เรื่องเล่าจากคุณดิว 'หลังเที่ยงคืน' I อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ 10 ก.ย. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณดิว 'หลังเที่ยงคืน' I อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ 10 ก.ย. 2567]

15 ก.ย. 2024

    เรื่องราวนี้ ’คุณดิว’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (10 กันยายน 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเคเบิ้ล’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘หลังเที่ยงคืน’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย!

    โดยคุณดิวเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 4 ปีที่แล้ว ตอนนั้นตนจัดทริปกับเพื่อนไปเที่ยวทะเลด้วยกัน โดยทำการจองโรงแรมผ่านแอพฯ เลือกที่อยู่ใกล้กับร้านอาหารที่ทานเป็นประจำ โดยมีข้อแม้ว่า ให้มีสระน้ำใหญ่ เพราะไปกันทั้งหมด 7 คน รวมทั้งหมด 3 ห้อง

    ห้องแรก ‘ห้อง A’ อยู่กัน 3 คน เป็นห้อง Family Type  

    ห้องที่สอง ‘ห้อง B’ สำหรับแฟนที่อยู่กัน 2 คน

    และห้องสุดท้าย ‘ห้อง C’ สำหรับตนเองอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง

    ห้องทั้งหมดจองได้ชั้น 4 ของโรงแรม ซึ่งเป็นชั้นของสระว่ายน้ำพอดี พอไปถึงโรงแรมก็ทำการเช็คอิน และขึ้นห้องตามปกติ โรงแรมสวยตามรูป ตรงตามปก ไม่มีอะไรผิดสังเกตุ แต่สิ่งที่ผิดปกติมันเกิดขึ้นตอนหลังเที่ยงคืน..

    พอหลังเที่ยงคืน ในห้อง A มีเพื่อนคนหนึ่งให้นามสมมติว่า ‘กุ้ง’ สะดุ้งตื่นขึ้นมา กุ้งบอกว่า แอร์ในห้องมีการถูกปิดและเปิดใหม่ ซึ่งตอนนั้นทุกคนหลับกันหมดเเล้ว กุ้งจึงพยายามจะนอนต่อ โดยลักษณะของห้อง A จะมีห้องนั่งเล่นก่อน แล้วเป็นห้องนอน แต่ในคืนนั้น กุ้งได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ทำให้นอนไม่หลับ จึงต้องออกมาเปิดไฟนั่งอยู่ข้างนอก

    เหตุการณ์ต่อไปเกิดในห้อง C ห้องนี้มีคุณดิวและเพื่อนที่เป็นผู้หญิงให้นามสมมติว่า ‘เนย’ ลักษณะห้องคือ พอเปิดประตูเข้าไปขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า ซ้ายมือจะเป็นห้องที่เป็นกระจกใสเห็นข้างในห้องน้ำได้  ซึ่งจะติดอยู่กับเตียงนอน มีม่านกั้นแต่ก็ยังมองเห็นหากมีอะไรในห้องน้ำ พอหลังจากเวลาเที่ยงคืน เนยก็เข้าไปอาบน้ำ ส่วนดิวนั่งอยู่ที่เตียงร้องเพลงเล่นอยู่ ระหว่างนั้นก็เห็นเงาที่ลักษณะเป็นเหมือนกับผู้ชาย ไม่มีผม ดูซูบผอม สูงเกือบถึงเพดาน หลังค่อม แขนและขายาวผิดรูปมนุษย์ เหมือนเขากำลังก้าวเดินอยู่ในห้องน้ำ และมาที่อ่างอาบน้ำที่ติดอยู่กับเตียงของตน! ดิวจึงตะโกนเรียกเนยว่า

    “อาบน้ำแล้วหรอ?!”

