คลอดแล้วครับ! ‘น้องโกสเตอร์’ ลูกชายคนแรกของ แจ็ค วัชรพล และ ตั๊กกี้ แฟนรายการร่วมแสดงความยินดีเพียบ

ENTERTAINMENT NEWS

คลอดแล้วครับ! ‘น้องโกสเตอร์’ ลูกชายคนแรกของ แจ็ค วัชรพล และ ตั๊กกี้ แฟนรายการร่วมแสดงความยินดีเพียบ

13 เม.ย. 2024

ข่าวดีต้อนรับสงกรานต์และปีใหม่ไทย เมื่อพี่แจ็ค-วัชรพล ฝึกใจดี เจ้าชายแห่งวงการเล่าเรื่องผีผู้ก่อตั้ง The Ghost Radio คลื่นสยองของคนรุ่นใหม่ ออกมาประกาศข่าวให้กับแฟนรายการได้ร่วมดีใจ เมื่อภรรยาคนเก่งอย่าง พี่ตั๊กกี้ ได้คลอดลูกชายคนแรกแล้ว เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 เมษายน 2567 ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมกับภูมิใจที่จะได้เปิดตัวชื่อของลูกชายคนแรกนั่นคือ ‘เด็กชายโกสเตอร์ ธนากร’ นั่นเอง

พี่แจ็ค ออกมาโพสต์ภาพแรกของครอบครัว ขณะที่เขาคอยเฝ้าให้กำลังใจภรรยาไม่ห่าง โดยระบุว่า

“ขอต้อนรับลูกชายของพ่อกับแม่สู่โลกใบนี้ โลกที่หนูไม่รู้จัก แต่พ่อกับแม่จะพาหนูมาทำความรู้จักกับดาวดวงนี้ที่ชื่อว่าโลก พ่อกับแม่จะแนะนำ จะเลี้ยง จะสอนให้หนูเติบโตอย่างแข็งแรง เป็นคนดีมีคุณภาพบนโลกใบนี้ ตราบเท่าที่พ่อกับแม่คนนี้จะทำได้

“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จัก เด็กชาย โกสเตอร์ (Ghoster) ธรากร
ผมเป็นพ่อคนแล้วคร้าบ

13/4/2567
2024/4/13”

จากนั้นเพื่อนพี่น้องในวงการบันเทิง รวมถึงบรรดาเดอะโกสเตอร์ซึ่งเป็นแฟนรายการต่างก็เข้าไปร่วมแสดงความยินดีกับทั้ง พี่แจ็ค และ พี่ตั๊กกี้ มากมาย ส่วนสุขภาพร่างกายของทั้งคุณแม่และลูกลูกก็แข็งแรงสมบูรณ์ดี EFM ขอร่วมแสดงความยินดีกับพี่แจ็คและครอบครัวด้วย

ภาพ : jack_theghost

related ENTERTAINMENT NEWS

‘ธี่หยด’ จากเรื่องเล่ารายการผี สู่ผลงานภาพยนตร์บนจอเงินเรื่องแรกของ The Ghost Radio เข้าฉาย 26 ตุลาคมนี้

09 ส.ค. 2023

‘ธี่หยด’ จากเรื่องเล่ารายการผี สู่ผลงานภาพยนตร์บนจอเงินเรื่องแรกของ The Ghost Radio เข้าฉาย 26 ตุลาคมนี้

เป็นรายการเล่าเรื่องผีสุดฮอตขวัญใจของคนชอบฟังประสบการณ์สยองขวัญ สำหรับ The Ghost Radio โดย พี่แจ็ค-วัชรพล ฝึกใจดี ซึ่งหลายปีที่ผ่านมามีเรื่องเล่าหลายสายจากแฟนรายการ ที่โทรมาถ่ายทอดประสบการณ์ความหลอน จนกลายเป็นไวรัลหลอนล้านวิว! และตามมาด้วยกระแสเรียกร้องให้มีการนำเรื่องเล่ามาสร้างเป็นซีรีส์และภาพยนตร์ล่าสุดกระแสเรียกร้องเกิดขึ้นจริงแล้ว เพราะเพจ The Ghost Radio ออกมาเปิดเผยว่า กำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้ไอเดียมาจากเรื่องเล่าผีหน้าไมค์ ซึ่งจะประเดิมกันด้วยเรื่องแรก ‘ธี่หยด’ ประสบการณ์เกี่ยวกับเสียงเรียกแห่งความหลอน เรื่องผีในตำนานซึ่งเคยถูกพิมพ์เอาไว้บน pantip.com และเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน คุณกิต เจ้าของเรื่องได้โทรมาเล่าในรายการให้ฟังกันแบบครบทุกอรรถรสแม้จะยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายชื่อนักแสดง ไปจนถึงรายชื่อทีมงานเบื้องหลัง แต่มีการการปล่อยทีเซอร์โปสเตอร์ชิ้นแรกออกมาเป็นน้ำจิ้มให้ได้ชมกัน ก่อนที่ ‘ธี่หยด’ จะเข้าฉายอย่างเป็นทางการ 26 ตุลาคมนี้ในโรงภาพยนตร์ภาพ : The Ghost Radio

