2 พรานหนุ่มด้อยประสบการณ์ ออกล่าสัตว์กลางป่าลึก เจอแฟนสาวกวักมือเรียก สุดท้ายกลายร่างเป็น... โดนขย้ำเละ!

ENTERTAINMENT NEWS

2 พรานหนุ่มด้อยประสบการณ์ ออกล่าสัตว์กลางป่าลึก เจอแฟนสาวกวักมือเรียก สุดท้ายกลายร่างเป็น... โดนขย้ำเละ!

11 ก.พ. 2023

“เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด..” เชื่อว่าใครได้ยินเพลงนี้ ต้องนึกถึงวิญญาณเสือร้ายจากละครอมตะอย่าง ‘อังกอร์’ เรื่องหลอนเรื่องนี้เองก็เช่นกัน.. จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อนายพรานน้อยประสบการณ์ 2 คน ชวนกันเข้าป่าล่าสัตว์ แต่สุดท้ายต้องกลับออกมาคนเดียว นอกจากเสียเพื่อนแล้วยังเสียสติไปอีก! เรื่องนี้มาจาก ‘คุณหนึ่งเกียร์แปด’ ได้โทรเข้ามาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (31 มกราคม 2566) ที่ผ่านมา

คุณหนึ่งเล่าว่าเรื่องนี้มาจากประสบการณ์จริงของนายพรานกะเหรี่ยงคนหนึ่ง (จะขอเรียกนามสมมติว่า นายพรานศักดิ์) ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน นายพรานศักดิ์ยังวัยรุ่น อายุน้อยด้อยประสบการณ์ วันหนึ่งคุยกับเพื่อนนายพราน ชื่อว่า ‘เอก’ (นามสมมติ) ว่าจะพากันเข้าไปล่าสัตว์ในเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นป่าดิบรกทึบ ทั้งสองพากันไปในจุดที่เรียกว่า ‘ดินโป่ง’ ที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์มักมีสิงสาราสัตว์มาที่บริเวณนี้ ทำให้ล่าสัตว์ได้ง่าย นายพรานอ่อนประสบการณ์ใช้เวลาค่อนวันกว่าจะถึงจุดหมายที่ต้องการ...

เมื่อถึงจุดหมาย นายพรานทั้งสองไม่รีรอ ตั้งห้างบนต้นไม้เพื่อที่จะได้ยิงสัตว์ได้สะดวก เมื่อเสร็จก็บอกกล่าวเจ้าป่าเจ้าเขาตามธรรมเนียม จากนั้นก็สุ่มดูสัตว์ตั้งแต่ช่วงบ่าย เวลาล่วงเลยจนค่ำมืด บรรยากาศก็เริ่มวังเวง นายพรานวัยเยาว์ทั้ง 2 สังเกตได้ว่ามีสิ่งผิดปกติ จากเสียงร้องของสัตว์กลางคืนที่ปกติจะดังก็กลับเงียบหาย จนเวลาเกือบเที่ยงคืน ก็ได้ยินเสียงคนเดินเหยียบใบไม้ดังขึ้น! ในคืนเดือนหงายเช่นนี้ ทำให้วิสัยทัศน์ค่อนข้างดี นายพรานสองคนช่วยกันมองว่านั่นคือเสียงอะไร แต่ก็มองไม่เห็น ทุกอย่างยังว่างเปล่าเหมือนเดิม สักพักก็ได้ยินเสียงคนคุยกันเป็นภาษากะเหรี่ยง สองนายพรานทำได้แค่มองหน้ากันด้วยความสงสัย

ไม่นาน เสียงคนเดินก็ดังเข้ามาเรื่อย ๆ สองนายพรานมองลงไปที่ใต้ต้นไม้ก็เห็นเป็นผู้หญิง พอมองชัด ๆ อีกทีก็เห็นว่าเป็นแฟนสาวของนายพรานเอก! ด้วยความอ่อนประสบการณ์ นายพรานเอกก็ร้อนตะโกนถามว่า “น้องมาทำอะไร!” อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “พี่ ๆ ลงมาหน่อย มีธุระด่วน!” พร้อมกับกวักมือเรียกนายพรานเอกไปด้วย!

ระหว่างที่นายพรานศักดิ์กำลังชั่งใจคิด นายพรานเอกก็วางปืนแล้วปีนบันไดลงไปหาผู้หญิงข้างล่างทันที! พอเท้าแตะพื้น เสียงเขี้ยวก็ดังกระทบเนื้อดัง ชั้บ! สนั่นหวั่นไหวไปทั่วผืนป่า นายพรานศักดิ์มองตามลงไปก็เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นได้กลายร่างเป็นเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่แล้วงับเข้าไปที่คอของเพื่อน จากนั้นก็ลากเข้าไปในป่าทันที! นายพรานศักดิ์ตกใจทำปืนของตัวเองร่วง จึงหยิบเอาปืนของเพื่อนขึ้นมายิงตามไล่หลัง แต่ก็ไม่โดนเลยสักนัด! นายพรานศักดิ์คิดว่าตามไปคงไม่ดีแน่ จึงรอให้ถึงรุ่งเช้า

รุ่งเช้ามาถึง นายพรานศักดิ์ก็ตามรอยเลือดไป พบกับซากศพของเพื่อนที่ถูกกัดแทะจนเหวอะหวะ จึงรีบวิ่งออกจากป่าเพื่อไปตามให้ชาวบ้านมาช่วยกันลำเลียงศพ แต่เมื่อชาวบ้านมาถึง ศพก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว! และเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาเกือบ 40 ปี ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครพบศพหรือร่องรอยของนายพรานเอกอีกเลย..

