ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘คอนโด’ เป็นหนึ่งทางเลือกที่อยู่อาศัยของคนสมัยใหม่ แต่ขึ้นชื่อว่า ‘ที่อยู่’ คงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนมือ ผลัดวนกันเข้ามาอยู่อาศัย เรื่องนี้ก็เช่นกัน จะเป็นอย่างไร..? เมื่อหนึ่งครอบครัวคนเป็น ย้ายเข้าไปอยู่คอนโดของครอบครัวคนตาย เรื่องหลอนจาก ‘คุณหยก’ ที่ได้โทรเข้ามาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (24 มกราคม 2566) ที่ผ่านมา
คุณหยกเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเพื่อนที่ชื่อว่า ‘คุณข้าวโอ๊ต’ มีน้องสาวชื่อ ‘เปิ้ล’ และยังเป็นคนแม่เลี้ยงเดี่ยวของ ‘น้องแอคชั่น’ เมื่อลูกเริ่มโตขึ้น คุณข้าวโอ๊ตก็ได้เริ่มความสัมพันธ์กับ ‘คุณเก่ง’ จนในที่สุดก็จดทะเบียนสมรสด้วยกัน ครอบครัวที่เริ่มจะสมบูรณ์จึงมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ด้วยกัน คอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่เดินทางสะดวก ราคาไม่สูงมาก แถมยังเป็นคอนโดใหม่ คอนโดมือสองแห่งนี้จึงตอบโจทย์ครอบครัวนี้ได้ไม่ยาก
ในช่วงแรก คุณข้าวโอ๊ตก็ยังไป ๆ มา ๆ ระหว่างคอนโดเก่าเคยอยู่กับน้องสาวอย่างคุณเปิ้ล และคอนโดของครอบครัวใหม่ เพราะน้องแอคชั่นติดแม่และน้ามาก จึงไม่อยากรวบรัดให้ย้ายที่อยู่ ต้องให้เวลาน้องแอคชั่นปรับตัวด้วย ส่วนทางด้านคุณเก่ง ก็เข้าไปอยู่ก่อนเพื่อเช็คระบบ ทั้งประปา ไฟฟ้า และความเรียบร้อยทั้งหมดของคอนโด
นิสัยการนอนของคุณข้าวโอ๊ตคือไม่ค่อยชอบนอนเปิดแอร์ ถ้านอนคนเดียวก็จะเปิดหน้าต่างไว้ ซึ่งนั่นทำให้ได้กลิ่น Aftershave อ่อน ๆ ในช่วงเช้า และจะเริ่มเข้านอนเวลา 3 ทุ่มทุกวัน ความหลอนเริ่มต้นขึ้นจากจุดนี้ ระหว่างที่นอนเล่นโทรศัพท์กำลังจะเคลิ้มหลับ คุณข้าวโอ๊ตก็ได้ยินเสียงเปิดประตู และเสียงของชายที่ไม่รู้จักดังขึ้นว่า “อ้าวคุณ” หรือบางทีก็เป็นเสียงผู้หญิงพูดขึ้นก่อน พูดประมาณว่า “วันนี้ทำงานมาเหนื่อยมั้ย?” “วันนี้กินข้าวกับอะไรมา” เป็นบทสนทนาสั้น ๆ ทั่วไปเหมือนครอบครัวนึง คุณโอ๊ตก็คิดแค่เพียงว่าอาจจะเป็นเสียงจากห้องข้าง ๆ สักพักก็เริ่มชินกับเหตุการณ์นี้ จากนั้นก็พาน้องแอคชั่นย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน
หลังจากน้องแอคชั่นย้ายเข้ามา พฤติกรรมการกินของน้องก็เปลี่ยนไป ปกติแล้วน้องจะกินข้าวจนหมด แต่หลัง ๆ ไม่เป็นแบบนั้น คุณข้าวโอ๊ตสงเกตุว่าน้องจะเหลือข้าวไว้ช้อนนึงบ้าง คำสองคำบ้าง บางทีก็นั่งเล่นหัวเราะอยู่คนเดียว ซึ่งน้องแอคชั่นที่อายุ 6-7 ขวบ ก็น่าจะเลยวัยที่จะนั่งเล่นหรือพูดคนเดียวแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณข้าวโอ๊ตหนักใจอะไร เพราะบางทีก็คิดว่าคุยกับน้าในมือถือ หรือเล่นเกมอยู่คนเดียว