    เพื่อนตอบกลับมาว่า “ยัง เรานั่งส้วมอยู่”

    จริง ๆ ดิวก็รู้เเล้วนั่นว่าไม่ใช่เนย แต่ที่ถามก็เพราะว่าไม่อยากคิดมาก หลังจากนั้น ก็ยังไม่ได้พูดอะไร รอจนเนยออกมาจากห้องน้ำ แล้วดิวก็ไปอาบน้ำต่อ พออาบเสร็จ ก็กลับมานั่งฟังเพลงที่ตนบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ จำได้ว่าร้องเพลงปกติ เริ่มต้นเพลงก็เป็นเสียงของตน แต่พอผ่านไปไม่กี่วินาที ก็เป็นเสียงซ่า แล้วก็เสียงวี๊ด จนจบเพลง ตอนนั้นก็ส่งบันทึกเสียงนี้ให้เพื่อนในแอพฟัง เพื่อนก็บอกว่า “มันแปลก ๆ แล้วนะแบบนี้” ซึ่งที่ผ่านมา ดิวก็เล่นแอพนี้มาตลอด แต่ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ดิวก็ทำเป็นไม่สนใจ แล้วก็ปิดไฟนอน

    พอช่วงเวลาประมาณตี 2 ทั้ง ๆ ที่หลับไปแล้วแต่ก็ได้ยินเสียงตู้เสื้อผ้าเปิดออกดัง แอ๊ดดด แล้วก็ ปึ้ง! ดิวตื่นแล้วก็นอนฟัง เสียงนั้นก็เงียบ สักพักมันดังขึ้นมาอีกรอบ ครั้งนี้ดิวลุกขึ้นมาชะโงกดู ก็ไม่เจออะไร ตู้ก็ปิดสนิท จึงนอนเล่น ไม่นานเนยก็ลุกขึ้นมา แล้วชะโงกหน้าตาม พอเนยนอนลงมา เนยก็พูดว่า

    “ได้ยินเหมือนกันใช่ไหม”

    พอพูดจบ เสียงก็ดังอีกครั้ง แอ๊ดดด ปึ้ง! ทั้งคู่จับมือกัน แล้วลุกขึ้นมาดูอีกครั้ง ก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิม พอลงมานอนอีกรอบ มันกลับดังมากกว่าเดิม! เป็นเสียงปิดประตูตู้เสื้อผ้า 3 รอบ ปึ้ง! ปึ้ง! ปึ้ง! เหมือนคนปิดประตูห้อง จึงโทรหาเพื่อนที่อยู่ห้อง A ว่าจะขอไปหา ตอนนั้นเป็นช่วงประมาณเกือบตี 4 ทั้งโรงแรมเงียบมาก ทั้งหมดอยู่กันจนถึงประมาณ 6 โมง และก็โทรหาเพื่อนห้อง B ให้นามสมมติว่า ‘หยาด’ ซึ่งหยาดก็บอกว่า “อยู่ที่ล็อบบี้แล้ว” ดิวก็รู้สึกแปลกใจ เพราะมันเช้าเกินไป หยาดจึงเล่าให้ฟังว่า..

    ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปเช็คอิน ทุกคนรวมถึงแฟนของหยาดก็นั่งรออยู่ที่สระว่ายน้ำ แต่หยาดอยากขึ้นไปเปลี่ยนชุด แม้โรงแรมจะมีหลายห้องแต่มีลิฟต์แค่ตัวเดียวกลางโรงแรม หยาดก็เข้าลิฟต์ พอขึ้นไปได้ 2 ชั้น ไฟก็ดับ แล้วลิฟต์ก็หล่นลงมา ค่อย ๆ เลื่อนลงมาที่ชั้น 1 ใหม่ หยาดพยายามกดปุ่มเรียกพนักงาน เเต่ประตูเปิดออกพอดี จึงเดินออกมา แล้วก็ลิฟต์ขึ้นไป แต่ประตูไม่เปิดแล้ว หยาดจึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไป และเล่าให้แฟนฟัง