ฟังเรื่องราวเต็ม ๆ ได้ที่ 

 

related ENTERTAINMENT NEWS

หลอนข้างทาง! เมื่อขับรถกลับบ้านคนเดียวยามวิกาล ดันเจอประสบการณ์ที่ทำให้ต้องโกนหัวตลอดชีวิต!

12 ต.ค. 2022

หลอนข้างทาง! เมื่อขับรถกลับบ้านคนเดียวยามวิกาล ดันเจอประสบการณ์ที่ทำให้ต้องโกนหัวตลอดชีวิต!

ประสบการณ์ขวัญผวานี้ มาจากคุณเบิร์ดพาหลอน สายแรกในรายการ “อังคารคลุมโปง” เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (11 ตุลาคม 2565) ได้โทรเข้ามาแชร์ประสบการณ์ที่ได้ฟังจากรุ่นพี่ในวงดนตรีให้ดีเจแนน และดีเจเจ็มได้คลุมโปงไปพร้อมกัน เรื่องราวจะหลอนและชวนขวัญหนีดีฝ่ออย่างไร เชิญอ่านความหลอนกันได้เลย!คุณเบิร์ดเล่าว่าประสบการณ์หลอนนี้ ได้ฟังมาจากรุ่นพี่ที่เคยเล่นดนตรีด้วยกัน (ขอแทนว่า พี่เอ) ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว คุณเบิร์ดยังเล่นดนตรีกลางคืนอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทุกครั้งที่ต้องไปรับงานเล่นดนตรีด้วยกัน พี่เอจะใส่หมวกอยู่ตลอด จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังเล่นดนตรีเสร็จ พี่เอได้ถอดหมวกออกมา ทำให้คุณเบิร์ดเห็นว่าพี่เอหัวโล้น จึงถามไปว่า “ทำไมถึงโกนหัวล่ะครับพี่?” พี่เอได้ตอบกลับมาว่า “เบิร์ด...เอ็งเชื่อเรื่องผีหรือเปล่า? ถ้าเอ็งเชื่อ พี่จะเล่าให้ฟัง แต่ถ้าไม่เชื่อ พี่จะไม่เล่า” คุณเบิร์ดตอบกลับด้วยเสียงหนักแน่นว่า “เชื่อครับ”พี่เอเล่าว่า ก่อนที่จะมาทำวงดนตรีกับคุณเบิร์ดในขณะนั้น เขาเคยเล่นอยู่อีกวงใน จ.พระนครศรีอยุธยาเช่นเดียวกัน แต่อาศัยอยู่ที่บ้านใน จ.อ่างทอง ทำให้ต้องขับรถไปกลับอ่างทองและอยุธยาอยู่เสมอ แน่นอนว่าหลังเลิกงาน เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงตี 2-3 แล้ว และนั่นคือเวลาที่พี่เอต้องขับรถกลับบ้าน...จนกระทั่งคืนหนึ่ง พี่เอได้ขับรถกลับบ้านในเวลาปกติ โดยใช้เส้นทางที่หลายคนก็รู้กันดีว่ามืดมาก พอขับไปสักระยะ พี่เอก็สังเกตเห็น “คน” ยืนอยู่ข้างหน้าไกลๆ เมื่อรถขับเข้าไปใกล้ “คน” ที่ว่า ก็เริ่มเห็นชัดแล้วว่าคนคนนี้ “ไม่มีหัว!”เมื่อพี่เอเห็นดังนั้น ก็รวบรวมสติไม่ให้ตัวเองหันไปมอง และพยายามมองตรงไปข้างหน้า พอขับผ่านตรงนั้นไป พี่เอมองไปที่กระจกรถก็ยังเห็น “ร่างที่ไม่มีหัว” ยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน แต่ยังไม่ทันได้หายตกใจ ขับต่อไปอีกสักพัก ก็ยังเจอร่างเดิมย้ายมายืนอยู่ข้างหน้าอีกครั้ง!รอบนี้พี่เอแทบตั้งสติไม่อยู่ แต่ก็พยายามเอาหน้าไปแนบกับพวงมาลัย เพื่อที่จะได้ไม่เห็นเงาสะท้อนกระจกอีก ไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงดังมาจากหลังรถ “ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!” พี่เอทำตามสัญชาติญาณหันกลับไปดูทันที สิ่งที่เห็นคือร่างที่ไม่มีหัว กำลังวิ่งตามรถมาอย่างบ้าคลั่ง และที่มาของเสียง “ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!” คือ “หัว” ที่กระทบกระรถของพี่เอนั่นเอง!เมื่อขับรถกลับถึงบ้าน พี่เอก็รีบลงจากรถ และตรงไปที่นอนเพื่อคลุมโปงทันที ด้วยความแปลกใจของภรรยา เธอจึงถามพี่เอว่า “เกิดอะไรขึ้น?” แต่พี่เอก็ไม่ยอมตอบอะไรกลับมา ภรรยาที่เห็นดังนั้นจึงออกไปเลื่อนรถมาจอดในบริเวณบ้านเช้าวันรุ่งขึ้น พี่เอได้เล่าเรื่องเมื่อคืนให้กับภรรยาฟัง เธอจึงบอกว่า “ตอนที่ขับรถเข้าไปจอดในบ้าน เห็นมีคนมายืนอยู่หน้าบ้าน คิดว่าเป็นเพื่อนของพี่ กะว่าขยับรถเข้ามาแล้ว จะไปเรียกคนนั้นเข้ามาในบ้าน แต่พอลงจากรถมาก็ไม่เจอคนนั้นยืนอยู่แล้ว” นอกจากนี้ภรรยาก็ยังบอกเพิ่มเติมอีกว่าคนคนนั้นเขามีหัวปกติหลังจากคืนนั้น พี่เอต้องหยุดงานเล่นดนตรีกลางคืนเกือบทั้งสัปดาห์ เพราะมีไข้ขึ้นสูง และเส้นผมก็หลุดออกมาเป็นกระจุกอย่างไม่มีสาเหตุ แถมผมที่ขึ้นใหม่นั้น ยังมีสภาพไม่เหมือนเดิมอีกด้วย พี่เอจึงตัดสินใจตัดโกนผมจนกระทั่งทุกวันนี้…สามารถติดตามชมความหลอนย้อนหลังแบบเต็มๆ ได้ทางหากคุณชอบเรื่องหลอน และอยากแชร์ประสบการณ์ขนหัวลุก รับชมรายการสดได้ทุกวันอังคาร เวลา 20.00-22.00 น. ทางคลื่นวิทยุ EFM94 และ App : Atimefungfin

