ผมคบกับแฟนได้ 18 วัน แพลนจะไปเคาท์ดาวน์ที่ร้านแฟน แต่แฟนบอกหุ้นส่วนที่ร้านเป็นแฟนเก่า พอแฟนเก่ารู้ว่าผมจะไป เค้าไม่ยอม ฝากแฟนมาบอกว่าถ้าผมไปจะทำให้ร้านสะดุด เขาไม่โอเค ผมก็ให้แฟนไปคุยอีกรอบ เค้าก็บอกว่ามาได้ แต่แฟนผมห้ามมาโต๊ะผม ผมงงเลยว่าจะทำยังไงต่อ?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมคบกับแฟนได้ 18 วัน แพลนจะไปเคาท์ดาวน์ที่ร้านแฟน แต่แฟนบอกหุ้นส่วนที่ร้านเป็นแฟนเก่า พอแฟนเก่ารู้ว่าผมจะไป เค้าไม่ยอม ฝากแฟนมาบอกว่าถ้าผมไปจะทำให้ร้านสะดุด เขาไม่โอเค ผมก็ให้แฟนไปคุยอีกรอบ เค้าก็บอกว่ามาได้ แต่แฟนผมห้ามมาโต๊ะผม ผมงงเลยว่าจะทำยังไงต่อ?

20 ธ.ค. 2024

            “คุณแม็ก (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [18 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์

            โดย “คุณแม็ก (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องความลำบากใจระหว่างผมกับแฟน เราสองคนพึ่งเริ่มคบกันได้ 18 วัน แต่ก่อนหน้านี้คุยกันมาประมาณ 3 เดือน เราไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ เพราะเราอยู่คนละจังหวัดกัน แฟนผมมีธุรกิจที่บ้านอยู่แล้วแต่ช่วงปลายปี เขามักจะรวมหุ้นกับเพื่อนเปิดลานเบียร์ ซึ่งในช่วงที่เราตกลงคบกันเขา เขาบอกกับผมว่า หนึ่งในหุ้นส่วนของเขาคือแฟนเก่าของเขาด้วย แต่เขาก็บอกผมว่าเลิกกันไปนานแล้ว ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เป็นแค่พี่น้องหุ้นส่วนกัน ผมก็โอเคเพราะเขายืนยันว่าไม่น่าจะมีทางกลับไปได้ ถ้ากลับไปก็คงไม่เลิกกันตั้งแต่แรก เขาให้เหตุผลกับผมว่าปีนึงก็คุยกันแค่ช่วงที่มาทำร้านด้วยกัน ไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีกนอกจากตอนที่ทำร้าน ซึ่งช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นวันหยุด เราได้ไปที่ร้านเพื่อไปหาแฟน แล้วตอนไปเราได้บังเอิญเจอกับแฟนเก่าเขา แต่เราไม่ได้แสดงตัวว่าเราคือคนใหม่ ด้วยความที่แฟนเรามันก็คงทำให้รู้ว่าคนนี้คือคนใหม่ เพราะว่าแฟนจะเดินเวียนมาโต๊ะเราบ่อย ๆ โต๊ะที่ผมนั่งก็จะมีเพื่อนผมด้วย เหตุการณ์วันนั้นก็ไม่มีอะไรปกติทุกอย่างแต่ก็จะมีหุ้นส่วนเขาเดินมาดูโต๊ะเราบ่อย เดินผ่านโต๊ะเราบ่อย จากที่เราสังเกตเห็น

            หลังจากวันนั้นเราก็กลับบ้านมาทำงานปกติ เราก็ได้คุยกันกับแฟนว่าวันเคาท์ดาวน์จะไปเคาท์ดาวน์กันที่ร้านเขา ตั้งแต่ก่อนที่ผมจะได้ไปเจอกับแฟนเก่าเขา เพราะเขาก็ไม่น่าจะไปไหนได้ต้องอยู่ดูแลร้าน พอจากวันนั้นเขามาบอกผมว่า พี่เขากลับมาเหมือนจะมาง้อเขา มาชวนไปกินข้าว ชวนไปห้อง เราก็เลยถามเขาว่าแล้วยังไง เขาก็บอกว่ารู้สึกอึดอัดทำไมต้องมาทำแบบนี้ พอรู้ว่าผมเป็นใคร แล้วทำไมต้องมาทำแบบนี้อีก ผมก็เลยบอกเขาไปว่า ถ้าคุณไม่โอเค คุณก็บอกเขาไปตรง ๆ เราเป็นใคร ยังไงเราก็ไม่โอเคที่เป็นแบบนี้ เขาก็บอกกับเราว่า อยากบอก แต่หุ้นส่วนแฟนเก่าเขาเป็นคนที่แยกแยะไม่ได้ระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว คือถ้าบอกหุ้นส่วนก็จะงอแง วุ่นวายไม่ทำงาน ด้วยความที่เขารู้จักกันมาก่อนเขาก็รู้นิสัยกัน แล้วผมก็บอกแล้วจะให้ทำยังไง ถ้าไม่บอกมันก็จะเป็นคาราคาซังแบบนี้ เขาก็บอกว่า ทนหน่อยได้ไหม เดี๋ยวขอเวลาแป๊บนึง เดือนหน้าก็หมดร้านแล้ว เขาบอกผมว่าจะบอกตอนที่มันใกล้ ๆ จะเสร็จเรื่องร้าน ผมพยายามให้เขาไม่ทำแบบนี้ ผมก็ถามเขาว่าทนไหวเหรอ เขาบอกได้ทนไหว เราก็โอเคปล่อยเขาไปช่วงนึง

            จนผ่านไปประมาณ 3 วัน เป็นวันที่เขานัดจะมาหาเรา เพราะอีกวันร้านจะหยุด ช่วงประมาณ 1 ทุ่มเขาทักมาบอกว่า วันนี้น่าจะไปหาดึกหน่อย เพราะหุ้นส่วนบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย เราก็เลยบอกว่า เรื่องกูแน่ ๆ แหละ ดูแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องอื่น เราก็เลยปล่อยเขาคุยกันไป เราก็ไม่ได้ถามอะไรเขา จนเขาทักมาบอกว่าคุยเสร็จแล้ว กำลังจะไปหาที่บ้าน พอเขามาถึงบ้าน อาบน้ำทำอะไรเสร็จ เราก็เลยถามเขาว่าสรุปที่คุยกันว่ายังไง เขาก็บอกเราว่าที่เรานัดกันจะไปเคาท์ดาวน์ที่ร้านเขายกเลิกก่อนได้ไหม เพราะเขาไม่อยากให้เสียงาน หุ้นส่วนบอกว่า ถ้าเธอมา พี่เขาจะทำใจไม่ได้ แต่ผมก็ยืนยันที่จะไป เขาก็เลยบอกว่า งั้นเดี๋ยวจะไปคุยใหม่ พอเสร็จหลังจากนั้นเขาก็กลับไปทำงานปกติ 2 - 3 วัน เขาก็มาบอกผมว่า ไปคุยมาแล้ว พี่เขาบอกว่าจะมาก็มา แต่แฟนผมอะอย่ามานั่งที่โต๊ะผมบ่อยนะ ต้องทำงาน ผมเลยสงสัยถามเขาไปว่า หุ้นส่วนต้องทำอะไรบ้างถ้าเธอไม่ทำเดี๋ยวกูไปช่วยทำเองก็ได้ ผมก็เลยอยากจะมาปรึกษาพี่ ๆ ว่าเราควรไปไหมมันจะทำให้แฟนเราอึดอัดมาไปไหม?’

