หนูเล่นฟิตเนส จะมีคุณลุงคนนึง มองหนูตลอด ไม่ว่าหนูจะเล่นเครื่องเล่นอะไร เค้าจะตามมาเล่นต่อทุกเครื่อง เคยนอนเสื่อโยคะ หันหน้าไปอีกที เจอลุงนอนหันหน้าเข้าหาเรา เราตกใจกลัวมาก รู้สึกไม่ปลอดภัยเลย โดนแบบนี้มาเกือบปีแล้ว

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูเล่นฟิตเนส จะมีคุณลุงคนนึง มองหนูตลอด ไม่ว่าหนูจะเล่นเครื่องเล่นอะไร เค้าจะตามมาเล่นต่อทุกเครื่อง เคยนอนเสื่อโยคะ หันหน้าไปอีกที เจอลุงนอนหันหน้าเข้าหาเรา เราตกใจกลัวมาก รู้สึกไม่ปลอดภัยเลย โดนแบบนี้มาเกือบปีแล้ว

17 ม.ค. 2025

หนูเล่นฟิตเนส จะมีคุณลุงคนนึง มองหนูตลอด ไม่ว่าหนูจะเล่นเครื่องเล่นอะไร

เค้าจะตามมาเล่นต่อทุกเครื่อง เคยนอนเสื่อโยคะ หันหน้าไปอีกที เจอลุงนอนหันหน้าเข้าหาเรา

เราตกใจกลัวมาก รู้สึกไม่ปลอดภัยเลย โดนแบบนี้มาเกือบปีแล้ว ฟิตเนสที่นี่ดันดีที่สุด และ ใกล้บ้านเราด้วย

          “คุณเตย (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายที่ 4 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (15 ม.ค. 68) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา Sexual Harassment

            โดย “คุณเตย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเป็นคนเล่นฟิตเนสเล่นมา 8 - 9 ปีแล้ว ส่วนใหญ่ฟิตเนสก็จะมีผู้ชายเยอะ คือก็จะชินอยู่แล้วเวลาเล่นเหนื่อย ๆ มานั่งพักก็จะมากันไปมองกันมา ดูคนนู้นคนนี้เล่นหรือเวลาเขามองหนูมันก็เฉย ๆ  จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาหนูย้ายบ้าน หนูก็ต้องย้ายที่ฟิตเนส มาเล่นที่ปัจจุบัน แต่หนูเจอคุณลุงคนนึงเขาชอบมอง จ้องหนูตลอดเวลาทุกครั้งที่หนูเงยหน้าขึ้นมาหนูจะเห็นสายตาเขามองอยู่ แล้วก็จะหลบตาหันหน้าหนี คือถ้าแค่มองหนูพอจะอดทนได้เพราะว่าก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว แต่ว่าสไตล์ของเขาในการมองมันลามไปถึงเวลาที่หนูเปลี่ยนเครื่องมาเล่นเครื่องตรงนี้ เขาจะเดินมาใกล้ ๆ เครื่องขข้าง ๆ ทำเป็นยืดเส้นยืดสาย ทำเป็นยกเสื้อขึ้นเช็คหน้า หรือเดินผ่านไปผ่านมาก็จะเหลือบมองหนู ซึ่งเวลาที่หนูไปเล่นหนูจะเล่น 1 - 2 ชั่วโมงตลอดเวลานั้นคือเขาทำแบบนี้ตลอดเวลาเลย สมมุติว่า 100% ที่หนูเล่นใน 2 ชั่วโมง คือ เกิน 60% ที่เขาทำ

            คือคนเล่นเวทเขาจะแบ่งวัน วันนี้เล่นขา วันนี้เล่นหลังแต่ว่าคุณลุงคนนี้ หนูคิดว่าเขาอาจจะเล่นรวมหลาย ๆ ส่วนหนึ่งวัน เดี๋ยวไป Sit up ขึ้นมาเวทเล่นแขนเดินไปเล่นหลังกลับมา Sit up อีกเดินไปทั่วฟิตเนสเลย คือมันมาหนัก ๆ ตอนช่วง 2 เดือนที่ผ่านมากเพราะแรก ๆ ก็มาเล่นคาบเกี่ยวกันบ้างแต่ตอนนี้เจอกันทุกวัน มันทำให้หนูไม่อยากไปเล่นฟิตเนสเลย แล้วหนูเป็นคนไปฟิตเนสทุกวัน เวลาไปเล่นหนูก็จะไปคนเดียว หนูหาวิธีแก้กับสถานการณ์นี้แล้ว ถ้าเขามาหนูก็ลุกหนี สมมุติเดินมาเครื่องนี้ปุ๊บหนูลุกเปลี่ยนเครื่อง หนูแสดงออกชัดเจนมาก เบะปากแบบกิ๊ก สุวัจนี ทำหน้าเหม็น ทำหน้าเบื่อหน่าย ให้เขารู้ไปเลย แต่เขาก็ทำเป็นแบบว่าผ่าน ๆ ไป ฉันไม่ได้มองเธอนิอะไรแบบนี้ เขารู้ตัวนะคะแต่เขายังทำเหมือนเดิมมันไม่ได้ดูเป็นมิตรเลย หนูรู้สึกกลัว ๆ หนูอยากจะปรึกษาว่าหนูจะทำยังไงได้บ้าง’

            เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘สุดท้ายปลายทางสุดถ้าไม่มีใครช่วยอะไรได้ เราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนฟิตเนสหรือเปลี่ยนเวลาเล่นได้ ถ้าอย่างงั้นการปรึกษาสตาฟน่าจะทำได้ หนูก็ทนมา 2 – 3 เดือนแล้วนะถ้าเขามีพฤติกรรมแบบนี้แล้วถ้าหนูมั่นใจว่าไม่ใช่หนูคนเดียวที่โดนมันทำให้บรรยากาศโดยรวมของฟิตเนสมันเสียเมื่อเขาอยู่ สตาฟความจะบอกได้ เพราะงั้นผมสนับสนุนให้คุยกับสตาฟก่อนถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ค่อยคิดเรื่องย้ายอีกทีนึง’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ยืนยันว่าต้องคุยกับสตาฟให้เขาช่วยดู แล้วถ้าหนูบอกว่าเขาทำกับคนอื่นด้วยยังไงเขาต้องจัดการเรื่องนี้ แจ้งเลย ถึงเขาจะบอกว่ามันไม่มีอะไร เราก็บอกไปเลยว่าหนูไม่สบายใจ แล้วสมาชิกที่เป็นเมมเบอร์มา 8-9 ปีอย่างหนูจะออกเพราะเรื่องนี้เขาต้องจัดการแน่นอน มันเป็นสิทธิของเราเราแจ้งได้เลย ไม่ต้องเก็บความไม่สบายใจไว้หนูบอกเขาไปเลยพี่ว่าเขาจะจัดการเอง’

            สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาเสริมอีกว่า ‘มองอีกมุมหนึ่งก็คือว่าลุงคนเนี้ยเป็นเจ้าของฟิตเนสแล้วต้องการให้จ้างเทรนเนอร์ ถ้าลุงมองก็พูดไปว่า มีไรเปล่าคะ จะเล่นเครื่องนี้เหรอคะเห็นมองหลายที ให้รู้สึกว่ากูรู้นะว่ามึงมองหลายรอบ ถ้ามันยังแก้ปัญหาไม่ได้อีก เดินไปบอกเทรนเนอร์ว่าเรารู้สึกถูกจ้องมองจากคนนี้ ฝากให้เขาดูหน่อยว่าเราคิดไปเองไหม’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เจอแต่ผู้ชาย “โปรไฟล์ดีๆ” รู้สึกดี แต่พอถึงขั้นจะต้องจริงจัง นัดเจอ หนูกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าเจอ เพราะ แอบเข้าไปส่อง IG ส่องโปรไฟล์เขามาแล้ว ก็คิดไปเองว่า เราไม่คู่ควรกับเขาเลย 4 คนแล้ว ที่เรารู้สึกแบบนี้

31 ม.ค. 2025

เจอแต่ผู้ชาย “โปรไฟล์ดีๆ” รู้สึกดี แต่พอถึงขั้นจะต้องจริงจัง นัดเจอ หนูกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าเจอ เพราะ แอบเข้าไปส่อง IG ส่องโปรไฟล์เขามาแล้ว ก็คิดไปเองว่า เราไม่คู่ควรกับเขาเลย 4 คนแล้ว ที่เรารู้สึกแบบนี้

