คบแฟนได้ 6 เดือน แฟนบอกว่ามี FWB กับผู้หญิงอีกคน ตอนแรกคิดว่าพูดเล่น หลังๆเริ่มชวนไปกินข้าวกัน 3 คน แฟนหนูสั่งน้ำโปรดให้เขา ตักข้าวให้เขา จนหนูรู้สึกว่า "เรายังเป็นแฟนอยู่ไหม" พีคสุด เจอแชทเขาคุยเสียวกัน

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบแฟนได้ 6 เดือน แฟนบอกว่ามี FWB กับผู้หญิงอีกคน ตอนแรกคิดว่าพูดเล่น หลังๆเริ่มชวนไปกินข้าวกัน 3 คน แฟนหนูสั่งน้ำโปรดให้เขา ตักข้าวให้เขา จนหนูรู้สึกว่า "เรายังเป็นแฟนอยู่ไหม" พีคสุด เจอแชทเขาคุยเสียวกัน

10 พ.ค. 2024

คบแฟนได้ 6 เดือน แฟนบอกว่ามี FWB กับผู้หญิงอีกคน ตอนแรกคิดว่าพูดเล่น

หลังๆเริ่มชวนไปกินข้าวกัน 3 คน แฟนหนูสั่งน้ำโปรดให้เขา ตักข้าวให้เขา

จนหนูรู้สึกว่า "เรายังเป็นแฟนอยู่ไหม" พีคสุด เจอแชทเขาคุยเสียวกัน

ตอนนี้เขาบอกไม่ได้ยุ่งกันแล้ว หนูควรเชื่อและคบแฟนต่อดีไหม?

            “คุณมน (นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหารักของเราสามคน เพราะแฟนของคุณมนแอบมี FWB ลับหลัง

            โดย ​“คุณมน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘มนมีแฟนอยู่คนหนึ่ง ซึ่งก่อนที่จะคบกัน คู่ของเราก็มีการพูดคุยดูใจกัน เหมือนคู่อื่น ๆ แต่ช่วงที่เรายังคุยกันอยู่ ทางฝ่ายชายก็ชอบเอ่ยปากว่า เขาอยากมีภรรยาสองคน แต่มนก็คิดว่าที่เขา พูดมันเป็นเรื่องขำ ๆ เพราะมนก็ถามเขาเกือบทุกครั้งว่า มันมีทางเป็นไปได้จริง ๆ หรอ ? เขาก็ตอบว่า ไม่มีอะไร เขาแค่ถามเล่น ๆ แค่ลองถามดู ซึ่งมนก็เป็นคนที่ไม่ได้คิดอะไรก็ลองคุยต่อไป ระยะเวลาก็ผ่านไป เราใช้เวลาคุยกัน 6 เดือน

            หลังจากนั้นก็เลยตัดสินใจคบกันดู ซึ่งตลอดระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่คบกันมา มันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมาก เทคแคร์ ดูแล ใส่ใจกันมาตลอดทั้งเขาทั้งเรา แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขาก็อยากพามนไปทานข้าวกับ “บี (นามสมมติ)” มนก็ถามเขาว่า บีเป็นใคร ? เขาก็เล่าให้ฟังว่า บีเป็น FWB กับเขามาก่อน เป็นแบบนี้มานานแล้ว และปัจจุบันนี้ ก็ยังเป็นอยู่ ซึ่งมนคิดว่า เขาคงอยากให้ความคิดของเขามันเป็นจริงมั้งคะ ความคิดที่ว่า… เขาอยากมีภรรยาสองคน

            ความพีคก็ คือ มนก็ตอบ ตกลง ยอมที่จะไปทานข้าวกับพวกเขา ซึ่งเป็นตัวของมนเองที่ปล่อยเลยตามเลย เพราะตอนนั้นมนแค่รู้สึกว่า ยังเลิกกับเขาไม่ได้ และ ยังรักเขาอยู่ และมนก็คิดว่า บนโลกใบนี้ ยังมีความสัมพันธ์อีกมากมายที่เรายังไม่รู้จัก ก็เลยอยากจะลองเปิดใจดูว่า มันอาจจะดีหรือว่ามันอาจจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ อยากลองดูสักตั้งให้มันรู้ ดีกว่าปฏิเสธตั้งแต่ต้น หลังจากตกลงไปทานข้าวด้วยกัน มนก็ถามแฟนว่า ให้เราไปรับไหม ? เพื่อที่เราจะได้ไปร้านด้วยกัน เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาไปเอง แต่พอมนไปถึงที่ร้าน มนกลับเจอเขามากับบีก่อนแล้ว

            พอถึงเวลาทานอาหาร มนก็นั่งข้างแฟน ส่วนบีก็นั่งฝั่งตรงข้าม ต้องขอเกริ่นก่อนว่า มนเป็นคนที่ชอบดื่มโคล่า ซึ่งมนก็คิดว่า บีก็ชอบดื่มเหมือนกัน แต่พอเริ่มสั่งอาหาร แฟนของมนกลับสั่งน้ำเปล่าให้มน แต่สั่งโคล่าให้บี มนก็เริ่มมีอารมณ์นิดหน่อยที่แฟนจำของเราไม่ได้ แต่กลับจำของบีได้ แต่มนก็ยังเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์อยู่ คิดว่า เขาคงรู้จักกันมานาน ระหว่างที่ทานข้าวแฟนของมนก็ตักข้าวให้ทั้งตัวเราและบี สลับวนอยู่แบบนี้ตลอด

            ส่วนบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร ส่วนใหญ่จะพูดถึงการทำธุรกิจ เพราะมนกับแฟนวางแผนกันว่า จะเปิดบริษัทร่วมกัน โดยตามหลักของการเปิดบริษัทจะต้องมีผู้ถือหุ้นทั้งหมด 3 คน ซึ่งมนก็คิดว่า ฝ่ายชายน่าจะวางแผนไว้แล้ว ว่าอยากจะให้เป็นตัวเขาเอง มน และบี เรื่องผู้ถือหุ้นในความรู้สึกของมน มนเฉยมาก ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่ามนก็มีเรื่องที่รู้สึกน้อยใจ เพราะหลายอย่างที่แฟนมาขอความคิดเห็น เช่น รูปแบบโลโก้ หรือเรื่องภายในบริษัท แฟนกลับเลือกความคิดเห็นของบีมากกว่าของมน

            หลังจากนี้ เราก็เริ่มที่จะทะเลาะกัน เขาก็มีคำพูดที่ว่า จริง ๆ เราเลือกคนอื่นมาเป็นผู้ถือหุ้นก็ได้นะ ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นเธอ และเธออย่าคิดว่า เรามาหลอกเธอ เพราะเธอจะไม่ถือหุ้นก็ได้ แต่เราต้องไม่เลิกกันนะ เรายังอยากมีเธออยู่ข้าง ๆ เรา ซึ่งการทำธุรกิจร่วมกันนี้ มนไม่มีการลงทุนลงเงิน เพราะมนรับผิดชอบด้านบัญชี ต้องลงแรง จึงไม่จำเป็นต้องลงเงิน ซึ่งมนไม่รู้ว่า เขาเข้าหามน เพราะทำบัญชีได้ เลยมาหลอกเอาผลประโยชน์ จากมนหรือเปล่า ?