คุณครูสังเกตเห็นรูปวาดของเด็กหญิงเก็บตัว ‘ต้นไม้ = แม่ ส่วนผู้หญิง..คือใครไม่รู้!’ เมื่อตามไปถึงบ้านก็พบหญิงร่างใหญ่แปลกหน้า พอถามพ่อ ดันตอบว่าอยู่กันแค่ 2 คน!

01 ก.พ. 2023

คุณครูสังเกตเห็นรูปวาดของเด็กหญิงเก็บตัว ‘ต้นไม้ = แม่ ส่วนผู้หญิง..คือใครไม่รู้!’ เมื่อตามไปถึงบ้านก็พบหญิงร่างใหญ่แปลกหน้า พอถามพ่อ ดันตอบว่าอยู่กันแค่ 2 คน!

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (24 มกราคม 2566) ที่ผ่านมา ‘คุณตั้ม The Shock’ หรือ ‘คุณตั้ม รถขนไม้’ ได้เข้ามานั่งเล่าเรื่องหลอนกันแบบสด ๆ ถึงห้องจัดรายการ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณครูโรงเรียนประถมที่สังเกตเห็นอาการแปลก ๆ ของ ‘น้องเมย์’ เด็กหญิงที่มีนิสัยเก็บตัว แต่จะหลอนอย่างไรนั้น เราสรุปไว้ให้คุณแล้ว!เรื่องนี้มาจาก ‘คุณแอล’ เธอเล่าให้ฟังว่าเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้กลับบ้านต่างจังหวัด และได้พูดคุยกับน้องชาย ซึ่งเป็นคุณครูสอนคณิตศาสตร์ประจำโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง (จะขอเรียกน้องชายคุณแอลว่า ‘คุณครู’) หนึ่งในเรื่องที่คุยกันนั้นเป็นเรื่องของนักเรียนคนหนึ่ง นามว่า ‘น้องเมย์’ เด็กสาวบุคลิกเงียบขรึม ที่ไม่ค่อยสนใจใคร และปลีกตัวไปนั่งอยู่ที่มุมห้องคนเดียว คุณครูจึงเข้าไปถามไถ่ แต่น้องเมย์ก็ไม่ตอบรับอะไร และพยายามหลบตา จนกระทั่งสังเกตเห็นรอยช้ำที่ต้นแขน ก็ถามน้องว่าไปโดนอะไรมา ด้วยความเป็นเด็ก น้องยังไม่รู้ว่ารอยช้ำคืออะไร แต่ก็บอกคุณครูว่า “เป็นผลจากการทำการบ้านแล้วถูกพ่อดุ” คุณครูได้ยินดังนั้นก็เป็นห่วง และคิดว่าปล่อยเอาไว้คงไม่ดีแน่ จึงพาน้องไปที่สถานีตำรวจ แต่ตำรวจกลับไม่สนใจ มองว่าเป็นเรื่องเล็ก และไม่รับเรื่อง ด้วยความเป็นครูจึงไม่ยอมแพ้ พาน้องเมย์เข้าพบครูใหญ่ แต่กลับได้คำตอบว่า “อย่าไปยุ่งเลย พ่อของน้องเป็นนักการเมือง เดี๋ยวโรงเรียนเราจะมีปัญหา” เมื่อได้ยินดังนั้นคุณครูก็ผิดหวัง และก็คิดว่าจะพยายามดูแลน้องเมย์เท่าที่ตัวเองจะทำได้..วันรุ่งขึ้น ครูใหญ่ก็แจ้งกับคุณครูว่าให้ย้ายขึ้นไปสอนชั้นป.2 แทน ทำให้ต้องจำใจย้ายขึ้นไปตามคำสั่ง แต่ก็ยังเป็นห่วงน้องเมย์อยู่ เมื่อไหร่ที่มีเวลาว่าง ก็จะแวะไปดูน้องเมย์เป็นครั้งคราว วันหนึ่ง คุณครูแวะมาดูน้องเมย์ ก็เห็นน้องกำลังก้มหน้าก้มตาวาดรูปอยู่คนเดียว ภาพวาดของน้องจะมีต้นไม้อยู่ตรงกลาง ข้าง ๆ มีผู้หญิง และเด็กผู้หญิง ส่วนด้านบนมีดวงอาทิตย์ คุณครูจึงพยายามที่จะพูดคุยด้วยการเอ่ยปากชม “น้องเมย์วาดรูปสวยมากเลย คุณครูขอเอากลับไปได้มั้ย?” น้องเมย์ก็พยักหน้าตอบรับ คุณครูจึงคิดว่านี่เป็นสัญญาณที่ดี เพราะน้องเริ่มตอบรับแล้ววันต่อมา