เพราะไม่เชื่อและคึกคะนองอยากลองของดี ตกดึกเจอ ‘ผี’ หลอนจนไข้ขึ้น! เรื่องเล่าจาก ‘แจ็ค The Ghost Radio’

25 พ.ย. 2022

เพราะไม่เชื่อและคึกคะนองอยากลองของดี ตกดึกเจอ ‘ผี’ หลอนจนไข้ขึ้น! เรื่องเล่าจาก ‘แจ็ค The Ghost Radio’

เรื่องราวที่พี่ ‘แจ็ค The Ghost Radio’ นำมาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (22 พฤศจิกายน 2565) เป็นเรื่องราวที่ทำให้หลายคนต้องเสียวสันหลัง กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘กระทงผี’ เรื่องนี้จะหลอนชวนคลุมโปงแค่ไหน แท็กเพื่อนมาอ่านความหลอนไปด้วยกันเลย!‘กระทง’ ที่ว่านี้ ไม่ใช่กระทงที่เราคนไทยใช้เพื่อขอขมาพระแม่คงคาในเทศกาลลอยกระทง แต่หมายถึง ‘กระทงเซ่นไหว้’ และเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนเจ้าของเรื่องคือ ‘คุณหนูฝน’ แฟนคลับรายการ ‘The Ghost Radio’ นั่นเองเรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณหนูฝนซึ่งเป็นคนไทยคนเดียว ได้เดินทางไปเที่ยวกับแฟนและกลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติที่ประเทศอินโดนีเซีย คุณหนูฝนเล่าว่าคนที่บาหลีส่วนใหญ่มักจะนับถือศาสนาฮินดูเป็นหลัก และมีพิธีการเซ่นไหว้เทพเจ้าหรือภูติผีปีศาจต่าง ๆ ผ่านกระทงเซ่นไหว้ จากนั้นก็นำไปวางไว้ในสถานที่ต่าง ๆ ตามถนน เรียกได้ว่าสามารถเห็นได้แทบจะทุก 3 ก้าวเลยทีเดียว แถมยังบอกอีกว่าทุก 3-4 ชั่วโมง ต้องเห็นคนมาไหว้อยู่ตลอดระหว่างที่กำลังเดินเที่ยวกันอยู่ ‘คุณซันนี่’ หนึ่งในกลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติก็เผลอเดินไปเหยียบกระทงแบบไม่ตั้งใจ คุณหนูฝนจึงบอกให้เพื่อนขอโทษเพราะนี่ถือว่าเป็นความเชื่อของเขา แต่คุณซันนี่ก็ถามกลับว่า “ทำไมต้องขอโทษกระทงด้วย กระทงนี่คืออะไร?” แล้วทั้งกลุ่มก็หัวเราะขำขัน ไม่ได้คิดอะไร แต่ตัวคุณหนูฝนก็พยายามพูดขอโทษแทนคุณซันนี่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นภาษาอังกฤษประมาณว่า “เพื่อนไม่ได้ตั้งใจนะ” หลังจากนั้นทุกคนก็พากันไปดื่มสังสรรค์ตามแพลนที่วางไว้ขากลับทุกคนในกลุ่มก็เริ่มกรึ่ม ๆ ปรากฏว่าแฟนของคุณหนูฝน ดันเดินไปเหยียบกระทงที่วางอยู่ข้างทาง หนึ่งในกลุ่มเพื่อนจึงพูดว่า “เธอเดินเหยียบผีอ่ะ ระวังผีหลอกนะ” แล้วทุกคนก็เฮฮากัน เพราะด้วยความที่เป็นฝรั่งก็ไม่ได้คิดหรือมีความเชื่ออะไร แฟนคุณหนูฝนที่กำลังกรึ่มเมาได้ที่ก็บอกว่า “อ๋อ นี่ผีใช่มั้ย? ได้เลย!” แล้วก็เดินไล่เหยียบกระทงทีละอัน! คุณหนูฝนจึงรีบตักเตือนแฟนชาวต่างชาติว่าไม่ควรทำแบบนี้ทันที ดังนั้นทุกคนในกลุ่มจึงหยุดหัวเราะ ส่วนคุณหนูฝนที่ไม่สบายใจ จึงขอขมาเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้ง และพากันเดินกลับที่พักไปเมื่อเดินทางกลับมาถึงที่พัก ซึ่งได้จองไว้เป็นวิลล่า แยกกันนอนคนละหลัง แต่ละคนก็อาบน้ำและเข้านอนตามปกติ ระหว่างที่กำลังนอนอยู่นั้น คุณหนูฝนก็รู้สึกได้ยินเสียงเหมือนกับมีอะไรมาขูดที่ผนังดัง “แกร๊ก แกร๊ก” จึงเปิดไฟหัวเตียง แล้วก็พบว่าแฟนของคุณหนูฝนหายไป! คุณหนูฝนจึงมองหาไปรอบ ๆ จนสายตาหยุดอยู่ที่ตู้เสื้อผ้าที่เปิดอยู่ คุณแจ๊คเล่าเสริมว่าแฟนคุณหนูฝนมีร่างใหญ่ สูงกว่า 185 เซนติเมตร ยืนอยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้วทำคอพับ จากนั้นก็เอาเล็บตะกุยผนังตู้เสื้อผ้า