EFM FANDOM RECAP

EFM FANDOM RECAP

6 นักแสดงจากซีรีส์ “กี่หมื่นฟ้า Your Sky Series” รับรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “ไม่ว่าจะกี่หมื่นฟ้าก็ยังมีเธอเป็นที่รัก” แล้วจะหลงรักเจ้าก้อนเมฆทั้ง 6 แบบไม่รู้ตัว!

16 ธ.ค. 2024

6 นักแสดงจากซีรีส์ “กี่หมื่นฟ้า Your Sky Series” รับรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “ไม่ว่าจะกี่หมื่นฟ้าก็ยังมีเธอเป็นที่รัก” แล้วจะหลงรักเจ้าก้อนเมฆทั้ง 6 แบบไม่รู้ตัว!

รายการ EFM FANDOM LIVE [5 ธันวาคม 67] คืนนี้ความน่ารักอัดแน่นเต็มสตู เพราะต้อนรับ 6 นักแสดงจากซีรีส์ “กี่หมื่นฟ้า Your Sky Series” กับ “อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ - แพทจิ” พร้อมอัพเดตพูดคุยกับ 2 ดีเจ “ดีเจดาว” และ “ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดโหวต 1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัลที่ 3 “(Y)ourskyphile Award (ผู้หลงใหลในท้องฟ้า)” เวลาที่ทุกคนได้ยินชื่อ กี่หมื่นฟ้า นึกถึงอะไรกันบ้างคะ!!? ส่วนใหญ่ก็คงนึกถึงท้องฟ้ากันใช่ไหมล่ะ แนวคิดนำคำว่า -phile (suffix) ที่แปลว่าหลงใหล หลงรัก มารวมกับคำว่า (Y)oursky เปรียบเสมือนเด็กๆกี่หมื่นฟ้าทุกคนเป็นท้องฟ้า โดยแต่ละวันท้องฟ้าก็มีสีสันไม่เหมือนกัน เวลาที่เราเหนื่อยได้มองไปที่ท้องฟ้าเหมือนได้ปล่อยความเครียดของตัวเองออกไปให้ท้องฟ้าที่สีสันสดใสคอยฮีลใจเรา เหมือนกับการที่เราได้มารู้จักทีมนักแสดงกี่หมื่นฟ้าทุกคนทำให้โลกของเราสดใสขึ้น แค่ได้มองพวกเขายิ้มหรือหัวเราะความเครียดที่เราสะสมมาทั้งวันก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย แล้วยิ่งมาดูซีรีส์กี่หมื่นฟ้าก็เหมือนได้ฮีล ได้ปล่อยใจจอยๆสนุกไปกับตัวละครและ “อยากให้นักแสดงกี่หมื่นฟ้ามองแฟนคลับทุกคนเป็นท้องฟ้าที่คอยส่งพลังบวกให้เหมือนกันนะ ถ้าเหนื่อยก็หันกลับมาจะมีแฟนคลับทุกคนคอยส่งกำลังใจให้เสมอ” ให้พวกเราต่างหลงรักในท้องฟ้าของกันและกันแบบนีตลอดไปเลยย(Y)ourskyphile Award When you hear the name 'Ki Muen Fah', what comes to mind? For many, it’s likely the sky, right? The idea here is to blend the suffix '-phile', which signifies a love or fascination for something, with 'Yoursky'. It’s as if all the Ki Muen Fah children embody the sky. Each day, the sky showcases a new color. When we feel overwhelmed, gazing at the sky can lift our spirits and fill our hearts with warmth. Getting to know the wonderful cast and crew of Ki Muen Fah truly brightens our lives. Just witnessing their smiles and laughter can dissolve the stress we've carried throughout the day. Watching the Ki Muen Fah series feels like a refreshing escape, a chance to unwind and have fun with these delightful characters. I hope the Ki Muen Fah cast recognizes their fans as their own sky, always radiating positive vibes. Whenever you feel weary, just remember there are fans cheering you on. Let’s cherish and celebrate each other’s skies forever!2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “หล่อเทพบุตรดุจเทพสร้าง” มาจากหน้าตาของนักแสดงเรื่องนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นที่เลื่องลือมากว่าหล่อเทพบุตร หล่อเกินคน หล่ออันตราย หล่อล้ำเทคโนโลยี เดินมาใครไม่มองให้มันรู้ไป ผมหล่อก็หาว่าผมแอ๊ค ถึงหน้าจะดูแบดบอยแต่ใจสปอร์ต อบอุ่น บ้านรวย เทคแคร์ดี สเปคสาวไทยทั้งประเทศ ใคร ๆ ก็บอก นักแสดงเรื่องนี้คือเหมือนลอยมากันทุกคน เท้าไม่ติดพื้นแล้ว แล้วจะไม่โดนตกยังไงไหว วาสนาพี่หมื่นฟ้าสุด ๆ น้องชายก็หล่อบ้อกแบ้ก เพื่อนก็หน้าตาฟ้าประทาน น้องที่รักก็ยิ้มหวานแก้มน่าบีบDrop-dead gorgeous. The charm of the actors In this beloved story is truly captivating; they are often described as strikingly handsome, almost like divine beings—so attractive that it’s hard to look away when they pass by. One might say, “If I were handsome, people might think I was acting,” but beneath that rugged exterior lies a warm and caring heart, rich in spirit and devoted to self-care. I feel like I’m the quintessential girl in all of Thailand, and everyone seems to echo that sentiment. These actors seem to float above the ground, making it impossible not to be enchanted by them. P’ Muen Fah is incredibly fortunate; not only is his younger brother a charming presence, but his friends are equally blessed with good looks, and his dear brother has a delightful smile and cheeks that are just begging to be pinched.3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัลที่ 2 “แกงค์ป่วน ก๊วนลูกปูไต่”**ชื่อสาขานี้เป็นชื่อที่ได้รับการเสนอเข้ามาเยอะที่สุด นี่คือแนวคิด/ที่มาบางส่วนเท่านั้น** แนวคิด 1 : มาจากผู้กำกับซีรีย์เรื่องกี่หมื่นฟ้าใช้เรียกน้องๆ เวลาเข้าบล็อคกิ้ง เข้าซีนต่างๆ แล้วพากันซนอยู่ไม่นิ่ง พี่ๆเลยเรียกแกงค์ลูกปูไต่ค่ะ แนวคิด 2 : มีที่มาจากคุณผู้กำกับของเรื่องอย่างพี่กล้าที่เล่าว่าเด็กๆกี่หมื่นฟ้าเวลาเข้าซีนด้วยกันเมื่อไหร่วุ่นวายสุดๆๆ เหมือนต้องจับปูใส่กระด้งเพราะแต่ละคนแสบซ่ากันมากอยู่กันไม่นิ่งพอเรียกอีกมาอีกคนก็ไป จับตัวให้ยืนนิ่งๆๆยากมาก55555Mischief-makers: the Crab Crew**The name of this branch received the most suggestions,and here are a few of the wonderful ideas and inspirations we’ve gathered.** Idea 1 : This delightful notion originated from the director of the series “Ki Muen Fah” He would often invite the younger cast members during rehearsals as they moved between scenes. With their lively spirits and boundless energy, they were quite the handful! This playful behavior led the older cast to affectionately nickname them the “Little Crab Climbing Gang.” Idea 2 : The director of the story, P’ Kla, shared a delightful observation about the Ki Muen Fah children. He mentioned that whenever they come together in a scene, it becomes wonderfully lively and a bit tumultuous—like trying to catch crabs in a basket! Each child is full of energy and personality, making it hard for them to stay in one place. Whenever one is called over, the others tend to wander off. It really is quite a challenge to encourage them to hold still!4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัลที่ 1 “ไม่ว่าจะกี่หมื่นฟ้าก็ยังมีเธอเป็นที่รัก” เราได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อนิยายและตัวละครหลักในเรื่อง กี่หมื่นฟ้า โดยชื่อ "หมื่นฟ้า" หมายถึงพระเอก และ "ที่รัก" หมายถึงนายเอก ชื่อรางวัลนี้สื่อถึงความรักที่มั่นคงและไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะผ่านเรื่องราวหรืออุปสรรคใด ๆ ความหมายนี้ยังสะท้อนถึงจิตวิญญาณของเรื่องราวในซีรีส์ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่และลึกซึ้งWith countless skies above, you’ll always be my beloved. We drew inspiration from the novel’s title and the beloved characters in the series, Ki Muen Fah, where ‘Muen Fah’ signifies ‘the hero’ and ‘Teerak’ represents ‘the main character.’ This award’s name beautifully embodies a love that remains constant and unwavering, regardless of the challenges we face. It wonderfully captures the essence of the series, reflecting a profound and meaningful relationship that resonates deeply with us all.5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Star of My Sky (ดวงดาวแห่งท้องฟ้าของฉัน)” คำนิยายอีกนิยามหนึ่งคือ คุณคือท้องฟ้าของผม ที่มาคือ ซี่รีส์ “กี่หมื่นฟ้า Your Sky Series” เหมือนได้ทำให้โลกเปิดกว้างสดใสมากขึ้น ทั้งนักแสดง ตัวละคร ภาพ รวมไปถึงเพลงประกอบซีรี่ส์ ทำให้ทุกๆวันที่ได้ดูเรื่องนี้ได้ฮีลใจไปด้วยเพราะเป็นเรื่องที่สนุก ครบรสมากเพราะได้แต่รอยยิ้มเวลาที่เราดู อีกทั้งน้องๆ ทั้ง6คน ก็ได้ถ่ายทอดตัวละครมาจากนิยายได้น่ารักทุกตัวละครเลย และก็รู้ว่าน้องๆทำเต็มที่กับการแสดงซีรี่ส์เรื่องนี้มากๆ แถมน่ารักกับแฟนคลับทุกคนด้วย อยู่ปั่นเทรนช่วยกันทุกครั้งเวลาซีรี่ส์ออนแอร์ เลยอยากให้น้องๆทุกคนถูกค้นพบเยอะมากๆ เพราะน้องๆน่ารักจริงๆ แล้ววันไหนที่เราได้เห็นน้องๆ ตัวเท่ามดนั้นแสดงว่าพวกเขาได้เป็นดวงดาวที่พร้อมจะส่องแสงสว่างไปกับความสำเร็จที่เรารอคอยนั้นแล้วจริงๆนี้ เลยเป็นที่มาของ Star of My Sky (ดวงดาวแห่งท้องฟ้าของฉัน)Stars of My Sky One way to define a novel is by saying, “You are my sky.” This phrase comes from the delightful series “Ki Muen Fah: Your Sky Series.” It truly brings a sense of openness and brightness to the world. The performances of the actors, the vibrant characters, the beautiful imagery, and even the lovely soundtrack all work together to create a heartfelt experience that lifts my spirits every time I watch it. It’s such a joyful story that I can’t help but smile. Additionally, the six young actors portray their characters with such charm and cuteness. I can feel their dedication in each scene, and they genuinely connect with their fans, helping to create a buzz every time the show airs. I can’t wait for everyone to discover these talented young stars because they are simply wonderful! When we see them shining brightly—small yet mighty—it reminds us that they are ready to take the spotlight and achieve the success we’ve all been eagerly anticipating. This is where “Star of My Sky” truly begins.ถึงเวลาที่แฟน ๆ ชาวด้อมรอคอย! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการเราจะมาพูดคุยกับ “อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ - แพทจิ” กันรางวัล “ไม่ว่าจะกี่หมื่นฟ้าก็ยังมีเธอเป็นที่รัก” โทมัส : ครับผมก็อยากจะบอกพี่ ๆ ทุกคนเลยครับว่า “รักมาก ๆ นะครับ แล้วก็ We did it guy this our first trophy of a your sky series” ก้อง : ครับผมก็ขอบคุณสำหรับรางวัลและก็ชื่อรางวัลเก๋ ๆ ให้พวกเราแก๊งกี่หมื่นฟ้าด้วยนะครับผม พวกเราจะเก็บรางวัลนี้ไว้เป็นอย่างดี ใส่ตู้เซฟล็อค 8 ชั้นความสนิทกันของแก๊งกี่หมื่นฟ้า ป๋อ : ตอนแรกวันที่ถ่าย pilot เป็นคิวแรกที่ถ่ายทำกี่หมื่นฟ้าผมจะเข้าซีนกับก้องเยอะกับแพทด้วย แต่ว่าคือตอนนั้นเรายังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะว่ามันก็มีแค่ Workshop นิด ๆ หน่อย ๆ ก้อง : ใช่ ก่อนคือเหมือนก่อนที่จะได้ถ่าย pilot เราเจอกันไม่ถึง 5 ครั้งด้วยซ้ำแล้วก็ยังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นยังไม่ได้รู้จักกัน นี่คือ pilot เรื่องแรกที่ทุกคนใหม่มาก ทุกคนยังโฟกัสกับการถ่ายมากก็เลยยังไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ เยอะมากเพราะว่าเราโฟกัสกับการถ่ายมากจริง ๆ โทมัส : ครับก็สำหรับผมนะครับ ก็คือตั้งแต่ตอนแรก ๆ ที่พึ่งรู้ว่าโปรเจกต์เราจะต้องแสดงก็รู้สึกว่ากดดันมาก ๆ ได้เจอเพื่อน ๆ ที่แบบหน้าใหม่ บางคนก็เจอกันนานแล้วนะครับผม ก็รู้สึกแบบมีความอุ่นใจและก็มีความตื่นเต้นมาก ๆ เลยจนแบบทำให้เรารู้สึกว่าเราจะเกร็งหรือเปล่า เพราะตอนแรกก็แบบไม่ได้ Ice breaking กัน ครับแต่ว่าตอนนี้ก็สนิทกันมาก ๆ เลยครับ เพราะได้ร่วมงานด้วยกันแล้วก็ได้ใช้เวลาด้วยกันครับผมกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ของแก๊งเรา โทมัส : มีครับ ก็มีเยอะเลยครับแต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นตอนที่ออกกองนี่แหละครับ ก็จะหา activity มาสักอย่างหนึ่งมาเล่นด้วยกัน ก็มีเล่น TikTok เต้น ๆ บ้าง ก้อง : เพราะว่าพอเราเข้าซีนมันจะมีแบบบางคนที่ว่างครับ กลุ่มนั้นก็จะหาอะไรทำเพราะไม่งั้นมันจะง่วงนอน โทมัส : หาทำ Content ครับทุก ๆ คิวเลยคนที่ซนน้อยที่สุดในแก๊งกี่หมื่นฟ้า คือ ... ก้อง : ถ้าน้อยสุดก้องให้พี่เซฟ โทมัส - อู่อู๋ : เห็นด้วยครับ ๆ แพทจิ : ผมไม่เห็นด้วยครับ ควรจะเป็นผม อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ : โอ้โฮฮฮ 555555 ก้อง : ดูจะเป็นคนที่เรียบร้อยที่สุดในพวกเราแล้วครับผม โทมัส : ใช่ เซฟจะเป็นคนนิ่ง ๆ แล้วแบบด้วยความที่เซฟเป็นคนฉลาด แล้วเก่งอะ 555 เซฟจะเป็นคนที่โฟกัสกับงานมาก ๆ เลย จะไม่ยุกยิกจะนิ่งมาก ๆ เลยแล้วคนที่ซนมากที่สุดในแก๊ง คือ ... โทมัส : ชัดเจนมากเลยครับ น้องแพทจินั่นเอง แพทจิ : ขอเหตุผลได้ไหม? โทมัส : เดี๋ยวพวกพี่จะบอกเหตุผล แล้วให้น้องแพทโต้ละกันนะ แพทจิ : ผมว่าสังคมหล่อหลอมมากกว่า อู่อู๋ เซฟ โทมัส ก้อง ป๋อ : โอ้โฮฮฮ 555555 ก้อง : ไม่ใช่ อันเนี้ยแพทหล่อหลอมสังคม ป๋อ : ถ้าแก๊งนี้คือโดนเยาวชนมอมเมาครับ โทมัส : ใช่ครับผม ก็คือน้องแพทซนที่สุดและดื้อที่สุดเพราะว่าน้องแพทชอบไปแกล้งพี่ ๆ คนอื่น โทมัส : ใครโดนเยอะสุด ป๋อกับอู่อู๋ ป๋อ : อู่อู๋ก่อน อู่อู๋ : คือผมไม่ค่อยโดน แต่ผมอะเห็นน้องแกล้งคนอื่น เอาจริงส่วนใหญ่ก็จะแกล้งป๋อนะหมายถึงว่าแบบ แพทจิ : ผมแกล้งยังไง ป๋อ : คือนี่ก็รู้สึกว่าโดนบ่อยนะ แต่ว่าก็พยายามลืม ๆ มันไป 55555 แพทจิ : อันนี้ให้ความเท็จครับ ไม่จริง พี่ป๋อแกล้งผม ป๋อ : พี่แกล้งยังไง แพทจิ : ก็ล้อเรื่องเก่า ๆ บ้าง ล้อเรื่องทรงผม เรื่องนาฬิกาในเรื่อง ป๋อ : อันนั้นไม่ใช่แค่พี่ อันนั้นทั้งกอง ก้อง : คือแพทในคาแรคเตอร์เขาจะมีนาฬิกาสีส้มประจำตัวครับ ส้มจี๊ด ก็เลยจี๊ดถึงทุกวันนี้ โทมัส : ใช่ครับ ด้วยความที่แบบน้องเล่นคาแรคเตอร์ที่ต้องดีด ๆ หน่อย น้องจะเหมือนลิง 5555 แพทจิ : ไม่ใช่ครับ ในห้อง Workshop ครูของพวกเรานะครับ ก็ให้ผมสวมบทบาทเป็นสัตว์ตัวนึง แล้วผมก็คิดว่าเออมันน่าจะเหมือนลิง ก็เลยลองเล่นเป็นลิง หลังจากนั้นเวลาที่ต้องเล่นผมก็เลยจะแบบ alert ตลอดเวลา แต่จริง ๆ ผมเหมือนพี่โทมัสเลยครับ โทมัส : ครับก็ให้ผู้ชมตัดสินเอานะครับดีใจที่วันนี้ทุกคนมาหาพวกเรานะครับ 3 ก้อง : ครับผมก็ขอบคุณทุกคนมาก ๆ นะครับที่มาหาพวกเรา ก็คือตอนลงมาจากรถเนี่ยตกใจมากคนมาเยอะมากแล้วก็ดีใจที่เจอทุกคน เพราะว่าเราก็ไม่ค่อยได้รวมผลกันบ่อยไงนานทีก็ดีใจที่วันนี้ทุกคนมาหาพวกเรานะครับโทมัส – ก้อง เปรียบคู่ของตัวเองเป็นมาการองไส้สตอรว์เบอร์รี โทมัส : เราเปิดก่อนได้เปรียบ ก็รู้สึกว่าคู่ของเรานะครับจะเป็นอาหารที่อร่อยมาก ๆ เป็นของหวานให้มาการองละกันครับ เพราะว่า มาการองเป็นสิ่งที่ผมชอบ ก้อง : เอ้าแค่นั้นเหรอ โทมัส : และมันหวานและมันอร่อย ก้อง : จริงเหรอ ของเรามาการองจริงเหรอ โทมัส : ไม่รู้ อ่อแล้วก็มีอีกอย่างนึงที่เป็นเหมือนกัน ก้อง : เป็นสตรอว์เบอร์รีครับ เพราะผมชอบกิน 5555 โทมัส : ตอนแรกผมจะตอบว่าเป็นซูชิโอมากาเสะบวกกับพิซซ่าทรัฟเฟิลอีก 1 ชิ้นครับ เพราะชอบกินอู่อู๋ – เซฟ เปรียบคู่ตัวเองเป็นก๋วยเตี๋ยวรสเผ็ช! เซฟ : ถ้าผมกับพี่อู่อู๋ก็คิดว่าน่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวครับ เพราะว่าผมคิดว่า อู่อู๋ : เส้นเยอะใช่ไหม 5555 เซฟ : ก๋วยเตี๋ยวมันก็มีแบบว่าหลาย ๆ อย่างอยู่ในก๋วยเตี๋ยว ผมก็เลยคิดว่าเราทั้งคู่มีอะไรหลาย ๆ อย่างแล้วก็สามารถปรุงได้ด้วย ก็เหมือนเราอยากได้รสไหนเราก็ปรุงเข้าไปเติมเข้าไปรสนั้นรสนี้ อยากได้แบบไหนก็ปรุงได้ อู่อู๋ : เอาเส้นออกก็เป็นน้ำซุปได้ เซฟ : ไม่ก็จะเป็นเกาเหลาไง โทมัส : แต่ว่าส่วนใหญ่ก็จะเป็นก๋วยเตี๋ยวรสเผ็ดเนอะพวกเรา เซฟ : ทำไมอะ โทมัส : พวกคุณรสเผ็ดอะ ก้อง : อย่าบอกนะว่าเขาแซ่บกันอะ เฮ้ยย โทมัส : ไม่เป็นรสเพราะว่าแบบ ก้อง : ทะเลาะกันแซ่บ โทมัส : ใช่ครับ ใช่ป๋อ - แพทจิ เปรียบเราสองคนเป็นปลาร้า เพราะ... แพทจิ : ผมคิดว่าเป็นปลาร้าครับ ปลาร้าสวีเดนเพราะว่ากลิ่นความหล่อของผมกับพี่ป๋อมันแรงเกิน 5555คนนิสัยแบบนี้! มัดใจแต่ละคนได้อย่างสบายๆ โทมัส : ผมขอตอบก่อน รู้สึกว่าคนที่จะทักมาผมจะหวั่นไหว คือธรรมดาแล้วผมเป็นคนที่ใจแข็งไม่ค่อยหวั่นไหวกับอะไรง่าย ใช่ไหม ใช่ครับ คือจะเป็นคนที่ทำให้ผมสบายใจที่อยู่ด้วยแล้วก็เป็นความสกใสในชีวิต นิสัยที่แบบตลก ฮา ๆ ครับ ทำให้แบบผม enjoy ไปด้วย ส่วนตัวผมแล้วผมเป็นคนอินโทรเวิร์ต ก็จะไม่ค่อยมีอะไรทำให้ผมแฮปปี้หรือมีโดปามีนเข้าในหัวเท่าไหร่ก็เลยอยากจะมีคนมาเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางที่ดีขึ้นครับ ก้อง : ก้องจะเป็นคนที่พูดเยอะก็ถ้าสมมุติคนที่ก้องจะชอบก็จะเป็นคนที่พูดน้อยละกัน เพราะว่าจะได้ไม่แย่งก้องพูดจะได้ฟังเราพูด เป็นคนที่มีวุฒิภาวะมากกว่าเรา เล่นกับเราได้เพราะว่าชอบเล่นถ้าเล่นคนเดียวเดี๋ยวเขาหาว่าบ้า 5555 เซฟ : ขอผมน่าจะเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำ ทั้งมีความสามารถก็สามารถพาเราไปทำหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะความแปลกหรือความใหม่ก็ได้หมดเลย อู่อู๋ : ผมชอบคนขี้อ้อนครับ คือผมเป็นที่ชอบเล่นหมายถึงว่าหาอะไรทำอะ แต่ว่าบางทีหาไรทำมันไม่ใช่แค่แบบ ปกติเขาจะหาไรทำเป็นกิจกรรมใช่ไหม แต่อันนี้คือสมมุติว่าผมอยู่กับคนที่ผมชอบผมจะชอบแกล้ง บางทีอาจจะออกแนวรุนแรงนิดหน่อยแต่ไม่ได้ตั้งใจรุนแรงนะแต่ว่าเราเอ็นดูไง แล้วก็ชอบคนนิสัยแบบอ้อน ๆ เหมือนแมว ป๋อ : คนที่ต้องรู้จักกันมานานผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะแยะ เป็นคนที่ใส่ใจกันครับ เป็นคนที่แคร์เราเยอะ ๆ ครับ หลัก ๆ ก็เป็นคนที่ใส่ใจเราและก็ค่อยเป็นห่วงเรา ค่อยดูเราในแต่ละพาร์ทแล้วก็ค่อยอยู่ข้าง ๆ เราละกันครับ แพทจิ : ก็คงจะเป็นคนตลกครับ คนที่แบบเข้ากับผมได้สติไม่ค่อยมีเหมือนกัน เป็นคนที่ผมเล่นอะไรแล้วเล่นตาม คุยกันถูกคอเข้าขากันได้วันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ – แพทจิ” มาให้เล่นกันชื่อเกมว่า “จะกี่หมื่นฟ้าผมก็จะพาไป….” แล้วมาดูกันว่าทั้ง 6 หนุ่มจะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่?(เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ – แพทจิ” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ – แพทจิ” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้กับรายการ และฝากซีรีส์ “กี่หมื่นฟ้า Your Sky Series” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 22.15 น. ทางช่อง One 31 และรับชมย้อนหลังแบบ UNCUT เวลา 23.15 น. ทาง iQIYI ฝากเพลงประกอบซีรีส์ “ที่รักครับ (Only One)” จาก ATLAS ด้วยน้าาสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

ถึงแฟนๆจะมิได้นัดหมาย แต่มิตรภาพของ 2 เพื่อนซี้ “สกาย - นานิ” กลายเป็นบทสวดที่ไวรัลสุดๆ จนได้รับรางวัลคู่ด้วยกันครั้งแรก ใน EFM FANDOM AWARDS สาขา “อิมินาสกายนานิ สวดบทนี้เพื่อเธอ”

04 ธ.ค. 2024

ถึงแฟนๆจะมิได้นัดหมาย แต่มิตรภาพของ 2 เพื่อนซี้ “สกาย - นานิ” กลายเป็นบทสวดที่ไวรัลสุดๆ จนได้รับรางวัลคู่ด้วยกันครั้งแรก ใน EFM FANDOM AWARDS สาขา “อิมินาสกายนานิ สวดบทนี้เพื่อเธอ”