คุณครูก็มาหาน้องเมย์อีกครั้ง น้องยังคงวาดรูปอยู่ที่มุมเดิม และเป็นรูปเหมือนเดิมทุกรูป คุณครูจึงคิดว่าจะเริ่มชวนคุยผ่านรูปภาพเหล่านี้ และเอ่ยปากขอรูปอีกครั้ง น้องเมย์ก็ตอบว่า “ได้” เมื่อน้องเริ่มตอบโต้ คุณครูจึงบอกน้องว่า “น้องเมย์ลองเขียนอธิบายภาพนี้หน่อยสิ ว่ามันมีอะไรบ้าง ใครเป็นใคร” น้องก็นั่งเขียนรายละเอียดตามที่คุณครูบอก ไม่นานน้องเมย์ก็เขียนเสร็จ รายละเอียดที่น้องเขียนคือ พระอาทิตย์ = พระอาทิตย์, เด็กผู้หญิง = เมย์, ใต้ต้นไม้ = แม่ และ ผู้หญิง = ใครไม่รู้ นั่นทำให้คุณครูคิดไปไกลว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นคนที่ทารุณกรรมน้อง!ด้วยความร้อนใจ เย็นวันนั้นคุณครูก็รีบไปที่บ้านน้องทันที เมื่อไปถึงบ้าน ก็เห็นว่าบ้านมีลักษณะคล้าย ๆ กับรูปที่น้องเมย์วาด หลังจากกวาดสายตาไปรอบ ๆ ก็มองขึ้นไปที่หน้าต่างชั้นสอง คุณครูก็เห็นผู้หญิงร่างใหญ่คนนึง มองมาที่คุณครู ทางด้านคุณพ่อก็ต้อนรับอย่างดี และกำลังจะพาไปห้องรับแขก น้องเมย์ก็วิ่งออกมา แล้วกระซิบบอกคุณครูว่า “เขาไม่พอใจ ในสิ่งที่คุณครูมาทำแบบนี้นะ” คุณครูก็ตอบกลับไปว่า “อ๋อ ผู้หญิงที่อยู่ข้างบนหรอ? ไม่เป็นไร เขาทำอะไรครูไม่ได้หรอก” สิ้นเสียงคุณครู น้องเมย์ก็ไม่ตอบกลับอะไร คุณครูจึงเข้าไปพูดคุยกับคุณพ่อ เมื่อคุยไปคุยมา คุณครูก็หยิบเอาภาพที่น้องเมย์วาดมาให้คุณพ่อดู น้ำเสียงและสีหน้าก็เปลี่ยนไป กลายเป็นโมโหบอกว่า “มันก็แค่รูปถ่าย! ทำไมอ่ะ มันมีปัญหาอะไร” เมื่อเห็นว่าคุณพ่อไม่พอใจ จึงเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงผู้หญิงที่อยู่ข้างบนแทน คุณพ่อก็ยิ่งหัวเสียเพิ่มขึ้นไปอีก! แล้วบอกว่า “คุณพูดอะไร แม่น้องเมย์เขาตายตั้งแต่น้องอายุ 2 ขวบ ผมอยู่กันสองคนพ่อลูก ไม่เคยเอาใครเข้าบ้าน!” คุณครูก็ไปต่อไม่ได้ ท้ายที่สุด คุณพ่อก็เชิญคุณครูออกไป แม้ในใจจะสงสัยมากก็ตามทีเมื่อสลัดความสงสัยออกไปไม่ได้ จึงไปถามจากคนละแวกบ้าน ได้คำตอบมาว่า แม่ของน้องเมย์เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ หลังจากแม่เสีย พ่อของน้องเมย์ก็กลายเป็นคนเก็บตัว และเขาอยู่กันสองพ่อลูกจริง ๆ เมื่อคุณพ่อทราบเรื่องว่าคุณครูทำแบบนั้นก็ไม่พอใจ จึงย้ายน้องเมย์ออกจากโรงเรียน ส่วนที่บ้านก็ไม่รู้ว่าย้ายหรืออยู่ต่อ เพราะคุณครูก็ไม่ได้เจอน้องเมย์อีกเลย..แม้เรื่องที่เจอจะจบไปแล้ว แต่ความสงสัยของคุณครูยังไม่จบ เรื่องแรก ถ้าน้องเมย์อยู่กับคุณพ่อ ทำไมรูปที่วาดถึงไม่มีคุณพ่อเลย แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร..? แล้วที่น้องถูกกระทำ ถูกทำร้ายร่างกาย อาจจะเกิดจากผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?

