2 พรานหนุ่มด้อยประสบการณ์ ออกล่าสัตว์กลางป่าลึก เจอแฟนสาวกวักมือเรียก สุดท้ายกลายร่างเป็น... โดนขย้ำเละ!

ENTERTAINMENT NEWS

2 พรานหนุ่มด้อยประสบการณ์ ออกล่าสัตว์กลางป่าลึก เจอแฟนสาวกวักมือเรียก สุดท้ายกลายร่างเป็น... โดนขย้ำเละ!

11 ก.พ. 2023

“เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด..” เชื่อว่าใครได้ยินเพลงนี้ ต้องนึกถึงวิญญาณเสือร้ายจากละครอมตะอย่าง ‘อังกอร์’ เรื่องหลอนเรื่องนี้เองก็เช่นกัน.. จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อนายพรานน้อยประสบการณ์ 2 คน ชวนกันเข้าป่าล่าสัตว์ แต่สุดท้ายต้องกลับออกมาคนเดียว นอกจากเสียเพื่อนแล้วยังเสียสติไปอีก! เรื่องนี้มาจาก ‘คุณหนึ่งเกียร์แปด’ ได้โทรเข้ามาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (31 มกราคม 2566) ที่ผ่านมา

คุณหนึ่งเล่าว่าเรื่องนี้มาจากประสบการณ์จริงของนายพรานกะเหรี่ยงคนหนึ่ง (จะขอเรียกนามสมมติว่า นายพรานศักดิ์) ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน นายพรานศักดิ์ยังวัยรุ่น อายุน้อยด้อยประสบการณ์ วันหนึ่งคุยกับเพื่อนนายพราน ชื่อว่า ‘เอก’ (นามสมมติ) ว่าจะพากันเข้าไปล่าสัตว์ในเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นป่าดิบรกทึบ ทั้งสองพากันไปในจุดที่เรียกว่า ‘ดินโป่ง’ ที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์มักมีสิงสาราสัตว์มาที่บริเวณนี้ ทำให้ล่าสัตว์ได้ง่าย นายพรานอ่อนประสบการณ์ใช้เวลาค่อนวันกว่าจะถึงจุดหมายที่ต้องการ...

เมื่อถึงจุดหมาย นายพรานทั้งสองไม่รีรอ ตั้งห้างบนต้นไม้เพื่อที่จะได้ยิงสัตว์ได้สะดวก เมื่อเสร็จก็บอกกล่าวเจ้าป่าเจ้าเขาตามธรรมเนียม จากนั้นก็สุ่มดูสัตว์ตั้งแต่ช่วงบ่าย เวลาล่วงเลยจนค่ำมืด บรรยากาศก็เริ่มวังเวง นายพรานวัยเยาว์ทั้ง 2 สังเกตได้ว่ามีสิ่งผิดปกติ จากเสียงร้องของสัตว์กลางคืนที่ปกติจะดังก็กลับเงียบหาย จนเวลาเกือบเที่ยงคืน ก็ได้ยินเสียงคนเดินเหยียบใบไม้ดังขึ้น! ในคืนเดือนหงายเช่นนี้ ทำให้วิสัยทัศน์ค่อนข้างดี นายพรานสองคนช่วยกันมองว่านั่นคือเสียงอะไร แต่ก็มองไม่เห็น ทุกอย่างยังว่างเปล่าเหมือนเดิม สักพักก็ได้ยินเสียงคนคุยกันเป็นภาษากะเหรี่ยง สองนายพรานทำได้แค่มองหน้ากันด้วยความสงสัย

ไม่นาน เสียงคนเดินก็ดังเข้ามาเรื่อย ๆ สองนายพรานมองลงไปที่ใต้ต้นไม้ก็เห็นเป็นผู้หญิง พอมองชัด ๆ อีกทีก็เห็นว่าเป็นแฟนสาวของนายพรานเอก! ด้วยความอ่อนประสบการณ์ นายพรานเอกก็ร้อนตะโกนถามว่า “น้องมาทำอะไร!” อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “พี่ ๆ ลงมาหน่อย มีธุระด่วน!” พร้อมกับกวักมือเรียกนายพรานเอกไปด้วย!

ระหว่างที่นายพรานศักดิ์กำลังชั่งใจคิด นายพรานเอกก็วางปืนแล้วปีนบันไดลงไปหาผู้หญิงข้างล่างทันที! พอเท้าแตะพื้น เสียงเขี้ยวก็ดังกระทบเนื้อดัง ชั้บ! สนั่นหวั่นไหวไปทั่วผืนป่า นายพรานศักดิ์มองตามลงไปก็เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นได้กลายร่างเป็นเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่แล้วงับเข้าไปที่คอของเพื่อน จากนั้นก็ลากเข้าไปในป่าทันที! นายพรานศักดิ์ตกใจทำปืนของตัวเองร่วง จึงหยิบเอาปืนของเพื่อนขึ้นมายิงตามไล่หลัง แต่ก็ไม่โดนเลยสักนัด! นายพรานศักดิ์คิดว่าตามไปคงไม่ดีแน่ จึงรอให้ถึงรุ่งเช้า

รุ่งเช้ามาถึง นายพรานศักดิ์ก็ตามรอยเลือดไป พบกับซากศพของเพื่อนที่ถูกกัดแทะจนเหวอะหวะ จึงรีบวิ่งออกจากป่าเพื่อไปตามให้ชาวบ้านมาช่วยกันลำเลียงศพ แต่เมื่อชาวบ้านมาถึง ศพก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว! และเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาเกือบ 40 ปี ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครพบศพหรือร่องรอยของนายพรานเอกอีกเลย..

ฟังเรื่องราวเต็ม ๆ ได้ที่ 

 

related ENTERTAINMENT NEWS

หลอนข้างทาง! เมื่อขับรถกลับบ้านคนเดียวยามวิกาล ดันเจอประสบการณ์ที่ทำให้ต้องโกนหัวตลอดชีวิต!

12 ต.ค. 2022

หลอนข้างทาง! เมื่อขับรถกลับบ้านคนเดียวยามวิกาล ดันเจอประสบการณ์ที่ทำให้ต้องโกนหัวตลอดชีวิต!