    หลังจากนั้น พอขึ้นไปที่ห้อง คือลักษณะห้อง B จะเหมือนกับห้อง C แต่ของหยาดเป็นเตียงคู่ ตอนที่เปิดประตูเข้าไปก็ได้กลิ่นอับ ทั้งที่ห้องดูใหม่ หยาดและแฟนก็อยากย้ายห้อง แต่เกรงใจอีก 2 ห้องที่มาด้วยกันจึงไม่ได้ย้าย เมื่อถึงเวลานอน หยาดนอนเตียงติดห้องน้ำ ส่วนแฟนนอนเตียงที่ติดกับหน้าต่าง พอหลังเที่ยงคืน หยาดได้ยินเสียงน้ำที่อ่างล้างมือหยด ติ้ง ติ้ง ติ้ง สักพักมันหยดเร็วขึ้น หยาดจึงเรียกแฟนประมาณ 2-3 ครั้ง

    แฟน : “มีอะไร”

    หยาด : “หนูเหมือนได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ”

    แฟน : “มันก็เป็นไปได้ที่จะได้ยิน ไม่แปลกอะไร”

    พอพูดจบ เสียงนั้นก็กลายเป็นเสียงคนเปิดน้ำในห้องน้ำเหมือนคนเปิดน้ำเพื่อล้างมือแล้วก็ปิด! หยาดจึงย้ายไปนอนเบียดอยู่ที่เตียงของแฟน แฟนก็พยายามปลอบแล้วก็หลับไป ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ อยู่ ๆ หยาดก็ตื่นมาเพราะรู้สึกร้อน ปรากฎว่าไฟดับ แอร์ดับ หยาดหันไปมองที่เตียงที่เคยนอน ตอนนั้นทุกอย่างมืดหมด แต่ภาพที่เห็นมันชัดมาก ๆ คือเป็นผู้หญิงนอนอยู่ที่เตียงนอนตะแคงข้างหันมา พร้อมกับเอามือสางผมจากข้างหลัง แล้วพาดผมมาด้านหน้า แล้วค่อย ๆ ฉีกยิ้มเรื่อย ๆ ให้ ตัวของผู้หญิงคนนี้ซีด เหมือนศพจมน้ำ แต่ไม่ได้บวม ไม่ได้เละ จากนั้นหยาดก็กรี๊ดดังลั่นห้อง แล้วบอกแฟนว่า

    ”หนูว่าหนูโดนผีหลอกแล้ว ลงไปที่ล็อบบี้กันเถอะ”

    พอทั้งคู่ลงไปนั่ง ก็เห็นว่าเป็นเวลา ตี 3 เกือบตี 4 แล้ว

    เมื่อลงไปเช็คเอาท์ก็ถามพนักงานว่าในวันที่พวกเราเข้ามาพักนี้ มีคนเข้ามาพักกี่ห้อง แต่ก็ได้ความว่ามีแค่ 3 ห้อง ของพวกเราเท่านั้น ซึ่งแปลกมาก ๆ เพราะตอนที่เข้ามา ได้ยินเสียงแต่ละห้องเหมือนมีคนเข้าพักอยู่ แต่จริง ๆ กลับไม่มีใครเลย ดิวจึงถามไปตรง ๆ ว่า

    ”โรงแรมนี้มีผีมั้ย“

    พนักงานก็อึ้งไปสักพัก แล้วก็บอกแค่ว่า “ไม่มีค่ะ“

    แต่พอรู้ได้จากท่าทีของพนักงาน แล้วตนก็ถามต่อว่า ”เมื่อคืนนี้ที่โรงแรมไฟดับใช่มั้ย“

    พนักงานบอกว่า ”โรงแรมไม่เคยฟังดับนะคะ เมื่อคืนก็ปกติดี“

    ทั้ง ๆ ที่ห้องของเพื่อนทั้ง 2 ห้องไฟดับ..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณกุ้ง 'พี่รออยู่หน้าห้อง' l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [18 ก.พ. 2568]

24 ก.พ. 2025

เรื่องเล่าจากคุณกุ้ง 'พี่รออยู่หน้าห้อง' l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [18 ก.พ. 2568]

