หนูไปตรวจซีสที่รังไข่มา หมอบอกว่าเลือดของหนูมีเชื้อ HIV หนูตกใจมาก หมอบอกว่าเชื้อน่าอยู่มาประมาณ 1-2 ปีแล้ว แสดงว่าหนูน่าจะติดมาจากแฟนเก่า เพราะเพิ่งคบแฟนมาไม่ถึงปี กะว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแฟน แต่พีคกว่า...

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูไปตรวจซีสที่รังไข่มา หมอบอกว่าเลือดของหนูมีเชื้อ HIV หนูตกใจมาก หมอบอกว่าเชื้อน่าอยู่มาประมาณ 1-2 ปีแล้ว แสดงว่าหนูน่าจะติดมาจากแฟนเก่า เพราะเพิ่งคบแฟนมาไม่ถึงปี กะว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแฟน แต่พีคกว่า...

11 ก.ค. 2025

หนูไปตรวจซีสที่รังไข่มา หมอบอกว่าเลือดของหนูมีเชื้อ HIV หนูตกใจมาก

หมอบอกว่าเชื้อน่าอยู่มาประมาณ 1-2 ปีแล้ว แสดงว่าหนูน่าจะติดมาจากแฟนเก่า

เพราะเพิ่งคบแฟนมาไม่ถึงปี กะว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแฟน แต่พีคกว่า หนูเพิ่งรู้ว่าแฟนที่คบอยู่

มีคนที่เขาคบมาอยู่แล้ว 6-7 ปี เราเลยกลายเป็นคนที่มาทีหลัง ตอนนี้ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี

มันช็อคไปทุกเรื่อง จะบอกแฟนดีไหมว่าเรามีเชื้อ HIV หรือ

เราต้องจัดการแฟนเรื่องที่โกหกเราเรื่องผู้หญิงคนนั้นก่อน สับสนไปหมดทุกอย่างเลย...

          “คุณจี (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [9 ก.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเสนาหอย” เกี่ยวกับปัญหาตรวจเจอว่าตัวเองติดเชื้อ HIV แต่ดันไปจับได้ว่าแฟนที่คบอยู่ เขามีแฟนอยู่แล้ว

          โดย “คุณจี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ช่วงเดือนที่แล้วหนูได้รับการผ่าตัด เพราะว่ามีอาการไข้ต่ำ ๆ ไม่ยอมหาย ฉีดยาก็ไม่หาย และน้ำหนักลดเร็วมาก หลังจากนั้นเลยได้ตรวจเลือด ซึ่งผลเลือดของหนูได้ออกมาและพบว่าตัวหนูมีเชื้อ HIV อยู่ จริง ๆ หนูเคยตรวจไปรอบนึงแล้ว แต่ว่าผลออกมาเป็นปกติ จึงได้เข้ารับการผ่าตัด และได้ทำการเจาะเลือดอีกรอบเพื่อนำไปตรวจเชิงลึกอีกหนึ่งครั้ง

          ก่อนหน้านี้หนูมีแฟนแต่ว่าได้เลิกรากันไปประมาณสองปีแล้ว และได้มามีแฟนใหม่ในช่วงเดือนมกราคม และในเรื่องการติดเชื้อนี้หนูยังไม่ได้นำไปบอกเขา ซึ่งตอนนี้หนูยังไม่ได้คุยกับใครสักคน เก็บไว้คนเดียวเลยตอนนี้ และที่ผ่านมาไม่เคยไปตรวจโรคนี้เลย เพิ่งจะมาตรวจครั้งนี้ครั้งแรก ตอนแรกหนูคิดว่าตัวเองจะมาติดกับคนปัจจุบันนี้ แต่พอได้ไปพบหมอเมื่อ 2-3วันที่ผ่านมา หนูเลยถามหมอไปว่า “บอกได้ไหมคะ ว่าหนูมีเชื้อมานานแค่ไหน มันพอจะบอกได้ไหม” หมอเขาก็ดูอาการ ดูค่าเลือดของเรา ซึ่งมันจะสามารถดูได้ว่าค่ำต่ำประมาณนี้คือเราติดมานานแค่ไหนแล้ว หากต่ำไม่เยอะ แสดงว่าเราพึ่งติด จนหมอได้นำผลมาบอกกับเราว่า “น่าจะประมาณ 1-2 ปีแล้ว” หนูเลยคิดว่าอาจจะติดมาจากคนเก่า เพราะมันเป็นคาบเกี่ยวที่หนูเลิกกับคนเก่าพอดี ซึ่งหนูไม่แน่ใจว่ากับคนเก่ามีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงไหม แต่ถ้าถามเรื่องป้องกัน หนูยอมรับว่ามีบ้าง ไม่มีบ้าง เพราะตอนนั้นเหมือนจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มีคุยเรื่องแต่งงาน ที่บ้านเขารับรู้ทั้งหมด แต่ก็ดันมามีปัญหาจนเลิกกันก่อน และเลิกกันมาเกือบ 2 ปีแล้ว ส่วนคนปัจจุบันก็มีป้องกันบ้างบางครั้ง เพราะส่วนมากหนูจะทานยาคุม