ประสบการณ์ขวัญผวานี้ มาจากคุณเบิร์ดพาหลอน สายแรกในรายการ “อังคารคลุมโปง” เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (11 ตุลาคม 2565) ได้โทรเข้ามาแชร์ประสบการณ์ที่ได้ฟังจากรุ่นพี่ในวงดนตรีให้ดีเจแนน และดีเจเจ็มได้คลุมโปงไปพร้อมกัน เรื่องราวจะหลอนและชวนขวัญหนีดีฝ่ออย่างไร เชิญอ่านความหลอนกันได้เลย!คุณเบิร์ดเล่าว่าประสบการณ์หลอนนี้ ได้ฟังมาจากรุ่นพี่ที่เคยเล่นดนตรีด้วยกัน (ขอแทนว่า พี่เอ) ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว คุณเบิร์ดยังเล่นดนตรีกลางคืนอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทุกครั้งที่ต้องไปรับงานเล่นดนตรีด้วยกัน พี่เอจะใส่หมวกอยู่ตลอด จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังเล่นดนตรีเสร็จ พี่เอได้ถอดหมวกออกมา ทำให้คุณเบิร์ดเห็นว่าพี่เอหัวโล้น จึงถามไปว่า “ทำไมถึงโกนหัวล่ะครับพี่?” พี่เอได้ตอบกลับมาว่า “เบิร์ด...เอ็งเชื่อเรื่องผีหรือเปล่า? ถ้าเอ็งเชื่อ พี่จะเล่าให้ฟัง แต่ถ้าไม่เชื่อ พี่จะไม่เล่า” คุณเบิร์ดตอบกลับด้วยเสียงหนักแน่นว่า “เชื่อครับ”พี่เอเล่าว่า ก่อนที่จะมาทำวงดนตรีกับคุณเบิร์ดในขณะนั้น เขาเคยเล่นอยู่อีกวงใน จ.พระนครศรีอยุธยาเช่นเดียวกัน แต่อาศัยอยู่ที่บ้านใน จ.อ่างทอง ทำให้ต้องขับรถไปกลับอ่างทองและอยุธยาอยู่เสมอ แน่นอนว่าหลังเลิกงาน เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงตี 2-3 แล้ว และนั่นคือเวลาที่พี่เอต้องขับรถกลับบ้าน...จนกระทั่งคืนหนึ่ง พี่เอได้ขับรถกลับบ้านในเวลาปกติ โดยใช้เส้นทางที่หลายคนก็รู้กันดีว่ามืดมาก พอขับไปสักระยะ พี่เอก็สังเกตเห็น “คน” ยืนอยู่ข้างหน้าไกลๆ เมื่อรถขับเข้าไปใกล้ “คน” ที่ว่า ก็เริ่มเห็นชัดแล้วว่าคนคนนี้ “ไม่มีหัว!”เมื่อพี่เอเห็นดังนั้น ก็รวบรวมสติไม่ให้ตัวเองหันไปมอง และพยายามมองตรงไปข้างหน้า พอขับผ่านตรงนั้นไป พี่เอมองไปที่กระจกรถก็ยังเห็น “ร่างที่ไม่มีหัว” ยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน แต่ยังไม่ทันได้หายตกใจ ขับต่อไปอีกสักพัก ก็ยังเจอร่างเดิมย้ายมายืนอยู่ข้างหน้าอีกครั้ง!รอบนี้พี่เอแทบตั้งสติไม่อยู่ แต่ก็พยายามเอาหน้าไปแนบกับพวงมาลัย เพื่อที่จะได้ไม่เห็นเงาสะท้อนกระจกอีก ไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงดังมาจากหลังรถ “ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!” พี่เอทำตามสัญชาติญาณหันกลับไปดูทันที สิ่งที่เห็นคือร่างที่ไม่มีหัว กำลังวิ่งตามรถมาอย่างบ้าคลั่ง และที่มาของเสียง “ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!” คือ “หัว” ที่กระทบกระรถของพี่เอนั่นเอง!เมื่อขับรถกลับถึงบ้าน พี่เอก็รีบลงจากรถ และตรงไปที่นอนเพื่อคลุมโปงทันที ด้วยความแปลกใจของภรรยา เธอจึงถามพี่เอว่า “เกิดอะไรขึ้น?” แต่พี่เอก็ไม่ยอมตอบอะไรกลับมา ภรรยาที่เห็นดังนั้นจึงออกไปเลื่อนรถมาจอดในบริเวณบ้านเช้าวันรุ่งขึ้น พี่เอได้เล่าเรื่องเมื่อคืนให้กับภรรยาฟัง เธอจึงบอกว่า “ตอนที่ขับรถเข้าไปจอดในบ้าน เห็นมีคนมายืนอยู่หน้าบ้าน คิดว่าเป็นเพื่อนของพี่ กะว่าขยับรถเข้ามาแล้ว จะไปเรียกคนนั้นเข้ามาในบ้าน แต่พอลงจากรถมาก็ไม่เจอคนนั้นยืนอยู่แล้ว” นอกจากนี้ภรรยาก็ยังบอกเพิ่มเติมอีกว่าคนคนนั้นเขามีหัวปกติหลังจากคืนนั้น พี่เอต้องหยุดงานเล่นดนตรีกลางคืนเกือบทั้งสัปดาห์ เพราะมีไข้ขึ้นสูง และเส้นผมก็หลุดออกมาเป็นกระจุกอย่างไม่มีสาเหตุ แถมผมที่ขึ้นใหม่นั้น ยังมีสภาพไม่เหมือนเดิมอีกด้วย พี่เอจึงตัดสินใจตัดโกนผมจนกระทั่งทุกวันนี้…สามารถติดตามชมความหลอนย้อนหลังแบบเต็มๆ ได้ทางหากคุณชอบเรื่องหลอน และอยากแชร์ประสบการณ์ขนหัวลุก รับชมรายการสดได้ทุกวันอังคาร เวลา 20.00-22.00 น. ทางคลื่นวิทยุ EFM94 และ App : Atimefungfin

