‘ธี่หยด’ จากเรื่องเล่ารายการผี สู่ผลงานภาพยนตร์บนจอเงินเรื่องแรกของ The Ghost Radio เข้าฉาย 26 ตุลาคมนี้

ENTERTAINMENT NEWS

‘ธี่หยด’ จากเรื่องเล่ารายการผี สู่ผลงานภาพยนตร์บนจอเงินเรื่องแรกของ The Ghost Radio เข้าฉาย 26 ตุลาคมนี้

09 ส.ค. 2023

เป็นรายการเล่าเรื่องผีสุดฮอตขวัญใจของคนชอบฟังประสบการณ์สยองขวัญ สำหรับ The Ghost Radio โดย พี่แจ็ค-วัชรพล ฝึกใจดี ซึ่งหลายปีที่ผ่านมามีเรื่องเล่าหลายสายจากแฟนรายการ ที่โทรมาถ่ายทอดประสบการณ์ความหลอน จนกลายเป็นไวรัลหลอนล้านวิว! และตามมาด้วยกระแสเรียกร้องให้มีการนำเรื่องเล่ามาสร้างเป็นซีรีส์และภาพยนตร์

ล่าสุดกระแสเรียกร้องเกิดขึ้นจริงแล้ว เพราะเพจ The Ghost Radio ออกมาเปิดเผยว่า กำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้ไอเดียมาจากเรื่องเล่าผีหน้าไมค์ ซึ่งจะประเดิมกันด้วยเรื่องแรก ‘ธี่หยด’ ประสบการณ์เกี่ยวกับเสียงเรียกแห่งความหลอน เรื่องผีในตำนานซึ่งเคยถูกพิมพ์เอาไว้บน pantip.com และเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน คุณกิต เจ้าของเรื่องได้โทรมาเล่าในรายการให้ฟังกันแบบครบทุกอรรถรส

แม้จะยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายชื่อนักแสดง ไปจนถึงรายชื่อทีมงานเบื้องหลัง แต่มีการการปล่อยทีเซอร์โปสเตอร์ชิ้นแรกออกมาเป็นน้ำจิ้มให้ได้ชมกัน ก่อนที่ ‘ธี่หยด’ จะเข้าฉายอย่างเป็นทางการ 26 ตุลาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

ภาพ : The Ghost Radio

related ENTERTAINMENT NEWS

บ้านพักร้างสร้างเรื่อง! 12 พยานหลอนเห็นตรงกัน ขนาดทำบุญใหญ่แล้วก็ยังดุดัน ไม่เกรงใจใคร! | อังคารคลุมโปง

27 ธ.ค. 2022

บ้านพักร้างสร้างเรื่อง! 12 พยานหลอนเห็นตรงกัน ขนาดทำบุญใหญ่แล้วก็ยังดุดัน ไม่เกรงใจใคร! | อังคารคลุมโปง

