เป็นคนคุยที่มาทีหลัง ไม่มีสิทธิ์หรอคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึง ไม่นานมีสาวปริศนา โผล่มาบอกว่า เรามาทีหลังเค้า เค้าคุยก่อนเรามา 1 อาทิตย์ สุดท้ายผู้ชายเลือกเรา จนอดคิดไม่ได้ว่า หรือจริงๆแล้ว เราคือสาเหตุ ที่ทำให้เค้าสองคนเลิกคุยกัน....

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เป็นคนคุยที่มาทีหลัง ไม่มีสิทธิ์หรอคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึง ไม่นานมีสาวปริศนา โผล่มาบอกว่า เรามาทีหลังเค้า เค้าคุยก่อนเรามา 1 อาทิตย์ สุดท้ายผู้ชายเลือกเรา จนอดคิดไม่ได้ว่า หรือจริงๆแล้ว เราคือสาเหตุ ที่ทำให้เค้าสองคนเลิกคุยกัน....

10 ม.ค. 2025

            “คุณอูน (นามสมมติ)” อายุ 21 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ม.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาความรักในวัย Gen Z

                โดย “คุณอูน (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูเล่นแอปพลิเคชันหาคู่ จนได้พบกับหนุ่มคนหนึ่งที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน มีการเจอกันผ่าน ๆ บ้างตามมหาวิทยาลัย เพราะตึกอยู่ใกล้ ๆ กัน หลังจากได้คุยกันผ่านแอปพลิเคชันนั้นสักพักหนึ่ง เราทั้งคู่ได้ย้ายมาคุยกันในไอจี เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ต่อ เราคุยกันมาได้ประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งทักมาหาหนู เขาถามว่า “เธอคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่หรือเปล่า?” แล้วเขาก็ย้ำว่า “อย่าเพิ่งบอกผู้ชายนะว่าเราทักมา” หนูก็ถามกลับไปว่า “มีอะไรรึเปล่าคะ?” เขาตอบว่า “เราคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่นะ แล้วเธอคุยกับเขามานานหรือยัง?” หนูตอบไปว่า “เพิ่งคุยได้สักพักค่ะ” เขาถามต่อทันทีว่า “สักพักนี่นานแค่ไหน?” หนูบอกว่า “ประมาณ 3 อาทิตย์ค่ะ”

            ผู้หญิงคนนั้นเขาได้บอกกับหนูว่า เขาเลิกคุยกับผู้ชายคนนี้เพื่อให้หนูคุยต่อ แต่เมื่อหนูไปถามผู้ชายว่า “ผู้หญิงคนที่ทักมาเป็นคนคุยกับเธอหรือเปล่า?” ผู้ชายตอบว่า “เราเลิกคุยกันไปนานแล้ว ก่อนที่เราจะมาคุยกับเธออีก” และตอนนี้ฝั่งผู้ชายได้มีการบล็อกผู้หญิงคนนั้นไปแล้วด้วย และมากไปกว่านั้นผู้หญิงคนนี้เขามักจะพูดเหน็บแนมใส่หนู เช่น ถ้าไปห้องผู้ชายก็ฝากเก็บของที่เป็นของเราออกด้วยนะ เลยยิ่งทำให้หนูรู้สึกผิด ตอนนี้หนูไม่แน่ใจว่าเจตนาของผู้หญิงคนนั้นที่ทักมาคืออะไร เขาอยากได้ผู้ชายกลับคืน หรือมาโทษว่าหนูคือสาเหตุที่ทำให้เขาเลิกคุยกัน หนูก็เลยอยากจะมาปรึกษาพี่ ๆ ว่า หนูผิดไหม? เพราะหนูเป็นฝ่ายที่มาทีหลัง’

                ซึ่งเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเรื่องที่หนูเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าไม่ผิดเพราะผู้ชายอิสระแล้ว และฝ่ายหญิงก็เป็นคนบอกเองว่าสามารถคุยกันต่อได้เลย แต่แนะนำเพิ่มให้เลี่ยงการอ่านข้อความของผู้หญิงคนนั้นเวลาที่เขาทักมา เพราะไม่ได้ประสงค์ดีสักเท่าไหร่’

                ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าคนคุยในความหมายของพี่ พี่มีสิทธิ์ที่จะคุยเพราะยังไม่ใช่แฟน แล้วเธอมาก่อนฉันแค่อาทิตย์เดียวแล้วยังไง และทั้งสองคนคุยกับผู้ชายในเวลาที่แทบจะทับซ้อนกัน ดังนั้นจึงถือว่าไม่ผิด เพราะเรามีสถานะเท่ากันคือ คนคุย แต่ถ้าเขาเป็นแฟนกันแล้ว แบบนั้นถือว่าผิด เรามาทีหลังเราควรที่จะถอยออกมา’

                สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้สอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการจีบกันในยุคปัจจุบัน และได้คำตอบว่า คนสมัยนี้มักจะคุยกันผ่านทางดีเอ็มในไอจี และมักจะเก็บไลน์ไว้เพื่อคุยเรื่องเรียนหรือเรื่องงานมากกว่า พร้อมให้กำลังใจเพิ่มเติมว่า ถ้าหนูอยู่ในสถานะคนคุยกันทั้งสองฝ่าย มันก็เท่ากัน ไม่ต้องไปคิดว่าใครมาก่อนหรือมาหลัง เพราะไม่เกี่ยวกัน และฝ่ายผู้ชายอาจจะมีคนคุยมากกว่านี้ก็ได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลหรือรู้สึกผิด เพราะในเรื่องนี้ไม่มีใครผิด ทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง’
เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูเป็นแม่บ้านเต็มตัว อยู่บ้านเลี้ยงลูก สามีหนูออกไปทำงาน เพิ่งเริ่มงานได้ไม่นาน เจอหัวหน้าด่าทุกวัน ด่าโง่ ไม่มีสมอง หัวหน้าเอางานสามีไปเป็นงานตัวเองเพื่อเอาหน้า สามีทนไม่พูดมาตลอด หนูสงสารสามีสุดๆ แต่จะย้ายงานก็ไม่ได้

20 ธ.ค. 2024

หนูเป็นแม่บ้านเต็มตัว อยู่บ้านเลี้ยงลูก สามีหนูออกไปทำงาน เพิ่งเริ่มงานได้ไม่นาน เจอหัวหน้าด่าทุกวัน ด่าโง่ ไม่มีสมอง หัวหน้าเอางานสามีไปเป็นงานตัวเองเพื่อเอาหน้า สามีทนไม่พูดมาตลอด หนูสงสารสามีสุดๆ แต่จะย้ายงานก็ไม่ได้