ซีซั่นนี้ไม่รอด! ดีเจมดดำติดโควิด-19 เข้ารับการรักษาแล้ว

06 มิ.ย. 2022

ซีซั่นนี้ไม่รอด! ดีเจมดดำติดโควิด-19 เข้ารับการรักษาแล้ว

ซีซั่นนี้ไม่รอด! ดีเจมดดำ โพสต์ภาพผลตรวจ ATK บนอินสตาแกรมส่วนตัวขึ้น “สองขีด” พร้อมแคปชัน “ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ตรวจทุกวัน ตรวจทั้งวัน ปรากฎไม่ขึ้น วันนี้ขึ้นชัดเจนมากกก ขออภัย ทุกท่าน ที่ได้ร่วมงานกัน ติดโควิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอหยุดงานยาวเลย เจอกันใหม่อาทิตย์หน้า” ซึ่งมีแฟนคลับและเพื่อนๆ พี่ๆ ในวงการบันเทิงมาคอมเมนต์ให้กำลังใจอย่างแนบแน่นภาพ : moddamkachapa

จำฝังใจ!! แม่เปลี่ยนไป เพราะปลดเบาผิดที่…

20 ต.ค. 2022

จำฝังใจ!! แม่เปลี่ยนไป เพราะปลดเบาผิดที่…

เรื่องราวชวนขนหัวลุกนี้ มาจากคุณฟีน สายแรกที่โทรเข้ามาแชร์ประสบการณ์ของคุณแม่ให้ดีเจแนน และดีเจเคเบิลได้คลุมโปงไปด้วยกัน ในรายการ “อังคารคลุมโปง” เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (18 ตุลาคม 2565)คุณฟีนเล่าว่า ครอบครัวของคุณฟีนมีกิจการคณะลิเก ในช่วงๆ หนึ่งของทุกปี จะต้องเดินทางไปแสดงลิเกที่วัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ และในปีที่ทำให้ต้องพบกับประสบการณ์หลอนนั้น คือปี พ.ศ. 2545 ทางวัดได้จัดพื้นที่ให้คณะลิเกตั้งซุ้มคณะใกล้ๆ กับพื้นที่ก่อสร้างด้วยพื้นที่ที่จำกัดทำให้คณะลิเก จัดตั้งได้เพียงแค่ด้านหน้าเวทีการแสดงเท่านั้น ส่วนด้านหลังที่เป็นพื้นที่พักผ่อนหรือแต่งตัวแต่งหน้าของทีมงานและนักแสดง ต้องย้ายไปจัดอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างข้างๆ ที่เป็นลักษณะลานกว้างและหลังคายังสร้างไม่เสร็จดี ถัดจากลานกว้าง ก็มีห้องๆ หนึ่งที่ยังเป็นโครงประตู หน้าต่างที่กำลังก่อสร้างอยู่และเนื่องจากทางวัดไม่เคยจัดให้โรงลิเกอยู่ในพื้นที่นี้มาก่อน ทำให้ระยะทางระหว่างโรงลิเกและห้องน้ำอยู่ห่างกันมาก ทีมงานและนักแสดงหลายคนจึงตัดสินใจปลดเบาที่ห้องห้องนั้นแทน...จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่ยังมีการแสดงลิเกอยู่นั้น คุณแม่ของคุณฟีนก็ได้ไปปลดเบาที่ห้องนั้นเช่นเคย หลังจากนั้นแกก็เริ่มมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงราวกับว่ามีคนเอาไม้หน้าสามมาตีที่หัวอย่างไรอย่างนั้น!เมื่อการแสดงจบลง คนในครอบครัวก็สังเกตว่าอาการปวดหัวนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งทำให้ตาของคุณแม่เหล่ และเมื่อคุณแม่ไปหาหมอ ก็ได้รับมาเพียงยาพาราเซตามอลคุณฟีนเล่าต่ออีกว่า บ้านของเธอเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนมี 4 ห้อง แบ่งเป็นฝั่งซ้ายขวาอย่างละ 2 ห้อง ซึ่งทางด้านขวาเป็นห้องพระ ในระหว่างที่คุณพ่อกำลังประคองคุณแม่เดินขึ้นมายังชั้น 2 จู่ๆ คุณแม่ก็ก้มหัวตัวเองลงกับพื้น จากนั้นก็ไถหัวแล้วเบนหน้าหนีจากห้องพระเพื่อขึ้นบันไดจนถึงห้องแล้วก็ปิดประตูทันที!