            หลังจากที่กลับมาจากการรับประทานอาหารกัน มนก็มานั่งตกตะกอนความคิด ก่อนที่จะตัดสินใจคุยกับเขา อย่างเปิดใจว่า เรารู้สึกไม่โอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้ เราไม่สามารถรับมือและไปต่อได้ เธอต้องเป็นคนเลือกแล้วว่า เธอจะอยู่กับเขา หรือเธอจะอยู่กับเรา ซึ่งถ้าเธอจะอยู่กับเรา เธอก็ไปเลิกกับเขามาให้ชัดเจน ไปหาหลักฐานหรืออะไรก็ตามมายืนยันให้ได้ว่า เธอได้เลิกกับเขาแล้วจริง ๆ หลังจากนั้น เขาก็ไปเคลียร์กันมา เขากลับมาบอกเราว่า เขาเลือกเรานะ แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราพลาด คือ เขาแคปแชทมาให้ดูว่า เขาได้บอกเลิกกับทางฝั่งนั้นแล้ว และเราก็เลือกที่จะไม่ทักถามฝ่ายหญิง เพราะโดยปกติเราก็ไม่เคยเช็คโทรศัพท์ของกันและกัน จากนั้นมนก็กลับมาเชื่อใจและให้โอกาสเขาอีกครั้ง

            จนกระทั่งเข้าปีที่ 2 แฟนของเราก็เริ่มพูดถึงชื่อของบีเยอะขึ้น อย่างเช่น นั่งดูหนังกันอยู่ เขาก็จะพูดแล้วว่า เรื่องนี้บีบอกว่าสนุกนะ หรือว่า ข้าวร้านนี้บีบอกว่าอร่อยนะ ซึ่งเราเป็นสายนิ่งเงียบอยู่แล้ว เวลาได้ยินชื่อก็ทำนิ่งไว้ แล้วก็ตามน้ำเขาไปว่า อ๋อ เหรอคะ  พอเขาหลับเราก็แอบเช็คมือถือ เราได้แต่ภาวนาคิดว่า เขาคงคุยกันเรื่องงานที่บริษัท แต่ภายในแชทกลับกลายเป็นว่า เขาคุยไปในทาง 18+ มีการส่งรูปลับหากัน ไม่ได้มีเรื่องงานปนอยู่เลย ณ วันที่เราเห็น เราก็รู้สึกช็อคมาก เหมือนกลับว่าจะเป็นลม ในคืนนั้นมนก็เก็บเสื้อผ้าออกไปนอนอยู่ที่โรงแรม 2-3 วัน และใช้เวลาอยู่กับตัวเอง แต่ก็ยังต้องไปทำงานอยู่ ความรู้สึกคือตีกันหนักหน่วงมาก พอได้สติเราเลยเลือกที่จะกลับไปคุย และถามเขาว่า มันเกิดอะไรขึ้น ? ซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้นมันกลายเป็นสงครามแล้ว มนทะเลาะกับเขา และบีด้วย

            ฝ่ายชายก็บอกว่า มันไม่มีอะไร มันเป็นเพียงข้อความที่คุยกันเท่านั้น เขาไม่ได้ไปมีสัมพันธ์อะไรกันเลยตั้งแต่ตอนนั้น มันจบกันนานแล้ว เธอก็เห็นว่า เราก็อยู่ด้วยกันทุกวัน คุยจบมนก็เลือกที่จะทักหาบีต่อว่า ทำไมถึงคุยกันแบบนี้ คือถ้าผู้หญิงบอกว่าผู้ชายมาหลอกเขา เราจะได้ด่าผู้ชายคนเดียวให้จบ แต่ผลสรุปแล้ว บีก็รู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว บอกมนว่า ขอโทษที่พิมพ์ไปแบบนั้น ก็คนมันเคยคุยกันแบบนี้ แต่จะไม่คุยกันแบบนั้นอีกแล้ว แล้วก็ขอโทษเรา

            ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ มนก็ยังคบกับแฟนมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนเหตุผลที่มนไม่เลิก แม้ว่าจะเจอเหตุการณ์อะไรสารพัด เป็นเพราะฝ่ายชายเคยพูดว่า เราอยู่ด้วยกันมา เขาเทคแคร์ ดูแลเราดีมากเลยในสถานะของแฟน ซึ่งตรงนี้มนก็ไม่เถียง เขาก็เลยถามเราว่า เขาทำผิดแค่นี้เอง ทำไมมนถึงไม่มองข้อดีของเขาบ้าง ? แต่มนกลับรู้สึกว่า ที่เราอยู่ด้วยกันตอนนี้ มันเป็นเพราะความผูกพัน ซึ่งมนไม่รู้ว่าจะเดินออกมาจากเขายังไง หรือจริง ๆ แล้ว มนยังรักเขาอยู่ ? ซึ่งมนอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า มนควรไปต่อหรือพอแค่นี้แบบ… เลิกกันไปเลย

            โดย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้ามนรู้สึกไม่โอเคกับการที่เขายังมีบีอยู่ มนก็ได้คำตอบแล้วว่า มนต้องเดินออกมา แล้วถ้ามนคิดว่าปัญหานอกใจเป็นเรื่องใหญ่ มนก็ไม่ต้องคิดแล้ว เดินออกมาเลย ซึ่งถ้ามนคิดว่า ความผิดมันสามารถหักล้างกับความดีของเขาได้ มนแน่ใจใช่ไหมว่า มนจะทนไหวกับสถานการณ์ แบบนี้ได้ไปตลอดชีวิต สรุปแล้วพี่ว่า มนกำลังสับสนในตัวเอง คือมนไม่ได้อยากเลิก แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มนก็ไม่สามารถรับได้ มนก็แค่รอวันที่มนทนไม่ไหว จนมนต้องเลิก สมมติว่าวันนี้มนจะซื้อบ้านหนึ่งหลัง เหนื่อยมากอยากจ่ายก้อนไปเลย แต่วันนี้มนเลือกที่จะจ่ายดอกเบี้ยไปก่อนเรื่อย ๆ จนกว่ามนจะหมดแรง แต่บ้านมันยังดีที่มันเป็นของเรา แต่นี่คือมนจ่ายโดยไม่รู้เลยว่า สุดท้ายแล้วจะเป็นของเราหรือเปล่า ?

