ครอบครัวคนเป็น ย้ายเข้ามาอยู่ทับที่ครอบครัวคนตาย.. เฮี้ยนจนต้องนอนกอดโฉนดเพื่อบอกว่าที่นี่เป็นของเรา!

ENTERTAINMENT NEWS

ครอบครัวคนเป็น ย้ายเข้ามาอยู่ทับที่ครอบครัวคนตาย.. เฮี้ยนจนต้องนอนกอดโฉนดเพื่อบอกว่าที่นี่เป็นของเรา!

27 ม.ค. 2023

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘คอนโด’ เป็นหนึ่งทางเลือกที่อยู่อาศัยของคนสมัยใหม่ แต่ขึ้นชื่อว่า ‘ที่อยู่’ คงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนมือ ผลัดวนกันเข้ามาอยู่อาศัย เรื่องนี้ก็เช่นกัน จะเป็นอย่างไร..? เมื่อหนึ่งครอบครัวคนเป็น ย้ายเข้าไปอยู่คอนโดของครอบครัวคนตาย เรื่องหลอนจาก ‘คุณหยก’ ที่ได้โทรเข้ามาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (24 มกราคม 2566) ที่ผ่านมา

คุณหยกเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเพื่อนที่ชื่อว่า ‘คุณข้าวโอ๊ต’ มีน้องสาวชื่อ ‘เปิ้ล’ และยังเป็นคนแม่เลี้ยงเดี่ยวของ ‘น้องแอคชั่น’ เมื่อลูกเริ่มโตขึ้น คุณข้าวโอ๊ตก็ได้เริ่มความสัมพันธ์กับ ‘คุณเก่ง’ จนในที่สุดก็จดทะเบียนสมรสด้วยกัน ครอบครัวที่เริ่มจะสมบูรณ์จึงมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ด้วยกัน คอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่เดินทางสะดวก ราคาไม่สูงมาก แถมยังเป็นคอนโดใหม่ คอนโดมือสองแห่งนี้จึงตอบโจทย์ครอบครัวนี้ได้ไม่ยาก

ในช่วงแรก คุณข้าวโอ๊ตก็ยังไป ๆ มา ๆ ระหว่างคอนโดเก่าเคยอยู่กับน้องสาวอย่างคุณเปิ้ล และคอนโดของครอบครัวใหม่ เพราะน้องแอคชั่นติดแม่และน้ามาก จึงไม่อยากรวบรัดให้ย้ายที่อยู่ ต้องให้เวลาน้องแอคชั่นปรับตัวด้วย ส่วนทางด้านคุณเก่ง ก็เข้าไปอยู่ก่อนเพื่อเช็คระบบ ทั้งประปา ไฟฟ้า และความเรียบร้อยทั้งหมดของคอนโด

นิสัยการนอนของคุณข้าวโอ๊ตคือไม่ค่อยชอบนอนเปิดแอร์ ถ้านอนคนเดียวก็จะเปิดหน้าต่างไว้ ซึ่งนั่นทำให้ได้กลิ่น Aftershave อ่อน ๆ ในช่วงเช้า และจะเริ่มเข้านอนเวลา 3 ทุ่มทุกวัน ความหลอนเริ่มต้นขึ้นจากจุดนี้ ระหว่างที่นอนเล่นโทรศัพท์กำลังจะเคลิ้มหลับ คุณข้าวโอ๊ตก็ได้ยินเสียงเปิดประตู และเสียงของชายที่ไม่รู้จักดังขึ้นว่า “อ้าวคุณ” หรือบางทีก็เป็นเสียงผู้หญิงพูดขึ้นก่อน พูดประมาณว่า “วันนี้ทำงานมาเหนื่อยมั้ย?” “วันนี้กินข้าวกับอะไรมา” เป็นบทสนทนาสั้น ๆ ทั่วไปเหมือนครอบครัวนึง คุณโอ๊ตก็คิดแค่เพียงว่าอาจจะเป็นเสียงจากห้องข้าง ๆ สักพักก็เริ่มชินกับเหตุการณ์นี้ จากนั้นก็พาน้องแอคชั่นย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน

หลังจากน้องแอคชั่นย้ายเข้ามา พฤติกรรมการกินของน้องก็เปลี่ยนไป ปกติแล้วน้องจะกินข้าวจนหมด แต่หลัง ๆ ไม่เป็นแบบนั้น คุณข้าวโอ๊ตสงเกตุว่าน้องจะเหลือข้าวไว้ช้อนนึงบ้าง คำสองคำบ้าง บางทีก็นั่งเล่นหัวเราะอยู่คนเดียว ซึ่งน้องแอคชั่นที่อายุ 6-7 ขวบ ก็น่าจะเลยวัยที่จะนั่งเล่นหรือพูดคนเดียวแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณข้าวโอ๊ตหนักใจอะไร เพราะบางทีก็คิดว่าคุยกับน้าในมือถือ หรือเล่นเกมอยู่คนเดียว