คุณฟีนเสริมว่า ภายในห้องพระนั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของต้นตระกูลอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือพ่อแก่ที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ของทวด ซึ่งไม่มีใครกล้าบูรณะให้เพราะหลายคนสัมผัสได้ถึงความดุของท่านเมื่ออาการของคุณแม่เริ่มหนักขึ้น บรรดาญาติๆ ต่างก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียน ไม่ต่างจากคุณลุง ผู้ซึ่งทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถบบางรัก คุณลุงเองก็อยากให้คุณแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลนี้ และตั้งใจจะไปขอให้คุณหมอที่สนิทกันช่วยรักษาให้เมื่อไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็ยินดีรับคุณแม่เข้ารับการรักษา ซึ่งตอนนั้นคุณฟีนเองก็สัมผัสได้ว่าตอนนี้เหมือนคุณแม่ของเธอเหมือนมีสองคนอยู่ในร่างเดียว บางครั้งก็เป็นคุณแม่ที่คุณฟีนรู้จัก แต่ในบางครั้งก็จะแสดงท่าทีแปลกไปทางด้านลูกพี่ลูกน้องของคุณฟีน ก็รู้สึกแปลกใจเรื่องนี้เช่นกัน ขณะที่คุณแม่กำลังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ญาติของคุณฟีน จึงลองสวดคาถาชินบัญชร พอสวดเสร็จก็สอดคาถาไว้ใต้หมอนของคุณแม่ จากนั้น คุณแม่ก็ตื่นขึ้น!แต่กลับกลายเป็นว่า คุณแม่ไม่ยอมนอนหนุนหมอนที่มีคาถาซ่อนอยู่ พร้อมกันนั้นแกกลับสลับเอาเท้าไปพาดกับหมอนแทน ก่อนจะพูดว่า “ไม่นอน ไม่อยากนอน ไม่เอา” ซ้ำวนไปมาหลายรอบ แล้วยังบอกอีกว่า “เอาบทสวดมนต์ออกไป” เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนเข้าใจแล้วว่า คุณแม่ต้องโดนของหรืออะไรบางอย่างแน่ๆ... แต่ก็จะรักษาด้านวิทยาศาสตร์ควบคู่กับความเชื่อไปด้วยผ่านไปได้ 3-4 วัน คุณอาที่รับหน้าที่เฝ้าคุณแม่ก็ได้โทรมาบอกว่า คุณแม่เริ่มอาการไม่ดี ให้รีบมาที่โรงพยาบาลด่วน ถ้าคืนนี้ไม่ไหว ก็อาจจะต้องปล่อยให้คุณแม่ไป เมื่อไปถึงโรงพยาบาล บรรดาญาติก็เห็นว่าคุณแม่ไม่ได้นอนซมเพราะป่วย แต่ลุกขึ้นมาพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “ขอตังค์หน่อยสิ ขอตังค์หน่อยได้ไหม” ญาติก็ถามกลับว่า “จะเอาตังค์ไปทำอะไร?” แม่ก็ตอบว่า “อยากได้เงิน ต้องใช้เงิน”หลังจากนั้นคุณหมอก็พาเข้าห้องไป เมื่อรักษาเสร็จก็พาออกมา และดูเหมือนว่า อาการของคุณแม่จะดีขึ้น แต่ก็ถูกมัดมือมัดเท้าเพราะมีสายท่อที่ใช้ในการรักษาระโยงระยางเต็มไปหมดทางครอบครัวยังคงรักษาคุณแม่ต่อในโรงพยาบาล ส่วนในแง่ของความเชื่อ ก็มีคนแนะนำมาว่าให้ไปหาพระวัดป่ารูปหนึ่งในจ.