เจอแต่ผู้ชาย “โปรไฟล์ดีๆ” รู้สึกดี แต่พอถึงขั้นจะต้องจริงจัง นัดเจอ หนูกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าเจอเพราะ แอบเข้าไปส่อง IG ส่องโปรไฟล์เขามาแล้ว ก็คิดไปเองว่า เราไม่คู่ควรกับเขาเลย 4 คนแล้วที่เรารู้สึกแบบนี้ จะสร้างความมั่นใจให้ตัวเองกล้าอยู่ในความสัมพันธ์ที่จริงจังยังไงดีคะ? “คุณน้ำตาล (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาความไม่มั่นใจในตัวเองที่ส่งผลต่อความรัก ความสัมพันธ์ โดย “คุณน้ำตาล (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองมาก ๆ จนกระทบต่อชีวิตและความสัมพันธ์ หนูเคยเลิกกับผู้ชายมาแล้ว 4 คน เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเขา ตั้งแต่เด็ก ครอบครัวเลี้ยงหนูให้พึ่งพาตัวเอง ไม่ซัพพอร์ตเรื่องที่มองว่าไม่จำเป็น เช่น การเที่ยวเล่นหรือการซื้อของฟุ่มเฟือย ฐานะที่บ้านก็เป็นฐานะปานกลาง แต่หนูก็ต้องหาเงินเองมาตลอด และหนูก็เริ่มมองคนที่ประสบความสำเร็จ สวยๆ รวยๆ และเก่งๆ เพราะหนูอยากเป็นแบบนั้น รู้สึกว่าการมีเงินทำให้ชีวิตดีขึ้น ซึ่งหนูมองว่าความคิดนี้มันก็ดี เพราะผลักดันให้หนูพยายามพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เพราะตอนที่เราเริ่มมีเงิน ชีวิตมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ แต่ข้อเสียคือ หนูจะชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ดูดีและมีพร้อมทุกอย่าง จนเกิดความรู้สึกด้อยค่าตัวเอง รู้สึกซึมไปเลยว่าเราจะมีแบบนี้ได้มั้ย แล้วทำไมเราถึงไม่มีชีวิตแบบนี้? ต่อให้หนูจะมีแล้ว แต่หนูรู้สึกว่ามันยังไม่พอ เท่าไรก็ไม่พอ หนูอิจฉาคนที่มีอาชีพดี ชีวิตสบาย และครอบครัวที่ซัพพอร์ตโดยไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องลำบาก พอหนูเข้าใกล้ช่วงเรียนจบ หนูก็สร้างฐานะของตัวเองได้ในระดับที่ไม่ต้องลำบากเหมือนเมื่อก่อน มีบ้าน มีรถ และเริ่มมีคนที่มีฐานะดีเข้ามาจีบ แต่พอความสัมพันธ์เริ่มจริงจัง หนูกลับคิดมาก เริ่มเปรียบเทียบตัวเองกับสังคมและเพื่อนรอบข้างของเขา แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองสวยไม่พอ ฐานะปานกลาง หนูรู้สึกแย่มาก หนูเลยเลือกที่จะถอยห่างและหายไปแบบเงียบ ๆ เพราะไม่อยากคิดมากซ้ำ ๆ เป็นแบบนี้กับคนที่เข้ามาถึงสี่ครั้งแล้ว จนมาถึงช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา หนูได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งผ่านแอปฯ แล้วก็คุยกัน เลยได้แลก IG กัน หนูก็แอบอึ้งเพราะเขามีผู้ติดตามเยอะ และเป็นนักกีฬาระดับประเทศ มีหน้าตาดี จนเพจต่าง ๆ เอาไปลง และมีแฟนคลับสาว ๆ กรี๊ดเยอะ แรก ๆ หนูไม่ได้คิดอะไรมาก คุยกันตามปกติ แต่พอได้ลองพูดคุยจริง ๆ หนูกลับรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดีมาก ทั้งเรื่องฐานะ การงาน ปัญหาชีวิต รวมถึงความสัมพันธ์เก่า ๆ ของเขา เขากล้าเปิดใจและคุยกันจนหนูรู้สึกสบายใจมาก ไลฟ์สไตล์ก็ตรงกัน จนมันถึงในจุดๆนึงที่เขาอยากเจอหนู แต่ความรู้สึกเดิม ๆ ของหนูก็กลับมาอีก หนูเริ่มกังวล หนูรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่พร้อม หนูก็เลยหาข้ออ้างมาเรื่อยๆที่จะไม่ไปเจอเขา เขาเองก็เริ่มรู้สึกไม่ดีที่หนูเป็นแบบนี้ สุดท้ายความสัมพันธ์เราก็เริ่มห่างกันไป ต่างคนต่างหาย หลังจากนั้น หนูลงสตอรี่แล้วเขาตอบกลับมา เราเลยกลับมาคุยกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนูรู้สึกว่าเราเข้าใจกันมากกว่าเดิม จนถึงจุดที่ต้องเจอกันอีกครั้ง แต่หนูยังไม่มั่นใจเหมือนเดิม หนูก็ยังคงหาข้ออ้างไม่ไปหาเขาเหมือนเดิม หนูกังวลเพราะเพื่อนของเขาสวยมาก สังคมเขาครบมาก หนูกลัวว่าตัวเองจะไม่ดีพอสำหรับเขา หนูกลัวผิดหวัง และสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาชอบหนู ทั้งที่คนรอบตัวเขามีแต่คนที่ดูดีและสมบูรณ์แบบ หนูก็เลยอยากจะมาปรึกษาพี่ ๆ ว่า หนูควรทำยังไงถึงจะก้าวข้ามความรู้สึกนี้ไปได้? ถึงจะไม่เจอคนนี้ แต่พอไปเจอคนอื่นต่อไป หนูไม่อยากจะหนีเขาไปอีกแล้ว เพราะเราก็มีโอกาสมาอยู่ข้างหน้าแล้ว’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าความไม่มั่นใจของหนูรุนแรงจนกลัวไปหมด อาจต้องลองปรึกษานักจิตวิทยา เพราะต่อให้หนูไปเจอเขา ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าความสัมพันธ์จะราบรื่น และอย่ากังวลที่เขาจะมีแต่คนสวย ๆอยู่รอบตัว ผู้ชายไม่ได้ชอบผู้หญิงสวยทุกคน บางคนมองหาคนที่ใช่ และไม่ใช่แค่เขาที่เป็นฝ่ายเลือก หนูก็มีสิทธิ์เลือกเหมือนกัน แต่ถ้าความรู้สึกนี้มันฝังลึกจริง ๆ การพบนักจิตวิทยาอาจช่วยได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูต้องเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นก่อนเลย เพราะว่าไม่มีทางที่หนูจะสวยที่สุด ดีที่สุด รวยที่สุด เพราะทุกอย่างจะมีขั้นกว่าเสมอ ถ้าหนูเทียบตัวเองกับคนอื่นไปเรื่อย ๆ จะไม่มีวันพอใจในตัวเอง และโลกโซเชียลเต็มไปด้วยภาพที่แต่งมาแล้ว หนูต้องเป็น The Best Version of ตัวเอง และอย่าลืมว่า ถ้าหนูไม่มีอะไรดี ทำไมถึงมีผู้ชายสี่คนมาสนใจ? ’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในอีกมุมหนึ่ง คนที่ใช่สำหรับเรา ควรทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า ไม่ใช่ทำให้เราด้อยกว่าคนอื่น บางทีหนูอาจเคยเจอคนที่ดีแล้ว แต่ไม่ได้ให้โอกาสเขา และลอง Social Detox ถ้าหนูรู้ว่าตัวเองเปรียบเทียบกับโซเชียลจนเป็นปัญหา การลดการใช้ลงอาจช่วยให้หนูรู้สึกดีขึ้น‘เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบกับแฟนมา บ้านเขามีฐานะ แต่พอเลิกกันแล้ว หนูเอาของขวัญ 3 ชิ้นที่เขาเคยให้หนูไปขาย ปรากฏว่าเป็นแบรนด์เนมปลอมทั้งหมด ตอนคบกัน หนูซื้อทั้งทอง เสื้อลิขสิทธิ์แท้ให้เขา เจอแบบนี้เจ็บใจ ควรทำให้เขารู้ตัวไหมคะ ว่าอย่าสนับสนุนของปลอมและอย่าทำแบบนี้กับใครอีก!