          ช่วงที่ตรวจเจอหนูยังคงพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล เหมือนพอเรารู้เรื่องเลยทำให้ตัวเองเครียด ไม่ติดต่อใครเลย รวมถึงเขาด้วย จนกระทั่งออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นก็ทำให้ได้กลับมาเจอกัน แต่พอกลับมาเจอกัน ดันไปจับได้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว แค่เขากับแฟนเขาคนนั้นอยู่กันคนละที่ แต่หนูกับเขาทำงานที่เดียวกัน ซึ่งหนูคิดว่าเขาน่าจะนอกใจแฟนมาคบกับหนู และหนูเป็นคนที่มาทีหลังเพราะว่าเขาบอกกับหนูว่าเขาคบกันมาประมาณ 6-7 ปีแล้ว เขารับทราบแล้วด้วยว่าหนูรู้เรื่องนี้ จริง ๆ ที่ผ่านมามันไม่มีกลิ่นเรื่องนี้เลย พอได้รู้ ถ้าถามว่าหนูรับได้ไหม เอาจริง ๆ หนูรับไม่ได้ มันช็อคเหมือนกัน แล้วยิ่งมาช็อคเรื่องเชื้อ HIV อีก และหลังจากที่จับได้ ทำให้หนูยังไม่ได้คุยอะไรกันสักเรื่องเลย เรื่องที่หนูจะบอกก็ยังไม่ได้บอก เรื่องเขาตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเอายังไง คือตอนนี้ยังไม่ติดต่อกันเลย ต่างคนต่างเงียบ

          หนูเลยอยากมาปรึกษาดีเจทั้งสามคนว่า หนูไม่รู้จะไปต่อเรื่องไหนก่อนดี รู้สึกตันไปหมดเลยตอนนี้ แล้วไหน ๆ หนูก็จับได้แล้วว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว หนูควรจะบอกเรื่องเชื้อ HIV ไปเลยดีไหม หรือหนูควรจะออกมาเงียบ ๆ ไม่บอก ไม่อะไรไปเลย แต่หนูเองมีแอบคิดในใจว่าถ้าเขาไม่มีแฟนอยู่ แล้วคบกันแค่สองคนกับหนู หากเขารู้เรื่องนี้ เขาจะรับได้ไหม’

          ซึ่ง ดีเจทั้งสามคน (ดีเจต้นหอม – ดีเจเติ้ล - ดีเจเสนาหอย) ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘ไม่ต้องคิดอะไรที่เราไม่รู้คำตอบ เราไม่มีทางหาคำตอบนั้นได้ เพราะมันไม่ได้ขึ้นจริง อยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันว่าตอนนี้เขานอกใจ คือตอนนี้คุณจีมีหลายเรื่อง ฉะนั้นทุกอย่างมันจะมาปะมาปนกันหมดเลย ทำให้มันแคบที่สุด หนึ่งคือฉันจะทำสิ่งนี้ สองฉันจะทำอันนี้ เพื่อให้จีอยู่ในแกนที่ไม่ฟุ้งซ่าน ที่สำคัญสุดคือสุขภาพและสภาพจิตใจของคุณจี’

          โดย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมว่า ‘อย่างแรกเคลียร์เรื่องนอกใจก่อน แล้วอันดับสองจึงมาคุยเรื่องเชื้อ HIV กัน สำหรับพี่ไม่ว่าคำตอบของเรื่องนอกใจจะเป็นยังไง แต่สุดท้ายเป็นพี่ พี่เลือกที่จะคุยกับเขา อยู่ดี เพราะพี่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะส่งผลต่อชีวิตเขาและไปต่อถึงภรรยา ถึงลูกของเขาที่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้นเลย แน่นอนคุณจีไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้เกิดขึ้น มันเป็นอุบัติเหตุ และก็ไม่รู้ว่ามันมาจากแฟนเก่าหรือแฟนคนนี้ แต่ว่าไม่ว่ายังไงตอนนี้คุณจีมีเชื้อนี้อยู่แล้วในตัว แล้วเชื้อนี้มันสามารถส่งผ่านกันได้เลย

          พี่ว่ามันควรต้องบอกกันในฐานะคนรัก หรือไม่ใช่คนที่รักกันแล้ว แต่เป็นในฐานะคนที่เคยรักกันก็ได้ คุณจีบอกเพื่อที่ต้องการจะควบคุมความเสียหายที่มันจะเกิดขึ้นต่อไปถ้าเขาไม่รู้ พูดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนแฟนคนเก่า ไม่ต้องพูดอะไร จัดการเรื่องแฟนคนปัจจุบันให้ชัดเจน’

          ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมอีกว่า ‘ไม่ต้องตกใจกับ HIV เพราะโรคมะเร็งน่าตกใจที่สุดแล้วตอนนี้หรือกับเชื้อไวรัสอื่น ๆ HIV สามารถกินยาได้ มียารักษาแล้ว มันสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ แค่เราต้องรู้จักป้องกันและระวังให้คนอื่นด้วย พี่แนะนำอย่างนี้ โอเคเรื่องนอกใจให้ไปเคลียร์กัน ส่วนเรื่องผู้ชายให้ลองอย่างเชิงว่าเธอก่อนจากกันหน่ะ ไปตรวจเลือดให้หน่อยได้ไหม เพราะบางทีเขาอาจไม่ติด มันเป็นไปได้ที่เขาจะมีโอกาสไม่ติดก็ได้ และเพื่อไม่ให้ความลับของเรามันรั่วไหล

          กรณีที่เขาไม่ติดก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องให้เขารู้เรื่องของเราว่าติดหรือไม่ติด แค่บอกเพื่อความสบายใจก่อนแยกกัน ทำให้หน่อยได้ไหม ถ้าที่ผ่านมาเคยทำผิดต่อกัน ขอครั้งนี้ได้ไหม และถ้าเกิดเขาไปตรวจแล้วพบเชื้อ HIV เขาจะกลับมาพูดคุยกับเรา อย่างน้อยทั้งสองคนจะได้ช่วยกันในการรักษาตัว มีที่พึ่ง ที่คุย ที่ปรึกษาซึ่งกันและกัน และมันจะเป็นการป้องกันผู้หญิงอีกคนนึงด้วยเพราะพี่รู้สึกว่าถ้าผู้หญิงอีกคนนึงต้องติดเชื้ออีก โคตรน่าสงสารเพราะเขาไม่รู้เรื่องเลย แถมติดมาจากการที่แฟนนอกใจอีก จริง ๆ คุณจีไม่ผิดนะ แต่ในสามคนนี้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนที่เจ็บที่สุดเลย’