จนกระทั่งวันหยุดวันหนึ่ง คุณข้าวโอ๊ตกำลังทำสวนเล็ก ๆ อยู่ที่ระเบียง ซึ่งมีทั้งต้นไม้ใหม่ที่ย้ายเข้ามา และต้นไม้เก่าของเจ้าของเก่าปะปนกันอยู่ด้วย ถ้าใบไหนตายแล้ว คุณข้าวโอ๊ตก็จะดึงออก ระหว่างที่ทำสวนอยู่นั้น น้องแอคชั่นก็ร้องขึ้นมาว่า “ไม่เอาๆ อย่าทำแบบนี้ แอคชั่นกลัว ไม่เอาน้องแพรว พี่ไม่เล่น!” คุณข้าวโอ๊ตก็สงสัยว่าน้องแพรวเป็นใครจึงเอ่ยปากถามว่า “น้องแอคชั่นคุยกับใครคะลูก?” น้องก็ตอบกลับมาว่า “เนี่ยแม่ น้องแพรวชอบเล่นแบบนี้ ยิ้มกว้างเลย” คุณข้าวโอ๊ตก็สงสัยว่าเล่นยังไง จึงเดินเข้าไปหาและถามให้แน่ใจอีกครั้งว่า “หนูเล่นกับใครอยู่หรอ?” น้องตอบกลับทันควันด้วยความใสซื่อว่า “เนี่ยไง น้องแพรว ยืนอยู่ข้างหลังแม่ไง” “ตอนนี้น้องแพรววิ่งเข้าไปในห้องแม่แล้ว” นั่นทำให้คุณข้าวโอ๊ตถึงกับต้องนิ่ง เมื่อตั้งสติได้ก็รีบชวนน้องแอคชั่นออกไปกินข้าวข้างนอก แต่ก่อนจะไป คุณข้าวโอ๊ตต้องอาบน้ำก่อน ระหว่างที่จะเปิดประตูเข้าห้องน้ำ น้องแอคชั่นก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “เนี่ย.. น้องแพรวอยู่ในตู้ ถ้าไม่เชื่อแอคชั่นแม่ลองเปิดดูเลย!” พอเห็นลูกรบเร้าแบบนั้น คุณข้าวโอ๊ตจึงตัดสินใจเปิดดูข้างในตู้ พอเปิดออกมาก็ได้กลิ่นแป้งเด็กลอยเข้ามาเตะจมูกทันที จากนั้นคุณข้าวโอ๊ตก็บอกลูกว่า “น้องแอคชั่นอย่าไปไหนนะ รอแม่แปปนึง” พูดเสร็จก็รีบกุลีกุจอล้างตัวแล้วขับรถออกไปห้างทันที หลังจากนั้นก็โทรเล่าเรื่องราวที่เจอให้คุณเก่งฟัง คุณเก่งก็บอกว่า “ที่นี่พึ่งเปิดใหม่ ไม่น่าจะมีประวัติอะไรนะ แล้วเราก็ซื้อตรงกับเจ้าของเลย ไว้เดี๋ยวเราว่างตรงกันจะเล่าให้ฟัง จะได้สบายใจ” แล้วก็วางสายไป คุณข้าวโอ๊ตพาน้องแอคชั่นเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่ห้างจนถึงเวลาต้องกลับ เมื่อถึงหน้าคอนโด น้องแอคชั่นก็อยากกินไก่ทอดขึ้นมา จึงแวะซื้อก่อนเข้าห้อง น้องก็พูดขึ้นมาว่า “แม่ซื้อเผื่อน้องแพรวด้วยนะชิ้นนึง เพราะน้องแพรวชอบแย่งน้องกิน แอคชั่นต้องแบ่งข้าวไว้ให้น้องกินด้วยช้อนนึงตลอด” ประโยคนั่นทำให้คุณข้าวโอ๊ตปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกันถึงพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไปของลูก

เมื่อถึงห้อง น้องแอคชั่นก็แบ่งไก่ทอด 1 ชิ้นไว้อีกจานข้าง ๆ แล้วก็นั่งกินในส่วนของตัวเองไป คุณข้าวโอ๊ตก็ชวนลูกคุยตามประสาคนเป็นแม่ จนกระทั่งน้องแอคชั่นพูดขึ้นมาว่า “แม่ครับ น้องแพรวมาขอบคุณครับ อยู่ข้าง ๆ แม่เลย” คุณข้าวโอ๊ตที่ใจไม่ดีมาทั้งวันก็รีบพาน้องแอคชั่นอาบน้ำเข้านอนทันที ส่วนตัวเองก็กินยาแก้แพ้เพื่อที่จะได้นอนหลับ กระทั่งหลับไป..

กลางดึกคืนนั้น.. คุณข้าวโอ๊ตรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ และเมื่อพลิกตัวก็ได้กลิ่น  Aftershave ลอยมาอีกครั้ง พอลืมตาก็เห็นร่างของผู้ชายและผู้หญิงลอยขนาบข้างน้องแอคชั่น เสียงผู้หญิงพูดว่า “ทำไมทิ้งของของชั้นแล้วไม่บอกกันก่อน” คุณข้าวโอ๊ตตกใจสบถคำหยาบคายออกมาเป็นประโยค แล้วผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นว่า “ชั้นไม่ได้พูดจาหยาบคายกับเธอเลยนะ ทำไมไม่พูดกับชั้นดี ๆ ” จากนั้นก็มีเสียงดัง “ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!” ตรงหัวเตียง พอมองขึ้นไปก็เห็นร่างของเด็กอายุประมาณ 4-5 ขวบ มองก้มหน้าโกรธ ๆ แล้วก็อ้าปากขึ้น กรามล่างหักค้างอย่างสยดสยอง คุณข้าวโอ๊ตเห็นดังนั้นก็กรี๊ดแล้วสลบไป!