หนูเป็นแม่บ้านเต็มตัว อยู่บ้านเลี้ยงลูก สามีหนูออกไปทำงาน เพิ่งเริ่มงานได้ไม่นานเจอหัวหน้าด่าทุกวัน ด่าโง่ ไม่มีสมอง หัวหน้าเอางานสามีไปเป็นงานตัวเองเพื่อเอาหน้า สามีทนไม่พูดมาตลอดหนูสงสารสามีสุดๆ แต่จะย้ายงานก็ไม่ได้ เพราะ สวัสดิการที่นี่ดีมากๆ จะทำยังไงต่อไปดีคะ? “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [18 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาอยากขอวิธีให้กำลังใจแฟนเวลาโดนคำพูด Toxic จากที่ทำงาน โดย “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตัวบีเองเป็นคุณแม่ เลี้ยงลูกอยู่บ้าน ส่วนแฟนจะทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ทีนี้เขาเริ่มงานใหม่ แต่สภาพที่เขากลับจากทำงานมาบ้านทุกวัน จะเป็นสีหน้าที่เหนื่อย มันไม่ใช่เหนื่อยกาย แต่เหมือนมันเหนื่อยใจ มันห่อเหี่ยว และเราก็คุยกัน เขาบอกว่า ‘เขาโดนที่ทำงานพูดไม่ดีใส่ ด้อยค่า ทั้งคำหยาบสารพัดมาหมด’ แฟนหนูเป็นคนทำงาน หัวหน้าของเขาโยนงานมาให้ทำ เออเนี่ยทำไปนะ พอทำเสร็จเขาก็เอาผลงานที่แฟนหนูทำไปเป็นของตัวเอง แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาดแฟนหนูจะโดนด่าทันที เพราะแฟนหนูตำแหน่งรองลงมาจากเขา เพราะฉะนั้นมันจะต้องคุยกันบ่อย หนูบอกตรง ๆ ไม่ได้จะชื่นชมหรือยอแฟน แต่เขามีความสามารถ หนูอยู่กับเขามา 10 กว่าปีแล้ว เขามีความสามารถ เคยทำงานด้วยกัน เขาพูดภาษาอังกฤษได้ เวลาเขาติดต่อประสานงานกับสายต่างประเทศ หัวหน้าจะพูดอย่างนี้ “มึงก็พูดได้หนิ กูนึกว่ามึงโง่” หรือเวลาทำงานแฟนหนูเสนออะไรไป แต่เขาเหมือนอยากเอาอย่างที่เขาคิด แล้วเขาก็มาด่าแฟนหนู “โง่ปะเนี้ย คิดไม่ได้เหรอ สมองไม่มีเหรอ” ซึ่งบริษัทนี้แฟนหนูพึ่งเริ่มทำมาได้ 2 - 3 เดือนเอง ที่ตัดสินใจเลือกเพราะสวัสดิการและเงินเดือน เลยเลือกที่นี่ มันตอบโจทย์ทุกอย่าง สวัสดิการเขาครอบคลุมถึงครอบครัว เราฟังปัญหาจากเขาแล้วเราก็เครียดนะ แต่เราบอกกับเขาเลยว่าเราอยากให้เขาระบายกับเราให้ได้มากที่สุด ทั้งกอด ทั้งปลอบ ทั้งคุยกับเขา เขาเป็นคนเก่ง เก่งมาก ๆ หนูเชื่อเลยว่างานทุกอย่างที่หนักเขาทำได้ แต่ถ้าอยู่กับคนแบบนี้ทุกวัน หนูกลัวว่าเขาจะเครียดสะสม บางทีเวลาเขากลับมาบ้านนั่งเหม่อและพูดว่า “อะไรวะเนี่ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้” บางทีเราก็น้อยใจ สามีกลับมาเห็นหน้าเราแล้วก็ลูกมันผิดหวังขนาดนี้เลยเหรอ มันเหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ แต่เขาก็บอกว่าไม่ใช่ แล้วตอนเช้าตอนที่กำลังจะไปทำงาน หน้าเขาลอย ลอยแบบไร้จุดหมายประมาณว่า กูต้องไปทำงานหรือกูต้องไปโดนด่า ถามว่ามันมีผลกระทบกับครอบครัวไหม เวลาเรามองมันรู้สึกสะเทือนใจ เราพยายามปลอบเขาแต่เหมือนมันส่งไปไม่ถึง หนูเคยพยายามบอกเขาว่าถ้าพี่ไม่ไหว พี่ย้ายงานนะ ขอเถอะหนูไม่อยากให้พี่เป็นแบบนี้ แต่พี่เขาตอบกลับมาว่า ‘ลาออกไม่ได้ หาสวัสดิการกับครอบครัวมันยาก’ เพราะหลัก ๆ เขานึกถึงเราแล้วก็ลูก เด็กเนาะยังไงก็ต้องมีประกัน ทั้งครอบครัวแสนนึง มันครอบคลุมกับการรักษาพยายามทุกอย่างเลย ซึ่งบริษัทนี้เขาทำให้ เพราะลูกคนหนึ่งอายุ 5 ขวบ อีกคนก็ 2 ขวบกว่า ๆ เลยอยากขอกำลังใจจากพี่ ๆ และอยากถามพี่ ๆ ว่า มันจะมีวิธีไหนบ้างที่เราจะส่งกำลังใจไปให้ถึงเขา เพื่อให้เขาได้รู้สึกว่าได้ชาร์จแบตให้เขามีพลังไปสู้ต่อและปล่อยวางเรื่องที่ทำงานให้ได้ หนูก็เข้าใจว่า เราพูดว่าให้วางมันอยู่ที่นั่น มันพูดง่าย แต่คนที่รับมันยากมากเลย’ ซึ่งเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มองในมุมดีสิ่งที่เราได้รับ สิ่งที่เราอดทน ราคาที่ต้องจ่ายมันแพงมากในเมื่อคุณบีอยากได้สวัสดิการ อยากได้เงินเดือนทุกอย่างมันดีๆๆ แต่มันแลกมากับบางเรื่องในการ Toxic อย่างน้อยในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ มันทำให้ครอบครัวเราสบาย มันอาจจะเหนื่อยใจไปบ้าง ตรงนี้อาจจะต้องแลกเพราะที่อื่นให้เราแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเกิดว่าเหนื่อยให้มาระบายกับเรานะ ให้เราเป็นที่พักเลย ไปเหนื่อยอยู่ตรงนั้น แต่พอก้าวเข้าบ้านเราดูแลเขา บีบนวดดูแลเขาอย่างดีให้เขาสบายใจ ให้เขารู้สึกว่ามาอยู่บ้านแล้วผ่อนคลาย ทำที่บ้านอย่าให้ตกหล่น’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณบีต้องไม่เอาความเครียดของเขามาเป็นเรื่องของเราเลย เพราะตอนคุณบีเล่ามา คุณบียังเอามารบกวนจิตใจอยู่ ที่บอกว่าทำไมเห็นหน้าลูก หน้าเมียแล้วยังซีเรียส ทำไมถึงไม่มีความสุข คุณบีต้องเข้าใจเลยว่า เขาจะต้องเป็นอย่างนี้ไปตลอด เรามีหน้าที่ทำให้เขาเปลี่ยนจากหน้าเครียดเป็นหน้ายิ้มให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ทำให้เขารู้สึกว่า เมื่อใดที่กลับมาบ้าน ที่นี่คือสวรรค์ของคุณ คุณไปนรกมาแค่ 12 ชั่วโมงทำงาน คุณกลับบ้านนี่คือสวรรค์แล้ว ที่นี่จะมีทุกอย่างให้คุณ ต้องซัปพอร์ตเบอร์นั้นเลย เพื่อให้เขารู้จุดหมายของเขา ‘โอเคอันนั้นกูเอาวิญญาณไปแลก แต่ที่นี่คือที่ของกู’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ใช้ลูกเป็นแหล่งเติมพลังครับ ผมเชื่อว่าทุกคนปัญหาจะเบาลงเมื่อเห็นหน้าลูกเวลามีความสุข ให้เขาโฟกัสที่ลูก ถ้าเราทำเพื่อเงินก็ต้องคิดแต่เรื่องเงิน เราทำเพื่อสวัสดิการก็ต้องคิดแต่เรื่องสวัสดิการ ผมแนะนำว่าให้เขาไปคุยกับ HR เท่าที่ผมได้ไปสัมภาษณ์กับองค์กรใหญ่ ๆ มา HR มีผลอย่างมากในการจัดการคนในออฟฟิศของเขา และถ้าเป็น HR ที่ดีพอ บริษัทใหญ่จริง สวัสดิการดีอย่างนี้จริง ๆ HR ต้องมีพาวเวอร์พอที่จะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นภายในองค์กร หัวหน้าที่ Toxic ขนาดนี้แฟนคุณบีไม่ได้เป็นคนแรกที่โดนหรอกครับ HR มีไว้เพื่อช่วยพนักงานในประเด็นแบบนี้นี่แหละครับ สุดท้ายความอดทนคนเรามีจำกัด ต้องบอกกับแฟนเสมอว่าถ้าเธอไหวฉันเชื่อว่าเธอไหว แต่ว่าอย่าบอกตัวเองว่าไหวทั้ง ๆ ที่ลึก ๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองไหวหรือเปล่า คนบางคนสะกดจิตตัวเองว่าไหว แต่จริง ๆ ข้างในไม่ไหวแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เลือกใครดี? แฟนเก่าหล่อ ตรงสเปคทุกอย่าง ติดแค่เขาชอบยืมเงินเรา คบมาปีนิดๆ ยืมไป 2 แสนกว่าบาท ตอนนี้คุยกับคนใหม่ ตรงสเปค แต่ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน จะปรับมายเซ็ทตัวเองยังไง ให้ไม่รู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนใหม่ที่จะมาคบแฟนเก่าเรา