คุณหนูฝนเห็นดังนั้นจึงรีบตะโกนถามว่าเป็นอะไร แล้วก็พยายามลุกไปปลุกให้แฟนมีสติ แต่ระหว่างนั้นแฟนคุณหนูฝนก็ได้ปัสสาวะราด เมื่อได้สติเขาก็บอกว่าในฝันมีผู้หญิงคนหนึ่ง เหมือนจะเข้ามาทำร้ายเขา แต่เขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณหนูฝนจึงบอกให้ไปอาบน้ำให้สบายตัว แล้วกลับมานอนใหม่ดีกว่า พรุ่งนี้ ตั้งสติได้ เราค่อยมาคุยรายละเอียดกันอีกทีเช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนก็ออกไปกินข้าวเช้ายกเว้นคุณซันนี่ที่ยังไม่ออกมา แต่ทุกคนก็คิดว่าคงไม่มีอะไร ในตอนที่กินข้าวอยู่นั้น คุณหนูฝนก็ถามแฟนว่า “ตกลงเมื่อคืนนี้ เป็นอะไร? มันเกิดอะไรขึ้น?” เขาก็เล่าให้ฟังว่าเขาฝันว่ามีผู้หญิงตาสีดำเหมือนตาโบ๋มีผมฟู พยายามวิ่งไล่เขาอยู่ในห้อง ด้วยความกลัวเขาก็เลยวิ่งหนีวนในห้อง จนถึงประตู เขาก็เลยเปิดเพื่อที่จะหนีออกไปข้างนอก ปรากฏว่าเปิดออกไป ประตูนี้มันดันเป็นทางตัน ซึ่งมันก็เป็นภาพเดียวกับที่คุณหนูฝนเห็นว่าแฟนกำลังตะกุยตะกายตู้เสื้อผ้านั่นก็เพราะเขาจะหาทางออกนั่นเอง คุณหนูฝนจึงคิดว่ามันอาจจะเป็นผลพวงจากเมื่อวานก็ได้ แต่ทุกคนก็ยังงง ๆ และยังไม่เชื่อสักเท่าไหร่ เวลาผ่านไปสักพัก คุณซันนี่ก็ยังไม่ปรากกฎตัว ทุกคนจึงคุยกันว่าจะไปตามที่บ้านพักเมื่อไปถึงบ้านพักของคุณซันนี่ ก็พบว่าคุณซันนี่นอนไข้ขึ้นสูง แล้วก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนเขาได้ฝัน ซึ่งเป็นความฝันที่เหมือนจริงมาก เพราะหลังจากที่คุณซันนี่อาบน้ำเสร็จแล้วมานอนที่เตียง สายตาก็มองไปที่หน้าต่าง ก็เห็นผู้หญิงใส่ชุดคล้ายกับนางรำของบาหลี มีผมฟูยืนอยู่ตรงหน้าต่าง คุณซันนี่คิดในใจว่าอาจจะเป็นคนสติไม่ดีแถวนี้ จึงปิดหน้าต่างแล้วก็นอน ระหว่างที่กำลังนอนอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกุกกัก จึงลืมตาขึ้นมาดู พบว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่นอกหน้าต่าง ตอนนี้ได้มายืนอยู่ตรงปลายเตียง แถมยังรำท่าทางน่ากลัว! เขาก็เลยตกใจจนไข้ขึ้น เมื่อได้ยินดังนั้น คุณหนูฝนจึงบอกว่าสิ่งที่ได้ทำไปเมื่อวานนั้นมันไม่ถูกต้อง และนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ไกด์ท้องถิ่นฟัง หลังจากฟังจบไกด์ท้องถิ่นคนนั้นก็รู้สึกโมโห และบอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้ คนที่นี่เขามีความเชื่อและศรัทธามาก ถ้าคุณไปทำแบบนี้ให้ชาวบ้านเห็น คุณจะไม่ได้เจอแค่ผีหลอกนะ คุณอาจจะโดนรุมประชาทัณฑ์ได้เลยเมื่อเห็นว่านี่เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิด ไกด์ท้องถิ่นจึงได้พาทุกคนไปยังวัดแห่งหนึ่งที่มีอ่างน้ำมนต์เพื่อให้ทุกคนได้ไปอาบ ทุกคนก็ยอมทำตามนั้น หลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะเริ่มสบายใจขึ้น และเที่ยวต่อตามแผนเดิมได้อย่างปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากจบทริปก็แยกย้ายกันกลับประเทศของตัวเองไปคุณแจ็คเล่าเสริมว่าที่นำมาเล่าให้ฟังในครั้งนี้ เพราะรู้สึกทึ่งกับความเชื่อและวัฒนธรรมของบาหลี และอยากเล่าเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับคนที่จะต้องเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ถึงเราจะไม่มีความเชื่อเหมือนกับประเทศของเขา แต่ก็อยากให้เคารพวัฒนธรรมและสิ่งที่เขาเชื่อด้วยติดตามความหลอนย้อนหลังได้

บ้านพักร้างสร้างเรื่อง! 12 พยานหลอนเห็นตรงกัน ขนาดทำบุญใหญ่แล้วก็ยังดุดัน ไม่เกรงใจใคร! | อังคารคลุมโปง

27 ธ.ค. 2022

บ้านพักร้างสร้างเรื่อง! 12 พยานหลอนเห็นตรงกัน ขนาดทำบุญใหญ่แล้วก็ยังดุดัน ไม่เกรงใจใคร! | อังคารคลุมโปง

รายการ ‘อังคารคลุมโปง’ ที่ผ่านมา (20 ธันวาคม 2565) ได้เชิญ ‘คุณแจ็ค The Ghost Radio’ กลับมาเล่าเรื่องผีกันอีกครั้ง คราวนี้แพ็คความหลอนมาเต็มกระเป๋าต้อนรับปีใหม่ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ผีในวงเหล้า’ งานนี้ทำเอาดีเจแนน และดีเจซันเดย์ต้องอ้าปากค้าง ยกให้เป็นเรื่องหลอนระดับสิบกันเลยทีเดียว !คุณแจ็คเกริ่นเรื่องว่า ในทุก ๆ วงสนทนา และการดื่มกินสังสรรค์ ภายใต้ค่ำคืนแห่งความมืดมิด บรรยากาศหลอน ๆ ชวนให้ต้องเล่าเรื่องผี ดังนั้นเรื่องที่จะเล่านี้ ผีไม่ได้ปรากฏขึ้นมาในวงเหล้าให้เห็นจะ ๆ แต่เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นในวงสนทนาเรื่องนี้มาจาก ‘คุณเยี่ยม’ เพื่อนของ ‘คุณเซน’ แฟนรายการ The Ghost Radio เขาเล่าว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับกลุ่มคน 12 คน ที่อยู่ในสถานที่เดียวกัน ทั้งหมดเป็นพยานความหลอนในครั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงที่พึ่งเข้าไปทำงานใหม่กับบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในตำแหน่ง ‘โฟร์แมน’ หรือ ‘ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง’ ครั้งนั้นได้รับมอบหมายให้ไปทำงานสร้างห้างสรรพสินค้าในจังหวัดปราจีนบุรี ทางคุณเยี่ยมและเพื่อนร่วมงาน ก็ต้องเดินทางไปประจำที่ไซต์งานแห่งนั้น โดยทางบริษัทได้จัดหาที่พักไว้ให้ และต้องอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 7 เดือนเต็มที่พักแห่งนี้มีลักษณะเป็นคูหาทั้งหมด 8 ห้องใหญ่ กำแพงไม่ติดกัน เหมือนเป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาว ๆ ลึกเข้าไป ด้านหน้าของตึกติดตั้งระเบียงเหล็ก (คล้ายกับตะแกรงเหล็ก) และมีบันไดขึ้นทั้ง 2 ทาง เหมือนทางขึ้นเมรุอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งทางบริษัทจัดหาไว้ให้ 3 ห้อง นับเรียงจากฝั่งซ้าย (คุณแจ็คขอเรียกเป็นห้องซ้าย ห้องกลาง ห้องขวา) แต่ละห้องจะแบ่งเป็น 2 ห้องนอน (นอนด้วยกันห้องนอนละ 2 คน ก็จะพอดีจำนวน 12 คน) คุณแจ็คเล่าเสริมว่า อาชีพโฟร์แมนจะมีความรู้เรื่ององค์ประกอบการก่อสร้าง แต่เมื่อได้เห็นที่พักที่ถูกจัดให้พักนั้นก็เกิดความรู้สึกว่ามัน ‘แปลก’ ชอบกลในแต่ละห้อง ส่วนของชั้นล่างจะโล่ง มีบันไดขึ้นชั้นบน มีห้องนอน 2 ห้อง คือ ห้องนอนด้านหน้าที่ติดกับระเบียงเหล็ก