ราชบุรี เผื่อท่านจะช่วยได้ จากนั้นคุณย่าก็ไปหาพระรูปนั้น เพื่อนำวันเดือนปีเกิดของคุณแม่ไปให้ พอยื่นให้ท่าน ท่านก็พูดว่า “เขาโกรธนะ ไปเยี่ยวรดหัวเขาแบบนั้น คนมอญน่ะเขาโกรธนะ เขาจะเอาไปเลยนะ”นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า “คนที่มาสิง เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสองสี เป็นคนมอญ”และยังถามอีกว่า “มีลูก 2 คนใช่ไหม?” ย่าก็ตอบว่า “ใช่” พระท่านจึงแนะนำว่า “ให้คนโตบวช 15 วัน ส่วนคนเล็กให้เลิกกินเนื้อตลอดชีวิต และให้นำของไหว้ ไปที่ที่แม่เคยโดนของ แล้วก็ขอขมา บอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจ” หลังจากนั้นไม่กี่วัน คุณย่าก็รีบไปทำพิธีตามที่พระท่านบอก คุณย่าเล่าให้ฟังว่า ที่ตรงนั้นทั้งมืด ทั้งน่ากลัว แต่ก็ทำการสวดมนต์และขอขมาจนเสร็จสิ้นกลับมาที่ฝั่งของโรงพยาบาล ก็เหมือนมีอะไรมาดลใจคุณหมอให้เดินมาที่เตียงของคุณแม่ แล้วถามคุณอาว่า “ขอถามหน่อยสิ คนไข้ตาเหล่มาตั้งแต่กำเนิดเลยไหม?” อาก็ตอบกลับว่า “ไม่ใช่ค่ะ” เมื่อคุณหมอได้ยินดังนั้น ก็ให้นักศึกษาแพทย์มาช่วยกันตรวจอาการของคุณแม่ทันที เพราะมีเคสน้อยมากที่จะปวดหัวจนตาเหล่แบบนี้ เมื่อคุณหมอได้วินิจฉัยเสร็จแล้ว ผลตรวจออกมาว่า คุณแม่มีอาการไวรัสขึ้นสมอง เป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่คุณย่าได้ไปขอขมาพอดี คุณแม่ก็เริ่มมีอาการดีขึ้นแต่ก็ใช้เวลาเกือบ 1 เดือนเต็มเลยทีเดียวเมื่อได้ออกจากโรงพยาบาล คุณแม่ก็กลายเป็นคนที่พูดช้าลง รวมทั้งการกระทำต่างๆ ก็ด้วย แล้วคุณแม่ก็เล่าให้ฟังว่า “ก่อนที่แม่จะไปโรงพยาบาล แม่ก็ยืนอยู่หน้าห้องพระ แล้วพูดว่าพ่อแก่ ขอให้ลูกหายกลับมา ลูกจะบวช 15 วัน” แล้วก็บอกว่าตอนที่อยู่โรงพยาบาลแม่ฝันว่า “มีคนมาจ้างลิเกให้ไปเล่นบนสวรรค์ แม่ก็ชักรอกขึ้นไป แล้วก็มีคนเอาตุ๊กตามาให้แม่ถือเต็มมือเลย แต่แม่ก็ทำหล่น คนข้างล่างที่เป็นเหมือนคนมอญก็พูดขึ้นมาว่าทำหล่นเหรอ แล้วก็โดนด่า” แล้วยังฝันอีกว่า “แม่กระโดดข้ามตึกไปมา แล้วก็ไม่ตาย มีคนมาช่วย แล้วก็เห็นคนที่ตายทุกคนมายืนล้อมเตียงเหมือนพยายามจะมาช่วยแม่”หลังจากนั้น คุณแม่และพี่ชายของคุณฟีนก็ไปบวช ส่วนคุณฟีนก็เลิกกินเนื้อตลอดชีวิต และคุณแม่ก็ได้ไปหาพระรูปนั้นที่คุณย่าเคยไปหา พระท่านก็แนะนำอีกว่า “ให้เลิกกินหอยที่มีคนเอาไปปล่อย พยายามทำบุญตักบาตรเรื่อยๆ นะ”แต่หลายคนก็สงสัยว่ามีทีมงานและนักแสดงหลายคนที่ไปปลดเบาในห้องนั้น ไม่เห็นมีใครมีอาการเหมือนคุณแม่เลย ท่านจึงบอกว่า “อาจเพราะดวงกำลังตก และเป็นคนจิตอ่อนทำให้โดนได้ง่าย”นับตั้งแต่วันนั้น คุณแม่ก็ยังคงพูดช้าจวบจนทุกวันนี้ แต่ก็ไม่มีอาการแปลกๆ เหมือนช่วงที่เข้าโรงพยาบาลอีกเลย... สามารถติดตามชมความหลอนย้อนหลังแบบเต็มๆได้ทางหากคุณชอบเรื่องหลอน และอยากแชร์ประสบการณ์ขนหัวลุก รับชมรายการสดได้ทุกวันอังคาร เวลา 20.00-22.00 น. ทางคลื่นวิทยุ EFM94 และ App : Atimefungfin