รายการ EFM FANDOM LIVE [28 พฤศจิกายน 67] คืนนี้พร้อมต้อนรับ 2 หนุ่มคู่ซี้เพื่อนรัก “สกาย - นานิ” พร้อมอัพเดตพูดคุยกับ 2 ดีเจ “ดีเจแนน” และ “ดีเจโจเซฟ”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดโหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัลที่ 1 “อิมินาสกายนานิ สวดบทนี้เพื่อเธอ”**ชื่อสาขานี้เป็นชื่อที่ได้รับการเสนอเข้ามาเยอะที่สุด นี่คือแนวคิด/ที่มาบางส่วนเท่านั้น** แนวคิด 1 : เป็นบทสวดที่ไวรัลมาก สำหรับบทสวด “อิมินาสกายนานิ” น่าจะเริ่มมาจากการที่ทุกด้อมรวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย มามุงกับเคมีของเสาหลักใหม่ของตึก gmm สกาย-นานิ และเป็นคู่หูธรรมะธรรมโม มีของคู่กายคู่ใจกับด้ายแดง เชียงใหม่ เห็นแล้วใครจะไปอดใจไม่ฟินไหว อิ-อิ รางวัลนี้ไม่เข้าได้หรอ?? แนวคิด 2 : มีสาววายท่อง “อิมินาสกายนานิ” โดยมิได้นัดหมาย ซึ่งเป็นวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง (มิตรภาพคราบศัตรู ออกอากาศเป็นวันแรก) เหตุการณ์อัศจรรย์ที่สาววายสาวกของพี่ถายะจำนวนมากกว่า ๑,๒๕๐ คน มาเฝ้า สกาย-นานิ ณ ตึก GMM ย่านอโศก แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา โดยมิได้นัดหมาย ซึ่งทั้งหมดได้บรรลุเป็นสาววายด้อมอิมินา สกายนานิ โดยพร้อมเพรียงกัน แนวคิด 3 : มาจากการที่ชาวด้อม สกาย-นานิ จะมีคำติดปากที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในด้อมและนอกด้อมว่า “อิมินาสกายนานิ” ซึ่งเป็นคำที่เฟมัสมากจริงๆ เพราะมันไปโดนเส้นคนไทยที่เป็นเมืองพุทธ บวกกับมีมีมที่เป็นวันวิสาขบูชาออกมา ดังนั้นถ้าชาวด้อมเปรียบเป็นสกายนานิกชน สกาย-นานิก็ต้องเป็นศาสดาของพวกเราแล้วแหละ ศาสดาดีเด่นด้วย'IMINA SKY NANI' (This prayer is for you)**This branch name was the most proposed. These are just some of the ideas and sources.** Concept 1 : This prayer is really spreading joy! The prayer 'IMINA SKY NANI' seems to have blossomed from all the fandoms coming together spontaneously to celebrate the wonderful chemistry between the new pillars of the GMM building, Sky and Nani. They share a special bond as Dharma partners linked by the red thread in Chiang Mai. Who can resist the excitement when they see this connection? Hehe, is it okay if I join in on this celebration? Concept 2 : On the 12th day of the waxing moon in the 11th month of the Year of the Horse, something truly special happened. Enthusiastic fangirls joined together, chanting "IMINA SKY NANI," all without any prior appointments. It was the first day of broadcast for "Friendship as Enemy," and over 1,250 devoted fans of P'Tha gathered at the GMM building in the Asoke area, Klongtoey Nua Subdistrict, Watthana District, just to catch a glimpse of Sky-Nani. In that magical moment, they all embraced the IMINA SKY NANI fandom together, creating a warm and welcoming atmosphere filled with shared excitement and joy. Concept 3 : This idea stems from the well-loved catchphrase “IMINA SKY NANI,” which the Sky-Nani fandom joyfully embraces, both among its members and beyond. This phrase holds special significance for Thai people, reflecting their cultural context in a Buddhist society. There’s also a delightful meme related to Visakha Bucha Day that adds to its charm. So, when we think of the fandom in relation to Sky-Nani, it feels only natural to consider Sky-Nani as our beloved guiding figure, a truly remarkable one at that.2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “gentle partner (มิตรภาพที่อ่อนโยน)” พอได้เริ่มติดตามสกายกับนานิมาค้นพบว่าพวกเขามีความอ่อนโยน ความซอฟต์ต่อกันเสมอ เวลาเขาอยู่ด้วยกันตอนทำงานเขาจะน่ารักกันมากๆ โดยธรรมชาติของพวกเขาที่เป็นกันอยู่แล้ว ด้วยความที่พี่นานิเป็นคนเนิ้บๆ ช้าๆ ตะตอนยอน ซอฟต์เหมือนวิปครีม บางครั้งก็พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง หรือคิดคำพูดไม่ออก พูดผิดก็มี เป็นความน่ารักของเขาเลยอันนี้ แต่จะมีพี่สกายที่อ่อนโยนกับพี่นานิมาก ซึ่งไม่ค่อยเห็นใครมีรีแอคแบบนี้กับพี่นานิเลย เขาใช้คำพูดเพราะ ไม่ว่าอะไรจะมีครับๆเสมอ น้ำเสียงที่นุ่ม แววตาที่อ่อนโยนมาก พี่สกายเป็นคนที่เข้าใจพี่นานิที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ คอยแปลศัพท์คำพูดจากพี่นานิให้คนฟังอีกที คอยเสริมคำพูด คอยเชียร์อัพอยู่ข้างๆ พร้อมซัปพอร์ตมากๆ พี่สกายกับนานิเป็นพาร์ทเนอร์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ก็เลยนึกถึงชื่อรางวัลนี้ให้กับทั้งคู่ค่ะGentle partner When I began to follow Sky and Nani, I was delighted to see how gentle and tender they are with each other. Their chemistry while working together is simply adorable; it feels like a natural part of who they are. Nani, with his calm and soft-spoken demeanor—much like whipped cream—sometimes struggles to articulate his thoughts clearly or find the right words, which only adds to his charm. Sky shows such kindness toward Nani, a response you don't often see from others. He speaks to Nani with respect and always responds with a warm “yes." His gentle voice and kind eyes reflect his understanding of Nani's unique way of expressing himself. Sky truly knows how to bridge the gap for listeners, supporting and encouraging Nani every step of the way. Their partnership exudes a beautiful gentleness, which is exactly why I chose this award name to honor both of them.3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “BFF (Best Friend Forever) Of the Year ” แนวคิด 1 : ชื่อรางวัลนี้มาจากมิตรภาพของทั้งคู่ค่ะ เวลาที่ทั้งคู่พูดถึงกันมีแต่โมเม้นน่ารักๆ อยากให้ทั้งคู่เป็น BFF ของกันและกันไปทุกๆปีเลยค่ะ แนวคิด 2 : ความสัมพันธ์ระหว่างสกายกับนานิเป็นอะไรที่น่ารักกันมากๆ คอยซัปพอร์ต คอยให้กำลังใจ ทั้งคู่ชอบบอกว่าในตอนแรกนั้นแทบไม่สนิทกัน แต่พอได้ทำความรู้จักก็รู้สึกว่าเข้ากันได้ง่าย สนิทกันเร็ว เป็นความไว้ใจ เชื่อใจกันและกัน เป็นคู่เพื่อนซี้ที่เราชอบมาก ชอบการปฏิบัติต่อกันและกัน ชอบที่สกายเคารพทุกความชอบของนานิ ชอบที่เวลานานิพูดไม่ถูก หรือจับใจความไม่ได้ สกายจะคอยอธิบายให้ฟัง รวมๆแล้วคือชอบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่ะ เป็น best friend แห่งปีเลยBFF (Best Friend Forever) Of the Year Concept 1 : This award is inspired by the wonderful friendship they share. Whenever they mention each other, it’s always filled with heartwarming moments. I hope they continue to be the best of friends year after year! Concept 2 : The bond between Sky and Nani is simply adorable. They consistently uplift and motivate one another. Although they both mention that they weren’t very close at first, they quickly discovered how easily they connected as they got to know each other better. Their relationship is built on trust and mutual confidence. We really cherish their friendship; it’s heartwarming to see how they treat one another. Sky shows great respect for Nani’s preferences, and we love that he always takes the time to explain things to Nani when he doesn’t quite understand. Overall, their relationship is delightful, and they truly deserve the title of best friends of the year!4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัลที่ 2 “นักฮ็อบแห่งปี คู่ซี้ออแกนิคแห่งGMM” สกาย - นานิ พึ่งได้มาร่วมงานกันในเรื่อง High School Frenemy ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็นความสัมพันธ์มิตรภาพของทั้งคู่จากในจอและนอกจอขนาดนี้ เวลาเค้าคุยกัน เถียงกัน หรือเล่นอะไรกัน มันจริงใจมากๆ บวกกับทั้งคู่เป็นคนเงียบๆ พูดเบาๆ มันเลยดูมีความมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งทำให้ผู้ที่ผ่านมาพบเห็น เกิดอาการฮ็อบอยู่เรื่อยๆ นอกจากเวลางานทั้งคู่ก็ไปเที่ยวด้วยกัน ทำให้เห็นว่าสนิทกันจริง เป็นความออแกนิคที่จับต้องได้จริงที่ทั้งคนในค่ายและแฟนคลับพากันฟินไปทั่วHopper of the Year (GMM's Organic Buddies) Nani and Sky recently teamed up in 'High School Frenemy,' and it’s heartwarming to witness their genuine friendship both on and off the screen. Whether they’re chatting, playfully arguing, or having fun, their interactions feel authentic and sincere. Their soft-spoken natures add a delightful touch, making them incredibly endearing and capturing the hearts of everyone who watches them. Beyond their work, they often enjoy outings together, which truly highlights their closeness. It’s a beautiful relationship that radiates warmth, and both fans and colleagues simply adore it!5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “มิตรภาพคราบอินโทรเวิร์ต” การโคจรมาเจอกันของเด็กหนุ่มอินโทรเวิร์ต 2 คน ที่ก่อให้เกิดพลังทำลายล้างอย่างยิ่งใหญ่ เป็นเคมีที่จะบอกว่าทุกคนตามหาก็ไม่ใช่ เพราะมันเป็นเคมีที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยต่างหาก และมิตรภาพที่ว่า ไม่ใช่แค่มิตรภาพของพวกเค้า 2 คนนะ แต่มันเป็นการรวมตัวของเหล่าสาววายจากทั่วทุกสารทิศแบบมิได้นัดหมาย หรือแม้แต่บางคนที่เพิ่งค้นพบว่าตัวเองเป็นสาววาย ก็เพราะต้องมานั่งหยิกแขนตัวเองตอนดู แล้วท่องคำว่า เพื่อนๆๆๆ และต้องฮึบให้ได้ จนกลายมาเป็นฮ็อบกันทั่วบ้านทั่วเมือง สงสัยต้องนัดเจอกันที่ถนนสายมิตรภาพนะคะเนี่ยถึงจะพอ เวลคั่มทูอิมินาสกายนานิจ้า สาธุIntrovert Friendship The connection between two shy boys sparks an unexpected yet powerful bond; it's not the type of chemistry everyone seeks, but rather a delightful surprise. Their friendship goes beyond just the two of them; it brings together fans from all walks of life, many of whom stumble upon their inner fangirls while cheering for ‘friends’ and celebrating their shared joy, leading to an adventure that resonates throughout the city. I think our journey on Friendship Road will be just perfect. Welcome to IMINA SKY NANI. Amen.ถึงเวลาที่แฟน ๆ ชาวด้อมรอคอยกันแล้วววว~~เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับมิตรภาพคู่หู “สกาย - นานิ”รางวัล “อิมินาสกายนานิ สวดบทนี้เพื่อเธอ” นานิ : ขอบคุณมากครับ เป็นเกียรติมากแต่ว่าชื่อรางวัลก็อยู่ดีดีกันเถอะ 55555 ครับผม แต่ก็ขอบคุณมากอันนี้เป็นรางวัลแรกของผมกับสกายเลย รู้สึกเป็นเกียรติมากจริง ๆ โอโห้อยากเอาไปตั้งที่ห้องมากเลย แต่ว่าอยากเอาโชว์ที่ตึกให้พี่ถาดูมากกว่า สกาย : ไม่ เดี๋ยวเอาไปวางไว้ในห้องพี่ถา นานิ : ใช่ อยากให้พี่ถาภูมิใจกับพวกเรา พวกเรามีรางวัลเป็นของตัวเองอันแรกแล้ว ดีใจ ๆ ดีใจจริง ๆ พี่ผมพึ่งเคยได้รางวัลดีใจมากครับขอบคุณมากครับที่เลือกรางวัลนี้ให้พวกผม สกาย - นานิ : ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับแนะนำไม่ต้องสวด... แต่ขายงานให้ลูกค้าเลยดีกว่า นานิ : จริง ๆ ผมว่าถ้าใครรู้จักลูกค้าก็ช่วยขายงานให้พวกผมคุยกันตรง ๆ นะครับ คือช่วงนี้งานพวกผมติดต่อมาเยอะมาก สกาย : แต่ยังไม่มีคอนเฟิร์ม 55555 นานิ : ใช่ครับ อยากให้เขาเฟิร์มไว ๆ นะครับ จะได้รีบมาเจอพวกผมนะครับ คือเก็บเงินไว้เยอะ ๆ ด้วยนะครับเผื่ออนาคตต้องเสียเงิน เผื่อจะได้เจอเราครับ สกาย : หรือว่าแฟนคลับคนไหนเป็นลูกค้า นานิ : ใช่หรือว่าแฟนคลับคนไหนเป็นลูกค้านะครับ กราบ ขอบคุณมากครับเช็คมาได้แล้วเดี๋ยวพวกผมรับแล้วก็ฝากคอนเฟิร์ม ด้วยนะครับ สกาย : คิวยังว่างอยู่นะครับ ของผมเหรอครับ อยู่ดีดี ก็ได้ครับ นานิ : ห้ะ! ให้ใครอยู่ดีดี สกาย : เอ้า หมายถึงว่าอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวพวกเราจัดการเองครับ นานิ : หมายถึงว่า พวกเราจะเป็นคนดีในสังคม ทำงานหน้าที่ให้ดีใช่ไหม สกาย : ใช่ครับ ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ นานิ : เดี๋ยวพวกเราจัดการเองครับ“สกาย – นานิ” เดินสายทำบุญเชียงใหม่ นานิ : คือจบซีรีส์เรื่องนี้คือเราไม่ได้บวงสรวงไม่ได้ไปทำบุญอะไรกันเลย ผมก็เลยชวนสกายไปว่าเราไปไหว้พระกันไหม เสริมสิริมงคลให้เราทั้งคู่ สกายก็ตอบตกลงครับ แล้วเราก็เลยแพลนไปในช่วงเวลาสั้น ๆ เรามีระยะเวลาสั้น ๆ ก็เลยรีบไป แล้วในช่วงนั้นเราก็ไปวัดต่าง ๆ ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกันครับเต ตะวัน – สกายร้องคาราโอเกะ จนนานิน้อยใจ นานิ : คือจริง ๆ ก็ไม่ได้น้อยใจขนาดนั้นแต่ก็นิดนึงอ่ะ มันก็รู้สึกนิดหน่อย เพราะว่ามันก็นิดนึงเราก็รู้จักกันมานานนะครับ คือผมไม่รู้หรอกว่าสกายกับพี่เตจะไปร้องเพลง ขออนุญาตเอ่ยถึงบุคคลที่ 3 พี่เต ตะวันนะครับ สกาย : พาดพิงแล้วนะครับ พาดพิงนะครับ นานิ : คือผมเคยคุยกับพี่เต พี่เตตะวันนะครับคุยกันว่า เนี่ยนานิชอบร้องเพลงคาราโอเกะใช่ไหมเดี๋ยวพี่ชวนไปร้องเพลง คือคุยกันตั้งแต่ 5 ปีที่แล้วครับแล้วเจอกันทุกครั้งก็จะชวนนานิตลอดเลย เอ้ยนานิเดี๋ยวไปร้องกันแบบเฮ้ยพี่พี่ลืมชวนแบบไม่ได้เจอจนเนี่ยเจอกันทุกครั้งจนครบมาเนี่ย 5 ปีกว่า จนผมก็ไปเจอพี่เตที่ฟิตเนสก็แบบเออพี่เตช่วงนี้ผมว่างแล้วนะ ถ้าอยากไปร้องเพลงชวนได้นะ เพราะช่วงนี้ผมชอบร้องเพลงมากเลย พี่เตบอกได้ ๆ เดี๋ยวพี่ชวน ถ้านานิจะชวนพี่ก็บอกพี่มาเลยนะ ผ่านไปอีกสักวัน 2 วัน พี่เตก็เหมือนมาแซวใน x ผม แล้วผมก็ดันไปตอบคอมเมนต์พี่เตประมาณว่า 5 ปีแล้วพี่เตไม่ได้ชวนผมไปร้องเพลงเลย แต่ผมยังไม่รู้ว่าสกายกับพี่เตไปร้องคาราโอเกะ 5555 แล้วมันเป็น Timing จังหวะพอดีที่สกายลงวิดีโอที่ร้องเพลงคาราโอเกะกับพี่เต พี่ออฟ พี่นิว แล้วผมก็อุ๊ย เราเปิด Youtube ฟังคนเดียวนั่งหงอยแต่ว่าไม่ได้งอนครับน้อยใจนิดเดียวแต่ก็ยังไม่ได้คุยกับพี่เตครับตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกัน สกาย : อ่าว วันนั้นเจอที่ line up แล้วไม่ใช่เหรอ? นานิ : เจอแต่ว่าก็ยิ้มให้นิดหน่อยแต่ยังไม่ได้คุยกัน ไม่แต่ว่าเขาอธิบายแล้วครับเข้าใจทุกอย่างแหละ พี่เตอธิบายผ่านพี่ส้มมาแล้วครับ ผมเข้าใจแล้วครับ เคลียร์ใจแล้วแต่ก็อาจจะน้อยใจนิดนึงอยู่แต่ว่าหายแล้วครับ สกาย : น้อยใจใครครับ คุณเต ตะวัน นานิ : น้อยใจทั้งแก๊งเลยวันนั้นผมก็คุยกับพี่ออฟแล้วด้วย พี่ออฟก็วางแผนเปิดตารางจะชวนผมแล้วครับ ครั้งหน้าถ้าผมว่างผมก็ไปครับ สกาย : ไม่ถ้าเป็นผม ผมจะงอนแล้วก็ไม่ไปสักรอบนึงแก้แค้นก่อนรอบนึง เห็นไหมความผิดของคนอื่นนะผมไม่เกี่ยวอะไรเลย นานิ : คุณอยู่ในแก๊งนั้นน่ะ คุณสมรู้ร่วมคิด สกาย : ไม่เขาชวนผมวันนั้นเลย นานิ : โอเค ไม่เป็นไรเรื่องมันผ่านไปละมิตรภาพที่ดีในอุดมคติของ “สกาย – นานิ” นานิ : สำหรับผม ผมว่ามิตรภาพที่ดีก็คือ การที่เราให้เกียรติกันผมรู้สึกว่าสกายก็เป็นคนนึงที่ใส่ใจผม รู้รายละเอียดโดยที่บางอย่างผมไม่ได้บอกหรือผมอาจจะเผลอพูดไป โดยที่ผมชอบอุทานว่าผมแบบอยากทำอย่างงั้น อยากทำอย่างงี้ หรือว่าชอบอย่างงั้น ชอบอย่างงี้ โดยที่ผมไม่ได้มาเล่าให้สกายแต่ว่าสกายเขาจะเก็บรายละเอียด แล้ววันนึงผ่านไปสักอาทิตย์นึงแล้วเราก็มาเจอกันสกายมันจะชอบทักแบบทำอย่างงี้ยัง อย่างงั้นยัง หรือว่าผมรู้สึกว่าอยากกินอันนี้ว่ะ แล้วสกายอาจจะแบบว่าเอ้ยตอนนั้นอยากกินอันนี้ไม่ใช่เหรอ ไปกินไหม คือผมรู้สึกว่าสกายจะใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้วก็มีความให้เกียรติกันไง ผมก็รู้สึกแบบก็เป็นเรื่องมิตรภาพที่ดีแล้วก็ช่วยเหลือกัน ไม่ทิ้งกัน คอยซัพพอร์ตกันไป สกาย : ก็น่าจะเป็นเรื่องของความเชื่อใจครับ เพราะถ้าเกิดแบบเราจะเป็นเพื่อนกับใครสักคนแล้วเราอยากสนิทใจ อยากจะปรึกษาหลาย ๆ เรื่องในชีวิต เราก็ต้องให้น้ำหนักไปทางความเชื่อใจเป็นอันดับแรกว่า เขาไม่เอาเรื่องความลับเราไปพูดต่ออะไรเงี้ย นานิ : ใช่ ๆ ผมกับสกายก็เหมือนทลายกำแพงกันเลย เปิดใจคุยกัน สกาย : มันหา Direction ตรงกลางร่วมกันตลอดทั้งเรื่องของการทำงานแล้วก็เรื่องชีวิตส่วนตัวด้วย ก็อยากให้ไปเป็น Direction เดียวกัน เพราะเราก็ต้องอยู่ด้วยกันถึงเราสองคนจะไลฟ์สไตล์คนละทาง แต่เราเข้ากันได้ นานิ : จริง ๆ ผมกับสกายคนละเวย์เลยครับ ไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเรื่องการแต่งตัว ความชอบหรืออะไรต่าง ๆ คือคนละเวย์เลยโตมานิสัยคนละแบบทุกอย่างคนละแบบแต่ว่าอย่างที่สกายพูดคือเราหา Direction ตรงกลางให้เราไปด้วยกันได้ ผมว่าหลัก ๆ ที่ดีสำหรับในความคิดผมนะของคู่ผม ผมคิดว่าคือการให้เกียรติกันแล้วเราไม่เอาเปรียบกัน เราช่วยกันซัพพอร์ตกันไปมันเลยทำให้แบบไปด้วยกัน ผมคิดว่ามันเลยทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ สกาย : คือเหมือนเราไม่ได้ไปคำนึกถึงว่าเอ้ยงานนี้ฉันต้องแบบโอไอ้นี่กว่าเธอนะอะไรเงี้ย มันไม่ได้เป็นอย่างงั้นคือเราตั้งใจทำงานให้มันออกมาดีที่สุด แล้วก็สมมุติเฮ้ยวันนี้มึงเติมตรงนี้หน่อยไหมอะไรอย่างเงี้ย ก็จะคอยแนะนำกันสมัยวัยเรียนของ “สกาย – นานิ” นานิ : ผมว่าผมเป็นเด็กซน เป็นเด็กติ๋มคนนึงที่ชอบคบเพื่อนที่ซน ๆ เพราะว่าผมก็ไม่ได้ชอบเรียนมากผมคบเพื่อนที่ซน ๆ เพื่อให้เรามีสีสันในโรงเรียนแบบสนุก เพราะว่าถ้าเราไปโรงเรียนแล้วมันน่าเบื่อมันก็ไม่สนุกผมก็จะคบเพื่อนที่แบบดื้อ ๆ แล้วเราก็จะตามต้อย ๆ ไปซน ๆ ด้วยกันตามภาษาผู้ชายครับ ไม่ได้ทำไรไม่ดีก็อาจจะมีโดดเรียนบ้างแบบตาภาษาวัยรุ่นแบบโดดเรียนไปเล่นเกม ไปเตะบอลไปทำไรแบบมั่ว ๆ ครับ แต่ผมเดาว่าสกายหน้าห้อง สกาย : ผมผ่านมาหลายยุคหลายสมัยมากเลย คือช่วงม.ต้น ม.1-ม.3 ก็จะเป็นช่วงที่ตั้งใจเรียนมากเพราะว่าพึ่งย้ายมาจากต่างจังหวัด ย้ายมาจากระนองแล้วเหมือนอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนสังคม ตอนนั้นเป็นคนแบบอินโทรเวิร์ตเข้าสังคมไม่เก่งเลยแล้วต้องมาทำงานกลุ่มมาเจอเพื่อนเด็กกรุง เด็กกรุงเทพไลฟ์สไตล์มันต่างกับเรามากก็เลยเป็นช่วงที่ตั้งใจมาก ตื่นเช้ามาตี 5 ขึ้นรถเมย์ไปเรียนตั้งใจเรียนกลับบ้านไม่ทำกิจกรรมไม่ทำอะไรเลย เรียนอย่างเดียว แต่ว่าเกรดตอนอยู่ระนองได้เป็นตัวท็อปของห้องเลยนะเป็นช้างเผือกเลย พอมากรุงเทพโอ๊ยช้างแคระเลย อันนี้ยุคแรก ยุค 2 ขึ้นม. 4 ก็เริ่มปรับตัวได้มากขึ้นมีเพื่อนมาขึ้น เพื่อนก็ชวนสำมะเรเมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็โดดเรียนอะไรอย่างเงี้ยครับ จากนั่งหน้าห้องก็เริ่มขยับมาข้างหลัง ๆ เรื่อย ๆ นานิ : แต่ผมว่าเด็กหลังห้องก็เก่งนะถ้าเราสองคนได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน จะทักกันว่า... นานิ : ตอนม.ปลายผมอยู่กับเพื่อนซน ๆ คือผมดื้อตัวดื้อตัวซนเลย ถ้าเขาจดชื่อคนมาสายผมก็คือไม่ให้เขาจดเลย 5555 ผมไม่ให้เข้าจดชื่อผมแน่นอนน่ะ สกาย : สมมุติผมเรียนเชียงใหม่กับคุณแล้ว อยู่ตรงแยกไฟแดงกำลังขับมอเตอร์ไซค์ไปเรียน แล้วจอดตรงไฟแดงพอดีชิดกันเลยเนี่ย ผมหันไปมองหน้าคุณคุณจะทำไง นานิ : เอ้า มาสายเหมือนกันนี่ 5555 โหเป็นเพื่อนกันเลย 55555 สกาย : ปากกาอยู่ในมือผม ผมเขียนประวัติศาสตร์ได้ นานิ : ผมฟ้องครูได้ เอ้ามาพร้อมกันซีรีส์ “High School Frenemy มิตรภาพ คราบศัตรู” 2 EP สุดท้าย สกาย - นานิ : ใช่ครับ ใจหายเลยไวมาก นานิ : รู้สึกดาวน์มาก สกาย : ถ่าย 9 เดือน ออน 2 เดือนงานHigh School Frenemy Final EP. FAN MEETING นานิ : พวกผมก็รอวันไปงานครับ แฟนคลับก็น่าจะรอวันไปงาน โรงก็น่าจะเตรียมอยู่ครับตอนนี้ผมว่า ส่วนบัตรหมดแล้วครับบัตรหมดแล้ว ใครไม่ทันก็เสียใจได้เลยครับเสียใจได้ครับไม่เป็นไร สกาย : แต่ขอบคุณทุกคนที่ช่วยซื้อกันให้บัตร Sold out นะครับ นานิ : ใช่ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ครับ คือผมวันนั้นผมพยายามซื้อกับสกายเลย เพราะว่าตอนนั้นคือผมทำงานกับสกายใช่ไหมครับ แล้วก็ผมก็ดูมันคูลดาวน์ลดเวลาเรื่อย ๆ จนเหลือ 00 ละ ผมก็กดจะรีบเข้าไป แบบ 10 โมงปุ๊ปผมกดเข้าไปแล้วก็เด้งขึ้นมาเพราะว่าผมต้องสมัครก่อน 5555 ผมก็เลยสมัครรีบสมัครแล้วก็กดล็อกอิน สกาย : ก็ยังไม่ได้อยู่ดี 5555 นานิ : ค้าง ผมก็เลยรีบไปเช็คใน X เขาก็บอกหมดแล้วอะไรเงี้ยก็รู้สึกว่าเกิดความคาดหมายมาก สกาย : เกินความคาดหมาย 2-3 วันจะหมดไหมนะ นานิ : ใช่ เพราะผมคุยกับสกายแบบโอ้โหจะหมดไหมนะ อนาคตพวกเราเป็นห่วงมากผมกับสกายคือห่วงถ้าบัตรไม่หมดไม่เป็นไรแบบ 10 20 คนเราก็เต็มที่วะ เราก็โชว์ให้เต็มที่เราก็ทำให้เต็มที่อะไรเงี้ย สกาย : เราก็ซื้อบัตรไปให้เพื่อนดูก็ได้ นานิ : เออถ้าไม่หมดผมจะเหมาจ้างให้คนมาดู ซื้อให้เพื่อนมาดูแล้วGMMTV 2025 กับซีรีส์ใหม่ของเราสองคนเรื่อง WU (อู) สกาย : WU แปลว่าเหมือน ชาแมน เป็นผู้มีพลังพิเศษ เป็นซีรีส์มิตรภาพ นานิ : คือมันจะมีความลึกลับนั้นแหละครับ มันจะมีความลึกลับแบบ สกาย : ความโชคชะตา ความแบบว่า Unexpected ว่าแบบโอ้สิ่งนี้มันเกิดขึ้นกับเรานะ ลึกลับ ดราม่า นานิ : มันก็จะมีความที่แบบ 2 ตัวละครนี้ก็อาจจะไปเหมือนผจญภัยอะไรบางอย่างในโลกนั้น แล้วก็ไปสู้กับอะไรบางอย่างเหมือนเปลี่ยนแปลงชะตาโลก สกาย : คือ Theme ของเรื่องที่เขาปูไว้ตอนท้ายจะเห็นเขาขึ้นว่าแบบการพบกันของคน 2 คนที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของคนอีกมากมาย นานิ : ก็เดี๋ยวต้องรอดูว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างโปรเจกต์ซีรีส์ “MU-TE-LUVโปรดใช้วิจารณญาณในการรักเธอ” สกาย : แต่ว่าพวกเรามีอีกอันด้วยเล่นเรื่องเดียวกันด้วย นานิ : มันเป็นโปรเจกต์ MU-TE-LUVครับแต่ว่าจะมีหลายพาร์ทเลยครับ ก็จะมีนักแสดงหลายคนเลยของ GMM ครับ ผมกับสกายก็เล่นกันคนพาร์ท เป็นโปนเจกต์เปิดกล้องปีหน้าเหมือน WU ครับ สกาย : คาดเดาว่า MU-TE-LUVน่าจะได้ดูก่อน นานิ : WU น่าจะระยะเวลานานเพราะว่าน่าจะถ่ายทำกันยากพอสมควร สกาย : เรื่องนานิผมว่าสนุก ผมดู Trailer ละเขาเล่นเป็นแบบว่าคนในลัทธิ ลัทธิหลอกลวงเขาเรียกว่าไรวะ นานิ : ไม่มันเป็นความเชื่อแล้วกัน ผมก็พูดเยอะไม่ได้ แต่ว่าผมอาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างก็ได้ คือบอกเยอะไม่ได้ครับผู้กำกับบรีฟมาว่าห้ามบอกเดี๋ยวมันจะหลุดสปอยไป 2 ตอนนานิดีใจที่ได้เล่น MU-TE-LUVเป็นคอมเมดี้ครั้งแรก นานิ : อันนี้เป็นซีรีส์ที่แบบผมดีใจมาก ผมเจอดราม่ามาตลอดแล้วผมพึ่งได้เล่นคอมเมดี้ครั้งแรกในชีวิตก็ท้าทายดีครับ รู้สึกว่าอยากลองเล่น สกาย : แต่ผมชอบ Dialog เขามากเลยตอนเขาพูดมันพูดว่าไรนะ มาเป็นสนมของพระบิดา นานิ : ไม่คือตอนแรกผมเหมือนฟีลแบบเป็นพระบิดา ก็จะเป็นบทพูดแบบนี่คือผู้หญิงของผมเอาผู้หญิงคนนี้ไปเป็นสนมของพระบิดา สกาย : แล้วอย่างเท่นะซีนนั้นเท่จัดวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “สกาย - นานิ” มาให้เล่นกันชื่อเกมว่า “คุณเพื่อนครับ ผมขอถามว่า….”แล้วมาดูกันว่า 2 เพื่อนซี้จะกระชับมิตรภาพกันสำเร็จหรือเปล่า!!? (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “สกาย - นานิ” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “สกาย - นานิ” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้กับรายการ และฝากติดตามซีรีส์ "High school Frenemy มิตรภาพคราบศัตรู" ทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง GMM25 และรับชมย้อนหลังทาง VIU เวลา 22.30 น. ฝาก OST. เพลง "ไม่ทิ้งกัน (Promise)" และฝาก “High School Frenemy Final EP. FAN MEETING” ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นี้ด้วยน้าสามารถเข้าไปรับชมกันได้ที่ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

คู่จิ้นสุดสวย พร้อมรอยยิ้มหวานๆ “น้ำตาล - ฟิล์ม” น่ารักกัน จนรับรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “Dimples of Desty เหมือนถูกกำหนดมาให้รักยิ้มเธอ”

28 พ.ย. 2024

คู่จิ้นสุดสวย พร้อมรอยยิ้มหวานๆ “น้ำตาล - ฟิล์ม” น่ารักกัน จนรับรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “Dimples of Desty เหมือนถูกกำหนดมาให้รักยิ้มเธอ”