จนกระทั่งวันหยุดวันหนึ่ง คุณข้าวโอ๊ตกำลังทำสวนเล็ก ๆ อยู่ที่ระเบียง ซึ่งมีทั้งต้นไม้ใหม่ที่ย้ายเข้ามา และต้นไม้เก่าของเจ้าของเก่าปะปนกันอยู่ด้วย ถ้าใบไหนตายแล้ว คุณข้าวโอ๊ตก็จะดึงออก ระหว่างที่ทำสวนอยู่นั้น น้องแอคชั่นก็ร้องขึ้นมาว่า “ไม่เอาๆ อย่าทำแบบนี้ แอคชั่นกลัว ไม่เอาน้องแพรว พี่ไม่เล่น!” คุณข้าวโอ๊ตก็สงสัยว่าน้องแพรวเป็นใครจึงเอ่ยปากถามว่า “น้องแอคชั่นคุยกับใครคะลูก?” น้องก็ตอบกลับมาว่า “เนี่ยแม่ น้องแพรวชอบเล่นแบบนี้ ยิ้มกว้างเลย” คุณข้าวโอ๊ตก็สงสัยว่าเล่นยังไง จึงเดินเข้าไปหาและถามให้แน่ใจอีกครั้งว่า “หนูเล่นกับใครอยู่หรอ?” น้องตอบกลับทันควันด้วยความใสซื่อว่า “เนี่ยไง น้องแพรว ยืนอยู่ข้างหลังแม่ไง” “ตอนนี้น้องแพรววิ่งเข้าไปในห้องแม่แล้ว” นั่นทำให้คุณข้าวโอ๊ตถึงกับต้องนิ่ง เมื่อตั้งสติได้ก็รีบชวนน้องแอคชั่นออกไปกินข้าวข้างนอก แต่ก่อนจะไป คุณข้าวโอ๊ตต้องอาบน้ำก่อน ระหว่างที่จะเปิดประตูเข้าห้องน้ำ น้องแอคชั่นก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “เนี่ย.. น้องแพรวอยู่ในตู้ ถ้าไม่เชื่อแอคชั่นแม่ลองเปิดดูเลย!” พอเห็นลูกรบเร้าแบบนั้น คุณข้าวโอ๊ตจึงตัดสินใจเปิดดูข้างในตู้ พอเปิดออกมาก็ได้กลิ่นแป้งเด็กลอยเข้ามาเตะจมูกทันที จากนั้นคุณข้าวโอ๊ตก็บอกลูกว่า “น้องแอคชั่นอย่าไปไหนนะ รอแม่แปปนึง” พูดเสร็จก็รีบกุลีกุจอล้างตัวแล้วขับรถออกไปห้างทันที หลังจากนั้นก็โทรเล่าเรื่องราวที่เจอให้คุณเก่งฟัง คุณเก่งก็บอกว่า “ที่นี่พึ่งเปิดใหม่ ไม่น่าจะมีประวัติอะไรนะ แล้วเราก็ซื้อตรงกับเจ้าของเลย ไว้เดี๋ยวเราว่างตรงกันจะเล่าให้ฟัง จะได้สบายใจ” แล้วก็วางสายไป คุณข้าวโอ๊ตพาน้องแอคชั่นเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่ห้างจนถึงเวลาต้องกลับ เมื่อถึงหน้าคอนโด น้องแอคชั่นก็อยากกินไก่ทอดขึ้นมา จึงแวะซื้อก่อนเข้าห้อง น้องก็พูดขึ้นมาว่า “แม่ซื้อเผื่อน้องแพรวด้วยนะชิ้นนึง เพราะน้องแพรวชอบแย่งน้องกิน แอคชั่นต้องแบ่งข้าวไว้ให้น้องกินด้วยช้อนนึงตลอด” ประโยคนั่นทำให้คุณข้าวโอ๊ตปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกันถึงพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไปของลูก
เมื่อถึงห้อง น้องแอคชั่นก็แบ่งไก่ทอด 1 ชิ้นไว้อีกจานข้าง ๆ แล้วก็นั่งกินในส่วนของตัวเองไป คุณข้าวโอ๊ตก็ชวนลูกคุยตามประสาคนเป็นแม่ จนกระทั่งน้องแอคชั่นพูดขึ้นมาว่า “แม่ครับ น้องแพรวมาขอบคุณครับ อยู่ข้าง ๆ แม่เลย” คุณข้าวโอ๊ตที่ใจไม่ดีมาทั้งวันก็รีบพาน้องแอคชั่นอาบน้ำเข้านอนทันที ส่วนตัวเองก็กินยาแก้แพ้เพื่อที่จะได้นอนหลับ กระทั่งหลับไป..