10 ม.ค. 2025

คบกับแฟนมา บ้านเขามีฐานะ แต่พอเลิกกันแล้ว หนูเอาของขวัญ 3 ชิ้นที่เขาเคยให้หนูไปขาย ปรากฏว่าเป็นแบรนด์เนมปลอมทั้งหมด ตอนคบกัน หนูซื้อทั้งทอง เสื้อลิขสิทธิ์แท้ให้เขา เจอแบบนี้เจ็บใจ ควรทำให้เขารู้ตัวไหมคะ ว่าอย่าสนับสนุนของปลอมและอย่าทำแบบนี้กับใครอีก!

“คุณนา (นามสมมติ)” อายุ 21 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 ม.ค. 68) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแฟนเก่าซื้อของแบรนด์เนมปลอมให้ โดย “คุณนา (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘แฟนเก่าซื้อของแบรนด์เนมให้ แต่หนูพึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นของปลอม ของที่เขาซื้อให้ก็มี นาฬิกา สร้อย และกำไล ที่หนูรู้เพราะหนูเอากำไลกับสร้อยไปเช็ค แล้วเขาบอกว่ามันไม่ใช่ของแท้ คือแฟนเก่าหนูเขาอายุ 24 เริ่มจากที่เราทั้งคู่คุยกันประมาณ 4 เดือนเราเคยนัดเจอกันหลายครั้ง เราได้ตกลงคบกันในวันศริสต์มาส เขาซื้อของขวัญชิ้นแรกให้ ในวันที่เราตกลงคบกัน ซึ่งเป็นของขวัญวันคริสต์มาสไปด้วย ตอนนั้นเขาซื้อนาฬิกาชิ้นแรกให้หนู คือจริง ๆ ตอนนั้นหนูดูออกนิดนึงมันจะมีความเอ๊ะอยู่ แพคเกจ วัสดุมันดูแปลก ๆ แต่ไม่อยากมีปัญหา ด้วยความที่เขาให้เพราะว่าหนูกลัวเราทะเลาะกัน หนูก็เลยปล่อยผ่านไป หลังจากนั้นหนูก็ถ่ายลงสตอรี่ไอจีปกติ ผ่านไปสักพักนึงเพื่อนหนูก็ไปรับสารมาจากเพื่อนอีกคนนึงมีคนบอกว่า ‘นาฬิกาเนี่ยเป็นของปลอมนะ ไม่เคยเห็นผู้ชายพาเข้าช็อปแบรนด์เนมเลย ผู้ชายรวยเหรอ นารวยเหรอ’ ได้รับสารมาประมาณนี้ ก็เลยรู้สึกว่าไม่ค่อยพอใจที่โดนคำพูดแบบนี้ หนูเลยไปเล่าให้เขาฟัง เขาก็ไม่พอใจ แต่เขาก็มีความมั่นใจว่ามันคือของแท้ วันต่อมาหนูก็เลยทักไปหาร้านที่รับซื้อแบรนด์เนมให้เขาเช็คนาฬิกา ซึ่งเขาก็บอกว่ามันไม่ใช่ของแท้ หนูก็เลยไปบอกเขา จนเป็นเรื่องขึ้นเราทั้งคู่ทะเลาะกัน เขาไม่พอใจที่หนูเอาไปเช็ค เขาบอกให้หนูปล่อยไป ไม่ต้องสนใจว่ามันเป็นของแท้หรือว่าของปลอม สุดท้ายเขาก็ทำเหมือนว่าความรู้สึกแย่ ๆ ทั้งหมดตกมาที่เขาทั้งหมด เพราะเขาเสียเงินไปแล้ว เขาซื้อมาจากร้านคนรู้จักพ่อ เขาเลยไม่อยากมีปัญหากระทบไปถึงผู้ใหญ่ แต่คือสิ่งที่หนูจะสื่อคือไม่อยากให้เขาไปซื้อซ้ำหรือโดนหลอกจากร้านนั้นอีก พอมาชิ้นที่ 2 ตอนนั้นหนูได้กำไลมาแล้ว แต่อันนี้ดูไม่ออก ก็มีเพื่อนมาบอกว่าแฟนหนูให้ของปลอม หนูก็เลยส่งใบเซอร์ของแบรนด์ไปให้ หนูเอาไปเช็คในเน็ตใบเซอร์มันก็เหมือนของจริง หนูก็เลยไม่ได้เอะใจ พอเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เราเลิกกันแล้ว หนูก็ไปรู้ว่าเขามีแฟนคนใหม่เป็นสาวสอง หนูก็เลยจะกำไลทิ้ง ก็เลยทักไปหาร้านที่รับซื้อแบรนด์เนม เขาก็บอกว่ามันเป็นของปลอม อีกร้านนึงเขาก็บอกว่าไม่รับซื้อ คือของทุกอย่างที่เขาให้หนู หนูเอาไปเช็คคือของปลอมหมดเลย ตอนแรก ๆ หนูก็โกรธ เพราะหนูให้เสื้อเขาไปตัวละ 