หนูใกล้เรียนจบวิศวะแล้ว... แต่ตอนนี้รู้สึก ‘กลัวโลกการทำงาน’ จะทำงานได้ไหม? จะต้องเจอกับอะไรบ้าง? พร้อมเผยความในใจ ตอนฝึกงานเคยโดนหัวหน้าแซว เรื่องขนาดหน้าอก ‘ของเอ็งใหญ่กว่าของเมียพี่อีก’ เจอแบบนี้ยิ่งกลัวไปเลย!!

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูใกล้เรียนจบวิศวะแล้ว... แต่ตอนนี้รู้สึก ‘กลัวโลกการทำงาน’ จะทำงานได้ไหม? จะต้องเจอกับอะไรบ้าง? พร้อมเผยความในใจ ตอนฝึกงานเคยโดนหัวหน้าแซว เรื่องขนาดหน้าอก ‘ของเอ็งใหญ่กว่าของเมียพี่อีก’ เจอแบบนี้ยิ่งกลัวไปเลย!!

28 มี.ค. 2023

        “คุณเอ (นามสมมุติ)” อายุ 25 ปี สายที่สามในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (22/03/2023) ได้โทรเข้ามาปรึกษาดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหากังวลและกลัวโลกการทำงาน

        โดย “คุณเอ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูซิ่วมาเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพราะหนูรู้สึกชอบและอยากทำ ตอนนี้หนูฝึกงานอยู่องค์กรใหญ่องค์กรหนึ่งเกี่ยวกับวิศวกรรม อีก 2 อาทิตย์จะจบแล้ว แต่หนูมีความกังวลและกลัวโลกการทำงานมากๆ เพราะหนูเรียนมาทั้งชีวิต ยังไม่เคยทำงานมาก่อน ซึ่งถ้าเราทำงานแล้วเราต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเอง หาเงินเอง พอใกล้จะจบก็เลยกลัวว่าจะทำงานยังไง จะทำงานได้มั้ย?

        หนูเคยตั้งเป้าหมายไว้ว่าพอจบแล้วจะไปทำงาน หางานทำที่เราทำได้ แล้วเรารู้สึกโอเค คุณสมบัติของเราได้ ทำงานไปใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ แต่พอหนูไปลองฝึกงานมันเหมือนหนูไปเรียนเลย เพราะงานที่ทำค่อนข้างจะเป็นเนื้องานมากๆเลย และด้วยความที่เพศก็เป็นเรื่องสำคัญ หนูเป็นผู้หญิงด้วย แล้วงานทางด้านสายนี้ นอกจากจะเน้นผู้ชายแล้ว ผู้หญิงก็มีแต่อาจจะมีน้อย ในเนื้องานไม่ยากหรอก แต่มันทำให้หนูรู้สึกว่าถ้าไปทำแล้วจะต้องเจออะไรบ้าง

        แผนกที่หนูฝึกงานเขาจะให้ฝึกแบบวนไปเรื่อยๆ แต่ยังเกี่ยวกับช่างอยู่ ทุกๆเดือนก็จะเจอหัวหน้าไม่ซ้ำกัน ซึ่งหนูใช้ชีวิตตอนฝึกงาน 3 เดือนแรกหนูรู้สึกแฮปปี้มาก ได้ออกไปดูไซต์งานทุกวัน แต่พอเมื่อเดือนที่แล้วหนูไปเจอหัวหน้าคนนึง หนูโดนพี่หัวหน้าคนนี้แซวเรื่องขนาดหน้าอก เพราะหน้าอกของหนูค่อนข้างที่จะพลัสไซส์ไปหน่อย แล้วมันเหมือนไปสะดุดตาเขา เขาชอบพูดว่าของเอ็งใหญ่กว่าของเมียพี่อีก เขาแซวหนูตั้งแต่วันแรกที่หนูฝึกกับเขา จนวันสิ้นเดือนที่หนูฝึกกับเขาเลย เลยทำให้หนูรู้สึกไม่ดีเลย และเรื่องนี้ก็เป็นส่วนนึง แต่เรื่องกลัวการทำงานก็เป็นอีกส่วนนึงด้วย มีวิธีไหนที่ทำให้หนูไม่กลัวการทำงานบ้างหรอคะ?

        ซึ่งพี่ๆ 3 ดีเจก็ได้ให้คำแนะนำ “คุณเอ” ว่า ‘มันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลง เหมือนเราย้ายโรงเรียนใหม่ ย้ายสังคมใหม่ เป็นธรรมดาที่เรามองไม่เห็นภาพสังคมใหม่ เราจะกังวลไปก่อน แนะนำว่าให้อยู่กับปัจจุบัน เรียนมันไปแต่ละวันว่าสิ่งที่เราทำอยู่ เราชอบมั้ย แฮปปี้มั้ย?

        ถ้าเอาเรื่องเงินเป็นหลักในยุคนี้ไม่แนะนำให้ทำงานงานเดียว แต่ถ้าจะเอาเรื่องประสบการณ์ไม่ต้องคิดมากอะไรเลย แค่เรียนถูก เรียนผิดมันไปเรื่อยๆ ตามหาสิ่งที่เราชอบ วันนี้เรายังไม่มีประสบการณ์ เราก็แค่เด็กฝึกงาน แต่ถ้าวันนึงได้ไปทำงานบริษัทจริงๆ จะได้เรียนรู้อะไรมากกว่านั้น ทุกอย่างจะเก็บประสบการณ์ไปเรื่อย

        เท่าที่ฟังมา เอมีสกิลที่จะไปได้ในสายงานนี้  เพราะถ้าไม่รอดมันก็น่าจะไม่รอดตั้งแต่ฝึกงานแล้ว ถ้าเราได้ไปฝึกงานแล้วทำงานอย่างกับงานจริงเลย ถึงแม้จะไม่ได้ทำที่นั่น เราก็สามารถเอา Portfolio ไปยื่นที่อื่นได้ เด็กจบใหม่ที่ฝึกงานจริงมาแล้ว มีประสบการณ์จริงมาแล้ว เงินเดือนไม่แพง ทำงานได้ ใครเขาจะไม่เอา...

        ส่วนเรื่องหัวหน้าที่ sexual harassment มันเป็นเรื่องที่พูดยากเลย เพราะเราเป็นเด็กฝึกงาน เราทำอะไรไม่ได้หรอก ต่อให้เราไปบอก HR เขาก็ต้องเข้าข้างหัวหน้าคนนั้นอยู่ดี ถ้าเป็นพวกพี่ ยิ่งไปเจอคนแบบนี้ เราจะคิดเลยว่าสักวันนึงเราจะเก่ง จะเป็นหัวหน้าวิศวกรหญิงที่วันนึงจะมาคุยกับเขาในฐานะที่เราเป็นหัวหน้าเขา และเขาจะมาพูดแบบนั้นกับเราไม่ได้อีกเลย เราต้องหาแรงผลักดันที่ทำให้ไปถึงจุดที่เราหวังไว้ว่ามันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้...

        ไม่ใช่แค่คนในสายงานนี้ที่จะเป็นแบบนั้นทั้งหมด คนแบบนี้มีอยู่ทั่วไปแหละ ไม่จำเป็นต้องไปทำงานวิศวะ บางทีหน้าปากซอยก็มี ข้างบ้านเราก็เป็น คนแบบนี้มันอยู่รอบตัวเรา อย่าเอาคนแบบนี้มาทำให้สายงานด้านนี้มันดูลบไป ให้หาวิธีที่จะรับมือกับคนแบบนี้ดีกว่า เพราะแต่ละคนก็มีวิธีตอบสนองเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้แตกต่างกัน

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ว่างเกิ๊นนน! ผมทำงานบริษัทเกือบปี แต่ไม่ค่อยมีงานให้ทำ ล่าสุดเข้างานตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น แต่ได้ทำแค่ยกของให้พี่ในแผนก ตอนนี้เบื่อมาก... อยากรู้ว่าพนักงานออฟฟิศอื่น ว่างๆทำอะไรกันบ้าง?

04 เม.ย. 2023

ว่างเกิ๊นนน! ผมทำงานบริษัทเกือบปี แต่ไม่ค่อยมีงานให้ทำ ล่าสุดเข้างานตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น แต่ได้ทำแค่ยกของให้พี่ในแผนก ตอนนี้เบื่อมาก... อยากรู้ว่าพนักงานออฟฟิศอื่น ว่างๆทำอะไรกันบ้าง?

“คุณแบงค์ (นามสมมุติ)” สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 มีนาคม 2566) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ว่าควรจะทำอะไรแก้เบื่อในเวลาว่างงาน โดย “คุณแบงค์ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ผทมีปัญหาเรื่องที่ทำงาน แต่จริงๆแล้วก็เหมือนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สักเท่าไหร่ เพราะปัญหาที่ว่าคือ การว่างงานมากเกินไปในช่วงเวลาที่ทำงาน มันเหมือนกับไม่ค่อยได้มีงานที่ตัวเองต้องรับผิดชอบมาก ผมเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ประมาณ 10 - 11 เดือน เกือบๆปีแล้ว ซึ่งตำแหน่งงานของผมเกี่ยวกับฝ่ายบุคคล ส่วนมากเป็นงานที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเอกสาร ส่วนงานอื่นๆก็แล้วแต่พี่ๆในแผนกจะมอบหมายให้ว่าต้องทำอะไรอย่างเช่นวันนี้ ผมนั่งที่โต๊ะทำงานของผมตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น ผมได้รับมอบหมายงานให้ทำแค่อย่างเดียวคือ ลงไปยกของให้พี่ในแผนก แต่บางครั้งเวลาที่คณะกรรมการหรือกลุ่มผู้บริหารในบริษัทนัดประชุมกัน บริษัทผมก็จะได้รับหน้าที่ให้ช่วยทำเอกสารเกี่ยวกับการประชุมตรงนั้น ซึ่งงานเหล่านี้ก็ไม่ได้มีทุกวัน แต่จะมีเป็นรอบๆไป ทำให้ตัวผมเองแอบเบื่อช่วงเวลาที่ว่างงานอยู่นิดหน่อย โดยผมจะหาวิธีแก้เบื่อด้วยการเล่นเกมหรือดู YouTube ที่โต๊ะทำงานของตัวเองเป็นประจำ และสามารถทำได้แบบเปิดเผย ไม่ต้องแอบไปทำสิ่งเหล่านี้ในห้องน้ำ และผมอยากจะมีการพบปะพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ทำ เนื่องจากภายในแผนกของผมไม่ค่อยจะมีผู้ชาย มีแต่ผู้หญิงเกือบหมดทั้งแผนกแต่ช่วงประมาณกลางปีหลังจากนี้ทางบริษัทจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนงาน ซึ่งเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจเพราะตัวผมเองจะได้ไปเรียนรู้งานของแผนกอื่นๆบ้าง อาจจะได้ไปเจอกับเพื่อนร่วมงานใหม่ๆ ที่พร้อมจะให้เราได้อยู่ในทีมทำงานและให้เราได้ช่วยเหลืองาน หรือให้เราได้แสดงความคิดเห็นบ้าง ภายในอนาคตหากทางบริษัทมีการปลดหรือเลิกว่าจ้างพนักงานขึ้นมา ตัวผมเองก็ไม่ได้กังวลขนาดนั้นและคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะว่าบริษัทนี้ค่อนข้างที่จะมั่นคง โดยก่อนหน้านี้ผมก็เคยไปปรึกษาคนอื่นๆ แล้วคำตอบที่ได้คือ ก็ดีแล้วนิ อยู่ตลอด ผมอยากถามพี่ๆว่า พนักงานออฟฟิศ ถ้ามีเวลาว่าง เขาทำอะไรกัน เพราะตอนที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ ผมก็จะค่อนข้างยุ่งอยู่ตลอด ทั้งเรียน ทั้งอ่านหนังสือ หรือทำงานทำวิจัย แต่ตอนนี้ผมเบื่อมากๆงานนี้ทั้ง 3 ดีเจ ก็ได้ให้คำแนะนำว่า สถานการณ์ที่คุณแบงค์เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว ถ้าให้ช่วยแนะนำกิจกรรมยามว่างก็คงจะเป็นการหาความรู้รอบตัวเพิ่มดีกว่า เช่น การดูสารคดีที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์จิตวิทยา, คดีลึกลับหรือคดีฆาตรกรรมต่างๆ เพื่อให้รู้ลึกถึงความคิดของฆาตกรแต่ละคน, หรือ จิตวิทยาแบบเชิงวิทยาศาสตร์ รับรองความรู้รอบตัวจะเพิ่มขึ้นอีกเยอะมากแถมฆ่าเวลาได้ดีอีกด้วย เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สาวรอแฟนมารับ กลับจากงานศพเพื่อนสนิท คืนนั้นมีเบอร์แฟนโทรมาหาตอนตี 3 แต่เป็นสายจากเพื่อนบ้าน บอกว่า ‘แฟนเราเสียชีวิตแล้ว’...

24 มี.ค. 2023

สาวรอแฟนมารับ กลับจากงานศพเพื่อนสนิท คืนนั้นมีเบอร์แฟนโทรมาหาตอนตี 3 แต่เป็นสายจากเพื่อนบ้าน บอกว่า ‘แฟนเราเสียชีวิตแล้ว’...