รายการ ‘อังคารคลุมโปง’ ที่ผ่านมา (20 ธันวาคม 2565) ได้เชิญ ‘คุณแจ็ค The Ghost Radio’ กลับมาเล่าเรื่องผีกันอีกครั้ง คราวนี้แพ็คความหลอนมาเต็มกระเป๋าต้อนรับปีใหม่ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ผีในวงเหล้า’ งานนี้ทำเอาดีเจแนน และดีเจซันเดย์ต้องอ้าปากค้าง ยกให้เป็นเรื่องหลอนระดับสิบกันเลยทีเดียว !คุณแจ็คเกริ่นเรื่องว่า ในทุก ๆ วงสนทนา และการดื่มกินสังสรรค์ ภายใต้ค่ำคืนแห่งความมืดมิด บรรยากาศหลอน ๆ ชวนให้ต้องเล่าเรื่องผี ดังนั้นเรื่องที่จะเล่านี้ ผีไม่ได้ปรากฏขึ้นมาในวงเหล้าให้เห็นจะ ๆ แต่เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นในวงสนทนาเรื่องนี้มาจาก ‘คุณเยี่ยม’ เพื่อนของ ‘คุณเซน’ แฟนรายการ The Ghost Radio เขาเล่าว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับกลุ่มคน 12 คน ที่อยู่ในสถานที่เดียวกัน ทั้งหมดเป็นพยานความหลอนในครั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงที่พึ่งเข้าไปทำงานใหม่กับบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในตำแหน่ง ‘โฟร์แมน’ หรือ ‘ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง’ ครั้งนั้นได้รับมอบหมายให้ไปทำงานสร้างห้างสรรพสินค้าในจังหวัดปราจีนบุรี ทางคุณเยี่ยมและเพื่อนร่วมงาน ก็ต้องเดินทางไปประจำที่ไซต์งานแห่งนั้น โดยทางบริษัทได้จัดหาที่พักไว้ให้ และต้องอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 7 เดือนเต็มที่พักแห่งนี้มีลักษณะเป็นคูหาทั้งหมด 8 ห้องใหญ่ กำแพงไม่ติดกัน เหมือนเป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาว ๆ ลึกเข้าไป ด้านหน้าของตึกติดตั้งระเบียงเหล็ก (คล้ายกับตะแกรงเหล็ก) และมีบันไดขึ้นทั้ง 2 ทาง เหมือนทางขึ้นเมรุอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งทางบริษัทจัดหาไว้ให้ 3 ห้อง นับเรียงจากฝั่งซ้าย (คุณแจ็คขอเรียกเป็นห้องซ้าย ห้องกลาง ห้องขวา) แต่ละห้องจะแบ่งเป็น 2 ห้องนอน (นอนด้วยกันห้องนอนละ 2 คน ก็จะพอดีจำนวน 12 คน) คุณแจ็คเล่าเสริมว่า อาชีพโฟร์แมนจะมีความรู้เรื่ององค์ประกอบการก่อสร้าง แต่เมื่อได้เห็นที่พักที่ถูกจัดให้พักนั้นก็เกิดความรู้สึกว่ามัน ‘แปลก’ ชอบกลในแต่ละห้อง ส่วนของชั้นล่างจะโล่ง มีบันไดขึ้นชั้นบน มีห้องนอน 2 ห้อง คือ ห้องนอนด้านหน้าที่ติดกับระเบียงเหล็ก และห้องนอนด้านหลัง ส่วนที่แปลกคือประตูทางเข้าของห้องนอนด้านหน้าต้องเข้าจากทางระเบียงเท่านั้น ไม่มีประตูให้เข้าจากข้างใน แม้จะเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพียงใด เหล่าโฟร์แมนทั้ง 12 คนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะที่พักแห่งนี้ถูกจัดมาให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าจะให้หาที่พักใหม่ ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองวันหนึ่ง หลังจากเลิกงาน ก็มีปาร์ตี้สังสรรค์กินดื่มกันบ้างเป็นเรื่องปกติ 1 ใน 12 โฟร์แมน นามว่า ‘คุณต้อม’ บอกว่ารู้สึกเหนื่อย จึงขอเข้าไปนอนพักแทนที่จะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน สมาชิกที่เหลือไม่ได้ผิดสังเกตอะไร จึงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน จนถึงเวลาประมาณ 