            ซึ่งเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ไม่แนะนำให้เปลี่ยนร้านนะ แต่พี่แนะนำให้เปลี่ยนแฟน ไม่มีคำว่าไปหรือไม่ไปคือการที่จะเดินมาบอกว่า เฮ้ยเธอต้องไปร้านนี้ได้ป่ะ เพราะแฟนเก่าไม่โอเค ถามหน่อยไอ่นั้นเป็นใครแล้วกูเป็นใครก่อนตอนนี้ ชั่งน้ำหนักก่อนใช่กูมา 18 วันกูเดินออกได้นะ ตอนนี้แม็กต้องไปสืบข้อมูล แม็กได้ข้อมูลไม่ครบแล้วล่ะกับเรื่องแฟนเก่าคนเนี้ย การที่แฟนเก่าเลิกมา 2 ปีแล้วนาน ๆ เราเจออกันทีเราจะมาเจอกันแค่ทำร้าน ขอโทษนะแค่ทำร้านปีนึงแปลว่ามันไม่ได้มีการติดต่ออะไรกันมาแล้ว อยู่ ๆ อีนี่จะมาหวงก้างขึ้นมาไม่ใช่ตลอดระยะเวลา 2 ปี ถ้าเลิกกัน 2 ปีจริง ๆ นะยังติดต่อกันอยู่แล้วเป็นแนวทางที่ไม่ใช่เพื่อรตัดขาด แฟนเก่ายังมีความหวังมาโดนตลอดแต่แม็กตอนนี้เลือกแคร์ผิดคน ทีนี้คือโทษเขาไม่ได้นะแม็กเธอมาแค่ 18 วัน สิ่งที่พี่อยากให้แม็กรู้คือน้ำหนักความสำคัญของตัวแม็กตอนนี้ แล้วคือการไปไปได้นะแต่ไม่ได้เต็มใจให้ไปคือการจัดการของคนกลางไม่ดีซึ่งพี่ไม่รู้ว่า คนกลางจัดการไม่ดีหรือคนกลางมันแคร์ตรงนั้นอยู่มันไม่ใช่เรื่องของการทำงาน แฟนเก่ามันเป็นแฟนเก่าจริงหรือเปล่าตอนนี้มันเหมือนมันไม่ใช่แฟนเก่าเท่าที่ฟัง ถ้ายังจะเอาคนนี้แม็กต้องยื่นคำขาดต้องวีนไปเลยว่า ทำไมถึงไม่ให้เราไปทำไมถึงไม่ให้ความสำคัญกับเราแล้วมันต้องเด็ดขาดกับแฟนเก่าไม่ใช่แบบ ไปก็ได้เดี๋ยวถามแฟนเก่าก่อนนะว่าให้เธอมาหรือเปล่า สถานะกูเป็นใคร ต้องตัดสินใตตั้งแต่ตอนนั้นต้องเคลียร์กับแฟนเก่าไม่ให้เรื่องแบบนี้มาถึงเรานะ ต้อง Protect ความรู้สึกเรา เราคือคนปัจจุบันเธอเอาไง ลองถามอึดอัดป่ะกับการที่มีเราอยู่เพราะถ้าเธอรู้สึกว่าอยากให้เราอยู่ตรงเนี้ยเธอทำอะไรให้เรารู้สึกอุ่นใจหน่อยได้ไหม เธอทำอะไรให้เรารู้สึกว่าที่ตรงเนี้ยคุ้มค่ากับการที่เราจะอยู่ตอนนี้เราไม่มั่นใจเลย คนกลางต้องหนักแน่นและเด็ดเดี่ยวมากกว่านี้’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่า 18 วันนี้มีแต่สถานการณ์ประหลาดมาหมดเลย พี่ว่ามันอาจจะไม่ได้เลิกกันแบบตัดขาดเพราะถ้าตัดขาดไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะอยู่ ๆ จะมาหึงเหรอไม่มีสิทธิ์ มันแปลก ๆ หมดเลยแต่พี่เชียร์ให้แม็กไปเพราะ ถ้าแม็กไปวันปีใหม่เนี้ยแม็กก็จะได้รู้แหละว่าตัวเองสำคัญขนาดไหนกับเขา มันอาจจะเคลียร์เลยก็ได้ว่าจริง ๆ แล้วมึงยังลืมเขาคนนั้นหรอก มึงอย่าเอากูมาแบบขัดตาทับขั้นเวลาเลย มึงไปอยู่กับเราเถอะ มันไม่ใช่แค่ข้ออ้างว่าเราต้องทำธุรกิจร่วมกันแล้วแต่อันนี้คือมันแคร์เขาค่ะ เชียร์ให้ไปจะได้รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง อาจจะได้คำตอบคืนนั้นแหละจะได้กลับมาตั้งหน้าตั้งตาเป็น doctor’

            สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาเสริมอีกว่า ‘พี่ติดอยู่ขั้นตอนเดียวที่มาบอกเราว่า อีกฝ่ายมาขอคืนดีซึ่งเราทำอะไรไม่ได้เพราะถ้าทำไปแล้วเจาอาจจะงอแงแล้วไม่หุ้นด้วย อันนี้แปลกมากคือมันผิดอะ ถ้าเป็นพี่ก็จะรู้สึกว่าอ้าวอย่างงี้มึงให้ความสำคัญกับใครมากกว่าวะ ถ้าสมมุติแฟนเก่าซึ่งจริงตามที่อ้างเลิกกันมา 2 ปีแล้ว เป็นคนงี่เง่า แล้วจะมาขอคืนดีอะ คนที่แฟนแม็กควรจะห่วงความรู้สึกมากที่สุดคือเรา ที่พึ่งคบกันได้ 18 วัน เขาควรจะปกป้องเรากลับกลายเป็นว่าเขาเลือกที่จะปกป้องความรู้สึกของฝั่งนั้น เป็นพี่พี่น้อยใจตรงนี้ จริง ๆ ถ้าจะเลือกคนที่ไม่มีเหตุผลและงี่เง่าในวงจรนี้ควรจะเป็นแฟนเก่าแล้วควรจะจัดการกับอีนั่น ไม่ใช่มากันเราออก การลำดับความสำคัญหรือแบบความงี่เงาของเขามันเบอร์ไหนวะ ถ้าถามว่าไปหรือไม่ไป คือไปแล้วจะรู้เลยแน่นอนว่าสถานการณ์เป็นยังไงอันนี้จริง แต่ถ้าเป็นชีวิตจริงผมก็อาจจะไม่ไปก็ได้นะ หมายถึงว่าฉันก็มีเชิงของฉัน ศักดิ์ศรีของฉันเหมือนกันไม่อยากให้ไปก็ไม่ไปก็ได้แล้วก้ไม่ต้องโทรตามแล้วกันก็อย่ามารู้แล้วกันว่าเคาท์ดาวน์ไปไหน’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