21 ก.พ. 2025

เลือกใครดี? แฟนเก่าหล่อ ตรงสเปคทุกอย่าง ติดแค่เขาชอบยืมเงินเรา คบมาปีนิดๆ ยืมไป 2 แสนกว่าบาท ตอนนี้คุยกับคนใหม่ ตรงสเปค แต่ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน จะปรับมายเซ็ทตัวเองยังไง ให้ไม่รู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนใหม่ที่จะมาคบแฟนเก่าเรา

“คุณบีม (นามสมมติ)”อายุ 25 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเลือกใครดี คนเก่าที่ตรงสเปคแต่ชอบยืมเงิน กับ คนใหม่ที่ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน โดย “คุณบีม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้หนูมีแฟน คบกันมาปีกว่าๆ แฟนคนนี้ตรงสเปคทั้งภายนอกและภายใน ทั้งหล่อ นิสัยโอเค ไลฟ์สไตล์ตรงกับหนูทุกอย่าง แต่ติดอยู่เรื่องเดียว คือ เรื่องเงินเขาทำงานรายรับได้น้อยกว่ารายจ่ายที่เขาต้องจ่าย เพราะจะต้องซัพพอร์ตทางบ้าน ซัพพอร์ตตัวเองด้วย ส่วนที่ไม่พอเขาก็มายืมหนูทุกเดือน อย่างต่ำเดือนละ 5,000 บาท หรือมากกว่านั้น นานๆ ทีเขาจะคืนหนู แต่ก็คืนไม่หมด มันเลยเป็นยอดสะสมไปเรื่อยๆ จนตอนนี้จำนวนเงินที่ยืมไปอยู่ที่ 2 แสนปลายๆ แต่เขาไม่ได้ยืมเงินเราตั้งแต่คบกันแรกๆ เหมือนพอคบกันได้หลายเดือนแล้วค่อยมายืม เขาบอกว่ายืมเอาไปจ่ายค่าบัตรเครดิต เพราะเขาเป็นคนที่ค่อนข้างติดแบรนด์เนมประมาณหนึ่ง ทุกอย่างเป็นแบรนด์ Hi-End สกินแคร์ก็ต้องใช้ของแพง จะไม่มีคำว่าถูกและดีสำหรับเขา อีกเรื่องหนึ่งคือ หนูได้คุยกับผู้ชายคนหนึ่งโดยบังเอิญ คุยกันได้ประมาณเดือนกว่าๆ กับคนคุยใหม่ก็ตรงสเปคหนูเหมือนกัน หนูชอบทัศนคติของเขา แต่คิดว่าไลฟ์สไตล์ไม่ได้เข้ากันมาก 100% เพราะวันเสาร์ -อาทิตย์ หนูเป็นคนชอบออกไปนู้นไปนี่ แต่เขาจะอยู่บ้าน ยกเว้นถ้าออกมาเจอกัน เขาก็จะออกมา ส่วนเราจะออกมาเพื่อเจอและก็ไปเที่ยวด้วยกันต่อ และตอนนี้แฟนหนูก็จับได้ว่าเราคุยกับผู้ชายคนนี้อยู่ แฟนหนูก็เลยบอกเลิกหนูไปแล้ว แต่หนูก็มีความคิดที่จะกลับไปง้อ แล้วเลิกคุยกับคนคุยใหม่ หรือปล่อยแฟนเก่าไปเลย และไปต่อกับแฟนใหม่ เงินที่แฟนเก่ายืมไป เขาก็ให้ทยอยคืน แต่ยังคืนไม่หมด ส่วนตัวหนูก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ตอนนี้เหมือนเขากำลังทำธุรกิจสตาร์ทอัพกับเพื่อน ถ้าเกิดยังคบกันอยู่ เขาก็ต้องยืมเงินเราไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะมีกำไร แล้วถึงจะแบ่งมาคืนเราได้ แต่หนูก็รู้สึกว่าถ้าปล่อยคนนี้ไป หนูกลัวว่าพอเขามีแฟนใหม่ หนูจะรู้สึกไปอิจฉาแฟนใหม่เขารึเปล่าว่าทำไมหนูไม่ใช่คนตรงนั้น เรื่องนี้หนูยังไม่เคยบอกเพื่อนเลย เพราะไม่อยากให้เพื่อนมองเขาไม่ดี เลยเก็บไว้คนเดียว หนูอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า คำถามที่ 1 : หนูควรเลือกใครดี จะไปต่อกับแฟนเก่าหรือคนคุยใหม่? คำถามที่ 2 : ถ้าจะปล่อยคนเก่าไป มีวิธีคิด หรือ mindset ยังไงไม่ให้หนูคิดถึงภาพที่เขาจะมีแฟนใหม่แล้วจะอิจฉา?’ เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าให้ดูตอนนี้และข้อมูลทั้งหมดที่มี พี่เลือกคนใหม่ เพราะพี่คิดว่า แม้ว่าคนเก่าจะดีทุกอย่าง แต่การที่เขายืมเงินเราแบบนี้มันไม่ดี บีมต้องคิดว่าเขาติดแบรนด์แต่เขาไม่มีปัญญาซื้อแบรนด์นั้นเอง เขาต้องรู้สถานะตัวเอง แต่แบบนี้แสดงว่าเขาไม่มีวินัยทางการเงิน แล้วยังยืมเงินผู้หญิงอีก ผู้ชายแบบนี้น่าเป็นห่วง และการไปทำสตาร์ทอัพ โดยที่ตัวเองยังติดลบอยู่ ยิ่งน่าเป็นห่วงขึ้นไปอีกว่าอนาคตจะยังไงต่อ พี่คิดว่าทรงแบบนี้ ถ้าบีมกลับไปบีมจะโดนเขาเอาเงินจนหมดตัว แต่ผู้ชายคนใหม่ที่คุยกันหนึ่งเดือน แต่แค่เดือนเดียวยังบอกไม่ได้ ตอนนี้รู้แล้วว่าคนเก่าข้อเสียใหญ่ของเขามันรุนแรงเหลือเกินสำหรับพี่ บีมมีฐานะดี บีมจะให้เขาก็ได้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ดี คิดซะว่ากลับไปหาคนเก่าก็หมดตัว คนใหม่ที่ไปเจอเขา ก็หมดตัวแน่นอน คิดแบบนี้ไปเลย ถ้าคนมีวินัยพื้นฐานการเงินแบบนี้ ยังไงก็เละ’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คำว่าเลือกใครดี พี่คิดว่าคนเก่าไม่กลับมาแน่ เพราะเขาก็อยากล้างหนี้ เลิกกันไปก็จบ ส่วนเขาจะไปประสบความสำเร็จหรือเปล่า อันนี้ก็วัดกันยาก มันก็จะมาตอบคำถามที่ 2 ว่าแล้วเราจะปล่อยคนเก่าไปยังไง ให้เราไม่อิจฉาแฟนใหม่ มันอยู่ที่ศีลของแต่ละคน คือถ้าศีลเรามันเป็นคนต้องอิจฉาตาร้อนมันก็ต้องอิจฉา แต่ถ้าศีลเราเป็นคนที่แบบเลิกแล้วต่อกัน 2 แสนที่เอาไปถือว่าเป็นการซื้อความสัมพันธ์ที่เราจะไม่ต้องเจอกันอีกแล้วกัน แต่พี่ไม่รู้ว่าบีมเป็นคนยังไง จะให้พี่มาพูดภายใน 5 - 10 นาที แล้วจะไม่อิจฉาเลยก็ยาก งั้นก็ไปทำชีวิตเราให้มันน่าอิจฉาสำหรับเขาบ้าง แล้วถ้าเป็นแฟนใหม่ที่รู้คุณค่าของเงิน ใช้เงินอย่างพอตัว สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกัน มันน่ารักกว่าอีกนะ อาจจะเป็นชีวิตที่สงบและน่าอิจฉาก็ได้ ถ้าให้เลือกสำหรับพี่ คนเก่ามันดูไม่ใช่สำหรับเราแล้ว แต่ถ้าคนใหม่ไลฟ์สไตล์มันก็ไม่ตรงกัน เดือนเดียวก็มีเรื่องให้เราเอ๊ะแล้ว ฉะนั้นเขาก็อาจจะไม่ใช่ทั้งคู่ก็ได้ แต่ก็ศึกษากับคนใหม่ได้ไม่เสียหายอะไร’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ใครดี ควรเลือกใคร มันก็ตอบไม่ได้เพราะอาจจะเละทั้งคู่ก็ได้ แต่ที่เห็นแล้ว คือ 1 คนเก่าเละแน่ๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอิจฉาขยะที่เราทิ้งแล้ว คือการที่เราทิ้งคนเก่าแปลว่าเราทิ้งขยะไปแล้ว มันจะมีใครเก็บต่อ เราต้องอิจฉาคนเก็บด้วยหรอ? ถ้าของมันดีจริงเราไม่ทิ้ง ผู้ชายที่ดีไม่ยืมเงินผู้หญิง แล้วถ้าเขารักบีมจริงๆ เห็นคุณค่า รู้ว่าบีมเหนื่อย เขาจะไม่เอาเงินบีมไปแบบสุรุ่ยสุร่าย ถ้าพ่อแม่เจ็บเข้าโรงพยาบาล แล้วเขากัดฟันยืมเงินแฟนก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ยืมทุกเดือนแปลว่าเขาไม่ได้เห็นคุณค่าในตัวบีม เขาไม่ได้รักบีมขนาดนั้น ถ้าผู้ชายที่รักเราหรือเห็นคุณค่าในตัวเรา เขาจะระวังเรื่องนี้ สิ่งที่อยากให้เหลือไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นคุณค่าในตัวเอง อย่าจ่ายสิ่งเหล่านี้ให้กับผู้ชายที่เราเรียกว่าแฟน ถ้าเกิดเลิกกันไปแล้ว ไม่ส่อง ไม่เสือก ไม่เจ็บ ตัดเลย ใครจะเอาเขาต่อเรื่องของเขา คนเก่าไม่เอาเพราะเราเห็นแล้วว่ามันไม่ใช่ ส่วนคนใหม่ก็ไปเรียนรู้ ถ้าไม่ใช่ก็ทิ้งอีก หาจนกว่าจะใช่ เรามีสิทธิ์เลือก แล้วผู้ชายที่ดีเขาไม่เอาเงินผู้หญิง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมีแฟนแล้ว แต่ก็คบพี่ผู้ชายอีกคน แฟนคนแรกหนูเขาไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่ แต่พี่ผู้ชายอีกคนดูแล จ่ายเงินให้เราตลอด ติดที่เค้ามีลูกเมียแล้ว เขาขอให้หนูไปเคลียร์กับคนแรก แต่หนูอยากได้วิธีที่จะ "คบกับเขาทั้งสองคนต่อ และ อยากให้แฟนคนแรกสนใจหนูมากกว่านี้"