‘ขวัญ INDIGO’ เผลอพูดจะทำบุญให้ แต่ไม่ได้ไป สุดท้ายเจอโดนของดีเข้าอย่างจัง!

17 พ.ย. 2022

‘ขวัญ INDIGO’ เผลอพูดจะทำบุญให้ แต่ไม่ได้ไป สุดท้ายเจอโดนของดีเข้าอย่างจัง!

เรื่องเล่าที่ชาว EFM ต้องขนหัวลุกทั้งสตูนี้ มาจากประสบการณ์หลอนของ ‘ขวัญ วง INDIGO’ที่ได้แชร์เรื่องราวของการไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ต่างจังหวัดในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (15 พฤศจิกายน 2565) เรื่องราวของ ‘ขวัญ’ จะเป็นอย่างไร เตรียมขนหัวลุกกันในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘หุ่นพยนต์’ ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่อง ขวัญได้เท้าความว่าหลังจากที่ได้มีการบวช ต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นเป็นคนมี sense ทำให้ขวัญนั้นค่อนข้างที่จะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง แต่จะรู้สึกได้กับคนใกล้ชิดที่อยู่ด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ กับคนที่ไม่สนิทหรือพึ่งเคยเจอกัน จะไม่รู้สึกถึงอะไรเลย จากนั้น ขวัญก็ย้ำอย่างชัดเจนในรายการว่า ‘หุ่นพยนต์’ ที่พูดถึงนี้ ไม่ได้เป็นของสมาชิกในวงและทีมงานใด ๆ แต่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่ล่าสุด ‘INDIGO’ ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตร้องเพลงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาขวัญเล่าว่า ทุกครั้งที่จะเข้าโรงแรมหรือเปลี่ยนสถานที่นอน ก็มักจะพูดเสมอว่า “ถ้าวันนี้มีโอกาส จะไปทำบุญให้นะ แล้วก็ขอนอน ขอเข้าพื้นที่ตรงนี้นะ” ขวัญยังบอกอีกว่าถ้าไม่พูดหรือไม่พกพระไปด้วย ขวัญจะโดนตลอด “คล้าย ๆ กับว่าโดนคนมาขอบุญอะไรแบบนี้ค่ะ” ขวัญกล่าว และยังเสริมว่าขวัญเคยมานอนที่โรงแรมแห่งนี้ และรู้ดีว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่นี่...วันนี้เองก็เช่นกัน เมื่อมาถึงโรงแรมในช่วงเกือบจะพลบค่ำ ขวัญจึงขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง และพูดประโยคที่ต้องพูดทุกวัน แต่ด้วยความที่เหนื่อยมาก จึงคิดในใจว่า “วันนี้คงไม่ได้ไปทำบุญแล้วแหละ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าถ้ามีโอกาสค่อยว่ากัน” จากนั้นก็ผล็อยหลับไปหลังจากนั้น ขวัญก็เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก จึงทุบหน้าอกตัวเองเบาๆ แต่ก็ไม่มีอะไร สักพักก็มี ‘ขาม้าสีน้ำตาล’ มาวางพาดบนหน้าอกของขวัญ! ขวัญพยายามคิดว่าตัวเองคงฝันไป และบอกในใจว่า “อย่ามายุ่ง” ไม่ทันไร ม้าทั้งตัวก็ทับตัวขวัญ แล้วก็ร้องเสียงแหลมโหยหวนชวนขนลุก! ขวัญคิดในใจว่า “หายใจไม่ออก เอาออกไปเถอะ” ทันดันใดนั้นเอง ก็มี ‘คุณยาย’ ที่มีผมหยิกฟันดำกระโดดมาทับตัวขวัญอีก แล้วก็ยื่นหน้าเข้ามายิ้มใกล้ ๆ แถมยังหัวเราะเสียงแหลมดังก้อง!