รายการ EFM FANDOM LIVE [21 พฤศจิกายน 67] คืนนี้ต้อนรับสาวสวย “น้ำตาล ทิพนารี” และอีกหนึ่งคนที่ต่อให้วันนี้จะไม่ได้มา แต่น้ำตาลก็ทำหน้าที่แทนได้ดีที่สุด! “ฟิล์ม รชานันท์” กับผลงานใหม่ล่าสุดซีรีส์ “Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก” พร้อมอัพเดตพูดคุยกับ “ดีเจโจเซฟ”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดโหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Best Partner Yin-Yang award (คู่จิ้นหยินหยาง แตกต่างอย่างลงตัว)” น้ำตาล - ฟิล์ม เป็นคู่ที่แตกต่างกันมาก โดยน้ำตาลเป็น extrovert ส่วนน้องฟิล์มเป็น introvert กิจกรรมที่ทำทุกอย่างแทบจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนกันเลยสักนิด แต่น้ำตาลกลับเคยให้สัมภาษณ์ว่า ถึงแม้จะต่างกันมาก แต่ทั้งคู่ต่างคิดว่าตอนนี้ต่างฝ่ายเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของกันและกัน และชอบสถานะในตอนนี้มาก นอกจากนี้น้ำตาลยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า ทั้งคู่เป็นคู่จิ้นเข้ากันได้แบบ 100% นี่แหละเรียกได้ว่าแตกต่างกันสุดขั้ว แต่ลงตัวที่สุด2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เมะมอมโฮ่งๆกับเคะแงวโชว์หมัด” แรงบันดาลใจมาจากพี่น้ำตาลเป็นเมะมอมๆคนนึงในสายตาพุงโต มอมจริงไม่ได้โม้ ถามเจ้าตัวได้555555555555 แต่หล่อเฟี้ยวฟ้าวได้ใจมาก ยิ่งวันก่อนเต้นโฮ่งๆ ได้แต่กรีดร้องในใจ หนูรักพี่ หนูจะรักพี่ตลอดไปค่ะ หนูเกิดมาเพื่อเป็นของพี่ แม้พี่จะเป็นของ.. (วรั้ย -////-) ชอบเล่นกับใจเด็กสาย/เคะสาว/หญิงสาว ไอคนหล่อเกินสวย! ฮื่อ ส่วนน้องฟิล์มในสายตาพุงโตคือน้องแงวตัวเล็กน่ารัก น่าหยิกแก้ม โอ๋ๆลูกแม่ หมั่นเขี้ยว ชอบแจกหมัดแมว นี่แหละอาวุธหลักขโมยใจพุงโตแบบไม่ได้ตั้งตัว รู้ตัวอีกทีก็.. แอบเก็บเธออยู่ใน heart heart ข้างในหัวใจ~3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “No More เขิน (กี่โมง)” เนื่องจาก น้ำตาล - ฟิล์ม เป็นคู่ที่เริ่มต้นด้วยการเขินนนนนนนนนกันมาก เขินอยู่นั่นแหละ ผ่านมาเป็นปีก็ยังเขินกันอยู่ เขินอะไรก็ไม่รู้ เขินจนคนเค้าแซวฉ่ำ แต่อยู่ดีๆพี่น้ำตาลก็มาพิมพ์ในบอร์ดแคสว่า "พี่ไม่เขินหรอกนะ พี่พร้อมละ No More เขิน" แล้วก็เขินนนนนนต่อ จึงเป็นที่มาของ No More เขินกี่โมง? คะพี่ขาาาา4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Dimples of Desty เหมือนถูกกำหนดมาให้รักยิ้มเธอ” Desty คือตัวแทนของน้ำตาล Dimples คือตัวแทนของฟิล์ม การได้มารู้จัก เรียนรู้ และทำงานด้วยกันของทั้งสอง จะว่าเป็นเรื่องเหลือเชี่อที่ถูกกำหนดไว้แล้วก็ได้ เพราะทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่กระจายพลังงานบวกให้กันและกันและคนทั่วโลก และอาจจะไปถึงกาแล็กซี่อื่นๆในจักรวาลก็ได้ หากเรามีเทคโนโลยีเพียงพอที่จะสื่อสารกับเขาเหล่านั้น ไม่เพียงแต่การทำงานร่วมกัน ผู้คนต่างชื่นชมในตัวตน การแสดงออกต่อกัน และอุปนิสัยส่วนตัวของทั้งคู่ และไม่ใช่แค่ผู้ชม แต่ทั้งสองแสดงออกถึงความชื่นชมในอีกฝ่าย ความใจดี ร่าเริงและสดใสของน้ำตาล ผลักดันให้ฟิล์มได้เจอเรื่องราวใหม่ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆร่วมกัน ในขณะที่ความอ่อนโยน เอาใจใส่ และความเมตตาของฟิล์มก็ผูกมัดใจของน้ำตาลไว้ได้และกลายเป็นเรื่องราวดีๆในทุกวันของน้ำตาลเช่นกัน ดังนั้นถ้าจะบอกว่าโชคชะตากำหนดไว้ว่าคนทั้งโลกต้องมาตกหลุมรักรอยยิ้มของเธอสองคนคงจะไม่ผิดอะไร (หมายเหตุ: จงใจใช้คำว่า "รัก" แทน "ลัก" เพื่อให้สื่อถึงความรักที่ผู้คนได้รับและมอบให้น้ำตาลฟิล์ม)5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่ยอดเทรนด์ดีเด่นแห่งปี แต่ขอเสียงทีเงียบกริ๊บ” เป็นคู่ที่แฟนคลับพร้อมหวีดในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะซีรีส์ออนแอร์ ลงรูป หรือมีโมเมนต์ ไทม์ไลน์แทบแตกติดเทรนด์แทบทุกงาน แต่พอได้เจอหน้ากันแบบตัวเป็นๆ เหมือนแฟนคลับสลับร่างเป็นคนละคน เหตุเพราะเป็น Introvert เกินครึ่งด้อม น้ำตาลฟิล์มขอเสียงทีเงียบกริบทั้งงาน บอกให้ช่วยกันร้องเพลงหน่อย ได้ยินแต่เสียงเพลงที่ศิลปินร้องกับเสียงบูธงานข้างๆ ลอยมา ศิลปินเดินเข้าหา แฟนคลับเดินหนี ขอทีอย่าเข้าใกล้เกิน 3 เมตร เดี๋ยวหัวใจวาย นี่ล่ะค่ะ เหตุผลของชื่อรางวัล คู่ยอดเทรนด์ดีเด่นแห่งปี แต่ขอเสียงทีแฟนคลับเงียบกริบถึงเวลาที่แฟน ๆ ชาวด้อมรอคอยกันแล้ววว!มาเข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ พูดคุยกับ “น้ำตาล - ฟิล์ม”และรางวัลที่ชนะการโหวตได้แก่... รางวัล “Dimples of Desty เหมือนถูกกำหนดมาให้รักยิ้มเธอ” เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติมากๆ ขอบคุณทาง EFM นะคะที่มอบรางวัลนี้ให้กับเรา 2 คน เราจะไม่มีวันลืมเลยขอบคุณสำหรับรางวัล Dimples of Desty เหมือนถูกกำหนดมาให้รักยิ้มเธอ เหมือนเป็นรางวัลที่จะย้ำเตือนเรา 2 คนว่าอะไรที่ทำให้เรารักกัน ขอบคุณนะคะ 3รอยยิ้มของฟิล์มทำให้โลกนี้สดใส น้องฟิล์มถ้าเป็นคนที่ไม่ยิ้มเลยก็จะเงียบไปเลย จะทำให้ทุกคนไม่กล้าเข้ามาคุยกับเขา แต่สำหรับน้ำตาล น้ำตาลมองน้องว่ารอยยิ้มเขาบวกกับลักยิ้มเขา มันทำให้เหมือนโลกใบนี้มันสดใสแล้วสิ่งที่นอกจากการแสดงน้ำตาลว่า First impression ที่เขาจะตกทุกคนได้ก็คือรอยยิ้มของเขาเนี้ยแหละ ก็สมชื่อแล้วที่เขาให้เป็น My Dimples เพราะว่าลักยิ้มเขาก็น่ารักมากรางวัลที่ว่าด้วย “คู่จิ้นหยินหยาง แตกต่างอย่างลงตัว” ถ้าไลฟ์สไตล์จริง ๆ ทุกคนก็จะรู้อยู่แล้วว่าเราต่างกันมาก เพราะว่าเป็น Introvert กับ extrovert ถ้าอะไรที่เข้ากันได้ดีก็คือ 1. Mindsetในเรื่องของการทำงานก็คือด้านการแสดง เราเป็นคนเนิร์ดเรื่องการแสดงมาก ๆ เราก็รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่เพื่อใครผลงานชิ้นนึงของเรา เราไม่ได้มาแค่ฉันมาเพื่อฉันอยากจะเป็นซุปเปอร์สตาร์แต่เรามาเพื่อเป็นนักแสดง เราอยากให้คนดูได้อะไรกลับไปมากว่ารอยยิ้ม คือเราอยากให้รู้ว่าหนึ่งตัวละครที่เขาเกิดขึ้นมาหนึ่งคนมนุษย์คนนี้เขามีเหตุผลอะไรบ้าง แล้วมันอาจจะตรงใจหรือว่าอาจจะเป็นคาแรคเตอร์ที่หลาย ๆ คนอาจจะชอบ ซึ่งที่มาของ Pluto มันก็เหมือนกับว่า การที่เราจะลงเรือลำเดียวกัน เราคุยกันแล้วว่าจุดหมายปลายทางเราที่เดียวกันไหมก็รู้สึกว่าสิ่งนี้เราตรงกัน แต่อีกหนึ่งอย่างที่ตรงกันคือ เรื่องการกินจริง ๆต่อให้จะเป็นหยินหยาง แต่มี 1 อย่างที่น้ำตาลกับฟิล์มเข้าด้วยกันได้ดี… น้องฟิล์มก็เป็นคนที่ชอบกินมาก Enjoy Eating ก็รู้สึกว่าเราก็ไปกันได้ดีมาก ๆ ในเรื่องของกิน แล้วก็อีกหนึ่งอย่างเลยที่รู้สึกว่าเราจะไปด้วยกันได้ก็คือ น้องฟิล์มเขาไม่ค่อยออกไปไหนแต่หลัง ๆ นี่เขาไปกับหนูบ่อยเวลาชวนไปกินข้าวก็จะมีร้านอาหารร้านประจำของเรา เวลาชวนฟิล์มก็ตัดสินใจไปทุกครั้ง เรารู้สึกว่าเขาออกมากขึ้นแล้วน้ำตาลบอกเขาเสมอว่าน้ำตาลชอบเขาในโหมดนี้มาก ๆ เพราะสำหรับน้ำตาลมองว่าเขาเป็นมนุษย์ที่สดใสมากขึ้น มันทำให้เหมือนกับว่าหลาย ๆ คนที่ยังไม่เคยเห็นน้องฟิล์มมุมนี้ที่หนูเห็นแค่คนเดียว หนูก็อยากให้คนอื่นได้เห็นบ้าง อีกอย่างที่ตรงคือถ้าชวนไปทำบุญฟิล์มจะไปด้วยง่าย เพราะเป็นสายบุญเหมือนกันไม่ได้มูนะแต่ก็มูบ้างช่วงนี้ เวลาไปทำบุญก็เพื่อให้สงบจิตสงบใจก็เลยอาจจะตรงกันถึงวันนี้น้องฟิล์มจะไม่สบาย พี่น้ำตาลก็พร้อมส่งพลังใจให้น้องฟิล์ม ต้องบอกก่อนว่าทุกคนเป็นห่วงเขาใช่ไหม คือจริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้เรามีไปถามรายการด้วยกันต้องบอกว่าน้องได้ทำการตรวจไปแล้ว เราแถลงไปแล้วว่าน้องเป็นโควิด ซึ่งโควิดตอนนี้เราต้องเข้าใจกันก่อนว่าตอนนี้มันเป็นโรคท้องถิ่นไปแล้ว แต่เข้าใจด้วยความเราต้องเซฟทุกคน วันนี้น้องฟิล์มก็เลยมาไม่ได้แต่ก่อนหน้านี้น้องได้ทำไปแล้วแต่มันอาจจะยังไม่ขึ้นผลแต่พอน้องมีอาการน้องเริ่มรู้สึกใช่ไหม น้องก็ตรวจอีกครั้งเลยทำให้น้องรู้สึกว่างั้นเราไม่มาดีกว่า แต่น้ำตาลก็ไม่ได้เป็นอะไรคือภูมิแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน แต่แค่จะบอกว่าเดี๋ยวอีกไม่กี่วันน้องก็หายแล้ว แต่คนที่ต้องให้กำลังใจคือหนู 5555 เพราะว่าวันนี้ไม่มีเขามาเห็นหนูกล้า ๆ หนูก็เขินนะ แต่ก็เป็นกำลังใจให้น้องหายไว ๆเราทั้งคู่ต่างดูแลกันและกันตลอด อยากเล่าครั้งนึง เป็นครั้งแรก ๆ ที่น้องฟิล์มก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าเวลาออกงานข้างนอกคนเยอะ ๆ น้องจะตื่นเต้นเวลาเจอคนเยอะ ๆ ตอนนั้นเป็นงานไฟนอลอีพีของซีรีส์เรื่อง Last Twilight ที่เราเล่นเรื่องเดียวกัน ซึ่งน้ำตาลเป็นคนที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน น้องฟิล์มยังเคยทำนะ แล้วตอนสุดท้ายเขาจะมีถ่ายรูปกับแฟนคลับ มันต้องหันซ้ายหันขวาคือหนูอาจจะยังไม่ได้อายุเยอะมากแต่จะ 30 แล้วหนูเป็นความดันต่ำพอหันไปหันมารู้สึกจะอ้วก น้องก็ดูแลเราวันนั้นได้ดีมาก ๆ จากที่เราต้องดูแลน้องหมายความว่า ถ้าสมมุติวันไหนที่เราไม่พร้อม น้องก็จะบอกว่าไม่เป็นไรพี่เดี๋ยวน้องทำเอง คือถ้าสมมุติว่าวันนี้ energy น้องไม่เท่าน้ำตาลก็จะให้น้ำตาลค่อยพยุงไป แต่ว่าวันไหนที่น้ำตาลไม่ไหวจริง ๆ น้องก็จะฮึบ energy ขึ้นมาเพื่อดูแลเราอีกทีนึง สำหรับน้ำตาลก็มองว่าถึงแม้ว่าเขาจะเป็น Introvert แต่เขารู้หน้าที่ตัวเองว่าเขาจะต้องทำอะไรทำให้เรารู้สึกว่าต่อให้เราไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกันแต่ว่าความคิดในการทำงานของเรามันตรงกัน มันก็เลยไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับการทำงานของเราเมนูที่พี่น้ำตาลอยากทำให้น้องฟิล์มกินหลังจากหายป่วย อยากให้เขากินของหวานทุกอย่างที่เขาชอบกิน คือ เราจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะชอบกินของหวานทุกอย่างที่มีน้ำตาลเขากินหมด อันนี้เรื่องจริงไม่ได้จับเข้าจิ้นชื่อหนูนะ ไม่ได้จะจิ้นนะ 55555 คือน้องชอบกินของหวานมาก น้องไม่ชอบกินข้าว น้ำตาลก็จะชอบบ่นเพราะว่าพอไม่กินข้าวแล้วก็จะไม่มีแรง แต่ว่าเวลาเจอของหวาน ถ้าเขาอยากกินน้ำตาลก็จะให้กินไปเลยFeedback หลังซีรีส์ “Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก” ออนแอร์ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เยอะมาก ต้องบอกก่อนว่าพอคนรู้ว่าเราได้เล่นซีรีส์แซฟฟิกคนก็เริ่มเหมือนเปิดเผยตัวตนว่าฉันเป็นแฟนละครเธอมาตั้งนานแล้ว แล้ววันนี้ฉันดีใจจังเลยที่เธอได้มาเล่น มันก็เลยเหมือนทำให้เราแบบเฮ้ยเราก็มีแฟนคลับอยู่กลุ่มนึงนะ แล้วสิ่งที่น้ำตาลกำลังจะบอกก็คือเราต้องขอบคุณแฟนคลับทั้งโมจิของน้ำตาล ฟูจิของฟิล์ม แฟนละครของเราเดิม ๆ เขาช่วยผลักดันให้เราได้ไปเจอแฟนคลับใหม่ ๆ ให้ไปเจอแฟนคลับต่างประเทศ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าแฟนคลับที่เป็นกลุ่มเดิมมีผลมาก ๆ ที่ทำให้นอกจากซีรีส์ที่ทำงานด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว ก็ทำให้ทุก ๆ คนได้มารู้จักเราเยอะมากขึ้น แล้วดีใจมากที่ทุกคนก็มีเพื่อนเยอะขึ้นเหมือนกันความรู้สึกของน้ำตาลที่ได้เล่นซีรีส์ยูริครั้งแรก ถ้าในเชิงของหน้าที่ในการเป็นนักแสดงไม่ต่างกันกับเรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเรื่องไหนเชื่อว่า ชายชาย ชายหญิง หญิงหญิง สำหรับน้ำตาลนะถ้าเป็นเพศไหนได้จะต้องไปเล่นมันเหมือนหมดในฐานะของนักแสดง แต่สิ่งที่มันท้าทายเลยมันคือความคาดหวังใหม่ ๆ มวลใหม่ ๆ ของแฟนคลับที่กำลังจะเข้ามาหาเรา คือเราก็ทำหน้าที่เหมือนเดิมแต่ว่าเขาคาดหวังอะไรจากเรา เขาอยากได้อะไรจากเรา สิ่งที่เราทำให้ ต้องขอบคุณแฟน ๆ ที่น่ารักมาก ๆ คือเขาไม่ได้คาดหวังอะไรจากน้ำตาลฟิล์มไปมากกว่าการที่ให้เราทั้ง 2 คนมีแต่ความสุข ทำงานในสิ่งที่เรารักมันก็เลยเหมือนกับว่าแฟนคลับเขารู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่เราจะให้มันคือความตั้งใจในการทำงานเราให้เขาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่เรียกร้องอะไรเลยเขาจะขอแค่ว่าวันนี้ศิลปินที่เรารักนอนหลับไหม กินอิ่มไหม มีความสุขไหม มันก็เลยรู้สึกว่าพอได้มาทำงานจริง ๆ สิ่งที่เรากลัวว่ามันน่าจะเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ที่เรากลัวจังเลยว่าเราจะเจอดราม่าอะไรบ้าง เราจะเจอเรื่องอะไรบ้าง ตอนนี้น้ำตาลมีความรู้สึกว่าน้ำตาลมีความสุขมากเชื่อว่าน้องฟิล์มก็มีความสุขมาก ๆ มันเหมือนกันว่ามันมีแต่กำลังใจดี ๆ มันมีแต่ขอติชมดี ๆ ที่ทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองมาขึ้น เพราะเราพูดไว้ตั้งแรกอยู่แล้วว่าเรามาเล่นซีรีส์ตรงนี้ เราไม่เสิร์ฟนะคือสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เป็นห่วงกันดูแลกันเราทำออกมาจากใจเราจะไม่ประดิษฐ์ขึ้นมาแน่นอน เพราะฉะนั้นสิ่งที่แฟนคลับเห็นน้ำตาลต้องบอกก่อนว่าบ้านโมจิเขาก็บอกว่า เขากลัวจังเลยว่าความสดใสของเราจะหายไป เขากลัวจังเลยว่าเสียใจ มีดราม่ามากระทบลูกเรา เขาขอแค่ว่าให้เรา อย่าลืมที่จะเป็นตัวของตัวเองนะ เป็นน้ำตาลเนี่ยแหละอยากทำอะไรก็ทำ มีความสุขตรงไหนทำ ทำแบบที่น้ำตาลทำมาตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากนั้นน้ำตาลจะอยู่ได้ยาว ตอนแรกเราไม่รู้หรอกว่าอะไรที่แฟนคลับจะชอบเราแล้วอะไรที่เขาจะไม่ชอบเรา เราไม่รู้หรอกว่าตัวตนที่เราเป็นอยู่แล้วแฟนคลับใหม่ ๆ เขาจะซื้อไหมเขาจะชอบไหม เขาจะเข้ามาติดตามเราไหม น้ำตาลก็เลยรู้สึกว่างั้นขอลองเป็นน้ำตาลที่เคยเป็นมา เป็นน้ำตาลที่คิดว่าถ้าน้ำตาลจะทำต่อไปอีก 10 ปี 20 ปีแล้วน้ำตาลจะไม่รู้สึกท้อแท้อึดอัดกับสายงานที่น้ำตาลรัก มันเหมือนกับเรารักในการแสดงแต่ถ้าการแสดงมันทำให้เรารู้สึกว่าเรามีความสุขเราก็จะไม่อยากทำมัน เลยรู้สึกว่างั้นเราทำงานของเราให้เต็มที่ เราเต็มที่ให้คุณแล้วเราก็จะขอเป็นตัวของเราเอง ถ้าคุณรักเราคุณก็รักแต่เข้าใจคนเรามันก็มีที่ไม่ชอบน้ำตาลในเวอร์ชั่นนี้ก็เข้าใจได้อาจจะเสพแค่ผลงานก็ได้ แต่ว่า ณ วันนี้ต้องขอบคุณจริง ๆ ที่แฟนคลับทุก ๆ คนเข้ามาหาน้ำตาลฟิล์มไม่ใช่เข้ามาเพราะว่า น้ำตาลสวย ฟิล์มสวย แต่ทุกคนเข้ามารักเราจากผลงานที่เราสร้างขึ้นมาจากเสน่ห์ตัวตนของเราจริง ๆความท้าทายของน้องฟิล์มที่ต้องเล่นเป็นผู้พิการทางสายตา เป็นอะไรที่ยากมาก ยากกว่าฝาแฝดด้วยซ้ำ คือทางทีมงานให้เรา 2 คน น้ำตาลก็เวิร์คช็อปกับรถบิ๊กไบค์ ส่วนน้องฟิล์มก็เวิร์คช็อปกับ พี่ท๊อฟฟี่ ที่เป็นผู้พิการทางสายตาหลายครั้งมาก ๆ ไปใช้ชีวิตจนแบบบางทีเราไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาตาบอดคือหนูถามพี่ท๊อฟฟี่ว่าพี่ตาบอดจริงไหม เพราะว่าเขาเหมือนคนปกติเลย ต้องขอบคุณเรื่อง pluto จริง ๆ ที่ทำให้เราทั้ง 2 คนได้รู้ว่า คนพิการเขาปกติเหมือนเราเลยแต่เขาแค่มองไม่เห็นแต่เขาทำทุกอย่างได้ มันทำให้เรารู้สึกว่ามันมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้และเราก็โชคดีที่ได้โอกาสตรงนี้มาขับเคลื่อนสังคม อย่างอีพีแรก ๆ จะเห็นได้ว่าแบบ pluto ทำงานกับสังคม เราคุยกันว่านี่คือรางวัลของเราแล้วนะในฐานะนักแสดง ถ้าวันนี้เราไม่ได้ถ้วยรางวัลมีหลาย ๆ เรื่องที่แบบดีกว่าเราเก่งกว่าเราแต่ว่ารางวัลของน้ำตาลฟิล์มมันคือการที่เราได้ทำอะไรเพื่อสังคม สังคมได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้วทำให้สังคมมันดีขึ้นแค่นี้ในฐานะนักแสดงมันก็ฟินมาก ๆ แล้ว“น้ำตาล” ป้ายยาซีรีส์ “Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก” บางคนอาจจะดูนิทานอ่านนิยายมา เห็นตอนจบของเรื่องมีแต่เจ้าชายกับเจ้าหญิงแต่เรื่องนี้จะเป็นเจ้าหญิงกับเจ้าหญิงอาจจะแปลกใหม่แต่ว่าลองดูรสชาติมีหลากหลาย จะมีหวานบ้างขมบ้างปน ๆ กันไป ณ ตอนนี้มันอาจจะยังหวานหอมอยู่ เดี๋ยวก่อนเดี๋ยวถ้าใครที่ชอบซีรีส์ที่ดราม่าหนัก ๆ ก็อยากจะแนะนำให้ดูกันนะคะแล้วก็จริง ๆ วางแผนไว้ว่าถ้าดูจบเมื่อไหร่น้ำตาลจะมานั่งดูทีเดียวทั้งหมดใหม่อีกทีนึง ซึ่งบอกเลยว่าสนุกแน่นอนฝากด้วยคะ pluto นิทาน ดวงดาว ความรักวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสนุกๆมาให้ “น้ำตาล ทิพนารี” เล่นด้วยชื่อเกมว่า “ทิพนารี ตีบทแตกกกกกกกกกกกกก!!” แล้วมาดูกันว่า “น้ำตาล” จะตีบทไหนแตกบ้าง(เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “น้ำตาล ทิพนารี” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “น้ำตาล - ฟิล์ม” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้แฟนๆกันทั่วทั้งรายการ ฝากซีรีส์ “Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก” ทุกวันเสาร์ เวลา 20:30 น. ทางช่อง GMM25 และรับชมย้อนหลังได้ทาง Viu เวลา 22:30 น. พร้อมฝากเพลงประกอบซีรีส์ทั้ง 3 เพลง และรอติดตามอีก 2 เพลงที่กำลังจะปล่อยออกมาด้วยนะค้าาาสามารถเข้าไปรับชมกันได้ที่ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

“ฟอส - บุ๊ค” มาเยือน EFM FANDOM LIVE 2 เพื่อนซี้ที่โชคชะตา ลิขิตมาให้เจอกัน พร้อมรับรางวัล ในสาขา “A Better Half มากกว่าครึ่งชีวิตฉันคือเธอ”

26 พ.ย. 2024

“ฟอส - บุ๊ค” มาเยือน EFM FANDOM LIVE 2 เพื่อนซี้ที่โชคชะตา ลิขิตมาให้เจอกัน พร้อมรับรางวัล ในสาขา “A Better Half มากกว่าครึ่งชีวิตฉันคือเธอ”