21 มิ.ย. 2024

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขาผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย”แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อนกลับไปหาคนเก่าเขาบอก “เราพูดเองนะว่าไม่ต้องรอ ตอนนี้มีคนใหม่แล้ว” “คุณบิว (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มิ.ย.67] ได้โทรเข้ามาขอคำปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา Position เรื่องเซ็กส์ที่ไม่ตรงกับแฟนเก่า โดย “คุณบิว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ผมตัดสินใจบอกเลิกแฟนเก่าไป ซึ่งเหตุผลที่ผมบอกเลิกเค้า มันเป็นเหตุผลที่ไม่น่าเอามาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิก ผมกับแฟนเราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ และ Position ของเราคือเราเป็นรุกด้วยกันทั้งคู่ เวลาที่เค้าขอมีอะไรด้วยผมก็จะรู้สึกอึดอัดและไม่อยากมีอะไรด้วย ผมก็เลยคิดว่าถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปเราจะไปด้วยกันได้มั้ย ผมก็เลยตัดสินใจบอกเลิกเค้าไปทั้ง ๆ ที่เค้ายังรักผมมาก ตัวเค้าเองก็งงว่าเพราะอะไร แล้วเค้าก็ยื้อผมและว่าจะไม่ทำแล้วก็ได้ แต่ ณ ตอนนั้นผมเองก็มั่นใจว่าจะเลิก ผมก็เลยบอกเลิกเค้าไป จนผ่านมา 1 เดือน ผมก็ไปคุยกับคนใหม่ที่ Position ตรงข้ามกัน ซึ่งในส่วนนี้ผมก็โอเคแล้ว แต่ในเรื่องของความรัก การเอาใจใส่ การดูแล ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ และไม่เหมือนกับคนเก่า ผมก็รู้สึกว่าไม่ใช่ และบอกเลิกกับคนใหม่ เลยทำใจอยู่พักหนึ่งและทักไปหาคนเก่าเพื่อบอกขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น และขอโอกาสในการกลับไปคบกันได้มั้ย แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือเค้ามีคนคุยใหม่ไปแล้ว เพราะตอนนั้นผมบอกเค้าว่าไม่ต้องรอ ยังไงผมก็ไม่กลับ ซึ่งตอนที่เค้าบอกว่ามีคนใหม่ไปแล้วผมรู้สึกจุกมาก ทำอะไรไม่ถูก นึกสงสารเค้าตอนที่เราไปทำกับเค้า คือการไปมีคนใหม่ ตอนที่เค้ารู้ เค้าต้องเสียใจมากกว่าเราอีกกี่เท่า เค้าต้องนั่งร้องไห้คนเดียว พอเรามาเจอเองเลยรู้สึกอยากกลับไปรักเค้าอีกสักครั้ง ผมยอมที่จะเปลี่ยนตัวเองในเรื่องของ Position เพราะผมพึ่งมาตระหนักได้ว่าสิ่งที่เค้าทำมันมีค่ามากแค่ไหน ณ ตอนนั้นผมเอาเรื่อง Position มาตัดสินความรักที่เค้ามีให้ผม ซึ่งมันไม่ควรเลย และตอนที่เค้ามีคนใหม่ไปแล้วเค้าบอกกับผมว่า “ถ้าวันไหนที่เราและเค้าโสด เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” ผมเลยบอกเค้าว่าจะรอ แต่ผมก็คิดในใจว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่น่าให้อภัยเลย ผมอยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมควรจะรอเค้าหรือหายไปจากเค้าดี...?’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อกหักครั้งแรกมันจะเจ็บมากอยู่แล้ว ตอนนี้บิวแค่ต้องยอมรับความจริง พี่มองว่าบางอย่างมันเกิดขึ้นก็เพื่อให้เรารู้ตัว หรือทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง และบางครั้งการที่คนเราจะเรียนรู้อะไรบางอย่างมันจะต้องเสียไปก่อน บางครั้งเราต้องเก็บมันเป็นประสบการณ์ และยอมรับความจริง บางอย่างไปแล้วไปเลย ไม่ใช่ว่าเราจะฟูมฟาย โวยวาย เพื่อเรียกร้องโอกาสกลับมา และถ้าเรารักเค้าจริง สิ่งที่เราควรจะคิดคืออย่างที่พี่เติ้ลบอกว่าชีวิตของเค้าไม่ได้ต้องการการรักษาอะไร เค้าอาจจะได้ไปพบกับความรักที่ดีและเหมาะสมกับเค้า แล้วที่เค้าบอกว่า “ถ้าวันใดวันหนึ่งเราโสดทั้งคู่ เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” พี่ไม่อยากดับฝันนะบิว ประโยคนี้คือประโยคพื้นฐานในการบอกเลิกสำหรับวัยรุ่น แล้วอยากให้การเลิกกันครั้งนี้มันไม่ทำร้ายจิตใจกันมาก สิ่งที่บิวต้องทำตอนนี้คือยอมรับความจริง ว่าตัวเราเคยเสียคนรักไปคนหนึ่งไปด้วยเรื่องนี้นะ เอาไว้เป็นประสบการณ์ และถ้าจะรอ รอได้ครับ แต่ต้องรอเงียบ ๆ รอแบบที่ไม่ได้ไปวุ่นวายกับเค้า ซึ่งบิวจะทำได้จริงรึป่าว มันทรมาน เพราะงั้นถ้าบิวเอาเรื่องนี้เป็นประสบการณ์แล้วไปหาคนรักที่เหมาะสมกับบิวจริง ๆ ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้จะไม่เจอใครอีก เพราะบิวพึ่ง 19 และนี้มันคือการอกหักครั้งแรก ซึ่งครั้งแรกมันเจ็บเสมอ’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยความที่ประสบการณ์บิวน้อยมากในการมีแฟน คนแรกก็คือคนที่คบกัน 9 เดือน ซึ่ง 9 เดือนยังไม่รู้จักกันดีพอเลย