ช็อคเรื่องไหนก่อนดี? สาวรอแฟนมารับ กลับจากงานศพเพื่อนสนิท คืนนั้นมีเบอร์แฟนโทรมาหาตอนตี 3 แต่เป็นสายจากเพื่อนบ้านบอกว่า ‘แฟนเราเสียชีวิตแล้ว’ รู้เพราะมีเพื่อนแฟนมาปลุกให้ไปช่วยดู มารู้ทีหลังว่าเพื่อนคนนั้น เป็นผู้หญิง ทำงานที่เดียวกับแฟน...และแอบมานอนกับแฟนเรา ที่สำคัญเค้ามีสามี แต่งงานมาแล้ว 8 ปี ทำเอา 3 ดีเจอึ้งกันทั้งห้องจัด! เมื่อ “คุณอุ้ย (นามสมมุติ)” อายุ 36 ปี สายแรกในรายการพุธทอล์ค พุธโทรเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (22/03/2023) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาแฟนเสียชีวิตแต่มีเรื่องที่มารู้ทีหลัง โดย “คุณอุ้ย (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘คบกับแฟนมา 3 ปี จะเข้าปีที่ 4 แล้ว ระหว่างที่คบกันก็สร้างครอบครัว ซื้อบ้านด้วยกันมา ซึ่งเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เรามีปัญหาทะเลาะกันบ่อย หนูก็กลับไปอยู่บ้านตัวเอง แต่เราก็ยังไม่ได้เลิกกัน ยังคุยกันทุกวัน เขาก็มารับพาไปนู้นไปนี่ตลอด ไปกินข้าวด้วยทุกอาทิตย์ เจอกันเหมือนเดิม ใช้ชีวิตเหมือนแฟนกันปกติ แต่เราแค่ห่างกันเพื่อปรับ เมื่อวันที่ 18 กุมภาที่ผ่านมา เพื่อนสนิทของเราเสียชีวิต แฟนเราก็ยังขับรถพาไปเดินเรื่องที่เพื่อนเสียให้อยู่เลย ทีนี้เราจะต้องไปต่างจังหวัดเพื่อไปร่วมงานศพเพื่อนคนนี้ แฟนเราก็ไปด้วย แต่พอเสร็จพิธี เราจะกลับแล้วแต่พ่อของเพื่อนยังไม่อยากให้เรากลับ เขากลัวบ้านเหงาก็เลยขอให้เราอยู่ต่อ เราก็นัดกับแฟนว่าให้มารับเราวันเสาร์ หลังจากนั้นแฟนก็เลยขับรถกลับบ้าน แต่เราก็ยังคุยโทรศัพท์กันปกติ วันศุกร์เขาก็ยังส่งคลิปรายการพุธทอล์ค พุธโทรมาให้เราดูอยู่เลยว่าคลิปนี้ตลกนะ แต่พอวันเสาร์ เวลาประมาณตี 3.49 น. เบอร์ของแฟนก็โทรเข้ามา แต่คนที่โทรมาเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเรา เขาแจ้งว่าแฟนเราเสียแล้ว เราถามเขาว่ารู้ได้ไง เขาก็เลยบอกว่าเพื่อนของแฟนเราวิ่งไปปลุกเขา ไปกดออดที่บ้านเรียกเขาให้ไปดูแฟนเราหน่อย เหมือนแฟนเรานอนละเมอแล้วปลุกไม่ตื่น แต่ตอนที่เพื่อนบ้านเข้ามาในบ้านเรา ขึ้นไปบนห้องนอนก็เห็นว่าแฟนเราหยุดหายใจไปแล้ว จริงๆบ้านหลังนั้นแฟนเราอยู่คนเดียว แต่เราเข้าใจว่าเพื่อนของแฟนคงไปสังสรรค์แล้วนอนค้างที่บ้าน เพราะเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนเขามานอนค้าง พอเพื่อนบ้านโทรมา เราก็เลยขอคุยกับเพื่อนแฟน เพราะเราอยากรู้อาการว่าเป็นอะไร ยังไง กลับกลายว่าเพื่อนที่ไปอยู่กับเขาเป็นผู้หญิง แล้วก็อยู่กันสองคนในห้องนอนของเรา ตอนนั้นเราช็อค ไม่อยากถามอะไรมาก เราเป็นห่วงแฟน จนสักพักพยาบาลโทรมาหาเราบอกว่าตอนนี้เขาปั้มหัวใจไปได้ 20 นาทีแล้วนะ เหลืออีก 10 นาที ถ้ายังไม่กลับมาเขาจะทำการหยุดปั้มหัวใจ เขาก็รายงาน บอกเราตลอด เราก็รีบกลับมาที่บ้านเลย พอกลับมาถึง ศพก็ถูกเคลื่อนย้ายไปชันสูตรที่โรงพยาบาลแล้ว และทางญาติแฟนก็เอาศพกลับบ้านเกิด เราก็ข้องใจเลยโทรไปหาผู้หญิงคนนั้น แล้วก็ถามว่าเขาเป็นอะไรกัน คบกันหรือเปล่า ถ้าเป็นแฟนกันบอกพี่ได้นะ พี่จะขอไปงานศพแค่วันเผาวันเดียวเพื่อไปอโหสิกรรมให้เขา ผู้หญิงก็บอกว่าหนูไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้เป็นอะไรกัน หนูเป็นเพื่อนกันค่ะ เราก็บอกว่าเป็นเพื่อนกันเอากันไม่ได้นะหนู เพราะเขาเล่าให้เราฟังว่า เขานัดเจอกัน ไปกินข้าวด้วยกันแล้วก็มีอะไรกัน เผลอหลับไป และก็เกิดเรื่อง เรามาเปิดดูกล้องวงจรปิดในบ้านย้อนหลัง เราเห็นตอนที่ผู้หญิงเข้ามาในบ้านเรา เขาก็กลัวคนอื่นจะรู้ คือนั่งเบาะหลังคนขับมา แล้วตอนเข้าบ้านก็เอารองเท้าเข้ามาซ่อนในบ้าน ปิดเงียบทุกอย่าง ไม่ให้ใครรู้ แล้วอีกคลิปก็เหมือนเขานอนดูหนังอยู่ด้วยกันบนโซฟา แฟนเรานอนดูหนังจริงๆ ไม่ได้กอด หรือหอมผู้หญิงคนนั้นเลย แต่ผู้หญิงพยายามกอด พยายามหอมแฟนเรา กลิ้งนอนทับตัวไปมา เราไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนแล้ว แต่เราเจ็บมาก ซึ่งผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนร่วมงานกับแฟนเรา เขาบอกว่าเขาก็หวังว่าแฟนเราจะเลือกเขา เขารู้มาตลอดว่าแฟนมีเรา แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าแฟนมีเขา ตอนแรกที่เราทะเลาะกัน เราก็เคยบอกว่าถ้าจะมีใครใหม่ให้บอกกันนะ แต่แฟนเราเขาเป็นคนบอกเองว่าไม่เอา ไม่เลิก เราห่างเพื่อปรับกัน เรายังคบกันอยู่นะ เราก็เลยคิดว่ามันเป็นแบบนั้นมาตลอด และหลังจากวันที่แฟนเราเสียชีวิต โทรศัพท์ของแฟนก็อยู่ที่เรา แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ทักแชทไลน์มาหาแฟนเราว่าคิดถึงจังเลย เราก็ตอบกลับไปบอกว่าโทรศัพท์อยู่กับพี่นะ เขาบอกว่าเขาขอคลิปตอนที่ช่วยชีวิตแฟนเราหน่อยได้มั้ย เขาคิดถึง คือเพื่อนบ้านเขาถ่ายคลิปเป็นหลักฐานไว้ว่าเขามาช่วยนะ เราก็เลยบอกว่าเอาเบอร์พี่ไปนะ แอดไลน์พี่มา เดี๋ยวส่งให้ทางเครื่องของพี่ เพราะเครื่องนี้มันส่งยาก แล้วเราก็ส่งให้ปกติ และเราก็บอกกับเขาไปว่าตอนนี้พี่ยังคุยกับหนูไม่ได้ทุกเรื่องนะ เพราะพี่ยังทำใจไม่ได้ พี่ยังสับสนอยู่ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรากำลังตัดสินใจว่าเราจะไปงานศพเขาดีมั้ย ถ้าเราไป แล้วเราไปในฐานะอะไร เราควรไปหรือไม่ไปดี พอวันที่ 2 ผู้หญิงคนนั้นเขาไลน์มาบอกอีกว่าวันนี้กินข้าวกับอะไร จนเราไม่ไหวแล้วก็เลยพิมพ์กลับไปบอกว่าถ้ามาพิมพ์อะไรแบบนี้ เขารับรู้ไม่ได้หรอก หนูไปจุดธูปบอกเขาเองนะ ยิ่งเขาทำแบบนี้ เรายิ่งทำใจไม่ได้ เรายิ่งไม่อยากไปงานศพเขาเลย แต่ทางญาติแฟนก็ตามให้เราไปงานศพสักที อยากให้ลูกเขาหมดห่วง ให้เราไปร่วมงานไปอโหสิกรรม เราก็พิมพ์ไปบอกผู้หญิงว่า อย่าทำแบบนี้นะ พี่ไม่ไหวจริงๆ มันเป็นการตอกย้ำว่าเขาหักหลัง ทำร้ายเราจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ และเราก็ไปร่วมงานศพของเขา แต่ไปวันสุดท้าย ก็มีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ คนที่เขาไม่รู้เรื่องเขาก็มองว่าแบบเป็นแฟนภาษาอะไร ทำไมเพิ่งมาร่วมงาน เราก็ตอบทุกคนว่าเขาเสียด้วยโรคประจำตัว เราก็ไม่รู้จะตอบแบบไหนที่จะไม่สะเทือนใจญาติพี่น้องของเขา ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ไปร่วมงานศพด้วย