เราเพิ่งฟ้องหย่าสามี เพราะสามีมีผู้หญิงอื่น แต่อยากจะได้วิธีการสอนลูกยังไงให้ไม่เกลียดพ่อตัวเองดีคะ?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เราเพิ่งฟ้องหย่าสามี เพราะสามีมีผู้หญิงอื่น แต่อยากจะได้วิธีการสอนลูกยังไงให้ไม่เกลียดพ่อตัวเองดีคะ?

28 พ.ย. 2025

เราเพิ่งฟ้องหย่าสามี เพราะสามีมีผู้หญิงอื่น
เรากอดลูกสาว 8 ขวบร้องไห้ตลอด ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว
แต่อยากจะได้วิธีการสอนลูกยังไงให้ไม่เกลียดพ่อตัวเองดีคะ?
พ่อเขาก็ยังมีแวะมาเจอลูก มาทำหน้าที่พ่ออยู่
จะทำให้ลูกเข้าใจยังไงดีว่าพ่อและแม่
จะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมกันแน่นอน

                “คุณน้ำชา (นามสมมติ)” อายุ 37 ปี เป็นสายแรก ในรายการ พุธทอล์คพุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (26 พฤศจิกายน 2568) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เรื่องขอวิธีสอนลูกไม่ให้ลูกเกลียดพ่อ และให้เข้าใจว่าพ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว

                “คุณน้ำชา (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘อยากมาปรึกษาเรื่องวิธีการสอนลูกที่ไม่ให้เขาเกลียดพ่อ คือเราเพิ่งหย่ากับสามี ลูกเราอายุ 8 ขวบ พอจบเรื่องหย่าแล้วลูกก็อยู่กับเรา แต่ว่าฝ่ายพ่อต้องส่งค่าเลี้ยงดูให้เราทุกเดือนตามคำสั่งของศาล แต่จริง ๆ แล้วลูกเขาไม่ได้เกลียดพ่อ เพียงแต่ว่าตอนที่เกิดเรื่อง เราก็เล่าให้ลูกฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ พ่อกับแม่ไม่ได้รักกันแล้ว พ่อไปรักคนผู้หญิงคนอื่น เขาก็ได้รับรู้ในวัยที่เขาควรจะรู้แล้ว

                แต่บางครั้งเขาก็จะถามว่า “พ่อไปไหน ทำไมพ่อไม่กลับ” แรก ๆ เราก็บอกไปว่าพ่อเขาไปทำงาน จนหลัง ๆ มันเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา เราก็เลยบอกไปว่ามันเกิดเรื่องนิดนึงนะ พ่อกับแม่ไม่ได้รักกันแล้ว พ่อเผลอไปรักผู้หญิงคนอื่น มันก็เลยทำให้เราต้องห่างกัน ในช่วงนั้นคือทรมานมาก ๆ เราร้องไห้และกอดไปกับลูก เราบอกกับเขาว่าพ่อเขาทำผิดและแม่ก็ไม่สามารถให้อภัยพ่อได้ คือเรื่องมันรุนแรงมากจนไปถึงชั้นศาล ไปถึงการฟ้องร้อง แต่ ณ วันนี้ สถานะทุกอย่างมันก็จบลงเหลือเแค่การเป็นพ่อเป็นแม่ให้ลูก ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้ดูแลลูกอยู่แล้ว เขามีหน้าที่แค่โอนเงินรายเดือนมาให้ หลังจากเกิดเรื่องเขาก็เจอลูกแค่ประมาณ 2-3 ครั้งในวันพิเศษต่าง ๆ อย่างวันเกิดลูก เราก็ไม่ได้กีดกันเลย แต่เรารู้อยู่แล้วว่าตัวเขาคงไม่ได้อยากที่จะมาหาลูก

                ลูกยังเคยมีคำถามว่า “พ่อจะไม่มีโอกาสกลับมานอนที่เตียงนี้แล้วใช่ไหม” เราก็ร้องไห้ แต่เราก็บอกไปว่า “ถ้าอยากไปนอนบ้านพ่อ ลูกก็ไปได้นะ” เวลาเขาเจอพ่อ เขาก็ดีใจตามประสาเด็กที่ไม่ค่อยได้เจอพ่อ เหมือนว่าเขาวางพ่อไว้เป็นฮีโร่ของเขา เป็นคนที่เขาคิดถึง เป็นคนที่เขาอยากเจอ เวลาเขาไปเที่ยวกับพ่อแล้วเราถามว่าเป็นยังไง เขาก็จะตอบกลาง ๆ เซฟพ่อของเขา คือลูกเราเขาเป็นคนที่เซฟทุก ๆ คน จะไม่พูดว่าร้ายใครเลย แต่ตอนอยู่ด้วยกัน พ่อกลับไม่ได้เลือกครอบครัวเป็น Priority หลัก ก็ไม่ได้สนใจลูกเท่าไหร่

คือเราไม่อยากสอนให้ลูกเกลียดพ่ออยู่แล้ว แต่ในอีกทางคือลูกก็จะอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ไม่ได้ สรุปแล้วสิ่งที่เราทำมันโอเคแล้วหรือเปล่า’

                เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมค่อนข้างเป็นคนที่คุยกับลูกด้วยเหตุผลอยู่แล้ว ถ้าเราสังเกตว่าลูกของเรา เขาเป็นคนที่สามารถเข้าใจในเหตุและผลที่เราเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังได้ ถ้าสิ่งที่เราพยายามอธิบายแล้วเขาเข้าใจว่า พ่อไปชอบผู้หญิงคนอื่นนะ แต่พ่อก็ยังเป็นพ่ออยู่ ซึ่งผมว่าอันนี้ซับซ้อนที่สุดแล้ว ถ้าลูกสาวของคุณน้ำชาเข้าใจมันในระดับหนึ่งได้ ถ้าเป็นผม ผมจะคุยด้วยเหตุและผลและพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจว่าความสัมพันธ์ในแบบผู้ใหญ่ มันจะเริ่มซับซ้อนขึ้นอย่างไรบ้าง ความรักที่มีให้กันวันหนึ่งจะหมดลง ผมจะค่อย ๆ อธิบายให้กับลูกฟัง โดยที่ผมจะไม่พยายามไปชี้นำว่าเขาต้องรักพ่อนะ เขาต้องเกลียดพ่อนะ แต่เลือกวิธีที่จะถามและฟังว่าเขารู้สึกอย่างไรมากกว่า แล้วเราก็ปรับจากตรงนั้น เขาจะเข้าใจมากหรือน้อยไม่รู้แต่ดีกว่าผมไม่ได้สื่อสารออกไป เราฟังว่าเขารู้สึกบวกหรือลบ เต็มสิบเขายังรักพ่อเท่าไหร่ แล้วเราค่อยเดินหน้ากันต่อด้วยพื้นฐานตรงนั้นมากกว่า

และผมยังเชื่อว่าถ้าเป็นบ้านที่ใช้เวลากับการอ่านหนังสือด้วยกัน มันจะมีหนังสือนิทานที่เล่าเกี่ยวกับครอบครัว อาจจะเป็นครอบครัวสัตว์ชนิดหนึ่งที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์ ผมว่ามันอาจจะเป็นสื่อกลางที่ทำให้เรามีภาพมาเปรียบเทียบให้เด็กเข้าใจได้’

                ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาเสริมว่า ‘พี่จะค่อย ๆ ให้ลูกรับรู้และก็อยู่กับความจริงที่ว่าจากนี้พ่อกับแม่จะไม่เหมือนเดิม ชีวิตเขาจะต้องเปลี่ยน แต่ว่ามันจะไม่มีวันที่พ่อกับแม่จะไปอยู่ด้วยกันแบบเดิม มันต้องใช้เวลาให้เขายอมรับตรงนี้ให้ได้ แรก ๆ เขาก็จะงงแหละ แต่ว่าสักพักเขาจะเข้าใจและอยู่กับมันได้ เพราะชีวิตเขาก็จะชินไปเอง ซึ่งมันต้องใช้เวลา

ส่วนเรื่องที่ว่าจะพูดยังไงไม่ให้เขาเกลียดพ่อ พี่ว่ามันไม่จำเป็นต้องไปพูดว่า “อย่าไปเกลียดพ่อนะ” พี่แค่รู้สึกว่าอธิบายให้เขาเข้าใจว่าพ่อกับแม่จากที่เคยรักกัน ตอนนี้มันมีบางอย่างที่ทำให้เราไม่ได้รักกันอีกต่อไปแล้ว โดยที่สถานะความเป็นพ่อเป็นแม่มันยังคงอยู่ สำหรับพี่ พี่ก็จะบอกเขาว่า สิ่งที่พ่อมีปัญหากับแม่ มันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่พ่อทำกับหนู เพราะฉะนั้นความรู้สึกที่หนูมีต่อพ่อถ้ามันเคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นต่อไป หนูไม่ต้องไปโกรธเขาเพราะหนูรักแม่ มันไม่เกี่ยวกัน และที่สำคัญคือหนูจะรู้สึกอย่างไรกับเขาต่อจากนี้ไป ขึ้นอยู่กับว่าพ่อเป็นพ่อหนูอย่างไรด้วยเหมือนกัน

และสุดท้ายพี่ว่าน้ำชาต้องไม่พยายามพูดซ้ำ ๆ ในสิ่งที่พ่อทำกับเราในอดีตอีก เพราะว่าวันนี้มันจบแล้ว การไม่พูดถึงมันอีกคือสิ่งที่ดีที่สุด อยู่กับปัจจุบัน ให้ลูกตัดสินตามสิ่งที่เขาเห็น มันต้องขึ้นอยู่กับว่าน้ำชาต้องรู้ด้วยว่าลูกเป็นเด็กที่เข้าใจง่ายขนาดไหน บางอย่างต้องอธิบายละเอียดหรือยกตัวอย่างเปรียบเทียบอะไรให้เขาเห็นภาพหน่อย’

                สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาปิดท้ายว่า ‘ปัญหาของผู้ใหญ่อย่าไปยัดใส่ลูก ถ้ารักลูก ปัญหาสิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกคิดมาก ลูกจะรักหรือเกลียดพ่อมาจากการกระทำของพ่อที่เขาเห็นเอง เขาอาจจะไม่ดีกับเราแต่ตอนเขาอยู่กับลูกเขาอาจจะเป็นพ่อที่ดีก็ได้ ให้ลูกตัดสินใจเองว่าเขาจะรักหรือเขาจะเกลียดพ่อก็ด้วยการกระทำของพ่อเขา

ส่วนปัญหาของผู้ใหญ่ให้เป็นปัญหาของผู้ใหญ่ มันใหญ่เกินไปสำหรับเด็ก วันหนึ่งถ้าพ่อไม่รักลูก พ่อไม่มาหาลูก เด็กจะตัดสินใจได้เอง เขาจะรู้ได้ด้วยตัวเอง เขาอยู่ในช่วงปรับตัว ถ้าเรารู้สึกว่าการปรับตัวมันทำให้เขารู้สึกว่ามันยาก ลองหากิจกรรมหรือความสุขอื่น ๆ มาทดแทนให้เขา’

 เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 –23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูเคยโทรมาในรายการ เคสที่เคยเจอพ่อเอาปืนจ่อหัว เพราะหนูเป็น LGBTQ จนหนูหนีออกจากบ้านมากับแฟน อยู่ด้วยกันตั้งแต่ไม่มีอะไร จนมีเงิน มีธุรกิจ สร้างตัวได้แล้ว แฟนที่คบกันมา 10 ปีรักกันดีไม่เคยมีปัญหาอะไรมาก่อน แต่ล่าสุดนี้

24 มิ.ย. 2025

หนูเคยโทรมาในรายการ เคสที่เคยเจอพ่อเอาปืนจ่อหัว เพราะหนูเป็น LGBTQ จนหนูหนีออกจากบ้านมากับแฟน อยู่ด้วยกันตั้งแต่ไม่มีอะไร จนมีเงิน มีธุรกิจ สร้างตัวได้แล้ว แฟนที่คบกันมา 10 ปีรักกันดีไม่เคยมีปัญหาอะไรมาก่อน แต่ล่าสุดนี้

หนูเคยโทรมาในรายการ เคสที่เคยเจอพ่อเอาปืนจ่อหัว เพราะหนูเป็น LGBTQ จนหนูหนีออกจากบ้านมากับแฟนอยู่ด้วยกันตั้งแต่ไม่มีอะไร จนมีเงิน มีธุรกิจ สร้างตัวได้แล้ว แฟนที่คบกันมา 10 ปีรักกันดีไม่เคยมีปัญหาอะไรมาก่อนแต่ล่าสุดนี้ เขาเพิ่งย้ายออกจากบ้านหนูไปได้ 2 เดือน พร้อมกับเหตุผลว่า เขารู้ตัวแล้วว่าเขาชอบผู้ชายมากกว่าตอนนี้เขาไม่มีวี่แววกลับมาเลย ย้ายไปอยู่กับผู้ชายคนนั้น 10 ปีที่ผ่านมา มันเหมือนโลกพังทลายลงไปเลยหนูจะทำยังไงต่อไปดีคะ อยากขอกำลังใจจากทุกคน “คุณเค (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี เป็นสายที่ 4 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (18 มิถุนายน 2568) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเรื่องความรักที่คบกับแฟนมา 10 ปี เคยสร้างเนื้อสร้างตัว ฝ่าฟันอุปสรรค์มาด้วยกัน แต่เขาดันบอกเลิกเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าชอบผู้ชาย โดย “คุณเค (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เคยโทรมาในรายการแล้วครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องที่โดนพ่อไล่ออกจากบ้านเพราะเป็น LGBTQ แล้วหนีออกจากบ้านไปสร้างตัวกับแฟน แต่ปัญหาที่หนูโทรมาวันนี้ คือ หนูเพิ่งเลิกกับแฟนได้ 2 เดือน เขาบอกว่าเขาเพิ่งมารู้ตัวว่าเขาชอบผู้ชาย ซึ่งหนูอยู่กับเขามา 10 ปี เขาเป็นรักแรกของหนูและเป็นโลกทั้งใบของหนูเลย เมื่อก่อนใครๆก็บอกว่าหนูน่าอิจฉา แฟนก็รัก การงานก็ดี แต่ตอนนี้เหมือนโลกทั้งใบนั้นมันพังไปแล้ว หนูยังทำใจไม่ได้เลย หนูอยากให้พวกพี่ๆดีเจช่วยฮีลใจหนูหน่อย หนูควรทำยังไงดี?’ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่มีอะไรจะช่วยได้นอกจากเวลา เวลาจะค่อย ๆ เยียวยารักษาแผลนี้ให้ดีขึ้น แค่ต้องพยายามข่มตานอน ฝืนกิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีโอกาสเจอใครที่จะเป็นคู่ชีวิตของเราจริง ๆ มันยังมีโอกาสอีกมากมาย จงให้โอกาสนั้นกับตัวเอง อย่าปิดโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ และให้ชีวิตได้เรียนรู้จากความเจ็บปวดครั้งนี้ บางทีคู่ชีวิตอาจไม่ใช่คนที่คบกันมาเป็น 10 ปีก็ได้ สุดท้ายมันอาจจะเป็นคนใหม่ที่ก้าวเข้ามาก็ได้’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่มีอะไรที่เป็นของเราถาวร ฉะนั้นอย่าให้ใครมาเป็นโลกทั้งใบของเราอีก ตราบใดที่โลกยังหมุนไปข้างหน้า นี่ไม่ใช่เรื่องเดียวที่จะทำให้เราเจ็บปวดในชีวิต ไม่ต้องเสียงดายหรืออาลัยอาวรณ์กับคนที่เราเอื้อมมือคว้าแล้วไม่เจออีกแล้ว ถ้าเขาอยู่ตรงหน้าเราไม่ได้ เราเองก็ต้อง move on ขึ้นอยู่กับเราว่าจะพร้อม move on เมื่อไหร่’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ให้เวลากับมันจนกว่าวันหนึ่งเคจะเลิกคิดว่าเขาคือโลกทั้งใบของเรา แล้วหันมาเติมโลกของเราให้มันเต็มให้ได้ มันเจ็บแต่สักวันมันจะหาย สุดท้ายเราก็ไม่ได้อยู่กับใครไปจนตาย ชีวิตมันก็แค่นี้ ลุกขึ้นมาแต่งตัวสวยและรอรักครั้งใหม่ที่จะเข้ามา’ และสุดท้ายดีเจทั้ง 3 คน (ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม) ได้ให้ความเห็นตรงกันว่า ‘ให้เวลาช่วยเยียวยาทุกอย่าง และให้โอกาสตัวเองได้เจอกับรักครั้งใหม่ที่จะเข้ามา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แฟนหนู โทรมาบอกว่า เขากำลังจะเปิดช่องใหม่ใน TIKTOK จะทำ Content เกี่ยวกับไปสัมภาษณ์สาวๆ หนูกลัวว่ามันจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตรึเปล่า เพราะที่ผ่านมา เขาเคยนอกใจเรามาแล้ว 4-5 ครั้ง จะยินดีที่แฟนเริ่มทำอะไรใหม่ๆ หรือ ควรกังวลกับเรื่องนี้...