4 ทุ่ม คุณต้อมก็วิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้อง แล้วบอกว่า “ผีอำว่ะ” เพื่อนร่วมงานที่เป็นชายปากกล้าก็ถามกลับไปว่า “คิดมากไปหรือเปล่า นอนมากไป ฝันมากไป ผีไม่มีหรอก และผีที่อำเนี่ย ผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิง เดี๋ยวจัดการให้” สิ้นเสียงนั้น ทุกคนในที่นั้นก็เห็นผ้าขนหนูผืนบางที่ถูกแขวนอยู่ตรงผนังหลุดออกมา แล้วก็ถูกเหวี่ยงมาใส่หน้าของผู้ชายคนนั้น! ทุกคนทั้งอึ้งและงงกับเหตุการณ์นั้น จากนั้นพี่ซีเนียร์ในกลุ่มก็พยายามพูดเพื่อไม่ให้ทุกคนหวั่นกระเจิงไปกันใหญ่ว่า “ห้องนี้ไม่ได้ปิดประตูหน้าต่างให้มันดี ลมมันอาจจะพัดมาก็ได้” แต่ทุกคนก็อดคิดไม่ได้ช่วงกลางวันของวันต่อมา คุณเยี่ยมก็ออกเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ สิ่งหนึ่งที่เห็นคือบริเวณหน้าประตูมีปี่เซียะตั้งอยู่ นั่นไม่ใช่จุดที่ผิดสังเกต แต่สิ่งที่ชวนสงสัยคือทุกซอกทุกมุมของตึกไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง มีปี่เซียะวางอยู่ทุกจุด! คุณเยี่ยมคิดว่าเจ้าของตึกอาจจะมีความเชื่อทางด้านนี้ และเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปี่เซียะมีไว้ทำไม จึงไม่ได้สนใจแม้จะสงสัยอยู่ในใจก็ตามหลังจากนั้นหลังเลิกงาน ปาร์ตี้สังสรรค์ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เวลาประมาณเที่ยงคืนทุกคนก็เริ่มแยกย้ายไปนอน เริ่มจากห้องกลาง เป็นห้องของคุณเยี่ยมและคุณต้อม ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มหลับประมาณตีหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมาจากบันได คล้ายกับเสียงรองเท้าคัทชูไม่ก็ส้นสูง คุณเยี่ยมนอนฟังอยู่ก็นึกสงสัยว่าใครกันที่จะใส่รองเท้าแบบนั้นเดินขึ้นบันได เพราะทั้งเขาและคุณต้อมต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ จากเสียงรองเท้ากระทบกับปูนก็เปลี่ยนเป็นเสียงที่กระทบกับเหล็กดัง “ก๊องแก๊ง ก๊องแก๊ง” ไปตามจังหวะการเดินคุณเยี่ยมที่นอนอยู่มองเห็นเงาของผู้หญิงผ่านหน้าต่าง สักพักเงานี้ก็เอาอะไรบางอย่างทุบกำแพงดัง “ตึงๆๆๆๆ” ซึ่งคุณเยี่ยมที่นอนอยู่ก็คิดว่าคงโดนเข้าให้แล้ว จึงหันไปหาคุณต้อมที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก็พบว่า คุณต้อมเองก็ไม่ได้หลับเช่นกัน! ทั้งคู่ตาเบิกโพลงและทำได้แค่มองหน้ากัน ไม่ทันได้หายตกใจ เงาร่างนั้นก็เดินไล่บนระเบียงไปห้องซ้ายไปห้องขวา เดินไปเดินมา (ระเบียงเชื่อมกันหมด) จนถึงตีสาม คุณเยี่ยมและคุณต้อมก็ยังนอนฟังเสียงนั้นอยู่และไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร!วันต่อมา ทั้งคู่ได้เล่าเรื่องที่เจอให้กับทุกคนฟัง ฝ่ายห้องขวาเป็นผู้หญิงก็บอกว่า “หนูคิดว่าหนูได้ยินแค่ 2 คน” ส่วนห้องทางซ้ายเป็นพี่ซีเนียร์คู่กับผู้ชายปากกล้าก็บอกว่า “ได้ยินเสียงเดินแบบนี้ทั้งคืน ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร” เมื่อทุกคนไม่รู้ว่ากำลังเจอกับอะไร แต่หลังจากนั้นเป็นเวลากว่า 1 อาทิตย์ เมื่อเข้าสู่เวลาตีหนึ่ง เสียงนั้นก็จะดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่มีใครใจกล้าพอที่จะออกไปดูว่ามันคืออะไรกันแน่..เรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นจากห้องข้างหน้าไม่พอ ห้องข้างหลังเองก็เช่นกัน เขาเล่าว่า “ตอนที่นอนอยู่นั้น ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แต่ผมโดนผีอำ” ไม่ได้โดนผีอำแค่คนเดียว แต่ทุกคนที่นอนอยู่ห้องข้างหลังก็โดนผีอำกันทุกคน! เมื่อเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ ทุกคนจึงตกลงกันว่าหลังจากนี้จะไม่ดื่มแอลกอฮอล์กันอีกและนอนให้เร็วขึ้น เผื่อว่าจะดีขึ้นเมื่อเปลี่ยนเวลาให้นอนเร็วขึ้น คุณเยี่ยมกลับไม่สบายตัวอย่างที่คิด เขานอนกระสับกระส่าย จนถึงเวลา 4 ทุ่ม เสียงเคาะหน้าต่างก็ดังขึ้น! “พี่ๆ ช่วยหนูด้วย!” เป็นน้องผู้หญิง 2 คน ที่มาจากห้องขวาวิ่งมาขอความช่วยเหลือ เมื่อเปิดประตูออกไป น้องก็บอกว่า “หนูอ่ะ หลับไปแล้ว ส่วนเพื่อนอีกคนลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาทำกับข้าวอยู่ข้างล่าง แล้วก็มีเสียงคนซักผ้า” เธอเล่าต่อว่าพอเข้าห้องน้ำเสร็จก็ปิดไฟเดินกลับมาที่ห้อง เพื่อนคนที่นอนอยู่ก็นอนบิดไปบิดมา สักพักก็เอามาคว้าอะไรบางอย่าง แล้วก็ตะโกนออกมา “ว๊ากกกกก!” หลุดออกมาจากอาการผีอำ! เธอเล่าเพิ่มเติมว่าเหมือนมีผู้หญิงคนนึงมานั่งทับที่หน้าอก แล้วก็จับตัวไว้ไม่ให้ขยับ พอเพื่อนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำกลับมา ถึงได้หลุดออกจากตรงนั้น เมื่อเห็นท่าไม่ดี จึงวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือหลังจากได้ยินเสียงผู้หญิงเรียก ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องกลาง และพร้อมใจบอกว่า “โดนผีอำเหมือนกัน” ซึ่งจะโดนแตกต่างกันไป ผู้หญิงบ้าง ผู้ชายบ้าง บางคนไม่เห็นตัวแต่ขยับตัวไม่ได้ คุณเยี่ยมซึ่งไม่เคยโดนผีอำก็โดนเช่นกัน เหตุการณ์คือ ขณะที่กำลังนอนอยู่ เห็นผู้หญิงเดินเข้ามาในห้อง แล้วก็เอามานั่งทับที่หน้าอก จากนั้นก็บีบคอ คุณเยี่ยมก็พยายามขัดขืนแต่ก็ทำไม่ได้ และหันไปหาเพื่อนที่นอนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับตะโกนเรียก แต่เรียกเท่าไหร่ ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอด จึงนึกถึงพระ จากนั้นเสียงก็ออกมา เพื่อนที่นอนอยู่บอกว่าได้ยินเสียงแปลก ๆ จึงปลุกคุณเยี่ยมให้ตื่นด้วยความที่ทั้งหมดเป็นพนักงานใหม่ การจะย้ายออกแล้วต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเองนั้นก็ดูจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ทุกคนจึงจำใจอยู่ที่นี่ต่อ ในทุก ๆ คืน ตี 1 – 3 ก็จะต้องเจอกับเหตุการณ์หลอนซ้ำ ๆ วนมาไม่จบสิ้น จะมีเพียงวันเสาร์อาทิตย์ที่แต่ละคนได้กลับบ้าน นั่นจึงเป็นเวลาหาเครื่องรางของขลังมาป้องกันตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร…เหตุการณ์ดำเนินมาจนถึงช่วงประมาณเดือนที่ 4 – 5 บริษัทได้เรียกพนักงาน 6 คน เปลี่ยนไปทำงานที่อื่น ทำให้เหลือเพียง 6 คน ที่โชคร้ายยังต้องเผชิญเรื่องหลอนไม่จบไม่สิ้น ทุกคนตกลงกันว่าจะนอนด้วยกัน ห้องละ 3 คน เพื่อความสบายใจ พี่ซีเนียร์พูดขึ้นมาว่า “ที่เราเจอกันอยู่เนี่ย มันไม่ใช่ผีแค่ตัวเดียว น่าจะมีเป็นสิบ” น้อง ๆ ในกลุ่มจึงถามขึ้นว่า “พี่รู้ได้ยังไง?” พี่ซีเนียร์ตอบว่า “กูไปรู้อะไรบางอย่างมา มึงรู้มั้ยว่าค่าเช่าของที่นี่เดือนละเท่าไหร่? 