ขวัญรู้ทันทีว่าโดนเข้าให้แล้ว แต่จะให้ขยับตัวก็ทำไม่ได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ไม่สามารถท่องบทสวดมนต์อะไรได้เลย ทั้ง ๆ ที่ตัวขวัญนั้นเข้าห้องพระสวดมนต์ทุกเช้า ขวัญพยายามรวบรวมสติและพูดในใจว่า “เดี๋ยวขวัญทำบุญให้ ตอนนั้นที่พูดว่าจะไปทำบุญให้แล้วไม่ได้ไป ขวัญปากพล่อย ขวัญขอโทษ ขวัญไม่ได้ลบหลู่นะ” สักพักแสงสว่างจ้าก็ว้าบขึ้นมา แล้วภาพก็ตัดหายไปไม่นาน ขวัญก็รู้สึกตัวและหายใจได้อย่างเต็มปอดอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ขยับตัวไปไหน และยังไม่กล้าลืมตาเพราะกลัวจะเห็นม้าอยู่ แต่แล้วก็ตัดสินใจเฮือกสุดท้าย เอื้อมมือไปขวานหาโทรศัพท์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นก็พิมพ์ไปหาผู้จัดการว่า “หนูเจอยายแก่กับม้าว่ะ หนูเจอแล้วก็หายใจไม่ออก” ผู้จัดการถามกลับมาด้วยความห่วงใยว่าอยู่ได้มั้ย ขวัญที่เริ่มได้สติกลับมาก็ตอบกลับไปว่า “อยู่ได้ค่ะ” จากนั้นผ่านไปสักพักก็ได้เวลาที่จะต้องไปทำงานแล้ว เมื่อขวัญเตรียมตัวออกจากห้องเสร็จ ลงมาที่หน้า Lobby ผู้จัดการก็ถามว่า “เขามายังไง” ขวัญก็เล่ารายละเอียดให้ฟังระหว่างนั้นก็ลงลิฟต์แล้วเดินไปที่หน้าประตูโรงแรม ผู้จัดการก็วิ่งมาหาขวัญหน้าตาตื่น แล้วกระซิบบอกให้ขวัญดูทางขวามือ เมื่อหันไปดูก็พบ ‘หุ่นพยนต์ที่เป็นผู้หญิงผมหยิกฟันดำขี่ม้าสีน้ำตาล’ วางตั้งไว้กับประตูโรงแรม ซึ่งก่อนหน้านี้ ทีมงานทั้งหมด รวมทั้งขวัญและสมาชิกในวงเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลยขวัญเล่าเพิ่มเติมว่า หุ่นนั้นได้ถูกนำมาวางครอบไว้ที่ประตูอีกทีนึง จนกระทั่งต้องเดินทางกลับ ขวัญจึงได้เล่าเรื่องนี้ให้กับ ‘บลู’ และ ‘โดนัท’ สมาชิกในวงได้ฟัง โดนัทจึงลองหาข้อมูลแล้วก็นำมาสันนิษฐานกันเองว่า เขาน่าจะนำหุ่นนี้มาครอบเพื่อปกปักรักษาโรงแรมไว้ เพราะที่ตรงนั้นเคยเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้นหลังจากนั้น ขวัญก็ได้ไปแสดงคอนเสิร์ตในงานไหว้พระจันทร์ และก็ได้ไหว้พร้อมทั้งบอกว่า “บุญนั้นหนูอุทิศให้หมดเลย”ติดตามชมรายการย้อนหลังได้

เซนส์แรงเป็นเหตุ จะเกิดอะไรขึ้น?! เมื่อ ‘คน’ มีเพื่อนเป็น ‘ผี’ !!

27 ต.ค. 2022

เซนส์แรงเป็นเหตุ จะเกิดอะไรขึ้น?! เมื่อ ‘คน’ มีเพื่อนเป็น ‘ผี’ !!