14 มิ.ย. 2024

หนูมีแฟนแล้ว แต่ก็คบพี่ผู้ชายอีกคน แฟนคนแรกหนูเขาไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่ แต่พี่ผู้ชายอีกคนดูแล จ่ายเงินให้เราตลอด ติดที่เค้ามีลูกเมียแล้ว เขาขอให้หนูไปเคลียร์กับคนแรก แต่หนูอยากได้วิธีที่จะ "คบกับเขาทั้งสองคนต่อ และ อยากให้แฟนคนแรกสนใจหนูมากกว่านี้"

“คุณแอม (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาขอคำปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแฟน 2 คนที่อยากจะเก็บไว้ทั้งคู่ โดย “คุณแอม (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูเคยทำงานร้านเหล้า และตอนนี้หนูมีแฟน 2 คน ซึ่งคนหนึ่งที่มีครอบครัวแล้ว อายุประมาณ 40 ปี คนนี้ดูแลหนูดีมาก ดีกว่าอีกคน และแฟนอีกคน คือ คนที่หนูเปิดตัวกับทางบ้างและกำลังหมั้นกัน คนนี้อายุ 28 ปี ซึ่งหนูเจอแฟนทั้งคู่ของหนูในร้านเหล้าที่หนูทำงาน ซึ่งต่างฝ่ายต่างไม่มีใครรู้ว่าหนูมีแฟนอีกคน คนที่อายุ 28 เค้าทำงานข้าราชการ จะไปกินเหล้ากับเพื่อนและปาร์ตี้บ่อย จนไม่ค่อยสนใจหนู และจะเป็นคนที่อยากทำอะไรก็ทำโดยที่ไม่แคร์หนู ต่างจากคนที่อายุ 40 เค้าดูแลหนูทุกอย่าง ใส่ใจหนู หนูไปเที่ยวเค้าก็จะคอยถาม คอยเป็นห่วง และหนูจะเจอเค้าอาทิตย์ละ 2 ครั้ง แต่จะเป็นการมามีอะไรกันแล้วก็กลับ แต่ก่อนที่หนูจะไปเจอกับคนอายุ 40 หนูจะไปเจอคนอายุ 28 แล้วมีอะไรกันก่อนเพราะเจอกันตลอด ซึ่งปัญหาในตอนนี้ คือ หนูกำลังจะเลิกกับคนที่อายุ 28 และรู้สึกผิดที่ไปคบกับคนที่เค้ามีครอบครัวแล้ว แต่คือหนูไม่ได้อยากเสียเค้าไปทั้ง 2 คน เพราะคนที่อายุ 40 เคยจับได้ว่าหนูมีแฟน แต่หนูบอกเค้าไปว่าแค่คุย ๆ กัน ซึ่งเค้าก็เชื่อหนู เลยให้อภัยและเลี้ยงดูหนูต่อ ซึ่งคำถามของหนูคือ หนูอยากเก็บเค้าไว้ทั้งคู่ แต่แค่อยากให้คนที่อายุ 28 สนใจหนูเพิ่มหนูต้องทำยังไงคะ? โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การที่เค้าสนใจหรือไม่สนใจมันก็เป็นนิสัยของเค้า และมันก็แปลได้ตรงตัวว่าเค้าจะเป็นที่ดีรึเปล่า ผู้ชายบางคนก็ดูแลเอาใจใส่แฟน บางคนก็ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ บางคนก็ติดแฟนบางคนก็ติดเพื่อน คำว่ารักใครก็พูดได้ แต่สิ่งที่แตกต่างคือการกระทำ ทีนี้หนูพยายามตามหาความรักให้กับตัวเอง แล้วหนูเคยมองตัวเองมั้ย ว่าทำอะไรอยู่ เพราะตอนนี้หนูกำลังทำผิดกับครอบครัวชาวบ้านเค้า หนูกำลังทำให้ครอบครัวหนึ่งมีปัญหา แล้วสิ่งที่หนูต้องการในวันนี้คือเก็บไว้ทั้งสองคน และอยากให้คนที่อายุ 28 รักหนูมากกว่าเดิม พี่ว่าหนูเห็นแก่ตัวไปหน่อยนะ มันไม่ใช่การที่เราอยากจะได้ทุกอย่าง แล้วเราจะครอบครองมันได้ทั้งหมด หรือถ้าเราอยากจะมีทุก ๆ อย่างในมือเราก็จะได้ของแบบนี้ คนดี ๆ เค้าไม่มาอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้หรอก เราต้องแยกเรื่องนะว่าเค้าเหมาะกับการเป็นแฟนที่ดีของเรารึเปล่า กับอีกเรื่องหนึ่งคือเราควรทำตัวแบบนี้รึเปล่า พี่ห่วงความคิดของหนูมากกว่าห่วงว่าผู้ชายมันจะดีพอสำหรับหนูรึเปล่า ทำไมหนูถึงพร้อมที่จะอยู่กับคนที่มีครอบครัวแล้วโดยที่เราไม่ได้รู้สึกรู้สาว่ามันสมควรรึเปล่า แล้วยิ่งอยากเก็บไว้ทั้งสองคนอีก สำหรับพี่พี่คิดว่าตรรกะที่หนูใช้ในตอนนี้มันไม่ถูกต้อง พี่ไม่รู้จะให้คำแนะนำยังไงที่จะให้อีกฝ่ายรักหนูมากขึ้น แต่อยากให้หนูคิดว่าถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนรอบตัวหรือว่าเพื่อน แล้วเค้ามาปรึกษา ลองจินตนาการถึงเหตุการณ์นี้แล้วคิดดูสิว่ามันปกติที่ไม่ผิดมั้ย เราจะยังแนะนำเพื่อนคนนั้นให้เห็นแก่ตัวแล้วเก็บไว้ทั้งสองคนโดนไม่คิดที่จะแก้ไขอะไรแบบที่เราตั้งใจรึเปล่า’ ต่อด้วย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ผู้ชายที่เค้าไม่สนใจหนู ขนาดเค้าไม่รู้ว่าหนูนอกใจเค้ายังไม่สนใจหนูเลย แล้วถ้าเค้ารู้ว่าหนูนอกใจหนูน่าจะโดนเทไปเลย 1. เค้าอาจจะไม่สนใจเป็นนิสัย หรือ 2.