3 คูหา มันเดือนละ 5,000” ซึ่งก็ได้วิเคราะห์ว่า อาจเป็นเพราะตึกนี้มันร้างมาก่อน แล้วพอมีบริษัทมาเช่าให้พนักงานอยู่ เขาก็เลยพยายามมาเคลียร์โดยการเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ มาวางไว้ และยังสังเกตอีกว่า ตลอดเวลา 4 – 5 เดือนที่ผ่านมานี้ ไม่มีใครสักคนที่เดินเข้ามาถามว่าอีก 5 คูหาที่เหลือยังว่างให้เช่ามั้ย ทั้ง ๆ ที่ตรงนี้เป็นทำเลดี ติดถนนใหญ่ ทุกคนจึงคุยกันอีกรอบว่าจะแก้ปัญหานี้กันอย่างไรดี ได้ข้อสรุปว่าจะทำบุญครั้งใหญ่ จึงไปซื้ออาหารและจัดเตรียมสิ่งของสำหรับการทำบุญ…เมื่อวันทำบุญมาถึง ช่วงเวลากลางวันแสก ๆ หลังจากปักธูปไหว้เสร็จ พี่ซีเนียร์ก็ดันคิดอะไรแปลก ๆ ไปหยิบจานและตะเกียบมาเคาะแล้วพูดว่า “อ้าว มากินข้าวกินเร็ว” หลังจากเคาะ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังวิ่งลงมาเป็นสิบ ๆ คน ผ้าม่านที่อยู่ตรงนั้นก็ไหวไปมา ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น!หลังจากทำบุญให้ ก็ยังเจออยู่เหมือนเดิมไม่เบาลงเลย แม้ทุกคนจะรู้อยู่แก่ใจว่าที่แห่งนี้มีอะไรบางอย่างมาอยู่ร่วมด้วย แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ จึงต้องอยู่และทำงานกันต่อไป จนกระทั่งถึงเดือนที่ 7 พนักงานกลุ่มนี้ต้องย้ายออก ก็ได้มีพนักงานใหม่เข้ามาอยู่แทน ทั้ง 2 กลุ่มได้คุยกัน หนึ่งในกลุ่มที่มาใหม่บอกว่า “ผมเอาลูกมาอยู่ด้วย วันหนึ่งผมเห็นลูกผมยื่นขนมให้ใครก็ไม่รู้” ในวันย้ายออกมีการจ้างรถชาวบ้านมาช่วยขนย้าย คุณลุงที่เป็นคนขับรถก็ชวนคุยระหว่างทาง “นึกว่าใครมาอยู่ ที่แท้ก็นายช่างนี่เอง แล้วมาอยู่ได้ยังไง ที่นี่ผีดุ นายช่างไม่รู้เหรอ” จากนั้นทุกคนก็รุมถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…คุณลุงเล่าว่าย้อนกลับไปว่า สมัยก่อนที่ตรงนั้นยังเป็นป่าช้า จากนั้นก็มีการล้างป่าช้า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าล้างหมดหรือไม่ ส่วนใกล้ ๆ กับบริเวณนั้นเป็นลานโล่ง แล้วก็มีการสร้างโรงพยาบาล คนที่เป็นเจ้าของที่เห็นว่ามันน่าจะพัฒนาที่ดินได้ จึงอยากสร้างอาคารพาณิชย์ แม้จะมีเสียงรอบข้างห้ามปราม แต่เขาก็ดึงดันที่จะสร้าง รวมทั้งไม่ได้สนใจโครงสร้างและการออกแบบเลย ตึกที่ได้จึงมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมยาววางเรียงกันเหมือนกับโลงศพ! พอมีคนมาเช่า ผลประกอบการก็ไม่ดี ทำมาค้าขายไม่ขึ้น จึงให้ซินแสเข้ามาช่วยดู เขาจึงแนะนำว่าให้ปรับหน้าตาของอาคารให้ดูดีขึ้น ให้มันมีอะไรอยู่ข้างหน้าหน่อย จึงเป็นที่มาของการสร้างระเบียงนั่นเอง นั่นยิ่งทำให้เหมือนทางขึ้นเมรุเข้าไปอีก เรียกได้ว่ายิ่งแก้ยิ่งเละและเมื่อขุดประวัติลึกเท่าไหร่ ความน่ากลัวของคูหาเหล่านี้ก็ยิ่งทวีคูณ ห้องกลางนั้นมีเคยมีผู้หญิงผูกคอตาย ห้องขวาเคยมีสามีภรรยาทะเลาะกัน ฝ่ายชายลงมือฆ่า ส่วนห้องซ้ายเป็นสามีภรรยาเช่นกัน ฝ่ายชายฆ่าฝ่ายหญิง แล้วกินยาฆ่าตัวตายตาม ยังไม่นับรวมเคสอื่น ๆ อีก รวมแล้วมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นกว่า 5 ราย ส่วนคูหาอื่นที่ไม่มีคนเข้าไปอยู่ก็ไม่รู้ว่ามีเคสอะไรเกิดขึ้นบ้าง…และนี่คือเหตุการณ์หลอนทั้งหมด ที่โฟร์แมนทั้ง 12 คนเป็นพยานรู้เห็นความหลอนในครั้งนี้ติดตามความหลอนย้อนหลังได้