          สุดท้าย “ดีเจเสนาหอย” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมอีกว่า ‘ในตรงนี้ผมมองว่าเป็นเรื่องของมนุษยธรรมแล้วกัน มันไม่มีใครผิดใครถูกเพราะเราก็ไม่รู้ อีกคนอาจจะคบซ้อนหรืออะไร แต่ที่สำคัญตอนนี้คือผมว่าเป็นเรื่องสุขภาพ ถ้าเป็นพี่พี่ก็ยังอยากให้คุยกับคนแรกด้วยถ้าสมมติยังสามารถติดต่อได้ คือเราต้องบอกความจริงกับเขา เพราะระยะห่างมันดูใกล้เคียงเหมือนกัน แต่ถ้าติดต่อไม่ได้ไม่เป็นไร

          ส่วนอีกคนนึงก็พูดกันไปตามตรงเหมือนที่พี่หอมบอกว่าให้ตรวจเถอะ เพราะเราได้รับเชื้อมา แล้วในส่วนของเรื่องแฟนคบซ้อนก็ให้แยกไปเลย แต่ควรจะคุยกันในเรื่องนี้ให้ชัวร์ว่า โอเค เราจะจากกันด้วยดี’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูถูกพี่เขย ชวนให้มีอะไรด้วยมา 5 ปีแล้ว หนูขับรถไม่เป็น ที่บ้านหนูจะต้องให้พี่เขยขับไปส่งหนู ไปหาแม่ที่โรงพยาบาลในเมืองตลอด บ้านหนูอยู่ต่างจังหวัด เรื่องนี้บอกพี่สาวไปแล้ว พี่สาวก็เข้าข้างพี่เขย ไม่สนใจอะไร เรื่องนี้แม่ก็รู้

20 มิ.ย. 2025

หนูถูกพี่เขย ชวนให้มีอะไรด้วยมา 5 ปีแล้ว หนูขับรถไม่เป็น ที่บ้านหนูจะต้องให้พี่เขยขับไปส่งหนู ไปหาแม่ที่โรงพยาบาลในเมืองตลอด บ้านหนูอยู่ต่างจังหวัด เรื่องนี้บอกพี่สาวไปแล้ว พี่สาวก็เข้าข้างพี่เขย ไม่สนใจอะไร เรื่องนี้แม่ก็รู้