            เพราะเขาเองก็พยายามสื่อและบอกมนมาตลอดว่า เขาต้องการมี 2 คน เขาพยายามบอกมนแล้วตั้งแต่วันแรก เราแค่ไม่ได้ฟังเสียงเขาเอง คือเอาจริงก็ฟัง แต่ไม่เอามาคิด ไม่ยอมรับว่า เขาเป็นคนแบบนี้ ซึ่งคนนี้เขาไม่ใช่คนซื่อสัตย์ เพราะถ้าเขาซื่อสัตย์ เขาจะไม่เอา FWB มารู้จักกัน เขาจะตัดตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง คือตอนนั้นเขาเผื่อฟลุ๊ค เผื่อว่า มนจะยอม แต่สรุปมนไม่ยอม แทนที่เขาจะตัด แต่เขาก็เลือกทำต่อแปลว่า เขาไม่ใช่คนซื่อสัตย์ ลองเทียบว่า อยู่คนเดียวกับการที่มีเขาอยู่อันไหนสบายใจกว่ากัน’

            ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า พี่ถึงถามไงว่า ถ้าพี่บอกให้เลิก คนทั้งอินเตอร์เน็ตก็บอกให้เลิก มนทำได้หรือเปล่า ? เพราะวันนี้มนเองก็ไม่ได้มีน้ำเสียงที่พี่รู้สึกว่า มนสามารถตัดสินใจเลิกได้ คือการที่เจอแบบนี้ 2 รอบ เป็นคนอื่นอาจจะไปแล้ว แต่ความอดทนนมนอาจจะสูงกว่า มนก็แค่ต้องอยู่ไปเรื่อย ๆ แบบที่พี่หอมบอก จนกว่ามนจะทนไม่ได้ เดี๋ยวมนก็เดินออกมาเอง เพราะความอดทนนของคนเราไม่เท่ากัน ของมนพี่ว่า น่าจะมีความทนทานสูงอยู่ แล้วก็ไม่ต้องไปคิดว่ายังรักหรือว่าผูกพัน มันไม่สำคัญ เพราะสุดท้ายแล้วมนก็ยังเลิกกับเขาไม่ได้ มนยังไม่ใจแข็งพอที่จะเลิกกับเขา ไม่ต้องถามหาสาเหตุ

            สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่มองว่า ช่วงระยะเวลา 2 ปีนี้มันยากก็จริง แต่ถ้าเทียบว่า ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้ แล้ววันหนึ่งเขาเป็นคนบอกเลิก อันนี้พี่ว่า ไปไม่รอดกว่า เพราะเราเป็นฝ่ายตาย คือตอนนี้มนมีสิทธิเลือก เลิกออกมาก็เจ็บพี่เข้าใจ แต่ถ้ามนจะรอวันนั้น วันที่เขาบอกว่า ออกไปได้แล้ว ซึ่งถ้าวันนั้นมาถึง มนจะไปไม่รอดมากกว่านี้อีก จะยิ่งซ้ำตายกว่านี้อีก เพราะตอนนั้นมนจะรู้สึกว่า ยอมมาขนาดนี้แล้ว แล้วยังมาโดนบอกเลิกอีก พี่ว่ามันเจ็บคนละแบบ แล้วถ้ามนอยากจะมีอนาคตกับผู้ชายคนนี้ คิดภาพแต่งงาน มีลูก แต่มนก็ยังต้องทนกับผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลา หรือจะมีผู้หญิงคนอื่นอีก แล้วเราจะยังแข่งอดทนกับบีอยู่เหรอ  ?’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเค สั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้อง ผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว

21 มี.ค. 2025

ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเค สั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้อง ผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว

ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเคสั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้องผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว แต่ยังไม่ได้ถอนหมั้นกัน จะทำยังไงดี? “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” อายุ 37 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาแฟนขี้หึงมากจนกระทบกับงาน โดย “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ผมหมั้นกับน้องคนนึง เขาอายุ 24 ปี เราคบกันและหมั้นมารวมทั้งหมด 2 ปี ผมทำอาชีพเป็นช่างภาพ ส่วนน้องเขาทำงานที่ร้านของบ้านผม น้องเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีสังคม เอาแต่ใจ และเริ่มลามไปถึงเรื่องงานของผม ช่วงแรกๆที่คบกันน้องมีนิสัยงี่เง่านิดหน่อย แต่ยังไม่ได้ฉายแสงอะไร แต่ก็หึงหวงแรงมาก เช่น ตัดเพื่อนในโซเชียลมีเดียของผมเองเลย ช่วงที่ผมหมั้นกับเขาและทำงานไปด้วย ผมตัดเรื่องการถ่ายรูปเล่น เก็บพอร์ต ผมตัดทุกอย่างเพื่อเขา และรับแต่งานถ่ายภาพที่เป็นงานจริง ๆ เท่านั้น สาเหตุที่ผมตัดสินใจหมั้นกัน เพราะน้องเขาเป็นคนหน้าตาดี ผมก็อายุ 37 ปีแล้ว รู้สึกว่าถึงเวลาที่ควรจะมีครอบครัวได้แล้ว ถ้าช้ากว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัวตอนไหน ก่อนคบกับเขา ผมค่อนข้างเจ้าชู้ เป็นคนเฟรนลี่ เล่นกับทุกคนไปหมด แต่พอคบกับเขา น้องก็มองว่าช่างภาพเจ้าชู้ทุกคน ผมเลยให้ความเชื่อใจโดยให้เขาดูทุกอย่าง รับงาน คุยกับใคร เช็คโทรศัพท์ได้ตลอด ซึ่งไม่เคยมีปัญหาเรื่องมือที่สามเลย จนกระทั่ง เวลาที่ผมจะต้องออกไปทำงาน ผมต้องคอยรายงานเขาตลอด แต่เวลาที่ผมเริ่มถ่ายงานเสร็จ ผมไม่ได้ทักบอกเขา เขาก็บอกว่า ทำไมถ่ายงานเสร็จแล้วไม่ทักบอกเลย ผมก็บอกว่า ขอนั่งพักซักแปปนึงได้ไหม เป็นแบบนี้ทุกครั้งมาตลอด เขาจะกลัวว่าผมจะไปจีบลูกค้า ไปคุยกับลูกค้าเกินกว่าที่เป็นช่างภาพกับลูกค้าคุยกัน ผมก็คอยแต่บอกเขาว่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ก็ให้เช็คได้ตลอดทุกครั้ง เราทะเลาะกันเรื่องนี้มาตลอด พอทะเลาะกันก็จะมีคำพูดนึงขึ้นมาว่า ไม่เคยชอบหรอกนะที่เธอถ่ายรูป และสุดท้ายเรื่องนี้ก็ลามไปถึงที่บ้านผม เพราะน้องอยากไปทำงานต่างจังหวัด ผมให้เขาไปคุยกับพ่อแม่ก่อน แต่พอคุยเสร็จก็ทะเลาะกับพ่อแม่ผม น้องยื่นคำขาดว่า ถ้าอยากให้เขาทำงานที่บ้าน ต้องให้ผมเลิกถ่ายรูป ผมถามเขาว่า แล้วจะทำอะไรกิน? เพราะแม้ว่าผมจะช่วยที่บ้านทำงาน แต่รายได้จากการถ่ายรูปก็ไม่ใช่น้อย ๆ ต่อเดือน กลายเป็นว่าเขาก็เลือกที่จะไปทำงานต่างจังหวัด ช่วงแรกเขาทดลองงาน 3 เดือน ผมซัพพอร์ตทุกอย่าง ค่าหอพัก ค่ากิน ค่าจิปาถะ ผมเคยแนะนำให้เขาทำงานที่บ้าน ถ้าไม่อยากทำงานที่บ้านก็ทำข้างนอก แต่ให้อยู่จังหวัดเดียวกัน จะได้กลับบ้านมาเจอกัน เป็นครอบครัว แต่น้องบอกว่า ไม่ ถ้าอยากให้เขาอยู่ ต้องเลิกถ่ายรูป หลังจากทดลองงานเสร็จ ผมบอกให้กลับมาขายของหน้าบ้านก็ได้ เพราะเขามีประสบการณ์ด้านร้านคาเฟ่ แต่น้องบอกหมดแพชชั่น ไม่อยากทำ ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่ คงเป็นเพราะไม่อยากมาเจอหน้าพ่อแม่ผม ที่เขาทะเลาะกับพ่อแม่ผมด้วยเรื่องที่เขาจะขอไปทำงานต่างจังหวัด เพราะพ่อแม่ไม่อยากให้ไป อยากให้ทำงานใกล้ ๆ ต่อให้ไม่ทำงานที่บ้านก็ไปทำงานในระแวกนั้นก็ได้ แล้วก็กลับบ้านมาเป็นครอบครัว แต่กลายเป็นว่า เขาเป็นคนดื้อ เขาเป็นคนเอาแต่ใจ ว่าฉันต้องทำแบบนี้ มีเส้นชัยไว้แบบนี้ ฉันต้องไปให้ได้ ซึ่งตอนนี้เขาไปทำงานไกลกว่าเดิมอีก ตอนแรกเขาฝึกงานกับอินฟลูเอนเซอร์คนนึงอยู่ในจังหวัดขอนแก่น แล้วก็ไปสมัครกับอินฟลูเอนเซอร์อีกคนที่โคราช ณ ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่โคราช ยิ่งอยู่ห่างกัน น้องยิ่งหวงมากขึ้น พ่อแม่ผมถามว่า เธอไม่ไว้ใจลูกฉัน แล้วฉันไว้ใจเธอได้ไหม? น้องตอบว่า เชื่อใจได้สิ แต่ผมไม่เคยเช็คมือถือเขาเลย เพราะผมมองว่าชีวิตคู่ไม่ควรตึงหรือหย่อนเกินไป ต้องพอดี ๆ และเชื่อใจกัน ตอนแรกเราหมั้นกัน แล้วกะว่าครบปีจะจดทะเบียนสมรส แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าวันสุดท้ายที่ขาดสัมพันธ์กันเพราะความงี่เง่าของเขา วันนั้นผมออกไปถ่ายรูปรับปริญญาแต่เช้า บอกเขาแล้วว่าออกจากบ้านแล้วนะ แต่พอไปถึงที่งาน ผมไม่ได้ทักบอก น้องก็โกรธ พอตอนเย็นผมมีประชุมต่อ ก็ถ่ายรูปให้ดูว่าสถานที่ประชุมอยู่ตรงไหน แต่น้องก็งอนว่า ทำไมไม่บอกก่อนออกจากบ้าน ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ผมเป็นคนง้อ ขอโทษทุกอย่าง แต่ครั้งนี้ผมสุดจริง ๆ ผมบอกว่า ถ้าผมไม่ดี เปลี่ยนใหม่ไหม หรือห่างกันสักพัก น้องเขาก็ไม่ง้อผม เปลี่ยนสีแชท ลบทุกอย่าง หายไปหมด ผมเลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมทำถูกไหม ควรรอให้เขาคิดได้มากกว่านี้ หรือควรไปง้อเขา แล้วถ้าเขากลับมาง้อผม ผมควรพูดยังไง?’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คิดว่าเขายังคิดไม่ได้ แล้วก็ถ้าคุณกอล์ฟจะรอก็สุ่มเสี่ยงไป อายุ 37 แล้ว ถ้าคิดจะวางแผนอนาคต ลองมองหาคนที่เป็นผู้ใหญ่และเข้าใจเรามากกว่านี้ คือการมีแฟนต้องไม่แตะเรื่องการทำงานของเราเลย งั้นก็เลือกตัดแฟน ถูกต้องแล้ว คนนี้ไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงจรของเรา เขาไม่สามารถเข้ามาโลกของเราได้ เขาไม่ได้เหมาะ เปลี่ยนคน เอาผู้ใหญ่ที่โตกว่านี้ เข้าใจการทำงานของเรา ไม่ได้ผิดที่เราผิดที่เขา’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘รู้สึกว่าคุณกอล์ฟดูถูกตัวเองไปหน่อย ว่าอายุ 37 แล้วยังไม่แต่งงานมันจะช้า เพราะรู้สึกว่า 37 มันควรได้อยู่ที่ส่งเสริมกันและกัน ซึ่งน้องเขาอาจจะไม่เหมาะกับแบบนี้ คุณกอล์ฟต้องถามตัวเองว่าถ้าแต่งงานแล้ว เราจะอยู่กับเขาได้จริง ๆ ใช่ไหม ถ้าเขากลับมา แล้วคุณกอล์ฟใจอ่อน ก็ต้องคุยกับเขาว่า เป็นแบบนี้ไม่ได้ เพราะอันไหนที่มันเกินไป ก็ต้องบอกว่าคุณกอล์ฟไม่โอเคกับเรื่องนี้ ก็ต้องปรับตัว ถ้าไม่ได้ก็เลิก’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยความห่างของอายุ 37 กับ 24 มันห่างกันมาก และคนละ Generation วิธีคิด การแสดงออก คนละแบบ ความตกตระกอนในชีวิตคนละเรื่อง ถ้าเราจะรอให้ผู้หญิงคนนี้ให้โต มันไม่ได้การันตีว่า อายุเยอะขึ้นแล้วจะหาย บางคนก็งี่เง่าแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้างี่เง่าเรื่องอื่นโอเค แต่ถ้ามาตัดรายได้มันอยู่ด้วยกันไม่รอดแล้ว นั่นแปลว่าทัศนคติในการสร้างครอบครัวมันไม่เหมือนกันแล้ว การสร้างครอบครัวมันไม่ใช่แค่การคบแค่เป็นแฟน มันคือการหาเงิน การช่วยกันบริหารรายจ่าย รายรับ แต่เราดันไปเจอคนที่ไม่พร้อมมาก ๆ ถ้ามีแล้วปวดหัว มีแล้วการงานเสีย มีแล้วรายได้หด ก็อย่าเพิ่งมีดีกว่า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมคบกับแฟนได้ 18 วัน แพลนจะไปเคาท์ดาวน์ที่ร้านแฟน แต่แฟนบอกหุ้นส่วนที่ร้านเป็นแฟนเก่า พอแฟนเก่ารู้ว่าผมจะไป เค้าไม่ยอม ฝากแฟนมาบอกว่าถ้าผมไปจะทำให้ร้านสะดุด เขาไม่โอเค ผมก็ให้แฟนไปคุยอีกรอบ เค้าก็บอกว่ามาได้ แต่แฟนผมห้ามมาโต๊ะผม ผมงงเลยว่าจะทำยังไงต่อ?

20 ธ.ค. 2024

ผมคบกับแฟนได้ 18 วัน แพลนจะไปเคาท์ดาวน์ที่ร้านแฟน แต่แฟนบอกหุ้นส่วนที่ร้านเป็นแฟนเก่า พอแฟนเก่ารู้ว่าผมจะไป เค้าไม่ยอม ฝากแฟนมาบอกว่าถ้าผมไปจะทำให้ร้านสะดุด เขาไม่โอเค ผมก็ให้แฟนไปคุยอีกรอบ เค้าก็บอกว่ามาได้ แต่แฟนผมห้ามมาโต๊ะผม ผมงงเลยว่าจะทำยังไงต่อ?