และห้องนอนด้านหลัง ส่วนที่แปลกคือประตูทางเข้าของห้องนอนด้านหน้าต้องเข้าจากทางระเบียงเท่านั้น ไม่มีประตูให้เข้าจากข้างใน แม้จะเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพียงใด เหล่าโฟร์แมนทั้ง 12 คนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะที่พักแห่งนี้ถูกจัดมาให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าจะให้หาที่พักใหม่ ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองวันหนึ่ง หลังจากเลิกงาน ก็มีปาร์ตี้สังสรรค์กินดื่มกันบ้างเป็นเรื่องปกติ 1 ใน 12 โฟร์แมน นามว่า ‘คุณต้อม’ บอกว่ารู้สึกเหนื่อย จึงขอเข้าไปนอนพักแทนที่จะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน สมาชิกที่เหลือไม่ได้ผิดสังเกตอะไร จึงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน จนถึงเวลาประมาณ 4 ทุ่ม คุณต้อมก็วิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้อง แล้วบอกว่า “ผีอำว่ะ” เพื่อนร่วมงานที่เป็นชายปากกล้าก็ถามกลับไปว่า “คิดมากไปหรือเปล่า นอนมากไป ฝันมากไป ผีไม่มีหรอก และผีที่อำเนี่ย ผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิง เดี๋ยวจัดการให้” สิ้นเสียงนั้น ทุกคนในที่นั้นก็เห็นผ้าขนหนูผืนบางที่ถูกแขวนอยู่ตรงผนังหลุดออกมา แล้วก็ถูกเหวี่ยงมาใส่หน้าของผู้ชายคนนั้น! ทุกคนทั้งอึ้งและงงกับเหตุการณ์นั้น จากนั้นพี่ซีเนียร์ในกลุ่มก็พยายามพูดเพื่อไม่ให้ทุกคนหวั่นกระเจิงไปกันใหญ่ว่า “ห้องนี้ไม่ได้ปิดประตูหน้าต่างให้มันดี ลมมันอาจจะพัดมาก็ได้” แต่ทุกคนก็อดคิดไม่ได้ช่วงกลางวันของวันต่อมา คุณเยี่ยมก็ออกเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ สิ่งหนึ่งที่เห็นคือบริเวณหน้าประตูมีปี่เซียะตั้งอยู่ นั่นไม่ใช่จุดที่ผิดสังเกต แต่สิ่งที่ชวนสงสัยคือทุกซอกทุกมุมของตึกไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง มีปี่เซียะวางอยู่ทุกจุด! คุณเยี่ยมคิดว่าเจ้าของตึกอาจจะมีความเชื่อทางด้านนี้ และเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปี่เซียะมีไว้ทำไม จึงไม่ได้สนใจแม้จะสงสัยอยู่ในใจก็ตามหลังจากนั้นหลังเลิกงาน ปาร์ตี้สังสรรค์ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เวลาประมาณเที่ยงคืนทุกคนก็เริ่มแยกย้ายไปนอน เริ่มจากห้องกลาง เป็นห้องของคุณเยี่ยมและคุณต้อม ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มหลับประมาณตีหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมาจากบันได คล้ายกับเสียงรองเท้าคัทชูไม่ก็ส้นสูง คุณเยี่ยมนอนฟังอยู่ก็นึกสงสัยว่าใครกันที่จะใส่รองเท้าแบบนั้นเดินขึ้นบันได