หนูถูกพี่เขย ชวนให้มีอะไรด้วยมา 5 ปีแล้ว หนูขับรถไม่เป็น ที่บ้านหนูจะต้องให้พี่เขยขับไปส่งหนูไปหาแม่ที่โรงพยาบาลในเมืองตลอด บ้านหนูอยู่ต่างจังหวัด เรื่องนี้บอกพี่สาวไปแล้ว พี่สาวก็เข้าข้างพี่เขยไม่สนใจอะไร เรื่องนี้แม่ก็รู้ แม่บอกว่า “เขาคงแหย่เล่นๆ หยอกเฉยๆ” พอบอกพี่สาวคนโตพี่สาวคนโตก็เคยโดนแบบนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ย้ายออกบ้านมาสร้างครอบครัวแล้วไม่ได้เจอพี่เขยตอนนี้หนูแต่งงานมีสามีแล้ว เขาชอบมาถามว่า “เวลามีอะไรกับสามีเป็นยังไงบ้าง สามีโอเคไหม?”หนูควรจะทำยังไงต่อดีคะ “คุณอัน (นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อวันพุธที่ผ่านมา [18 มิ.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเรื่องพี่เขยที่ชอบมาขอมีอะไรกับเรา โดย “คุณอัน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเรายังไม่ได้แต่งงาน คือบ้านเรากับพี่สาวอยู่ใกล้กัน เรามักจะโดนพี่เขยชวนมีอะไรด้วย ปกติเราเป็นคนที่ขับรถไม่เป็นเวลาไปต่างจังหวัด หรือพาแม่ไปหาหมอ เลยมักจะไปกับพี่คนนี้ และแม่จะวานให้พี่เขยคนนี้พาไป เวลาอยู่สองต่อสอง เขาชอบชวนเราประมาณว่า “ไปรีสอร์ทไหม มีรีสอร์ทอยู่ข้างหน้า” “ไปนอนกับเขาไหม เดี๋ยวเขาจะให้เงินจ่าย” คือให้เงินเราเพื่อให้เราเอาไปใช้จ่ายหรือช็อปปิง ซึ่งพี่สาวเรารับรู้มาตลอด แต่จนถึงปัจจุบันเขาก็ยังไม่เลิกกัน ปกติแล้วพี่เขยมักมีพฤติกรรมที่มีบ้านเล็กบ้านน้อยมาเรื่อย ๆ เสมอ ซึ่งเรื่องที่พี่สาวเราได้รู้คือ วันนึงพี่เขยได้นอกใจไปทำแบบนี้กับคนอื่นเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เรานะ อยู่ ๆ มาวันนึง วันนั้นมีแม่ พี่สาวคนโต พี่คนนี้ที่เป็นพี่สาวเรา และเรา แม่ได้พูดเรื่องที่จับได้ว่าพี่เขยเราได้นอกใจพี่สาว เราจึงยอมเปิดใจพูดคุยว่า “จริง ๆ พี่เขยเขาก็มีพฤติกรรมที่พูดจา ชวนเราไปทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน” และพี่สาวคนโตก็พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “ทำกับเขาเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เล่นด้วยเหมือนกัน” พอพี่สาวที่เป็นภรรยาพี่เขยรู้เขาก็นิ่งและไม่พูดอะไรต่อเลย แม่จึงพูดขึ้นมาว่า “เขาคงแหย่เล่น คงหยอกเฉย ๆ” ตอนนั้นไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่ หรือพยายามที่จะให้กำลังใจเราไม่ให้เราคิดเยอะ จนจบบทสนทนานี้ก็ไม่มีใครพูดและถามอะไรต่ออีกเลย พี่เขยเขายังคงพยายามทำพฤติกรรมแบบนี้กับเรามาเรื่อย ๆ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ที่เรายังไม่ได้แต่งงาน เรามักจะไปนอนกับหลานที่เป็นลูกของพี่สาวเราที่บ้าน บางทีนอนบนโซฟาเราจะใส่กางเกงขาสั้น อารมณ์เหมือนชุดบอลผู้ชาย แล้วเขาเข้ามามาจับตรงต้นขาเรา เหมือนจะปลุกเราให้ตื่น ๆ เรารับรู้ได้เลยว่าเหมือนมีอะไรมาไต่ที่ขาเรา จนเราแต่งงานมีแฟน เขายังคงชอบถามเราประมาณว่า “เวลามีเพศสัมพันธ์กับสามีเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม ?” พยายามจะพูดกับเราแต่เรื่องอย่างว่าให้ได้ เราก็ตอบไปประมาณว่า “ทั่วไป ไม่มีอะไรก็เหมือนกับที่เขาทำ ๆ กันนั่นแหละ” ส่วนใหญ่ถ้าเลี่ยงไม่ได้เราจะตอบแบบนั้น