กลางดึกคืนนั้น.. คุณข้าวโอ๊ตรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ และเมื่อพลิกตัวก็ได้กลิ่น Aftershave ลอยมาอีกครั้ง พอลืมตาก็เห็นร่างของผู้ชายและผู้หญิงลอยขนาบข้างน้องแอคชั่น เสียงผู้หญิงพูดว่า “ทำไมทิ้งของของชั้นแล้วไม่บอกกันก่อน” คุณข้าวโอ๊ตตกใจสบถคำหยาบคายออกมาเป็นประโยค แล้วผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นว่า “ชั้นไม่ได้พูดจาหยาบคายกับเธอเลยนะ ทำไมไม่พูดกับชั้นดี ๆ ” จากนั้นก็มีเสียงดัง “ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!” ตรงหัวเตียง พอมองขึ้นไปก็เห็นร่างของเด็กอายุประมาณ 4-5 ขวบ มองก้มหน้าโกรธ ๆ แล้วก็อ้าปากขึ้น กรามล่างหักค้างอย่างสยดสยอง คุณข้าวโอ๊ตเห็นดังนั้นก็กรี๊ดแล้วสลบไป!
เช้าวันต่อมา คุณข้าวโอ๊ตรู้สึกตัวขึ้นก็เห็นว่าน้องแอคชั่นอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็รีบพาลูกไปส่งโรงเรียน พอจะกลับคอนโด ในใจก็คิดหนัก เพราะยังรู้สึกสยองกับเรื่องที่เจอเมื่อคืนมาก จึงกลับไปที่อยู่เก่าก่อน แล้วค่อยไปทำงาน หลังจากนั้นก็คุยกับคุณเก่งว่าสรุปที่นี่มีประวัติอะไรหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรมาก เพราะคุณเก่งเองก็พยายามถามเจ้าของเก่าแล้ว ระหว่างนั้นเอง คุณข้าวโอ๊ตที่เจอเรื่องนี้บ่อยเข้าก็ทนไม่ไหว หยิบเอาโฉนดมานอนกอด พอเจอก็บอกว่า “ขอโทษนะคะ แต่หนูเป็นเจ้าของห้องนี้ร่วมกับแฟนหนูค่ะ หนูซื้อโดยถูกต้อง อย่ามาทำแบบนี้ ถ้ามีอะไรอย่ามาทำให้เห็นแบบนี้ บอกมาได้ เข้าฝันก็ได้ บอกดี ๆ แล้วลูกพี่ พี่ดูแลด้วย อย่ามายุ่งกับลูกหนู หนูกลัว!” แล้วร่างที่ลอยอยู่ก็ค่อย ๆ หายไป ส่วนน้องแพรวก็ยังเล่นแบบนั้นอยู่
จนกระทั่งวันหยุดของคุณเก่งมาถึง คุณเก่งบอกว่า “เจ้าของห้องบอกว่า ผมรับช่วงต่อมา เป็นห้องของครอบครัวพี่ชายผม แล้วเขาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตายยกครอบครัวในระหว่างทางที่กำลังขับกลับมาที่คอนโด ส่วนน้องแพรวที่ตอนนั้นไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ก็กระเด็นไปนอกกระจก แล้วปากก็ไปเกี่ยวกับกระจกข้าง จนกรามล่างฉีก จิตสุดท้ายของครอบครัวนี้ก็คงจะอยากกลับบ้าน”
เมื่อได้ยินดังนั้น ครอบครัวคุณข้าวโอ๊ตก็หมั่นทำบุญตักบาตรทุกเช้า กลายเป็นธรมมเนียมจนชินชา เพราะก่อนออกจากบ้านก็จะพูดว่า “น้องแพรวฝากดูบ้านด้วยนะ มีอะไร อยากบอกอะไรก็มาเข้าฝันน้านะ” พอกลับเข้าบ้านก็จะพูดว่า “กลับมาแล้วนะ ของอยู่ตรงนี้นะ” กลายเป็นอยู่ด้วยกันแต่เหตุการณ์สยองนั้นไม่ได้เจออีกแล้ว..
ติดตามความหลอนย้อนหลัง