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 14 พฤศจิกายน 2567 ] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “ฟอส - บุ๊ค” พร้อมอัพเดทพูดคุยกับ 2 ดีเจสาวสวย “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากแฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “A Better Half มากกว่าครึ่งชีวิตฉันคือเธอ” เพราะ ฟอส – บุ๊ค รู้จักกันมาเกินครึ่งชีวิตของกันและกันแล้ว ฟอสบุ๊ครู้จักกันตั้งแต่ 4 ขวบ นับปีนี้ก็ 24 ปีพอดี เจอกันครั้งแรกที่โรงเรียน เพราะต้องนั่งรถตู้กลับบ้านคันเดียวกันตอนอนุบาล 2 เนื่องจากบ้านใกล้กันห่างกันไม่กี่ซอย ฟอสมักจะพูดเสมอว่าตอนเด็กๆ บุ๊คน่ารักมากๆ เป็นเด็กผิวขาว ตาโต มีแก้มเหมือนโมจิ ส่วนบุ๊คก็จะบอกว่าฟอสเป็นเด็กซ่าๆซนๆ เลยยังไม่ได้สนิทกันมาก พอจบอนุบาลก็ไปเข้าโรงเรียนประถมและมัธยมที่เดียวกันอีก ฟอสได้เป็นหนุ่มป๊อปเหนือเดือนประจำโรงเรียน ส่วนบุ๊คเป็นเด็กเรียนควบตำแหน่งเดือนทั้งคู่อยู่คนละกลุ่ม แต่ได้คุยกันเพราะฟอสมาขอให้บุ๊คช่วยทำโจทย์วิทยาศาสตร์ที่ตัวเองต้องซ่อมส่งคุณครู จนเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้แยกย้ายกันไป แต่แล้วโชคชะตาก็พาให้กลับมาเจอกันอีกครั้งกับบทบาทนักแสดงสังกัด GMM TV กับซีรีส์เรื่องแรกของทั้งคู่ การกลับมาเจอกันครั้งนี้ทำให้ฟอสบุ๊คได้คุยกันมากขึ้น ทั้งคู่เป็นเหมือนขั้วตรงข้าม เหมือนหยินหยาง คนนึงเป็นสีขาว อีกคนเป็นสีดำ มีความคิดเห็นไม่ค่อยจะตรงกัน ภาพที่ทุกคนเห็นจึงมักจะเห็นทั้งคู่เถียงกันบ่อยๆ แต่ฟอสบุ๊คก็พยายามปรับจูนกันมาเสมอ ถึงแม้ว่าฟอสจะเด็กกว่าบุ๊ค แต่ฟอสจะเป็นคนที่ดูแลบุ๊คอย่างดีมาตลอด ฟอสมักพูดเสมอว่าถ้าใครแกล้งบุ๊คก็ให้บอกฟอสได้เลย ฟอสจะจัดการให้ ไม่อยากเห็นใครมาว่าบุ๊ค ทุกอย่างเกี่ยวกับบุ๊คฟอสรู้หมด บุ๊คเป็นคนที่ขี้กังวล ชอบกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ แม้ฟอสจะเป็นคนไม่ค่อยชอบสกินชิพ แต่ฟอสจะกอดกับบุ๊คก่อนเข้าฉากหรือก่อนเริ่มแฟนมีตเสมอ เพื่อให้บุ๊คสบายใจ บุ๊คเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ฟอสก็จะคอยบอกเสมอว่าบุ๊คทำได้ดีในทุกๆเรื่องขอแค่บุ๊คมั่นใจ และเป็นคนที่คอยสร้างความมั่นใจให้กับบุ๊คมาตลอด ฟอสมักจะคอยผลักดันบุ๊คในทุกๆเรื่องแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ฟอสทำให้บุ๊คกล้าแสดงออกมากขึ้น ส่วนบุ๊คก็เข้ามาเป็นสีสันในชีวิตให้กับฟอส เพราะฟอสเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจัง มีระเบียบแบบแผนในชีวิตแทบทุกเรื่อง ทำให้บางครั้งก็เครียดและตึงเกินไป แต่บุ๊คเข้ามาเป็นเหมือนสีสันใหม่ๆให้กับฟอส บุ๊คมักจะสร้างรอยยิ้มให้ฟอสได้เสมอ เป็นคนที่ช่วยทำให้ฟอสแสดงความเป็นเด็กและความอบอุ่นที่ฟอสมีออกมา บุ๊คมักจะชวนฟอสทำอะไรน่ารักๆ เช่น ถ่าย Tiktok หรือ พาฟอสไปคาเฟ่ ไปทำงานศิลปะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฟอสไม่เคยได้ทำ แต่เพราะมีบุ๊คฟอสเลยได้ลองทำอะไรใหม่ๆในชีวิตเหมือนกัน อย่างที่บอกแม้ทั้งคู่จะต่างกันมาก แต่เพราะความต่างที่มีนี่แหละ มันเลยเป็นเหมือนอีกเสี้ยวนึงของชีวิตที่มาช่วยเติมเต็มกันและกันมากขึ้น ทำให้เห็นมุมมองอื่นๆที่ตัวเองไม่เคยได้เห็นหรือสัมผัส จนตอนนี้ก็ทำงานจับมือกันมาเกือบ 5 ปี มีซีรีส์ด้วยกันทั้งหมด 4 เรื่องแล้ว หวังว่าฟอสบุ๊คจะได้จับมือเดินไปบนเส้นทางการแสดงนี้ด้วยกันไปอีกนานๆ และอยู่จับมือกันเป็นฟอสบุ๊คแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะความแตกต่างของฟอสบุ๊คนี่แหละที่ทำให้ทุกอย่างมันดี มีฟอสบุ๊คนี่แหละดีที่สุด“A Better Half More than half of my life is you” Force and Book have been friends since they were just four years old, which adds up to a wonderful 24 years. They first crossed paths in school when they were in kindergarten, sharing a ride home in the same van due to their close proximity. Force would often reminisce about how adorable Book was as a child, with fair skin, big eyes, and cheeks like mochi. On the other hand, Book remembers Force as a mischievous little rascal. Despite being in different social circles, they bonded over a science problem that needed fixing. Throughout elementary and high school, Force was the popular kid, while Book excelled academically. As they entered university, their paths diverged, but their friendship remained strong. After a twist of fate, they found themselves reunited as actors at GMM-TV for their first project together. This reconnection sparked deeper conversations between Force and Book, who are like yin and yang, differing in many ways. Despite their contrasting views, they are frequently seen debating but always strive to find common ground. Even though Force is younger, he takes great care of Book, offering his protection whenever needed. Knowing Book inside and out, Force is aware of her insecurities and is always there to provide comfort through his hugs. Despite Force’s aversion to physical touch, he embraces Book before performances and fan meetings to put her at ease. Book, lacking in self-assurance, finds strength in Force’s constant encouragement and support. Their relationship is symbiotic, with Force bringing structure and seriousness into Book’s life, while she injects color and joy into his. Book’s influence encourages Force to explore new experiences, such as creating TikToks, visiting cafes, and engaging in art, expanding his horizons in ways he never imagined. As mentioned earlier, despite their distinctiveness, the differences between the two individuals complement each other, offering fresh perspectives and experiences. Over the past 5 years, they have collaborated on 4 series together. My hope is that Force Book will continue to journey together in their acting careers, embracing their differences that ultimately enhance their partnership. Force Book truly are a dynamic duo.2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่ซี้กิ่งทองใบรับรองแพทย์” เนื่องจาก ฟอส - บุ๊ค เป็นเพื่อนที่ต่างกันสุดๆ ฟอสบุ๊คชอบแกล้งตีกันให้เป็นมีมเยอะมากค่ะ555555 (แม้บางครั้งก็ตีกันจริงๆ) และส่วนใหญ่บุ๊คจะเป็นฝ่ายโดนกระทำด้วยกล้ามอันแข็งแกร่งของฟอส ในด้อมเลยแซวกันว่าประกันเข้าบุ๊คด้วยค่าา เบต้าดีนเข้าบุ๊คได้ค่าา ยาดมเข้าบุ๊คได้ค่าาา คือเอ็นดูมาก รู้ว่าเขาเล่นๆกัน แต่จริงๆฟอสบุ๊ครักกันมากๆเลยนะคะ บุ๊คเคยบอกว่า ฟอสบุ๊คสุดกันคนละขั้ว ฟอสไปซ้าย บุ๊คไปขวา เหมือนทางขนานแต่สุดท้ายก็จะมาบรรจบกันอยู่ดี ตั้งแต่รู้จักฟอสบุ๊คมา สัมผัสได้เลยว่าเขาเป็นเพื่อนที่หวังดีต่อกันมากๆ ไม่ต้องหวานเหมือนใคร ไม่ต้องหวือหวามากมาย เป็นธรรมชาติในแบบฟอสบุ๊ค เป็นตัวของตัวเองต่อไปนะ นี่แหละเคมีกิ่งทองใบรับรองแพทย์ที่สาววายตามหา รักนะ“A peculiar pair that captures the hearts of many.” Force and Book have a unique friendship where they playfully tease each other, often turning it into fun memes, despite occasional disagreements. Book is usually on the receiving end of Force’s playful jabs, with fans joking that even insurance, Betadine, and inhalers can’t protect Book. It’s all in good fun, though, as ForceBook truly care for each other. Book once described them as polar opposites, with Force going left and Book going right,but their paths always leading back together. Their friendship is genuine and free of pretense – they simply support and care for each other in their own unique way. Let’s continue to embrace the authentic bond of ForceBook – a peculiar pair that captures the hearts of many. With love and appreciation.3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “24 ปี เพื่อนรักกันดี เพื่อนรู้ใจกันมา” ด้วย ฟอส – บุ๊ค เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาล ถึงมัธยมปลาย แยกย้ายกันช่วงมหาลัย แล้วกลับมาเจอกันตอนทำงานและได้ทำงานเป็นพาร์ทเนอร์คู่กันอีก ไม่เรียกพรหมลิขิต แล้วใครจะสะกิดให้มาเจอกัน คู่นี้หวานไม่มีนะจ๊ะ แต่แฟนคลับชอบมาก“2 decades of tight buddies, pals who get each other.” Force and Book have been childhood friends since they both attended the same school from kindergarten all the way through high school. After going their separate ways for university, they eventually crossed paths again while working and decided to partner up once more. It’s not fate that brought them together, so who knows what led them back to each other? This duo may not be the most lovey-dovey, but their fans can’t get enough of them.4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ต่อปากต่อคำ ต่อไปนี้จะรักกันแล้วครับ” ขอเสนอรางวัลนี้ให้แก่ความต่อปากต่อคำของ ฟอส และ บุ๊ค ที่ไม่ยอมกันสุดๆ มันจะต้องได้เถียง ได้ทุบกันแทบทุกงาน จนไม่ว่าจะทีมแม่หรือทีมแฟนเป็นห่วงกันหมด แต่ตอนนี้ฟอสบุ๊คเปลี่ยนไปแล้ว รักกันแล้วนะครับแฟนคลับทุกคน“Let’s keep the debates coming! But hey, from now on, it’s all about spreading that love!” This award is dedicated to the intense but loving debates between Force and Book, who never shy away from a discussion. Their arguments used to worry both their friends and significant others, but things have changed. Now they show nothing but love for each other, to the delight of all their fans.5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “รักกันดีตีกันตาย โกรธกันง่ายหายกันเร็วแห่งปี” เพราะเกิดจากแนวทางในการใช้ชีวิตของทั้งคู่ค่ะ เพราะด้วยความเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยอนุบาล สองบ้านอยู่ใกล้กันเลยทำให้สนิทกันมาก มากจนจะชอบตีกันคือคอยกัดกันเป็นหมาใหญ่กับหมาเล็กเสมอ เลยอยากมอบรางวัลนี้ให้กับพี่ฟอสและพี่บุ๊คค่าา รับไปเลยยยย!!!“Love hard, fight fiercely, get heated fast, and move on in a flash.” Because of their lifelong friendship and close proximity, P’Force and P’Book are inseparable like two peas in a pod. They playfully interact, resembling a big dog and a little dog, always engaging in friendly banter. Therefore, I am delighted to present this award to P’Force and P’Book. Congratulations!ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย!เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เรามาพูดคุยกับ “ฟอส - บุ๊ค” กันค้าบบบ ความรู้สึกของ ฟอส-บุ๊ค ต่อ รางวัล “A Better Half มากกว่าครึ่งชีวิตฉันคือเธอ” บุ๊คบอกว่า ชื่อรางวัลนี้ เป็นซีรีส์ได้เลยนะเนี่ย “ขอบคุณสำหรับรางวัลนี้มากๆเลยนะครับผม” น่าจะเป็นเพราะว่าเราสองคนรู้จักกันมา 24 จะ 25 ปีแล้ว ตั้งแต่อนุบาลสอง เราเรียนมาใกล้กัน บ้านใกล้กัน มัธยมเรียนด้วยกัน แยกกันตอนมหาลัย แล้วก็กลับมาทำงานด้วยกัน จะว่าไปก็เหมือนซีรีส์จริงๆเลยนะครับเนี่ย ถ้ามีใครจะเอาพล็อตไปทำซีรีส์ ฟอสถึงกับประกาศว่า ผมขายนะครับเรื่องนี้นิยามความสัมพันธ์ 24 ปี ออกมาเป็นคำ 1 คำ ฟอส ถอดออกมาเป็นคำว่า เพื่อนคู่คิด “Partnership” เป็นคำแรกที่แวบเข้ามาในหัวเลย ที่เห็นๆว่าเราตีกัน จริงๆคือการตีกันเพื่อให้งานมันดีขึ้น ความคิดเราคนนึงอาจจะไปทางซ้าย ทางนึงอาจจะไปทางขวา แต่ทางสุดท้ายก็คือ ปลายทางเดียวกันคือออกมาดีเท่านั้นเอง บุ๊ค ถอดออกมาเป็นคำว่า “พรหมลิขิต” ยากมากที่คนเราจะรู้จักใครสักคนนึงตั้งแต่ อนุบาลสอง จนเราได้มาทำงานด้วยกัน ไปแฟนมี้ตด้วยกัน ไปต่างประเทศด้วยกัน สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน มันเป็นครั้งแรกของกันและกันทั้งคู่ ไม่ได้คิดว่าจะมาได้ใช้ชีวิตร่วมกันขนาดนี้“คู่ซี้ กิ่งทอง ใบรับรองแพทย์” รางวัลที่ได้รับการโหวตเป็นอันดับที่ 2 ของ EFM FANDOM LIVE AWARDS ความต่างเราเห็นมาเยอะแล้ว แต่อยากรู้ว่าความเหมือนของกันและกันคืออะไร หลังจบคำถาม ฟอส ตอบได้ทันทีเลยว่า ฟอสกับบุ๊คนั้น ฟังเพลงคล้ายๆกัน เพลงเศร้าๆ เพลง Deep Deep เป็นคนฟังเพลงลึกกันทั้งคู่ สามารถแชร์กันได้เลย ฟอสได้แชร์ว่าส่วนตัวเป็นคนที่สามารถฟังเพลงอะไรแล้วอินๆ สามารถร้องไห้ได้เลย หรือ ดู MV อะไรแล้วมันเศร้าก็ร้องได้เลย ก็จะเชื่อมโยงไปถึงการทำงาน ฟอส สามารถใช้เพลงมาบิ้วอารมณ์ดราม่าของตัวเองได้ ส่วนบุ๊คจะใช้วิธีการคิด คิดเยอะๆ จนมันเศร้าออกมาเอง สำหรับบุ๊ค สิ่งที่คิดว่าฟอสบุ๊คเหมือนกันคือ “เป้าหมาย” เราอยากจะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด เท่าที่ตัวเราสามารถทำได้ บุ๊คเชื่ออย่างนึงว่า “เรา ณ ปัจจุบัน มันเก่งที่สุดแล้ว” เราเต็มที่ที่สุดแล้ว แนวคิดนี้ก็มาจากฟอสด้วย ทำอะไรทำให้เต็มที่ ทำอะไรแล้วเราจะไม่ต้องมานั่งเสียใจอะไรทีหลัง วันนี้เราไม่ต้องจำเป็นต้องไปแข่งกับใคร แค่เก่งกับตัวเองก็พอมุมน่ารักที่มีแค่ “ฟอส – บุ๊ค” เห็นกันและกัน ฟอส เลยทันทีว่า “บุ๊คเป็นคนที่นึกถึงจิตใจคนอื่นตลอด” เป็นสิ่งที่ผมเห็นในตัวเค้ามาตลอด บุ๊คจะเป็นคนที่เสนอกับครีเอทีฟ คุยกับทีมงานว่า ลองเอาน้องคนนั้นมาทำแบบนี้ดูไหม? น้องคนนี้เก่งแบบนั้น ? จริงๆเรื่องอะไรพวกนี้ เราจะสามารถทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่บุ๊คเลือกที่จะทำ เรารู้สึกว่า ถ้าฟอส บุ๊ค จะรวย จะมีชื่อเสียงกันแค่สองคน แล้วไปเที่ยวด้วยกันสัก 10 คน มันไม่สนุกหรอก สู้ดังไปด้วยกันเลยทั้งหมด มีชื่อเสียงไปพร้อมกันด้วยดีกว่า ฟอสรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมโตมาในสังคมที่แบบ พี่เลี้ยงน้อง เมื่อก่อนรุ่นพี่เลี้ยงผมทุกอย่าง เลี้ยงน้องแบบนี้ จนผมคิดว่า ถ้าวันนึงเรามีทุนทรัพย์ เราก็จะสามารถจ่ายได้เลยแบบยินดีที่จะดูแลน้องๆ ส่วนตัวบุ๊ค แชร์มุมน่ารักของฟอสคือ “ภายนอกอาจจะดูแข็ง แต่จริงๆฟอสเป็นคนที่เก็บรายละเอียดมากๆ” ฟอสเป็นคนที่สังเกตอะไรเล็กๆน้อยๆ แล้วก็สามารถจับความรู้สึกได้ว่าคนรอบข้างรู้สึกยังไง กำลังเสียใจอะไรอยู่หรือเปล่า?ฟอสบุ๊ค แชร์ความประทับใจที่มีต่อ คริส พีรวัส บุ๊คแชร์ให้ฟังว่า พี่คริสเป็นพี่ชายคนแรกที่น่ารักมากๆ ที่เข้ามาทักบุ๊คใน Safe house เข้ามาพูดคุยกับผม ทั้งๆที่ตอนนั้นผมเป็นใครก็ไม่รู้ ยังไม่มีชื่อเสียงเลย พี่คริสบอกว่า “มีอะไรช่วยกันนะ มีอะไรเราช่วยกัน ถ้ามึงโตไป มึงสามารถช่วยเหลืออะไรได้ มึงก็ช่วยนะ เรามาอยู่บ้านเดียวกันแล้ว”ความเหมือน ความแตกต่างของตัวละคร ... กับชีวิตจริง ฟอสบอกว่า ฟอสเป็นคนที่ตรงๆ ไม่มีฟิลเตอร์อะไร ฟอสเป็นคนที่พูดแล้วจบ เตือนคือเตือน ห่วงคือห่วง เป็นคนที่มีอะไรแล้วก็จะเคลียร์แล้ว ถ้ามีอะไรที่ไม่โอเคก็จะพูดเลย ผมไม่ชอบอะไรที่มันค้างคา อยากจะให้มันจบเป็นเรื่องๆไป ฟอสคุยกับบุ๊คเสมอว่า ถ้ามีอะไรที่ไม่โอเคให้พูดกันเลย อาจจะมีบางครั้งที่ผมอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่บุ๊คเค้าโกรธ บุ๊คก็จะพูดเลย ผมก็จะโทรไปขอโทษเขาเลยว่าไม่ได้ตั้งใจ ดีเจแนนแซวๆว่า ทำไมพี่อาร์ค ตัวละครนี้ถึงซึนๆ จีบคนแบบแข็งกร้าน เข้าหาเค้าแบบแปลกๆ เช่น ตอนเลี้ยงข้าวเขา แล้วพูดว่า “เหมือนซื้อข้าวให้หมากิน” อะไรแบบนี้ บุ๊คได้แชร์มุมมองของตัวละครอาร์มว่า คิดว่าพี่อาร์คเป็นเหมือนเด็กอนุบาลที่แบบ ชอบใคร ก็เข้าหาแบบแปลกๆเลย แกล้งเค้าเลย จีบใครไม่เป็น ซึนๆ อึนๆ แล้วฟอสก็รีบบอกว่า แต่พี่อาร์คเป็นคนที่หยอดใคร ก็หยอดตรงๆเลยนะ ชอบอะไรก็บอกดิ เดี๋ยวจะไปหา แต่ถ้าตัวจริงชอบใคร ถ้าเลี้ยงข้าว ก็จะบอกเขาว่า “ไม่เป็นไรเลย” บุ๊คได้เล่าถึงตัวละครอาร์มว่า คล้ายๆบุ๊ค แต่ในเวอร์ชั่นที่สดใสกว่าระดับนึง น้องอาร์มจะเป็นคนงงๆ ไม่เก่งเรื่องความรักเท่าไหร่ คือ อาร์มจะเก่งเรื่องคนอื่น ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองก็จะไม่รู้ และ ตัวอาร์มก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเป็นคนแบบนั้น ต้องรอติดตามว่าคืออะไร บางจังหวะน้องอาร์มรู้สึกว่า พี่อาร์คแค่กวนตีนป้ะวะ แบบว่าเขาคงไม่มาสนใจอะไรคนแบบเราหรอก ยังงงว่าการเข้าหาแบบนี้มันคืออะไร? นอกจากนี้บุ๊คได้เล่าว่า ตัวเองเป็นคนที่ไม่ยอมให้ใครมาจีบก่อน และ แชร์เรื่องราวในอดีตว่าเคยชอบคนคนนึงมา 5 ปี โดยไม่บอกใคร เช่น สมัย Puppy love ใกล้ช่วงเทศกาล เราก็จะแอบซื้อของไปให้เขาแบบไม่แสดงตัว บุ๊คชอบทำงาน Handmade เราก็จะแอบทำไปให้ วันวาเลนไทน์ก็ทำ บางทีเพื่อนเขาก็รู้ ก็จะรู้สึกว่า ดีแล้วที่เพื่อนเขารู้ เพื่อนเขาจะได้ไปบอกเขาวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “ฟอส บุ๊ค” เล่นกันด้วย ชื่อเกมว่า “กระทง หลงเธอออออออออ” แล้วมาดูกันว่าในคืนก่อนวันลอยกระทงแบบนี้บรรยากาศการลอยกระทงใน STUDIO จะเป็นยังไง (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “ฟอส บุ๊ค” (เข้าไปชมได้ใน Youtube : ATIME)สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ฟอส บุ๊ค” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้กับรายการ และฝากซีรีส์ “สายรหัสเทวดา Perfect 10 Liners” ที่มีให้ติดตามกันมากถึง 24 EP ฟินกันจุใจกันไปเลย อย่าลืมไปติดตามรับชมกันนะค้าสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

“BUS” แปลงร่างรับรางวัล ‘เดอะเบสเบียวบอยแห่งปี (เบียว of the year)’ LIVE ที่อย่าพยายามทำความเข้าใจ เพราะสิ่งที่เกิดในรายการคือ BUS is เบียว ตัวจริง เสียงจริง!

26 พ.ย. 2024

“BUS” แปลงร่างรับรางวัล ‘เดอะเบสเบียวบอยแห่งปี (เบียว of the year)’ LIVE ที่อย่าพยายามทำความเข้าใจ เพราะสิ่งที่เกิดในรายการคือ BUS is เบียว ตัวจริง เสียงจริง!

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 7 พฤศจิกายน 2567] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “BUS because of you i shine” กับซิงเกิลใหม่ล่าสุด “TRANSFORMER” พร้อมอัพเดตพูดคุยกับ 2 สาว “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการเป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “หนุ่มสุดหล่อล้ำนำสมัย ไฮเทคสเปคเลย” เนื่องจากคัมแบคล่าสุดของน้องบัสคือเพลง transformer โดยเรื่องราวใน mv เปรียบเสมือนเมมเบอร์แต่ละคนอยู่ในโลก sci-fi สามารถแปลงร่างเป็นรถได้ และที่สำคัญน้องๆหล่อกันมากๆ ตรงตามสเปคหลายคนจึงขอเสนอชื่อ หนุ่มสุดหล่อล้ำนำสมัยไฮเทคสเปคเลย ให้บัสค่าาA good-looking, contemporary, tech-savvy gentleman. Because Bus has made a recent return with the track Transformer, the plot in the music video depicts each member entering a futuristic realm where they can morph into automobiles. What's most notable is the guys' striking appearance, ticking all the boxes for many people's preferences. Therefore, I happily propose Bus as the charming, up-to-date, high-tech individual.2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “BUS THE PHENOMENON” BUS ทั้ง 12 คนได้สร้างผลงานและปรากฎการณ์ใหม่ๆให้วงการ T-POP มากมาย ROOKIE OF THE YEAR [ Engagement All Platform สูงมาก! / ผลงานเพลงได้รับความนิยมระดับ 10 M / Presenter แบรนด์ชั้นนำของประเทศ ]BUS THE PHENOMENON Members of the BUS 12 have contributed to the T-POP industry by introducing fresh content and trends. They gained high engagement across all platforms and received 10 million ratings on their popular songs. Additionally, they have been selected as the face of leading brands in the country. Congratulations to them for their impressive achievements!3.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เทสที่สร้าง ร่างที่แปลก” รางวัลนี้เป็นรางวัลที่ค่อนข้างจะภูมิใจให้น้องๆมากกกค่ะ ความหล่อที่พระเจ้าให้มายังไม่เท่าความแปลกที่น้องมี เทสที่สร้างแสนเท่ในเอ็มวีนั้น ยังไม่เท่าร่างที่แปลกของน้องๆในแต่ละวัน บางวันเห็นน้องๆทำอะไรแปลกๆบ่อยมากจนบางทีก็สงสัย ในหัวน้องคิดอะไรอยู่อยากลองเข้าใจพวกน้องสักวันที่น้องคิดบ้างน่าจะสนุก รู้สึกว่ามันต้องสุดโต่งมากแน่ๆ แต่ชอบนะคะเพราะน้องๆเลยทำให้เรายิ้มได้ หัวเราะได้ในทุกๆวันนี้ ในวันที่รู้สึกไม่ดีแค่ได้เห็นน้องก็มีความสุขแล้วค่ะTaste manifested, unusual physique This accolade is one that fills me with pride on their behalf. The beauty bestowed upon them by God pales in comparison to the uniqueness they possess. The charm exuded in the music video is no match for the peculiarity of their everyday bodies. I often witness them engaging in eccentric behaviors, prompting me to ponder their thoughts. I aspire to unravel their minds one day, a prospect that seems exhilarating. While their ways may be unconventional, I find solace in the joy and laughter they bring me each day. In moments of distress, their presence alone is enough to lift my spirits.4.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “12 ภูตจิ๋วฮีลใจ” 12 มาจาก BUS ทั้ง12คนค่ะ แต่ทำไมถึงเป็น “ภูตจิ๋วฮีลใจ” เพราะ BUS ก็เปรียบเสมือนเหล่าภูตตัวน้อยๆ ที่คอยให้กำลังใจ BEUS อยู่เสมอ ภูตที่หมายถึงในที่นี้คือ ภูตดอกไม้ เพราะภูตดอกไม้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ เหมือนความมหัศจรรย์ในตัวBUSอ้วร ที่สามารถเปลี่ยนวันแย่ๆให้กลายเป็นวันที่ดีได้ โดยที่บางครั้งไม่ต้องทำอะไร เพราะการมีอยู่ของ BUS ทั้ง12คน ก็ถือเป็นสิ่งวิเศษแล้วค่ะ12 Tender Spirits Bring Comfort to the Heart The number 12 symbolizes the 12 individuals of BUS. But why mention "Little Spirits Bring Comfort to the Heart"? It's because BUS embodies those gentle spirits who offer unwavering support to BEUS. In this context, the spirits refer to flower spirits, known for their magical abilities. Just like how BUS has the power to transform a gloomy day into a bright one effortlessly. The presence of the 12 BUS members is truly a marvel in itself.5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เดอะเบสเบียวบอยแห่งปี (เบียว of the year)” **ชื่อสาขานี้เป็นชื่อที่ได้รับการเสนอเข้ามาเยอะที่สุด นี่คือแนวคิด/ที่มาบางส่วนเท่านั้น** แนวคิด 1 : เพราะ MV transformers ของ BUS เบียวสะใจเอาสุดมาก!!! แนวคิด 2 : เนื่องจากน้องๆบัสเพิ่งปล่อยเอ็มวีเพลง Transformer ซึ่งเป็นเพลง performance ที่ร้อนแรงมาก แต่ว่าในเวลาเดียวกัน ก็โชว์ลูกเล่นความหล่อเบียวๆ 12 แบบสไตล์เด็กหนุ่มหุ่นเหล็กแปลงร่างค่ะ แนวคิด 3 : อย่างที่ทราบคือพวกเค้าหล่อแต่ไม่ได้ติดแอคเพราะแอคมันติดผม ใครบอกผมเบียวอย่างน้อยผมก็เคี้ยวแล้วกลืน ออร่าของตัวพ่อมันระเบิดออกมาแบบว่า “เอาสุดอ่ะค้าบ” ความจึ้ง ความปึ้ง ยังไม่จบเพราะผมหล่อครบรส ความสามารถครบทุกแขนง ทั้งแรปทั้งเต้นทั้งร้องโคตรจะเฟี้ยวโคตรจะโดนใจ จะอลันที่กล้ามแน่นปึ้ก ม้าคจิ้ดที่บ้อกแบ้ก ขุนพลที่แค่เห็นก็แทบละลาย ฮาร์ทโคตรพระเอกในดวงใจ พี่จินพ่อเทพบุตร ไทยแปลกแต่หล่อระเบิด พี่แช่มที่สุดของสเปคหนู เฮียภูหมาทิชชุ่ลาบูบู้สุดหล่อ น้องเป้อเด้กเล้กตัวจิ๋วน่ารักของมามี้หนูทำอะไรก็เท่ที่สุดฉุดไม่ไหวใจละลายจะบ้าตายน่ารักจังㅠ ㅠ พี่อชิเก่งขึ้นทุกวันจนมัมหมีกี้ดมือทาบอก จั๋งแรปเป้อสุดเท่ระเบิด ภีมวสุสุดหล่อของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ หล่อแอคเบียวเฟี้ยวโดนใจจะเป็นใครถ้าไม่ใช่บัสอ้วรThe Amazing boys of the year**This particular branch has received the highest number of suggestions.Here are just a few concepts to consider:** Idea 1: The MV Transformers of BUS is truly remarkable! Idea 2: The Bus boys recently debuted the MV for the song Transformer, a sensational performance piece. They showcased 12 different impressive and unique tricks reminiscent of a young Iron Man’s transformation. Idea 3: You might already know about their stunning looks and captivating presence, but their skills extend far beyond mere appearances. They are talented in various areas like rapping, dancing, and singing, marking them as incredibly cool and gifted individuals. From Alan’s impressive muscles to Marckris’s commanding presence, Khunpol, who just witnessed it, nearly melted - this group truly shines in every aspect. Heart is the ultimate hero, P’Jin is like a wise godfather, and Thai is quirky yet extremely handsome. P’Nex embodies the perfect type. And let's not forget P’ Phu, the perfect image of handsome, along with Copper, the adorable baby of the group. Each member possesses a unique charm that captivates fans, leaving them in wonder. AA is improving day by day until Mommy shouts and cries. With Jungt’s outstanding rapping skills and Peemwasu’s captivating charm, Bus truly stands out as the most handsome person in Thailand. Their calm demeanor and charming personalities have made them beloved figures in the entertainment industry.ถึงเวลาที่ BEUS รอคอยแล้วน้าาา...เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVEมาพูดคุยกับหนุ่ม ๆ “BUS because of you i shine” กันความรู้สึกที่มีต่อชื่อรางวัลนี้ BEUS ตั้งใจเสนอชื่อรางวัล และได้รับการโหวตสูงสุด กับ “The Best เบียว Boy แห่งปี (เบียว of the year)” ทันทีที่ได้รับถ้วยรางวัล ฮาร์ท ถึงกับพูดขึ้นมาว่า “รางวัลนี้ ไม่ว่าใครที่ได้จับก็จะเบียวนะ ไม่เชื่อลองดู” พูดจบแล้วก็ยื่นถ้วยรางวัลให้กับคนอื่นๆ พอถึงคิวของภูธัชชัย ภูธัชชัย จับถ้วยรางวัลและพูดอย่างมั่นใจว่า “จริงๆ ไม่ต้องจับ ก็เบียวอยู่แล้ว!!”แปลงร่างของ BUS แต่ละคน Unique ไม่ซ้ำกันเลยทีเดียว เมื่อดีเจแนน ดีเจดาว ให้ BUS ลองแปลงร่าง เพราะไหนๆก็มาฝากซิงเกิ้ล TRANSFORMER กันแล้ว โดยมีกติกาให้เริ่มแปลงร่างทีละคน ไทย – ไทยได้ทำท่าแปรงสีฟัน ฟันล่าง ก็เลยกลายเป็นแปลงร่าง (แปรงล่าง) จั๋ง - จั๋งได้ทำท่าปั่นไฟ และ พูดขึ้นมาว่า นี่คือการ ปั่นไฟหม้อแปลงครับ (หม้อแปลง) ภีม – ภีมไม่น้อยหน้า ทำท่าทีแปรงฟันคล้ายกับไทย แต่มีกริมมิกคือ แปรงแล้ววาง แปรงแล้ววาง (เปลี่ยนแปลง) ฮาร์ท - ฮาร์ทบอกว่า ผมไม่แปรงบน แปรงล่างอะไรเหมือนคนอื่น ผมจะแปรงร่างจริงๆ แปรงจากหนุ่มเนิร์ต เป็นหนุ่มฮอต ด้วยการ ถอดแว่น แล้วฮอตเลย (แปรงร่างเป็นหนุ่มฮอต) เน็กซ์ – เน็กซ์ขิงใส่บอกว่าวันนี้ผมไม่ต้องแปรงร่างก็ได้ เพราะเป็นเสืออยู่แล้ว (เน็กซ์ใส่เสื้อลายเสือมารายการ) เอเอ - เอเอได้ทำท่าแปรงร่างด้วยการกัดข้อมือตัวเอง และบอกว่า ผมแปรงร่างเป็น ไททัน จินวุค - นั่งคิดอยู่นาน และ พูดขึ้นมาว่า ผมแปรงร่างจากคนที่หล่อเท่ที่สุด เป็น... “คนที่น่ารักที่สุด” (พร้อมกับทำเสียงสองแบบน่ารักๆ) ภูธัชชัย – พูดด้วยอาการงงๆว่า แปรงปลอม ทุกคนในไลฟ์รีบค้านขึ้นมาว่า ไม่ใช่! นั่นมัน ปลอมแปลง และ ภูธัชชัย อธิบายต่อว่า ผมแค่จะสื่อว่า ผมแปลงร่างปลอมๆ เพราะตอนนี้ผมกำลังไม่แปรงร่างไงครับ ทำเอาอึ้งกันทั้งสตูหลังจากจบภูธัชชัย ดีเจดาว แซวๆว่า ไม่ต้องพยายามทำความเข้าใจ เพราะนี่คือความเบียวววววว มาถึงคนสุดท้ายอย่าง พี่อลัน - พี่อลัน ได้ทำท่าทางคล้ายๆกับหุ่นยนต์ และ ทำเสียงแปลงร่างเหมือนโรบ็อท พร้อมอธิบายว่า นี่คือเสียงแปลงร่างของ TRANSFORMERขอคนละ 1 คำ ให้กับการ เดบิวต์ครบ 1 ปีของ BUS อลัน ให้คำว่า “รัก” ชัดเจนตรงตัว ไม่ต้องอธิบายใดๆเพิ่ม ภูธัชชัย ให้คำว่า “ซึ้ง” เพราะ 1 ปีที่ผ่านมา มันมีความซึ้ง จินวุค ให้คำว่า “เรา” พวกเราแบบนี้ เอเอ ให้คำว่า “สนุก” เป็นปีที่สนุกมากครับ เน็กซ์ ให้คำว่า “ใจ” เพราะว่า ใจใจครับ ฮาร์ท ให้คำว่า “ONE” นอกจากคำว่า ONE จะแปลว่า 1 ยังไม่เข้าใจผมตอนนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวก็รู้กัน ภีม ให้คำว่า “พอ” พอเจอพวกคุณแล้วผมก็เลยอยากหยุดชีวิตไว้ จั๋ง ให้คำว่า “สุข” เพราะ มีความสุขครับ ไทย ให้คำว่า “รอ” รอ รอ รอละกันน่า รออะไรไม่รู้ แต่ให้รอกันละกันนความรู้สึกต่อ ซิงเกิ้ล TRANSFORMERS BUS ได้เล่าให้ฟังว่า เพลงนี้ ทุกคนได้เห็น 5 จังหวัดจากการทัวร์ของเรามาแล้ว แต่เราได้ปล่อยออกมาทางโซเชียล ก็แอบลุ้นอยู่ว่า แฟนๆจะลุ้นไปเหมือนกับเราไหม เพลงนีเป็นเพลงที่พวกเราตื่นเต้นมากๆ แปลกใหม่สำหรับพวกเรา แล้วก็พวกเราก็ไม่เคยเป็นรถกันมาก่อน ไม่เคยแปลงร่างกันมาก่อน เรื่องของคอสตูม แต่ละคนก็ล้ำสมัยกันสุดๆ ไทยบอกว่า ผมสักอ่ะ พิ่คิดดู ผมสักอ่ะ แต่จริงๆ ผมติด Tattoo ทั้งตัวเลย ส่วนอลัน ดีเจดาวชื่นชมว่า ตอนที่อลันยืนอยู่คนเดียว ให้ฟิลถึง พี่เจ เจตริน สมัยเด็กๆ คือเท่มากๆ เหมือนพี่เจตอนนั้น ฮอตสุดๆ หลังชมคำชม ก็ถามพี่อลันต่อว่า เราดูแลตัวเองเยอะขึ้นด้วยไหม? พี่อลันก็ตอบว่า ดูแลตัวเองเยอะขึ้นนิดนึงละกัน พอพูดถึงเรื่องคอสตูม ดีเจแนนก็อดแซวไม่ได้ว่า ตอนแรกที่เห็น MV ก็เกิดความสงสัยว่าใครไปติดเคราให้มาร์คคริส ซึ่ง BUS ก็ได้อธิบายว่า เป็น Shift ที่ทุกคนใน BUS จะมี แต่เป็นคนละที่เท่านั้นเอง ของมาร์คจะเป็นตำแหน่งตรงนั้นครั้งแรกของการแปลงร่างเป็นรถของ BUS จินวุค ชื่นชม ขุนพล ว่า อินเนอร์ พี่ขุนคือ เฟี้ยวสุดๆ เค้าจินตนาการได้เลยว่า เหมือนเค้าแปลงร่างเป็นรถจริงๆ พี่ขุน ก่อนเข้ากล้องจะนิ่งๆ แต่พอเข้ากล้องปุ๊บ เค้าก็มีอินเนอร์เลย พี่ขุนพล เป็นพี่ที่ดูแลเราได้ดีหลายๆอย่าง อยากจะแชร์ว่า พี่ขุนเป็นคนที่ก่อนเข้าฉากถ่าย ก็นอนหลับ แต่พอจะเข้าแล้ว เขาก็เปลี่ยนแววตา ได้ทันที สดใสเลย สามารถทำให้ตัวเองเตรียมพร้อมได้ตลอด ซึ่งการถ่ายทำ พวกเราก็ถ่ายกันในสตูดิโอ และ มีถ่ายที่ ม.กรุงเทพด้วย ดีเจแนนแซวว่า BUS ชอบเต้นที่โล่งแจ้ง ซึ่ง BUS ก็ได้ตอบสั้นๆว่า BUS รักธรรมชาติครับ BUS รักฝนเหมือนกัน ฝนตกทุกครั้งที่ถ่ายเลย ใช้เวลาหลายชั่วโมง กว่าจะรอฝนหยุดการดีไซน์การร้องของซิงเกิ้ล TRANSFORMER พี่อลันได้เล่าให้ฟังว่า การดีไซน์ Vocal มาจะมีความโมโนโทนอยู่ เป็นฟิลโรบอทๆ เท่ๆหน่อย โดยเฉพาะท่อนของ ภีม และ เน็กซ์ “Like woo! เขาไม่ดีเธอเองรู้ดีว่าเขาไม่ดีทำไมยังรักอยู่ดีก็ไม่รู้ (I don't get it) Like woo! รักที่ดีเธอเองรู้ดีว่าฉันน่ะมีลองมองดิดูดีๆ จะได้รู้” เพลงนี้ไทยได้เล่าต่อว่า เนื้อไทย พี่ AUTTA ได้แต่งไว้ คือพี่เขาเก่งมาก เพลงนี้คือมีหลายภาษาด้วย แต่พอเป็นภาษาไทยแล้ว มันฟังแล้วมันเท่ระเบิดมากๆวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “BUS” เล่นกันด้วยกับเกมที่มีชื่อว่า BUS FORMER’ สนุกสนานกันแน่นอน (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายรายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับ ได้เข้ามาถาม QA กับ “BUS” Q: ถ้าให้ BUS เปรียบ BEUS เป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิต 1 อย่างเป็นอะไรก็ได้ จะเปรียบเป็นอะไร? คนแรกที่อาสาตอบ คือ พี่อลัน เปรียบ BEUS เป็นที่ขูดลิ้น พอพูดจบ ทุกคนในสตูถึงกับอึ้ง อ้าปากค้าง พี่อลันรีบอธิบาย แถลงไขเลยทันที ว่า “ผมเป็นคนที่ดูแลสุขภาพช่องปากมากๆ” เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เราอาจจะใช้แปรงฟัน แปรงลิ้น แต่ตอนนี้รู้สึกไม่ได้แล้ว ต้องใช้ที่ขูดลิ้นเพื่อความสะอาดที่สุด เหมือนกับการมี BEUS แล้วรู้สึกว่าจิตใจสะอาด เป็นของที่ผมขาดไม่ได้เลย ติดมากๆ อาจจะแปลกนิดนึง แต่ผมรัก BEUS นะ รักมาก อยากอยู่ด้วยทุกวัน มาถึง ไทย กันบ้าง ไทย ได้เปรียบ BEUS เป็น “ปอด” เพราะว่าอยู่กับเราตลอดเวลา เป็นสิ่งที่สำคัญ พอเราหายใจเข้าไป ก็จะใช้ปอด ใช้ทุกๆวัน เหมือนกับที่เราอยู่กับ BEUS ทุกๆเวลา ด้านของหนุ่มฮาร์ท ขอให้เป็น หมอนข้าง กับ ผ้าห่ม แต่ถ้าต้องเลือก 1 อย่างจริงๆ คือ หมอนข้าง เพราะเป็นคนที่หมอนข้างมากๆ ติดการกอด ถ้าไม่มีหมอนผมนอนได้ แต่ถ้าไม่มีหมอนข้างผมนอนไม่ได้ ส่วน ภีม ขอเลือกเป็น เครื่องฟอกอากาศ ขอเป็นโหมดกลางคืนด้วย เวลานอนจะได้สะอาด กรองสิ่งสกปรกของห้องนอนออกไป เหมือน BEUS ที่กรองสิ่งที่ไม่ดี ออกไปจากชีวิตผม เหมือน BEUS เค้ากรองสิ่งไม่ดีๆ ออกไปจากชีวิตของผมไงครับ อยากให้เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ฟอกตัวเองได้ด้วย เน็กซ์ บอกว่าตอนแรกจะตอบหมอนข้าง แต่พี่ฮาร์ทเอาไปแล้ว ก็เลยขอตอบ สวนหน้าบ้าน เพราะ BEUS เป็นเหมือนสวนหน้าบ้านผม ที่ผมอยากมานั่งเล่นตลอด กินข้าว ดูนก ดูไม้ เล่นบอลกับพี่ชาย เป็นที่พักผ่อน ทำเสต็กหน้าบ้าน ภูธัชชัย อยากให้เป็นแว่นตา เพราะว่า BEUS อยู่ในสายตาครับ ต่อด้วย จินวุค จินวุคให้ BEUS เป็นแฟน แบบ แฟนจริงๆ แต่ถ้าเป็นแฟน กลัวจะโดนบอกเลิก เลยอยากให้เป็นเพื่อนมากกว่า เพราะอยู่กันตลอด ส่วนเอเอ ให้ BEUS เป็นหิน เพราะ ภาษาอังกฤษหินคือ Rock เพราะผม Rock BEUS ไง (รัก BEUS) และคนสุดท้ายคือจั๋ง ให้ BEUS เป็นหลอดไฟ เพราะ BEUS คือแสงสว่างที่นำทางชีวิตผมให้สว่างครับQ: ถ้าให้ BUS โหวตกันเองว่าใครเบียวที่สุด จะเป็นใคร? หลังจากจบคำถาม ได้ทำการโหวตกัน รอบแรก 4 คนสุดท้ายที่ดูถูกเสนอมากที่สุดคือ คอปเปอร์ ภู เน็กซ์ ขุนพล โหวตกันไปกันมา สุดท้ายผลออกมาที่ ภูธัชชัย เบียวที่สุด ซึ่ง ภูธัชชัย ก็ได้ตอบว่า “ผมเป็นตัวของตัวเอง ผมผิดตรงไหน” นิยามความเบียวของภูคือ ซิกเนเจอร์ เลเยอร์ คัสตอม ภีม ได้เล่าเสริมว่า ชอบคลิปนึงมากๆ ที่มีคนมาตัดคลิปว่า วันๆนึงในหัวของโต๋ย คิดอะไรวะ?? ผมก็สงสัยเหมือนกัน ส่วนอีกเรื่องนึง ไทยก็ได้เล่าความเบียวของภูธัชชัย คือ นั่งเล่นกับแว่นตาที่ไม่มีเลนส์ แล้วเอานิ้วจิ้ม แล้วโดนตาตัวเอง เพื่อแค่จะเช็คว่า แว่นมีเลนส์รึเปล่า? สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “BUS because of you i shine” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข สนุกสนานให้แฟนๆกันในรายการ และฝากติดตามเพลง “TRANSFORMER” สามารถรับชมได้ทาง YouTube : TADA LABELS หรือสตรีมมิ่งทุกแพลตฟอร์ม ไปติดตามกันได้เลยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