21 พ.ย. 2025

แฟนหนู โทรมาบอกว่า เขากำลังจะเปิดช่องใหม่ใน TIKTOK จะทำ Content เกี่ยวกับไปสัมภาษณ์สาวๆ หนูกลัวว่ามันจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตรึเปล่า เพราะที่ผ่านมา เขาเคยนอกใจเรามาแล้ว 4-5 ครั้ง จะยินดีที่แฟนเริ่มทำอะไรใหม่ๆ หรือ ควรกังวลกับเรื่องนี้...

แฟนหนู โทรมาบอกว่า เขากำลังจะเปิดช่องใหม่ใน TIKTOKช่องเก่าผู้ติดตามเยอะแล้ว อยากขยาย Target ทำ Content ใหม่ๆแฟนกับเพื่อน 4 คนจะทำ Content เกี่ยวกับไปสัมภาษณ์สาวๆตามสถานบันเทิง ฟิลถามสเปค ขอเปิดวาร์ป ขอคอนแท็คติดตามแฟนหนูตอบตกลงไปแล้ว ไม่ได้โทรมาขออนุญาตหนูเลยหนูกลัวว่ามันจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตรึเปล่าเพราะที่ผ่านมา เขาเคยนอกใจเรามาแล้ว 4-5 ครั้งจะยินดีที่แฟนเริ่มทำอะไรใหม่ๆ หรือ ควรกังวลกับเรื่องนี้... “คุณพลอย (นามสมมติ)” อายุ 31 สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์คพุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (19 พฤศจิกายน 2568) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับ แฟนเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ จะไปทำคอนเทนต์สัมภาษณ์ผู้หญิง แต่กลัวว่าเขาจะมีอะไรแอบแฝง โดย “คุณพลอย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมาสิบกว่าปีแล้ว เคยเลิกกันไปครั้งนึง แต่กลับมาคบกันและเราแยกกันอยู่ แฟนหนูทำอาชีพเกี่ยวกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ทำเกี่ยวกับ TikTok / IG พวกคอนเทนต์ปั้นยอดวิว ทำมาหลายปีแล้ว และผลตอบรับค่อนข้างดี เมื่อวานเขาโทรมาคุยกับหนูว่า เขากับเพื่อน 4 คนปรึกษากัน อยากเปิดช่องใหม่ทำร่วมกัน เป็นคอนเทนต์ไปสถานบันเทิง เกี่ยวกับการสัมภาษณ์ผู้หญิงโดยเฉพาะ เป็นการสัมภาษณ์ถามเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ การแต่งตัว หรือสเปคผู้ชายที่ชอบ โดยแฟนหนูจะเป็นพิธีกรในการสัมภาษณ์ การโทรมาของเขาคือแค่แจ้งให้หนูทราบ ว่าเขาทำไปแล้วนะ แต่หนูกลับมีคำถามในใจ หนูควรยินดีกับเขา แต่อีกใจหนูมันก็รู้สึกตงิดว่า อันนี้มันมีจุดประสงค์แอบแฝงมั้ย ย้อนกลับไปตอนที่หนูเลิกกับแฟน แฟนหนูเขาไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนคนนี้ กำลังจะมาเป็นพิธีกรร่วมด้วยในรายการนี้ แล้วคนนี้เหมือนเป็นตัวชง ให้แฟนหนูติดต่อกับผู้หญิงคนนู้นคนนี้ ทีนี้หนูก็เลยรู้สึกไม่มั่นใจ ตงิดในใจ หนูก็อยากยินดีกับเขา แต่อีกใจก็ไม่ได้ชอบใจเท่าไหร่ ตั้งแต่คบกันมา แฟนเคยนอกใจหนูไปแบบ 2 ปีครั้ง นับได้ก็ประมาณ 4 - 5 เคสได้ เขาคุยกับคนอื่นแต่หนูจับได้ แต่เขาก็เลือกหนูมาตลอดที่ผ่านมา ตอนที่เลิกกันล่าสุด ตอนแรกหนูก็เข้าใจว่าคงหมดรักกันทั้งคู่ แต่สุดท้ายหนูไปเห็นแชทย้อนหลัง ที่เขาไปคุยกับผู้หญิง หนูกลัวเหตุการณ์มันจะซ้ำรอย หนูอยากให้อิสระเขาในการใช้ชีวิต เพราะหนูก็อยากได้อิสระเต็มที่เหมือนกัน’ ปัญหาของพลอยที่อยากจะปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนคือ “จะจัดการกับความคิด ความรู้สึกตัวเองยังไงดีคะ?” เริ่มด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเพื่อจะให้เขาไปทำรายการได้ แล้วคู่ของหนูไปต่อ หนูต้องคิดว่า ต่อให้ไม่ต้องไปเจอผู้หญิงทุกคืนเขาก็นอกใจได้ เพราะที่ผ่าน ๆ มาเขานอกใจลับหลังหนูทั้งนั้น เพราะฉะนั้นมันคือตรรกะเดียวกันว่า เขาจะไปทำเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีทางที่หนูจะไม่เจอเรื่องแบบนี้ ถ้าตอนนี้ยังไม่เกิดก็ช่างมัน แต่ถ้าเกิดเมื่อไหร่ อันนี้ต้องเป็นอีกคำถามนึง ที่หนูต้องถามตัวเองว่า หนูยังจะปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นการตัดสินใจของเขาอีกหรอ’ ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องพยายามไม่ไปคาดหวังอะไรกับเขา ถ้าคนมันจะได้คู่กัน มันก็คงต้องซื่อสัตย์ต่อกัน ต้องไว้ใจกันได้ เพราะฉะนั้นถ้าคน ๆ นึงยังไว้ใจไม่ได้ แล้วยังมาทำไม่ดีกับเราอีก มาอ้างเรื่องงานอย่างนี้ ก็ดูกันที่ผลลัพธ์ วันดีคืนดีถ้านอกใจก็ค่อยเคลียร์กัน ถ้าเรามัวแต่ไประแวดระวังมันเสียเวลา ขนาดเขาไม่ทำงานตรงนั้นยังเกิดขึ้นเลย ก็แค่เปอร์เซ็นต์ตรงนี้มันจะมากขึ้นมาหน่อย’ และก่อนที่ “ดีเจต้นหอม” จะให้คำปรึษา ก็ได้ถามกลับไปยังคุณพลอยว่า ‘ถ้าเขานอกใจอีกครั้งนึง จะเลิกเลยมั้ย?’ ด้านคุณพลอยก็ตอบกลับว่า ‘อาจจะยังน้า’ “ดีเจต้นหอม” จึงให้คำปรึกษาว่า ‘เขาไม่มีทางนอกใจหนูหรอก เขาเลิกกับหนูมา 5 ครั้งแล้ว เขาเลือกหนูทุกครั้ง มันแสดงออกถึงความรักแล้ว หนูระแวงอะไร เขาไปทำงานเพื่ออนาคตของหนูกับเขาไง เรามีหน้าที่ซัพพอร์ตเขาอยู่แล้ว หนูอยู่กับเขามาตั้งสิบกว่าปี เขารักหนูขนาดไหน มีคนอื่นทุก 2 ปี เขายังเลือกหนูทุก 2 ปี แปลว่าเขารักผู้หญิงคนนี้มาก น้องคนนั้นที่สัมภาษณ์มันแค่ฉาบฉวย สุดท้ายเกิดอะไรขึ้นเขาก็เลือกหนู’เรื่องราวทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App AtimeFungFin