หนูอาจจะไม่ได้มีค่าพอที่เค้าจะสนใจ การคบกัน 1 ปีสำหรับพี่มันน้อยไปที่จะวัดว่าคนนี้เป็นยังไง แล้วที่ไปหมั้นกันแล้วก็ไม่ต้องแคร์ แล้วทุก ๆ การกระทำ การใช้ชีวิตทุกอย่างในวันนี้มันผิดไปหมดเลย สุดท้ายการเก็บไว้ทั้งสองคนมันจะเก็บไปได้ระยะหนึ่ง แต่อยู่ที่ว่าใครจะเริ่มทิ้งหนูก่อน ระหว่างเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 แล้วคนที่อายุ 40 หนูจะใช้คำว่าแฟนไม่ได้นะลูก นี่คือเด็กเลี้ยง การที่ผู้ชายคนหนึ่งให้เงินเรา แล้วมามีอะไรกับเราแล้วกลับ อันนี้คือ “เด็กเลี้ยง” ที่นี้ผู้ชายที่เที่ยวกลางคืนแล้วเจอเด็กอายุ 19 มันก็อารมณ์เหมือน “โคแก่กินหญ้าอ่อน” อยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติที่เค้าจะหึงหวงเพราะหนู 19 แต่ถ้าเค้าต้องจ่ายเงินแล้วเด็กของเค้ายังไปมีอะไรกับแฟนอีกคนอยู่ เดี๋ยวเค้าก็ไม่เอา อย่างผู้ชายอายุ 28 ที่ไม่สนใจแล้วหนูอยากรู้ว่าต้องทำยังไงให้สนใจ หนูไม่ต้องทำ หนูแค่เปลี่ยนคน มีแค่นี้ ส่วนคนอายุ 40 มันไม่ใช่ความรักมันอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง คือเค้าจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเอาเราต่อหรือไม่เอาเราต่อ ฉะนั้นวันนี้พี่รู้สึกว่าผู้ชายทั้งสองคนไม่ใช่เซฟโซนสำหรับหนูเลย แต่ถ้าหนูมีปัญหาเรื่องการเงิน หนูจะเก็บคนที่อายุ 40 ไว้ก็ได้ถ้าเมียจับได้ก็เลิก แล้วการเจอการที่สถานที่กลางคืน เราก็รักเงินเค้า เค้าก็รักในตัวเรา แต่การที่ตอนนี้หนูไม่สามาไปจากเค้าได้เพราะเค้าซัพพอร์ตเรื่องเงิน พี่จะบอกว่าเรื่องแบบนี้มันไม่สามารถการันตีได้ว่าหนูจะมั่นคงตลอดไป ถ้าวันไหนที่เมียเค้ารู้แล้วเค้าไม่ยอมคือหนูก็ต้องเลิกกันแน่นอน หนูก็ต้องหาแพลนบีว่าถ้าเค้าเลิกกับหนูหนูจะเอาเงินที่ไหนใช้ เป็นป้หญิงก็ต้องรู้จักดูแลตัวเองให้ได้ ไม่ใช่ใช้ชีวิตโดยการแบมือขอเงินเค้าไปตลอด เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าจะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน เพราะถ้าหนูมองเรื่องเงินก็มองถึงความผันผวนเอาไว้ด้วย เผื่อใจไว้อน่าไปรัก เราไม่หลงรักแขกลูกสาว’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูต้องปรับวิธีคิดใหม่ เพราะตอนแรกที่หนูเอามาเปรียบเทียบกัน 2 คน มันเทียบกันไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะอย่างที่บอกคนแรกเค้าคือแฟนหนู แต่คนที่สองไม่ใช่ เราต่างตอบแทนด้วยผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพราะหนูต้องการเงินเค้า เค้าต้องการความสาวของหนู แต่พี่อยากจะบอกหนูว่า ตอนนี้หนูสร้างเงื่อนไขของชีวิตบนตรรกะที่ประหลาดมาก ซึ่งพี่ไม่รู้ว่าหนูคิดตรงนี้ได้รึเปล่า การที่หนูบอกว่าคนที่อายุ 28 ไม่ดีกับหนู มันเลยเป็นเหตุผลทำให้หนูมีคนที่อายุ 40 และเค้าดันมีครอบครัวอยู่แล้ว ถ้าคนปกติเค้ามีปัญหากับแฟนเค้าจะเคลียร์กับแฟน และถ้ามันไม่ลงตัวคือเลิก ไม่ใช่ไปเป็นเมียน้อยบ้านอื่น แต่ทีนี้พอหนูพูดมาล่าสุดว่าหนูต้องการเงินจากคนที่อายุ 40 มันก็ชัดเจนแล้วว่าตอนนี้หนูต้องการอะไร เพราะตอนนี้เหมือนกับว่าถ้าหนูขาดคนที่อายุ 28 หนูขาดได้ เพราะสิ่งที่หนูนะไม่ได้รับคือความรักความห่วงใยในฐานะแฟน ซึ่งจริง ๆ หนูสามารถมีให้ตัวเองได้ หนูไม่ได้เกิดมาแล้วจูงมือเค้าออกมาจากท้องแม่ แต่ตอนนี้หนูต้องการเงินจากคนอายุ 40 หนูก็รู้ว่าสถานะของตัวเองคืออะไร ถ้าหนูจะอยู่บนกติกานี้ หนูก็อย่าพร่ำเพ้อคิดฝันว่าเค้าจะรักหนูจริง ๆ ต้องยอมรับให้ได้ว่าเราคือเครื่องมือที่จะมาตักตวงอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งหนูก็รู้ เพราะฉะนั้นต้องจัดระบบความคิดตัวเองดี ๆ ตอนนี้การที่หนูอยากมีสองคนพร้อมกันพี่ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วการคาดหวังให้คนอายุ 28 มารักเค้าจะรักได้ยังไงเพราะหนูมีคนอื่น ถ้าหนูอยากได้ความรักดี ๆ หนูต้องทำตัวดี ๆ เพื่อให้คนที่เค้าเห็นคุณค่ามารัก แต่ถ้าหนูทำตัวแบบนี้พี่ว่าหนูไม่สามารถเจอความรักที่ดีได้ พี่ไม่ได้แช่งแต่อยากบอกให้เข้าใจว่าสิ่งที่หนูทำตอนนี้มันทำให้หนูไม่สมควรที่จะได้รับความรักที่ดีจากใครเลย ถ้าวันหนึ่งคนที่อายุ 28 รู้เค้าไปนากหนูแน่นอน คนที่อายุ 40 ถ้าวันหนึ่งเค้าเบื่อ วันหนึ่งเมียเค้าจับได้ เมียเค้าเอาเรื่อง หนูคิดแล้วกันว่าชีวิตหนูจะเป็นยังไง อย่าเห็นแค่ว่าวันนี้มันผ่านไปได้สบาย ๆ แล้วไม่นึกถึงอนาคตตัวเองเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้า คุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้ และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้