ผีหนุ่มหล่อทั้ง 7 “ATLAS” ถึงซิงเกิลใหม่จะชื่อ ฉันคนเก่า แต่สัญญาเลยว่าพร้อมจะกลับตัว และรับรางวัล EFM FANDOM AWARDS ถ้วยที่ 2 สาขา ‘เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดของเอลิส’

26 พ.ย. 2024

ผีหนุ่มหล่อทั้ง 7 “ATLAS” ถึงซิงเกิลใหม่จะชื่อ ฉันคนเก่า แต่สัญญาเลยว่าพร้อมจะกลับตัว และรับรางวัล EFM FANDOM AWARDS ถ้วยที่ 2 สาขา ‘เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดของเอลิส’

รายการ EFM FANDOM LIVE [31 ตุลาคม 67] คืนนี้พร้อมต้อนรับ 7 หนุ่ม T-POP อย่าง “ATLAS” กับซิงเกิลใหม่ล่าสุด “ฉันคนเก่า (Lat Me Try Again)” พร้อมอัปเดตพูดคุยกับ 2 ดีเจ “ดีเจแนน และ ดีเจโจเซฟ”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดโหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “แอทลาสคนเก่า ยังเศร้าเหมือนเดิม” ผ่านมาหลายซิงเกิล หลายแนวดนตรีแล้ว แอทลาสก็ยังคงคอนเซ็ปผู้บ่าวอกหัก รักไม่สมหวังเหมือนเดิม พ่อคุณเอ๊ยยย!!! จะสมหวังกี่โมงThe original ATLAS remains just as melancholy as before. Despite exploring various musical styles and themes, ATLAS continues to portray a story of a lovelorn youth, yearning for reciprocated affection. Wow !!! When will their hearts find solace?2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ทีมนักซิ่งวิ่งสู้ฟัดสุดจัด ๆ ย่านรังสิต” ใน mv เพลงนี้ ATLAS ทุกคนรับบทเป็นสมาชิกทีมแข่งรถ แต่ละคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง บางคนดูแลอะไหล่ บางคนเป็นนักแข่ง ซึ่งแต่ละหน้าที่มีความสำคัญหมดจะขาดใครไปไม่ได้สักคน ก็เหมือนกับ ATLAS ในชีวิตจริง ที่ขาดใครไปไม่ได้เลยและน้องทุกคนก็ผ่านเรื่องราววิ่งสู้ฟัดมาเยอะมากกว่าจะมาถึงวันนี้ เลยคิดว่าชื่อรางวัลนี้ เหมาะสมกับแอทลาสมากที่สุดแล้วค่ะThe top racing team in Rangsit In this music video, every member of ATLAS has a role to play as part of the racing team. Some are responsible for spare parts, while others race. Each role is crucial and cannot be overlooked. Just like in real life, ATLAS relies on each member. They have all gained experience through many races to get to this point. Therefore, I believe the name of this award is most fitting for ATLAS.3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ตัวพ่อคนเดิมไงหนู...ไม่คุ้นหูเลยเหรอ” เป็นชื่อรางวัลที่อยากให้ล้อไปกับเนื้อเพลง "ฉันคนเก่า" ค่ะ แล้วก็ใช้คำว่าตัวพ่อเพราะว่าแอทลาสของเราเป็นตัวพ่อบอยกรุ๊ป T-pop สุด ๆ โหด ตึง เก่งกาจ มากประสบการณ์ ผ่านอะไรมามากมาย เป็นตัวพ่อคนเดียวคนเดิมในใจเอลิส เป็นตัวพ่อที่ใคร ๆ ก็รู้จัก คุ้นหู เคยได้ยินชื่อเสียง เคยฟังเพลง หรือเห็นผลงานผ่านตาอย่างแน่นอน แต่ก็อยากให้ชื่อดูมีความกวน ขี้เล่น เพราะแอทลาสเป็นวงตลกค่ะ เผลอ ๆ บางคนอาจจะรู้จักจากคลิปตลก เพราะเรื่องตลกเราขึ้นชื่อจริง แต่รวม ๆ แล้วชื่อนี้ก็ตั้งมาจากความเก่ง ความเก๋า ความเจ๋งของแอทลาสที่ไม่เคยน้อยลงเลย และก็ยังเป็นตัวพ่อคนเดิมของเอลิสเสมอ 3The familiar daddy, my dear… Does that ring a bell? It's a title I chose inspired by the lyrics of "I'm the Old One," with the term "daddy" reflecting our ATLAS as the leader of the T-pop boy group. He's strong, skilled, talented, and seasoned. In ALIS's heart, he's the one and only daddy. He's the daddy known to all, recognized, heard of, listened to, or seen in action. I wanted the name to be playful and mischievous to match ATLAS's comedic band. Some may recognize him from their comedy sketches as they are quite popular. But ultimately, this name highlights ATLAS's expertise, experience, and everlasting coolness. And he remains ALIS's beloved daddy.4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดของเอลิส” คำนี้ได้มาจากน้องภูมิค่ะ น้องบอกว่า "เอลิสคือน้ำมันเต็มถังของแอทลาส” มันใช่มาก ๆ แอทลาสก็เป็นเชื้อเพลิงที่สุดของเอลิสเหมือนกัน เวลาได้ดูคอนเทนต์ของแอทลาส ได้ฟังเพลง ได้เจอน้อง ๆ เหมือนได้เติมพลังให้ตัวเองมีแรง ไปสู้กับชีวิตต่อ ทุกครั้งเวลาวางแผนจะไปหาน้อง ๆ รู้สึกมีพลังในการเคลียร์งานเป็นพิเศษ เรียกได้ว่ามีความสุขตั้งแต่มีบัตรคอนอยู่ในมือด้วยช้ำThe Best fuel for ALIS Nong Bhum shared with me that ALIS is like a full tank of fuel for ATLAS. This statement holds true to me as well. ATLAS serves as the best source of energy for ALIS, rejuvenating me whenever I engage with their content, music, or in person. Planning to see them fills me with an extra dose of positivity and motivation to tackle my responsibilities. Having a concert ticket in hand has brought me immense happiness.5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “โชว์ไม่ช้า จําได้ทุกโชว์” ATLAS วงที่ยืน 1 ด้านการโชว์ โชว์ของแอทลาสแต่ละงาน จะมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด ทำให้แต่ละงาน มีซีนประใจในแต่ละงานที่ต่างกัน เป็นที่จดจำของเอลิสและคนนอกด้อมตลอด แอทลาสมีการดีไซน์การโชว์ได้ดีมาก ๆ แต่ละงาน แต่ละโชว์ ผู้ชมคุ้มสุด ๆ ได้ดูเพอร์ฟอร์มเต็ม ๆ จุก ๆ แถมช่วงพูดคุยยังสร้างเสียงฮาให้ตลอด แอทลาสเก่งอ่ะบางครั้งเปลี่ยนโชว์จนเอลิสกลายเป็นนักร้องนำเลย เข้าจังหวะผิดกันหมด 55555Every show by ATLAS is special and unforgettable. The band constantly switches things up, ensuring that each event is unique and leaves a lasting impression on both fans and newcomers. ATLAS puts on a top-notch show with fantastic design, guaranteeing that every audience member is thoroughly entertained and delighted. Their performances are always worth the price of admission, leaving us laughing and in awe. ATLAS's talent shines through, even when they switch things up and showcase ALIS as the lead singer, bringing a different but still amazing experience every time.ถึงเวลาที่ ALIS รอคอยแล้วน้าาา...เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVE มาพูดคุยกับหนุ่ม ๆ “ATLAS” กัน ฮาโลวีนปีนี้แอทลาส 7 คนขอเป็นผี….. ไนซ์ : วันนี้ผมตั้งใจมาเป็นผีติดแกรม ใส่สูทมาแบบเราตายในตอนที่เรายังเดินอยู่ในคฤหาสน์ของเรา จูเนียร์ : แล้วมีดเกี่ยวไร ไนซ์ : ก็ลื่นแล้วก็มีดเสียบหัว 55555 ภูมิ : อ่ออ กำลังหั่นสเต็ก 5555 เออร์วิน : เพราะเป็นพ่อครัว จูเนียร์ : ของผมตายด้วยจากการวิ่งเข้าไปช่วยไนซ์ เอ้ยเสร็จปุ๊ปไนซ์เป็นไรอะ โดนแทงเข้าหน้า ไนซ์ : เลือดนี่คือของพี่เหรอเนี่ย จูเนียร์ : ของพี่อันนี้ของพี่ คือโดนปักเข้านี่เลย ไนซ์ : แล้วม้วนตายไง มิวอ้อน : ผมเป็นผีคิ้วบากจนตายครับ ภูมิ : คือเขาเป็นคนชอบบากคิ้วแต่อันนี้น่าจะบากแรงไปหน่อย 55555 ก็เลยโดนเส้นเลือดใหญ่ตายไปเลย แทด : ส่วนผมเป็นผีหมูเด้งครับ….เอ้าเงียบเลย 5555 ไนซ์ : ต้องมีภาพประกอบด้วย แทด : คือที่เห็นบากตรงเนี้ย เพราะหมูเด้งมันซนไงแล้ววิ่งไปชนไหล่ม้วน ช่วงนี้เขาเล่นฟิตเนสเยอะมันแข็งง จมูกแตกเลยครับผม เออร์วิน : เออร์วินเป็นผีโดนรุมกระทืบครับ โดนแอทลาสรุมกระทืบเพราะว่าชอบแกล้งพี่ ๆ แต่แผลน้อยเพราะว่าเขาเน้นคนละส่วนครับ พี่ภูมิจะเน้นศอกผมอะไรเงี้ยอ่ะงง 5555 ไนซ์ : ซ้ำใน ๆ ภูมิ : ส่วนผม relate กับชีวิตจริงนะ ตาแดงด้วย จูเนียร์ : ต้องซื้อยาหยอดตามาให้ 5555 แทด : ฟีลแบบตาอักเสบอยู่ ภูมิ : ไม่ตอนเด็กอ่ะ ผมเคยโดนชิงช้าฟาดปากเคยเล่าไปแล้ว มิวอ้อน : อ่าวแล้วไมตาแดงอ่ะ เออร์วิน : แล้วตาแดงมาจาก กินน้ำพริก ภูมิ : 555555 กินน้ำพริกตาแดง ชอบกินเยอะไปหน่อย อ่ะพี่เจ็ท เจ็ท : เป็นแวมไพร์ครับ ATLAS : เฮ้ยยย แทด : เขามาหล่อเลยอะ เจ็ท : คือเสื้อเชิ้ต สร้อยแล้วทรงผมมันต้องแวมไพร์แล้วป่ะ ไนซ์ : ดูคิดมาที่สุดแล้วคนนี้ 5555รางวัล “เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดของเอลิส” จูเนียร์ : เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดของเอลิส ภูมิ : คือเอาจริง ๆ ประโยคนี้ผมพึ่งพูดไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว พึ่งพูดไปในไลฟ์หรือว่าในสักที่แบบว่าเอลิสเหมือนเชื้อเพลิงให้เรา เพราะว่าจะมีหลายครั้งที่แบบเหนื่อยอาจจะแบบทะเลาะกันเองบ้าง เหนื่อยจากการซ้อมบ้างแต่พอเรารู้ว่าเราทำไปเพื่อใครมีเอลิสรอที่จะดูผลงานเราอยู่ มันทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมันทำให้เรามีแรงขึ้นในวันที่เราเหนื่อยครับ ใช่ผมก็เลยพูดประโยคนี้ออกไป เออร์วิน : for interfan ด้วย ภูมิ : Thank you แทด : Thank you เลยเหรอ 5555 ไนซ์ : Thank you very much so much เออร์วิน : Thank you for The gas ภูมิ : Thank you for The gas นะครับ 55555Passion ของแต่ละคนที่ทำให้ออกมาใช้ชีวิตในแต่ละวัน ไนซ์ : จริง ๆ Passion ของไนซ์ในแต่ละวันไม่มีอะไรมากครับ แค่รู้สึกว่าวันนึงเราต้องทำไรแล้วเรารู้สึกว่ามันคืบหน้ากับตัวเองไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเราแบบซ้อมเต้น สมมุติซ้อมเต้นจำท่านี้ไม่ได้วันนี้ต้องจำได้ เมื่อวานเราร้องยังไม่ชอบโทนนี้ของตัวเอง วันนี้จะต้องร้องให้มันดีขึ้น อาจจะยังไม่ต้องได้มากก็ได้แต่ว่าอย่างน้อยมันต้องมีอะไรที่คืบหน้าในทุก ๆ วัน ใช่ผมก็เลยใช้มายเซ็ทนี้มาอยู่เรื่อย ๆ แล้วมันก็จะเป็นมายเซ็ทที่ไม่ได้กดดันตัวเองมากจนเกินไป เพราะว่าถ้าเกิดเราแบบเอ้ยต้องได้ ๆๆ มันจะเครียดมันจะกดดันเราก็เลยรู้สึกว่าค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า มิวอ้อน : ครับผม Passion ในแต่ละวันช่วงนี้ผมส่วนมากผมจะเป็นเรื่องอนาคตมากกว่าว่า แบบผมอยากเป็นผู้ชายแบบไหนเราอยากแบบโตมาเป็นผู้ชายแบบไหนอะไรเงี้ย ผมก็อยากทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มันจะช่วยให้เราไปถึงจุดนั้นมากขึ้น อย่างแบบ วันละ 1% ก็พออะไรเงี้ย อย่างเช่นเหมือนเราอยากเป็นผู้ชายที่ดูแลครอบครัวได้ อยากเป็นผู้ชายที่สุขภาพแข็งแรงเหมือนแบบผมอ่ะ อยากอายุ 45 แล้วก็ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ผมแบบไม่ได้อยากมีปัญหาที่จะต้องเข้าหาหมอบ่อย เพราะเหมือนบางทีเรามีผู้ใหญ่ในบ้านที่เขาสูงอายุหน่อย เขาก็มีปัญหาผมเลยรู้สึกว่า เฮ้ยมันแบบถ้าเราเริ่มดูแลตัวเราได้เร็วกว่ามันอาจจะเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วก็เรื่องแบบไฟแนนซ์ แล้วก็การกูแลตัวเองในเรื่องทุก ๆ อย่าง ผมแค่อยากเป็นผู้ชายที่ดีสำหรับอนาคตครอบครัวผมในอนาคตครับผมแล้วก็สำหรับตัวเองครับ ไนซ์ : คือ 45 สุขภาพยังดียังไม่เข้าโรงบาล 24 นี่เข้าบ่อยมาก 5555 เออร์วิน : โอโห้รอดถึง 30 ก็บุญแล้ว จูเนียร์ : Passion ที่ทำให้ออกมาใช้ชีวิตในแต่ละวัน ของผมแค่ง่าย ๆ เลยครับ ผมแค่ตื่นขึ้นมาหาความสุขให้ตัวเองก่อนอย่างแรก 1 อย่าง คือผมจะหาความสุขให้ตัวเอง 1 อย่างในทุก ๆ เช้า เพราะรู้สึกว่ามันจะทำให้ทั้งวันของเรามันมีความสุขไปด้วย เช่น ตื่นมากินอะไรอร่อย ๆ ตื่นมาเข้าฟิตเนสแค่แบบในที่ที่เราชอบอยากไปอะไรอย่างเงี้ย ใช่ครับผมก็อะไรประมาณนั้นเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วผมรู้สึกว่ามันให้ทั้งวันของผมมันมีความสุขและก็สนุก แล้วเต็มที่กับมันได้ทั้งวัน ไนซ์ : เพราะว่าเริ่มให้ถูก 5555 ภูมิ : Passion เหรอครับอาจจะฟังดูเลี่ยน แต่ว่าจริง ๆ สำหรับผม ผมว่าเพื่อน ๆ ในวงนี่แหละครับผม ก็ปมถือรางวัลแล้วอะเนอะ 555 ภูมิ : ผมจะบอกว่ารางวัลอันนี้ใช้ได้กับทุกคนเลยนะ ผมรู้สึกว่าการที่จะทำให้ชีวิตเราเป็นไปได้อย่างที่เราคิด เราต้องเอาตัวเองไปอยู่ในสังคมที่เขาคิดแบบเรา ผมรู้สึกว่าการอยู่ในวงแอทลาสครับ อยู่กับเพื่อน ๆ ที่เรามี Passion ตรงกัน มีเป้าหมายตรงกัน อาจะมีไม่ตรงบ้างในบางครั้งแต่ว่าโดยรวมมันไปทางเดียวกันอย่างเงี้ย มันทำให้เราแบบมีแรงให้เห็นภาพอนาคตเราชัดขึ้น เวลาเราตื่นมาเปิดในไลน์กลุ่มเจอคลิกเต้นเรา เราเฮ้ยเมื่อวานเราเต้นอันนี้แบบนี้นะ เอ้ยงานนี้ดีนะแฟนคลับ ชอบนะโชว์นี้ ชอบนะเวอร์ชั่นนี้ ชอบนะมันทำให้เรารู้สึกแบบอุ๊ยมันมี Passion ช่วยกันดันไปข้างหน้า ก็ฝากทุกคนนะครับผม อยากอยู่ตรงไหน ให้เอาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น แทด : ผมก็จะตอบคำตอบเดิม คืออย่างแรกจริง ๆ Passion แรกของผมเลยก็คือเอลิส แหละครับผม เวลาได้ขึ้นเวทีไป ได้โชว์ performance ได้เต้นได้ร้องให้กับเอลิส ได้แชร์บรรยากาศนั้นคือ Passion แรกของผมอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดต้องเลือกอย่างอื่นก็คือ การได้ไปทำงานทุก ๆ วันกับพี่ ๆ 6 คน คือหลัง ๆ เนี่ยผมชอบจินตนาการเล่นอะไรเงี้ยว่าเออถ้าเกิดวันนึงเราแบบเราต้องมาทำงานคนเดียวเป็นยังไงวะหรือว่าสมมุติวันนี้เราต้องงถ่ายงานนี้คนเดียวหรือถ่ายแบบนี้คนเดียวจะเป็นยังไง รู้สึกเหงามาก ๆ รู้สึกว่าทุกวันนี้เราใช้ชีวิตแบบอยู่กับพี่ ๆ เรา Enjoy ทุกโมเมนต์ให้ดีที่สุด เราออกไปทำในสิ่งที่เรารักด้วยกันกับอีก 6 คนแล้วมันก็รู้สึกไม่เหงาดีก็รู้สึกว่าทุกวันนี้ก็ตาม Passion นี้ไปตลอดครับ ไนซ์ : แทดก็ออกงานเดี่ยวบ่อยนะ 55555 เออร์วิน : สำหรับผมจริง ๆ เป็นคนถามที่ยากมาก เพราะว่า Passion ผมไม่ค่อยมี Passion เท่าไหร่ครับถามพูดตรง ๆ ใช่ก็อย่าง Passion แรกและ Passion เดียวที่ทำมาเสมอและคิดมาเสมอก็คือการเป็น ATLAS การทำเพลงให้เอลิสแล้วก็คนฟังคนอื่นฟังอะไรเงี้ยครับ มันก็คือเป้าหมายสูงสุดของเราละในช่วงชีวิตนี้ พอให้คิดถึง Passion อื่นผมก็พยายามนั่งนึกถ้าจะตอบคงตอบเหมือนพี่จูแล้วกันว่าแค่ตื่นมาแล้วเห็นตัวเองยิ้มก็โอเคละ มีความสุขในทุก ๆ วันผมว่าก็เป็นเรื่องที่ดีแล้วเพราะว่าเวลาเรามาเจอแอทลาส มันคือพื้นที่ปลอดภัยของเรา เรามีความสุขแต่เวลาเราอยู่คนเดียวเราก็อยากให้ตัวเองยิ้มเยอะ ๆ มีความสุขกับตัวเองเยอะ ๆ ประมานนี้แล้วกัน เจ็ท : ผมว่าผมอยากแยกออกมาในเชิงแต่ละวันกับในแต่ละช่วงละกัน เพราะว่าถ้าแบบเป็นในแต่ละวันผมจะรู้สึกว่าของผมมันจะเป็นอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นพวกแบบว่าวันนึงอยากที่จะอย่างน้อยรู้อะไรมากขึ้นมั้งในส่วนของวันนี้อาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ได้อาจจะเป็นเรื่องที่มันแบบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราขนาดนั้นแต่แค่เราได้รู้ว่า เอ้ยอ๋อมันคืออย่างงี้นะแบบเราแค่เรียนรู้สักอย่าง 2 อย่างต่อวัน ผมว่ามันก็เป็นแบบ Happiness นึงที่ผมรู้สึกว่ามันทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ ผมรู้สึกว่าทุกคนบนโลกทุกคนเรียนรู้ทุกวันอยู่ละแต่ว่าบางคนแค่อยากจะไม่ได้จับจุดว่า คุณกำลังเรียนรู้อยู่แต่ผมก็รู้สึกว่าผมอยากโฟกัสในจุดอันเนี้ย มันคือ Happiness ของผมคือผมเรียนรู้ 1 อย่างต่อวันอะไรเงี้ยก็ Happiness CD แล้วก็ในเชิงของ Passion โดยรวมก็รู้สึกว่า Passion ที่ทำให้ไปข้างหน้าก็คือการที่ได้อยู่เป็นแอทลาสได้เป็นศิลปินนี่แหละ เพราะสำหรับส่วนตัวผมนะ ผมไม่รู้ว่าผมจะได้อยู่ในวงการหรือว่าได้อยู่กับเพื่อน ๆ หรือได้ทำสิ่งนี้ไปอีกนานแค่ไหน พูดตรง ๆ เลยไม่รู้จริง ๆ แล้วก็รู้สึกว่าอยากจะ Enjoy ดื่มดำกับบรรยากาศนี้ให้ได้มากที่สุด ให้ได้มากที่สุดให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ถ้า ATLAS จะพาคนที่รักไปเที่ยว ภูมิ : จริง ๆ ผมมีได้ทำแล้วบางครับ คือใรแต่ละปีผมพยายามจะตั้งแบบตั้งจุดหมายไว้ว่าในปี ๆ เราทำอะไรบ้างอย่างปีนี้ตั้งใจจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะว่าเขาก็ไม่ได้ไปนานแล้วเราก็จะตั้งไว้ว่าแบบโอเค เราจะรีบตั้งใจทำงานแล้วเก็บเงินพาพวกเขาไปเที่ยว พอพาไปเราก็สบายใจก็ดีใจที่เห็นเขาไปด้วยเงินของเราเองที่เราตั้งใจทำงานเอง เจ็ท : ผมมีชัดเจนมากมันเป็นแบบ 1 อย่างที่ผมอยากจะไปด้วยผมอยากจะไปอเมริกา ผมอยากไปดู NBA มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็กอยู่แล้วคือ อันนี้สำหรับผมอันนี้คือความอยากส่วนตัวอยากไปอเมริกาอยากไปดู NBA แล้วก็อยากไปดูกับคนที่เรารักแค่นั้นเลยแบบ Simple มากแต่ว่ามันยากมากที่จะไป แทด : พูดจริงนะพี่ ตั้งแต่เด็กผมอยากไปเหมือนกันเหมือนพี่เจ็ทเลยแต่ว่าแบบเวลามันจะเป็น seasonsบาส มันจะเป็นช่วงที่เราเรียนอยู่พอดีก็แบบปิดเทอมไปไม่ได้ เจ็ท : ผมดูแล้วผมขนลุกเลย เพราะผมอยากไปมาก เออร์วิน : อยากพาไปต่างประเทศเหมือนกันครับ อยากพาไปฝรั่งเศสแล้วกันเพราะว่าเป็นที่ที่ผมก็อยากกลับไปเหมือนกันเพราะไม่ได้ไปนานมากแล้ว คิดว่าถ้าไปพาไม่ว่าจะครอบครัวหรือว่าคนที่เรารักก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีก็น่าจะสนุกดี คือคนส่วนใหญ่อาจจะอยากไปแบบว่าปารีสไปเมืองหลวงอะไรเงี้ย แต่ผมจะอยากไปแบบนีซ อยู่ฝั่งใต้ของฝรั่งเศสเป็นทะเลอะไรเงี้ย ผมรู้สึกว่ามันเงียบสงบกว่าโจรน้อยกว่า เพราะที่ปารีสมันก็โจรเยอะกว่า แล้วผมก็รู้สึกว่าธรรมชาติดูดีกว่า แทด : ผมอยากพาไป Road Trip ครับ รู้สึกว่าเป็นคนไม่ชอบเที่ยวแบบเมืองหลวงเมืองใหญ่มากรู้สึกมันวุ่นวายเกิน จะชอบแบบคิดว่าเกิดเราได้ไป Road Trip อย่างเช่น อเมริกา แกรนด์แคนยอนอย่างงี้หรือว่าขับเรื่อย ๆ รู้สึกว่ามันชิวดีแล้วอาจจะแบบเลื่อน TikTok เจอบ่อยที่แบบนอนอยู่หลังรถแล้วมองวิวสวย ๆ รู้สึกว่ามันเป็นบาที่ดีมาก ๆ เลยครับ มิวอ้อน : เป็นความฝันของผมเลย ไนซ์ : มาแล้ว อยากพาไปเจอจองกุก 55555 มิวอ้อน : เฮ้ยไม่ใช่ ใจเย็น ๆ อันนั้นเอาไว้คนเดียว มิวอ้อน : แต่ว่าจริง ๆ ผมถ้าแบบอายุ 40 กว่าแล้วมีครอบครัวแล้วผมแบบอยากพาไปขี่ฮาเล่ ที่แคลิฟอร์เนีย เพราะจริง ๆ พ่อแม่ไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซต์แต่ผมเห็น อควาแมน เจสัน โมโมอา แล้วมันเท่มากผมอยากไว้หนวดแบบนั้นเลย ยาวมากหนวดเขายาวมาก แต่ผมไว้ไม่ได้มันไม่ขึ้น 5555555 ผมว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่สนุกมากเลย เพราะว่า 1 มันไม่ใช่แบบสิ่งที่เราเคยทำแล้วก็ 2 มันก็คือแบบประเทศที่เราไม่เคยไปอยู่ แต่มันแบบน่าจะสนุกมาก จูเนียร์ : ของผมง่ายมาก ๆ เลยครับ แค่แบบวันที่มีวันหยุดวันว่างหรือว่าแบบวันที่เรามีเวลาว่างสักช่วงนึง ผมจะพาคุณแม่ไปทานข้าวครับ ผมรู้สึกว่าอยากใช้เวลาอยู่กับเขาให้มันแบบให้มันได้มากที่สุด คือให้มันได้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ณ ตอนนี้ เพราะว่าเขาก็อายุมากขึ้นทุกวันทุกปีแล้วก็ไม่รู้ว่าเขาจะแบบ Enjoy อาหารได้เหมือนตอนนี้ถ้าแบบในอีก 10 ปีหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ก็เลยมองสั้น ๆ ว่าแบบวันนี้ว่างพาไปทานข้าว วันนี้ว่างพาเขาไปคาเฟ่ไปอยู่กับเขา ถ้าใหญ่ ๆ เลยทุกปีก็ตั้งเป้าว่าจะพาเขาไปเที่ยวไปเที่ยวเหมือนภูมิเลยครับใช่ ไนซ์ : ผมก็ไม่มีไรมากครับแค่รู้สึกว่า ถ้ามันว่างมีช่วงเวลาที่ว่างแค่อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว ไม่ ๆ เพราะว่าตอนนั้นที่ผมก็เคยมีฝันว่าอยากจะพาครอบครัวไปต่างประเทศโดยที่เราออกเงินเองทั้งหมดซึ่งก็ทำไปแล้ว แล้วก็รู้สึกว่าเป็นทริปที่เหนื่อย 5555 คือมันเป็นช่วงว่างที่มันปึ๊บปั๊บแล้ว ผมก็ไม่ได้แบบเช็คสภาพอากาศไม่ได้เช็คแบบว่าฤดูของเขา ดอกมงดอกไม้อะไรเงี้ย แต่ว่าผมก็พาไปดูฟูจิ พาไปเดินช้อป พาไปทุกอย่างที่แบบควรจะไปญี่ปุ่น พาไปนอกเมืองแบบในป่าที่พ่ออยากไปอะไรเงี้ย ซึ้งร้อนมาก เพราะผมไปหน้าที่ร้อนมากแล้วฟูจิที่มันจะเป็นแบบทุ่ง แล้วข้างหลังเป็นแบบฟูจิมีหิมะอยู่ข้างบนอะไรเงี้ย ไม่มีเมฆบัง ดอกไม้ข้างล่างร่วงหมดเลย คือโล้นแล้วร้อนด้วย ผมรู้สึกว่ามันเป็นทริปที่เหนื่อยมากเพราะว่ามันเป็นทริปที่ตกรถ อาหารก็ไม่ได้แบบรีเซิร์ชไว้ก่อน ก็มีถูกใจบ้างเฉย ๆ บ้างกลาง ๆ บ้างเลยรู้สึกว่ามานั่งคุยกันกับพ่อกับแม่ พ่อผมก็ไม่ได้อยากที่จะไปไกลแต่ว่าเขาเห็นว่าผมอยากพาเขาไปเลยโอเคมาด้วย คือเขาก็แค่แบบว่าจริง ๆ แบบอยากอยู่ในประเทศไทยใกล้ ๆ อยากไปใกล้ ๆ อะไรอย่างงี้ก็ได้แล้วก็แค่แบบอยู่ด้วยกันก็พอแล้ววันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมมาให้หนุ่มๆ “ATLAS” เล่นกันด้วยชื่อเกมว่า “ATLAS 7 ผีมหัศจรรย์”บอกเลยว่าสนุกสนาน ตลก เฮฮากันสุดๆ (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “ATLAS” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ATLAS” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แฟนๆกันก่อนเข้านอน ฝากซิงเกิลใหม่ล่าสุด “ฉันคนเก่า ( Let Me Try Again )” สามารถรับชมได้ทาง Youtube : ATLAS และฝากผลงานในอนาคตที่จะปล่อยออกมาให้ได้ชมติดตามได้ทาง Atlas_official_th รอติดตามกันได้เลยน้าสามารถเข้าไปรับชมกันได้ที่ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