ไม่ก็ตอบว่า “อะไรอะ” แล้วเดินหนีไปเลย ซึ่งแฟนเรารับรู้ทุกอย่าง เพราะเราก็เล่าให้เขาฟัง จริง ๆ เขาก็พยายามปลอบใจเรานะ แต่แฟนก็ไม่ได้พูดอะไรไป เหมือนกับที่บ้านทำอะไรไม่ได้เลย เพราะพี่เขยคนนี้เขาเป็นคนที่ดีในสายตาของทุกคนในบ้าน คือไม่ได้เกี่ยวอะไรในเรื่องเงินนะ แต่แม่เขาก็รักของเขา และพี่สาวเราก็รักเขามาก จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้เลิกกัน 5 ปีที่ผ่านมา เราพยายามที่จะพูดให้พี่สาวเลิก แต่พี่สาวไม่ยอมเลิก หลังจากที่พี่สาวจับได้เรื่องนอกใจ พี่เราร้องไห้นะ แต่อารมณ์เหมือนแค่อยากปรึกษา อยากระบายเฉย ๆ ไม่ได้อยากเลิก ขนาดพี่เขยเคยมีอะไรกับบ้านตรงข้าม พี่สาวยังไม่ยอมเลิกเลย แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกไปแล้ว เพราะเขาเชื่อพี่เขยอย่างเดียว แล้วเหมือนพี่เขยบอกว่า “อย่าไปพูดคุยกับแม่กับน้องนะ” “อย่าไปหาแม่ที่บ้านนะ” อะไรแบบนี้ พี่สาวจะเชื่อและจะไม่มาเลยจริง ๆ บางที่สถานการณ์มันทำให้เราช็อค แล้วทำอะไรไม่ถูก จริง ๆ เราไม่ได้แคร์เขานะ แต่ยังไงคงต้องพึ่งพาเขาอยู่ดี บ้านเราอยู่ต่างจังหวัดมาก มันไม่ได้สามารถจ้างรถไรเดอร์ ไลน์แมนได้เหมือนในเมือง เราจะมีแค่คนในครอบครัว ส่วนแฟนเราก็ธุรกิจส่วนตัว บางทีเลยไม่สามารถช่วยเราในเรื่องนี้ได้ เราอยากปรึกษาดีเจทั้งสามคนว่า เรายังต้องเจอพี่เขยคนนี้อยู่ เพราะต้องพาแม่ไปหาหมอ แล้วไม่มีใครขับรถให้ หนูก็ยังต้องพึ่งเขา บางครั้งต้องอยู่กับเขาสองคนแล้วเขามักจะพูดจาสองแง่สองง่ามใส่ อยากถามว่าหนูควรรับมือ หรือพูดยังไงดีคะ?’ โดยดีเจทั้งสามคน (ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม) ได้ให้คำปรึกษาไปในทางเดียวกันว่า ‘ถ้าคุณอินพอมีพื้นฐานในการขับรถอยู่บ้าง ให้ไปเรียนขับรถ หรือจ้างให้คนมาขับรถให้ เพื่อที่จะไม่ต้องไปยุ่งกับเขาอีก นี่คือทางเลือกแรก แต่ถ้าในกรณีที่เลี่ยงไม่ได้ ยังต้องเจอกับพฤติกรรมนี้ของเขาอยู่ แนะนำให้แฟนคุณอันไปเปิดเลย เพราะว่านี่คือพฤติกรรมคุกคาม ถ้าทุกวันนี้ยังคงทำแบบนี้อยู่ พี่คงให้แฟนไปเปิดแล้ว เพราะยิ่งถ้าพี่สาวเราเมินเฉยขนาดนั้น ทำไมเราถึงยังเอาตัวเราไปตกเป็นเหยื่ออยู่ ถ้าวันใดวันนึงเขาหน้ามืด เกิดการเมาหรือทำอะไรไปมากกว่านี้ ไปทำกับคนอื่นในบ้านอีกจะทำยังไง รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ควรเป็นสิ่งที่ต้องยอม เพราะนี่คือการล่วงละเมิดทางเพศ และที่สำคัญคือทำกับคนในครอบครัวด้วยซ้ำ เราควรที่จะชัดเจนไปเลยว่าไม่ต้องแคร์ และบ้านนี้ควรมีใครสักคนต้อง Take Action อะไรสักอย่างให้เด็ดขาดในเรื่องนี้ ไม่ใช่ยอมรับไปเฉย ๆ ว่าคน ๆ นี้ทำแบบนี้ได้ และไม่มีใครทำอะไรกับเขาได้เลย พยายามคุยกับพี่สาวให้จริงจังไปเลย หรือพยายามเก็บหลักฐานเท่าที่จำเป็น เพราะเราควรทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องตัวเราเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แม่หนูเปลี่ยนคู่นอนบ่อยมาก จนหนูเริ่มสังเกตว่าผิดปกติ ไปเจอว่าแม่ขายบริการทาง X มีลูกค้าติดต่อมา รับงานเรื่อยๆ หลังๆมาแม่เพิ่งทราบว่ามีเชื้อ HIV แต่แม่ก็ยังไม่หยุดทำงานนี้ ค่าตัวที่แม่รับ ทำหนูตกใจกว่าเดิม 200 – 300 บาท จะทำยังไงดีคะให้แม่เลิก