โดยเฉลี่ย 2 ปีที่จะเริ่มเป็นตัวของตัวเอง ความหลงความวาบหวิวมันจะค่อย ๆ ละเลือนหายไป ง่าย ๆ เลยนะคะ มันเหมือนแก้วที่มีฝุ่นอยู่แล้วยังไม่ตกตระกอน และบิวกำลังเปรียบเทียบระหว่างคนเก่ากับคนใหม่แค่ 2 คนเอง คือถ้าพี่มองพี่ก็ไม่รู้ว่ารุก-รับ มันสามารถเปลี่ยนกันได้ไหม และประเด็นคือบิวยังไม่เคยลองมาก่อนบิวจะไม่รู้ว่ามันโอเครึป่าว พี่มองว่าปัญหาเรื่องเซ็กส์เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน คนเก่ากลับมาก็ยังเป็นปัญหาเหมือนเดิม แล้วจะแก้ไขได้รอดไหมก็ยังไม่รู้ ฉะนั้นถ้าเป็นรุกเหมือนกัน พี่ก็จะตอบเลยว่าคนนี้ยังไม่ใช่ แล้วคนที่เลิกกันไปก็ยังไม่ใช่ คือวันนี้ที่คบกันไป 2 คน คือยังไม่ใช่ทั้ง 2 คนเลย บิวแค่เปรียบเทียบว่าคนไหนดีกว่ากัน แต่ถ้าบิวใช้ชีวิตตามหาคนที่ใช่จริง ๆ มันจะไม่มีข้อเสียที่เป็นข้อใหญ่ขนาดนี้ เรื่องเซ็กส์สำหรับเด็ก 19 ไม่เราก็เค้าเดี๋ยวจะต้องมีปัญหาแน่นอน แต่ถ้าอยากจะรอเพราะรู้สึกว่าคนนี้ใช่แล้ว ก็รอได้ไม่เสียหาย เพราะคนที่เจ็บไม่ใช่ใคร มันคือบิว และการรอก็ต้องเผื่อใจว่าถ้ากลับมาแล้วก็อาจจะเลิกกันอีกก็ได้ ถ้าเลิกกันอีกครั้งบิวก็ต้องแข็งแรงขึ้นกว่าครั้งแรก เพราะครั้งนี้บิวดูเจ็บหนักมากด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยอยู่ เหมือนกับโดนมีดบาดครั้งแรกที่มันโคตรจะเจ็บเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าให้พี่แนะนำว่าเราควรจะหายไปจากชีวิตเค้าเลยไหม คือ ณ วันนี้เราไปยุ่งกับเค้าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเค้ามีแฟนแล้ว เราต้องให้เกียรติคนที่เค้าคุยด้วย และการที่เราเข้าไปวุ่นวายกับแฟนเก่ามาก ๆ เราไม่รู้ว่าเค้ารู้สึกยังไง ให้หาใครสักคนคุยไปด้วยหรือตามหาคนที่ใช่ อย่าเสียเวลา และจะได้เรียนรู้ด้วยว่าคนที่ใช่เป็นแบบไหน เข้ากับเราได้ไหม หาไปเรื่อย ๆ มันคือเรื่องของชั่วโมงบิน’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แยกเป็น 2 อย่างนะบิว อย่างแรกเรื่องที่น้องบิวอกหักตอน อายุ 19 พี่เติ้ลว่านี่คือเรื่องปกติ เพราะถ้าอย่างพวกพี่ย้อนกลับไปตอนอายุ 19 พวกพี่ก็ทำอะไรผิดพลาดมาเยอะ พี่ว่าดีที่สุดคือการเอามันมาเป็นบทเรียน ว่าเราเคยเลิกรากับคนหนึ่งไป ในกรณีคนแรกเราอาจจะยังพยายามไม่พอ หรือถ้าเราลองพยายามเปิดใจมากกว่านั้น เราลองดูแล้วมันไม่ใช่แล้วเราเลิกกันก็อาจจะสบายใจกว่า ณ ตอนนี้ ทั้งหมดทั้งมวลพี่ว่าต้องเอามาเป็นบทเรียน ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าพี่ย้อนกลับไปก็อยากไปตบกระบาลตัวเองเหมือนกัน แต่เรื่องบางเรื่องมันผ่านมาแล้ว เราก็แค่ต้องไปต่อ และพี่ไม่อยากให้บิวคิดว่าผู้ชายคนแรกนั้นดีสุด ๆ จนคิดว่าตัวเองไม่สามารถหาได้ดีกว่านี้อีกแล้ว มันไม่จริงหรอกบิว หนูพึ่งผ่านมาแค่ 2 คน พี่เชื่อว่าบิวทนอีกหน่อยรอให้เวลามันผ่านพ้นไป เดี๋ยวมันจะมีคนที่ทั้งดูแลบิวและเค้าก็จะมีรสนิยมเป็นรับที่ดูโอเคมาก ๆ ก็ได้ อันที่สองเรื่องรสนิยมทางเพศ การที่บิวบอกว่าถ้าเค้ากลับมาผมพร้อมที่จะเปลี่ยนทุกอย่าง พี่อยากจะบอกว่าบิวใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเกินไป เพราะ มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าบิวรองเป็นโพซิชั่นรับ แล้วบิวโอเคกับมัน และไปต่อได้อย่างเพอร์เฟค แต่พี่เห็นหลายคู่มากที่มีการพยายามแบบนี้ แต่สุดท้ายมันไม่สามารถไปได้จริง ๆ เพราะถ้าเค้าไม่แฮปปี้แบบสุด ๆ ที่จะทำ สุดท้ายเค้าก็อยากนะกลับไปเป็นแบบเดิมที่เค้าเป็น ซึ่งพี่ว่าเรื่องแบบนี้ในวัยเท่านี้มันค่อนข้างเป็นปัจจัยหนึ่งที่เค้าจะเลือกคู่ของกันและกัน หรือบางคนที่เค้าไม่ต้องการเซ็กส์มันก็จะไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าถ้าเป็นคนที่ยังมีความต้องการทางเพศอยู่ แล้วต้องการให้อีกฝ่ายสนองความต้องการของตัวเอง พี่ว่าเรื่องนี้มันสำคัญ ถ้าเราต้องหักความต้องการของตัวเองขนาดนั้นแล้วเราไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้น พี่ว่ามันจะไม่รอดในระยะยาว ตอนนี้บิวแค่เอาใจไปยึดติดกับคนแรกมาก ๆ จนไม่เหลือพื้นที่ให้กับตัวเองในอนาคตเลย ซึ่งถ้าตอนนี้เค้ามีคนใหม่แล้ว บิวต้องไปมีชีวิตของตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผิดหรอครับที่ผม Move on จากความเศร้าได้ไว... คุณพ่อเพิ่งเสียชีวิต ผมร้องไห้หนักชั่วโมงเดียว แล้วบอกตัวเองเดินหน้าต่อ แต่ญาติไปบอกแม่ว่า "ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อเลย หวังแค่สมบัติพ่อรึเปล่า?"