เพราะทั้งเขาและคุณต้อมต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ จากเสียงรองเท้ากระทบกับปูนก็เปลี่ยนเป็นเสียงที่กระทบกับเหล็กดัง “ก๊องแก๊ง ก๊องแก๊ง” ไปตามจังหวะการเดินคุณเยี่ยมที่นอนอยู่มองเห็นเงาของผู้หญิงผ่านหน้าต่าง สักพักเงานี้ก็เอาอะไรบางอย่างทุบกำแพงดัง “ตึงๆๆๆๆ” ซึ่งคุณเยี่ยมที่นอนอยู่ก็คิดว่าคงโดนเข้าให้แล้ว จึงหันไปหาคุณต้อมที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก็พบว่า คุณต้อมเองก็ไม่ได้หลับเช่นกัน! ทั้งคู่ตาเบิกโพลงและทำได้แค่มองหน้ากัน ไม่ทันได้หายตกใจ เงาร่างนั้นก็เดินไล่บนระเบียงไปห้องซ้ายไปห้องขวา เดินไปเดินมา (ระเบียงเชื่อมกันหมด) จนถึงตีสาม คุณเยี่ยมและคุณต้อมก็ยังนอนฟังเสียงนั้นอยู่และไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร!วันต่อมา ทั้งคู่ได้เล่าเรื่องที่เจอให้กับทุกคนฟัง ฝ่ายห้องขวาเป็นผู้หญิงก็บอกว่า “หนูคิดว่าหนูได้ยินแค่ 2 คน” ส่วนห้องทางซ้ายเป็นพี่ซีเนียร์คู่กับผู้ชายปากกล้าก็บอกว่า “ได้ยินเสียงเดินแบบนี้ทั้งคืน ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร” เมื่อทุกคนไม่รู้ว่ากำลังเจอกับอะไร แต่หลังจากนั้นเป็นเวลากว่า 1 อาทิตย์ เมื่อเข้าสู่เวลาตีหนึ่ง เสียงนั้นก็จะดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่มีใครใจกล้าพอที่จะออกไปดูว่ามันคืออะไรกันแน่..เรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นจากห้องข้างหน้าไม่พอ ห้องข้างหลังเองก็เช่นกัน เขาเล่าว่า “ตอนที่นอนอยู่นั้น ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แต่ผมโดนผีอำ” ไม่ได้โดนผีอำแค่คนเดียว แต่ทุกคนที่นอนอยู่ห้องข้างหลังก็โดนผีอำกันทุกคน! เมื่อเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ ทุกคนจึงตกลงกันว่าหลังจากนี้จะไม่ดื่มแอลกอฮอล์กันอีกและนอนให้เร็วขึ้น เผื่อว่าจะดีขึ้นเมื่อเปลี่ยนเวลาให้นอนเร็วขึ้น คุณเยี่ยมกลับไม่สบายตัวอย่างที่คิด เขานอนกระสับกระส่าย จนถึงเวลา 4 ทุ่ม เสียงเคาะหน้าต่างก็ดังขึ้น! “พี่ๆ ช่วยหนูด้วย!” เป็นน้องผู้หญิง 2 คน ที่มาจากห้องขวาวิ่งมาขอความช่วยเหลือ เมื่อเปิดประตูออกไป น้องก็บอกว่า “หนูอ่ะ หลับไปแล้ว ส่วนเพื่อนอีกคนลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาทำกับข้าวอยู่ข้างล่าง แล้วก็มีเสียงคนซักผ้า” เธอเล่าต่อว่าพอเข้าห้องน้ำเสร็จก็ปิดไฟเดินกลับมาที่ห้อง เพื่อนคนที่นอนอยู่ก็นอนบิดไปบิดมา สักพักก็เอามาคว้าอะไรบางอย่าง แล้วก็ตะโกนออกมา “ว๊ากกกกก!” หลุดออกมาจากอาการผีอำ! เธอเล่าเพิ่มเติมว่าเหมือนมีผู้หญิงคนนึงมานั่งทับที่หน้าอก