เช้าวันต่อมา คุณข้าวโอ๊ตรู้สึกตัวขึ้นก็เห็นว่าน้องแอคชั่นอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็รีบพาลูกไปส่งโรงเรียน พอจะกลับคอนโด ในใจก็คิดหนัก เพราะยังรู้สึกสยองกับเรื่องที่เจอเมื่อคืนมาก จึงกลับไปที่อยู่เก่าก่อน แล้วค่อยไปทำงาน หลังจากนั้นก็คุยกับคุณเก่งว่าสรุปที่นี่มีประวัติอะไรหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรมาก เพราะคุณเก่งเองก็พยายามถามเจ้าของเก่าแล้ว ระหว่างนั้นเอง คุณข้าวโอ๊ตที่เจอเรื่องนี้บ่อยเข้าก็ทนไม่ไหว หยิบเอาโฉนดมานอนกอด พอเจอก็บอกว่า “ขอโทษนะคะ แต่หนูเป็นเจ้าของห้องนี้ร่วมกับแฟนหนูค่ะ หนูซื้อโดยถูกต้อง อย่ามาทำแบบนี้ ถ้ามีอะไรอย่ามาทำให้เห็นแบบนี้ บอกมาได้ เข้าฝันก็ได้ บอกดี ๆ แล้วลูกพี่ พี่ดูแลด้วย อย่ามายุ่งกับลูกหนู หนูกลัว!” แล้วร่างที่ลอยอยู่ก็ค่อย ๆ หายไป ส่วนน้องแพรวก็ยังเล่นแบบนั้นอยู่

จนกระทั่งวันหยุดของคุณเก่งมาถึง คุณเก่งบอกว่า “เจ้าของห้องบอกว่า ผมรับช่วงต่อมา เป็นห้องของครอบครัวพี่ชายผม แล้วเขาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตายยกครอบครัวในระหว่างทางที่กำลังขับกลับมาที่คอนโด ส่วนน้องแพรวที่ตอนนั้นไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ก็กระเด็นไปนอกกระจก แล้วปากก็ไปเกี่ยวกับกระจกข้าง จนกรามล่างฉีก จิตสุดท้ายของครอบครัวนี้ก็คงจะอยากกลับบ้าน”

เมื่อได้ยินดังนั้น ครอบครัวคุณข้าวโอ๊ตก็หมั่นทำบุญตักบาตรทุกเช้า กลายเป็นธรมมเนียมจนชินชา เพราะก่อนออกจากบ้านก็จะพูดว่า “น้องแพรวฝากดูบ้านด้วยนะ มีอะไร อยากบอกอะไรก็มาเข้าฝันน้านะ” พอกลับเข้าบ้านก็จะพูดว่า “กลับมาแล้วนะ ของอยู่ตรงนี้นะ” กลายเป็นอยู่ด้วยกันแต่เหตุการณ์สยองนั้นไม่ได้เจออีกแล้ว..

ติดตามความหลอนย้อนหลัง

related ENTERTAINMENT NEWS

‘ขวัญ INDIGO’ เผลอพูดจะทำบุญให้ แต่ไม่ได้ไป สุดท้ายเจอโดนของดีเข้าอย่างจัง!

17 พ.ย. 2022

‘ขวัญ INDIGO’ เผลอพูดจะทำบุญให้ แต่ไม่ได้ไป สุดท้ายเจอโดนของดีเข้าอย่างจัง!