01 เม.ย. 2024

ผิดหรอครับที่ผม Move on จากความเศร้าได้ไว... คุณพ่อเพิ่งเสียชีวิต ผมร้องไห้หนักชั่วโมงเดียว แล้วบอกตัวเองเดินหน้าต่อ แต่ญาติไปบอกแม่ว่า "ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อเลย หวังแค่สมบัติพ่อรึเปล่า?"

ผิดหรอครับที่ผม Move on จากความเศร้าได้ไว... คุณพ่อเพิ่งเสียชีวิต ผมร้องไห้หนักชั่วโมงเดียวแล้วบอกตัวเองเดินหน้าต่อ แต่ญาติไปบอกแม่ว่า "ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อเลย หวังแค่สมบัติพ่อรึเปล่า?"คุณแม่ก็ฟังคำพวกเขา ตอนนี้ทุกคนในบ้านยังเสียใจร้องไห้ไม่หยุด ผมจะทำยังไงดี “คุณมิน(นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายที่ 4 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [27 มี.ค. 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล และ ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับมูฟออนจากการเสียคุณพ่อเร็วเกินไป จนที่บ้านคิดว่าไม่เสียใจเลยหรอ... โดย “คุณมิน(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมมูฟออนไวจากการเสียคุณพ่อ ผมผิดหรือเปล่า? คือคุณพ่อของผมเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว และผมสนิทกับพ่อมาก พ่อผมเสียชีวิตที่กรุงเทพแต่ผมนั่งรถขนศพคุณพ่อ มาทำพิธีที่บ้านเกิดของพ่อ ที่บ้านก็เตรียมไว้เรียบร้อยและจัดการทุกอย่าง หลังจากเอาศพของพ่อไปไว้ที่วัด ผมก็กลับมาที่บ้าน พอมาที่บ้านก็เห็นบรรยากาศและนึกถึงพ่อว่า... ต่อไปนี้บ้านที่พ่อสร้างจะไม่มีพ่อตลอดไปแล้วนะ ผมก็ร้องไห้ชั่วโมงเดียว แล้วก็จบนั่นคือการร้องไห้ครั้งเดียวตอนที่ผมสูญเสียคุณพ่อ ผมก็ไปช่วยงานศพปกติ แต่อยู่ๆก็มีญาติของแม่บอกว่าไม่คิดจะร้องไห้ให้พ่อหน่อยหรอ? ผมก็บอกว่าผมร้องไปแล้ว ผมทำใจได้แล้ว จะร้องทำไมเยอะแยะ เขาก็พูดกับมาว่า ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อจริงนะ ส่วนแม่ผมก็ร้องไห้เหมือนขาดสติก็มีญาติคนนี้แหละที่คอยปลอบเขา คอยให้กำลังใจ ผมเป็นคนที่ปลอบคนไม่เก่ง เพราะผมเป็นคนที่สนิทกับพ่อและมูฟออนไวไม่ยึดติดอะไรมาก น้าเค้าก็บอกว่าเนี้ยไม่รักพ่อจริงนี่น่า ถ้ารักจริงก็ต้องร้องไห้มากกว่านี้สิ อย่างนี้ก็ดูออกว่าไม่รัก หวังสมบัติ เขาก็ไปบอกแม่ผม ซึ่งแม่ก็สนิทกับเขาอยู่แล้ว แม่ผมก็เชื่อเขา แม่ผมก็มาต่อว่าผมด้วยทำนองเดียวกันว่าทำไมถึงไม่ร้องไห้เลย ระหว่างช่วงงานศพเวลากลางวันผมก็มีการเข้ายิมปั้นหุ่น เพราะนอกจากงานประจำผมรับงานนายแบบด้วย ผมมีถ่ายงานช่วงก่อนสงกรานต์ที่ต้องใช้รูปร่างเลยไปเข้าฟิตเนส เขาเลยบอกว่า เนี่ยช่วงงานศพพ่ออยู่ยังมีอารมณ์ไปเล่นฟิตเนส เข้ายิมอีกหรอ? พอหลังจากจบงานศพจากพระสวดเสร็จ ผมก็กลับมาที่บ้าน และผมเป็นคนที่ชอบเต้นตามเทรน ผมก็เต้นอยู่ในห้องของผมในจังหวะเดียวกัน แม่เปิดประตูมาเจอและบอกว่าทำไมอารมณ์ดีในช่วงงานศพพ่อ แต่ผมก็เต้นในห้องของผมไม่ได้ไปเต้นในวัดผมก็รู้กาลเทศะ แค่บรรยากาศในบ้านก็อึมครึมพอแล้ว เพราะว่าทุกคนก็มานอนกันอยู่ที่บ้านและมีแต่เสียงร้องไห้ แล้วผมเป็นคนเดียวที่มูฟออนอยู่คนเดียวในบ้าน ผมก็ฟังเพลง เต้นของผมอยู่คนเดียวในบ้าน ผมก็โดนด่า แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักพ่อนะ ถ้าพ่อยังอยู่พ่อก็คงโอเคกับการที่ผมทำอย่างนี้ด้วยซ้ำ แต่ในมุมมองของคนอื่นเขาอาจจะไม่โอเค แล้วแม่ก็จะเชื่อคำพูดของญาติ ๆ มาก ตอนนี้ก็เหลือผมที่ Work form home อยู่ที่บ้านกับแม่แค่ 2 คน แม่ก็เอาแต่โทษผมว่าผมไม่รักพ่อ ผมก็พูดกับแม่แบบจริงใจสุด ๆ แล้วว่าที่ผมไม่เศร้าไม่ใช่ว่าผมไม่รักนะ ผมอยากกลับ กทม. มากเลยแต่ผมก็เป็นห่วงแม่ อยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมจะ Work form home ต่อดีไหม? หรือจะหนีความ toxic ไปเลย ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าถามว่าพี่รู้สึกยังไงถ้าสมมุติพี่เป็นญาตินั่งอยู่ตรงนั้น เรื่องร้องไห้ตัดไปเลยเพราะมันไม่เกี่ยวการร้องไห้ไม่ได้แสดงรักหรือไม่รัก การร้องไห้คือการแสดงออกของอารมณ์ ณ ตอนนั้น บวกกับใครที่สามารถควบคุมและกลั้น คนบางคนที่เขาไม่ร้องเขาอาจจะกลั้นมันอยู่มือเค้าอาจจะกำ แทบจะจิกเข้าไปในเนื้อแต่แค่ว่าน้ำตาเขาไม่ได้อยากให้ไหลออกมาด้วยหลากหลายสาเหตุ เพราะฉะนั้นอย่าเอาการที่ว่าร้องไห้เยอะหรือร้องไห้น้อยมาวัดว่ารักหรือไม่รัก ถ้ามีญาติมาคุยกับพี่แบบนี้พี่ด่า อันนี้พี่มองว่ามันไม่เกี่ยว แต่พี่มาสะดุ้งนิดนึงตอนเต้นอันนี้พี่ตกใจพี่พูดตรง ๆ แต่พี่ก็จะแค่ตกใจที่เต้นพี่ก็คงจะไม่ไปผูกกับเรื่องที่ว่าไอ้นี่ไม่รักพ่อถึงเต้น อย่างมากพี่ก็จะคิดแค่ว่า อ๋อ มันทำใจได้เร็ว เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเวลานี้แล้วเอายังไงต่อ ก็ถ้าที่บ้านเขาอยู่กันได้แล้วเราก็สามารถ Work form home ได้ก็อยู่ดูอีกสักหน่อย ให้เขาค่อย ๆ ทำใจกันได้ เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งในครอบครัวเสียชีวิตบรรยากาศความเศร้ามันก็ตลบอบอวลอบอยู่ในนั้นสักพักนึง แต่สุดท้ายแล้วทุกชีวิตมันก็จะค่อย ๆ เดินต่อตามความจำเป็นของแต่ละคน บางคนชีวิตเขาไม่ต้องมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากหรือไม่ได้มีสิ่งที่จะต้องลุกขึ้นและเดินต่อ เขาก็สามารถปล่อยให้มันจมอยู่กับความเศร้าได้เต็มที่ แต่สำหรับคนที่พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงาน มันก็ต้องตื่นก็ต้องหยุดร้องไห้ เพราะฉะนั้นเราก็คงไม่ตัดสินว่าใครจะร้องมากร้องน้อย ชีวิตแล้วสุดท้ายจะ ช้าหรือเร็วมันก็ต้องเดินต่อ และถ้ามินถามว่ามินจะต้องอยู่ต่อไหมก็กลับมาที่พี่พูดเมื่อกี้ แล้วชีวิตมินจำเป็นที่จะต้องเดินต่อหรือยัง งานการมันต้องลุยเลยไหม ถ้ามีก็ไปทำแต่ถ้ามันยังอยู่ดูแลกันได้ใช้เวลาตรงนี้ได้ ก็ลองอยู่อีกสักหน่อย สุดท้ายชีวิตมันก็ต้องเดิน’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แยกก่อนนะเรื่องร้องไห้ พี่ว่าหลายคนเป็นบางทีเจอเรื่องเศร้าแล้วมันไม่ร้อง พี่เองก็เป็นพี่เสียน้ำตาให้เรื่องที่ตัวเองมีความสุข แต่คนตายหรืออะไรอย่างเงี้ยไม่ร้อง ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่ว่าพี่เป็นนิสัยอย่างเงี้ย ซึ่งพี่ว่าหลาย ๆ คนเป็น บางทีเราอาจจะรู้สึกเสียใจข้างในแต่แค่ว่ามันไม่ร้องออกมา อีกเรื่องหนึ่งเท่าที่พี่ฟังมินมาพี่ว่ามินเป็นคนสุขนิยมจริง ๆ หมายถึงว่าพร้อมที่จะบล็อกเรื่องที่ไม่สบายใจได้เลย แล้วก็มีความสุขกับตัวเองได้เลย กับอีกแบบนึงมินเป็นคนที่ ถ้าบรรยากาศรอบข้างมันทำให้มินไม่มีความสุข มันจะทำอะไรบางอย่างเพื่อที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกว่า ไม่อยากเป็นแบบนั้นมันก็เลยเกิดอาการเต้นออกมาถ้าให้เราวิเคราะห์ แต่ไม่ว่าอย่างไรพี่รู้สึกว่าเหมือนมินจะลืมนึกถึงความรู้สึกคนรอบข้างไปหน่อยในกรณีนี้ สำหรับพี่นะคือมินรู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าคนรอบข้างบ้านมินเขาเป็นแบบนี้กันหมด เหมือนเขาต้องการให้เราอยู่ฝั่งเดียวกับเขา ด้วยการแสดงออกหรืออะไรก็ได้ พี่ไม่ได้หมายความว่าให้มินไปร้องห่มร้องไห้กับเขานะ แต่พี่รู้สึกว่าถ้าบางอย่างทำได้เช่นเรารู้อยู่แล้วว่าเขาจับตามองเราแล้วการเต้นของมินอาจจะรู้ว่าเค้าจะเห็นเราก็ต้องห้ามตัวเอง ซึ่งมินต้องนึกถึงแม่ด้วยว่าตอนนี้เขาเศร้าอยู่ เราอ่ะไม่อยากเศร้าอยากมูฟออนนั่นมันไม่ผิด แต่ ณ ตอนนี้เขายังไปไหนไม่ได้ ณ ตอนนี้เขายังไม่มีใคร เพราะฉะนั้นมินอาจจะต้องบังคับตัวเองอยู่เป็นเพื่อนเขาก่อนนะตอนนี้ ในฐานะลูก ที่จะทำให้แม่ได้ พี่รู้สึกว่าถ้ามินแบบไม่เอาแล้วว่ะไม่อยากเศร้าแล้ว พี่ว่าอันนี้มันก็สนใจแต่เรื่องเราเกินไป มันก็ต้องฝืนใจตัวเองแหละพี่รู้ว่ามินไม่อยากเศร้าอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ทำยังไงได้ถ้าแม่ที่เขารักเราแล้วเขายังเศร้าอยู่ เราก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนเขาก่อน แล้วรอเวลาที่เขาดีขึ้นเราก็กลับมา ใช้ชีวิตของเราได้’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยว่าตอนนี้ควรอยู่ดูใจแม่ เพราะบรรยากาศในบ้านตอนนี้แม่เขาดูเจ็บมากถ้าเราทิ้งไปอีกคนนึงแม่ก็ไม่เหลือใคร อยากให้มินมองภาพรวมของบ้านมากกว่าเรื่องราวของตัวเอง การมูฟออนได้เป็นสิ่งที่ไม่ได้ดูแย่อะไรเลยเพียงแต่ว่าบรรยากาศในบ้านเราต้องไม่สวนทางกับเขา เราอาจจะต้องสำรวมสักนิดนึงแต่การที่เราไม่ร้องไห้มันไม่ผิดเลยแล้วญาติคือผิด ส่วนมินพี่ว่าอยู่ที่นั่นก็ปั้นหุ่นได้นะ จะเข้ายิมหรือเล่นฟิตเนสไปได้เลย เพราะว่าเราต้องทำงานแล้วเมษาเรามีงานเราก็กลับไปทำงานเท่านั้นเอง แต่พี่ว่าเวลานี้เราไม่ควรทิ้งคุณแม่ เพราะว่าสภาพจิตใจเขาแย่ถ้าเราไม่ดูเขาก็ไม่มีใครดูเขา แล้วสภาพจิตใจเขาตอนนี้คือแกว่งมาก เหมือนลอยอยู่กลางน้ำ มินอาจจะต้องทำอะไรที่ไม่ขัดหูขัดตาเพิ่ม เราบอกตัวเองเลยว่าเรามีหน้าที่เป็นยารักษาเขา เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นพิษต่อเขามินเลี่ยงแค่ช่วงนี้ที่เขาจะหนัก อดทนหน่อยเพราะตอนนี้เราคือที่พึ่ง เวลานี้เขาต้องการเราก็มีมินนั่นแหละที่ต้องอยู่ตรงนี้กับเขา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำไมตอนเรียนในมหาลัย กับ ชีวิตทำงานจริงๆ ถึงไม่เหมือนที่หนูคิดไว้เลย ตอนอยู่มหาลัยหนูทำกิจกรรม สนุกกับการใช้ชีวิตมาก แต่พอจบใหม่ มาทำงานจริงๆ ทำงานสายวิชาการ สภาพแวดล้อมก็เจอแต่ผู้ใหญ่อายุเยอะๆ งานก็เครียด บรรยากาศเหมือนต้องทนทำงานเฉยๆ