26 ก.ค. 2024

แม่หนูเปลี่ยนคู่นอนบ่อยมาก จนหนูเริ่มสังเกตว่าผิดปกติ ไปเจอว่าแม่ขายบริการทาง X มีลูกค้าติดต่อมา รับงานเรื่อยๆ หลังๆมาแม่เพิ่งทราบว่ามีเชื้อ HIV แต่แม่ก็ยังไม่หยุดทำงานนี้ ค่าตัวที่แม่รับ ทำหนูตกใจกว่าเดิม 200 – 300 บาท จะทำยังไงดีคะให้แม่เลิก

“คุณมิ้นต์ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่แรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [24 ก.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแม่ติดเชื้อ HIV แต่ยังขายบริการอยู่ โดย “คุณมิ้นต์ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องของแม่หนู พ่อกับแม่หนูแยกทางกันตั้งแต่เด็ก หนูอยู่กับพ่อ ส่วนน้องสาวอยู่กับแม่ แม่หนูอายุ 45 ปี จะเป็นคนที่มีนิสัยเปลี่ยนแฟนบ่อยแทบทุกเดือน ช่วงที่หนูเด็กๆ เวลาแม่มาเยี่ยมเค้าก็จะเปลี่ยนแฟนทุกครั้ง จนหนูไม่อยากให้แม่มาหาเพราะคนแถวบ้านเค้าก็จะนินทาเรื่องที่แม่มาหาแล้วเปลี่ยนแฟน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่มาหาแล้วเหมือนจะคืนดีกับพ่อ พอผ่านไปอยู่ดี ๆ เค้าก็กลับบ้านไปพร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นแม่หนูไม่มีโทรศัพท์แต่เจอผู้ชายคนนั้นที่ขนส่งเลยพาเค้ากลับบ้าน แล้วเหมือนแฟนเก่าแม่ก็ไปเจอทวิตเตอร์แม่ที่ขายบริการด้วย หนูก็เลยถามน้องสาว ซึ่งน้องสาวก็ไม่รู้ จนเวลาผ่านไป 3 ปี แม่ก็กลับมาบอกว่าเค้าป่วยและอยากให้หนูไปหา หนูเลยถามเค้าว่าเค้าป่วยเป็นอะไร? เค้าก็บอกว่าเค้าเป็นโรคที่คนรังเกียจ หนูก็เลยพาเค้าไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ผลปรากฎว่าแม่หนูเค้าติดเชื้อ HIV แล้วหนูก็ให้เงินไปรักษา เพราะเค้าบอกว่าเค้าไม่สามารถทำงาน หาเงินได้แล้ว หนูก็เชื่อใจเค้า เพราะเค้าบอกเค้าจะหยุดเรื่องผู้ชายก็เลยช่วยเหลือเค้าไป จนผ่านมาประมาณเดือนกว่า หนูก็เห็นเค้าโพสต์ในเฟซบุ๊กว่าเหงา อยากหาคนมาอยู่ด้วยหรือใครสักคนที่รักเค้าไปเลี้ยง หนูก็เริ่มเอะใจว่าเค้าไม่ได้เลิกทำเหมือนที่เค้าบอก เลยไปเสิร์ชในทวิตเตอร์ก็เจออีกว่าเค้ายังขายบริการอยู่ แต่ที่หนูตกใจคือเค้ารับแบบไม่ป้องกันด้วย หนูก็เลยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบอกเค้ายังไง หนูเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วเพราะว่าน้องสาวที่อยู่กับเค้าก็มีนิสัยเหมือนเค้าเลย คือมีพฤติกรรมเปลี่ยนแฟนทุกเดือน และหนูก็เคยเตือนเค้าไปแล้ว เค้าก็บอกว่าเค้าเลิกแล้ว ที่หนูกลัวคือแม่หนูเค้าขายถูกมาก 200 - 300 หนูก็กลัวว่าคนที่มาซื้อแม่จะมารับเชื้อไปแพร่ต่อในครอบครัว หนูไม่รู้จะเริ่มต้นบอกเค้ายังไงให้เค้าหยุดเพราะหนูรู้สึกว่ามันเป็นตราบาป ปกติแม่หนูจะฟังรายการพุธทอล์คพุธโทร เค้าจะแชร์หน้าเฟสอยู่บ่อย ๆ เลยอยากให้พี่ ๆ พูดถึงแม่ว่าสิ่งที่เค้าทำมันเป็นยังไง? โดย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ทุก ๆ การกระทำของคนที่เป็นแม่ มันส่งผลถึงลูกอยู่แล้ว ทีนี้ลูกโทรเข้ามาแม่ก็ต้องคิดแล้วว่าที่ผ่านมาเราทำหน้าที่แม่ดีพอแล้วรึเปล่า ทำไมเราถึงทำให้ลูกเราทุกข์ขนาดนี้ แล้วสิ่งที่ลูกเรากำลังเป็นห่วงอยู่ มันเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นรึเปล่า คุณแม่ควรคุยกับลูก บางทีลูกก็ไม่กล้าที่จะเปิดใจหรือพูดคุยกับคุณแม่ แม่ลองเป็นฝ่ายเข้าหาลูกดู ลูกโทรเข้ามาวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากห่วง ฉะนั้นแม่ลูกควรพูดคุยกัน และสิ่งที่ลูกบอกคือไม่อยากให้แม่แพร่เชื้อ แม่ก็ลองหาวิธีดูว่าแม่จะไม่แพร่เชื้อได้อย่างไร ส่วนลูกค้าที่มาใช้บริการหอมว่าชั่งหัวมัน เพราะการไม่ใส่ถุง โอกาสของการติดเชื้อมันมีอยู่แล้ว ชั่งหัวลูกค้ามัน เอาเรื่องความสัมพันธ์ของแม่ลูกดีกว่า ว่าวันนี้เราจะดูแลสภาพจิตใจลูกเรายังไง เรามีคำตอบอะไรให้ลูกเรา ยังไงหน้าที่แม่ก็ลาออกไม่ได้ ฝากคุณแม่เรื่องนี้ละกัน’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมไม่แน่ใจย่าคุณแม่จะติดขัดเรื่องเงินมากน้อยแค่ไหน แต่รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วเราก็ต้องคิดถึงคนอื่นบ้าง เข้าใจว่าชีวิตที่ลำบากมันทำให้ต้องคิดถึงตัวเราก่อน แต่ว่าในขณะที่เราต้องการพาตัวเราให้รอด ไม่ว่าจะปัญหาอะไรก็ตาม เราก็ไม่ควรพาเอาชีวิตคนอื่นเค้าแย่ไปด้วย ผมไม่รู้ว่าแม่ถือหรือเชื่อเรื่องอะไร แต่จริง ๆ บาปกรรมเราคงไม่ได้เห็นเป็นรูปธรรม แต่ว่าถ้าพูดถึงกรรม กรรมก็คือผลของการกระทำ ทุกอย่างที่เราทำมันมีผลเสมอ มันอาจจะไม่ได้ตกถึงแม่ แต่วันนี้ความทุกข์มันตกถึงลูกอย่างมหาศาล ถึงแม้จะไม่ใช่ความรับผิดชอบอะไรของเค้าเลยก็ตาม มิ้นเองก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจก็ได้ ชีวิตใครชีวิตมัน แม้กระทั่งลูกสาวังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมากกว่าเรา ผมว่ามันมีอะไรที่ผิดไปแล้ว อย่างน้อยที่สุดที่จะพอนึกถึงคนอื่นได้บ้างก็ป้องกัน แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็คิดถึงชีวิตคนอื่นได้บ้าง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ ก็เคารพในการตัดสินใจที่จะทำอะไร เพราะมันก็ชีวิตใครชีวิตมัน มันก็อาจจะเป็นหนทางเดียวที่คุณแม่มีอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้ ซึ่งเติ้ลก็ไม่สามรถไปตัดสินได้ ว่าอย่าทำแบบนั้น อย่าทำแบบนี้ แต่อย่างน้อย ๆ การกระทำของคนทำอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน แต่สิ่งที่คุณแม่ตัดสินใจทำอยู่ตอนนี้มันมีส่วนที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้วตัวเองด้วย ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณแม่ป่วยขนาดไหน แต่การที่คุณแม่ขายบริการโดยใช้เรื่องการสดเป็นการดึงดูดมันเหมือนเป็นการทำร้ายคนอื่นทางอ้อม เพราะว่าการเป็นโรคนี้ไม่ใช่แค่คนที่มาใช้บริการจะติดได้ แต่ถ้าคนนั้นเค้าไปมีอะไรกับภรรยาหรือคนอื่น ๆ มันก็มีสิทธิ์ที่จะแพร่ไปได้อีก และมันจะควบคุมความเสียหายไม่ได้ อยากให้คิดดี ๆ การที่แค่จะให้ตัวเองรอดโดยที่ไม่สนว่าคนอื่นจะเป็นยังไง มันสมควรแล้วมั้ยกับทางรอดของตัวเองในแบบนั้น เท่าที่น้องมิ้นเล่าให้ฟังมีน้องสาวที่เห็นคุณแม่เป็นตัวอย่าง อยากให้รู้ว่าบางอย่างไม่ใช่เราตัดสินใจแล้วจะทำได้เลย คิดหน้าคิดหลังว่าจะมีใครได้ผลกระทบจากสิ่งที่เราทำไหม’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูทำงานมา 5 อาชีพ ทุกที่ประเมินไม่ให้ไม่ผ่านงานเลย จนตอนนี้กลายเป็นเด็กจบใหม่ ที่รู้สึกหมดกำลังใจในการมองหางาน จะสร้างความมั่นใจยังไงให้ตัวเองดีคะ? ตอนนี้มันรู้สึกเฟลไปหมดเลย

