลำดับความสำคัญแรก ที่เหลือช่างเขา เพราะเราทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่อให้เขากลับมา ซึ่งในใจเราอาจจะยังอยากจะให้เขากลับมาในวันนี้ พี่เข้าใจในส่วนนี้ แต่มันบังคับไม่ได้สรุป : ความเสียดายความผิดหวังทั้งหมดที่หนูพูดให้พี่ฟัง พี่โคตรเข้าใจเลยจริงๆ ถ้ามันเกิดขึ้นกับพี่ พี่คงไม่ได้พูด ถึงเรื่องนี้ได้แบบชัดเจนและเข้มแข็งขนาดนี้เหมือนกัน อนุญาตให้ตัวเองอ่อนแอได้นะ แต่หลังจากที่อ่อนแอเสร็จแล้ว ตอนที่เข้มแข็งแล้ว ต้องลุกขึ้นมาแล้วกอบกู้ทุกอย่าง แล้วปักธงว่าฉันจะเอาพละกำลังในชีวิตนี้ที่มันยังดีอยู่ทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นไปให้ได้ และดีต่อไปให้ได้ อย่ายอมให้ส่วนอื่นๆมันพังไปด้วยโดยไม่จำเป็น “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เก๋อยากได้พี่สาวคืนแต่เก๋ต้องดูด้วยว่าพี่สาวของเรา อยากได้ความสัมพันธ์กับเราในแบบเดิมคืนหรือเปล่า เรื่องครอบครัวเราเลือกไม่ได้ คำถามที่ว่าทำไมต้องเกิดขึ้นกับฉัน ทำไมพี่สาวถึงต้องเป็นแบบนี้ ให้สามีฉันเป็นแบบนี้ ซึ่งคำถามเหล่านี้เป็นคำถามบั่นทอนทั้งหมดเลย แต่โหมดเสียใจ เราก็จะฟูมฟายไป แต่โหมดแห่งสติก็ต้องวางแผนแล้วเหมือนกัน ถ้าเวลาที่ลูกถามบางอย่าง ซึ่งมันเป็นคำถามที่ช่างบั่นทอนเราเหลือเกิน แต่อย่าลืมว่าเด็กเค้าก็มีคำถามแบบเด็กๆของเค้าเหมือนกัน แต่อย่าลืมว่าความเจ็บปวดตรงนั้นเราต้องมีสติก่อน เมื่อไหร่ที่ลูกถามคำถามนี้ปุ้ป แล้วเก๋พังพินาศลงไป ลูกยิ่งใจเสียใหญ่เลย เมื่อลูกมีพ่อที่กอดเขาไม่แน่นพอ เราก็ต้องเป็นแม่ที่กอดเค้าให้แน่นขึ้นเป็นสองสามเท่า เหตุการณ์ใดใดที่เกิดขึ้น ตอนนี้คนที่ควรอายไม่ใช่ฉัน เพราะฉะนั้นต้องใช้ชีวิตแบบที่ให้เกียรติตัวเอง ฉันไม่ได้ผิด ฉันเป็นภรรยาที่ดีที่สุด ฉันซื่อตรงต่อสามีที่สุด ฉันเป็นน้องที่กตัญญูต่อพี่สาวที่สุด แต่วันหนึ่งมนุษย์คือมนุษย์ มีความเลวร้ายมีความดี แล้วอยู่ที่ว่าจะหันมุมไหนออกมาให้เราเห็นได้มากกว่า และวันนี้ต่อให้เป็นพี่สาว พี่ก็จะใช้คำว่า “พี่สาวแล้วไง? เมื่อสำนึกความเป็นพี่สาวของเค้ายังไม่มีเลย!” แล้วการที่เรียกร้องความเป็นพี่สาวให้กับเราในวันนี้พี่เชื่อเลยว่ามันเรียกร้องไม่ได้หรอก วันนี้เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นก็ยอมรับให้ได้ก่อน น้องต้องทำให้เห็นให้ได้ว่าความถูกต้อง และฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องมาตลอด และฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องกับคนที่ฉันไว้ใจ แต่คนที่ฉันไว้ใจเลวร้ายที่สุดเลย เราเลยจำเป็นต้องพยายามยืนให้อยู่ ซึ่งพี่ไม่ได้หมายความว่าต้องเข้มแข็งภายในวันนี้นะ ไม่มีทางหรอก อ่อนแอคืออ่อนแอ ร้องไห้คือร้องไห้ สู้ไหวก็เดินหน้า สู้ไม่ไหวปุ๊บ ลงไปนั่งพักแป๊บนึง และไม่จำเป็นจะต้องมานั่งกระหน่ำซ้ำเติมตัวเองว่า ให้ฉันต้องมาเจอแต่เรื่องอะไรแบบนี้ เมื่อเจอแล้วก็ต้องลุยแล้วต้องเดินหน้า ให้คนศีลเสมอกันไปอยู่รวมกันเลย วันนี้ฉันจะใช้ชีวิตอย่างถูกต้องที่สุด ฉันแค่คนโชคร้ายที่คนหันมุมร้ายๆมาใส่ฉันพอดี จะร้องไห้อีกกี่วันก็ได้นะ พี่ไม่ได้บอกว่าต้องเข้มแข็งนะคนเรามันก็มีมุมอ่อนแอได้ ขอให้ร้องไห้ปั๊บ อยากให้รู้ตัวเองว่า ถึงเวลาแล้วนะ ลูกมองอยู่ “ไม่ต้องเข้มแข็งในวันที่อ่อนแอเพราะแผลจะใหญ่กว่าเดิม” บางเรื่องแก้ได้ที่เราก็แก้เลย แต่บางเรื่องที่คนสองคนไปทำเลวร้ายกัน เราแก้ไม่ได้ก็ปล่อยให้มันเป็นกรรมของเค้าสองคนไป เห็นไหม? หนูไม่มีเขาหนูก็ยังอยู่ได้ และบอกกับตัวเองเสมอว่า ฉันเป็นแม่ที่แข็งแรงมาก เพราะในวันที่ควรจะอ่อนแอเหลือเกินฉันก็ยังไหวอยู่เลย’ “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษว่า ‘เรื่องนี้ ที่เกิดขึ้น ในมุมดีมันจะทำให้เก๋หลุดพ้น จากเรื่องนี้ได้ง่ายมาก ก็เหตุการณ์ทั้งหมดนี้มันคือสถานการณ์วัดคนได้เลยว่า ไม่มีศีลธรรม ไม่มีมโนสำนึก ไม่มีสิ่งดีๆ ที่คนในฐานะสามีและพี่สาวควรจะทำ ฉะนั้นพี่เลยรู้สึกว่า สองคนนี้ ไม่ได้มีค่าอะไรที่เราจะเอาไว้ในชีวิต เมื่อเขาตัดสินใจทำสิ่งเหล่านี้กับเรา พี่สาวตัดสินใจจะแย่งสามีเรา ส่วนสามีก็ไปเป็นชู้กับพี่สาวเรา แล้วเขาทั้งสองคนก็แสดงความเหี้ยม ที่จะชัดเจนมากว่าต้องการอะไรในชีวิต แล้วเขาก็ทำเลย โดยที่มันโหดร้ายกับเก๋ แต่ไม่ได้เลี้ยงเก๋ไว้จนแบบทรมาน สิ่งเหล่านี้ถ้าพยายามบอกและเข้าใจมัน และยอมรับมันว่า ทั้งสองคนคือสามีเราและพี่สาวเรา ซึ่งเค้าเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ใช่คนที่เราเคยรู้สึกกับเขาในอดีต ว่าเรารักเขา เขารักเราและเราต้องดีต่อกัน 2 คนนี้เค้าไม่ใช่คนเดิมแล้ว จะยิ่งทำให้เก๋เดินออกจากชีวิตของพวกเขาได้เร็วขึ้น เพื่อตัวหนูและเพื่อลูกของหนู เพราะยิ่งหนูเศร้านานเท่าไหร่ ชีวิตหนูก็จะยิ่งอยู่ในความทุกข์เท่านั้น ลูกของหนูที่ได้มองแม่ร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่มีความสุขกับชีวิตเขาเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องรีบลุกขึ้นเพื่อตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เจอแฟนแบบนี้ทำไง? สาวกลุ้มใจโทรปรึกษา คบกับแฟน มีอะไรพูดกันได้ทุกเรื่อง แต่พอบอกว่าเราทำงานเซลล์มา 5 ปี ได้เงินเดือนมากกว่าแฟน เขารู้สึกนอยด์ เทคแคร์เราน้อยลง พร้อมให้เหตุผลว่า 'เราไม่สมควรจะได้รับเงินเดือนเท่านี้'