แต่การกระทำในงานศพเขาล้ำเส้นเรามาก ล้ำเส้นจนกระทั่งวันเผา ทางญาติของเขามาตามให้เราไปทำพิธีตัดกรรมตามประเพณีของบ้านเขา ซึ่งเราจะต้องขึ้นไปบนเมรุคนเดียว ระหว่างที่เราขึ้นไป เราได้ยินเสียงลุงสัปเหร่อที่อยู่ข้างบน เขาพูดว่า อ้าว เมียเขาคนนี้หรอ? ตอนเปิดโลงเขาก็ยืนร้องไห้ เอาหน้าถูโลง อยู่ตั้งแต่คนแรกจนลงคนสุดท้าย แต่หนูขึ้นไปแปปเดียวเพราะหนูทำใจไม่ได้ ญาติเขารู้วันที่แฟนเสียว่ามันมีเรื่องแบบนี้ แล้วก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงคนนี้ แต่ก็เข้าใจว่าเขาไปร่วมงานก็ไม่ได้อะไร แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราก็เลยทำในสิ่งที่ไม่ดีอย่างนึง คือ ผู้หญิงคนนั้นเขามีสามีแล้ว เขาเคยผูกข้อไม้ข้อมือด้วยกัน ตอนแรกเราจะไม่ยุ่งเลย อยากให้มันจบๆไป แต่สิ่งที่เขาทำเหมือนไม่ให้เกียรติเราเลย เราเลยทักไปหาแฟนเขา ไปเล่าให้แฟนเขาฟังเรื่องที่เกืดขึ้น แฟนเขาก็บอกว่าเขาสองคนยังไม่ได้เลิกกันนะ เขายังคบกันดีอยู่ ซึ่งเขาคบกันมา 8 ปีแล้ว วันนั้นที่ผู้หญิงแอบมาหาแฟนเรา คือแฟนของผู้หญิงเขาไปทำงาน เข้ากะดึก คือเขาไม่รู้เรื่องเลย และเราก็บอกว่าถือว่าฝั่งพี่หมดกรรมแล้ว พี่จะไม่ขอยุ่งอะไรแล้ว แต่พอเสร็จจากงานศพ ผู้หญิงคนนั้นโทรมาหาเรา เขาน่าจะรู้เรื่องว่าเราโทรไปบอกแฟนเขา เขาบอกว่าสิ่งที่เขากลัว คือกลัวโดนเราประจาน เขาอาย เราก็เลยบอกว่าอย่ามายุ่งกับเราเลย เราอโหสิกรรมให้ แต่ถ้ายิ่งมายุ่งวุ่นวายกับเรา เรายิ่งทำใจไม่ได้ ตอนนี้มันไปต่อไม่ได้เลย มันคิดวนอยู่ในหัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น แฟนเราเขาหักหลังเราอย่างนั้นจริงๆใช่มั้ย ผู้หญิงคนนั้นก็ไปบอกแฟนเขาว่าแฟนเราเป็นคนไปจีบเขาก่อน เราก็เหมือนมูฟออนไม่ได้ บางทีอยากจะอโหสิกรรมให้เขา แต่บางทีมันก็ปรี๊ดขึ้นมาว่าตกนรกแน่ๆ แต่บางทีเราก็ยังคิดถึง โหยหาเขา แบบทั้งรักทั้งแค้น มันงงไปหมด เพราะสิ่งที่เรารับรู้คือได้แค่ฝั่งผู้หญิงคนนั้นว่ามันเป็นอย่างนั้น อย่างนี้... แฟนเราเพิ่งเสียไปเมื่อวันที่ 25 กุมภาที่ผ่านมา อยากได้แนวคิดดีๆที่มันไปต่อได้ ตอนนี้คือเราสะดุ้งตื่นตอนตี 3 ทุกวัน กินยาไปแล้วก็ยังสะดุ้งตื่น มันวนเวียนอยู่ในหัว บางทีทำงานไม่ได้ มันคิดวกไปวนมา ทั้งๆที่เขาก็ตายไปแล้ว 3 ดีเจให้คำปรึกษาว่า ‘ให้คิดว่าเขาตายไปแล้ว ไม่ว่าเค้าจะนอกใจ หรืออะไรก็ตาม ณ ตอนนี้ เค้าเสียชีวิตไปแล้ว ปกติที่จะเป็นความลังเลว่าควรจะเสียใจดีไหมที่เขาจากเราไป แต่ในคณะเดียวกันการจากไปครั้งนี้ เขาก็นอกใจไปมีอะไรกับคนอื่น ณ วันนี้ ไม่จำเป็นต้องรีบบังคับตัวเองว่าจะต้องอโหสิกรรม หรือให้อภัย เพราะเรื่องมันเพิ่งเกิด คงต้องใช้เวลามากกว่านี้ มองปัจจุบันว่าคนที่อยู่คือเรา ตัวเขาไม่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแบกเรื่องนั้นไปตลอด เพราะยังไงเขาก็มาให้คำตอบเราไม่ได้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือโฟกัสที่ตัวเอง อย่าให้เขามาส่งผลต่อความรู้สึกของเราตอนนี้เลย ท่องไว้เลยว่า มันไม่มีเขาแล้ว จากนี้ไปเราจะเป็นคนกำหนดเองว่าชีวิตเราต่อจากนี้จะเป็นยังไง... คนที่ให้คำตอบเราได้วันนี้คือตัวเขา ซึ่งไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะไปหาคำตอบ หาเหตุผล หรือ สิ่งที่มันเกิดขึ้นจากใครทั้งนั้น เพราะมันมีแต่จะทำให้เราเสียใจเปล่าๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันยุ่งเหยิง วุ่นวายไปหมด จึงเป็นเรื่องที่จะต้องรอเวลา ใช้เวลาเยียวยาที่นานกว่าคนปกติ รอให้เวลาผ่านไปก่อน ณ วันนี้เป็นเรื่องปกติมากที่เราจะยอมรับความจริงอะไรไม่ได้ เพราะเป็นกลไกความคิดที่คนเราต้องเจอ ทำความเข้าใจกับมันว่า ช่วงนี้คือช่วงที่หนักสำหรับเรา แต่สักพักมันต้องดีขึ้น จะช้าจะเร็วก็แล้วแต่คน แต่อยากให้เชื่อว่า ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว มันต้องดีขึ้น... ‘ความคิด’ ของเราเอง คือสิ่งที่กำหนดทุกอย่าง ถ้าเรามีสติและมองให้ลึกมากพอ เราจะรู้ว่าความคิดของเราเป็นสิ่งสำคัญมากๆที่จะกำหนดว่าเราจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร อย่าเพิ่งมองถึงอนาคตว่าจะทำอะไรยังไง มองปัจจุบันก่อน ตื่นมาทำอะไร อยากกินอะไรก็กิน ร้องไห้จนไม่ไหวก็ร้องไป อยากนอนก็นอนไป อย่างน้อยการร้องไห้มันก็เป็นการเผาความเศร้าออกไปได้ รอวันที่เรายอมรับความจริงได้ เราก็รู้ว่าเขาไม่ได้ซื่อสัตย์กับเรา ณ ตอนนี้ การที่เขาเอาผู้หญิงเข้าบ้านขนาดนั้น มันคือการนอกใจแล้ว โทษสูงสุดของการนอกใจคือการเลิก แต่ขั้นกว่าคือ ตายไปเลย!! วันนี้คิดซะว่าถ้าจะลงโทษเค้าเรื่องการนอกใจ คิดซะว่า ณ ตอนนี้เขาได้รับโทษไปแล้ว เป็นโทษที่สูงสุดด้วย ควรถามตัวเองดีกว่าว่า เราเสียใจมากกว่า หรือ โกรธมากกว่า ถ้าวันนี้ตามที่คุณอุ้ยบอกมาว่า เสียใจมากกว่า ให้ตัดเรื่องการนอกใจออกไปเลย หันกลับมาทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ยังไงสักวันหนึ่งคนเราก็ต้องจากกันไป ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตายอยู่แล้ว วิธีที่อยากจะแนะนำคือ หยุดเอาคำถามเรื่องที่เกิดขึ้นมาใส่ในหัว แล้วบอกตัวเองว่าเราจะอยู่ให้ได้ ช่วงนี้ก็หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียว อยากพูด อยากทำอะไรทำ ปลดปล่อยตัวเอง แล้วให้เวลาเยียวยาเรา ตัดเรื่องผู้หญิงคนนั้นออกไปเลย ความแค้นมันทำให้เราเป็นทุกข์ เรื่องที่คุณอุ้ยเจออยู่มันไม่ง่ายเลย แต่บอกตัวเองว่าฉันจะผ่านไปให้ได้ และเรื่องที่เกิดความสูญเสีย เจอกับเหตุการณ์ช็อคๆแบบนี้ อยากจะแนะนำให้ไปปรึกษา พูดคุยกับจิตแพทย์ดู อย่าปล่อยให้ตัวเองดิ่งนานๆ มันอาจจะเป็นสัญญาณสู่ ‘โรคซึมเศร้า’ ได้ และถ้าการไปหาจิตแพทย์แล้วไม่เวิร์ค อย่าเพิ่งถอดใจไป ให้ลองเปลี่ยนจิตแพทย์คนอื่นดูก่อน ขอร่วมส่งกำลังใจให้คุณอุ้ย ผ่านเรื่องนี้ไปได้เร็วๆ...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เจ็บปวดจนพูดไม่ออก... หนูแต่งงานกับสามีมา 12 ปี มีลูก 1 คน เพิ่งจับได้ว่า ‘สามีที่รัก’ แอบมีอะไรกับ ‘พี่สาวแท้ๆ’ ของหนู สุดท้าย พี่สาว ขอตัดพี่ตัดน้อง แล้วเลือกที่จะอยู่กับสามีเรา ส่วนสามีก็บอกว่า ขอรักพี่สาวของเธอเพิ่มอีกคนนึงได้ไหม?