ใครเป็นเด็กหอต้องมีเสียวสันหลัง เมื่อได้ฟังเรื่อง “รูมเมท” จากคุณนุ๊ก สายที่ 2 ในรายการ “อังคารคลุมโปง” เธอได้โทรเข้ามาแชร์ประสบการณ์ขวัญผวาของคนมีเซนส์ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (25 ตุลาคม 2565)“อยู่ที่ไหน นุ๊กก็จะมีรูมเมท” คุณนุ๊กเปิดหัวเรื่องด้วยประโยคชวนขนลุก ก่อนจะเล่าว่า ในช่วงที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่นั้น คุณนุ๊กพักอยู่หอในกับรูมเมท (คน) ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทางคุณนุ๊กเองก็ได้บอกรูมเมทไปล่วงหน้าว่า “เราอาจจะเห็นอะไรแปลกๆ นะ” รูมเมทก็ตอบกลับมาว่า “เราชอบฟังเรื่องผี” ทั้งสองจึงอยู่ด้วยได้กันช่วงแรกหลังจากได้เข้าไปอยู่ คุณนุ๊กก็รู้สึกว่าเหมือนมีใครอีกคนอยู่ในห้อง หลังๆ ก็เริ่มรู้สึกมากขึ้น อย่างตอนที่นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะก็จะรู้สึกว่าที่หางตามีผู้หญิงนั่งอยู่ปลายเตียงของรูมเมท ในทุกๆคืน คุณนุ๊กจะสวดมนต์ก่อนนอน แต่ถ้าวันไหนไม่ได้สวด ก็จะรู้สึกว่ามีอะไรมาดึงขาบ้าง มาทุบที่คางบ้างและนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นมีอยู่วันหนึ่งคุณนุ๊กกลับมานอนพักที่ห้อง ระหว่างที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น ตอนนั้นเธอรู้สึกตัว แต่ขยับไม่ได้ จากนั้นก็เห็นคนเปิดประตูเข้ามา ซึ่งก็คิดว่าเป็นรูมเมท สักพักพอคนนั้นเดินมาข้างๆ เตียง เธอก็เริ่มรู้สึกว่ามันแปลกเพราะตรงเตียงของคุณนุ๊กและรูมเมทนั้นจัดชิดติดกันตั้งแต่แรกไม่มีช่องว่างที่จะสามารถเดินเข้ามาได้แล้วคนๆ นั้นเธอเดินเข้ามาระหว่างเตียงคุณนุ๊กกับเตียงรูมเมทได้ยังไง?จากนั้นเธอก็ยื่นมือมาจัดหิ้งพระที่คุณนุ๊กนำมาวางไว้บนหัวเตียง พอเสร็จ เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น ก็กำลังจะเกิดขึ้น!เธอค่อยๆ นั่งลงกับพื้นแล้วก็เอามือจับขอบเตียงทั้งสองข้าง ใบหน้ายื่นเข้ามาหาคุณนุ๊กในระยะประชิด! ลักษณะตาโบ๋ลึกเข้าไป ปากก็โบ๋กว้าง คุณนุ๊กคิดในใจว่าไม่ใช่รูมเมทแล้ว ไม่ใช่แม้กระทั่งคนด้วยซ้ำไป จึงพยายามคิดว่าจะทำยังไงให้หลุดออกจากตรงนี้ ในระหว่างนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คุณนุ๊กก็หลุดออกจากตรงนั้นพลันคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ปรากฏว่าไม่มีเบอร์ใครโทรเข้ามาเลย คุณนุ๊กไม่รอช้า รีบออกจากห้องทันทีหลังจากวันนั้น คุณนุ๊กก็ไม่กล้านอนคนเดียวในตอนกลางวันอีกเลย และมักจะชวนเพื่อนอีก 2 คนมานั่งเล่นด้วยแทน หนึ่งในบทสนทนาคือประสบการณ์หลอนที่คุณนุ๊กมักจะเจอ แต่แล้วคุณนุ๊กและเพื่อนอีกคนก็ต้องหันมามองหน้ากัน เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ดังแว่วมา ทั้งคู่พยายามไม่คิดอะไร และทำตัวให้ปกติที่สุด เพื่อให้เพื่อนอีกคนที่ไม่ได้ยินเสียงนั้นสบายใจนอกจากเหตุการณ์นั้นแล้ว คุณนุ๊กก็ยังเจออีกเรื่อยๆ เช่น มีเพื่อนมาอยู่ด้วยในขณะที่คุณนุ๊กนั่งสวดมนต์อยู่ เพื่อนคนนั้นก็ได้ยินเสียงสวดมนต์เป็นเสียงผู้หญิงหวานๆ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นคุณนุ๊กที่สวด แต่พอมองไปที่คุณนุ๊กก็พบว่า เธอสวดอยู่ในใจ ไม่ได้อ้าปากออกเสียงอะไรเลย ส่วนคุณนุ๊กเองก็เคยได้ยินคนสวดมนต์ตามเสียงตัวเองเหมือนกัน ก็เข้าใจว่ารูมเมทมาร่วมสวดด้วย แต่พอหันไปดูก็พบว่าเขาแค่นั่งดูโทรทัศน์ไม่ได้ขยับปากแม้กระทั่งรูมเมทที่บอกว่าชอบฟังเรื่องผี แต่ไม่เคยเจอกับตัว กลายเป็นว่าเขาก็ต้องเจอไปด้วย