4 – 5 พัน พอเขาให้นาฬิกาหนูมา หนูก็เลยรู้สึกต้องอัพราคาของที่จะให้ ก็เลยให้ทอง 1 สลึงให้เขาไป เขายังบอกกับหนูเลยว่าทองหนูเนี่ยแพงไม่เท่ากำไลที่เขาให้หรอก หนูอยากจะปรึกษาพี่ ๆ ดีเจว่า ถ้าเจอแบบนี้หนูควรจะปล่อยวาง หรือว่าทำให้เขารับรู้ว่าสิ่งที่เขาซื้อมามันเป็นของปลอมนะ แล้วเขาก็ใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าอยู่ที่อารมณ์ปัจจุบันว่ามันยังแค้นไหม มันเลิกกันด้วยดีไหม ถ้าเลิกกันด้วยดีแล้วอยากจะทำให้เขารู้ว่ากูไม่ได้โง่นะก็ส่งไปบอกได้ว่าฉันเช็คหมดแล้วนะว่ามันปลอม แต่ก็ไม่ได้จะมาอะไรหรอกแค่ให้รู้ไว้ แค่บอกให้เขารู้ว่ากูไม่ได้โง่ แต่ถ้ารู้สึกว่ามันแยกย้ายกันไปแล้วไม่ได้อยากจะก่อเวรก่อกรรมกันไปอีก ไม่อยากจะยุ่งไม่อยากจะเสียจิตเสียอะไรก็ถ้าจะไม่บอกมันก็เป็นสิทธิ์ของนาเหมือนกัน มันอยู่ที่ว่า ณ เวลานี้อารมณ์มันเป็นแบบไหนซึ่งจะทำยังไงก็ได้แล้วแต่ แต่ถ้าเป็นพี่พี่แค้นพี่ก็คงจะทักไปบอกแหละแต่ก็จะเลือกคำบอกแบบที่ว่าเราลอยตัวอยู่เหนือปัญหา บอกแบบมีฟอร์ม แต่เราคงพูดลำบากว่าเขารู้จริง ๆ หรือว่าเขาโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีกมันก็คงฟันธงลำบากถึงแม้ว่าฟังดูเหมือนเขาจะรู้ก็ตาม เขาจะตั้งใจห็ตามเพราะฉะนั้นถึงบอกว่าถ้านาอยากจะแค่บอกว่า ฉันไม่ได้โง่ก็บอกเขาได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าอยากให้ตัวเองสบายใจพี่ว่าก็บอกได้ ในมุมที่ให้รู้ว่าเธอซื้อของปลอม ไม่ว่าเธอจะจงใจไม่จงใจแต่ว่าความจริงที่ฉันจะบอก 3 ชิ้นที่ฉันได้รับมันปลอมหมดเลยก็แจ้งให้ทราบแล้วฉันก็สบายใจว่า ฉันไม่ได้ถูกเธอหลอกนะ แค่นี้ก็แยกย้ายได้แต่ถ้าหวังว่าเขาจะเลิกซื้อของปลอมหวังว่าเขาไม่ทำแบบนี้กับคนอื่นพี่ว่าไม่จำเป็น เราไปเปลี่ยนทางเดินเขาไม่ได้หรอกเขาเลือกทางเดินแบบนั้น’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาเสริมอีกว่า ‘เท่าที่ฟังรู้สึกว่านางตั้งใจ เพราถ้ารู้ว่ามันปลอมเขาต้องรู้สึกกับร้านมากกว่าจะมารู้สึกกับนา เขาต้องรู้สึกว่าโดนหลอกมากว่านี้ อันนี้มันเหมือนเขารู้ทั้งรู้ อีกอย่างที่พี่อยากให้มองอีกมุมนึงคือเขาไม่ได้มองว่าการใส่ของปลอมเป็นสิ่งผิดเพราะเขาใส่อยู่ แต่ถ้าสมมุติเขาทำอะไรบางอย่างให้เราแค้นนะ โพสต์ไอจี แต่มันต้องแค้นจริง ๆ นะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ดีเจอึ้งทั้งห้อง สาวโทรปรึกษา หัวหน้าแฟน ชอบเอางานมาอ้างแล้วชวนแฟนเราไปเที่ยว ล่าสุดทนไม่ไหวแล้วเพราะ หัวหน้าชวนไปทริปส่วนตัวที่ต่างประเทศ บอกแฟนเราว่า 'เงินเดือนตั้ง 2 หมื่น ไปต่างประเทศ หมื่นห้าเอง ไปไม่ได้หรอ?'

14 พ.ย. 2023

ดีเจอึ้งทั้งห้อง สาวโทรปรึกษา หัวหน้าแฟน ชอบเอางานมาอ้างแล้วชวนแฟนเราไปเที่ยว ล่าสุดทนไม่ไหวแล้วเพราะ หัวหน้าชวนไปทริปส่วนตัวที่ต่างประเทศ บอกแฟนเราว่า 'เงินเดือนตั้ง 2 หมื่น ไปต่างประเทศ หมื่นห้าเอง ไปไม่ได้หรอ?'

“คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายที่สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย กับปัญหาที่หัวหน้าแฟนชอบชวนแฟนไปเที่ยว จนคุณบีและแฟนอึดอัด โดย “คุณบี (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา หัวหน้าของแฟน เขาชอบชวนแฟนเราไปข้างนอกหลังเลิกงาน จนวันนี้ไม่ไหวแล้ว เพราะเขาชวนแฟนเรา ถามว่า “ไปต่างประเทศกันไหม” ไปส่วนตัวที่ไม่ได้เกี่ยวกับบริษัท แต่ไปกันเป็นทีม 5 คน ซึ่งแฟนก็ไม่ได้อยากไป ปฏิเสธไปแล้วว่า “ไม่ไป ไปไม่ได้จริงๆ ต้องเก็บตังไปเที่ยวกับแฟนนะ” เขาก็แบบ “ทำไมล่ะ มีเงินเดือนตั้ง 20,000 ไปต่างประเทศแค่ 15,000 เองไปไม่ได้หรอ นี่ก็ไปกันหมดเลยนะ ถ้าไม่ไปครั้งนี้พี่จะตัดหางปล่อยวัดแล้วนะ” ที่ผ่านมาก็ปฏิเสธตลอดว่า ไปไม่ได้จริงๆ แฟนรออยู่ที่บ้าน แฟนทำกับข้าวรอแล้ว วันนั้นที่ไม่ไหวจริงๆ บอกให้เขาโทรเคลียร์กับหัวหน้า เพราะหนูไม่ไหวแล้วทำไมต้องมาชวนบ่อยขนาดนี้ แฟนหนูเป็นของหนู ไม่ใช่ของเขา หนูก็ไม่ได้อยากให้แฟนหนูไปกับเขา หนูก็เลยบอกให้เขาโทรเคลียร์กันเลยได้ไหม ตอนแรกเขาไม่ยอมโทร แล้วหนูก็บอกว่า “ถ้าไม่โทรวันนี้ก็เลิกกันไปเลย” เขาก็เลยยอมโทร แล้วหัวหน้าเขาก็บอกว่า “ทำไมล่ะ พี่ก็ให้ใจเราไปแล้วนะ พี่ก็คิดว่าเราจะให้ใจพี่บ้าง” แล้วตอนที่คุยกันก็มีคำถามที่หนูเอ๊ะ ถามมาได้ยังไง คือเขาบอกว่า “จะเลือกเขาหรือว่าจะเลือกแฟน” แฟนหนูก็เลยบอกว่า “เลือกแฟน” เขาก็บอกว่า “ทำไมล่ะ หาตรงกลางไม่ได้หรอ” แฟนหนูเขาบอกว่า “หัวหน้าคนนี้เขาเป็นคนที่โดนอวยมาตลอดชีวิต” บางครั้งเขาก็มีชวนคนอื่นไปกันบ้าง บางครั้งก็ชวนไปกันสองคน แล้วเขาก็พูดว่า “ถ้าอย่างงั้นก็ไม่ต้องทำงานกับพี่นะ ไปทำงานกับคนอื่น” แล้วเขาก็บอกว่า “ถ้าไปทำงานกับคนอื่นอะ พี่ก็จะเขียนใบลาออกเลยนะ” แฟนหนูก็บอกว่า “เนี่ยผมเขียนไปแล้ว เพราะผมทะเลาะกับแฟน ผมไม่อยากมีปัญหากับแฟน” เขาก็บอกว่า “ก็เขียนสิ เดี๋ยวพี่เขียนให้ พี่ก็จะออกด้วย” อยากจะถามว่าหนูใจแคบไหม ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาอย่างนี้นะบี ถ้าประโยคที่บีพูดกับพี่ บีไม่ได้โกหก เพราะว่าการที่ใครจะมาพูดอะไรแบบนั้นอะ มันประสาทมันไม่ใช่คนปกติ ถ้าบีไม่ได้โกหกพี่ในรูปประโยคอะ ก็คือหัวหน้าประสาท ผิดปกติ ไปต่างประเทศอย่างงี้ ไม่ต้องไป ไปต่างประเทศใช้เงินนะ มีเงินอยู่ 20,000 ไปต่างประเทศ 15,000!! ค่าเช่าบ้าน ค่าโทรศัพท์ ค่าเน็ต ไม่ต้องจ่ายเลยหรือไง ตอบสั้นๆ ไปเลย ไม่ไป ไม่มีเงิน แล้วเดินหนี ต่อให้คุณแฟนมีเงินเดือน 50,000 ก็ตาม ไม่มีสิทธิ์บอกว่าแค่ 15,000 เอง ให้ความคิดเห็นเหมือนกันคือ ไม่ต้องไป ไม่ไปแล้วรอดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคนนี้กลั่นแกล้งเราในหน้าที่การงาน ไปหาหัวหน้าใหญ่บอกว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ก่อนออกก็บอกว่า อีบ้า’ ต่อมาเป็น “ดีเจเติ้ล” ได้บอกว่า ‘ถ้าที่บีพูดมา ก็ปสด. มีความผิดปกติ ก็คือต้องได้รับการรายงาน พี่แนะนำให้ลองคุยกับหัวหน้าที่เป็น Top เจ้าของบริษัท เพราะว่านี่มันส่งผลกับการทำงาน อันนี้เป็นบ้าแล้ว บีไม่ต้องสงสัยในตัวเอง บีปกติแล้ว ไม่ต้องไป ไม่มีเงิน เก็บเงินไว้ไปเที่ยวกับบี เคลียร์ก่อนลองคุยกับหัวหน้าก่อน แต่ถ้าหัวหน้าเป็นบ้าเหมือนกันอีก พี่ว่า ออกเถอะ ปีเดียวเอง อันนี้ดูเอาแต่ใจมากเลย พูดอะไรไม่มีเหตุผลเลย’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาพร้อมอุทานขึ้นมาทันทีว่า ‘โอ้ย อีบ้า!! ไม่ให้กูทำอะไรอย่างอื่นเลยหรอ เงินเดือนไม่มีรายจ่ายเลยมั้ง ประโยคที่พูดออกมาแต่ละประโยค จะเงินเดือนเท่าไหร่ มันก็ต้องเข้าใจว่าเงินเดือน 20,000 อ่ะ 15,000 มันใช้เลยไม่ได้ ถ้าเขาเป็นคนปกติไม่ว่าเขาจะเงินเดือนเท่าไหร่เขาต้องเข้าใจ แต่ละประโยคที่หลุดออกมาคิดว่าตรรกะเขาคงบิดไปแล้ว หรือบางทีการเป็นทนายมันต้องเชื่อมั่น ในสิ่งที่ยึดถือว่าโจทก์พูดแบบนี้คือถูก ฉันก็ต้องยึดมั่นตรงนี้ นี่คือตรรกะของฉันว่าลูกความฉันถูก คราวนี้เพี้ยนไปเลย ไม่สนสี่สนแปดอะไรเลย ให้ความคิดเห็นคือ ไม่ต้องไป บริษัทกฎหมายอื่นๆ ที่ดีมีเยอะแยะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ครอบครัวแฟนทุกคนเรียนหมอ แต่แฟนหนูสอบติดเภสัช ครอบครัวกดดันให้สอบหมอใหม่ทุกปี แฟนหนูเครียดจนร้องไห้ พีคสุดวันรวมญาติ มีคนเล่าข่าว นศ.แพทย์เรียนไม่ไหวกระโดดตึกเสียชีวิต ปู่แฟนได้ยินแล้วพูดว่า "สมควรแล้ว เรียนแค่นี้ทำไมไม่ไหว" แฟนได้ยินแบบนี้ยิ่งกดดัน