05 พ.ค. 2023

เจ็บปวดจนพูดไม่ออก... หนูแต่งงานกับสามีมา 12 ปี มีลูก 1 คน เพิ่งจับได้ว่า ‘สามีที่รัก’ แอบมีอะไรกับ ‘พี่สาวแท้ๆ’ ของหนู สุดท้าย พี่สาว ขอตัดพี่ตัดน้อง แล้วเลือกที่จะอยู่กับสามีเรา ส่วนสามีก็บอกว่า ขอรักพี่สาวของเธอเพิ่มอีกคนนึงได้ไหม?

“คุณเก๋ (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (3 พ.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาพี่สาวแท้ๆ กับสามีสุดที่รัก โดย “คุณเก๋ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูแต่งงานกับสามีมา 12 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 1 คน แต่หนูมีลูกติดอีก 1 คน เรื่องมันเกิดจากพี่สาวของหนูทะเลาะกับพ่อ หนูก็เลยพาพี่สาวเข้ามาอยู่ในบ้านตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ประมาณ 6-7 เดือน ซึ่งพี่สาวก็ช่วยเลี้ยงลูกติดของหนูด้วย เพราะพี่สาวไม่มีครอบครัว ซึ่งพี่สาวแท้ๆ พ่อกับแม่เดียวกัน หนูมีแค่เขา เพราะเขาเลี้ยงหนูมาเหมือนแม่เลย เลี้ยงหนูมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เพราะพ่อกับแม่ของพวกหนูเขาเลิกกัน และมันเริ่มแปลกๆ คือ พี่สาวของหนูกับสามีของหนูเขาเริ่มคุยกันแปลกๆ แล้วมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้หนูสงสัย แต่ก็ไม่ได้ไปสนใจอะไรขนาดนั้น พอมาเริ่มสังเกต สามีหนูมีการลบแชททุกอย่างออก แต่ในแชทไลน์เขาก็มีการส่ง Good Morning กันทุกวัน ส่งสติ๊กเกอร์จุ๊บทุกวัน มีการแลกดูกับข้าวกันด้วย วันละ 3 มื้อ ซึ่งกับหนูเขาไม่เคยทำแบบนี้เลย พอหนูจับได้ หนูก็ถามเขาว่า มันคืออะไร? ยังไง? แล้ววันนั้นเรา 3 คนอยู่ข้างนอกด้วยกัน แต่แฟนบอกว่ามีอะไรให้กลับไปคุยกันที่บ้าน พอมาถึงบ้านเราก็มีการคุยกัน แต่สามีของหนูโวยวายขึ้นมา แล้วเขาก็หนีออกจากบ้านไปเลย กลับบ้านอีกทีตอนเช้าอีกวัน แต่ตอนนั้นเหลือหนูกับพี่สาว หนูก็เลยถามพี่สาวว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่สาวก็ไม่ได้ยอมรับ หนูก็พูดไปประมาณว่า ถ้าแฟนหนูรู้สึก หนูอยากให้เขาหยุด แต่ตอนนั้นหนูไม่ได้โทษพี่สาวเลยว่าเขาจะรู้สึกอะไรกับแฟนหนู ทางฝั่งพ่อกับแม่ของสามีก็มาด่าหนูว่า หนูหึงสามีไม่เข้าเรื่อง พอใช้ประโยชน์พี่สาวหมดก็จะไล่เลยหรอ? หนูก็เลยยอมขอโทษที่หนูโวยวาย จนเหตุการณ์มันเกิดไปได้ประมาณอาทิตย์นึง หนูก็กลับไปเห็นแชทไลน์ในโทรศัพท์ของพี่สาว ประมาณว่า สามีของหนูไปหึงผู้ชายที่ทักมาคุยกับพี่สาวหนู หนูก็เลยแคปแชทนี้ส่งไปให้สามีดู แล้วถามเขาว่า มันคืออะไร? เขาก็ไม่ตอบหนูเลยทั้งวัน จนกลับมาตอนเย็น เขาก็มายอมรับกับหนูว่าเขารักพี่สาวหนู แต่ยังไม่ได้มีอะไรกัน แล้วพี่สาวก็มายอมรับว่ารู้สึกดีกับสามีหนู หลังจากนั้นทุกอย่างมันเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ใช้ชีวิตระแวงกันมาตลอด และสามีก็มาพูดกับหนูว่า ขออยู่แบบ 3 คนผัวเมียได้ไหม? หนูก็เลยย้อนถามกลับไปว่ามีอะไรกันแล้วหรอ? ทำไมถึงมาขอแบบนี้ เขาบอกยังไม่ได้มีอะไรกัน แต่เขาอยากได้ เขาจะเอา หนูก็บอกว่าไม่ได้หรอก แล้วลูกจะอยู่ยังไง เพราะลูกทั้ง 2 คนก็อยู่ในบ้านด้วย เขาก็บอกว่า ขอรักพี่สาวหนูเพิ่มอีกคนนึงได้ไหม? หนูไม่รู้จะพูดยังไงเลย พอเขาพูดจบปุ๊บ พี่สาวหนูก็พูดขึ้นมาว่า ลองให้มันไปอยู่กับพี่ไหม แบบไปเช่าหออยู่ด้วยกัน หนูก็เลยถามว่า อยากลองหรอ ตอนนั้นหนูรู้สึกอยากดึงใครสักคนไว้กับหนู หนูขอร้องให้พี่สาวกลับมาเป็นพี่สาวของหนู ส่วนผู้ชายอยากออกไปไหนก็ไปเลย... แต่พี่สาวพูดกับหนูว่า เขาไม่สามารถกลับมาเป็นพี่สาวหนูได้แล้ว เขาให้เหตุผลว่าหนูคิดไปไกลเกินที่จะกลับมาอยู่ด้วยกันได้แล้ว หนูไม่รู้เลยว่าเขาไปถึงขั้นไหนกัน ตลอดระยะเวลาหนูก็ถามสามีตลอดว่าเอาความรู้สึกกลับมาได้ไหม ถึงแม้เธอจะบอกว่าไม่มีอะไรกัน หนูเชื่อนะ ขอร้องได้ไหม อยู่กับหนูกับลูกได้ไหม? หลังจากวันนั้น พี่สาวก็ขอออกจากบ้าน เขาบอกเขาอึดอัด อยู่ไม่ได้ แต่พอพี่สาวย้ายออกไป เหตุการณ์มันเริ่มแย่ลงทุกวัน สามีหนูไม่กลับบ้านเลย เขาบอกขอออกไปขับรถเล่น ค่ำไหนก็นอนนั่น เขาบอกอยู่กับหนูแล้วอึดอัด เพราะหนูจับผิดเขาตลอดเวลา หลังจากนั้นผู้ชายก็มาขอกลับไปอยู่บ้านกับพ่อ-แม่ หนูก็บอกโอเค ถ้าเธออยากกลับไป ก็ไปจัดการความรู้สึกตัวเองให้ได้ก่อน แล้วเธออยากเลือกทางซ้าย ทางขวา เธอไปได้เลย หนูก็พูดและกอดเขาทั้งน้ำตา แล้วเขาก็ออกจากบ้านไป ซึ่งหนูก็อยากรู้ว่าเขาโกหกไหม เพราะตลอดระยะเวลาที่พี่สาวหนูออกไปอยู่ข้างนอก หนูไม่เคยตาม ไม่เคยรู้เลยว่าพี่สาวอยู่ที่ไหน แต่วันนั้นหนูตามไปดู