06 ต.ค. 2025

ทำไมตอนเรียนในมหาลัย กับ ชีวิตทำงานจริงๆ ถึงไม่เหมือนที่หนูคิดไว้เลย ตอนอยู่มหาลัยหนูทำกิจกรรม สนุกกับการใช้ชีวิตมาก แต่พอจบใหม่ มาทำงานจริงๆ ทำงานสายวิชาการ สภาพแวดล้อมก็เจอแต่ผู้ใหญ่อายุเยอะๆ งานก็เครียด บรรยากาศเหมือนต้องทนทำงานเฉยๆ

ทำไมตอนเรียนในมหาลัย กับ ชีวิตทำงานจริงๆ ถึงไม่เหมือนที่หนูคิดไว้เลย ตอนอยู่มหาลัยหนูทำกิจกรรมสนุกกับการใช้ชีวิตมาก แต่พอจบใหม่ มาทำงานจริงๆ ทำงานสายวิชาการ สภาพแวดล้อมก็เจอแต่ผู้ใหญ่อายุเยอะๆงานก็เครียด บรรยากาศเหมือนต้องทนทำงานเฉยๆ หนูจะปรับมายเซ็ตตัวเองยังไงดีคะ?ใครที่เป็น First Jobber แบบหนู แล้วเจอปัญหานี้... มาเล่าให้ฟังทีค่ะ ขอบคุณนะคะ “คุณฟ้า (นามสมมติ)” อายุ 23 สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [1 ต.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาการทำงานในมุมของ First Jobber ที่เทียบกับตอนเรียนแล้วแทบจะไม่เหมือนกันเลย โดย “คุณฟ้า (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูพึ่งเรียนจบ แล้วมีความเครียดว่าทำไมชีวิตทำงานกับชีวิตวัยเรียนมันต่างกันขนาดนี้ เข้าใจว่ามันต้องต่างเพราะชีวิตมันต้องจริงจังมากขึ้น แต่เรามีความรู้สึกว่าเราเครียดแล้วก็แพนิก จนกระทบกับสุขภาพ เวลาเครียดแล้วปวดท้อง คือหนูพึ่งเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว ได้งานมาเรื่อย ๆ ย้ายงานบ้างเพราะมีปัญหาเรื่องการเดินทาง เรื่องสังคมด้วย เรื่องการเดินทางไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องสังคม มันทำให้เราเครียด ลดทอนความเป็นตัวเองไป ตอนฝึกงาน หนูฝึกสายที่ไม่ชอบ แต่คิดในแง่ดีว่าเราจะได้รู้ว่าเราไม่ชอบอะไร จะได้ไปต่อถูก พอจบมาระหว่างที่เรียนและหางาน หนูได้ทำงานพิเศษบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีไฟจะเลือกบริษัทที่เราอยากทำงาน รู้สึกว่าถ้าทำในสายที่เราทำตอนฝึกงาน มันยังไม่ใช่ตัวเอง แล้วก็เครียดมาก พอมาเจอที่นึงสังคมดีมาก ทุกอย่างดี แต่ด้วยความที่หนูต้องทำงาน 6 วัน บางทีก็ 7 วัน เพราะระบบยังไม่คงที่เท่าไหร่ อีกอย่างไกลบ้านมาก ๆ ถ้าหนูเอารถที่บ้านไปใช้ ที่บ้านก็จะไม่มีรถใช้ เดินทางลำบากด้วย สุดท้ายหนูก็ได้ที่ทำงานใหม่ ส่วนงานที่ 2 กับงานที่ 3 เป็นงานปัจจุบัน ลักษณะงานมันคล้ายกับตอนฝึกงานมากเลย แต่หนูก็คิดว่า ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราทำ 5 วัน เป็นการฝึกตัวเองด้วย ปรับตัวเอา ปรากฎว่าเราทำงานกับคนที่อายุเยอะ เป็นคนพูดจาเสียงดัง ไม่สอนงาน บ่น ซึ่งงานมันเป็นเรื่องวิชาการที่ละเอียดอ่อน ต้องรอบคอบมาก ๆ มีความกดดัน งานก็ไม่เป็นเวลา จนเราเกิดความเครียด แพนิก ไม่มั่นใจในตัวเอง ไมเกรนขึ้น ปวดท้อง เลยจะถามว่า หนูควรจะทำยังไงดี? ไปทำงานอื่นดีไหม หรือว่าจะทนทำสายเดิม แล้วพี่ ๆ เคยประสบปัญหาเหมือนหนูไหม พี่ ๆ จัดการกันยังไงคะ’ ทางด้าน “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ฟังตอนแรกรู้สึกว่ามันหนัก ดูมีผลกระทบต่อชีวิตฟ้าค่อนข้างรุนแรง แต่ถ้าจัดกรุ๊ปให้ดี มันมีแพทเทิร์นบางอย่างอยู่ คือ 2 งานหลังมันประเภทเดียวกันกับตอนฝึกงาน แล้วฟ้าท็อกซิกหมดเลย เพราะฉะนั้นถ้าเราจัดกรุ๊ปให้ดี ฟ้าจะรู้อย่างชัดเจนเลยว่าฟ้าอาจจะไม่เหมาะกับสายวิชาการ แต่งานที่ 1 ถ้าไม่นับเรื่องไกลบ้าน เราทำแล้วมีความสุข ภูมิใจในตัวเอง เรารู้สึกว่าเราทำมันได้ดี เราแค่เจองานที่มันไกลบ้าน เพราะฉะนั้นพี่เชื่อเหลือเกินว่าจะมีงานในรูปแบบนี้ แต่เป็นบริษัทอื่น หรือใกล้เคียง ที่ทำให้ฟ้ายังได้ใช้สกิลวิทยาศาสตร์อยู่ โดยที่ไม่ต้องเดินทางไกลบ้าน ลองดูใต้โต๊ะทำงาน แล้วก็เข้าสปอนของรายการนั้นก็ได้เป็น Application หางาน มีแน่นอนสายเบจวิทยาศาสตร์ที่หนูทำงาน เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งคิดว่าฉันจะไม่มีทางไป มันมีทางหนึ่งอยู่ที่ฟ้าเคยไปแล้วมันดีด้วย แต่แค่ว่าเราเจอปัญหาหนึ่งอยู่ แต่เรารู้แล้วแหละว่าเรามีความสุข ลองค้นหาทางนั้นเพิ่ม’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จากที่พี่ฟังนะ หนูจะไม่ใช่คนที่มีปัญหาเรื่องการหางานหรอก เพราะหนูเป็นคนเก่ง มีความพยายามด้วย แค่ตอนนี้ยังไม่ลงตัว ซึ่งมันต้องใช้เวลา อย่างที่พี่เผือกบอกว่ามันชัดเจนว่าเราอาจจะไม่เหมาะกับงานวิชาการ ถ้าเทียบกับงานแรกเรามีความสุขกว่า แค่เราเจองานที่ไกลบ้าน ซึ่งก็ไม่ได้มีงานลักษณะนี้แค่บริษัทเดียวหนิ สำหรับพี่ เราทำงานเพื่อให้ชีวิตเราดีขึ้นนะ การทำงานแล้วสุขภาพเราแย่ลง ก็คือชีวิตเราแย่ลงนะ ซึ่งพี่จะไม่เลือกแบบนั้น สุดท้ายจะฝากไว้ว่าชีวิตทำงานมันไม่ได้สนุกเหมือนตอนวัยเรียนนั่นแหละ อันนี้ต้องทำใจ นี่แหละโลกความเป็นจริง’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ไม่เคยเสียดายในสิ่งตัวเองเรียนมาเลย ส่วนงานที่พี่เลือกทำ พี่เลือกทำในสิ่งที่พี่ชอบ แล้วมันก็ทำให้พี่มีความสุขกับการทำงานมาก ๆ สำหรับฟ้า พี่คิดว่าการทำงานมันควรจะมีความสุข แต่พอฟ้ามีเรื่องเงินเข้ามา ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สำคัญ งานนี้ที่ทำมันยังออกไม่ได้หรอก ตราบใดที่ยังไม่มีงานใหม่ แต่ถ้าได้งานใหม่ที่เรารู้สึกว่าตรงกับความสุขตัวเอง ไม่ต้องไปเสียดายเลยที่เรียนมา 4 ปีอะ เอาความสุขเป็นที่ตั้ง เราใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ หาไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันก็เจอ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมเป็นเกย์ มีแฟนที่คบกันมา 8 ปี แต่ตั้งแต่ปีที่ 2 เขาออกไปสวิงกิ้ง นอกบ้านกับคนอื่นมาตลอด แต่ผมมีอะไรกับเค้าแค่คนเดียวมาตลอด แฟนบอกผมว่ามันคือรสนิยมทางเพศรูปแบบนึง สรุปแล้วผมผิดปกติ หรือ แฟนกันแน่ที่ผิดปกติ พอไปถามเพื่อนผม ตอบไม่เหมือนกันเลยครับ

11 ต.ค. 2024

ผมเป็นเกย์ มีแฟนที่คบกันมา 8 ปี แต่ตั้งแต่ปีที่ 2 เขาออกไปสวิงกิ้ง นอกบ้านกับคนอื่นมาตลอด แต่ผมมีอะไรกับเค้าแค่คนเดียวมาตลอด แฟนบอกผมว่ามันคือรสนิยมทางเพศรูปแบบนึง สรุปแล้วผมผิดปกติ หรือ แฟนกันแน่ที่ผิดปกติ พอไปถามเพื่อนผม ตอบไม่เหมือนกันเลยครับ