12 เม.ย. 2024

ครอบครัวแฟนทุกคนเรียนหมอ แต่แฟนหนูสอบติดเภสัช ครอบครัวกดดันให้สอบหมอใหม่ทุกปี แฟนหนูเครียดจนร้องไห้ พีคสุดวันรวมญาติ มีคนเล่าข่าว นศ.แพทย์เรียนไม่ไหวกระโดดตึกเสียชีวิต ปู่แฟนได้ยินแล้วพูดว่า "สมควรแล้ว เรียนแค่นี้ทำไมไม่ไหว" แฟนได้ยินแบบนี้ยิ่งกดดัน

“คุณฟิล์ม(นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [10 เมษายน 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย นภาพร เกี่ยวกับครอบครัวแฟนกดดันให้แฟนเป็นหมอ... โดย “คุณฟิล์ม(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องของแฟน พอดีที่บ้านแฟนกดดันให้เป็นหมอตลอดเวลา ต้องบอกก่อนว่าครอบครัวแฟนเป็นครอบครัวคนจีนและญาติพี่น้องก็เป็นหมอกันหมด ยกเว้นพ่อแฟน แฟนเล่าให้ฟังว่าตอนเด็ก ๆ พ่อแม่บอกตลอดว่า “เป็นหมอดีที่สุด” จนตอนนี้แฟนอายุได้ 20 ปี ปัจจุบันก็เรียนคณะเภสัช แต่หนูรู้สึกว่าพ่อกับแม่ก็ยังไม่พอใจ เขาให้แฟนสอบหมอทุกปี จนตอนนี้ผ่านมา 2 ปีแล้ว พ่อแม่ก็ยังให้สอบอยู่ มีอยู่ช่วงหนึ่งแฟนเปิดใจคุยกับพ่อแม่แบบจริงจังว่า “ไม่ไหวแล้ว” ร้องไห้ ไม่สมัครสอบหมอแล้ว แต่พ่อกับแม่ก็จะโทรตามให้คนใกล้ชิดมาช่วยดูแลให้หน่อย ล่าสุดแฟนได้ไปทานข้าวกับครอบครัว แล้วก็มีคนในรถพูดขึ้นมาว่า “เหมือนมีรุ่นพี่นักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง กระโดดตึกตาย” คุณปู่ก็พูดว่า “ถ้าเรื่องแค่นี้เรียนไม่ได้ ก็สมควรแล้วล่ะ” มันเลยทำให้แฟนมีความรู้สึกกดดันในระดับนึง จึงอยากจะถามพี่ ๆ ดีเจว่า ถ้าพวกพี่ ๆ อยู่ในสถานการณ์เดียวกับแฟนหนู ควรทำยังไงดี? แล้วในฐานะที่เราเป็นแฟนเราควรที่จะให้กำลังใจแฟนยังไง? ให้เขาไม่เครียด ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ก็เคยโดนเหมือนกัน แต่พี่ก็ไม่ยอมให้ใครมาบงการชีวิต พ่อกับแม่พี่พยายามโน้มน้าวใจให้เรียนนิติศาสตร์ แล้วอยากได้อะไรก็บอกมาเลย แต่ก็ไม่มีอะไรมาโน้มน้าวใจพี่ได้ จนสุดท้ายพ่อแม่ก็ปล่อย เท่าที่พี่ได้สัมภาษณ์เภสัชในรายการใต้โต๊ะทำงาน พี่รู้สึกว่าอาชีพเภสัชเป็นอาชีพที่ขาดแคลนมาก ๆ โดยเฉพาะเภสัชที่ไปประจำอยู่ร้านขายยาใหญ่ ๆ ถ้าเรียนจบมาก็จะได้เงินเดือนทันทีเลย ซึ่งมันก็เป็นอาชีพที่สร้างรายได้มากมาย และเอาตรง ๆ คือสบายกว่าหมอเยอะมาก แค่ต้องต่อสู้กับความเบื่อในการเฝ้าร้าน ซึ่งแต่ละอาชีพมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน พี่ก็จะพยายามบอกพ่อแม่ว่า “รอให้เรียนจบก่อน