ไปถึงพักพี่สาวประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง หนูเจอเขาอยู่ด้วยกัน หนูก็ไปคุยกับสามีว่ามาอยู่ทำไมที่นี่ เขาบอกว่า พี่สาวขอให้มาหา มาคุยกันเรื่องหนู เพราะพี่สาวอยากให้สามีกลับไปอยู่กับหนู หนูไม่มีอะไรจะต้องเชื่อแล้ว ทุกอย่างที่หนูเห็น หนูให้โอกาสเขาทั้งคู่มาตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม แล้วคืนนั้นเขาก็หายไปพร้อมกันเลย แต่หนูไม่ได้โทษว่าเขาไปด้วยกัน พี่สาวหนูกลับมาอีกทีวัน 10 ประมาณอาทิตย์กว่าๆ แต่แฟนหนูกลับมาอีกทีวันสงกรานต์ เขาก็ไม่เข้าบ้านอีกเลยจนถึงวันนี้ และเขาก็ไม่สนใจลูกด้วย หนูอยากจัดการความรู้สึกตัวเอง ตอนนี้หนูทรมานมากๆ หนูควรจะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง? หนูกลัวตัวเองดิ่งไปมากกว่านี้ ซึ่ง “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อย่างแรกเลยคือยอมรับกับตัวเองว่ามันหนัก แล้วก็เผชิญกับความจริงก่อนในตอนนี้ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว พี่คิดว่าการที่เรายอมรับว่าเจ็บคือเจ็บ เสียใจคือเสียใจ ผิดหวังคือผิดหวัง อยู่กับความจริงให้ได้มากที่สุดก่อน เป็นใครเจอก็คงไม่ สามารถที่จะรับมือมันได้แบบยิ้มสู้ ไม่มีทาง แต่สักวันคงทำได้ แต่เร็วช้าพี่ยังไม่กล้าพูดเลยจริงๆ เพราะมันก็เป็นเรื่องหนักและเรื่องใหญ่ แล้วเป็นพี่สาวที่เป็นคนสำคัญและกำลังสำคัญในชีวิต แต่ในตอนนี้เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราต้องแยกเรื่องของอารมณ์ กับ การใช้ชีวิตของเราต่อไปให้ได้ถ้าเป็นพี่นะ ในส่วนเสียใจพี่เข้าใจ แต่เราต้องเริ่มคิดละว่า ฉันจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรก่อน เพราะฉันไม่ได้ตัวคนเดียว ถ้าเราตัวคนเดียว โอเค เราปล่อยตัวเองให้จมลงสักพักนึง เพราะรู้สึกเหมือนว่ามันใกล้จะขาดใจ เราค่อยตะเกียกตะกายขึ้นมาหายใจแล้วอาจจะยังพอไปต่อได้ แต่ตอนนี้มีคนที่อยู่บนบ่า มีคนที่อยู่บนไหล่ ของเราอยู่ด้วยนั่นก็คือลูกถ้าเป็นพี่ พี่จะรวบรวมสติเอามาตั้งไว้อยู่ตรงนี้ก่อน ย้ายโฟกัส ย้ายที่วางหัวใจ คือมันย้ายไม่ได้แบบสมบูรณ์แบบหรอก หยิบตรงโน้นมาวางตรงนี้มันไม่ได้ขนาดนั้น แต่อย่างน้อยแค่พยายาม เมื่อไหร่ที่เผลอไปคิด ไม่ถึงกับขนาดที่ว่าต้องบีบคั้นตัวเอง จนเกินไปแต่ลองค่อยๆ พยายาม นึกถึงเรื่องนี้ให้น้อยลงแล้วมาโฟกัสก่อนว่า ฉันจะดูแลลูกยังไงฉันจะเดินหน้าต่อไปยังไง แปลว่าถ้าตอนนี้ไม่มีเขาเราอยู่ได้เพราะเรามีบ้านเป็นของตัวเองและที่ผ่านมาเราไม่ได้พึ่งเงินหรือรายได้จากของผู้ชายขนาดนั้น เราเลี้ยงดูลูกได้ เราเลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่ต้องหยิบยืม ไม่ต้องเป็นหนี้นอกระบบ อย่างน้อยก็โฟกัสตรงนี้ก่อน ณ ตอนนี้ปัญหาเดียวคือเรื่องใจแล้วมาที่เรื่องใจ เราจะเริ่มคิดวนอยู่ในหัวว่านี่พี่สาวเรา นี่คือคนสำคัญในชีวิตเรานะ นี่คือสามีเรานะ ซึ่งความคิดเหล่านี้ไม่ผิดหรอก พี่เข้าใจ แต่การคิดมันเหมือนกับเอามีดเล่มเดิมมาแทงตัวเองซ้ำๆ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วก็คือเกิดขึ้นแล้ว ยอมรับมันซะ ถ้าการคิดประโยคเหล่านั้นไม่ได้ช่วยอะไรแล้วก็ไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว โกรธได้ ผิดหวังได้ แต่อย่าปล่อยให้มันกลายเป็นความรู้สึกเคียดแค้นหรือพยาบาท หรืออย่าพาตัวเองไปถึงจุดที่อยากทำให้คนเหล่านี้รู้สึกเจ็บปวดอย่างสาสมบ้าง จะพาทุกคนให้ดิ่งลงไปหมดในท้ายที่สุดถึงแม้ว่ามันจะยังทำไม่ได้แต่ให้ปักธงปักหมุดตั้งเป้าหมายไว้ว่า เราจะใช้พละกำลังทั้งหมด สติทั้งหมดที่มี เท่าที่จะกอบกู้ได้ ในการทำชีวิตจากวันนี้ให้ดียิ่งขึ้น โดยโฟกัสที่ชีวิตของเรา และครอบครัวของเรา คือเราและลูกก่อน เป็นการลำดับความสำคัญแรก ที่เหลือช่างเขา เพราะเราทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่อให้เขากลับมา ซึ่งในใจเราอาจจะยังอยากจะให้เขากลับมาในวันนี้ พี่เข้าใจในส่วนนี้ แต่มันบังคับไม่ได้สรุป : ความเสียดายความผิดหวังทั้งหมดที่หนูพูดให้พี่ฟัง พี่โคตรเข้าใจเลยจริงๆ ถ้ามันเกิดขึ้นกับพี่ พี่คงไม่ได้พูด ถึงเรื่องนี้ได้แบบชัดเจนและเข้มแข็งขนาดนี้เหมือนกัน อนุญาตให้ตัวเองอ่อนแอได้นะ แต่หลังจากที่อ่อนแอเสร็จแล้ว ตอนที่เข้มแข็งแล้ว ต้องลุกขึ้นมาแล้วกอบกู้ทุกอย่าง แล้วปักธงว่าฉันจะเอาพละกำลังในชีวิตนี้ที่มันยังดีอยู่ทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นไปให้ได้ และดีต่อไปให้ได้ อย่ายอมให้ส่วนอื่นๆมันพังไปด้วยโดยไม่จำเป็น “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เก๋อยากได้พี่สาวคืนแต่เก๋ต้องดูด้วยว่าพี่สาวของเรา อยากได้ความสัมพันธ์กับเราในแบบเดิมคืนหรือเปล่า เรื่องครอบครัวเราเลือกไม่ได้ คำถามที่ว่าทำไมต้องเกิดขึ้นกับฉัน ทำไมพี่สาวถึงต้องเป็นแบบนี้ ให้สามีฉันเป็นแบบนี้ ซึ่งคำถามเหล่านี้เป็นคำถามบั่นทอนทั้งหมดเลย แต่โหมดเสียใจ เราก็จะฟูมฟายไป แต่โหมดแห่งสติก็ต้องวางแผนแล้วเหมือนกัน ถ้าเวลาที่ลูกถามบางอย่าง ซึ่งมันเป็นคำถามที่ช่างบั่นทอนเราเหลือเกิน แต่อย่าลืมว่าเด็กเค้าก็มีคำถามแบบเด็กๆของเค้าเหมือนกัน แต่อย่าลืมว่าความเจ็บปวดตรงนั้นเราต้องมีสติก่อน เมื่อไหร่ที่ลูกถามคำถามนี้ปุ้ป แล้วเก๋พังพินาศลงไป ลูกยิ่งใจเสียใหญ่เลย เมื่อลูกมีพ่อที่กอดเขาไม่แน่นพอ เราก็ต้องเป็นแม่ที่กอดเค้าให้แน่นขึ้นเป็นสองสามเท่า เหตุการณ์ใดใดที่เกิดขึ้น ตอนนี้คนที่ควรอายไม่ใช่ฉัน เพราะฉะนั้นต้องใช้ชีวิตแบบที่ให้เกียรติตัวเอง ฉันไม่ได้ผิด ฉันเป็นภรรยาที่ดีที่สุด ฉันซื่อตรงต่อสามีที่สุด ฉันเป็นน้องที่กตัญญูต่อพี่สาวที่สุด แต่วันหนึ่งมนุษย์คือมนุษย์ มีความเลวร้ายมีความดี แล้วอยู่ที่ว่าจะหันมุมไหนออกมาให้เราเห็นได้มากกว่า และวันนี้ต่อให้เป็นพี่สาว พี่ก็จะใช้คำว่า “พี่สาวแล้วไง? เมื่อสำนึกความเป็นพี่สาวของเค้ายังไม่มีเลย!” แล้วการที่เรียกร้องความเป็นพี่สาวให้กับเราในวันนี้พี่เชื่อเลยว่ามันเรียกร้องไม่ได้หรอก วันนี้เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นก็ยอมรับให้ได้ก่อน น้องต้องทำให้เห็นให้ได้ว่าความถูกต้อง และฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องมาตลอด และฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องกับคนที่ฉันไว้ใจ แต่คนที่ฉันไว้ใจเลวร้ายที่สุดเลย เราเลยจำเป็นต้องพยายามยืนให้อยู่ ซึ่งพี่ไม่ได้หมายความว่าต้องเข้มแข็งภายในวันนี้นะ ไม่มีทางหรอก อ่อนแอคืออ่อนแอ ร้องไห้คือร้องไห้ สู้ไหวก็เดินหน้า สู้ไม่ไหวปุ๊บ ลงไปนั่งพักแป๊บนึง และไม่จำเป็นจะต้องมานั่งกระหน่ำซ้ำเติมตัวเองว่า ให้ฉันต้องมาเจอแต่เรื่องอะไรแบบนี้ เมื่อเจอแล้วก็ต้องลุยแล้วต้องเดินหน้า ให้คนศีลเสมอกันไปอยู่รวมกันเลย วันนี้ฉันจะใช้ชีวิตอย่างถูกต้องที่สุด ฉันแค่คนโชคร้ายที่คนหันมุมร้ายๆมาใส่ฉันพอดี จะร้องไห้อีกกี่วันก็ได้นะ พี่ไม่ได้บอกว่าต้องเข้มแข็งนะคนเรามันก็มีมุมอ่อนแอได้ ขอให้ร้องไห้ปั๊บ อยากให้รู้ตัวเองว่า ถึงเวลาแล้วนะ ลูกมองอยู่ “ไม่ต้องเข้มแข็งในวันที่อ่อนแอเพราะแผลจะใหญ่กว่าเดิม” บางเรื่องแก้ได้ที่เราก็แก้เลย แต่บางเรื่องที่คนสองคนไปทำเลวร้ายกัน เราแก้ไม่ได้ก็ปล่อยให้มันเป็นกรรมของเค้าสองคนไป เห็นไหม? หนูไม่มีเขาหนูก็ยังอยู่ได้ และบอกกับตัวเองเสมอว่า ฉันเป็นแม่ที่แข็งแรงมาก เพราะในวันที่ควรจะอ่อนแอเหลือเกินฉันก็ยังไหวอยู่เลย’ “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษว่า ‘เรื่องนี้ ที่เกิดขึ้น ในมุมดีมันจะทำให้เก๋หลุดพ้น จากเรื่องนี้ได้ง่ายมาก ก็เหตุการณ์ทั้งหมดนี้มันคือสถานการณ์วัดคนได้เลยว่า ไม่มีศีลธรรม ไม่มีมโนสำนึก ไม่มีสิ่งดีๆ ที่คนในฐานะสามีและพี่สาวควรจะทำ ฉะนั้นพี่เลยรู้สึกว่า สองคนนี้ ไม่ได้มีค่าอะไรที่เราจะเอาไว้ในชีวิต เมื่อเขาตัดสินใจทำสิ่งเหล่านี้กับเรา พี่สาวตัดสินใจจะแย่งสามีเรา ส่วนสามีก็ไปเป็นชู้กับพี่สาวเรา แล้วเขาทั้งสองคนก็แสดงความเหี้ยม ที่จะชัดเจนมากว่าต้องการอะไรในชีวิต แล้วเขาก็ทำเลย โดยที่มันโหดร้ายกับเก๋ แต่ไม่ได้เลี้ยงเก๋ไว้จนแบบทรมาน สิ่งเหล่านี้ถ้าพยายามบอกและเข้าใจมัน และยอมรับมันว่า ทั้งสองคนคือสามีเราและพี่สาวเรา ซึ่งเค้าเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ใช่คนที่เราเคยรู้สึกกับเขาในอดีต ว่าเรารักเขา เขารักเราและเราต้องดีต่อกัน 2 คนนี้เค้าไม่ใช่คนเดิมแล้ว จะยิ่งทำให้เก๋เดินออกจากชีวิตของพวกเขาได้เร็วขึ้น เพื่อตัวหนูและเพื่อลูกของหนู เพราะยิ่งหนูเศร้านานเท่าไหร่ ชีวิตหนูก็จะยิ่งอยู่ในความทุกข์เท่านั้น ลูกของหนูที่ได้มองแม่ร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่มีความสุขกับชีวิตเขาเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องรีบลุกขึ้นเพื่อตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เรื่องนี้ต้องถึงสื่อ!! ลูกสาวโทรปรึกษา พ่อหย่ากับแม่มา 5-6 ปีแล้ว แต่ยังอยู่บ้านเดียวกัน พ่อไม่ยอมไปไหนและไม่ทำงาน ทำร้ายแม่กับลูกๆ พ่อเคยใช้มีดดาบซามูไร แทงทะลุประตูเข้ามาในห้อง ซึ่งหนูก็มีหลักฐาน คลิปเหตุการณ์ ผลตรวจร่างกายครบ