ผมเป็นเกย์ มีแฟนที่คบกันมา 8 ปี แต่ตั้งแต่ปีที่ 2 เขาออกไปสวิงกิ้ง นอกบ้านกับคนอื่นมาตลอดแต่ผมมีอะไรกับเค้าแค่คนเดียวมาตลอด แฟนบอกผมว่ามันคือรสนิยมทางเพศรูปแบบนึงสรุปแล้วผมผิดปกติ หรือ แฟนกันแน่ที่ผิดปกติ พอไปถามเพื่อนผม ตอบไม่เหมือนกันเลยครับ “คุณต้น (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายแรกในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องที่ผมแปลกหรือแฟนแปลก เพราะแฟนมีรสนิยมชอบไปมีอะไรกับคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ยังคบกับเราอยู่ โดย “คุณต้น (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ต้องท้าวความก่อนว่าเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผมได้คบกับแฟนคนนึง เราเป็นคู่รักชาย-ชาย ก็คือช่วง 2 ปีเเรกคบกันมันก็ไม่ได้มีอะไร ก็รักหวานอมขมกลืนกันปกติ เป็นแฟนคู่รักปกติ เเต่พอมาอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนจากมัธยมขึ้นเป็นมหาลัย ด้วยสังคมที่มันใหญ่ขึ้น ด้วยสังคมที่มันเจริญมากยิ่งขึ้น ตัวผมเองก็เรียนอยู่อีกมหาลัยนึง แฟนผมเองก็เรียนอยู่อีกมหาลัยนึง ซึ่งเขาเป็นรุ่นพี่เขาจะได้เข้ามหาลัยก่อนผมปี 1 อยู่แล้ว เขาก็จะเจอโลกก่อนผม ผมไม่ได้เข้าใจวงการการเป็น LGBTQ สักเท่าไหร่ในช่วงนั้นเพราะว่าเป็นเด็กจากบ้านนอกเข้าไปเรียนมหาลัย ก็พบปัญหาว่าแฟนเริ่มมีรสนิยมทางเพศที่เปลี่ยนไป วันนึงนอนกันอยู่ เขาก็บอกว่า “คุณครับ เค้าอยากมีเซ็กส์เเบบ 3 คนจังเลย” ด้วยเราเองก็ เฮ้ย! มันไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตมากก่อน คำพูดนี้ทำไมมันมาจากคนของเรา ตัวผมเองก็ไม่ได้หาคำตอบอะไรนะเลยถามว่า “ทำไมถึงคิดเเบบนั้น” เขาก็ตอบว่า “เค้ามาอยู่ในสังคมที่ใหญ่ขึ้น อยากรู้อะไรที่มันตื่นเต้นมากขึ้นกว่านี้” ซึ่งตัวเราเองรักเขามากนะ รักเขามากกว่าตัวเองแหละ ก็ยอมนะ ยอมให้เขาออกไปมีอะไรกับคนอื่นตามที่เขาอยากจะออกไป ไม่ได้มาสวิงกับผม ถามว่าเราโอเคมั้ย ความรู้สึกลึก ๆ ในใจเราอ่ะเราไม่ได้โอเคหรอก แต่ด้วยความรักที่เรารักเขามาก เราก็ยอม หลังจากนั้นก็มีการออกไปใช้ชีวิตเเบบนี้เรื่อย ๆ อยู่กันมา 4-5 ปีจนผมเรียนจบ เขาเรียนจบก่อนก็ไปทำงานที่ต่างจังหวัด เเต่ผมทำงานที่จังหวัดเดิม คือมันมีความสัมพันธ์ที่ห่างกันไปแล้วตั้งเเต่คุณออกไปมีอะไรกับคนอื่นเเล้ว ก็คือห่างกันด้วยระยะทาง ก็มีการคุยกันเรื่องการใช้ชีวิตเเบบนี้ มันสุ่มเสี่ยงนะ ควรหยุดการทำพฤติกรรมเเบบนี้ได้เเล้ว เขาก็โอเค เดี๋ยวจะหยุดพฤติกรรมนี้เเล้วเรากลับไปใช้ชีวิตคู่กัน ก็แยกย้ายกันไปทำงาน ผมก็ไปหาเขาทุกเสาร์ - อาทิตย์เพราะว่าหยุดตรงกัน มันมีอยู่ช่วงนึง ด้วยนิสัยเราเป็นคนชอบเก็บกวาดห้องปกติ ก็ไปเจอเส้นผมตามพื้นหลากสีมาก ชมพู ฟ้า เขียว ม่วง ด้วยความเป็นคนขี้สงสัย เราก็เก็บเส้นผมพับใส่กระดาษทิชชู่ไว้ รอเขากลับมาจากที่ทำงาน ผมก็ถามว่าคุณเปลี่ยนสีผมหรอ? ทำไมในห้องคุณมีเส้นผมหลายสี ผมก็ได้คำตอบจากเขาว่า “อ๋อ ไม่ได้เปลี่ยน เเต่พี่ที่ทำงานเขาเปลี่ยนสีผมกันหลายคน มันอาจจะติดถุงเท้าผมกลับมาก็ได้” ด้วยความที่รักเขามากเลยไม่ได้สงสัยเลย ก็ผ่านไปไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นผมก็ให้โอกาสเขาอีกเเล้ว กลับมาคุยเหมือนเดิม เเต่เริ่มมีการใช้แอปพลิเคชั่นติดตามกันเกิดขึ้น เเละเวลานอนก็จะคอลหากันตลอดเวลา ผมจะโทรหาตั้งเเต่ 4 โมงเย็นจนถึง 6 โมงเช้าของอีกวัน ด้วยความคิดผมเองมองว่าถ้าเราเห็นกันเเละกันอยู่ตลอดเวลา มันคงจะไม่มีโอกาสที่จะไปทำแบบนั้น เเต่มันไม่มีผลเลย มีเหตุการณ์นึงเกิดขึ้น เพื่อนผมโทรมาหาเเล้วบอกว่า “ไม่ไหวละ มึงต้องขึ้นไปหากูหน่อยละ มันมีเรื่องที่ต้องคุย” ก็ตัดสินใจจัดการทำภารกิจตัวเองให้เสร็จเเล้วก็ไปหาเขา ก็ได้คุยกันว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ก็ไปนั่งรวมกันกับเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน วันนั้นก็มีประมาณ 11 คน ก็มีเพื่อนคนนึงเดินมาตบไหล่เบา ๆ เเล้วพูดว่า “ขอโทษนะที่ทำเเบบนี้ พอดีว่าต้องพูด เก็บไว้ไม่ได้” คือเพื่อนคนนี้ไปมีอะไรกับแฟนผมมา ทั้ง ๆ ที่เห็นผมคอลกันอยู่ เเต่แฟนผมแหงนหน้าจอขึ้น เพื่อไม่ให้เห็น ให้เห็นเเค่เพดาน และปิดลำโพงไว้ มันเป็นจังหวะเที่ยงคืนถึงตี 1 ผมก็ต้องนอนเเต่ก็คอลกันไว้ทั้งวันทั้งคืน พอคนที่ 1 มาสารภาพ ก็มีคนที่ 2 3 4 5 6 มาสารภาพว่าได้กันหมดเลย เขารวมตัวมาบอกเราว่าให้เราหยุดกับคน ๆ นี้เเล้ว เพราะมันไม่ได้มีเเค่นี้ หลังจากนั้นเราก็ได้คุยกันเเล้วก็ได้เลิกกัน หลังจากที่เลิกกัน ผมเลยถามเพื่อนว่าเหตุการณ์แบบนี้ที่มันเกิดขึ้นกับผม การที่แฟนออกไปมีอะไรกับคนอื่น มันเป็นเรื่องปกติมั้ย? มันก็เสียงแตกกันว่ามันก็ไม่ได้แปลกเลย คู่เราก็เป็น อีกเสียงคือไม่ถูก ความรักมันไม่จำเป็นต้องออกไปแบบนั้น ก็เลยอยากปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่าในความสัมพันธ์แบบ LGBTQ ผมเองที่ไม่ปกติหรือเขาที่ไม่ปกติ? โดยดีเจทั้ง 3 คน (ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม) ได้ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘ไม่ได้ผิดปกติ มันขึ้นอยู่กับความชอบเเละรสนิยม เเล้วก็เงื่อนไขข้อตกลงระหว่างกัน ไม่เกี่ยวกับ LGBTQ เพราะว่าชายหญิงก็มี มีคู่ที่ Open Relationship มี FWB มีคนที่อยู่ใน Swinging Group ที่มีแฟนอยู่เเล้ว เขาไปเสร็จเเล้วก็กลับมาใช้ชีวิตคู่กัน ซึ่งรสนิยมของเราก็ต้องตรงกัน เเต่ของต้นเป็นแบบรักเดียวใจเดียว ก็ต้องหาคนที่ไม่ได้ออกไปทำแบบนั้น ไม่ได้มีใครแปลก แฟนก็ไม่ได้เเปลก เเต่เป็นเเค่เรื่องรสนิยมที่แตกต่างกัน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1