07 ก.พ. 2025

หนูทำงานมา 5 อาชีพ ทุกที่ประเมินไม่ให้ไม่ผ่านงานเลย จนตอนนี้กลายเป็นเด็กจบใหม่ ที่รู้สึกหมดกำลังใจในการมองหางาน จะสร้างความมั่นใจยังไงให้ตัวเองดีคะ? ตอนนี้มันรู้สึกเฟลไปหมดเลย

“คุณปอ (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการทำงาน เปลี่ยนมาหลายที่แต่สุดท้ายก็โดนประเมินไม่ผ่าน โดย “คุณปอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยย่านบางเขน และกำลังหางานประจำอยู่ หนูลองสมัครงานหลายประเภท ทั้งพาร์ทไทม์ ผู้ช่วยครู และงานราชการ แต่ไม่ว่างานไหนก็รู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ชอบ พอทำไปสักพักก็ไม่แฮปปี้ ต้องลาออกเอง หรือบางครั้งก็ไม่ผ่านการประเมินงาน ตอนนี้หนูว่างงานได้ประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ผ่านงานมา 5 - 6 ที่ แต่ก็ยังไม่เจองานที่ใช่ ก่อนหน้านี้ เคยทำงานเลขามา 5 เดือน แต่ล่าสุดทำงานธุรการโรงเรียนได้ 1 สัปดาห์ก็ถูกประเมินว่าไม่ผ่านการฝึกงาน เขาได้ให้เหตุผลที่ว่า หนูติดโทรศัพท์ ยังทำงานเอกสารไม่คล่อง และช่วยงานองค์กรได้น้อย และหนูเคยลาออกจากงานเลขา เพราะบริษัทกำลังจะ Lay off พนักงาน หนูเลยลาออกเอง แต่ในงานผู้ช่วยครูและธุรการ หนูโดนประเมินว่าไม่ผ่าน ตอนทำงานเป็นผู้ช่วยครูที่โรงเรียนเด็กเล็ก หนูโดนตำหนิว่าเข้ากับเด็กได้ยาก และผู้ปกครองให้ฟีดแบคว่าหนูดูหน้าตึง ทำให้เด็กกลัว หนูรู้ตัวว่าไม่ค่อยเหมาะกับงานนี้ แต่ก็สมัครเพราะอยากลองพัฒนาตัวเอง จนสุดท้ายก็รู้ว่ามันไม่ใช่ นอกจากนี้ เคยทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านชา แต่ทำได้เพียงวันเดียวก็ถูกประเมินว่าไม่ผ่าน เพราะทำงานช้า ไม่ทันลูกค้า ทางร้านจึงให้หยุดทำต่อ หนูเป็นคนที่ค่อนข้างเฉื่อย ทำงานช้า ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคในการทำงานและการสมัครงานครั้งต่อ ๆ ไป หนูเลยอยากขอคำปรึกษาจากพี่ๆดีเจว่า สามารถแนะนำงานที่เหมาะกับหนูได้หรือเปล่า? เพราะตอนนี้หนูยังว่างงานอยู่ และไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี รวมถึงจะมีวิธีแก้ไขนิสัยส่วนตัวของหนูได้บ้างไหมคะ?’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ลองเสพคอนเทนต์ที่ต้องใช้พลังงานเยอะ ๆ ดูว่าคนเหล่านั้นมีเอนเนอจี้ในการใช้ชีวิตยังไง หรือฟังไลฟ์โค้ช พอดแคสต์ หรือเสิร์ชหาวิธีเพิ่มเอนเนอจี้ให้ตัวเอง พี่เชื่อว่าถ้าปอได้เจองานที่ตัวเองชอบจริง ๆ ปออาจจะรู้สึกสนุกและอยากไปทำงานเองโดยไม่ต้องฝืน’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนนี้ปอยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้นให้ต้องดิ้นรน แต่ถ้าปอไม่ปรับตัว สุดท้ายจะไม่มีทางได้งาน และจะโดนประเมินไม่ผ่านแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้ววันหนึ่งจะไม่มีกิน ปอลองคิดดูว่าตอนนี้เศรษฐกิจเป็นยังไง คนโดน Lay off ไปเยอะขนาดไหน เด็กจบใหม่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเรายังมีเอนเนอจี้แบบนี้ก็ไม่มีทางรอด ไม่มีใครมาบังคับปอได้ นอกจากตัวปอเองที่ต้องหาทางทำให้รอดให้ได้’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ข้อเสียของปอเป็นข้อเสียที่ทำให้หางานยากมาก ถ้ายอมรับว่าตัวเองเฉื่อย การเป็นลูกน้องก็ลำบาก ออกมาทำธุรกิจเองก็ไม่รอดเหมือนกัน สิ่งเดียวที่ช่วยได้คือต้องหางานที่สนุกและรักมันจริง ๆ เพื่อให้ตัวเองมีแรงฮึด หรือถ้ายังไม่เจอ ก็อย่ายอมแพ้ หาไปเรื่อย ๆ เพราะนี่เป็นแค่ก้าวแรก หางานแรก ๆ อาจยังไม่ใช่สิ่งที่ชอบ แต่อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าอะไรไม่ใช่ แล้วใช้เป็นแนวทางหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเองต่อไป’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เป็นคนคุยที่มาทีหลัง ไม่มีสิทธิ์หรอคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึง ไม่นานมีสาวปริศนา โผล่มาบอกว่า เรามาทีหลังเค้า เค้าคุยก่อนเรามา 1 อาทิตย์ สุดท้ายผู้ชายเลือกเรา จนอดคิดไม่ได้ว่า หรือจริงๆแล้ว เราคือสาเหตุ ที่ทำให้เค้าสองคนเลิกคุยกัน....