“คุณแม็ก (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [18 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ โดย “คุณแม็ก (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องความลำบากใจระหว่างผมกับแฟน เราสองคนพึ่งเริ่มคบกันได้ 18 วัน แต่ก่อนหน้านี้คุยกันมาประมาณ 3 เดือน เราไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ เพราะเราอยู่คนละจังหวัดกัน แฟนผมมีธุรกิจที่บ้านอยู่แล้วแต่ช่วงปลายปี เขามักจะรวมหุ้นกับเพื่อนเปิดลานเบียร์ ซึ่งในช่วงที่เราตกลงคบกันเขา เขาบอกกับผมว่า หนึ่งในหุ้นส่วนของเขาคือแฟนเก่าของเขาด้วย แต่เขาก็บอกผมว่าเลิกกันไปนานแล้ว ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เป็นแค่พี่น้องหุ้นส่วนกัน ผมก็โอเคเพราะเขายืนยันว่าไม่น่าจะมีทางกลับไปได้ ถ้ากลับไปก็คงไม่เลิกกันตั้งแต่แรก เขาให้เหตุผลกับผมว่าปีนึงก็คุยกันแค่ช่วงที่มาทำร้านด้วยกัน ไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีกนอกจากตอนที่ทำร้าน ซึ่งช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นวันหยุด เราได้ไปที่ร้านเพื่อไปหาแฟน แล้วตอนไปเราได้บังเอิญเจอกับแฟนเก่าเขา แต่เราไม่ได้แสดงตัวว่าเราคือคนใหม่ ด้วยความที่แฟนเรามันก็คงทำให้รู้ว่าคนนี้คือคนใหม่ เพราะว่าแฟนจะเดินเวียนมาโต๊ะเราบ่อย ๆ โต๊ะที่ผมนั่งก็จะมีเพื่อนผมด้วย เหตุการณ์วันนั้นก็ไม่มีอะไรปกติทุกอย่างแต่ก็จะมีหุ้นส่วนเขาเดินมาดูโต๊ะเราบ่อย เดินผ่านโต๊ะเราบ่อย จากที่เราสังเกตเห็น หลังจากวันนั้นเราก็กลับบ้านมาทำงานปกติ เราก็ได้คุยกันกับแฟนว่าวันเคาท์ดาวน์จะไปเคาท์ดาวน์กันที่ร้านเขา ตั้งแต่ก่อนที่ผมจะได้ไปเจอกับแฟนเก่าเขา เพราะเขาก็ไม่น่าจะไปไหนได้ต้องอยู่ดูแลร้าน พอจากวันนั้นเขามาบอกผมว่า พี่เขากลับมาเหมือนจะมาง้อเขา มาชวนไปกินข้าว ชวนไปห้อง เราก็เลยถามเขาว่าแล้วยังไง เขาก็บอกว่ารู้สึกอึดอัดทำไมต้องมาทำแบบนี้ พอรู้ว่าผมเป็นใคร แล้วทำไมต้องมาทำแบบนี้อีก ผมก็เลยบอกเขาไปว่า ถ้าคุณไม่โอเค คุณก็บอกเขาไปตรง ๆ เราเป็นใคร ยังไงเราก็ไม่โอเคที่เป็นแบบนี้ เขาก็บอกกับเราว่า อยากบอก แต่หุ้นส่วนแฟนเก่าเขาเป็นคนที่แยกแยะไม่ได้ระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว คือถ้าบอกหุ้นส่วนก็จะงอแง วุ่นวายไม่ทำงาน ด้วยความที่เขารู้จักกันมาก่อนเขาก็รู้นิสัยกัน แล้วผมก็บอกแล้วจะให้ทำยังไง ถ้าไม่บอกมันก็จะเป็นคาราคาซังแบบนี้ เขาก็บอกว่า ทนหน่อยได้ไหม เดี๋ยวขอเวลาแป๊บนึง เดือนหน้าก็หมดร้านแล้ว เขาบอกผมว่าจะบอกตอนที่มันใกล้ ๆ จะเสร็จเรื่องร้าน ผมพยายามให้เขาไม่ทำแบบนี้ ผมก็ถามเขาว่าทนไหวเหรอ เขาบอกได้ทนไหว เราก็โอเคปล่อยเขาไปช่วงนึง จนผ่านไปประมาณ 3 วัน เป็นวันที่เขานัดจะมาหาเรา เพราะอีกวันร้านจะหยุด ช่วงประมาณ 1 ทุ่มเขาทักมาบอกว่า วันนี้น่าจะไปหาดึกหน่อย เพราะหุ้นส่วนบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย เราก็เลยบอกว่า เรื่องกูแน่ ๆ แหละ ดูแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องอื่น เราก็เลยปล่อยเขาคุยกันไป เราก็ไม่ได้ถามอะไรเขา จนเขาทักมาบอกว่าคุยเสร็จแล้ว กำลังจะไปหาที่บ้าน พอเขามาถึงบ้าน อาบน้ำทำอะไรเสร็จ เราก็เลยถามเขาว่าสรุปที่คุยกันว่ายังไง เขาก็บอกเราว่าที่เรานัดกันจะไปเคาท์ดาวน์ที่ร้านเขายกเลิกก่อนได้ไหม เพราะเขาไม่อยากให้เสียงาน หุ้นส่วนบอกว่า ถ้าเธอมา พี่เขาจะทำใจไม่ได้ แต่ผมก็ยืนยันที่จะไป เขาก็เลยบอกว่า งั้นเดี๋ยวจะไปคุยใหม่ พอเสร็จหลังจากนั้นเขาก็กลับไปทำงานปกติ 2 - 3 วัน เขาก็มาบอกผมว่า ไปคุยมาแล้ว พี่เขาบอกว่าจะมาก็มา แต่แฟนผมอะอย่ามานั่งที่โต๊ะผมบ่อยนะ ต้องทำงาน ผมเลยสงสัยถามเขาไปว่า หุ้นส่วนต้องทำอะไรบ้างถ้าเธอไม่ทำเดี๋ยวกูไปช่วยทำเองก็ได้ ผมก็เลยอยากจะมาปรึกษาพี่ ๆ ว่าเราควรไปไหมมันจะทำให้แฟนเราอึดอัดมาไปไหม?’ ซึ่งเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ไม่แนะนำให้เปลี่ยนร้านนะ แต่พี่แนะนำให้เปลี่ยนแฟน ไม่มีคำว่าไปหรือไม่ไปคือการที่จะเดินมาบอกว่า เฮ้ยเธอต้องไปร้านนี้ได้ป่ะ เพราะแฟนเก่าไม่โอเค ถามหน่อยไอ่นั้นเป็นใครแล้วกูเป็นใครก่อนตอนนี้ ชั่งน้ำหนักก่อนใช่กูมา 18 วันกูเดินออกได้นะ ตอนนี้แม็กต้องไปสืบข้อมูล แม็กได้ข้อมูลไม่ครบแล้วล่ะกับเรื่องแฟนเก่าคนเนี้ย การที่แฟนเก่าเลิกมา 2 ปีแล้วนาน ๆ เราเจออกันทีเราจะมาเจอกันแค่ทำร้าน ขอโทษนะแค่ทำร้านปีนึงแปลว่ามันไม่ได้มีการติดต่ออะไรกันมาแล้ว อยู่ ๆ อีนี่จะมาหวงก้างขึ้นมาไม่ใช่ตลอดระยะเวลา 2 ปี ถ้าเลิกกัน 2 ปีจริง ๆ นะยังติดต่อกันอยู่แล้วเป็นแนวทางที่ไม่ใช่เพื่อรตัดขาด แฟนเก่ายังมีความหวังมาโดนตลอดแต่แม็กตอนนี้เลือกแคร์ผิดคน ทีนี้คือโทษเขาไม่ได้นะแม็กเธอมาแค่ 18 วัน สิ่งที่พี่อยากให้แม็กรู้คือน้ำหนักความสำคัญของตัวแม็กตอนนี้ แล้วคือการไปไปได้นะแต่ไม่ได้เต็มใจให้ไปคือการจัดการของคนกลางไม่ดีซึ่งพี่ไม่รู้ว่า คนกลางจัดการไม่ดีหรือคนกลางมันแคร์ตรงนั้นอยู่มันไม่ใช่เรื่องของการทำงาน แฟนเก่ามันเป็นแฟนเก่าจริงหรือเปล่าตอนนี้มันเหมือนมันไม่ใช่แฟนเก่าเท่าที่ฟัง ถ้ายังจะเอาคนนี้แม็กต้องยื่นคำขาดต้องวีนไปเลยว่า ทำไมถึงไม่ให้เราไปทำไมถึงไม่ให้ความสำคัญกับเราแล้วมันต้องเด็ดขาดกับแฟนเก่าไม่ใช่แบบ ไปก็ได้เดี๋ยวถามแฟนเก่าก่อนนะว่าให้เธอมาหรือเปล่า สถานะกูเป็นใคร ต้องตัดสินใตตั้งแต่ตอนนั้นต้องเคลียร์กับแฟนเก่าไม่ให้เรื่องแบบนี้มาถึงเรานะ ต้อง Protect ความรู้สึกเรา เราคือคนปัจจุบันเธอเอาไง ลองถามอึดอัดป่ะกับการที่มีเราอยู่เพราะถ้าเธอรู้สึกว่าอยากให้เราอยู่ตรงเนี้ยเธอทำอะไรให้เรารู้สึกอุ่นใจหน่อยได้ไหม เธอทำอะไรให้เรารู้สึกว่าที่ตรงเนี้ยคุ้มค่ากับการที่เราจะอยู่ตอนนี้เราไม่มั่นใจเลย คนกลางต้องหนักแน่นและเด็ดเดี่ยวมากกว่านี้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่า 18 วันนี้มีแต่สถานการณ์ประหลาดมาหมดเลย พี่ว่ามันอาจจะไม่ได้เลิกกันแบบตัดขาดเพราะถ้าตัดขาดไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะอยู่ ๆ จะมาหึงเหรอไม่มีสิทธิ์ มันแปลก ๆ หมดเลยแต่พี่เชียร์ให้แม็กไปเพราะ ถ้าแม็กไปวันปีใหม่เนี้ยแม็กก็จะได้รู้แหละว่าตัวเองสำคัญขนาดไหนกับเขา มันอาจจะเคลียร์เลยก็ได้ว่าจริง ๆ แล้วมึงยังลืมเขาคนนั้นหรอก มึงอย่าเอากูมาแบบขัดตาทับขั้นเวลาเลย มึงไปอยู่กับเราเถอะ มันไม่ใช่แค่ข้ออ้างว่าเราต้องทำธุรกิจร่วมกันแล้วแต่อันนี้คือมันแคร์เขาค่ะ เชียร์ให้ไปจะได้รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง อาจจะได้คำตอบคืนนั้นแหละจะได้กลับมาตั้งหน้าตั้งตาเป็น doctor’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาเสริมอีกว่า ‘พี่ติดอยู่ขั้นตอนเดียวที่มาบอกเราว่า อีกฝ่ายมาขอคืนดีซึ่งเราทำอะไรไม่ได้เพราะถ้าทำไปแล้วเจาอาจจะงอแงแล้วไม่หุ้นด้วย อันนี้แปลกมากคือมันผิดอะ ถ้าเป็นพี่ก็จะรู้สึกว่าอ้าวอย่างงี้มึงให้ความสำคัญกับใครมากกว่าวะ ถ้าสมมุติแฟนเก่าซึ่งจริงตามที่อ้างเลิกกันมา 2 ปีแล้ว เป็นคนงี่เง่า แล้วจะมาขอคืนดีอะ คนที่แฟนแม็กควรจะห่วงความรู้สึกมากที่สุดคือเรา ที่พึ่งคบกันได้ 18 วัน เขาควรจะปกป้องเรากลับกลายเป็นว่าเขาเลือกที่จะปกป้องความรู้สึกของฝั่งนั้น เป็นพี่พี่น้อยใจตรงนี้ จริง ๆ ถ้าจะเลือกคนที่ไม่มีเหตุผลและงี่เง่าในวงจรนี้ควรจะเป็นแฟนเก่าแล้วควรจะจัดการกับอีนั่น ไม่ใช่มากันเราออก การลำดับความสำคัญหรือแบบความงี่เงาของเขามันเบอร์ไหนวะ ถ้าถามว่าไปหรือไม่ไป คือไปแล้วจะรู้เลยแน่นอนว่าสถานการณ์เป็นยังไงอันนี้จริง แต่ถ้าเป็นชีวิตจริงผมก็อาจจะไม่ไปก็ได้นะ หมายถึงว่าฉันก็มีเชิงของฉัน ศักดิ์ศรีของฉันเหมือนกันไม่อยากให้ไปก็ไม่ไปก็ได้แล้วก้ไม่ต้องโทรตามแล้วกันก็อย่ามารู้แล้วกันว่าเคาท์ดาวน์ไปไหน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผู้ชายเป็นกันทุกบ้านไหมคะ? เวลาเราถามว่าจะกินอะไรมั๊ย จะซื้อไปให้ แฟนจะตอบว่า ไม่เอาอ่ะ แต่พอเราซื้อกลับไปกินที่บ้านทีไร แย่งกินตลอด ไม่ใช่แค่ชิม แต่กินเยอะด้วย บางทีมันก็หงุดหงิดอะค่ะ ถามแล้วก็ยังมาแย่ง มีใครเจอแบบหนูบ้างคะ