PERSES 5 หนุ่ม Bodyguard สุดเก่งแห่ง T-POP บอกเลยว่าหล่อ จนคว้ารางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “บอดี้การ์ดสุดหล่อ ตัวพ่อแห่งวงการ T-POP” กันเลย

25 พ.ย. 2024

PERSES 5 หนุ่ม Bodyguard สุดเก่งแห่ง T-POP บอกเลยว่าหล่อ จนคว้ารางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “บอดี้การ์ดสุดหล่อ ตัวพ่อแห่งวงการ T-POP” กันเลย

รายการ EFM FANDOM LIVE [24 ตุลาคม 67] คืนนี้ต้อนรับ 5 หนุ่ม T-POP อย่าง “PERSES” พร้อมซิงเกิลใหม่ล่าสุด “Bodyguard” โดยพูดคุยกับ 2 ดีเจสาวสวย “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”ในช่วงแรงของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดโหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “บอดี้การ์ดสุดหล่อ ตัวพ่อแห่งวงการT-POP” บางคนเห็น PERSES ผ่านๆ อาจจะคิดว่าวงนี้คงมีแค่ความหล่อ แต่เดี๋ยวก่อนจ้ะคุณผู้แชม… ลองมาฟังเพลง มาดู performance ลูกๆเราก่อนจ้า แล้วคุณจะเข้าใจคำว่า “ตัวพ่อ” แห่งวงการ T-POP เพราะพี่แกเต้นโคตรเก่ง ร้องโคตรดี วาไรตี้ขำจนแทบขิต ถ้ายังไม่เชื่ออีก รบกวนไปเปิด MV เพลง Bodyguard ดูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!!An attractive bodyguard and the King of T-POP Some may mistakenly believe that PERSES is all about good looks at first glance. But just give their songs and performances a chance. You’ll quickly see why they’re considered the “kings” of T-POP – their dance moves are amazing, their vocals are top-notch, and their humor is so entertaining it’s impossible not to love. Still not convinced? Check out the Bodyguard music video now and see for yourself!2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “บริกรตัวร้ายกับนายปลาตะเพียน” ที่มาจากท่อนฮุคของเพลง Bodyguard ที่ร้องว่า ‘Bodyguard Bodyguard ทราบแล้วเปลี่ยน ทราบแล้วเปลี่ยน’ แต่ด้วยทำนองเพลงที่อินเตอร์ทำให้ใครหลายๆคนฟังเพี้ยนกันไปต่างๆนาๆว่า ‘บริกร บริกร ปลาตะเพียน ปลาตะเพียน’ ทำให้ Comeback ที่แสนจะเท่จากพี่ Bodyguard กลายเป็น น้องปลาตะเพียน แล้ว PERSES ก็แมสแต่อะไรแบบนี้The villain waiter and Mr. Carp. It originates from the chorus of the tune Bodyguard that goes, “Bodyguard Bodyguard, acknowledging that, acknowledging that.” Even though the tune has a widely recognized melody, many have misunderstood the lyrics, hearing it as, “Waiter, Waiter, Carp, Carp,” leading to a fun twist from the Bodyguard to the little fish. And that’s how PERSES rose to fame!3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Prince of Bodyguard” อยากมอบรางวัล Prince of Bodyguard ให้กับ PERSES ค่ะ เพราะว่าเพอร์เซสเปรียบเสมือนเจ้าชายแห่งองครักษ์ค่ะ เป็นองครักษ์ที่คอยปกป้อง ดูแล ห่วงใย Pieces อยู่เสมอ การมีอยู่ของเพอร์เซสมันทำให้พีซเซสอบอุ่นใจ สบายใจ เป็นยาใจชั้นดีเลยค่ะ เพอร์เซสสำหรับเราคือเจ้าชายจริงๆค่ะ ไม่ใช่แค่เพราะว่าเขาหล่อกันมากๆนะคะ แต่พวกเขายังดีพร้อมไปด้วยทัศนคติ มุมมองทางสังคม การเป็นกระบอกเสียงในเรื่องต่างๆ ความน่ารักที่มีต่อแฟนคลับเสมอมา ถ้าเขาไม่ใช่ศิลปิน เราไม่ใช่แฟนคลับ เราจะหากันเจอได้ยังไงเจ้าชายของพีซเซสThe Prince of Bodyguard. I would like to present the PERSES with the Prince of Bodyguard award because PERSES embodies the essence of a royal bodyguard. Always watching over, caring for, and comforting Pieces, PERSES brings warmth and peace to their hearts. He is like a soothing balm for our souls, a true prince in every sense of the word. Not only is he strikingly handsome, but his demeanor, social consciousness, eloquence in various matters, and unwavering kindness towards his fans make him truly remarkable. Witho4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ชายแกร่งแห่งความมืดพิทักษ์ Pieces” ท่ามกลางโลกที่มีแต่ความโกลาหลนี้ ได้ถือกำเนิดเหล่าผู้พิพักษ์ความยุติธรรมบนโลกให้แก่ Pieces 5 คน 5 หนุ่ม 5 สไลต์นี้เป็นตัวแทนจากชนชั้นแรงงาน ที่แข็งแกร่ง เป็นไอ่หนุ่มนักกล้าม เป็นหัวหน้าแกงค์โจร (ถึงร้ายแต่ใจดีกับเด็ก) เป็นกระบอกเสียง เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ต่างคนต่างที่มาแต่ทุกคนมีใจเดียวกัน คือการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ Pieces พวกเราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า Bodyguard // ทราบแล้วเปลี่ยนThe powerful figure in the shadows is the guardian of Pieces. In this busy world, there are 5 justice keepers for Pieces – 5 individuals with unique styles who are the voice of the working class. These men are tough, muscular, and leaders of gangs (although they may be rough, they are kind to children), serving as advocates and protectors for her. While they come from different backgrounds, they share the same goal: seeking justice for Pieces. We affectionately refer to them as the Bodyguards // I know, I’ll change.ut his artistry, we would not have found our community of Piece’s princes.5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “มนุษย์เหล็กเคลือบทองคำแห่งชาติ” เพลง Bodyguard นี้เป็นเพลงที่ใช้ขาเยอะมาก และมีท่าบีบอยผสมผสานอยู่ด้วย แล้วเพลงนี้เต้นทุกบีทไม่มีให้หยุดหายใจ ขาที่เห็นไม่ใช่ขาจริงแต่เป็นเหล็กที่แข็งแกร่ง องศาการแอ่น องศายกเเขน คือเป๊ะและพร้อมกันทุกทวงท่าและบาดี้ กระดูกเบอร์เดียวกันไม่เกินจริงThe National gold-Plated Iron Man The song Bodyguard features a blend of b-boy moves and intricate leg work, dancing seamlessly to the beat without missing a step. The legs may appear to be made of strong steel, perfectly bending and lifting in harmony with each pose. Every detail is authentic and precise, creating a captivating performance.ถึงเวลาที่ PIECES รอคอย! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการเรามาพูดคุยกับหนุ่ม ๆ “PERSES” กันดีกว่า...รางวัล “บอดี้การ์ดสุดหล่อ ตัวพ่อแห่งวงการT-POP” จั๋ง : ขอบคุณสำหรับรางวัลหน้าตาดีนะครับ เน ปลั๊กกี้ : ไม่ใช่ ไม่ใช่ ปลั๊กกี้ : รางวัลชื่อบอดี้การ์ดสุดหล่อ ตัวพ่อแห่งวงการT-POP จั๋ง : ก็ขอบคุณ พีซเซส แฟนคลับทุก ๆ ท่านนะครับผม ที่ยกย่องให้พวกเราเป็นตัวพ่อแต่ว่าพวกเรายังเป็นลูกอยู่นะครับผมก็ยังเฟรชใหม่เสมอ แต่ขอบคุณสำหรับรางวัลนะครับผม PERSES : ขอบคุณครับตัวแทนบอดี้การ์ดที่จะปกป้อง PERSES ให้ปลอดภัย กฤติน : ตอบพร้อมกันไหมล่ะ จริงไม่มีใครน่าเป็นบอดี้การ์ดแล้ว มีเหรอ จั๋ง : กฤตินอยากเป็นบอดี้การ์ดใคร กฤติน : ปลั๊ก... ปลั๊กกี้ : กี้ ก็พูดมาเหอะ กฤติน : ปลั๊ก….กี้ 5555 จั๋ง : เนอยากเป็นบอดี้การ์ดใคร เน : ปาล์ม เพราะว่าเขาดูแลตัวเองได้เราจะได้ไม่ต้องทำงาน กฤติน : ไม่ เพราะปลั๊กกี้มันเป็นคนแบบว่า เป็นตัวหนูน้อยไงเป็นฟีลแบบ โดนฝนไม่ได้ แดดไม่เอา ฝุ่นไม่เอา ปลั๊กกี้ : ป่วยง่าย กฤติน : ป่วยง่าย ตื่นไม่ไหวอะไรอย่างงั้น อันนี้เรื่องจริง ไม่น้องเป็นฟีลเรียนหนักไง อย่างเมื่อคืนไปออกกองมา…. น้องก็แบบพยายามตื่นไปเรียนไรอย่างเงี้ย ออกกองรายการใช่ 5555 ปลั๊กกี้ : ใช่ครับ เน : เรียนเช้า กฤติน : เออเรียนเช้า แล้วน้องก็ต้องตื่นไป จั๋ง : ปาล์มสอบด้วย ปลั๊กกี้ : ผมรู้สึกว่า เอาจริงไม่ค่อยเหมาะกับการเป็นบอดี้การ์ด แต่ว่าถ้าจะตอบขอตอบตัวเองได้ไหมครับ จะพยายามปกป้องตัวเองถึงแม้ว่าตอนนี้ทำไม่ค่อยได้เท่าไรแต่ว่าก็จะพยายามครับ พี่จั๋งล่ะครับ จั๋ง : บอดี้การ์ดให้กฤตินครับ กฤติน : ห้ะ!!! ปลั๊กกี้ : แต่ว่าคนนี้มัน.... จั๋ง : ไม่ แต่ว่าคนนี้เขาก็แพ้ฝุ่น แพ้แดดเหมือนกันไง เขาก็ต้องการร่มเงา กฤติน : หนูก็แพ้ 5555 จั๋ง : แพ้ฝุ่น แพ้แดด ตื่นสายด้วยนะช่วยปลุกได้ กฤติน : เอาง่าย ๆ นะ อันนี้อยู่ Category เดียวกัน 5555 ปลั๊กกี้ : แดดไม่โดน ฝนไม่เอา 55555 ปาล์ม : พี่จั๋งละกัน เพราะว่าเขาดูเป็นคนที่แบบเจ็บเข่าบ่อย กฤติน : อุ๊ย! ปาล์ม : ร่างกายเขาแบบอาจจะแบบเจ็บเข่าบ่อย เราจะได้ดูแลเขาไง กฤติน : ทำไมถึงเจ็บเข่าเพราะอะไรปาล์ม จั๋ง : ทำหน้าที่เป็นบุรุษพยาบาลเหรอ 5555 ปาล์ม : คอยดูแลไง เพราะเขาเป็นคนที่แบบคอยดูแลวงอะไรอย่างงี้ จั๋ง : ฮู้ยย ตอบดีซะด้วย เอารางวัลไปเลย จั๋ง : เนไม่มีใครเป็นบอดี้การ์ดเลย กฤติน : โอ๊ยยย ไม่ต้องดูแลหรอก ปาล์ม : พี่เนเขาดูแลตัวเองได้ ปลั๊กกี้ : เขาไม่น่าจะอยากได้บอดี้การ์ดด้วย เขาแบบอินโทรเวิร์ต กฤติน : เขาอยากอยู่คนเดียว จั๋ง : เขาคงอึดอัดถ้ามีบอดี้การ์ด ปลั๊กกี้ : แล้วก็ขี้เกรงใจ อาจจะเป็นฟีลแบบพี่กลับบ้านไปเหอะครับ กฤติน : เขาคงเทคแคร์บอดี้การ์ดเองจากบอดี้การ์ดสุดเท่กลายมาเป็น “บริกร” “ปลาตะเพียน” “จาจังเมี่ยน” จั๋ง : มีเซนต์คาเบรียล 55555 กฤติน : ถูกเซนต์คาเบรียล แล้วก็ไรอีก ปลั๊กกี้ : มีเป็นขี้กาก เป็นขี้กาก กฤติน : มีอะไรอีก ปาล์มไปเรียน ปาล์มไปเรียน เน : รามเกียรติ์ 55555 ปาล์ม : เดอะเบส 5555 กฤติน : เป็นฟีลไปเรื่อยเลยคนไทยเรานะครับ ขอบคุณมากที่สร้างสรรค์Bodyguard ฝึกซ้อมมากว่ากันมากกว่าสี่หมื่นชั่วโมง!!! PERSES : อุ๊ย!! กฤติน : นอกจากสี่พันแล้วมีสี่หมื่นด้วย จั๋ง : พวกผมอายุเท่าไหร่นะครับ 555 เน : สี่หมื่นนี่กี่ปีนะครับ กฤติน : ตอนนี้คงมากกว่าสี่พันไปแล้ว ปลั๊กกี้ : ใช่ หมายถึงว่าจริง ๆ เราจะพูดกันตั้งแต่เดบิวต์เลย ว่ามันแบบการเทรนนิ่งของเรามันคือโปรแกรมเทรนแบบผ่านการเทรนมาสี่พันชั่วโมงอะไรอย่างเงี้ยครับ ใช่ไหมครับพี่จั๋ง จั๋ง : ใช่ครับ 5555 ปลั๊กกี้ : เป็นบทของพี่จั๋งในช่วงแบบเดบิวต์อะไรเงี้ย จั๋ง : ใช่ครับคือในสคริปต์ เขาจะเขียนเลยครับว่า คือเขาคำนวณมาให้แล้ว ว่าเราเทรนมาเท่าไหร่ประมาณสองปีว่าพวกเรา PERSES ฝึกกันมาเป็นเวลาสี่พันชั่วโมง พร้อมกับหลักสูตรเข้มข้นแล้วมีการตัดออกด้วยอันนี้คือตอนแรก กฤติน : ถ้าตอนนี้คงแปดพันเกินแปดพันเก้าไปแล้ว ตอนนี้เยอะกว่าตอนนั้น จั๋ง : ตอนนี้หมื่นกว่า ๆ กฤติน : ใช่เพราะตอนนี้เยอะกว่าตอนนั้น เน : แต่สำหรับเอ็มวีนี้ เราก็มีแบบเรียนพื้นฐานของบีบอยกับคอนเท็มโพรารี่แจ๊สครับผม เพื่อมาแบบมาใช้ในเอ็มวีนี้Performance หัวไหล่ตูดของเจ้าปลั๊กกี้ ปลั๊กกี้ : อ๋อออออ มันมีอันนึงเหมือนแบบว่าเขาแบบไปถามว่า ขายเสื้อกล้ามหน่อยได้ไหม ขายเสื้อกล้ามที แล้วก็มีคนไปตอบแบบด้วยความหวังดีว่า แอพส้มน่าจะมีนะคะ 55555 แล้วทีนี้ไอ่คนที่เมนต์ก็บอกว่า ขายคนค่ะไม่ใช่เสื้อกล้าม 55555 กฤติน : คือในวงการ การขายคือฟีลแบบว่าไหนบอกหน่อยสิเขาเป็นใคร ไหนบอกหน่อยเราอยากรู้จักอะไรเงี้ย จั๋ง : ดียังดีไม่มีคนมาแปะลิงค์เพิ่ม กฤติน : นั่นแหละ คนไทยไปเรื่อยไวรัลเลยนะครับผม ช่วงนี้เขามาไงช่วงนี้เขามายินดีกับการครบรอบสองปี PERSES PERSES : กันยาใช่ครับ สองปีแล้ว ปลั๊กกี้ : ก็เป็นไงบ้างครับปาล์ม ปาล์ม : ครับก็ในสองปี เหมือนแบบผ่านอะไรมาเยอะมากเลย ทำหลายอย่างมากทั้งเรียนเต้น ออกงาน ผมคิดว่าช่วงแรก ๆ เราอาจจะแบบประสบการณ์น้อยมั้งครับ แล้วอาจจะเห็นพวกเราแบบเกร็ง ๆ บ้างแต่พอแบบเราผ่านงานอีเว้นท์ งานคอนเสิร์ตเรื่อย ๆ เราก็แบบเก็บประสบการณ์มาเรื่อย ๆ จนแบบ อัลบั้มสองนี้เรารู้สึกว่าเราโตขึ้นมั้ง โตขึ้นในหลาย ๆ อย่างทั้งความคิดแล้วก็แบบการอยู่บนเวทีครับ แบบเชี่ยวชาญมากขึ้นครับขอบคุณที่ซัพพอร์ต 3 PERSES รักมัมหมี PIECES ทุกคนนะครับบบ ปาล์ม : ก็อยากบอกเหมือนเดิมนะครับบอกทุกงานนะครับ รักนะครับแล้วก็รักต่อไปนะครับคาแรคเตอร์กับประเด็นทางสังคมใน MV Bodyguard ปลั๊กกี้ : ไม่ได้มีโอกาสเลือกเลยครับ 5555 จั๋ง : เขาน่าจะดูจากคาแรคเตอร์ กฤติน : ดูจากคาแรคเตอร์ได้เลย ว่าไม่มีใครได้เลือกเลยนะครับ กฤติน : ครับผมคนเข็นผัก 5555 ปลั๊กกี้ : ใส่ที่บล็อกหลัง 55555 กฤติน : ตามคาแรคเตอร์ไง เพราะว่าคนเข็นผักปกติเขาจะต้องมีที่บล็อกหลัง แต่ว่าเราเป็นบล็อกแบบแกรมเราใส่นี่ไง คอร์เซ็ทเป็นการบล็อกแทนแล้วก็กางเกงรัด ๆ ที่เดินยาก ๆ อะไรเงี้ยไม่เป็นไร ปลั๊กกี้ : แล้วเป็นคาแรคเตอร์ไรครับ กฤติน : เป็นคนขายผักที่เป็นลูกแม่ค้าที่เป็นโจรแต่เป็นโจรแบบ โรบินฮูด เป็นโจรคนดี โจรที่ช่วยเหลือผู้คนมากมายนะครับ ผมแบบปิดทองหลังพระ เป็นฟีลนั้นเป็นคนดี ปาล์ม : ผมเป็นแบบนายช่าง อ็อกซ์เหล็ก อะไรพวกนี้ครับ ปลั๊กกี้ : ไม่ใช่อ็อกซ์เหล็ก ตีดาบตีอาวุธ ปลั๊กกี้ : ส่วนผมคนที่อาศัยอยู่ในโรงงานเย็บผ้า เป็นฟีลแบบว่าเกี่ยวกับอาจจะแบบพูดถึงเรื่องแบบแฟชั่น ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งกองผ้านั้นเป็นโครงม็อคอัพที่มีผ้าจริง ๆ เยอะมากสามารถนอนได้ เน : ในอาชีพแบบว่าแบล็คกราวของผมมันจะเป็นลูกนายทหาร เป็นลูกคนที่แบบมีอิทธิพล จั๋ง : ยืมม้าพ่อมา เน : ใช่ ยืมม้าพ่อมา 5555 เป็นแบบแบล็คกราวแล้วก็ตัวใน MV จริง ๆ เราเป็นแบบเหมือน The Level เป็นตัวแบบคนที่คอยลุกขึ้นมา เพื่อ Speak up เพื่อสิทธิของตัวเอง กฤติน : พี่จั๋งหาเสียง 5555 จั๋ง : ครับผม เป็นแบบว่าเป็นหัวหน้าคนใช้แรงงานครับผม แบบ Represent คนที่ทำงานหาเช้ากินค่ำแล้วก็เรียกร้องสิทธิให้ตัวเองครับ ปลั๊กกี้ : เป็นหัวหน้าแก๊งเพื่อที่ออกมาหาเสียงโลเคชั่นในการถ่าย MV Bodyguard จั๋ง : เอแบค แล้วอีกที่นึงเป็นโรงงานร้างครับ เป็นโรงงานแบบเหมือนเขาทำเรือ กฤติน : ใหญ่มากกกสำหรับเพลงนี้ PERSES ใช้เวลาถ่ายทำทั้งหมดสองวัน... ห่างกันเป็นอาทิตย์ PERSES : ถ่ายสองวันครับ กฤติน : แต่แบบห่างกันเท่าไหร่นะ จั๋ง : อาทิตย์กว่า ๆ ปลั๊กกี้ : มันพังตอนที่ห่างนี่แหละพี่ เพราะว่าเหมือนแบบตอนที่เราถ่ายเซตแรกใช่ไหม มันยังไม่พังมากแล้วพอเราซ้อมเซตสองเงี้ย พี่จั๋งก็เจ็บหนักกว่าเดิม กฤติน : เอ็นฉีกพี่จั๋งทุ่มซ้อมสุดตัวจนเจ็บหนัก จั๋ง : จริง ๆ ไม่ได้เกิดจากในกองนะครับ ก่อนแล้ว PERSES : ตอนซ้อม ๆ จั๋ง : ตอนแบบว่าตอนที่ผู้กำกับเข้ามาดูบล็อกช็อต เขามาดูมุมกล้อง วันนั้นเหมือนทำท่าบีบอยแล้วเอ็นมันฉีก เน : มันอักเสบอยู่แล้ว จั๋ง : มันอักเสบอยู่แล้วด้วย ตั้งแต่งานที่ไปเล่นที่มาเก๊า ปลั๊กกี้ : น่าจะปริอยู่แล้วป่ะ จั๋ง : ใช่ ๆ เสร็จแล้วก็ตัวก็พุงแตกเลย 55555 จั๋ง : แต่ถ่ายทันครับ คือตอนแรกมันต้องถ่าย 16 – 18 แต่ว่าพอเอ็นฉีกปุ๊ป เขาก็เลยเลื่อนให้เป็น 18 แล้วก็อีกถัดไปอีก 2 อาทิตย์ครับ แต่ตอนนี้อาการขึ้น ๆ ลง ๆ นิดหน่อย กฤติน : พึ่งจี๊ด ตอนที่ผมจับขาหน้าห้อง จะนวดขาให้ปึ้ง เอ้าจี๊ดเลยALTERLAND ซิงเกิลคัมแบคเปิดอัลบั้มที่สอง เน : ALTERLAND คือเราเหมือนเล่นคำครับว่าแบบ alter ego มันมาจากคำว่า alter ego ที่เป็นเหมือนแบบตัวตนอีกตัวตนนึงที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ แล้วเราก็เลยเอามาแบบผสมรวมกับคำว่า Land เป็น Alter Land เป็นเหมือนแบบอีกดินแดนนึงที่เราสามารถเป็นใครเป็นอะไรก็ได้ครับเตรียมตัวปล่อยอัลบั้มพร้อมกันถึง 2 เวอร์ชั่น! เน : มี 2 เวอร์ชั่นครับ กฤติน : เกินห้าเพลง ก็คือเพลงต่อไปก็คือจะฟีลแบบว่าเราก็จะไปในโรลอีกแบบโรลนึงที่คนอื่น ๆ ก็ไม่เคยเห็นอะไรเงี้ยครับเป็นแบบหลากหลายสไตล์วันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “PERSES” มาให้เล่นกันชื่อเกมว่า “PERSES ทราบแล้วเปลี่ยน ทราบแล้วเปลี่ยน”แล้วมาดูกันว่าเหล่าบอดี้การ์ด “PERSES” ใครจะทายถูกบ้าง (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “PERSES” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “PERSES” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้กับรายการ และฝากติดตามซิงเกิลใหม่ล่าสุดเพลง “Bodyguard” สามารถรับชมได้ทาง Youtube : gnest_official ฝาก Dance Challenge ใน TikTok และงาน Featival ช่วงปลายปี แล้วก็ผลงานในอนาคตที่จะปล่อยออกมาให้ได้ชมต่อจากนี้รอติดตามกันได้เลยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ที่ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