แล้วก็จับตัวไว้ไม่ให้ขยับ พอเพื่อนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำกลับมา ถึงได้หลุดออกจากตรงนั้น เมื่อเห็นท่าไม่ดี จึงวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือหลังจากได้ยินเสียงผู้หญิงเรียก ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องกลาง และพร้อมใจบอกว่า “โดนผีอำเหมือนกัน” ซึ่งจะโดนแตกต่างกันไป ผู้หญิงบ้าง ผู้ชายบ้าง บางคนไม่เห็นตัวแต่ขยับตัวไม่ได้ คุณเยี่ยมซึ่งไม่เคยโดนผีอำก็โดนเช่นกัน เหตุการณ์คือ ขณะที่กำลังนอนอยู่ เห็นผู้หญิงเดินเข้ามาในห้อง แล้วก็เอามานั่งทับที่หน้าอก จากนั้นก็บีบคอ คุณเยี่ยมก็พยายามขัดขืนแต่ก็ทำไม่ได้ และหันไปหาเพื่อนที่นอนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับตะโกนเรียก แต่เรียกเท่าไหร่ ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอด จึงนึกถึงพระ จากนั้นเสียงก็ออกมา เพื่อนที่นอนอยู่บอกว่าได้ยินเสียงแปลก ๆ จึงปลุกคุณเยี่ยมให้ตื่นด้วยความที่ทั้งหมดเป็นพนักงานใหม่ การจะย้ายออกแล้วต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเองนั้นก็ดูจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ทุกคนจึงจำใจอยู่ที่นี่ต่อ ในทุก ๆ คืน ตี 1 – 3 ก็จะต้องเจอกับเหตุการณ์หลอนซ้ำ ๆ วนมาไม่จบสิ้น จะมีเพียงวันเสาร์อาทิตย์ที่แต่ละคนได้กลับบ้าน นั่นจึงเป็นเวลาหาเครื่องรางของขลังมาป้องกันตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร…เหตุการณ์ดำเนินมาจนถึงช่วงประมาณเดือนที่ 4 – 5 บริษัทได้เรียกพนักงาน 6 คน เปลี่ยนไปทำงานที่อื่น ทำให้เหลือเพียง 6 คน ที่โชคร้ายยังต้องเผชิญเรื่องหลอนไม่จบไม่สิ้น ทุกคนตกลงกันว่าจะนอนด้วยกัน ห้องละ 3 คน เพื่อความสบายใจ พี่ซีเนียร์พูดขึ้นมาว่า “ที่เราเจอกันอยู่เนี่ย มันไม่ใช่ผีแค่ตัวเดียว น่าจะมีเป็นสิบ” น้อง ๆ ในกลุ่มจึงถามขึ้นว่า “พี่รู้ได้ยังไง?” พี่ซีเนียร์ตอบว่า “กูไปรู้อะไรบางอย่างมา มึงรู้มั้ยว่าค่าเช่าของที่นี่เดือนละเท่าไหร่? 3 คูหา มันเดือนละ 5,000” ซึ่งก็ได้วิเคราะห์ว่า อาจเป็นเพราะตึกนี้มันร้างมาก่อน แล้วพอมีบริษัทมาเช่าให้พนักงานอยู่ เขาก็เลยพยายามมาเคลียร์โดยการเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ มาวางไว้ และยังสังเกตอีกว่า ตลอดเวลา 4 – 5 เดือนที่ผ่านมานี้ ไม่มีใครสักคนที่เดินเข้ามาถามว่าอีก 5 คูหาที่เหลือยังว่างให้เช่ามั้ย ทั้ง ๆ ที่ตรงนี้เป็นทำเลดี ติดถนนใหญ่ ทุกคนจึงคุยกันอีกรอบว่าจะแก้ปัญหานี้กันอย่างไรดี ได้ข้อสรุปว่าจะทำบุญครั้งใหญ่ จึงไปซื้ออาหารและจัดเตรียมสิ่งของสำหรับการทำบุญ…เมื่อวันทำบุญมาถึง ช่วงเวลากลางวันแสก ๆ หลังจากปักธูปไหว้เสร็จ พี่ซีเนียร์ก็ดันคิดอะไรแปลก ๆ ไปหยิบจานและตะเกียบมาเคาะแล้วพูดว่า “อ้าว มากินข้าวกินเร็ว” หลังจากเคาะ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังวิ่งลงมาเป็นสิบ ๆ คน ผ้าม่านที่อยู่ตรงนั้นก็ไหวไปมา ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น!