26 ก.ค. 2024

ผู้ชายเป็นกันทุกบ้านไหมคะ? เวลาเราถามว่าจะกินอะไรมั๊ย จะซื้อไปให้ แฟนจะตอบว่า ไม่เอาอ่ะ แต่พอเราซื้อกลับไปกินที่บ้านทีไร แย่งกินตลอด ไม่ใช่แค่ชิม แต่กินเยอะด้วย บางทีมันก็หงุดหงิดอะค่ะ ถามแล้วก็ยังมาแย่ง มีใครเจอแบบหนูบ้างคะ

“คุณมิ้ว (นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายที่ 4 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (24 ก.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาซื้อขนมมากินคนเดียว เคยถามแฟนแล้วว่าจะกินมั้ย แต่เขาบอกไม่กิน สุดท้ายโดนแย่งเฉย “คุณมิ้ว (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘เวลาที่เราไปห้าง หรือร้านสะดวกซื้อ เราจะชอบของขนมมาตุนเอาไว้ เพราะบ้านเราอยู่ไกลจากสถานที่ที่สามารถไปซื้อของได้ ก็จะซื้อไว้เยอะๆ แล้วเราจะถามแฟนว่า “เธอจะเอาอะไรไหม เธอจะกินอะไรไหม อันนี้เอาป่าว” ก็จะถามตลอด แต่คำตอบคือ “ไม่เอา ไม่กินหรอก พอแล้วๆๆ” พอเราซื้อกลับมากลับมาที่บ้านแล้วก็จะมาแบบ “ขอกินหน่อย ขอคำนึง” แต่คำว่าหน่อยของเขามันเยอะ มีอยู่ครั้งนึงที่ต้องทำให้มาเล่าเลยคือ วันนั้นเราซื้อชนมไว้ แล้วเราเก็บไว้ กะไว้ว่าจะมากินตอนเย็น วาดภาพในหัวไว้แล้วว่า ขนมชิ้นนี้มีอยู่เดี๋ยวฉันจะกลับมากิน พอกลับมาที่บ้าน ขนมหาย แล้วเราก็หา แล้วเขาก็ไม่พูดอะไร เราถามเขาว่า “ขนมฉันหายไปไหน” เขาก็ทำเป็นขำแล้วบอกว่า “ฉันกินเอง” แล้วตอนนั้นเราเป็นประจำเดือนด้วย เราก็แบบ “เอ้า อะไรอะ” คือหงุดหงิด โกรธ น้ำตาคลอเลย “ทำไมอะ ฉันถามเธอแล้วใช่ไหม ว่าเธอกินไหม ถ้ากินฉันจะซื้อมาเผื่อ ทำไมเธอถึงมสเเย่งฮันกิน” แล้วเขาก็ไม่พูดอะไร นั่งฟัง “ขอโทษค้าบบบ” ของที่ซื้อแต่ละครั้งก็เป็นเงินที่ใช้ร่วมกัน เคยลองซื้อมาเป็น 2 เท่าแล้วเขาก็จะไม่กิน เขาจะชอบแบบขนมอยู่ในมือเราแล้วมาขอกิน’ ซึ่งดีเจทั้ง 3 คนให้คำปรึกษาว่า ‘ในวินาทีที่ผู้ชายถูกถามมันยังไม่หิว ไม่อยากกิน ถ้าหิวถึงจะกิน แต่พอมาเห็นตรงหน้ามันเย้ายวน ด้วยรูป รส กลิ่น เสียง แล้วกว่าจะมาถึงบ้านของก็เริ่มหิวนิดๆแล้วส่วนผู้หญิงจะประมาณว่าไม่หิวก็กินได้ กินจุกจิก เพราะฉนั้นเวลาไปซื้อขนมลองถามเขาดูว่าอีก 2 ชม.จะเริ่มอยากกินไหม ถ้าหิวนิดๆแล้วอยากกินฉันจะได้ซื้อเลย ให้ผู้หญิงเเพลน เหลือดีกว่าขาด ซื้อเผื่อไปเลย ไม่ต้องถาม พอถึงเวลาก็บอกเลยว่าเธอต้องกิน หรือเมนูไหนที่มันหายากหรือมิ้วอยากกินจริงๆ ของจำกัดให้ซ่อนแล้วแอบกิน เพื่อลดปัญหาครอบครัว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปี แต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน” ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า “มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมาก

28 ส.ค. 2023

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปี แต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน” ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า “มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมาก

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปีแต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน”ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า“มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมากตอนนี้พ่อเลิกยุ่งกับแม่แฟนแล้ว แต่อนาคตจะจัดงานแต่งกันได้ไหม... “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 ส.ค. 66] โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาพ่อแอบมีความสัมพันธ์กับแม่ของแฟน โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับแฟนจะไปต่อยังไง... เพราะพ่อของหนูแอบไปมีความสัมพันธ์กับแม่ของแฟนหนู ในขณะที่พ่อหนูยังอยู่กับแม่หนูปกติ แต่แม่แฟนเขาเลิกกับพ่อแฟนแล้ว ก่อนหน้านี้ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว พ่อแม่แฟนเขาเลิกกันด้วยเหตุผลส่วนตัวทางบ้านเขา ตัวของแฟน พี่สาว และพ่อ เขาก็ออกมาซื้อบ้านอยู่กันข้างนอก แต่ให้แม่อยู่ในบ้านเดิมไป ซึ่งบ้านหลังนั้นอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับบ้านหนู หนูคบกับแฟนมา 10 ปีแล้ว ปกติพ่อหนูจะเป็นคนเจ้าชู้ และหวงลูกสาวมาก เพราะหนูเป็นลูกคนเดียว แต่เรื่องที่หนูมีแฟน ทุกคนรู้หมด แต่ทำยังไงก็ได้ห้ามให้พ่อรู้ว่าหนูมีแฟน เพราะเดี๋ยวพ่อจะจำกัดอิสระของหนู เวลาไปไหนก็ไปไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้พ่อไม่รู้ แต่แม่รับรู้ว่าคบกับแฟนคนนี้ ซึ่งแม่แฟนรู้ว่าคนนี้เป็นพ่อของหนู ก่อนหน้านี้พ่อเคยทำงานบริษัทเดียวกับแม่ของแฟนและแฟน เขาก็คุยกันตลอด แต่คุยกันแบบปกติ มีการขับรถไปรับไปส่งกันด้วย แต่พ่อไม่รู้ว่าคนนี้คือแม่ของแฟนหนู จนมีช่วงนึง พ่อกับแม่หนูทะเลาะกัน หนูเลยพาแม่ออกมาอยู่ข้างนอก ให้เขาแยกกันสักพัก คลี่คลายแล้วจะพาแม่กลับไป ซึ่งเรื่องทะเลาะก็เป็นการทะเลาะกันปกติของสามี-ภรรยา ช่วงหลังๆพ่อเริ่มเปลี่ยนไป จากปกติเคยมาง้อให้พวกเรากลับบ้าน แต่ครั้งนี้เขาไม่มา แล้วก็มีคนรอบข้างที่อยู่แถวบ้าน เริ่มมาพูดกับแม่แปลกๆ เขาพูดประมาณว่า พี่ไม่กลับมาดูบ้านเลยหรอ หนูคิดถึงพี่จังเลย มีเรื่องอยากคุยกับพี่จัง แม่ก็เลยแปลกใจ เพราะพ่อเป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้ว ตัวหนูเองก็เลยเปิดกล้องวงจรปิดดูว่าพ่อทำอะไรอยู่ เขาอยู่บ้านใช้ชีวิตยังไง ปกติดีมั้ย? หนูก็บังเอิญไปได้ยินว่าพ่อกำลังจะไปรับแม่ของแฟน จะออกไปข้างนอกกัน หนูเลยตัดสินใจว่ายังไงวันนี้ก็จะบอกพ่อว่าคบกับคนนี้ จะบอกว่าคนนี้คือแม่แฟน จะได้ไม่เกิดอะไรขึ้น เขาจะได้วางตัวกันถูก หนูก็เลยโทรไปบอกพ่อ แต่พ่อบอกว่าไม่มีอะไร ตอนแรกเขายังไม่ยอมรับ หนูก็เลยชวนแม่กลับไปอยู่บ้าน เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นหนูก็ยังคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก เขาคงเป็นเพื่อนกัน พอกลับมาถึงบ้านหนูก็เลยไปคุยส่วนตัวกับพ่อ หนูบอกพ่อว่า หนูขอร้องได้มั้ย กับคนนี้อย่าไปยุ่งได้มั้ย เขาเป็นแม่แฟนหนู ให้หนูได้ใช้ชีวิตต่อไป หนูคบกันมา 10 ปีแล้ว ถ้าเกิดพ่อไปยุ่งกับเขา ชีวิตหนูจะพังเลยนะ หนูไม่รู้จะก้าวต่อไปยังไง หนูก็ขอร้องเขา เขาก็พูดกลับมาว่า แกไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีสามีหรอกนะ แล้วแกอย่าไปบูลลี่เขา อย่าไปใส่ร้ายเขา เขาบอกว่าแม่แฟนบอกว่าเขาไม่รู้เลยว่าลูกคบกันอยู่ หนูก็เสียใจว่าทำไมพ่อถึงพูดกับเราแบบนั้น ที่ผ่านมาหนูมองว่า การที่หนูไม่ได้บอกพ่อ คือ เหมือนเราอยากจะไปบอกเขาตอนที่เราตกลงปลงใจว่าจะแต่งงานกับคนนี้ พ่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่ เพราะพ่อหวงหนูมาก อยากให้เขารับรู้ว่าลูกฉันมีแฟน แต่งงานไปเลยทีเดียว จบ! หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนมาพูดว่า เขาทั้งสองคนไปอย่างนั้นอย่างนี้กันนะ หนูก็เริ่มมีเซ้นส์แล้วด้วย ก็เลยแอบติด GPS ที่รถของพ่อ และหนูกับแม่ก็ไปจับได้ที่โรงแรมว่าเขาอยู่ด้วยกัน หนูเจอเขาอยู่ในห้อง พอเราเคาะประตูเหมือนเขารีบแต่งตัวมาเปิดประตู เขาอ้างว่ามาคุยกันเฉยๆ คุยกันเรื่องเงิน เพราะเขามีการยืมเงินกัน แม่ก็เสียใจ และไม่ได้รู้สึกเซอร์ไพร์สเลย เพราะแม่เจอเรื่องแบบนี้มาตลอด ตอนแรกที่เจอ แม่ก็โมโห จะเลิกเลย พ่อก็หลบไปอยู่บ้านเพื่อน คือพ่อกับแม่เป็นเพื่อนกันมาก่อน พ่อก็คุยกับเพื่อนแล้วให้เพื่อนช่วยเป็นคนกลางมาไกล่เกลี่ยให้กลับมาดีกัน ตอนนี้พ่อกับแม่กลับมาดีกันได้แค่ 1 อาทิตย์ ความรู้สึกของหนูยังรู้สึกตกใจ เสียใจ ยังทำตัวไม่ถูกกับเหตุการณ์นี้ แต่พ่อก็กลับมาอยู่ในบ้านแล้วเรียบร้อย ปฎิกิริยาของแม่แฟน เขาก็ด่าหนู เอาบ้านหนูไปนินทาให้คนอื่นในหมู่บ้านฟัง เหมือนมีคนมาเล่าให้ฟังว่า อีกคนพูดว่า ลูกชายเธออ่ะ ชะตาอวัยวะเพศขาดมากเลยนะที่ได้ E คนนี้เป็นแฟน พูดเหมือนหนูเป็นคนไม่ดี เป็นผู้หญิงไม่ดี หนูไม่รู้เลยว่าหนูไปทำอะไรให้เขา แล้วเขาก็พูดว่า ยังไงพ่อ E นี้ก็เลิกกับฉันไม่ได้หรอก จะต้องเลี้ยงฉันไปจนตาย ฉันจะเอาให้หมดตัวเลย ตอนนี้หนูกับแฟนไม่รู้จะทำยังไงกัน ความสัมพันธ์ก็ยังปกติมาก ยังรักกันปกติ แฟนรู้ แต่เขาไม่รู้จะทำยังไงกับแม่เขาแล้ว แม่หนูไม่ได้บังคับให้ต้องเลิกกัน แม่หนูก็บอกว่า แม่เข้าใจ แม่รู้ว่ามันคนละคนกัน ความผิดนี้มันไม่ใช่ความผิดของเด็ก ผู้ใหญ่เป็นคนทำเรื่องนี้เอง ฝากบอกแฟนด้วยว่า แม่เหมือนเดิมกับเขาทุกอย่าง ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกร็งแม่เลย หนูดีใจมากที่แม่เข้าใจ แต่แม่ก็ยังไม่ได้เลิกกับพ่อ หนูก็เลยไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี หนูเคยคิดกันว่าเก็บเงินทำงานกัน จนอายุ 30 ค่อยลงหลักปักฐานกัน เราคงได้มีครอบครัวแล้ว แต่ตอนนี้ที่เราฝันไว้ ตั้งใจไว้ มันไม่สามารถเป็นจริงได้แล้ว เพราะทุกคนเข้าหน้ากันไม่ติด ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับพี่ๆ พี่ๆจะทำยังไงต่อไป..? งานนี้ 3 ดีเจก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เข้าใจความรู้สึกคุณหนูนะ แต่ถ้าฟังจากบุคคลภายนอก มันดูไม่เป็นอุปสรรคในความรักของคุณหนูกับแฟนเลย เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราสองคนเลย มันเป็นสิ่งที่พ่อกับแม่เราทำ เขาโตขนาดนั้นแล้ว ซึ่งเราก็ได้บอกเขาไปแล้วด้วย แต่เขาไม่ฟัง เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว หลังจากนี้โฟกัสกับแม่ให้มากกว่า จับแม่มานั่งคุยเลยว่า ถ้าแม่ทนไหวแม่ก็ทนไป แต่ถ้าทนไม่ไหว ก็แนะนำให้แม่เลิกกับพ่อเลย แต่ถ้าแม่ไม่ยอมเลิก ก็บอกเขาว่าแม่ต้องยอมรับว่าพ่อจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม่ก็จะมีชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ จนกว่าพ่อจะตายหรือแม่จะเลิกกับเขาอ่ะ ส่วนพ่อกับแม่ของแฟน จะไม่ยุ่งกับเขาเลย เราได้บอกเขาไปแล้ว จากนี้ไปเขาจะทำดีทำชั่วก็เรื่องของเขาแล้ว ตราบใดที่เขาไม่มายุ่งกับเรา เขาจะทำไรทำ จะลงนรก ขึ้นสวรรค์ก็ตามใจเลย’ และถ้าพวกพี่เป็นหนู พี่คงจะไม่สูญเสียความมั่นใจ ไม่นึกถึงขั้นที่ว่าชีวิตจะไปต่อไม่ได้ แต่มานั่งคุยกับแฟนว่างานแต่งงานของเราจะเอายังไง จะเชิญใคร จะจัดรูปแบบไหน ให้ปัญหาน้อยที่สุด 2 คนนี้ที่เขาไปได้กัน มันคือศีลเสมอกัน ถ้าเราศีลไม่เสมอกับเขา เราก็อย่าไปสนใจอะไรมาก ถึงแม้เขาจะเป็นพ่อบังเกิดเกล้าก็ตาม’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1