เรื่องเล่าที่ชาว EFM ต้องขนหัวลุกทั้งสตูนี้ มาจากประสบการณ์หลอนของ ‘ขวัญ วง INDIGO’ที่ได้แชร์เรื่องราวของการไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ต่างจังหวัดในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (15 พฤศจิกายน 2565) เรื่องราวของ ‘ขวัญ’ จะเป็นอย่างไร เตรียมขนหัวลุกกันในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘หุ่นพยนต์’ ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่อง ขวัญได้เท้าความว่าหลังจากที่ได้มีการบวช ต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นเป็นคนมี sense ทำให้ขวัญนั้นค่อนข้างที่จะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง แต่จะรู้สึกได้กับคนใกล้ชิดที่อยู่ด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ กับคนที่ไม่สนิทหรือพึ่งเคยเจอกัน จะไม่รู้สึกถึงอะไรเลย จากนั้น ขวัญก็ย้ำอย่างชัดเจนในรายการว่า ‘หุ่นพยนต์’ ที่พูดถึงนี้ ไม่ได้เป็นของสมาชิกในวงและทีมงานใด ๆ แต่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่ล่าสุด ‘INDIGO’ ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตร้องเพลงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาขวัญเล่าว่า ทุกครั้งที่จะเข้าโรงแรมหรือเปลี่ยนสถานที่นอน ก็มักจะพูดเสมอว่า “ถ้าวันนี้มีโอกาส จะไปทำบุญให้นะ แล้วก็ขอนอน ขอเข้าพื้นที่ตรงนี้นะ” ขวัญยังบอกอีกว่าถ้าไม่พูดหรือไม่พกพระไปด้วย ขวัญจะโดนตลอด “คล้าย ๆ กับว่าโดนคนมาขอบุญอะไรแบบนี้ค่ะ” ขวัญกล่าว และยังเสริมว่าขวัญเคยมานอนที่โรงแรมแห่งนี้ และรู้ดีว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่นี่...วันนี้เองก็เช่นกัน เมื่อมาถึงโรงแรมในช่วงเกือบจะพลบค่ำ ขวัญจึงขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง และพูดประโยคที่ต้องพูดทุกวัน แต่ด้วยความที่เหนื่อยมาก จึงคิดในใจว่า “วันนี้คงไม่ได้ไปทำบุญแล้วแหละ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าถ้ามีโอกาสค่อยว่ากัน” จากนั้นก็ผล็อยหลับไปหลังจากนั้น ขวัญก็เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก จึงทุบหน้าอกตัวเองเบาๆ แต่ก็ไม่มีอะไร สักพักก็มี ‘ขาม้าสีน้ำตาล’ มาวางพาดบนหน้าอกของขวัญ! ขวัญพยายามคิดว่าตัวเองคงฝันไป และบอกในใจว่า “อย่ามายุ่ง” ไม่ทันไร ม้าทั้งตัวก็ทับตัวขวัญ แล้วก็ร้องเสียงแหลมโหยหวนชวนขนลุก! ขวัญคิดในใจว่า “หายใจไม่ออก เอาออกไปเถอะ” ทันดันใดนั้นเอง ก็มี ‘คุณยาย’ ที่มีผมหยิกฟันดำกระโดดมาทับตัวขวัญอีก แล้วก็ยื่นหน้าเข้ามายิ้มใกล้ ๆ แถมยังหัวเราะเสียงแหลมดังก้อง!ขวัญรู้ทันทีว่าโดนเข้าให้แล้ว แต่จะให้ขยับตัวก็ทำไม่ได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ไม่สามารถท่องบทสวดมนต์อะไรได้เลย ทั้ง ๆ ที่ตัวขวัญนั้นเข้าห้องพระสวดมนต์ทุกเช้า ขวัญพยายามรวบรวมสติและพูดในใจว่า “เดี๋ยวขวัญทำบุญให้ ตอนนั้นที่พูดว่าจะไปทำบุญให้แล้วไม่ได้ไป ขวัญปากพล่อย ขวัญขอโทษ ขวัญไม่ได้ลบหลู่นะ” สักพักแสงสว่างจ้าก็ว้าบขึ้นมา แล้วภาพก็ตัดหายไปไม่นาน ขวัญก็รู้สึกตัวและหายใจได้อย่างเต็มปอดอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ขยับตัวไปไหน และยังไม่กล้าลืมตาเพราะกลัวจะเห็นม้าอยู่ แต่แล้วก็ตัดสินใจเฮือกสุดท้าย เอื้อมมือไปขวานหาโทรศัพท์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นก็พิมพ์ไปหาผู้จัดการว่า “หนูเจอยายแก่กับม้าว่ะ หนูเจอแล้วก็หายใจไม่ออก” ผู้จัดการถามกลับมาด้วยความห่วงใยว่าอยู่ได้มั้ย ขวัญที่เริ่มได้สติกลับมาก็ตอบกลับไปว่า “อยู่ได้ค่ะ” จากนั้นผ่านไปสักพักก็ได้เวลาที่จะต้องไปทำงานแล้ว เมื่อขวัญเตรียมตัวออกจากห้องเสร็จ ลงมาที่หน้า Lobby ผู้จัดการก็ถามว่า “เขามายังไง” ขวัญก็เล่ารายละเอียดให้ฟังระหว่างนั้นก็ลงลิฟต์แล้วเดินไปที่หน้าประตูโรงแรม ผู้จัดการก็วิ่งมาหาขวัญหน้าตาตื่น แล้วกระซิบบอกให้ขวัญดูทางขวามือ เมื่อหันไปดูก็พบ ‘หุ่นพยนต์ที่เป็นผู้หญิงผมหยิกฟันดำขี่ม้าสีน้ำตาล’ วางตั้งไว้กับประตูโรงแรม ซึ่งก่อนหน้านี้ ทีมงานทั้งหมด รวมทั้งขวัญและสมาชิกในวงเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลยขวัญเล่าเพิ่มเติมว่า หุ่นนั้นได้ถูกนำมาวางครอบไว้ที่ประตูอีกทีนึง จนกระทั่งต้องเดินทางกลับ ขวัญจึงได้เล่าเรื่องนี้ให้กับ ‘บลู’ และ ‘โดนัท’ สมาชิกในวงได้ฟัง โดนัทจึงลองหาข้อมูลแล้วก็นำมาสันนิษฐานกันเองว่า เขาน่าจะนำหุ่นนี้มาครอบเพื่อปกปักรักษาโรงแรมไว้ เพราะที่ตรงนั้นเคยเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้นหลังจากนั้น ขวัญก็ได้ไปแสดงคอนเสิร์ตในงานไหว้พระจันทร์ และก็ได้ไหว้พร้อมทั้งบอกว่า “บุญนั้นหนูอุทิศให้หมดเลย”ติดตามชมรายการย้อนหลังได้

“หลวงตาไหนโยม? วัดนี้ไม่มีหลวงตานะ..” กุฏิชวนหลอน ร่างหลวงตาหายวับไปกับตา !

13 ธ.ค. 2022

“หลวงตาไหนโยม? วัดนี้ไม่มีหลวงตานะ..” กุฏิชวนหลอน ร่างหลวงตาหายวับไปกับตา !

สายแรกของรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (6 ธันวาคม 2565) เป็นสายจาก ‘คุณต้น’ ที่ได้แชร์ประสบการณ์หลอนของรุ่นพี่ที่รู้จัก มีชื่อเรื่องว่า ‘กุฏิหลอน’ เรื่องราวจะหลอนชวนขนหัวลุกขนาดไหน เชิญสัมผัสได้ข้างล่างนี้เลย..คุณต้นบอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องของรุ่นพี่เอ (นามสมมติ) เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี ซึ่งพี่เอนั้นเรียนทางด้านจิตรกรรม พอเรียนจบ ก็รับงานวาดรูปตามผนังในโบสถ์วัดต่าง ๆ อยู่มาวันหนึ่งก็มีคนติดต่อให้ไปวาดรูปผนังโบสถ์ที่วัดแห่งนี้ให้ เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงวันที่พี่เอ จะต้องเดินทางไปวาดรูปที่วัดเมื่อมาถึง พี่เอก็ได้ติดต่อกับหลวงพี่รูปหนึ่ง จากนั้นก็เข้าไปดูสถานที่ รวมถึงรับบรีฟเพื่อให้เข้าใจตรงกันจนเสร็จเรียบร้อย หลวงพี่ก็พาพี่เอไปห้องพัก (คุณต้นเล่าเพิ่มเติมว่า ถ้าพี่เอรับงานวาดรูปที่วัดไหน พี่เอก็จะนอนอยู่ที่วัดเลย) เมื่อไปถึงห้องพัก ซึ่งเป็นกุฏิที่ว่างอยู่ ไม่มีใครใช้ พี่เอที่รับงานและมักจะนอนที่วัดบ่อย ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร บวกกับไม่ใช่คนขี้กลัว จึงจะนอนที่วัดและนำของที่เตรียมมาไปวางไว้ในกุฏิอย่างเช่นที่เคยทำวันแรกของการทำงานเริ่มขึ้นและดำเนินไปอย่างปกติ ช่วงเที่ยงหลังเวลาเพลของพระ ขณะที่พี่เอกำลังวาดรูปอยู่นั้น ก็มีหลวงตารูปหนึ่งเดินมาเรียก “โยม ๆ มากินข้าวก่อนมั้ย?” เมื่อเห็นว่าหลวงตาเอ่ยปาก พี่เอจึงละจากงานที่ทำอยู่ไปกินข้าวตามที่หลวงตาบอก หลังจากเสร็จเรียบร้อย ก็กลับมาทำงานต่อจนถึงเย็นแล้วก็กลับห้องเพื่อพักผ่อนคุณต้นอธิบายลักษณะของกุฏิหรือห้องพักเพิ่มเติมว่า ข้างในก็เป็นกุฏิธรรมดาทั่วไป แต่ตรงกลางห้อง จะมีม่านกั้นอยู่ ทำให้ห้องนั้นแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ทางพี่เอเองก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าคงเป็นถ้วยจานชาม หรือเป็นของที่ไม่ค่อยได้ใช้ คล้ายกับเป็นห้องเก็บของก็เป็นได้ เมื่อไม่ได้คิดอะไร และไม่มีอะไรน่าสงสัยจึงไม่ได้ลองเปิดดู พี่เอก็นอนหลับพักผ่อน ผ่านคืนนั้นไป...เช้าวันต่อมา พี่เอยังคงทำงานปกติ จนกระทั่งคืนนี้ ขณะที่พี่เอกำลังนอนอยู่ ก็ได้ยินเสียงสวดมนต์แว่วดังขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มดังก้องกังวานไปทั่วห้อง พี่เอพยายามไม่คิดอะไร และเข้าใจว่าเราอยู่ในวัด ก็คงจะพระสวดมนต์ หรือใครสักคนเปิดเสียงสวดมนต์ดังขึ้นมาเป็นธรรมดา ผ่านไปสักพัก ขณะกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็มีกลิ่นธูปลอยมาแตะที่จมูก พี่เอที่มองโลกในแง่ดีแบบสุด ๆ ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ จากนั้นก็ผล็อยหลับไปเช้าวันที่ 3 นับได้ว่าเป็นครึ่งทางของการทำงานแล้ว (ตกลงกันว่างานจะแล้วเสร็จภายใน 5-6 วัน) ช่วงเย็นหลังเลิกงาน ประมาณ 6 โมง พี่เอจึงลองเดินสำรวจรอบ ๆ วัดว่ามีอะไรบ้าง หลังจากสำรวจจนพอใจก็จะเดินกลับไปยังห้องพัก เมื่อใกล้ถึงห้องพักก็ได้ยินเสียงคนเรียก หันไปตามเสียงก็เห็นเป็นหลวงตาแก่ ๆ รูปหนึ่ง เดินเข้ามาคุยด้วย เป็นคำถามทั่วไปที่ดูเหมือนเป็นการทำความรู้จักกัน เช่น “โยมมาทำอะไร?” ระหว่างที่คุยกับหลวงตา