หลอนกลางดึก เมื่อเจอชายแปลกหน้า ต้องสวดมนต์ตามพระถึงหลุดจากภวังค์ ช็อค! ห้องนี้เคยมีคนฆ่าตัวตาย | อังคารคลุมโปง

05 ม.ค. 2023

หลอนกลางดึก เมื่อเจอชายแปลกหน้า ต้องสวดมนต์ตามพระถึงหลุดจากภวังค์ ช็อค! ห้องนี้เคยมีคนฆ่าตัวตาย | อังคารคลุมโปง

เริ่มต้นปีใหม่ด้วยความหลอนต่อเนื่องกับเรื่อง หอพัก@สระบุรี จากคุณส้ม ที่ได้โทรเข้ามาเล่าเรื่องชวนขนหัวลุกในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ ที่ผ่านมา (27 ธันวาคม 2565) เรื่องราวจะเป็นยังไง แท็กชวนเพื่อนมาอ่านไปด้วยกันเลย!คุณส้มที่มีอาชีพเป็นวิศวกร ต้องย้ายไปประจำไซต์งานที่ต่างจังหวัดบ่อยครั้ง ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน คุณส้มได้ไปประจำไซต์งานที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่คุณส้มได้ไปที่จังหวัดนี้ การจองหอพักจึงเป็นการจองออนไลน์ ไม่ได้มีการเข้าไปดูห้องจริงแต่อย่างใด เมื่อตกลงเสร็จสรรพ เวลาย้ายเข้าหอก็มาถึง...คุณส้มมีความเชื่อว่า ประตู 3 ชั้นอย่าตรงกัน เพราะเป็นทางผีผ่าน แต่หอที่เข้าไปพักอยู่เป็นแบบนั้นเลย เมื่ออยู่ไปสักพัก ก็มักจะได้ยินเสียงคนวิ่งหรือคุยกันตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากวันพระใหญ่มาถึง คุณส้มเลิกงานแล้วกลับห้องตามปกติก็อาบน้ำ ด้วยความที่เป็นคนสายตาสั้น จึงเข้าใจว่ามีเชือกห้อยอยู่ตรงผ้าม่านกลางห้อง พอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ จึงพบว่าเป็นงูตัวเล็กที่กำลังชูคออยู่! คุณส้มตกใจร้องกรี๊ดและรีบวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือจากแม่บ้านประจำหอทันที คุณส้มตั้งใจว่าอยากให้ช่วยไล่ออกไป แต่พอแม่บ้านมาถึงดันใช้ไม้ถูพื้นตีหัวงูจนตาย คุณส้มมองภาพนั้นด้วยความสยอง และคิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว หลังจากนั้นประมาณ 2 ทุ่ม ก็เตรียมเข้านอนก่อนนอนนั้น คุณส้มก็โทรคุยกับแฟนตามปกติ ผ่านไปประมาณเที่ยงคืน แฟนคุณส้มก็ปลุกคุณส้มด้วยความโมโห แล้วบอกให้เปิดกล้องระหว่างคุยกันด้วย เพราะอยากจะเช็คว่าคุณส้มอยู่กับคนอื่นหรือเปล่า แฟนคุณส้มบอกว่าได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ใกล้ ๆ คุณส้ม เมื่อได้ยินดังนั้นคุณส้มก็เริ่มใจคอไม่ดี