แล้วเดี๋ยวจะทำให้ดูว่าอาชีพเภสัชสามารถเลี้ยงครอบครัวเราได้ขนาดไหน” จะไปประจำร้านขายยาหรือเปิดเองก็ได้ พ่อก็ไม่ได้เป็นหมดเหมือนกัน อย่าเอาความผิดหวังของตัวเองมากดดันลูกซึ่งมันไม่เกี่ยวกัน พี่ว่าต้องอดทนและพิสูจน์ตัวเองตอนเรียนจบ ส่วนฟิล์มก็ให้กำลังใจแฟนเยอะ ๆ อย่าไปใส่ใจ ผู้ใหญ่ก็เป็นแบบนี้ บางทีเขาก็อยู่ในชุดความคิดเดิม’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าเปลี่ยนชุดความคิดของครอบครัวไม่ได้ พี่ว่าถ้าแฟนยังใช้เงินของพ่อแม่ส่งเสียตัวเองเรียน ยังต้องอยู่บ้านพ่อแม่อยู่ก็อดทนเรียนให้จบก่อน จนกว่าจะทำงานหาเงินเองได้ ถ้าเป็นพี่ ถ้าพ่อแม่ให้สอบก็จะไปสอบทุกปี แต่ก็ไม่ติดสักปี เข้าไปกามั่ว ๆ เพื่อให้จะได้ไม่ต้องพูดว่า ไม่ไปสอบ แล้วพ่อกับแม่จะให้ทำยังไงในเมื่อสอบไม่ติดจนเรียนจบเภสัช ก็ลองดูว่าพ่อกับแม่จะเป็นยัง สำหรับฟิล์มคือต้องให้กำลังใจอย่างเดียวเลย วันรวมญาติพอแฟนกลับมาฟิล์มต้องรู้เลย ฟิล์มต้องเป็นที่พื้นที่ปลอดภัยของแฟน และฟิล์มก็ต้องอดทน เข้าใจเขา ไม่ทางออกนอกจากจะอดทน’ สุดท้าย “ดีเจอ้อย” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เราจะไปเปลี่ยนความคิดของพ่อกับแม่ก็ยาก ถ้าเราจะทำตามความคิดของพ่อแม่ทุกอย่างก็ไม่ได้ และคิดดูว่าถ้าไปสอบหมอใหม่เรื่อย ๆ การสอบได้หรือไม่ได้ จากปี 2 เริ่มไปเป็นเฟรชชีเราก็กำลังไปนั่งทบสิทธิของคนอื่น มันไม่ใช่แค่การสอบติดหมอแล้วจบ ถ้าเรียนหมอเพียงแค่พยายามอยากเป็นหมอ พอเรียนจบก็เป็นหมอที่คุณภาพไม่ดีมา 1 คน กับการที่จะต้องเสียเภสัชฝีมือดีไป 1 คน มันไม่คุ้มค่าการลงทุน แต่ทั้งหมดที่พี่พูดมาก็ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องเอาไปอธิบายให้กับพ่อแม่ฟัง เพราะเขาก็แค่คิดว่าแล้วทำไมไม่เป็นหมอ อย่างวันร่วมญาติมีคำถามเยอะแยะมากมาย ซึ่งอธิบายยังไงเขาก็ไม่ฟัง เพียงแค่ถ้าเราไปรู้สึกกับประโยคแบบนั้นเราก็ยิ่งจะกดดันตัวเอง ถ้ามั่นใจว่าเภสัชปี 2 ที่กำลังปีนชั้นขึ้นไป เรียนจบเภสัช 6 ปี และมาเป็นบุคลากรที่มีคุณค่า กล้าที่จะเลือกในสิ่งที่ตัวเองชอบ กล้าที่จะเป็นสิ่งนั้นให้ดีที่สุดตามกำลังความสามารถของตัวเอง ฟิล์มเป็นกำลังใจให้แฟนได้ บอกกับแฟนเลย “มีคนอยากเป็นเภสัชเยอะแยะ เมื่อสอบได้ ต้องใช้สิทธินี้แทนคนอื่น ไม่ใช่สละสิทธิเมื่อตอนสอบหมอได้” ในวันหนึ่งเราต้องเดินหน้าตามความฝันของตัวเองให้ชัดเจน และคำถามของคนใด ๆ ไม่สามารถทำอะไรเราได้ ถ้าเราไม่ได้รู้กับคำถามเหล่านั้น’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1