พี่เอก็รู้สึกได้กลิ่นธูปลอยมาจากตัวหลวงตารูปนี้อยู่ตลอดเวลา จังหวะที่คุยกับหลวงตาอยู่นั้น หลวงพี่ที่จัดหาห้องพักให้ก็เปิดกุฏิของท่านออกมา แล้วก็ถามว่า “อ้าวโยม ทำอะไร ยังไม่เข้ากุฏิไปพักอีกหรอ?” พี่เอจึงตอบหลวงพี่ไปว่า “อ๋อ คุยกับหลวงตาอยู่ครับ เดี๋ยวแปปนึง” จังหวะที่หันไปตอบหลวงพี่ แล้วหันกลับมา หลวงตารูปนั้นก็หายไป ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว! พี่เอคิดในใจว่าทำไมท่านเดินไปเร็วจัง จึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ และพยายามทำตัวตามปกติ แต่สายตาของหลวงพี่ได้มองไปข้างหลังของพี่เอ จากนั้นจึงบอกว่า “รีบเข้านอนได้แล้ว” และกลับเข้ากุฏิของตัวเองไปกลางดึกคืนนั้น พี่เอรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา แต่ห้องน้ำนั้นอยู่ไกลต้องเดินออกไปนอกห้องพัก จึงพยายามข่มตาให้หลับ สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินไปเดินมาอยู่รอบ ๆ มุ้งที่พี่เอนอนอยู่ พอมองออกไปก็เห็นเป็นเงาคนเดินอยู่จริง ๆ จึงเปิดมุ้งออกมาดู ก็เห็นเป็นร่างนึง ยืนอยู่ตรงมุมประตู เป็นชุดจีวรสีเหลืองห่มอยู่ พี่เอจึงพยายามจะเดินไปใกล้ ๆ แล้วร่างนั้นก็หายวับไปกับตา! พี่เอตกใจจึงรีบวิ่งเข้ามาในมุ้ง จากที่ตอนแรกไม่กลัว ตอนนี้พี่เอรู้สึกกลัวมาก ๆ อาการอยากเข้าห้องน้ำก็หายไปหมด และเกิดคำถามว่า “ใครอ่ะ มันคืออะไร?” พี่เอพยายามสงบสติอารมณ์และกลั้นใจนอนต่อไป ไม่นานก็มีเสียงสวดมนต์ดังขึ้นมาจากฝั่งที่เป็นผ้าม่านกั้นอยู่ คราวนี้เป็นกลิ่นสาปเหมือนหนูตายลอยมา พี่เอลืมตาและตามหากลิ่น จากนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรสักอย่างร่วงตกลงสู่พื้น! ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าคนเดินรอบ ๆ มุ้งของพี่เออีกครั้ง พี่เอจึงเริ่มสวดมนต์เพื่อให้หลุดพ้นจากเหตุการณ์นี้ หลังจากนั้นฝีเท้าก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหัวนอนที่พี่เอนอน แล้วกลิ่นก็หายไป พี่เอที่ไม่รู้จะทำยังไง สวดมนต์เสร็จก็หลับไป ราวกับว่าภาพมันตัดไปเองปกติแล้วทุกเช้า พี่เอจะตื่นออกไปช่วยหลวงพี่ตอนบินฑบาตร แต่เช้านี้ยังไม่เห็นพี่เอตื่น หลวงพี่จึงมาเคาะเรียกที่กุฏิห้องพัก พี่เอได้เล่าเรื่องที่เจอให้หลวงพี่ฟัง หลวงพี่ก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อถึงวันสุดท้ายของการทำงาน พี่เอเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย ก็บอกหลวงพี่ว่าเห็นหลวงตารูปหนึ่ง อยากจะไปกราบลาท่าน หลวงพี่ก็ถามว่า “หลวงตาไหน?” พี่เอก็อธิบายลักษณะของหลวงตา เมื่อหลวงพี่ได้ยินก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะบอกว่า “ถ้าอย่างนั้น โยมตามมานี่” หลวงพี่พาพี่เอกลับมายังกุฏิห้องที่พี่เอพัก แล้วก็เปิดม่านที่กั้นอยู่ สิ่งที่เห็นคือร่างของพระรูปหนึ่งนอนอยู่ในโลงแก้ว!พี่เอเห็นดังนั้นจึงตกใจ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะจำได้แม่นว่าลักษณะเหมือนกันกับหลวงตาที่เดินเข้ามาคุยและที่เจอในคืนนั้นเลย มองข้าง ๆ ก็จะมีรูปตั้งอยู่ นั่นยิ่งตอกย้ำกับพี่เอเลยว่าใช่ ใช่แน่ ๆ เมื่อตั้งสติได้ พี่เอก็กราบลาหลวงพี่และหลวงตา จากนั้นก็กลับบ้านไป...ชมไลฟ์สดย้อนหลัง