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+” หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ? มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?”

06 มิ.ย. 2025

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+” หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ? มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?”

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+”หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ?มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?” พอหนูตอบทุกอย่างตามจริง ผลออกมา ไม่ผ่าน ทั้งๆที่ หนูสอบปฏิบัติ ทดสอบร่างกายหนูทำได้ดีทุกอย่าง คะแนน 200 ได้ 170 คะแนน เหมือนความพยายามทั้งหมดที่หนูฝึกฝนมา 7-8 เดือน สูญเปล่าไปเลยแต่เพื่อนผู้ชายแท้ว่ายน้ำไม่ได้ ทำคะแนนไม่ดี กลับสอบติดตัวจริง ปีหน้าคงหมดหวังแล้วเพราะอายุหนูเกิน “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [4 มิ.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการสอบทหาร ซึ่งทำได้ดีในทุกรอบ แต่ตกรอบสัมภาษณ์เพราะเป็น LGBTQIA+ โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูอยากเป็นทหาร เลยเตรียมตัวฝึกฝนจนสอบผ่าน แต่มาตกเอารอบสัมภาษณ์ เพราะหนูเป็น LGBTQIA+ หนูเคยผ่านการเป็นทหารเกณฑ์มาก่อน รู้สึกว่าระบบการทำงานมันตอบโจทย์กับหนู ถึงจะเป็นแบบนี้ก็จริง แต่หนูไม่ชอบทำงานนั่งสวย ๆ ในออฟฟิศเท่าไหร่ หนูชอบงานท้าทาย ตอนไปสอบก็พยายามแอ๊บแมน และในวันที่สอบสัมภาษณ์ ปกติแล้วคำถามในการสัมภาษณ์มันควรจะถามเกี่ยวกับองค์กรที่เราจะเข้าไปทำงานใช่ไหม? แต่อันนี้เขาไม่ถามเลย เขาถามแค่ว่า เป็นตุ๊ดใช่ไหม มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม เป็นรุกหรือเป็นรับ? เขาถามแค่เรื่องเพศสภาพของหนู เขาไม่ถามเกี่ยวกับทหารเลย หนูคิดว่าเขาคงไม่อคติขนาดนั้น เพราะในส่วนต่าง ๆ หนูทำได้ดีมาก ตอนเทสร่างกายเขาให้ว่ายน้ำ วิ่ง ดันพื้น และดึงข้อ หนูทำได้ดีเกือบทุกสนามจนหนูยังตกใจตัวเอง ขนาดกรรมการยังถามว่า ไปกินอะไรมา แต่คนที่เขาเลือกให้ผ่านเข้าไป กลับเป็นคนที่ได้คะแนนน้อยกว่าหนู ที่หนูรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับหนู คือ เพื่อนที่ไปสอบด้วยกัน เขาเป็นชายแท้ แต่เขาว่ายน้ำไม่ได้ ทำคะแนนได้ไม่ดี ซึ่งคะแนนเต็มทั้งหมด 200 คะแนน หนูทำได้ทั้งหมด 170 คะแนน ตอนนั้นหนูเลยไม่มีความคิดว่าจะไม่ติด เพราะเราเตรียมตัวมาดี ทำให้หนูคิดว่า พอเราเป็นแบบนี้แล้วทำไมไม่ให้โอกาสเราเลย ถ้าคุณบอกว่าการเป็นทหารต้องแข็งแรง หนูก็ทำให้เห็นแล้วว่าหนูทำได้ แล้วทำไมถึงไม่เอาหนูเข้าไป หนูน้อยใจในจุดนี้ หนูใช้เวลาทั้งหมด 