“หยิ่น - วอร์” 2 นักแสดงนำจาก “JACK AND JOKER ทำไมต้องเป็นเธอทุกที” มาเยือน EFM FANDOM LIVE พร้อมรับรางวัลสาขา “เคมีปีศาจ สะกดทุกสายตา ทำลายทุกขีดจำกัด”

21 พ.ย. 2024

“หยิ่น - วอร์” 2 นักแสดงนำจาก “JACK AND JOKER ทำไมต้องเป็นเธอทุกที” มาเยือน EFM FANDOM LIVE พร้อมรับรางวัลสาขา “เคมีปีศาจ สะกดทุกสายตา ทำลายทุกขีดจำกัด”

รายการ EFM FANDOM LIVE [17 ตุลาคม 67] คืนนี้ เปิดสตูต้อนรับ “หยิ่น - วอร์” พูดคุยเกี่ยวกับซีรีส์ “Jack Joker ทำไมต้องเป็นเธอทุกที” พร้อมอัพเดตพูดคุยกับ 2 ดีเจ “ดีเจแนน และ ดีเจเคเบิ้ล”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดโหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “My Sunshine for mooyoy” เพราะ หยิ่น - วอร์ คือแสงสว่างของหมูยอ ในทุกๆแนวคิด ทุกๆทัศนคติจะทำให้แฟนคลับได้ข้อคิดกลับมาใช้กับการดำเนินชีวิตของตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะระยะสั้นเป็นวันๆ หรือการมองอนาคตไกลในระยะยาว คำพูดที่คอยกลั่นกรองความคิดของแฟนคลับ ทัศนคติที่ให้ข้อคิดดีๆต่อกัน เช่น การเรียนต้องลองมองให้ถึงอนาคตของการทำงาน การใช้ชีวิตต้องไม่เดือดร้อนผู้คนรอบข้าง หรือแม้แต่การวางแพลนในแต่ละวัน sunshine จึงเหมาะสมและคู่ควรแก่การเป็นหยิ่นวอร์ เพราะพวกเขาคือแสงสว่างนำทางในทุกก้าวเดินMy Sunshine for Mooyor Yin-War shines brightly in MooYor, offering fans valuable insights to ponder and incorporate into their own lives, whether it be for the present moment or a brighter future ahead. Their words inspire contemplation, encouraging positive behavior such as planning for tomorrow, being considerate of others, and making the most of each day. Consider YinWar as your guiding light, steering you towards a path of positivity in every aspect of life.2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่อริที่มองตาก็รู้ใจ” เป็นคู่หูที่ตีกันได้เสมอ แต่แค่มองตาก็รู้ว่าอีกคนจะพูดอะไร เป็นพื้นที่ปลอดภัยของกันและกัน ยืนข้างกันแล้วมันอุ่นใจมากกว่ายืนคนเดียวอะเนอะEnemies who know each other well by looking at each other They are like partners who share a deep understanding, able to communicate simply through looks. Being by each other’s side brings comfort and safety, making them stronger together than alone. What a beautiful connection they share, don’t you think?3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Unbreakable Stardust Award (คู่ผงดาวไร้เทียมทาน ที่ไม่มีวันแตกสลาย)” ที่คิดชื่อรางวัลนี้หมายถึงความสัมพันธ์ของหยิ่นวอร์และแฟนคลับหมูยอที่อยู่ด้วยกัน ส่วนความหมายของรางวัลนั้นคือ “Unbreakable Stardust Award (รางวัลคู่ผงดาวไร้เทียมทาน)” หมายถึง คู่ที่เหมือนกับ "ผงดาว" หรือเศษเสี้ยวจากดวงดาวที่ส่องสว่างในจักรวาล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความงดงามและยิ่งใหญ่ แม้จะเล็กแต่ทรงพลัง ไม่มีอะไรสามารถทำลายความสัมพันธ์หรือความผูกพันของหยิ่นวอร์และหมูยอได้ เปรียบเสมือนคู่ที่ไม่มีวันแตกสลาย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ความรักและความสัมพันธ์ของหยิ่นวอร์และหมูยอคงอยู่และเจิดจ้าตลอดไปUnbreakable Stardust Award The Unbreakable Stardust Award is a special recognition that celebrates the unbreakable bond between YinWar and MooYor. This award symbolizes the couple as shining fragments from the stars, representing beauty and greatness. Their relationship is incredibly strong and resilient, nothing can tear them apart.4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เคมีปีศาจ สะกดทุกสายตา ทำลายทุกขีดจำกัด” รางวัลนี้ต้องยกให้ หยิ่น - วอร์ เต้าอั้น!! ที่มีฟิสิกส์ ชีวะ เคมีที่มันเดือดจนเหมือนปีศาจอ่ะ ไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันที่ไหน ทั้งบนเวทีหรือซีรีส์ เคมีของเขาไม่ใช่แค่เข้ากันได้นะ แต่แบบระเบิดทะลุกรอบความธรรมดาไปแล้ว จนทุกโมเมนต์ของทั้งคู่ทำให้สาววายต้องร้อง “โอ๊ยยย! ฟินเป็นไก่ตาแตก เอ้ย นั้นมันจิก” เคมีของทั้งคู่มันดีแบบที่ต่อให้ อ.อุ๊ ยังต้องขอยอมยกธงขาว เพราะมันดีเกินมาก ดีแบบไม่เกรงใจเคมีสักตารางอะตอม บอกเลยว่าเคมีของคู่นี้ไม่ธรรมดา ใครดูแล้วไม่โดนตกจะงงมาก ก็ต้องถามตัวเองว่าดูอะไรอยู่!Devil chemistry which caught all attentions and break all limits. The amazing chemistry between Yin and War is truly remarkable, capturing everyone's attention and pushing all boundaries. Their presence together is like magic, igniting excitement and joy wherever they go. Their connection is so strong that even the toughest critic, Ajarn Au, can't help but surrender to their charm. Their chemistry is unparalleled, leaving you spellbound and wanting more. If you witness their bond, be prepared to be captivated and immersed in their enchanting world!5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “สุดยอดตำรวจ ตรวจจับสาววาย” หยิ่น - วอร์ เป็นคู่ที่ไม่ขายจิ้น ในขณะที่แฟนคลับพยายามโพสต์แนะนำฟิคพวกเขาใน X หยิ่นก็มาเมนชั่นว่า “ผมไม่ได้เล่นสักเรื่องเลยนะครับ” แถมยังลงรูปใน IG ว่าจะกำจัดสาววายให้สิ้นซาก ทางด้านพี่วอร์ก็ชอบแกล้งสาววาย เวลาออกอีเว้นเวทีมีความยาวเท่าไหร่ จะพากันไปอยู่แยกคนละฝั่ง แฟนคลับซื้อเลนส์ wideขนาดไหนก็เก็บ 2 คนได้ไม่ครบ5555555Super police to arrest Y girls. An incredible police force is set to apprehend the lovely Y girls. Yin-War, a charming couple, refuses to sell an imagination. Despite fans' efforts to share their stories on X, Yin admitted, 'I haven't played any of them.' He even shared a photo on IG jokingly mentioning that he would round up all the Y girls. War, on the other hand, enjoys teasing the Y girls. During events, no matter how far apart they are on stage, they always end up on opposite sides. Even with the widest lens, fans can never seem to capture both of them in one shot lol.ถึงเวลาที่ หมูยอ รอคอย! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “หยิ่น – วอร์”กันค่าาารางวัล “เคมีปีศาจ สะกดทุกสายตา ทำลายทุกขีดจำกัด”พวกเราสองคนอวดได้แล้วว่า...ปีนี้ได้รับรางวัลแล้ว วอร์ : ขอบคุณและเป็นเกียรติมาก แบบความพยายามของพวกเรามันบรรลุผลแล้ว ได้รางวัลแล้ว เราก็โม้ได้คือปีนี้เราได้รางวัลแล้ว หยิ่น : เป็นเกลียดมากเป็นเกลียดเกิน 555 ขอบคุณไม่สูญเปล่าครับที่ทำมา คือรางวัลนี้จะบอกว่าเป็นของเราไม่ได้ต้องเป็นของทุกคนบทบาทของ “หยิ่น - วอร์” ที่อยากแสดงด้วยกันจนทะลุขีดจำกัด! วอร์ : เรียกได้ว่าระเบิดขีดจำกัด ส่วนตัวผมตอนนี้ผมเริ่มงอแงแล้วแบบมันทะลุไปเกินขีดจำกัดแล้ว คือด้วยเนื้อเรื่องแหละในสิ่งที่เราไม่เคยทำ แล้วก็คิดว่าไกลตัว แล้วคิดว่าบทแบบพวกเราคิดว่าก่อนอ่านน่ะ ผมเครียดมากเลยว่าจะทำได้หรือเปล่าอะไรเงี้ย เสร็จแล้วก็ทำได้แต่มันก็กดดันแล้วก็เหนื่อย คิดว่าหลังจากนี้ก็อะไรก็ได้ ไม่กล้าจะพูดว่าท้าทายตัวเองเดี๋ยวไปเครียดทีหลัง เอาเป็นสบาย ๆ ดีกว่าครับ หยิ่น : จริงผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันพี่ เพราะว่าโอ้โห คือเรื่องเนี้ยใช้ทุกความสามารถที่มีตั้งแต่เกิดมาจนเข้าวงการใช้ไปหมดแล้ว เขามีมาให้ทุกซีนเลย ตลก ดราม่า แอคชั่น คือใส่มาหมดแล้ว เหลืออะไรอ่ะเหลือหนังผีอ่ะ เออมันหมดละ ละครเวทีมันดูยากมากเลย วอร์ : ละครเวทีสมัยมหาลัยนับไหม หยิ่น : เคยแล้วนี่เคยเหรอ 55555 วอร์ : เคยแต่ว่าเป็น ๆ เขาเรียกว่าไรอะ หน้าม่านไม่ได้มีบทพูดแต่ว่าต้องไปสร้างมู้ดในซีนรางวัล “สุดยอดตำรวจ ตรวจจับสาววาย” แจ้งข้อหาจับสาววาย หยิ่น : ผมจับข้อหาแรกเลยคือ เอาชื่อผมไปหากินครับ แอบอ้างในทางไปเขียนนิยงนิยาย ผมพึ่งรู้แบบก็คือเหมือนพอแจ็คโจ๊กออกไปปุ๊ปก็น่าจะมีคนอยากรู้จักพวกเราเพิ่มอะไรเงี้ย แล้วแบบเขาก็บอกให้ขายหน่อยอะไรอย่างเงี้ย คือต้องพูดอย่างงี้คือผมอะไม่ได้ตั้งใจส่องแต่ว่ามันขึ้นมาคำว่าสำหรับคุณใน X มันเด้งมาเองอัลกอริทึมมันรันมาให้รันของแฟน ๆ อะไรเงี้ย คือผมเล่นไม่ค่อยเป็นหรอก แต่ว่ามันเด้งมาก็เลยอ่าน แล้วก็คือเขาก็ขายเนื้อเรื่องเพียบเลย โหเป็นสิบเรื่องเดี๋ยวนะทั้งชีวิตที่เข้าวงการมาผมเล่นอยู่ 3 เรื่องเอง การที่เขาขายเขาไม่ขายซีรีส์เลยนะ ครั้งหนึ่งที่รักเอย กลรักรุ่นพี่ แล้วไปขายนิยายที่แต่งขึ้นมาเอง เดี๋ยวผมจะแจ้งตำรวจจับจริง อันนี้คือ 1 ข้อหา ใช้ชื่อไปในทางอะไรไม่รู้ หยิ่น : อีกข้อหานึงคือ ไม่กลั่นกรองข้อมูลก่อนครับ เชื่อข้อมูลไปเลยแล้วก็คือ เนี่ยตอนนี้มีใส่ความผมอยู่ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นะเนี่ย ผมแจ้งไปหาอีลอนมัสก์นะ เขาพึ่งจะลงจอดกระสวยได้สำเร็จแต่ว่าผมจะแจ้งให้เขาแบนแอคแฟน ๆ ให้หมด มีข้อมูลเป็นเท็จ คือตอนนี้กำลังเป็นประเด็นเลยเขาบอกว่าผม อิมโพรไวซ์ เอาหัวไปจุ่มพี่วอร์ เอางี้ผมแถลงก่อน คือต่อจากเนี้ยคุณจะฟินอันนี้ยินดีครับแต่ว่าตอนนี้ผมขอแถลงความจริงก่อน คือผมไปสืบต้นเรื่องมาต้นเรื่องเขาบอกว่านักเขียนบอกว่า 3 สิ่งที่ อิมโพรไวซ์ ก็คือมี ผมเวลาเครียดก็จะชอบมองข้างบนกับตัวพี่วอร์จะแซวเรื่องหน้าม้า กับอีกอันนึงคือเอาหัวไปจุ่มซึ่งอันนี้ผมต้องแย้ง เรื่องหัวไปจุ่มไม่ใช่มันไม่ได้อิมโพรไวซ์มันคือผู้กำกับสั่งมาผมก็ทำตามอันนู้น แต่ว่าถ้าเกิดบอกตามความเป็นมืออาชีพเลยนะผมต้องบอกอยู่ 3 ข้อ คือ 3 สิ่งที่อิมโพรไวซ์ไม่ได้เลย หนึ่งคือ แอคชั่นห้าม กับสองคือ เลิฟซีน สามคือ เซ็กซีน ทั้งหมดห้ามเพราะว่าอันนี้คุณอาจจะยินดีนะเพราะว่ามันเป็นคู่หยิ่นวอร์ แต่ลองนึกภาพผมเล่นกับพี่มันอาจจะสร้างปมในใจต่อพี่ก็ได้ เพราะฉะนั้นมันต้องถูกซักซ้อมมาอันนี้แง่จริงจังแต่ถ้าเกิดแง่ขำ ๆ อันนี้ฟินต่อได้เลยครับพี่ ๆ จริง ๆมัน เซนซิทีฟ ครับเรื่องนี้มันต้องซ้อมเลยด้วยซ้ำนะ เพราะว่าตั้งแต่ workshop เลยโอโห้อาจารย์ครูที่สอนครูก็คือ พี่ออม ผีธี่หยด เขาก็สอนเราหมดเลยว่าพวกนี้จริง ๆ ต้องซ้อมทั้งหมดเลย เพราะว่ามันจะไปทำร้ายเป็นปมได้ ถึงแม้ว่าผมจะสนิทกันแต่สุดท้ายก็มีการซักซ้อมกันมาแล้วเรื่องนี้จริงจังครับเรื่องนี้จริงจัง วอร์ : ผมฟ้องเขาไม่ลงหรอกครับ หยิ่น : ไม่เป็นไรผมฟ้องเอง ผมรับเองอ่ะ วอร์ : ผมไม่เคยจะทำร้ายอะไรเขา ทำไม่ลงในใจผมมีแต่หมูยอ จริง ๆ อันนี้คือจริง ๆ เลย ขอบคุณสำหรับรางวัลนี้ด้วยนะครับ 5555 ที่ทุกคนมอบให้ผม จริง ๆ ทำไม่ลงแต่ถ้าจะฟ้องเป็นข้อหาแบบน่ารักเกินไปละกัน คุณน่ะมันทำตัวน่ารักเกิน ไอ่ต้าวหยุดน่ารักกว่านี้ได้ไหมแบบน่ารักน้อยลงหน่อยอ่ะ หยิ่น : แต่คือผมอยากให้น่ารักขึ้นอีกนะ ผมอยากให้น่ารักขึ้นอีก วอร์ : ฟ้องไม่ลง ๆ แต่ว่าก็จะมีแบบตักเตือนละกันแบบว่าอย่างที่บอกนำข้อมูลอันเป็นเท็จลงสื่อโซเชียล เพราะว่าเขาจะชอบพูดว่าเนี่ยสายตาคนเนี่ยคือเขาคิดอย่างนั้น เขาคิดไรจริงแน่ ๆ บางทีผมก็มองไปไม่ได้มองหน้าเขาด้วยซ้ำ มองคนอื่นด้วยซ้ำเขาก็ไปตีความว่าอุ๊ยมองแบบสายตาแบบซ้ำเอ้ยยิ้มอะไรให้กันหรือเปล่า หยิ่น : จินตนาการสำคัญกว่าความรู้อันนี้คือไอแซก นิวตันพูดมา คนละคนด้วย 55555 ไม่มีใครแก้เลยอุตส่าห์ปั่นไปคนละคน อ๋อออใช่แล้วก็นี่ เพิ่มข้อหาเขาจะชอบบอกว่า ผมหึง 5555 วอร์ : พอแล้วเอ้ยขอร้อง ๆ อย่าทำร้ายเขาเลย 55555 หยิ่น : เขาจะชอบบอกว่าผมหึงในตัวพี่ชายผมเนี่ย ผมไม่ได้หึงอะไรเลยนะ ก็คือบอน ณดลเพื่อนผมนักร้องฉลามเนี่ยชอบมาเล่นอะไรเงี้ยแล้วผมก็เลยชอบไปตอบ X เขาอะไรเงี้ย คือล่าสุดเขาก็ปล่อยไอ่นี่ที่บอกว่าซีนในซีรีส์แบบสอนขับรถหรืออะไรเงี้ยเหมือนใน TikTok คนดูเยอะ แล้วก็บอกห้อยก็เป็นตัวละครหลักเหมือนกันนะ ผมก็เลยเข้าไปปั่นแบบว่าเฮ้ยห้อยแอนโจ๊กเกอร์มันก็ดูขลังนะซึ่งมันไม่ขลังอ่ะ นึกออกป่ะมันอาจจะแปลก ๆ แต่ว่าไปปั่น ๆ แฟนคลับบอกอ่าวหึงนิ ผมหึงอะไรผมกินข้าวหม้อเดียวกันมาเป็น 4-5 ปี กินข้าวหม้อเดียวกันผมจะไปหึงอะไร วอร์ : ไปทำอย่างงี้ผมก็คิดอ่ะ จริงเอออันนี้มันเข้าใจผิดกันได้แบบคุณไปทำให้เขาคิด คุณแบบไม่มีอิโมจิแบบว่าถ้าเกิดจะหัวเราะก็ต้องแบบใส่ หยิ่น : ผมต้องใส่ 55555 เข้าไป ผมพลาดตรงนี้ ทนายความเอาไรมาแก้ เอาแล้วมีอีก 1 เรื่อง เมื่อวานเขากินชาบูกันกับบอนกับอะไรเงี้ย มันถ่ายลง 2 คน บอกผมหึงอีก ผมไม่ได้พิมอะไรเลยนะผมแปรงฟันอยู่บ้านพร้อมนอนก่อนนอนเลยส่องซะหน่อยหึงอีกแล้ว อะไรวะ หึงอะไรเขาก็นั่งกินข้าวกันข้างกัน เรากินข้าวหม้อเดียวกัน 5555 วอร์ : ผมจะปกป้องเขาเองในกรณีนี้ หยิ่น : ปกป้องหมูยอเหรอ วอร์ : ใช่ครับ หยิ่น : โหพี่พระเอก พี่เป็นไปเลยพี่ ส่วนผมน่ะผมจะล่าให้หมดเลย วอร์ : ไม่ได้ๆๆ หยิ่น : เดี๋ยวเสร็จนี้ผมต้องไปเผชิญหน้ากับเขาเนี่ย 555555ของขวัญสุดพิเศษจากพี่วอร์ที่ให้น้องหยิ่น วอร์ : ผมให้ไปแล้ว ให้ไปแล้วครับ เป็นแจกันเซรามิกครับที่ผมปั้นเอง เขาไม่ดื่มกาแฟ แต่ว่าเขาอยากได้ประติมากรรมแบบแจกันมาเอาไว้ตกแต่งไอ่ตู้ของเขาอยู่แล้ว ผมก็เลยแบบเอ้ยงั้นปั้นให้เขาดีกว่าในวันเกิด แล้วก็เพ้นท์อะไรต่าง ๆ ลงไปเป็นรูปเสือเพราะว่าเขาเกิดปีเสือ อุ๊ยแบบเพ้นท์อย่างดีเลยเผามาแล้วแบบไม่เป็นอย่างที่คิดเลยอะ 555555 แต่เขาบอกว่า Abstract นะ หยิ่น : ก็เห็น เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้นึกถึงได้ ถ้ามันเป๊ะเกินเราก็โอเคเราอาจจะได้ของที่ไม่สวยมา เหมือนผมก็ถามว่ามันเกิดไรขึ้น คือเขาก็เอาให้ดูมันก็ดูเป็นเสือตามภาพนั่นแหละ แต่พอเผาปุ๊ปสีมันหลุดใช่ป่ะ วอร์ : มันเกี่ยวกับเคลือบอะไรเงี้ย ต่าง ๆที่แบบ หยิ่น : เป็นตะปุ่มตำป่ำ 3D ขึ้นมา มันก็เลยเป็นอีกอันนึง วอร์ : เสือร้องไห้เลย 5555 หยิ่น : แต่ว่าเท่ไปอีกแบบ ชอบนะชอบแต่ว่าผมกังวลมากเลยตอนที่เขาส่งมอบให้ผม เขาส่งมอบให้ผมด้วยแจกันเปล่าแล้วผมกลัวมันแตกมาห ต้องแบบทะนุถนอมอยู่บนรถกว่าจะไปถึง กังวลมากแต่ก็ไปถึงจุดหมายอย่างสมบูรณ์ครับ ผู้จัดการบอกให้ถ่ายรูปลงด้วย เดี๋ยวผมก็รอถ่าย ผมกลัวนี่ไงแค่มองตาก็คิดไปไกลแล้ว ผมไม่กล้าอวดของพี่ผมตำนานหนุ่มปากแดง แดงจนสะดุ้ง หยิ่น : คือเหตุการณ์นี้ตลกมาก ผมชอบโดนทักอยู่แล้วว่าเป็นคนปากซีด แล้วไหน ๆ ก็แบบถูกอัดคลิปส่งมาให้รายการแล้วอาจจะมีคนเห็นเยอะก็เลยเริ่มจะแบบรักษาภาพลักษณ์เรามากขึ้น เราเป็นดาราอะเนอะ ผมอ่ะจริง ๆ ได้ลิปเยอะมากนะพี่ได้จากพี่วอร์แล้ว 2 อัน เขาทำให้ 2 อันแล้วก็คือมันอยู่บนรถคือผมขี้เกียจไปหยิบบนรถมาใช้ แล้วจริง ๆ ผมซื้อก็มีลิปของแบรนด์หรืออะไรก็ซื้อตามผู้จัดการ ก็คือเอามาใช้แล้วหายหมดเลย ถ้าเกิดจพนึกถึงอันนั้นน่ะก็ไม่ชัวว่าอยู่บนรถจริงไหม ก็เลยขี้เกียจลงไปเพื่อที่จะล่นเวลาก็เลยแบบเปิดกระเป๋าเผื่อมันมีเฮ้ยมีจริงมีลิปแถม เราก็ไม่ได้ดูอะไรเอ้ยเห็นมันสีได้แดง ๆ แล้วมันมืด พี่นึกออกไหมผมไม่ได้ทาส่องกระจก ผมก็ถือกล้องไว้แล้วก็ทา ๆ มาพร้อมหยิบกล้องขึ้นมาเฮ้อะไรอ่ะ 55555 แล้วไม่เต็มขอบปากด้วย วอร์ : แล้วทำไมคุณไม่อัดอันนี้ส่งไปเลย หยิ่น : มันก็อาจจะปั่นเกินไปหน่อย 555555แรงจูงใจได้ขึ้นเทรนโลกเพราะเราสองคนช่วยกัน หยิ่น : คิดไหม ผมคิดเพราะผมเป็นคนบอกให้เขาทำเขาก็เลยทำกัน ตอนแรกอะไม่คิดแต่พอปากเอ่ยไปบอกว่าช่วยปั่นกันให้ถึงเทรนโลกหน่อย ก็เลยต้องคิดละครับผมก็ผมคิดครับ แต่ว่ามันก็เกินคาดเพราะว่ามันเป็นเหมือนแรงจูงใจเฉย ๆ แหละ เพราะว่าเรามีการท้ากันเกิดขึ้นพี่ ๆ เขาก็ทำให้จริงจังมาก แบบประทับใจ พ่อผมพูดแล้วพูดอีกแบบว่า เก่งมากนะกองทัพนี้อะไรเงี้ย ผมก็แบบพ่อผมยุ่งไร 5555ลุคปลอมตัวของวอร์ที่ท้าทาย เปลี่ยนลุคจนเหน็บกิน วอร์ : มีแต่งหญิง มีพี่เจสซี่ น้าเช นักธุรกิจ นักเรียนมัธยม นายแบบ ปลอมตัวเข้าไปในการเดินแบบอะไรเงี้ย ชอบลุคไหนจริง ๆ ชอบทุกลุคเลยครับแต่ว่าที่ไกลตัวแล้วแบบยากลำบากมากคือ น้าเช กับแต่งหญิงครับ เจสซี่ครับ ก็คือมันเป็นสองลุคที่ผมต้องเปลี่ยนทั้งเสียงแล้วก็คาแรคเตอร์ หมดจดเลยอ่ะ ต้องแบบนี่แหละเนี่ยครับ เจสซี่ ผมให้เจสซี่แล้วกัน นั่งทำตัวเล็กแล้วก็ขาต้องไขวห้างตลอด เพราะว่ามันนั่งแบบผู้ชายไม่ได้ แล้วก็มีคัทนึงที่แบบผมนั่งแล้วก็เป็นซีนที่ต้องย้ายไปที่ห้องเก็บสมบัติใช่ไหมครับ ผมลุกขึ้น โหเหน็บกินเลยอะ แล้วแบบเดินไม่ได้จนต้องคัท ส่วนน้าเชยากตรงที่ติดหนวด แล้วมีคิวบู๊ด้วยวิกอะไรมันต้องแบบกลัวมันหลุด แล้วก็คือน้าเชก็ฉีกเหมือนกันครับตรงที่เป็นคาแรคเตอร์ที่ต้องปลอมเป็นเขาเลยอ่ะ เป็นเสียงของเขาเป็นเสียงหนุ่มเพื่อชีวิตแล้วก็ต้องทำตาเนี่ยต้องแข็งตลอดเวลา แล้วก็ต้องยิ้มมุมปากข้างนึงตลอดมันเกร็งมากนะ ในตัวน้าเชผมปรึกษาพี่เปิ้ล นาคร 555555 หยิ่น : เขาเป็นตำนานน้าเชอยู่แล้ว น้าเชเบอร์หนึ่ง วอร์ : สาระแนสิบล้อ แล้วก็นั้นแหละต่าง ๆ พวกลุคเพื่อชีวิต มันต้องมีซีนทำเพลงอะไรอย่างเงี้ยด้วย ตอนแรกบทมันมาก็คือเป็นเด็กแว้นแต่ว่าเขาเปลี่ยนเพราะว่าคาแรคเตอร์มันน่าจะไปต่อได้ง่ายกว่า มันก็จะเป็นเพลง TikTok เลยบทมาตอนแรกแล้วเราก็เปลี่ยนตรงนั้นเลยว่ามันต้องร้องเพลงเพื่อชีวิตอะไรเงี้ย ก็เลือกเพลงมาเพลงนึงแล้วร้องยังไงก็ได้ให้มันหลบเลี่ยงแบบว่าให้ถูกต้องที่แบบไม่สามารถร้องให้ได้เกิน 7 คำ 7 วิ นั้นแหละครับ เราก็ต้องแปลงเพลงไปอีก คือเพลงที่ผมเอามาแปลงคือเพลง จดหมายถึงพ่อ ของพี่อี๊ด วงฟุตบาท ที่มันร้องแบบ กระถินริมรั้วสูงขึ้นเลยบ่า พุ่มกระดังงาเลื้อยซุ้มประตู ทานตะวันชูคอชูช่อรออยู่ คงชะเง้อดูคอยพ่อกลับมา ผมก็เปลี่ยนทานตะวันเป็นชาลวันชูคอ พ่อไม่กลับมาเลยพ่อแบบกลัวจระเข้หยิ่นเรื่องนี้บู๊สุดๆ จัดหนักจัดเต็มทุ่มสุดตัว หยิ่น : เรฟภาพที่เราลอกคาแรคเตอร์เขามา คือ บรูซ ลี ตอนแรกคิดอยู่ว่าถ้าเกิดสู้ทั่วไปมันอาจจะไม่น่าจดจำหรืออะไรทำนองนั้น แล้วก็ยังคิดไม่ออกเลยจนวันถ่ายแล้วผู้กำกับบอกว่าแบบให้ทำเสียง อูช่าอูช่าว้าวอะไรเงี้ยแต่ว่ามันเป็นตอนเด็กครับ มันก็เลยแบบตีความว่าพอมันชอบคาแรคเตอร์นี้ไปแล้วอะไรอย่างเงี้ยหมายถึงว่าตัวในเรื่องอ่ะ อาจจะมี บรูซ ลี เป็นไอดอลแล้วแบบลอกมาแล้วอะไรเงี้ย เพราะพอตอนโตมันอาจจะแบบแอบติดนิสัยอยู่เหมือนกัน เวลาสู้ก็จะมีการแบบไม่ได้ตั้งใจทำให้ดูว่าทำแต่หมายถึงว่าแบบก็จะเป็นพฤติกรรมแบบคนทั่วไปก็จะแบบทำมืออะไรเงี้ย แต่ว่าตัวแจ็คผมตั้งใจให้เป็นแบบก่อนจะต่อสู้ก็มาแบบให้มัน บรูซ ลี เขาจะมีความแบบปาดก่อนแล้วก็เวลาการ์ดเขาจะไม่กำมือ ผมก็เลยศึกษามาว่าเออมันจะเป็นยังไงดีนะก็เลยแบบเอามาพลิกกับตัวเองก็กลายเป็นว่าเวลาตั้งการ์ดเราเงี้ย มือนึงปล่อยมือนึงกำ เอาจริง ๆ มันก็เป็นท่าแบบต่อสู้พื้นฐานที่ไม่ใช่แบบนักมวย แต่ว่าพอในซีรีส์มันไม่ได้สู้มวยมันก็เลยเป็นแบบมือนึงไว้เผื่อปัดมือ มือนึงปิดหน้าก็เลยแบบดีไซน์มาแล้วครับ เพื่อใช้เพราะว่าตอน ไพลอต มันไม่มีคาแรคเตอร์เลยทั้งคู่พลาดเจ็บตัว หนักๆกับการถ่ายทำ วอร์ : มีพลาดด้วยครับ อันนี้ยังเป็นแผลอยู่เลย แต่อันนี้มอเตอร์ไซค์ล้ม 55555 ไม่ใช่ถ่าย ๆ ขอโทษ ๆ อย่าเอารางวัลคืนนะ55555 แผลจากการทำแอคชั่นเหมือนน่าจะจับอะไรอย่างเงี้ยครับ แล้วน่าจะโดนแบบเล็บโดนไร มันเลยก็เลยได้แผลเยอะ หยิ่น : คือผมอ่ะหนักสุด แต่ถ้าเกิดโดนตัวนักแสดงด้วยกันไม่ค่อยมีไม่ค่อยพลาด แต่แบบถ้าหนัก ๆ แล้วไปโดนพี่ที่เขาเป็นสตั๊นท์แมน เป็นตัวเสริมที่มาโดนเราอัดอ่ะ ดอกเดียวที่ผมรู้สึกว่าหนัก คือ จระเข้ฟาดหาง โดนปลายคางเขาจริง ๆ คือใครจะบอกว่าซีนนั้นไม่เนียนเนี่ย คือไม่ถูกต้องคือโดนคางพี่เขาแล้วเขาหงายไป ผมแบบเฮ้ยจริงไหมวะแต่เราก็ต้องไปต่อเพราะมันยังไม่คัทแล้วคือเขาหงายแบบเป็นเส้นตรง แล้วพอคัทปุ๊ปผมรีบวิ่งขึ้นไปเขาแบบยกนิ้วเยี่ยม 5555 วอร์ : เขาบอกมาเยี่ยมกูด้วย 55555กราฟของอารมณ์ของเรื่อง JACK AND JOKER ที่บอกเลยว่าสุดๆ วอร์ : ขมกันมา 5 EP แล้วครับ ต่อไปน่าจะแบบหวาน แต่ว่าที่ปล่อยออกมาตัวอย่าง ep7 ก็มีทรงที่จะดราม่าอยู่ครับ คือรู้สึกว่ามันจะเป็นกราฟที่ความเข้มข้นน่ะ มันจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกอารมณ์เลยนะครับ ผมรู้สึกว่าตอจากเนี้ยมันจะแบบเข้มข้นทุกอารมณ์เลยEP สุดท้าย ห้ามพลาด! เข้มข้นจนหนืดกันเลยทีเดียว วอร์ : ผมว่า EP สุดท้ายก็อุ๊ยสปอยอีก เข้มข้นอ่ะจริง ๆ แบบหนืดอ่ะเรียกได้เข้มข้นจนหนืดเลยอะ หยิ่น : ผมเสพซีรีส์เกาหลีมาเยอะแทบทุกเรื่องเลยเขาก็จะเป็นคล้าย ๆ อย่างนี้แหละก็คือเข้มข้นไปเลยแล้วก็แบบมีให้รู้สึกดี แค่เผลอ ๆ 10 นาที ถ้าเกิดตามสไตล์ซีรีส์เกาหลีแต่ว่าคล้าย ๆ กัน ไม่สปอย ๆ แต่ว่าคือมันเข้มจริง เข้มมากๆๆงาน YINWAR 1st Fan Meeting in Bangkok เดือนธันวานี้! หยิ่น : คือเราเคยมี in ต่างประเทศ ในประเทศนี่คือครั้งแรก เพราะว่าที่ผ่านมาทำรูปแบบเป็นแฟนคอน เป็นแฟนคอนเสิร์ตก็จะเป็นแบบให้แฟน ๆ กดบัตรเข้ามาดูพวกเราร้องเพลงอะไรทำนองนั้นครับแต่ว่าทีนี้ก็เลยเปลี่ยนมาให้มันชิลขึ้น เรามาลองเล่นเกมให้เพราะว่าเขาก็เรียกร้องแหละ เวลาเราไปต่างประเทศเขาจะแบบอุ๊ย ทาไร่ประเทศอื่นนี่หวาน ๆ ไทยยืนห่างกัน 8 เมตรเลย งั้นเดี๋ยวเออเดี๋ยวก็ต้องรอดูกิจกรรมทางทีมเขาจัดมาให้นั่นแหละครับว่ามันเป็นยังไง หยิ่น : ก็ Concept คร่าว ๆ คือถ้าเทียบจากโปสเตอร์ครับ ผมวิเคราะห์จากความรู้สึกตัวเองที่ไปถ่ายมาผมรู้สึกว่า เขาอยากวางให้ไม่ต้องมาจำภาพแบบ ถ้าเกิดเป็นหยิ่นก็หยิ่นไปทำงานหรือเปล่าหรืออะไรเงี้ย อยู่บ้านจะสลับกันว่าหยิ่นเป็นแม่บ้านอะไรเงี้ย ซึ่งมันจะแปลกนิดนึงแต่ว่ามันไม่มีอะไร ผมว่าเขาอาจจะหลอกคุณอยู่ก็ได้ หยิ่น : แบบว่าชีวิตมันเป็นความฝันหรือเปล่านะ รูปแบบแบบนี้หรือเพราะงั้นมันตรง Concept เลยตัวงานที่เขาเตรียมก็ฟีลไลฟ์กับผู้ชายมีลูกได้อะไรเงี้ย คือมันเป็นฝันมันเป็นยังไง มันดรีมมันเป็นอะไรเงี้ยวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “หยิ่น - วอร์”เล่นกันด้วยชื่อเกมว่า “จุ๊ ๆ อย่าบอกใครฉันไม่ใช่หยิ่น วอร์” แล้วมาดูกันว่าคู่นี้ ใครจะทายได้บ้าง? (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “หยิ่น - วอร์” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “หยิ่น - วอร์” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากติดตาม “YINWAR 1st Fan Meeting in Bangkok” วันที่ 7 ธันวาคมนี้ และซีรีส์ “Jack Joker ทำไมต้องเป็นเธอทุกที” สามารถรับชมได้ทางช่อง 3 HD ทุกวันจันทร์ เวลา 22.30 น. และรับชมย้อนหลังแบบเต็ม ๆ สามารถดูได้ที่ IQIYI ทุกวันจันทร์เวลา 23.00 น. ไปติดตามกันได้เลยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