05 เม.ย. 2024

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้า คุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้ และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้าคุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้ ขอผ่อนเดือนละพันครูบอก OK แต่สิ้นเดือนมาเงียบกริบ ทำไงดีคะ? “คุณนุ๊ก(นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [3 เมษายน 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับคุณครูที่โรงเรียนของลูกมาขอยืมเงิน ด้วยความเป็นห่วงลูกเลยให้ยืมไป... โดย “คุณนุ๊ก(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 66 ลูกชายได้เข้าเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เปิดเทอมไปได้ประมาณ 2 สัปดาห์ คุณครูประจำชั้นก็ทักมาบอกว่า “ลูกชายงอแง ร้องไห้ อยากกลับบ้าน” เป็นแบบนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ นุ๊กก็ได้มีการปรึกษากับคุณครู คุยกันปกติว่าลูกเป็นยังไง ยังร้องไห้อยู่ไหม นุ๊กก็คุยกับคุณครูไปเรื่อย ๆ จนคุณครูจับทางเราได้ว่า เราเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนไหวและใจอ่อน ถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับลูกก็จะยอมทุกอย่าง อยู่มาวันหนึ่งคุณครูก็ทักมาว่า “คุณครูขอรบกวนหน่อยได้ไหม ครูขอยืมเงินสัก 5,00 บาท พอดีครูต้องกลับต่างจังหวัดไปทำธุระ เดี๋ยวสิ้นเดือนคืนให้” ก่อนที่จะให้ยืม นุ๊กก็มีการไปถามกับแม่ว่าจะให้คุณครูยืมดีไหม เพราะนุ๊กก็ไม่รู้ว่าคุณครูเป็นคนยังไง แม่ก็บอกว่า “คุณครูคงเดือดร้อนจริง ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่แบกหน้ามายืมผู้ปกครองหรอก จะมีคุณครูที่ไหนมายืมผู้ปกครองเด็ก” คุณครูก็บอกให้เก็บดอกได้ แต่นุ๊กก็บอกว่าไม่เอา ขอแค่คืนตรงเวลาก็พอ แล้วนุ๊กก็โอนเงินให้ พอถึงสิ้นเดือน คุณครูก็เงียบ แต่ด้วยความที่คุณครูเป็นครูประจำชั้นของลูกชาย นุ๊กก็เกรงใจคุณครูด้วย ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงก็เลยปล่อยผ่าน นุ๊กก็คิดแค่ว่าถ้าคุณครูเขามี เขาคงคืนเอง แต่ทุกครั้งที่นุ๊กไปรับลูก ก็เจอคุณครูทุกวัน เขาก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นผ่านมา 1 เดือน คุณครูก็ทักมาอีกว่า “น้องชายจะโดนยึดรถ คุณแม่ช่วยหน่อยได้ไหม 10,000 บาท” นุ๊กก็บอกว่าเงินเยอะขนาดนี้ไม่มีให้ เพราะนุ๊กรู้ว่าถ้าให้ไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้คืนไหม นุ๊กก็ปฏิเสธแต่คุณครูก็ไม่หยุดทักมา ทักมาทั้งวันบอกว่า คุณครูเครียด ทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเขาต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ ซึ่งนุ๊กก็ไม่อยากมานั่งฟังปัญหาของใคร ในแต่ละวันเลี้ยงลูกกับทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว นุ๊กก็ได้แต่บอกว่า “ไม่รู้จะช่วยยังไง ไม่รู้จะหาที่ไหน” ซึ่งนุ๊กก็หงุดหงิดตัวเองด้วยที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ แต่คุณครูก็ยังไม่เลิกทักมา เหมือนกับว่าถ้านุ๊กไม่มีให้ เขาก็จะไม่เลิกทักมา ด้วยความที่เป็นครูประจำชั้นจะบล็อกก็ไม่ได้ เพราะจะต้องส่งความเคลื่อนไหวลูกชายให้เราตลอด นุ๊กก็อยากลองคุยกับคุณแม่ของเด็กร่วมห้องของลูกชาย แต่ก็ได้ไปปรึกษากับแม่ แม่ก็บอกว่าให้นุ๊กคิดดี ๆ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปคุยกับคุณแม่ของเด็กคนอื่นจะเป็นยังไง เพราะลูกชายยังอยู่ในความดูแลของคุณครูคนนี้ มันเลยทำให้นุ๊กกลัว กลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง แต่สุดท้ายเราก็โอนเงินให้คุณครูไปเหมือนเดิม นุ๊กก็ยอมรับว่าเป็นการซื้อความสบายใจของเรา เพราะนุ๊กก็ไม่ได้อยากมานั่งเครียดกับปัญหาชีวิตใคร แต่นุ๊กก็ได้มีการยื่นข้อเสนอไปว่า คุณครูต้องผ่อนคืนเดือนละ 1,000 บาท เพราะเงินก้อนนี้กดออกมาจากบัตรเครดิต