8 เดือน ทั้งอ่านหนังสือ ฝึกฝน เตรียมร่างกาย หนูทำไปเพื่ออะไร? หนูออกไปวิ่งทุกเช้าทุกเย็น จริง ๆ หนูเคยไปสอบอีกสนาม หนูก็ไม่ผ่าน ซึ่งสนามนั้นหนูรู้ว่าหนูพลาดอะไร หนูเลยไม่ได้อะไรมาก แล้วในกฏเขาก็ไม่ได้มีเขียนบัญญัติไว้ว่าห้ามรับ LGBTQIA+ แถมตอนสัมภาษณ์หนูยังโดนย้ายไปห้องสอบสัมภาษณ์พิเศษ แต่ก็โดนถามแค่คำถามเดิม ๆ ที่เกี่ยวกับเพศสภาพ หนูแค่สงสัยว่า ทำไมถึงไม่เปิดโอกาสให้หนูตอบคำถามที่หนูควรจะได้ตอบเหมือนคนอื่น ๆ เพื่อที่หนูจะได้โชว์ว่าหนูทำได้ หนูเสียใจเพราะมันเป็นปีสุดท้ายที่หนูจะสมัครได้ เพราะเขารับอายุไม่เกิน 24 ปี แล้วปีนี้หนูกำลังจะครบอายุ 24 ปี เรื่องนี้ผ่านมา 3 เดือนแล้ว แต่หนูไม่สามารถปล่อยวางได้เลย หนูเลยอยากได้คำปลอบใจจากพี่ ๆ ดีเจว่า หนูควรทำยังไงดี?’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ก็เคยเจอแบบหนูเหมือนกัน เคยโดนกีดกันไม่ให้เป็นพิธีกรโรงเรียน แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจ พี่แค่อยากจะบอกเอว่ามันก็ไม่แฟร์จริง ๆ แต่เรื่องแบบนี้มันก็สามารถเกิดขึ้นได้แหละในชีวิตจริง เข้าใจแหละว่าเสียใจ แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้ และไม่มองว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพสุดท้ายที่เอจะทำได้ ถ้าเอเปิดใจมันยังมีทางอื่นให้เอได้ลองทำอีกนะ ไม่อยากให้เอาสิ่งที่เกิดขึ้นไปตัดสินคุณค่าในตัวเอง’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เข้าใจในสิ่งที่เอเจอนะ ไม่อยากให้เอคิดว่ามันเป็นความผิดของเอ เราไม่รู้หรอกว่าเหตุผลจริง ๆ คืออะไร มันยังมีหลายที่ ๆ เขาโอเคกับความเป็นตัวเรา เราเป็นคนมีความสามารถและความตั้งใจ พี่เชื่อว่ามันจะทำให้เอสามารถไปยังอาชีพอื่น ๆ อีกมากมาย’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘เอดีเกินไปที่จะเข้าไปอยู่ในระบบราชการไทย หนูสามารถไปทำอะไรได้เยอะกว่านี้ ถ้าหนูเข้าไปหนูก็อาจจะโดนกลืนกิน เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ และเขาก็ไม่เชื่อว่าหนูจะทำมันได้อยู่แล้ว คนที่มุ่งมั่นขนาดนี้ สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้แน่นอน แค่ที่นั่นไม่ได้เหมาะกับเรา’ และสุดท้าย ดีเจทั้ง 3 คน ได้ให้ความเห็นตรงกันว่า ‘อย่าด้อยค่าตัวเองและอย่าหยุดพยายาม ปล่อยให้ตัวเองไปเจอสิ่งที่ดีกว่าแล้วเราจะใช้ชีวิตแบบมีความสุข’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

งานเลี้ยงบริษัทอนุญาตให้พาลูกมาได้ รู้ตัวอีกที ลูกหัวหน้าอุ้มลูกเราแล้วปล่อย จนล้มที่พื้น เรารีบวิ่งไปพูดดีๆว่า "น้องหนัก อุ้มไม่ไหวหรอกค่ะ" คืนนั้นหัวหน้าเรียกไปคุยที่ห้อง "ดุลูกพี่ทำไม ถ้าลูกพี่เป็นอะไร พี่เอาตายเลยนะ"