เพราะพรหมลิขิตทำให้ "โอม - เล้ง" กลับมาเจอกัน! และเสิร์ฟความฟิน พร้อมรับรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา "Predestined Couple (จากกัน10ปีเจอกันอีกที เฮ้ย! พรหมลิขิตป่าว)"

15 ต.ค. 2024

เพราะพรหมลิขิตทำให้ "โอม - เล้ง" กลับมาเจอกัน! และเสิร์ฟความฟิน พร้อมรับรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา "Predestined Couple (จากกัน10ปีเจอกันอีกที เฮ้ย! พรหมลิขิตป่าว)"

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 10 ตุลาคม 2567 ] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ 2 หนุ่ม “โอม - เล้ง” พร้อมอัพเดทพูดคุยกับ 2 ดีเจ “ดีเจแนน และ ดีเจโซเซฟ”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากแฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Best Friend Supporter - เพื่อนรักนักซัพพอร์ต” ได้แนวคิดนี้มาจากการติดตาม โอม – เล้ง มาเป็นระยะเวลา 1 ปี เห็นจากทุกๆงานโอมเล้งจะซัพพอร์ตกันตลอด เชียร์อัพกันเสมอ เคยได้ดู kidnap ep.0 ในสัมภาษณ์ โอมจะให้กำลังใจและสอนการแสดงเล้งตลอด ให้ความมั่นใจว่าเพื่อนทำได้ บนเวทีเวลาออกงานร้องเพลง มีงานหนึ่งโอมให้เล้งเลือกเพลง ซึ่งเป็นเพลงที่ร้องยาก แต่โอมก็ตามใจเพื่อนยอมฝึกร้องด้วย เป็นอะไรที่เห็นแล้วใจฟูมาก ดีใจที่ได้มาติดตามโอมเล้ง โอมเล้งทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่พร้อมสนับสนุนกันและกัน ในฐานะแฟนคลับเราก็จะอยู่สนับสนุนไปนานๆ เหมือนประโยคที่ว่า “เดินคนเดียวเดินได้ไกล แต่เดินด้วยกันจะเดินได้นาน” ขอให้เด็กๆน่ารักกันแบบนี้ตลอดไปเลยนะ2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เจ้าลูกหมาจ๋องกับคุณหนูป๊อปสตาร์” ที่มาของชื่อรางวัล คือ โอม - เล้ง เค้าเคยเรียนที่เดียวกันตอนมัธยมต้น ซึ่งโอมเคยให้สัมภาษณ์ไว้หลายที่มากๆ ว่าตอนนั้นเล้งคือ ตัวท๊อป ตัวปัง เป็นป๊อบสตาร์ของโรงเรียน แถมทรงยังเหมือนลูกคุณหนู ความป๊อบและความน่ารักของเล้ง ทำให้โอมไม่ค่อยกล้าคุย เป็นเหมือนเจ้าลูกหมาจ๋อง ที่แอบมองคุณหนูป๊อบสตาร์ของโรงเรียน จนวันนี้วันที่ลูกหมาจ๋องคนนั้นโด่งดังและได้มีคุณหนูป๊อบสตาร์มาอยู่ข้างๆแล้วววว บุญพาวาสนาส่งสุดๆ3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Predestined Couple (จากกัน10ปีเจอกันอีกที เฮ้ย! พรหมลิขิตป่าว)” แนวคิด 1 : Because Ohm and Leng met again after 10 years, the reunion of the two people was full of destiny, and the time was just right for the two people to be very suitable for each other, so I think they are destined to be a couple. แนวคิด 2 : มาจากที่น้องโอม น้องเล้ง เป็นเพื่อนกันมาก่อนตั้งแต่ม.ต้น (10ปีที่แล้ว) วันนี้พรหมลิขิต ทำให้น้องๆได้กลับมาเจอกัน ได้มาเล่นซีรีย์ด้วยกัน ได้มาเป็นพาร์ทเนอร์กัน จับมือประคับประคองเดินต่อไปด้วยกันนานๆเลยนะลูก จะซัพพอร์ตพวกหนูต่อไปค่ะ4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่หูสะท้อนมิตรภาพไร้ขีดจำกัด” เคมีระหว่าง โอม - เล้ง ไม่ได้มีแค่ในซีรีส์ที่พวกเค้าแสดงด้วยกัน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพแท้จริงที่ไร้ขอบเขต ความสัมพันธ์ที่โอมเล้งแสดงใน social ไม่ใช่แค่สร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นตัวแทนของความเข้าใจและการ support กันอย่างจริงใจในชีวิตจริง ความสนิทสนมและเคมีธรรมชาติที่เข้ากั้นเข้ากันที่ทำให้แฟนคลับรู้สึกอบอุ่น โอมเล้งไม่ได้แค่เป็นนักแสดงที่เข้ากันได้ดีบน social แต่เป็นคู่หูที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่เชื่อในคำว่า “มิตรภาพ”5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “It’s great to see you Award” รางวัล It’s great to see you Award หรือให้เสียงภาษาไทยว่า รางวัลดีใจที่ได้เจอคุณนะ (เสียงเอคโค่) โดยชื่อรางวัลนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคำบอกเล่าของ โอม ภวัต และ เล้ง ธนพล ว่าทั้งคู่เคยศึกษาอยู่โรงเรียนเดียวกันในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและได้วนกลับมาเจอกันอีกครั้งในซีรีส์เรื่อง kidnap ลับจ้างรัก ซึ่งเป็นสิ่งที่พิเศษมากๆ กับการที่เรากลับมาเจอเพื่อนในตอนเด็กของเราอีกครั้ง โดยที่ในวันนั้นเราอาจจะยังไม่ได้สนิทกัน ไม่เคยคุยกัน เห็นกันแบบผ่านๆตา ((ว่าเขาถือพานวันไหว้ครูและป๊อปมากในโรงเรียน)) แต่ในวันนี้เขาคนนั้นกลับเป็นคนที่อยู่ข้างเราทั้งในวันที่เรามีฝนตกในใจ วันที่อากาศสดใส แม้กระทั่งวันที่ช่างทาสีผิด และอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับชื่อรางวัลนี้ก็คือ คำพูดของเล้งในวันเกิดที่บอกว่าโอมอาจจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในอายุ 24 จากทั้งหมดที่กล่าวมาเลยเป็นแรงบันดาลใจของรางวัลนี้ ว่าดีใจที่เขาทั้งสองคนได้กลับมาเจอกันนะ และเขาทั้งสองคนก็คงดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เราที่เป็นแฟนคลับก็ดีใจที่ซีรีส์เรื่องนี้พาให้เราได้มาพบ มารู้จักกับโอมเล้ง ทำให้เราได้เห็นถึงความตั้งใจ passion ในการทำงานของทั้งคู่ ความรักที่ทั้งคู่มีให้แฟนคลับ เลยอยากจะบอกทั้งสองคนเลยว่าเราดีใจที่เจอคุณ (ทั้งคู่) นะถึงเวลาของความสนุกแล้วค้าบบทุกคนมารับรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะในช่วงที่ 2 ของรายการ EFM FANDOM LIVE ต้อนรับ “โอม - เล้ง“รางวัล “Predestined Couple (จากกัน10ปีเจอกันอีกที เฮ้ย! พรหมลิขิตป่าว)” โอม : ขอบคุณแฟน ๆ มากนะครับ ชอบชื่อรางวัลนี้มาก น่ารักมากเลยนะครับ ก็เป็นพรหมลิขิตอย่างที่ทุกคนตั้งให้จริง ๆ เล้ง : ผมก็ขอบคุณสำหรับรางวัลดี ๆ ที่แบบว่าสวยงาม เเล้วก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีรางวัลชื่ออย่างงี้ให้เราถือ ก็ขอบคุณมาก ๆ เลยครับผมออร่าของเล้งทำโอมเกร็งจนไม่กล้าเข้าไปทัก โอม : คือด้วยความที่เขาเป็นคนที่ขาว หน้าตาดี ตอนนั้นเขาได้เป็นตัวเเทนเชิญธง ถือพาน ออร่าความหล่อล้วน ๆ มีโอกาศได้คุยกับเพื่อนเล้งอีกทีนึง เวลาคุยกับเพื่อนเล้งก็จะเห็นเขาไปด้วยก็ทักทาย เเต่ว่าเวลาคุยก็ไม่รู้จะคุยอะไร เเล้วก็ไม่ค่อยกล้าคุยเท่าไหร่ ดีเจแนน : ถ้าย้อนเวลากลับไปสถานการณ์ตอนนั้น โอมกล้าจะเข้าไปคุยเเล้ว จะเข้าไปทักคำเเรกว่าอะไร? โอม : กินข้าวมั้ยเพื่อน? เล้ง : เอออ55555555+ โอม : เป็นการละลายพฤติกรรม กินไปคุยไป ดีเจเเนน : เขาถามคุณ คุณตอบว่าอะไรอ่ะ เล้ง : กินไรอ่ะ โอม : เเต่ว่าด้วยความที่ว่าเราเเบบไม่กล้าคุยไง ตอบคำถามเเบบนี้มาเราก็อาจจะเเบบ เขาเฟรนลี่ปะวะ จ๋องหนักเลยความบังเอิญที่เกิดขึ้น นอกจากเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน เล้ง : เท่าที่ได้เป็นเพื่อนกับโอมมา คือเรา 2 คนนิสัยเข้ากันได้ มันเจ๋งมากที่คน 2 คนจะเข้ากันได้ โอม : แบบรวม ๆ ก็ยากหน่อย มันก็ไม่ได้เเบบสามารถเข้ากันได้เป็นปี คุยกับทุกคนเงี้ย ดีเจแนน : แปลว่าไลฟ์สไตล์ของคุณ 2 คนคล้ายกันปะ? เล้ง : อาจจะไม่ได้คล้ายมาก โอม : ไลฟ์สไตล์อ่ะคล้าย เเต่ Activity ไม่คล้าย ฟีลแบบชอบเล่นกีฬาเหมือนกัน Activity คนละอย่าง โอม : ผมชอบมอเตอร์ไซด์ครับ กีฬามอเตอร์สปอร์ต เคยไปแข่งมารอบนึงครับ เล้ง : ของผมช่วงนี้น่าจะเป็นเทนนิส มันเป็น 1 ในลิสต์เป้าหมายของผมในปีนี้เลยนะ เเล้วผมก็เริ่มฝึกแล้วเรียนมาประมาณซัก 2 เดือนที่เเล้ว อินมาก ๆ ก็ตื่นตี 4-5 เเล้วก็ไปตี 6-7 โมงเช้า ดีเจแนน : ปวดเเขนมั้ย? เล้ง : แรก ๆ ก็ปวดครับ วันแรกผมจำได้เลยสนุกมากตี 2 ชม. ตี ๆๆๆ ต้องไปเซ็นชื่อธนาคารมือสั่น555+ ดีเจแนน : ถอนเงินไม่ได้เเล้วลายเซ็นไม่ตรง5555+ ดีเจแนน : แฟน ๆ บอกว่าพวกคุณ 2 คนเป็นคนที่แบบมีวินัยในการออกกำลังกายมาก ทำหลายอย่างใน 1 วัน เล้ง : ของผมอาจจะไม่ขนาดนั้น เเต่ของโอมเขาจะเเบบหลาย เล่นหลายรอบ โอม : อย่างก่อนที่ผมจะมานี่ผมก็ไปยิมมา ถ้าเรามีใจเราไปตอนไหนก็ได้ ดีเจแนน : เขาเคยชวนคุยไปซ้อนท้ายมอไซด์มั้ย เล้ง : เคย ๆ ได้มีโอกาสไปดูเขาเเข่งไปกางร่มให้ วันนั้นเขาก็ชวนไปช่วงนั้นเขาเริ่มขับเเรก ๆ เเล้วอินมาก ๆ ไปเรียน ได้เห็นเส้นทางที่เขาตลอด ๆ เริ่มชอบ ซื้อรถ ซื้อชุด เเล้วก็ไปเรียน เเล้วก็เล่าให้ผมฟังตลอด เขาก็โทรมาชวนผมไปดูอีกประมาณ 2-3 เดือนข้างหน้าจะมีเเข่ง ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าว่างรึเปล่า สุดท้ายอยากไปดูเหมือนกัน เห็นเพื่อนชอบมาก ๆ ก็เลยอ่ะอยากอยู่ในสนามจริงที่เพื่อนได้ทำในสิ่งที่ชอบ ผมไปกับเขาตั้งเเต่ตี 5 ฟ้ามืดตึดตื๋อ โอมก็จะขับรถมารับที่บ้านตอนตี 4-5 ผมก็ไปนั่งดูเขาซ้อมเขาเเข่ง ก็เป็นประสบการณ์ครั้งเเรกที่แบบได้ไปดูเขาเเข่งจริง ๆ ดีเจแนน : ภูมิใจมั้ย ภูมิใจในตัวเขามั้ย? เล้ง : ภูมิในมาก ๆ คือเเบบตอนที่เขาไปวนเเข่งอ่ะ น้ำตาผมไหลออกมาแทนเขามาก ๆ แบบได้เห็นว่าเขาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ เเล้วก็ตั้งใจจริง ๆ สนุกมาก ๆ วันนั้นกว่าที่ทั้งคู่จะเข้ากันขนาดนี้ เวลาทำงานก็ต้องมีปรับอะไรหลาย ๆ อย่าง โอม : สำหรับผมเพื่อนที่เป็นเพื่อนจริง ๆ เพื่อนทำงานอะ มีคาเเรคเตอร์ที่แตกต่างกันต่อให้เป็นคน ๆ เดียวกัน ด้วยความเล้งใหม่มา ต้องเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ก็เหมือนเเบบผมได้ remind ตัวเองกลับไปในวันแรก ๆ ของตัวเอง เเล้วก็ในวันแรก ๆ ที่เข้ามาใหม่ ๆ เลยอะ เราต้องการอะไรในวันนั้น สมมุติต้องการพี่ไกด์ไลน์ ถ้าเขาช่วยเราตรงนั้นมันจะดี เเล้วก็เหมือนสำหรับเราถ้าโอเคอ่ะเราก็ถ่ายทอดไปให้เขา เหมือนแนะนำ ๆ เพื่อปรับการทำงาน ดีเจโซเซฟ : พี่โอมเป็นคนเเนะนำแบบว่าดีมั้ย? เล้ง : ดี ๆๆ สอนผมเยอะมาก ๆ เลยนะ วิธีการทำงาน การทำงานในกองถ่ายเเล้วก็ทำงานในฐานะนักแสดง ดูคาแรคเตอร์ ภาพรวมของซีรี่ย์ มีหลายมุมมาก ๆ ที่โอมแชร์มาให้ผมไปใช้ทำงาน ดีเจแนน : มีเรื่องไหนที่หาทางออกไม่ไหนไม่เจอเลย? พอโอมไกด์ปุ๊บเก็ทเลย เล้ง : น่าจะเป็นเรื่องการทำงานกับกล้อง บล็อคกิ้ง เพราะตอนที่ถ่ายมันจะต้องบล็อคกิ้ง ตอนแรก ๆ ผมงงมาก น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดที่โอมสอนผมคาแรคเตอร์ของ ‘มิน’ และ ‘คุณหนูคิว’ ใน “Kidnap ลับ จ้าง รัก” โอม : ผมรับบทเป็น มิน ก็มีจะความห่าม ๆ ลุย ๆ เต็มที่ เพราะในเรื่องมีอาชีพเป็นสตั้นเเมน ที่ไปทำงานในกองถ่าย เพื่อที่เราจะต้องหาเงินมาเลี้ยงน้องเราชื่อ เม่น เเล้วน้องป่วยตั้งเเต่เด็ก ๆ เลยต้องทำงานหาเงิน บ้านอยู่กัน 2 คน ออกไปข้างนอกก็มีความเข้มเเข็ง เเข็งแกร่ง เพื่อที่จะเผชิญกับโลกข้างนอก อยู่บ้านก็อีกมู๊ดนึงเวลาอยู่กับน้อง จะเหมือนแบบจ๋องอะ มีความกรอบนอกนุ่มใน อ่อนโยนเเต่ไม่อ่อนแอนะ ดีเจโซเซฟ : ก็ตรงกับความเป็นโอมเลยมั้ย? โอม : ผมว่าก็ตรงในบางมุม เเต่ไม่ได้ตรงกับผมตลอดเวลา ดีเจแนน : แล้วเล้งล่ะครับ คุณหนูคิว เล้ง : คุณหนูคิว ก็จะเป็นฟีลลูกตำรวจใหญ่ ที่แบบเกิดมาในฐานะครอบครัวที่ร่ำรวยมาก ๆ เเต่มีแค่พ่อคนเดียวตั้งแต่เด็ก เหมือนเเม่กับเราถูกผู้รายจับไปเเล้วเเม่เสียชีวิต เหลือพ่อเเล้วก็โตมาด้วยกัน การที่เราเสียแม่ไปก็เป็นเหตุที่ทำให้มีปัญหากับพ่อ มีปมที่ทำให้เราเป็นโรคนอนละเมอ PTSD ขั้นรุนแรง เเบบสามารถเดินตกบันไดได้ เดินแบบไม่มีสติ ถ้าได้ยินเสียงปืนเนี้ย ทุก ๆ อย่างความทรงจำที่แม่ตายจะกลับมาตลอด ๆ เป็นคาแรคเตอร์ที่ปัญหากับภายในเยอะมาก ๆ ดีเจแนน : ชีวิตจริงเคยละเมอเหมือนในเรื่องมั้ย เล้ง : น่าจะเคยแต่ไม่รู้ตัว เพราะเราก็หลับอยู่ไง5555 ผมอะชอบถามว่าเมื่อคืนกรนหรือว่าละเมออะไรรึเปล่า เพราะไม่รู้ตัวเลยถ้าเป็นอะไรจะได้ไปแก้ ดีเจแนน : เเต่ว่าในเรื่องแก้ด้วยการมัดมือนอนนะ โอม : ใช่ครับ เดี๋ยวละเมอลุกไปไหนไง ดีเจแนน : เเค่ฟังจากเรื่องย่อ ๆ ที่เล่ามา มันมีหลายมู๊ดมาก ๆ นะ มีทั้งดราม่า บู้ เลิฟซีน กุ้กกิ้ก มันสับสนงงงวยบ้างมั้ย เวลาปรับอารมณ์ โอม : มีบ้าง ด้วยความที่เป็นซีนดราม่ามันก็จะมีความคอมมาดี้อยู่ในนั้นในเวลาเดียวกัน คนเรามันโกรธอยู่มันคงไม่ได้โกรธอย่างเดียว มันก็อาจจะมีอารมณือื่นมา ในความดราม่ามีความโรเเมนติกอยู่เดินทางมาถึง EP.6 แล้ว บอกเลยต้องดู! ห้ามพลาด! เล้ง : อีพี 6 น่าจะเป็นตัวคิวเลย 1-5 ปูมาเรารู้จักกันนั่นนี่ เเต่อีพี 6 เหมือนจะเป็นอีพีที่คิวเป็นรับมินเข้ามาในโลกของเขามากขึ้น มินจะได้เห็นชิวิตคิว ความเป็นตัวคิวมากขึ้น อาจจะได้เห็นและได้รู้บางอย่างจากคิวไปเริ่มต้นด้วยพรหมลิขิตจนได้ทำงานร่วมกัน อยากบอกอีกคนว่า… เล้ง : ขอบคุณโอมมาก ๆ ที่เป็นเพื่อนทั้งชีวิตจริงเเละชีวิตทำงานที่ดี ขอบคุณที่อยู่ข้าง ๆ กันมา ขอบคุณที่ซัพพอร์ต สอนหลาย ๆ อย่างมา ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ สำหรับทุก ๆ อย่างเลย ก็จะอยู่ข้าง ๆ โอม จะอยู่ไม่ว่าจะเจอเรื่องดีหรือไม่ดี รักมาก ๆ ครับ โอม : ก็อยากจะบอกว่า ผ่านมาได้หลาย ๆ จนมาถึงทักวันนี้คือเก่งมากก เเบบพัฒนาตัวเองขึ้นมาตลอด สู้ ๆ อย่าเพิ่งท้อ มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก เป็นกำลังใจให้เสมอ อะไรที่ดีตอนสมัยก่อนที่ผมเจอมาแล้วรู้สึกว่าผมไม่ชอบ ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนอื่น ถ้ามันมีโอกาสไรเงี้ยเราก็จะเตือน ก็จะบอกตลอด ขอให้เจอเเต่สิ่งดี ๆ ขอให้ประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้ มีความสุขมาก ๆ ในทุก ๆ วันจ้าา เล้ง : ขอบคุณค้าบบบวันนี้ทางรายการEFM FANDOM LIVEก็มีเกมให้“โอม - เล้ง”เล่นสนุกสนานด้วยชื่อเกม ‘OHM LENG ลับ จ้าง…’ ถ้าอยากรู้ว่า “โอม – เล้ง” จะได้รับจ้างอะไรบ้าง ไปดูกันเลยย(เข้าไปชมได้ในYouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ“โอม - เล้ง“ (เข้าไปชมได้ในYoutube: ATIME) สุดท้ายนี้EFM FANDOM LIVEขอขอบคุณ“โอม - เล้ง”ที่มาร่วมพูดคุยและมอบความสนุกสนานให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไปขอฝากซีรีส์ “KIDNAP รับจ้างรัก” ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 20:30 น. ทางช่อง GMM TV สามารถรับชมย้อนหลังทาง Netflix เวลา 21:30 น. เเละฝากเพลง “แข็งใจ” สามารถฟังได้ที่ Youtube : GMM TV Official ไปติดตามกันได้เลยจ้าา~สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1