พอเช็คว่าห้องไม่มีใครอื่นอยู่ก็ยังไม่วายทะเลาะกัน คุณส้มที่กลัวมากก็นอนไม่หลับ จึงโทรไปคุยกับคุณแม่ต่อ เวลาผ่านไปจนตี 2 คุณส้มอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ก็รู้สึกเหมือนเห็นตัวเองนอนหลับอยู่ แล้วก็เปิดประตูออกจากห้องไป แต่นอกห้องดันเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นเก่า ๆ ท่ามกลางหญ้ารกร้าง พอกลับเข้าไปในห้อง ก็เข้าไปนอนต่อ แล้วก็เห็นผู้ชายคนนึง ลักษณะมีฟันเหยิน ยิ้มอย่างขนลุก รูปร่างซูบผอม ทรงผมรากไทร ใส่เสื้อยืดสีดำ คุณส้มบอกว่าหน้าตาน่าเกลียดมาก มานั่งคร่อมตรงหน้าขาคุณส้ม แล้วก็พยายามจับมือดึงให้คุณส้มลุกขึ้นมา แล้วลากไปห้องน้ำ ถึงจะรู้สึกว่าร่างตัวเองถูกพาไป แต่คุณส้มก็ยังเห็นว่ามีร่างของตัวเองนอนอยู่ที่เตียงเหมือนเดิม!เมื่อฉุดกระชากกันไปกันมาสักพักใหญ่ คุณส้มก็เห็นพระ ซึ่งปกติแล้วคุณส้มก็มักจะสวดมนต์ก่อนนอนอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่สวดนั้น จะต้องมีบทสวดเพราะถ้าไม่มีบทสวดก็จะสวดไม่จบ หลังจากที่เห็นพระ ท่านก็บอกว่าให้สวดตาม เมื่อสวดตามจนจบ ก็ได้ยินเสียงนกร้อง แล้วก็สะดุ้งตื่นทันที! เมื่อดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 6 โมงเช้า ด้วยความกลัวจึงรีบออกไปทำงานคุณส้มเล่าเรื่องที่เจอให้คุณแม่ฟัง คุณแม่ที่เชื่อเรื่องร่างทรง จึงขอที่อยู่หอ ขอเลขห้อง เพื่อให้ร่างทรงช่วย ทางร่างทรงก็บอกว่าห้องที่คุณส้มอยู่นั้น มีการฆ่าตัวตาย 6 คน โดยการรมควัน ตอนแรกคุณส้มก็ไม่เชื่อเท่าไหร่ หลังจากนั้นคุณแม่ก็เดินทางมาหา และได้ไปถามคนแถวนั้น ปรากฏว่าก็มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงคุณส้มเล่าเพิ่มอีกว่ามีจุดที่ผิดสังเกตุคือ เจ้าของหอมักจะบอกให้อยู่ให้ครบ 6 เดือน กุญแจก็ต้องคืนถึงจะได้เงินประกัน พอคุณส้มออกกะทันหัน ยังไม่ทันได้คืนกุญแจ แต่ก็ไม่มีใครโทรตามให้กลับมาคืนเลย คนที่มาอยู่ห้องนี้ก่อนหน้า ก็อยู่ไม่ครบสัญญาเหมือนกัน และตอนที่ย้ายเข้าไปใหม่ ๆ ก็มีพวงมาลัยดอกไม้แห้ง ๆ วางอยู่หน้าห้องตอนนี้คุณส้มเปลี่ยนงาน ทำให้ไม่ต้องย้ายที่อยู่แล้ว ส่วนภาพของผู้ชายคนนั้นก็ยังจำได้มาจนถึงทุกวันนี้...ติดตามความหลอนย้อนหลัง

album

0
0.8
1