10 พ.ค. 2024

งานเลี้ยงบริษัทอนุญาตให้พาลูกมาได้ รู้ตัวอีกที ลูกหัวหน้าอุ้มลูกเราแล้วปล่อย จนล้มที่พื้น เรารีบวิ่งไปพูดดีๆว่า "น้องหนัก อุ้มไม่ไหวหรอกค่ะ" คืนนั้นหัวหน้าเรียกไปคุยที่ห้อง "ดุลูกพี่ทำไม ถ้าลูกพี่เป็นอะไร พี่เอาตายเลยนะ"

งานเลี้ยงบริษัทอนุญาตให้พาลูกมาได้ รู้ตัวอีกที ลูกหัวหน้าอุ้มลูกเราแล้วปล่อยจนล้มที่พื้น เรารีบวิ่งไปพูดดีๆว่า "น้องหนัก อุ้มไม่ไหวหรอกค่ะ"คืนนั้นหัวหน้าเรียกไปคุยที่ห้อง "ดุลูกพี่ทำไม ถ้าลูกพี่เป็นอะไร พี่เอาตายเลยนะ"ได้ยินแบบนี้เสียใจมากเจอหน้าเขายังต้องไหว้ไหมคะ? “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาที่เหตุเกิดจากลูกหัวหน้า โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูทำงานอยู่สำนักราชการแห่งหนึ่ง พึ่งเข้ามาทำงานได้ประมาณ 8 เดือน แล้วที่นี้ทางสำนักเขาจะทริปให้พนักงานไปเที่ยว และทางสำนักก็อนุญาติให้พาครอบครัว หรือ พาลูกไปด้วยก็ได้ หนูก็เลยพาลูกที่อายุ 4 ขวบไปด้วย ทริปนี้ก็จะมีลูกๆพนักงานไปกันเยอะ จากนั้นลูกของหนูก็ไปเล่นกับลูกหัวหน้าใหญ่ อายุของลูกเขาคือ 10 ขวบ เด็กๆก็เล่นๆกันไป แล้วที่นี้ก็เกิดอุบัติเหตุ คือลูกหัวหน้าเขาอุ้มลูกหนู เหมือนจะอุ้มไม่ไหว และสะดุดล้มอีก ตัวของลูกหนูก็เลยฟาดไปกับขอบโซฟา คือไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น แต่ลูกของหนูตกใจ แล้วก็ร้องไห้หนักมากตามประสาเด็กเล็ก หนูก็เลยพูดกับลูกหัวหน้าใหญ่ว่า น้องตัวหนัก อุ้มไม่ไหวหรอก พูดด้วยน้ำเสียงปกติเลย พอตกดึกหัวหน้าใหญ่ก็เรียกหนูไปคุยเป็นการส่วนตัว แล้วเขาก็พูดออกมาว่า ได้ไปตะหวาดหรือไปดุอะไรลูกพี่มั้ย เพราะลูกพี่มาเล่าให้ว่าคุณอ่ะไปตะหวาดเขา หนูก็เลยตอบไปว่า หนูไม่ได้ตะหวาดค่ะ หนูพูดปกติ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เห็นว่าหนูพูดกับน้องด้วยน้ำเสียงปกติ เขาก็พูดต่อว่า ถ้าลูกพี่เป็นอะไรไป พี่เอาเราตายเลยนะ หนูก็เลยตอบกลับไปว่า ค่ะ หนูทราบค่ะ หนูไม่ได้ตะหวาดจริงๆ หนูพูดกับน้องเขาดีๆค่ะ เขาไม่ถามหนูสักเลยคำว่า ลูกหนูเป็นยังไงบ้าง เรื่องก็จบไป คือหนูมีน้องชายที่ทำงานอยู่ด้วยกัน พอหนูโดนเรียกไปต่อว่าเสร็จ หนูก็เดินเข้าไปในห้อง Party Room แล้วน้องชายก็เห็นหนูเดินมาเขาก็ถามว่า หัวหน้าเรียกไปทำไม หนูก็ตอบน้องชายไปว่า เขาเรียกไปว่า เขาหาว่าพี่ไปตะหวาดลูกเขา แต่จริงๆคือทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นเขาก็ได้ยินว่าพี่พูดว่าอะไรและน้ำเสียงแบบไหน พอหนูคุยกับน้องชายเสร็จหนูก็เลยขอพาลูกกลับห้อง แล้วทีนี้น้องชายก็มาเล่าให้ฟังหลังจากที่หนูพาลูกกลับห้องว่า เหมือนหัวหน้าจะเห็นว่า น้องชายของหนูแสดงอาการฉุนเฉียวฟึดฟัดอารมณ์ไม่ดี เขาก็เลยเรียกน้องชายหนูไปข้างหลังแล้วถามว่า มึงมีปัญหาอะไร!! แล้วก็พูดต่อด้วยว่า พี่มึงอ่ะชาวบ้าน!! น้องชายหนูก็ไม่พอใจที่ทำไมต้องพูดกับหนูว่าจะเอาตาย คือเขาไม่ถามสักคำว่าลูกพี่เป็นไงบ้าง แล้วมาด่าพี่ก็เหมือนด่าผม เหมือนโดนดูถูกกัน หนูกับน้องชายก็ร้องห่มร้องไห้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็เดินมาปลอบ ประมาณว่า เอ่อไม่เป็นไรนะถ้าเขาจะเอามึงออกเพราะเรื่องแค่นี้ มันมีที่อื่นอีกเยอะแยะ แล้วก็มีหัวหน้าหนูที่เป็นรองหัวหน้าใหญ่คนนั้น เขาก็เข้ามาในห้องพักแล้วก็เดินมากอดหนู แล้วก็พูดว่า เข้าใจๆ พี่รู้ว่านิสัยเขาเป็นยังไง หนูก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะร้องไห้อย่างเดียว