คุณครูก็รับปาก แต่จนถึงทุกวันนี้นุ๊กก็ยังต้องมารับผิดชอบจ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ พอนุ๊กโอนเงินให้คุณครูไปแล้ว คุณครูก็จะมีการไลน์มาบอกพฤติกรรมของลูกชายเป็นการส่วนตัว แต่นุ๊กก็ไม่ต้องการให้คุณครูมาดูแลลูกเราเป็นพิเศษ อยากให้ดูแลเหมือนกับเด็กทุกคน ขอแค่ไม่ละเลยหน้าที่ความเป็นครูจากลูกเราก็พอ ระหว่างนั้นคุณครูก็ไลน์มาขอยืมเงินอยู่เรื่อย ๆ ทีละเล็กละน้อย นุ๊กก็โอนให้ แต่ก็มีที่นุ๊กลองเอาบัญชีที่เป็นชื่อของคนอื่นโอนไป และบอกกับคุณครูว่า “แม่ไม่มีแล้ว แม่หามาให้ครูได้เท่านี้ คุณครูก็ต้องคืน” เพราะยืมมาจากคนอื่น คุณครูก็คืนเงินในส่วนนี้ แต่ก็ยังไม่คืนยอดเก่าที่ยืมไป จนตอนนี้ยอดเงินที่คุณครูยืมไปทั้งหมด 30,000 บาท นุ๊กอยากจะมาระบายและอยากได้คำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มีแค่นุ๊กกับแม่ที่รู้อยู่สองคน แต่นุ๊กพูดกับแม่มากไม่ได้เพราะว่านุ๊กรู้ว่าตัวเองเป็นคนให้เขายืมเอง จะบอกใครก็ไม่ได้ ถ้าบอกสามีเขาคงอาละวาด นุ๊กก็กลัวลูกชายมีปัญหา อยากให้ลูกเรียนอย่างมีความสุข อยากขอคำปรึกษากับพี่ ๆ ดีเจว่า จะคุยกับคุณครูยังไง จะมีวิธียังไงบ้าง? เพราะนุ๊กยังมีความเกรงใจคุณครู เรื่องที่เขาเป็นครูคนแรกที่ทำให้ลูกชายนุ๊กเขียน ก.ไก่ และอ่านออกได้ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต่อให้คุณครูเป็นคนจับมือลูกคุณนุ๊กเขียน ก.ไก่ ได้ ก็เป็นคนละเรื่องกับการยืมเงินผู้ปกครอง ต้องบอกสามีให้ลุยแทน ถ้าเราต่อสู้ไม่ไหวก็ให้สามีไปคุย ถ้าคุยกับคุณครูไม่รู้เรื่องก็บอกว่า “ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ไปถึงคุณครูคนอื่น หรือถึงผู้บริหารโรงเรียนก็เคลียร์หนี้มา แล้วมันก็จะจบอยู่แค่นั้น” เท่าที่คุณนุ๊กบอกว่าถ้าสามีรู้ บ้านแตกแน่นอน สามีคงมีพลังพอที่จะต่อสู้ได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณครูโรงเรียนอนุบาลทุกคนประเทศนี้ ในโลกนี้ ทำให้นักเรียนเขียนหนังสือและอ่านอออกได้ มันเป็นหน้าที่ที่คนเป็นคุณครูต้องทำให้นักเรียน เขาถูกจ้างมา เขาไม่ได้ทำฟรีเพื่อคุณธรรมค้ำจุนโลก คุณนุ๊กแคปหลักฐานการยืมเงินไว้แล้วให้ผอ.ดู ให้ผอ.ช่วย คุณนุ๊กยังต้องจ่ายค่าหนี้บัตรเครดิตเองก็ยื่นหลักฐานให้ผอ.ช่วยเคลียร์ เพราะคุณนุ๊กได้มีการคุยกับคุณครูแล้ว แต่ไม่มีท่าทีว่าจะคืน หรือถ้าผอ.ไม่ช่วย คุณนุ๊กก็บอกสามีและบอกกับผอ.ไปว่าถ้าเรื่องนี้ถึงสามีก็คงมาในอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง คุณนุ๊กต้องไม่ยอมเพราะคุณนุ๊กต้องจ่ายดอกเบี้ยของบัตรเครดิต ซึ่งมันเยอะมาก แล้วทำไมเราต้องมาจ่ายให้เขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่คุณครูเป็นคนยืม แต่ตอนนี้เป็นห่วงทัศนคติของคุณนุ๊กมาก ๆ อยากให้คิดดี ๆ ว่าการช่วยคนอื่น เกรงใจคนอื่น จนตัวเองถูกทำร้ายเอง มันสมควรแล้วจริง ๆ หรอ ที่เราต้องเจอแบบนี้เพียงเพราะเราเป็นใจอ่อน ในสิ่งที่เราไม่ได้ทำผิด เรื่องบางเรื่องเราต้องปรึกษาคนรอบด้าน เรื่องบางเรื่องมันอาจจะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แล้วก็ได้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไลน์บอกคุณครูว่าสามีรู้เรื่องแล้ว คุณครูอาจต้องผ่อนจ่ายหรือคุณครูอาจจะต้องหาเงินก้อนมาคืน เพราะถ้าไม่ได้คืน สามีจะเอาเรื่องนี้ไปบอกผอ.ให้จัดการ ต้องเอาเรื่องให้ได้ และที่สำคัญคุณนุ๊กอย่าทำแบบนี้อีก ตรรกะผิดที่มองว่า คนไม่ดีแต่เราฝากลูกไว้กลับคนแบบนี้ ครูคนนี้ไม่ใช่ครูที่ดี ครูไม่ใช่แค่สอนเด็กในตำรา ครูต้องสอนการใช้ชีวิตเด็ก ฉะนั้นครูต้องมี Mindset ที่ดีก่อน ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับพี่ พี่ก็จะให้ลูกย้ายห้อง และจะบอกกับผอ.ว่าครูคนนี้มีพฤติกรรมแบบนี้ ยืมเงินผู้ปกครอง พี่จะไม่มีทางฝากลูกไว้กับครูแบบนี้แน่นอน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1