คืนที่ชีวิตพลิกผันของ ‘แอนนา วรินทร’ และ ‘พุดเดิ้ล ยุพดี’ จากวันที่เป็นหนี้ สู่เงินก้อนหลักล้าน!

21 ก.พ. 2023

คืนที่ชีวิตพลิกผันของ ‘แอนนา วรินทร’ และ ‘พุดเดิ้ล ยุพดี’ จากวันที่เป็นหนี้ สู่เงินก้อนหลักล้าน!

สถานการณ์โควิดทำให้หลายคนตกงาน การกู้หนี้ยืมสินก็เป็นอีกหนึ่งทางออกที่พอจะแก้ขัดผลัดไปอีกวันได้ ‘แอนนา วรินทร’ และ ‘พุดเดิ้ล ยุพดี’ ก็มีช่วงชีวิตขาลงแบบนั้นเช่นกัน ทั้งสองเปิดใจเล่าเรื่องที่ตัดสินใจไปบวชชีพรหมณ์แล้วเจอบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ต้องจดจำไปตลอดชีวิตในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ (14 กุมภาพันธ์ 2565) ให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังย้อนกลับไปในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังรุนแรง หลายคนต้องหยุดงาน ทำให้ขาดรายได้ ‘แอนนา’ และ ‘พุดเดิ้ล’ เองก็เช่นกัน ทั้งสองเปลี่ยนใจไปพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เดินสายไหว้พระด้วยความหวังว่าชีวิตจะต้องดีขึ้นกว่านี้ให้ได้ หนึ่งในนั้นคือวัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ทั้งสองทำบุญด้วยการบวชชีพราหมณ์ทั้งหมด 5 วัน แอนนาเล่าเสริมว่า “ก่อนหน้านี้เป็นหนี้อยู่ 1 แสน พอเข้าวัดแล้วขอ 1 ล้าน ขอภายใน 5 วันด้วยนะคะ”คืนแรกของการบวชชีพราหมณ์ เวลาประมาณตีสอง แอนนาได้ยินเสียงคนลากโซตรวนเสียงดัง จึงปลุกพุดเดิ้ลเพื่อนสนิทให้ตื่น ทั้งสองนอนนิ่งไม่กล้าขยับ และทนฟังเสียงเป็นโซ่นั้นหลายชั่วโมง จนเช้ามืด เสียงระฆังวัดพร้อมเสียงประกาศของโฆษกประจำวัดก็ปลุกทุกคนให้ตื่นพอตื่นมาทำวัตรเช้า ก็มีพี่ที่มีบวชด้วยกันเข้ามาทักว่า “เมื่อคืนน้องได้ยินเหมือนกันใช่มั้ย?” แอนนาและพุดเดิ้ลมองหน้ากันแล้วพยักตอบรับ ทั้งสองดีใจที่อย่างน้อยก็ไม่ได้หลอนไปกันแค่สองกัน หลังจากนั้นก็ยังได้ยินเสียงนี้อยู่ทุกคืน กระทั่งคืนหนึ่ง พี่คนที่เข้ามาทักบวชชีครบกำหนดแล้ว เขาบอกแอนนาก่อนกลับว่า “พี่ต้องกลับก่อนนะ หนูอย่าลืมไปไหว้ศาลข้างหลังนะ” แอนนาและพุดเดิ้ลก็ถึงบางอ้อ เข้าใจแล้วว่าเสียงหลอนที่ได้ยินทุกคืนนั้นมาจากไหน พอทั้งสองไปไหว้ คืนหลัง ๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงลากโซ่ตรวนนั้นอีกเลย หลังจากบวชชีพราหมณ์ครบ 5 วัน แอนนาบอกว่าได้เงิน 1 ล้านตามที่ขอไว้เลย! จากที่ไม่มีงานเข้ามาติดต่อกันเป็นปี และยังเล่าต่ออีกว่า “เขาจ้างเป็นพรีเซนเตอร์ โอนเงินสดให้เลย 7 แสน อีก 3 แสนเป็นงานยิบย่อย รวม ๆ แล้วได้ประมาณ 1.2 ล้าน” สุดท้ายทั้ง 2 ก็ต้องกลับมาที่วัดเพื่อขอเพิ่มอีก แล้วก็ได้หมดเลยแอนนาบอกว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องความเชื่อ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว เราก็ทำทุกอย่างสุดความสามารถควบคู่กันไปด้วยเหมือนกัน และยังบอกเพิ่มเติมอีกว่าการไปบวชหรือการทำบุญ สิ่งที่เราได้แน่นอนคือความมั่นใจ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย ความมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ มันก็ช่วยอะไรไม่ได้..(เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่