หลังจากทำบุญให้ ก็ยังเจออยู่เหมือนเดิมไม่เบาลงเลย แม้ทุกคนจะรู้อยู่แก่ใจว่าที่แห่งนี้มีอะไรบางอย่างมาอยู่ร่วมด้วย แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ จึงต้องอยู่และทำงานกันต่อไป จนกระทั่งถึงเดือนที่ 7 พนักงานกลุ่มนี้ต้องย้ายออก ก็ได้มีพนักงานใหม่เข้ามาอยู่แทน ทั้ง 2 กลุ่มได้คุยกัน หนึ่งในกลุ่มที่มาใหม่บอกว่า “ผมเอาลูกมาอยู่ด้วย วันหนึ่งผมเห็นลูกผมยื่นขนมให้ใครก็ไม่รู้” ในวันย้ายออกมีการจ้างรถชาวบ้านมาช่วยขนย้าย คุณลุงที่เป็นคนขับรถก็ชวนคุยระหว่างทาง “นึกว่าใครมาอยู่ ที่แท้ก็นายช่างนี่เอง แล้วมาอยู่ได้ยังไง ที่นี่ผีดุ นายช่างไม่รู้เหรอ” จากนั้นทุกคนก็รุมถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…คุณลุงเล่าว่าย้อนกลับไปว่า สมัยก่อนที่ตรงนั้นยังเป็นป่าช้า จากนั้นก็มีการล้างป่าช้า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าล้างหมดหรือไม่ ส่วนใกล้ ๆ กับบริเวณนั้นเป็นลานโล่ง แล้วก็มีการสร้างโรงพยาบาล คนที่เป็นเจ้าของที่เห็นว่ามันน่าจะพัฒนาที่ดินได้ จึงอยากสร้างอาคารพาณิชย์ แม้จะมีเสียงรอบข้างห้ามปราม แต่เขาก็ดึงดันที่จะสร้าง รวมทั้งไม่ได้สนใจโครงสร้างและการออกแบบเลย ตึกที่ได้จึงมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมยาววางเรียงกันเหมือนกับโลงศพ! พอมีคนมาเช่า ผลประกอบการก็ไม่ดี ทำมาค้าขายไม่ขึ้น จึงให้ซินแสเข้ามาช่วยดู เขาจึงแนะนำว่าให้ปรับหน้าตาของอาคารให้ดูดีขึ้น ให้มันมีอะไรอยู่ข้างหน้าหน่อย จึงเป็นที่มาของการสร้างระเบียงนั่นเอง นั่นยิ่งทำให้เหมือนทางขึ้นเมรุเข้าไปอีก เรียกได้ว่ายิ่งแก้ยิ่งเละและเมื่อขุดประวัติลึกเท่าไหร่ ความน่ากลัวของคูหาเหล่านี้ก็ยิ่งทวีคูณ ห้องกลางนั้นมีเคยมีผู้หญิงผูกคอตาย ห้องขวาเคยมีสามีภรรยาทะเลาะกัน ฝ่ายชายลงมือฆ่า ส่วนห้องซ้ายเป็นสามีภรรยาเช่นกัน ฝ่ายชายฆ่าฝ่ายหญิง แล้วกินยาฆ่าตัวตายตาม ยังไม่นับรวมเคสอื่น ๆ อีก รวมแล้วมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นกว่า 5 ราย ส่วนคูหาอื่นที่ไม่มีคนเข้าไปอยู่ก็ไม่รู้ว่ามีเคสอะไรเกิดขึ้นบ้าง…และนี่คือเหตุการณ์หลอนทั้งหมด ที่โฟร์แมนทั้ง 12 คนเป็นพยานรู้เห็นความหลอนในครั้งนี้ติดตามความหลอนย้อนหลังได้

album

0
0.8
1