คลอดแล้วครับ! ‘น้องโกสเตอร์’ ลูกชายคนแรกของ แจ็ค วัชรพล และ ตั๊กกี้ แฟนรายการร่วมแสดงความยินดีเพียบ

13 เม.ย. 2024

คลอดแล้วครับ! ‘น้องโกสเตอร์’ ลูกชายคนแรกของ แจ็ค วัชรพล และ ตั๊กกี้ แฟนรายการร่วมแสดงความยินดีเพียบ

ข่าวดีต้อนรับสงกรานต์และปีใหม่ไทย เมื่อพี่แจ็ค-วัชรพล ฝึกใจดี เจ้าชายแห่งวงการเล่าเรื่องผีผู้ก่อตั้ง The Ghost Radio คลื่นสยองของคนรุ่นใหม่ ออกมาประกาศข่าวให้กับแฟนรายการได้ร่วมดีใจ เมื่อภรรยาคนเก่งอย่าง พี่ตั๊กกี้ ได้คลอดลูกชายคนแรกแล้ว เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 เมษายน 2567 ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมกับภูมิใจที่จะได้เปิดตัวชื่อของลูกชายคนแรกนั่นคือ ‘เด็กชายโกสเตอร์ ธนากร’ นั่นเองพี่แจ็ค ออกมาโพสต์ภาพแรกของครอบครัว ขณะที่เขาคอยเฝ้าให้กำลังใจภรรยาไม่ห่าง โดยระบุว่า“ขอต้อนรับลูกชายของพ่อกับแม่สู่โลกใบนี้ โลกที่หนูไม่รู้จัก แต่พ่อกับแม่จะพาหนูมาทำความรู้จักกับดาวดวงนี้ที่ชื่อว่าโลก พ่อกับแม่จะแนะนำ จะเลี้ยง จะสอนให้หนูเติบโตอย่างแข็งแรง เป็นคนดีมีคุณภาพบนโลกใบนี้ ตราบเท่าที่พ่อกับแม่คนนี้จะทำได้“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จัก เด็กชาย โกสเตอร์ (Ghoster) ธรากรผมเป็นพ่อคนแล้วคร้าบ 13/4/25672024/4/13”จากนั้นเพื่อนพี่น้องในวงการบันเทิง รวมถึงบรรดาเดอะโกสเตอร์ซึ่งเป็นแฟนรายการต่างก็เข้าไปร่วมแสดงความยินดีกับทั้ง พี่แจ็ค และ พี่ตั๊กกี้ มากมาย ส่วนสุขภาพร่างกายของทั้งคุณแม่และลูกลูกก็แข็งแรงสมบูรณ์ดี EFM ขอร่วมแสดงความยินดีกับพี่แจ็คและครอบครัวด้วยภาพ : jack_theghost

ภาพยนตร์เรื่อง ‘ธี่หยด’ โกยรายได้ทั่วประเทศไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท

02 พ.ย. 2023

ภาพยนตร์เรื่อง ‘ธี่หยด’ โกยรายได้ทั่วประเทศไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท

สร้างกระแสฟีเวอร์ต่อเนื่องสำหรับภาพยนตร์เรื่อง ธี่หยด หลังจากเข้าฉายวันแรก 26 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมกับสร้างสถิติเป็นหนังไทยที่ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านบาทเร็วที่สุดของปีนี้ล่าสุดทางเพจ Major Group ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า ธี่หยด ยังคงประสบความสำเร็จในแง่ของรายได้ เพราะ ณ ปัจจุบันสามารถทำเงินจากการเข้าฉายทั่วประเทศไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท อีกทั้งยังคงสร้างปรากฏการณ์ผู้ชมเต็มโรงในหลายรอบการฉาย ถือเป็นผลงานหนังไทยอีกเรื่องที่กระแสตอบรับถล่มทลายในปีนี้สำหรับ ธี่หยด ภาพยนตร์สยองขวัญผลงานการกำกับของ คุ้ย-ทวีวัฒน์ วันทา นำแสดงโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ, เดนิส เจลีลชา และ มิ้ม รัตนวดี ดำเนินการสร้างโดยช่อง 3 และ M STUDIO จากเค้าโครงเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2515 ซึ่งเคยถูกเล่าผ่านกระทู้ pantip และเรื่องเล่ารายการผีจนกลายเป็นหนึ่งตำนานที่แฟน ๆ ชื่นชอบภาพ : M Studio

ภาพยนตร์ ‘ธี่หยด’ ตำนานเรื่องผีบนโซเชียล ปล่อยตัวอย่างแรกให้ชมแล้ว และได้ ณเดชน์ มารับบท ‘ลุงยักษ์’ MVP ของเรื่อง

06 ก.ย. 2023

ภาพยนตร์ ‘ธี่หยด’ ตำนานเรื่องผีบนโซเชียล ปล่อยตัวอย่างแรกให้ชมแล้ว และได้ ณเดชน์ มารับบท ‘ลุงยักษ์’ MVP ของเรื่อง

แค่เพียงปล่อยโปสเตอร์แรกออกมาก็สร้างกระแสฮือฮาบนโซเชียลได้ไม่น้อย สำหรับ ‘ธี่หยด’ ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องใหม่ จากความร่วมมือระหว่างช่อง 3 และ M Studio ที่หยิบเรื่องเล่าสยองขวัญในตำนานมาถ่ายทอดใหม่ในรูปแบบภาพยนตร์ ที่จะทำให้ผู้ชมได้สะพึงทุกโสตประสาท และสัมผัสกับความหลอนชวนขนหัวลุกโดยล่าสุดมีการปล่อยตัวอย่างแรกของภาพยนตร์เรื่อง ‘ธี่หยด’ ออกมาให้ได้ชมเป็นน้ำจิ้ม พร้อมกับเปิดตัวรายชื่อนักแสดงทั้ง มิ้ม-รัตนวดี วงศ์ทอง, เดนิส-เจลีลชา คัปปุน, จูเนียร์-กาจบัณฑิต ใจดี, เฟรนด์-พีระกฤตย์ พชรบุณยเกียรติ, นีน่า-ณัฐชา นีน่า พาโดวัน ร่วมด้วย เฟรซ-อริศรา วงษ์ชาลี, ปลาย-ปรเมศร์ น้อยอ่ำ และไฮไลท์คือได้พระเอกสุดฮอตอย่าง แบรี่-ณเดชน์ คูกิมิยะ มารับบท ‘ลุงยักษ์’ ตัวละครที่ทุกคนที่ได้อ่านและฟังเรื่อง ‘ธี่หยด’ ในเวอร์ชันเรื่องเล่า ต่างก็ยกให้เป็น MVP ของเรื่องหลอนเรื่องนี้สำหรับ ‘ธี่หยด’ ภาพยนตร์ที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นใน จ.กาญจนบุรี พ.ศ. 2551 ตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญ กับเสียงหลอนปริศนายามค่ำคืน สู่ความสยองเต็มตาบนจอภาพยนตร์ ผลงานการกำกับของ คุ้ย-ทวีวัฒน์ วันทา และมี แป๊บ-ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์ นั่งเก้าอี้โปรดิวเซอร์ ซึ่งทั้งคู่เคยฝากความประทับใจกับคอหนังสยองขวัญมาแล้วในเรื่อง ‘ทองสุก 13’ ซึ่ง ‘ธี่หยด’ จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 26 ตุลาคมนี้ภาพ : M Studio

album

0
0.8
1