แฟนคอนเดี่ยวครั้งแรกในไทย ‘SUNNEE’ จัดเต็มความพิเศษแบบใส่ใจ เซอร์ไพร์สแฟนๆ ใน “SUNNEE FIRST FAN CONCERT ‘SURPRISE ON THE ROAD’ IN BANGKOK 2023”

24 ก.ค. 2023

แฟนคอนเดี่ยวครั้งแรกในไทย ‘SUNNEE’ จัดเต็มความพิเศษแบบใส่ใจ เซอร์ไพร์สแฟนๆ ใน “SUNNEE FIRST FAN CONCERT ‘SURPRISE ON THE ROAD’ IN BANGKOK 2023”

มวลความสุขอบอวลไปทั้งฮอลล์ สำหรับแฟนคอนเสิร์ตครั้งแรกในบ้านเกิดตัวเอง ของศิลปินจีนสัญชาติไทยมากความสามารถที่ทุกคนรอคอย SUNNEE (ซันนี่-เกวลิน บุญศรัทธา) กับงาน “SUNNEE FIRST FAN CONCERT ‘SURPRISE ON THE ROAD’ IN BANGKOK 2023” ที่จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ เนรมิตงานสุดปังนี้โดยผู้จัด สุดสัปดาห์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ภายใต้ AMARIN MEDIA EVENT ในเครืออมรินทร์กรุ๊ปโดยภายในงานเต็มไปด้วยความสนุกสุดเซอร์ไพร์สสมกับชื่อ SURPRISE ON THE ROAD ที่ซันนี่เตรียมมาให้ Sun Star ชาวไทย (ซัน-สตาร์ ชื่อแฟนคลับของซันนี่) ไม่ว่าจะเป็นเพลงเพราะๆ แขกรับเชิญคนพิเศษ และกิจกรรมสุดพิเศษที่จะทำให้ชาวซันสตาร์ฟินแบบลืมไม่ลง!เปิดประเดิมเวทีแฟนคอนครั้งนี้ ด้วยการปรากฏตัวแบบเท่ๆ ของ “ซันนี่” ที่มาพร้อมกับเพลง 计划外惊喜 (เซอร์ไพรส์แห่งรัก) เพลงจากอัลบั้มที่ 3 ที่นำมาร้องให้แฟนๆ ฟังสดๆที่นี่เป็นที่แรก! และเพลง Sunny ซิงเกิลแรกในชีวิตของเธอ เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ จนดังกระหึ่มฮอลล์ และกรี๊ดดังโหมกระหน่ำขึ้นไปอีก เมื่อ “ซันนี่” เริ่มต้นทักทายชาวซันสตาร์ ถึง 3 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ เพื่อต้อนรับแฟนๆ ทั้งชาวไทย จีน และนานาประเทศ ที่มารวมตัวเพื่องานวันนี้“สวัสดี ซันสตาร์ทุกคนนะคะ ซันนี่ค่ะ ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่แฟนคอนเสิร์ตครั้งแรกของหนูที่ประเทศไทยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้นะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนมาเยอะขนาดนี้ ขอบคุณมากๆ นะคะ”ทักทายกันไป รับเอเนอจี้ความสนุกแบบคูณร้อยกันไปแล้ว “ซันนี่” ยังมีอีกหนึ่งเพลงที่นำมาฝากแฟนๆ กับเพลง 与你漫步的星球 (ท่องอวกาศรักกับคุณ) ที่เพราะจนทำเอาเคลิ้ม จากนั้น “ก๊อตจิ-ทัชชกร บุญลัภยานันท์” พิธีกรของงานในวันนี้ ก็ขึ้นมารันความสนุกต่อทันที พร้อมพาชาวซันสตาร์ ไปสู่กิจกรรมทายใจ “ซันนี่” โดยมีลัคกี้แฟน 3 ท่าน ขึ้นมาเล่นเกมส์ทายใจให้ตรงใจกับซันนี่ ซึ่งผู้ชนะได้ของรางวัลเป็นรูปภาพที่ซันนี่วาดสดๆ ให้บนเวที เรียกว่าเป็นของขวัญเซอร์ไพร์สที่ทำใจสั่นไม่เบาจบกิจกรรมแรกที่ทำให้บรรยากาศคึกคัก สนุกสนาน ตลก ตามสไตล์เอนเตอร์เทนเนอร์ตัวจริงแบบ “ซันนี่” จนแฟนๆ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกันจนไหล่สั่นไปแล้ว ซันนี่ก็เตรียมเพลงไทยสนุกๆ อย่างเพลง “ขาหมู” มาให้แฟนๆ ร้องนำและโยกตาม และทำให้แฟนๆ ฟินแบบตั้งตัวไม่อยู่ กับการเปิดตัวเดินไปรอบๆ ฮอลล์เพื่อทักทายแฟนๆ ฟังอย่างใกล้ชิดทั้งร้องและเล่นไปแล้ว ก็มาถึงการพาแฟนๆ ย้อนไปถึงบรรยากาศการเดินทางของ “ซันนี่” ที่กว่าจะมาถึงวันนี้ กับการประมวลภาพความประทับใจที่เริ่มจากการเดบิวต์ในฐานะนักแสดง ไปจนถึงการแข่งขันในรายการ Produce 101 China และช่วงเวลาในการเดบิวต์ในวง Girls Group ชื่อดังอย่าง Rocket Girls ซึ่งทุกภาพที่เปิดขึ้นมา ล้วนเป็นความทรงจำที่ทุกคนคิดถึง รวมถึงภาพสาวเสื้อเขียวผมสีทอง ที่ตกแฟนๆ ให้มาตกหลุมรักซันนี่ในวันนี้จบความประทับใจ ภูมิใจกันแล้ว แต่กิจกรรมกระชับมิตรระหว่าง “ซันนี่” และ “ซันสตาร์” ยังไม่หมด! มาถึงเกมส์ที่แฟนๆ ต้องออกแรงกันซักนิด กับเกมส์ใบ้คำที่ต้องทำท่าทางตามซันนี่ให้ถูกต้อง เกมส์นี้ลัคกี้แฟน 10 ท่าน ใส่พลังกันเต็มที่ ใบ้กันเต็มกำลัง จนได้ผู้ชนะและได้รับโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นจากซันนี่ไปครอบครองถ้านี่นับเป็นความสนุกเลเวล 10 แต่ยังมีความสนุก ความสุขเลเวล 100 ที่ซันนี่เตรียมเอาไว้ กับอีกหนึ่งช่วงเวลาที่แฟนๆ รอคอยที่จะได้เจอกับแขกรับเชิญคนพิเศษแบบใส่ใจของ “ซันนี่” กับการเปิดตัว “ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร” ขึ้นมาร้องเพลง “ซูลูปาก้า ตาปาเฮ้” คู่กันเป็นครั้งแรก ซึ่งตลอดโชว์นอกจากชาวซันสตาร์จะเซอร์ไพร์สจนตาค้างไปกับความหล่อของ “พี่ต่อ” ซันนี่เองก็เขินสุดๆ ขอยกให้ช่วงนี้เป็นช่วง “แฟนเดย์ 10 นาที ต่อซันนี่” ก่อนทั้งคู่จะขอบคุณกันและกัน สำหรับมิตรภาพและภาพความประทับใจที่เกิดขึ้นในวันนี้มาร่วมสร้างวันพิเศษนี้ไปด้วยกัน แฟนคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นการรวบรวมความกล้าตลอด 2 ปีที่ผ่านมาของซันนี่ เพื่อมาเจอและมอบความสุขให้กับคนที่รักเธอ ซึ่งสุดท้าย “ซันนี่” ก็ขอมอบบทเพลง “ฉันดีใจที่มีเธอ” เป็นการบอกความรู้สึกทั้งหมดในวันนี้ของเธอและเช่นกัน ตามธรรมเนียมที่แฟนๆ จะบอกความรู้สึก ความประทับใจ และให้กำลังใจซันนี่ผ่านคลิปวิดีโอ และแฟนโปรเจกต์ที่มีข้อความว่า “ได้เจอกันแล้วนะ” ทำให้ “ซันนี่บอกขอบคุณทุกคนอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นมาร้องเพลงสุดท้ายอย่างเพลง By Your Side เวอร์ชั่น 2 ภาษา ไทยและจีน เป็นการส่งแฟนๆ ทุกคนกลับบ้านด้วยความอิ่มเอมใจ และประทับใจกับแฟนคอนที่แสนพิเศษวันนี้เรียกว่าเป็นช่วงเวลา 2 ชั่วโมงที่เต็มไปด้วย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และภาพความประทับใจ ความเป็นมืออาชีพ ในด้านการเป็นศิลปิน เอนเตอร์เทนเนอร์ ทำให้ “ซันนี่” เอาอยู่ในช่วงทุกของแฟนคอน รวมถึงความเป็นธรรมชาติ อารมณ์ดี การรู้จักรู้ใจกันแบบถึงแก่นระหว่างซันนี่และชาวซันสตาร์ ก็ทำให้บรรยากาศออกมาเป็นกันเอง และสนุกสนานกันเต็มที่ ถือเป็นอีกหนึ่งงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและอบอวลไปด้วยมวลแห่งความสุขที่แท้จริงภาพ @sudsapda

album

0
0.8
1