10 ม.ค. 2025

เป็นคนคุยที่มาทีหลัง ไม่มีสิทธิ์หรอคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึง ไม่นานมีสาวปริศนา โผล่มาบอกว่า เรามาทีหลังเค้า เค้าคุยก่อนเรามา 1 อาทิตย์ สุดท้ายผู้ชายเลือกเรา จนอดคิดไม่ได้ว่า หรือจริงๆแล้ว เราคือสาเหตุ ที่ทำให้เค้าสองคนเลิกคุยกัน....

“คุณอูน (นามสมมติ)” อายุ 21 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ม.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาความรักในวัย Gen Z โดย “คุณอูน (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูเล่นแอปพลิเคชันหาคู่ จนได้พบกับหนุ่มคนหนึ่งที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน มีการเจอกันผ่าน ๆ บ้างตามมหาวิทยาลัย เพราะตึกอยู่ใกล้ ๆ กัน หลังจากได้คุยกันผ่านแอปพลิเคชันนั้นสักพักหนึ่ง เราทั้งคู่ได้ย้ายมาคุยกันในไอจี เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ต่อ เราคุยกันมาได้ประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งทักมาหาหนู เขาถามว่า “เธอคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่หรือเปล่า?” แล้วเขาก็ย้ำว่า “อย่าเพิ่งบอกผู้ชายนะว่าเราทักมา” หนูก็ถามกลับไปว่า “มีอะไรรึเปล่าคะ?” เขาตอบว่า “เราคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่นะ แล้วเธอคุยกับเขามานานหรือยัง?” หนูตอบไปว่า “เพิ่งคุยได้สักพักค่ะ” เขาถามต่อทันทีว่า “สักพักนี่นานแค่ไหน?” หนูบอกว่า “ประมาณ 3 อาทิตย์ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นเขาได้บอกกับหนูว่า เขาเลิกคุยกับผู้ชายคนนี้เพื่อให้หนูคุยต่อ แต่เมื่อหนูไปถามผู้ชายว่า “ผู้หญิงคนที่ทักมาเป็นคนคุยกับเธอหรือเปล่า?” ผู้ชายตอบว่า “เราเลิกคุยกันไปนานแล้ว ก่อนที่เราจะมาคุยกับเธออีก” และตอนนี้ฝั่งผู้ชายได้มีการบล็อกผู้หญิงคนนั้นไปแล้วด้วย และมากไปกว่านั้นผู้หญิงคนนี้เขามักจะพูดเหน็บแนมใส่หนู เช่น ถ้าไปห้องผู้ชายก็ฝากเก็บของที่เป็นของเราออกด้วยนะ เลยยิ่งทำให้หนูรู้สึกผิด ตอนนี้หนูไม่แน่ใจว่าเจตนาของผู้หญิงคนนั้นที่ทักมาคืออะไร เขาอยากได้ผู้ชายกลับคืน หรือมาโทษว่าหนูคือสาเหตุที่ทำให้เขาเลิกคุยกัน หนูก็เลยอยากจะมาปรึกษาพี่ ๆ ว่า หนูผิดไหม? เพราะหนูเป็นฝ่ายที่มาทีหลัง’ ซึ่งเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเรื่องที่หนูเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าไม่ผิดเพราะผู้ชายอิสระแล้ว และฝ่ายหญิงก็เป็นคนบอกเองว่าสามารถคุยกันต่อได้เลย แต่แนะนำเพิ่มให้เลี่ยงการอ่านข้อความของผู้หญิงคนนั้นเวลาที่เขาทักมา เพราะไม่ได้ประสงค์ดีสักเท่าไหร่’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าคนคุยในความหมายของพี่ พี่มีสิทธิ์ที่จะคุยเพราะยังไม่ใช่แฟน แล้วเธอมาก่อนฉันแค่อาทิตย์เดียวแล้วยังไง และทั้งสองคนคุยกับผู้ชายในเวลาที่แทบจะทับซ้อนกัน ดังนั้นจึงถือว่าไม่ผิด เพราะเรามีสถานะเท่ากันคือ คนคุย แต่ถ้าเขาเป็นแฟนกันแล้ว แบบนั้นถือว่าผิด เรามาทีหลังเราควรที่จะถอยออกมา’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้สอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการจีบกันในยุคปัจจุบัน และได้คำตอบว่า คนสมัยนี้มักจะคุยกันผ่านทางดีเอ็มในไอจี และมักจะเก็บไลน์ไว้เพื่อคุยเรื่องเรียนหรือเรื่องงานมากกว่า พร้อมให้กำลังใจเพิ่มเติมว่า ถ้าหนูอยู่ในสถานะคนคุยกันทั้งสองฝ่าย มันก็เท่ากัน ไม่ต้องไปคิดว่าใครมาก่อนหรือมาหลัง เพราะไม่เกี่ยวกัน และฝ่ายผู้ชายอาจจะมีคนคุยมากกว่านี้ก็ได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลหรือรู้สึกผิด เพราะในเรื่องนี้ไม่มีใครผิด ทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1