12 พ.ค. 2023

เรื่องนี้ต้องถึงสื่อ!! ลูกสาวโทรปรึกษา พ่อหย่ากับแม่มา 5-6 ปีแล้ว แต่ยังอยู่บ้านเดียวกัน พ่อไม่ยอมไปไหนและไม่ทำงาน ทำร้ายแม่กับลูกๆ พ่อเคยใช้มีดดาบซามูไร แทงทะลุประตูเข้ามาในห้อง ซึ่งหนูก็มีหลักฐาน คลิปเหตุการณ์ ผลตรวจร่างกายครบ

เรื่องนี้ต้องถึงสื่อ!! ลูกสาวโทรปรึกษา พ่อหย่ากับแม่มา 5-6 ปีแล้ว แต่ยังอยู่บ้านเดียวกัน พ่อไม่ยอมไปไหนและไม่ทำงาน ทำร้ายแม่กับลูกๆ พ่อเคยใช้มีดดาบซามูไร แทงทะลุประตูเข้ามาในห้อง ซึ่งหนูก็มีหลักฐาน คลิปเหตุการณ์ ผลตรวจร่างกายครบ พอไปแจ้งความ ตำรวจบอกแค่... ‘เป็นปัญหาในครอบครัว’ หนูสงสัย หรือต้องรอให้มีคนตายก่อนหรอคะ? “คุณหลิน (นามสมมติ)” สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (10 พ.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาครอบครัว โดย “คุณหลิน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘พ่อของหนู เขาไม่ใช่พ่อและสามีที่ดีเลย เพราะเขาทำร้ายร่างกายแม่โดยตลอด หนูเห็นมาตั้งแต่เกิด เขาไม่เคยให้ความรักกับลูกๆเลย และเป็นคนเจ้าชู้ มีเล็ก มีน้อย มาตลอด ทั้งพาเข้าบ้าน เป็นเพื่อนของแม่ ลูกค้าในร้าน แม้กระทั่งแม่บ้านก็มี ส่วนแม่ก็ไม่โอเค เพราะตั้งแต่หนูเด็กๆต้องนั่งรถกับแม่ตอนกลางคืน เพื่อไปขับรถตามหาพ่อทั่วเมือง และเวลาที่พ่อทำร้ายร่างกายหรือเอาผู้หญิงเข้าบ้าน แม่ก็เคยพาหนูหนีออกจากบ้านด้วย และเวลาที่พ่อทำร้ายร่างกายแม่ หนูก็เข้าไปห้ามแต่ก็จะโดนด้วยตลอด หนูมีพี่น้อง 4 คน หนูเป็นคนที่ 2 น้องเล็กสุดอายุ 16-17 ปี ซึ่งแม่ก็ต้องพึ่งเรื่องเงินจากพ่อ และพ่อก็ไม่สามารถดูแลลูกได้ เพราะส่วนใหญ่แม่จะเป็นคนที่คอยรับ-ส่งโรงเรียน แม่จะเป็นคนที่รู้รายละเอียดของลูกทุกอย่าง พ่อไม่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเลี้ยงเลย ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกไม่เคยมีการพูดคุยกันเลย จะต่างคนต่างอยู่ ตั้งแต่เด็กๆเลย หนูเลิกเรียนกลับบ้านมาก็จะเห็นพ่อนั่งกินเหล้าอยู่ทุกวัน ถ้าวันหยุดพ่อก็จะบังคับให้ช่วยทำงาน เพราะเขาทำงานแบบต่อเติมบ้าน หนูกับพี่ๆก็ต้องช่วยเขาแบกของทาสีตลอด ณ ปัจจุบัน แม่หย่ากับพ่อมา 5-6 ปีแล้ว แต่หลังจากที่หย่ากัน พ่อก็ไม่ไปไหน ยังอยู่บ้านเดียวกับพวกหนู เขาไม่ยอมออกไป ทางคุณย่าและญาติเขาก็ไม่มีใครรับด้วย และที่สำคัญคือเขาก็เลิกทำงานไปเลย หนูคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะนิสัยของเขาด้วย เวลาเขาไปทำงานให้ใคร เขาก็จะแอบไปมีอะไรกับภรรยาของลูกค้า หรือด้วยหลายๆอย่างที่ทำให้ลูกค้าไม่กลับมาร่วมงานกับเขา ลูกค้าใหม่ก็ไม่มีเลย ทำให้พ่อไม่มีงาน และไม่มีใครอยากจะยุ่ง ตอนนี้คุณแม่เป็นเสาหลักของบ้านแทนแล้ว แม่ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ทั้งค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน ลูกอีก 4 คน และพ่อที่หย่ากันไปนานแล้ว ตอนนี้พี่สาวกับหนูก็ทำงานแล้ว จะดูแลตัวเองกันและมีช่วยในเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งบ้านของหนูที่อยู่ตอนนี้เป็นอาคารพาณิชย์ เป็นบ้านที่ซื้อแล้ว ชื่อเจ้าของบ้านเป็นชื่อของลูก 3 คน ซึ่งทางครอบครัวก็ได้ประกาศขายบ้านไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครสนใจเลย พวกหนูแยกสัดส่วนพื้นที่กัน แม่จะอยู่ชั้น 2 ส่วนพ่อจะอยู่ชั้น 3 เวลากินข้าวก็จะไม่กินร่วมกัน ทุกอย่างแยกกันอยู่หมด แต่เขาจะคอยมาขอเงินตลอด ถ้าไม่ให้เขาก็จะขู่ว่าแบบอย่ากดดันเขามาก เขาไม่อยากฆ่าคนตอนแก่ การที่แบ่งชั้นให้พ่อกับแม่ ก็มีการคุยกันแล้วว่าจะไม่มีการมายุ่งกัน ไม่ให้มาเกี่ยวข้องกันอีก ถ้ามีอะไรต้องคุยผ่านลูกอย่างเดียว แต่พ่อก็ยังเข้าไปทำร้ายแม่ในห้อง ในพื้นที่ของแม่อีก เข้าไปตบตี ซึ่งหนูมีคลิปวิดีโอ มีกล้องวงจรปิดทุกอย่าง หนูเอาไปแจ้งความก็แล้ว ตรวจร่างกายก็แล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะตำรวจบอกว่าเป็นปัญหาของครอบครัว นอกจากเขาทำร้ายแม่แล้ว เขาก็ยังทำร้ายลูกๆอีกด้วย เหมือนเขาพยายามจะเปิดห้องเข้ามา แต่ลูกๆไม่ให้เข้า เขาใช้มีดเหมือนดาบซามูไรแทงสวนมาตรงซอกประตู แล้วเขาบอกให้ออกมาคุย ทุกครั้งที่เกิดเรื่องก็มีการโทรแจ้งตำรวจตลอด พอตำรวจมา พ่อก็จะบอกไม่มีอะไรครับ เขาดูเป็นคนปกติ แบบคุยรู้เรื่องขึ้นมาทันที หนูมีคลิปทุกอย่าง แต่ตำรวจบอกว่าทำอะไรไม่ได้ เหตุสงบแล้ว ไม่ได้เป็นเหตุซึ่งหน้า พวกหนูทำทุกทางแล้ว แจ้งตำรวจหลายรอบมาก แจ้งหน่วยงานความรุนแรงในครอบครัว เขาก็มาทำข้อตกลง ทำสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น หน่วยงานก็บอกว่าเขาทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ตอนนี้หนูห่วงแม่ที่สุด เพราะแม่ก็เพิ่งตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็ง ร่างกายเขาก็แย่แล้ว จิตใจต้องมาเจอเรื่องอะไรพวกนี้อีก หนูก็เลยติด Digital door lock เพื่อความปลอดภัยของแม่มากขึ้น แต่ล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เขาก็พยายามใส่รหัส แล้วก็จะพังประตู พวกหนูก็เลยแจ้งตำรวจอีก เขามาและก็กลับไปเหมือนเดิม... โดยเรื่องนี้ ทั้ง 3 ดีเจได้ให้ความคิดเห็นตรงกันว่า 'ควรที่จะออกมาจากบ้านหลังนี้ก่อน เพราะสถานการณ์ค่อนข้างอันตราย เรื่องที่พ่อใช้ความรุนแรงก็เพิ่งเกิดเมื่อสัปดาห์ก่อนนี่เอง อยากจะให้ถอยออกมาตั้งหลัก คิดหาทางออกในที่ที่ปลอดภัยก่อน การขายตึก หรือ ประกาศขาย อาจจะไม่ใช่ทางออกทั้งหมดของเรื่องนี้ แนะนำให้ ประกาศขายออนไลน์ หาคนมาซื้อตึกอีกที แล้วถ้าคุณแม่มีญาติ ลองขอย้ายไปอยู่บ้านญาติก่อนดีไหม? มันเป็นกรณีฉุกเฉิน คุยกับญาติเลย เพราะการอยู่ต่อไปในบ้านหลังนี้ อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ ลองติดต่อหา มูลนิธิ เพจ หรือ สื่อต่างๆ ที่รับเรื่องนี้ พอเรื่องมันดัง มีคนให้ความสนใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะหันมาสนใจเรื่องนี้มากขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้ น่าแปลกใจที่สังคมเป็นแบบนี้ไปแล้ว คนหันไปหาช่องทางช่วยเหลืออื่นๆแทนที่จะไปแจ้งความเพียงอย่างเดียว สุดท้ายทั้ง 3 ดีเจขอส่งกำลังใจไปถึงน้องหลิน ครอบครัว และ ทุกคนในครอบครัวด้วยนะ มีอะไรสามารถอัปเดตเพิ่มเติม ติดต่อทางทีมงานเรามาได้ตลอดเลย'เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1