พอวันรุ่งขึ้นก็แยกย้ายกันกลับไม่ได้มีปัญหาอะไร ตอนนี้หัวหน้าใหญ่คนนั้นก็ไม่ได้มาทำงาน เพราะเขาลาพักผ่อน แล้วความรู้สึกของตัวหนูตอนนี้คือยังไม่โอเคมากๆ และพรุ่งนี้เขาจะกลับมาทำงานตามปกติ หนูก็คิดในใจว่า จะไหว้ดีมั้ยวะ? เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้คือ หนูมองเขาน่ารักมาตลอด เขาเฟรนลี่ ไม่ถือตัว แต่พอมาเป็นแบบนี้หนูก็มองเขาเปลี่ยนไปเลย ซึ่งหนูก็พึ่งเข้ามาทำงานได้ 8 เดือน และหนูก็รู้สึกว่าคือ กูต้องออกหรอวะ? คิดวนแบบนี้ตลอดตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง ทุกคนในที่ทำงานก็ช่วยกันหาทางออก แต่ทีนี้หัวหน้ารองหนูก็อยู่ด้วย เขาก็เสนอว่า หรือยังไงดี จะให้เอาพวงมาลัยไปไหว้มั้ย หนูก็เลยตอบกลับไปว่า หนูไม่ทำนะที่จะให้เอาพวงมาลัยไปไหว้ เพราะหนูไม่ผิด แล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่หนูจะต้องเอาพวงมาลัยไปไหว้ หนูก็ไม่เคยพูดจาไม่ดีกับเขา พูดคะขาทุกคำ หนูก็งงว่าทำไมต้องเอาพวงมาลัยไปไหว้ ตอนแรกหนูจะถามพี่ๆดีเจว่า หนูลาออกดีมั้ย? แต่คิดไปคิดมา กว่าหนูจะเข้ามาทำงานที่นี่ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายก็เลยตัดคำถามนี้ไป เพราะไหนจะสวัสดิการต่างๆของลูกอีก เอาเป็นว่าหนูอยากถามพี่ๆว่า ถ้าพรุ่งนี้หนูเจอเขา หนูจะไหว้เขาดีมั้ย ?’ งานนี้พี่ๆดีเจทั้ง 3 คนก็ได้ให้คำปรึกษา “คุณเอ (นามสมมติ)” พร้อมกันว่า ‘ไหว้ครับ/ค่ะ’ โดย “ดีเจเผือก” เป็นคนแรกที่ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่รู้นะสำหรับผมอ่ะ เคารพ ไม่เคารพไม่รู้ เราสามารถไหว้ได้นะ แต่สำหรับในใจผมอ่ะ คนต่อหน้าคนนี้เราเคารพแค่ไหน อันนี้คืออีกเรื่องหนึ่งนะ การไหว้สำหรับพี่มันเป็นเหมือนการ Say Hello อ่ะ มันเป็นแค่เครื่องมือ แล้วก็การสวัสดีครับ ของเรามันไม่ได้แปลว่า เราเคารพคนนั้นมาน้อยแค่ไหน สำหรับผมก็เลยไหว้ได้ ไหว้ตามมารยาท’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คือเข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกนะ แต่เราไม่รู้ว่าเขากลับมาทำงานแล้วมันจะยังไงต่อ เขาอาจจะไม่ได้สนใจอะไรแล้วก็ได้ สำหรับเขาเรื่องลูก คงจะเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะมันสามารถทำให้เขาขึ้นได้ขนาดนี้ ซึ่งมันก็มีแบบนี้จริงๆนะ เรื่องลูกคือใหญ่บึ้ม แต่เขาก็เป็นคนที่ไม่มีวุฒิภาวะจริงๆ พี่ไม่ได้เข้าข้างนะ แต่แค่รู้สึกว่า คุณเออย่าพึ่งคิดไปถึงขนาดนั้นว่า ต้องลาออก ต้องนั่นนู่นนี่ แต่การที่เราจะไม่ไหว้ เขาอาจจะหันมาเล็งเราเลยก็ได้ พี่ว่าต้องรอดูสถานการณ์ก่อน ตอนนี้อย่าพึ่งฟังธงว่าเขาจะยังไงกับเรา พี่ขออวยพรให้เขาไม่อะไรกับคุณเอต่อ แต่คุณเอไหว้ไปแล้ว แล้วเขาไม่รับไหว้ อันนี้ค่อยโทรมาใหม่’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไหว้ ถ้าไม่ไหว้ฉิบหายแน่คนแบบนี้ การไหว้มันเป็นการเอาตัวรอดของเราอ่ะ เขาอาจจะไม่ได้สนใจอะไรแล้ว เพราะได้โชว์พาวไปแล้ว ไหว้แล้วก็ต่างคนต่างทำงาน แต่การที่ไม่ไหว้อาจจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เขาอาจจะแสดงแสนยานุภาพอีกก็ได้ ไหว้ไปเลย ไหว้แบบปกติ ไหว้เพื่อเอาตัวรอด ส่วนเด็กก็ช่างมัน เด็กมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก โทษเด็กก็ไม่ได้ อวยพรให้ลูกเขาโตมาดีๆเถอะ เพราะเขามีพ่อแม่แบบนี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1