26 พ.ค. 2023

เจอแฟนแบบนี้ทำไง? สาวกลุ้มใจโทรปรึกษา คบกับแฟน มีอะไรพูดกันได้ทุกเรื่อง แต่พอบอกว่าเราทำงานเซลล์มา 5 ปี ได้เงินเดือนมากกว่าแฟน เขารู้สึกนอยด์ เทคแคร์เราน้อยลง พร้อมให้เหตุผลว่า 'เราไม่สมควรจะได้รับเงินเดือนเท่านี้'

“คุณแซน (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (24 พ.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเงินเดือน โดย “คุณแซน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูกับแฟนอายุเท่ากัน เป็นรุ่นเดียวกันเลย คบกันมาประมาณ 1 ปีกว่าๆ ตั้งแต่คบกันมาก็รักกันดี ไม่ได้มีการทะเลาะรุนแรง มีงอนบ้าง มีปัญหา เราก็พยายามปรับกันมาได้ตลอด ถึงขั้นมีแพลนที่จะใช้ชีวิตร่วมกันด้วย แต่มันจะมีอยู่ 1 ปัญหาในความสัมพันธ์ที่มันบั่นทอนจิตใจ และยังหาทางแก้ไขกันไม่ได้ จนมาถึงทุกวันนี้ต้องบอกก่อนว่า ตัวหนูเองทำงานเป็นเซลล์ ประสบการณ์ในอาชีพนี้ก็เกือบๆ 5 ปี ซึ่งรายได้เซลล์มันค่อนข้างจะสูง ส่วนแฟนทำงานคนละบริษัทกัน แต่งานที่เขาทำจะเป็นงานประเภท back office ซึ่งรายได้ก็จะน้อยกว่าหนูค่อนข้างเยอะ ประมาณ 30% 40%ช่วงที่คบกันแรกๆ เราก็เปิดใจคุยกันทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องรายได้ด้วย แบบเราบอกหมดเลยว่าเราทำงานอะไร รายได้เท่าไร หลังจากที่เขารับรู้เรื่องรายได้ของเรา การกระทำของเขาก็เปลี่ยนไปจนเรารู้สึกได้ มันไม่เชิงเป็นปัญหาที่ทะเลาะกัน แต่เหมือนเขาเคยเล่นกับเรา เคยมุ้งมิ้งกับเรา เคยหวานกับเรา ทุกอย่างมันน้อยลงหมดเลยจนเรารู้สึกได้เราก็เลยถามเขาว่าเป็นอะไร เขาก็บอกว่าเขารักหนูเหมือนเดิมนะ แต่ในหัวเขามีเรื่องรายได้หนูอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เขาแสดงออกกับเราน้อยลง ด้วยเหตุผลที่ว่าเขามองว่าทำไมงานเซลล์กับงาน back office รายได้มันถึงต่างกันขนาดนี้ เพราะในขณะที่เขาทำงานหนักมากๆ เขาเลยรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเขาเลย รวมถึงเขามองว่าหนูไม่สมควรที่จะได้รับเงินเดือนมากขนาดนี้หนูพยายามอธิบายเหตุผลในอาชีพของเซลล์แล้ว และอธิบายว่าพาร์ทงาน การใช้สกิล ความเครียดอะไรมันก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว กว่าหนูจะได้เงินเดือนเท่านี้ หนูก็สะสมประสบการณ์ ใช้ความพยายามมาเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้รู้สึกยินดีกับสิ่งที่หนูได้รับเลย ทุกครั้งที่คุยเรื่องนี้ มันก็จบตรงที่ว่าเขาจะมองว่าหนูไม่สมควรได้รับมันอยู่ดี หนูก็เคยถามเขาว่าหนูจะทำยังไงกับความคิดนี้ของเขา เขาก็บอกว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงมีความคิดแบบนี้ แต่ถ้าความคิดนี้ของเขาหายไปได้ มันก็อาจจะเป็นในวันที่เขาจะยอมรับหนูก็ต่อเมื่อหนูทำอะไรที่เขาเห็นว่าหนูสมควรได้รับเงินเดือนเท่านี้ หรือวันหนึ่งที่เขามีรายได้มากกว่าหนู เขาก็อาจจะล้มเลิกความคิดนี้ไปก็ได้หนูรู้สึกบั่นทอนจิตใจมากที่เขาคิดแบบนี้ เพราะเราก็มีแพลนที่จะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว แต่หนูยังไม่สามารถเปลี่ยนความคิดนี้เขาได้ มันก็เลยกระทบความสัมพันธ์ของเรา ซึ่งหนูคิดว่าเรื่องที่ทำให้เขาคิดแบบนี้ อาจจะเป็นเรื่องภาษาอังกฤษ เพราะหนูไม่ค่อยแข็งแรง และจะมีเขาซัพพอร์ตในเรื่องนี้ แต่ในส่วนเรื่องการใช้ชีวิต เราจะค่อนข้างที่จะช่วยเหลือ ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน ไม่ได้มีปัญหาตรงนี้หนูอยากถามพี่ๆว่า การที่หนูพูดเรื่องเงินเดือนไป หนูผิดมากมั้ย? เพราะมันเซนซิทีฟ และอีกคำถามคือ หนูควรจะพูดหรือทำยังไงที่จะเปลี่ยนความคิดเขาได้บ้าง…3 ดีเจก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในวันที่เราจะเป็นคู่ชีวิตกัน มันควรจะส่งเสริมกัน มันไม่ควรกดอีกฝ่ายให้ต่ำ อยู่ด้วยกันมันไม่ควรเป็นจ่าฝูง แซนกำลังเจอคนที่ทัศคติแย่มาก และมันลามไปทุกเรื่องเลยนะ ถ้าวันนึงมีลูกขึ้นมา แล้วจะสอนเขายังไงแนะนำประโยคที่ทำให้เขาเปลี่ยน คือ พวกพี่ๆจะพูดว่า ถ้าเธอยังมีความคิดอย่างนี้อยู่ เธอก็ไม่สมควรมาเป็นแฟนเรา แค่นี้เลย เพราะมันไม่มองเห็นมุมไหนที่เราจะไปแก้ไขชุดตระกระความคิดนี้ของเขาได้ เราสมควรจะมีเงินเดือนตามความสามารถเรา และมีแฟนที่ยินดีกับเราในเรื่องนี้พี่แนะนำอีก 1 ทางเลือก บอกเขาไปว่า ไม่มีแฟนคนไหนหรอกนะที่เขาจะกดอีกคนให้ตกต่ำ พี่ควรจะดีใจที่หนูพัฒนาตัวเองได้ขนาดนี้ ถ้าพี่คิดว่าพี่ต่ำกว่าหนู พี่ต้องพัฒนาตัวเอง อย่ามาพูดกับหนูแบบนี้อีก พี่ไปหาคนใหม่ที่เงินเดือนต่ำกว่าหนู เราต้องพูดในสิ่งที่เราต้องการ และลองดูว่าเราพูดขนาดนี้ เขาจะรู้สึกตัวมั้ย ถ้าเขาไม่รู้สึกตัว แนะนำให้แซนเปลี่ยนแฟน…เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1