อย่างในตอนที่ออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นผู้หญิงยืนหันหลังอยู่ คิดว่าเป็นคุณนุ๊ก จึงเรียก แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับแต่อย่างใด รูมเมทจึงไม่ได้สนใจ พอเดินมาที่กลางห้อง ถึงได้เห็นว่าคุณนุ๊กยืนส่องกระจกอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นคนละตำแหน่งกับที่เจอเมื่อสักครู่นี้เมื่อไม่สามารถย้ายหอได้เพราะข้อจำกัดหลายๆ อย่าง คุณนุ๊กจึงทำได้เพียงสวดมนต์และแผ่เมตตาให้บ่อยๆ หลังจากนั้นก็เริ่มดีขึ้น ไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็น และเริ่มมาเฉพาะตอนที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น มีครั้งหนึ่งที่คุณนุ๊กป่วย คืนนั้นคุณนุ๊กกำลังโทรคุยกับเพื่อน พอเวลาประมาณ 5 ทุ่ม เพื่อนก็ถามว่า “ห้ะ? พูดว่าอะไรนะ?” จากนั้นสายก็ตัดไป พยายามโทรกลับไปหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด แต่ก็ไม่คิดอะไรแล้วก็นอนหลับไป วันต่อมา คุณนุ๊กก็ถามเพื่อนว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนก็บอกว่าได้ยินเสียงผู้หยิงพูดแทรกเข้ามาว่า “พอแล้วนะ จะให้นอน” ด้วยน้ำเสียงไพเราะฟังสบายและอีกเหตุการณ์ที่คุณนุ๊กจำได้แม่นเลยก็คือ ในตอนนั้น สมุดบัญชีได้หายไปทั้งหมด 2 เล่ม คุณนุ๊กก็มานั่งที่เตียงแล้วก็พึมพำว่า “ช่วยนุ๊กหาสมุดบัญชีหน่อยสิ” สักพักก็มีความรู้สึกให้เดินไปที่เก้าอี้ที่มีประเป๋าแขวนไว้ พอเปิดดูก็พบสมุดบัญชีเล่มหนึ่ง จากนั้นคุณนุ๊กก็กลับมานั่งที่เตียงแล้วบอกว่า “เจอเล่มเดียวเอง แล้วอีกเล่มนึงล่ะ?” หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าต้องเดินกลับไปที่เดิม แล้วก็มองไปที่พื้น ซึ่งรอบแรก คุณนุ๊กมั่นใจเลยว่าไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นจริงๆ พอมารอบนี้ก็พบสมุดบัญชีวางอยู่คุณนุ๊กเล่าเพิ่มว่า ช่วงหนึ่งรูมเมทที่เคยอยู่ด้วยกันมีเหตุต้องย้ายออกไป ทำให้คนใหม่ย้ายมา แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างสบายใจนัก เพราะคนใหม่มักคุยโทรศัพท์เสียงดัง คุณนุ๊กจึงคิดในใจว่า “อยากนอนอ่ะ จัดการให้หน่อย” หลังจากพูดเสร็จ อยู่ดีๆ รูมเมทคนใหม่ก็วางสายแล้วก็นอนทันทีคุณนุ๊กเองในตอนนั้น ก็รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นเพื่อนคนนึงไปแล้ว ตอนที่ต้องย้ายออกจากหอ คุณนุ๊กก็ร้องไห้เพราะรู้สึกผูกพัน หลังจากนั้นก็มีทำบุญให้เรื่อยๆอีกเหตุการณ์ที่คุณนุ๊กเล่า คือก่อนหน้าที่คุณนุ๊กจะย้ายเข้าไปอยู่ ที่ชั้น 5 ของหอนี้ได้เกิดเหตุมีคนเสียชีวิต คุณนุ๊กเองก็ทราบและไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากได้ห้องหมายเลข 214 ที่เป็นห้องตรงสามแยกพอดี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ วันหนึ่งขณะกำลังจะเดินไปขึ้นลิฟต์ ก็สังเกตเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งใส่กระโปรงสั้นเดินเข้าไปในลิฟต์ก่อน แต่คุณนุ๊กอยากขึ้นแค่คนเดียว จึงยืนรออยู่หน้าลิฟต์ ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ไม่กดลิฟต์สักที คุณนุ๊กจึงเดินเข้าไป ปรากฏว่าในลิฟต์ดันไม่มีใครอยู่เลย คุณนุ๊กที่ชินกับเรื่องแบบนี้ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสคุยกับยามประจำหอ พี่ยามก็บอกว่า “อ๋อ คนเห็นประจำ น่าจะเป็นคนที่ชั้น 5 ส่วนลิฟต์ตัวนั้น เป็นลิฟต์ที่ขนศพเขาลงมา”ปัจจุบัน คุณนุ๊กก็ยังคงมีเซนส์ มักจะเห็นอะไรที่คนปกติไม่เห็นอยู่เสมอสามารถติดตามชมความหลอนย้อนหลังแบบเต็มๆ ได้ทาง

album

0
0.8
1