นักศึกษาพักอยู่ในหอพักราคาถูก ทุกชั้นของหอพักจะมีเครื่องดนตรีตั้งอยู่ และทุกคืนจะได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงชายปริศนาที่ดังมาจากหน้าห้องว่า “น้องอยู่ไหน พี่รอหน้าห้อง เปิดประตูให้พี่หน่อย” เจ้าของเสียงคือใคร? แล้วเขามาหาใคร? และเหตุใดหอพักแห่งนี้ ถึงต้องมีเครื่องดนตรีตั้งอยู่ทุกชั้น? หาคำตอบได้ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (18 กุมภาพันธ์ 2568) กับเรื่องราวสุดหลอนจาก ‘คุณกุ้ง’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘พี่รออยู่หน้าห้อง’ พร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ’ แล้วระวังให้ดี.. คืนนี้ อาจมีใครมาเคาะประตูห้องคุณ! เรื่องราวนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของคุณกุ้ง ซึ่งขณะนั้นคุณกุ้งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ กำลังจะสำเร็จการศึกษา และได้เข้าพักในหอพักแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารห้าชั้น ส่วนใหญ่ผู้อยู่อาศัยเป็นนักศึกษา มีเพียงบางส่วนที่เป็นคนทำงาน ในช่วงแรกที่เข้าพัก ทุกอย่างดูปกติ ไม่มีสิ่งใดผิดแปลกไป แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นคือ ทุกชั้นของอาคารนี้มีเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ นอกจากนี้ ห้องที่คุณกุ้งพักคือห้อง 312 อยู่ตรงกับบันได และหน้าห้องติดกระจกแปดเหลี่ยมที่มีสัญลักษณ์สิงโตคาบดาบ ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก คิดเพียงว่าอยู่ห้องไหนก็ได้ คืนหนึ่ง ในช่วงสอบไฟนอลของภาคเรียนแรก หอพักจะค่อนข้างเงียบกว่าปกติ เวลาประมาณ 3 - 4 ทุ่ม ขณะที่คุณกุ้งกำลังเดินกลับห้อง ทุกอย่างดูเงียบสงบ จนกระทั่งได้ยินเสียงชายคนหนึ่งคุยโทรศัพท์ “น้องอยู่ไหนแล้ว พี่รออยู่หน้าห้อง ถ้าใกล้ถึงแล้วบอกหน่อย หรือเปิดประตูให้พี่หน่อย” เสียงนั้นพูดซ้ำไปซ้ำมา เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แล้วก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่สุดทางเดิน แต่งกายคล้ายยุค 80-90 สวมเสื้อยืดสีขาว ทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์ ตอนนั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร จึงเดินเข้าห้องไป แต่เมื่ออยู่ในห้อง เขากลับเริ่มเอะใจ ทำไมเสียงที่ได้ยินถึงใกล้มาก ทั้ง ๆ ที่ชายคนนั้นยืนอยู่ห่างออกไปพอสมควร จากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก เขาคิดว่าอาจเป็นเพื่อนหรือแฟน จึงเปิดประตูออกไป แต่กลับไม่พบใคร หน้าห้องว่างเปล่า เขาจึงปิดประตู คิดว่าอาจเป็นเสียงจากห้องอื่นที่อยู่คนละชั้น แต่แล้วเสียงเคาะก็ดังขึ้นอีก ก๊อก ก๊อก ก๊อก เขาเปิดประตูออกไปอีกครั้ง และเหมือนเดิม.. ไม่มีใครอยู่หน้าห้อง จนครั้งที่ 3 เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากบันได คราวนี้เป็นเพื่อนของเขาเอง มาขอยืมหนังสือ เขาจึงถามทันทีว่า “เมื่อกี้แกเคาะประตูห้องเราหรือเปล่า?” เพื่อนปฏิเสธว่า “ไม่นะ เราเพิ่งเดินขึ้นมา” ในคืนต่อมา เขาพบชายคนเดิมอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้คุยโทรศัพท์ แต่กลับนั่งอยู่ตรงบันได จ้องมาทางเขาและเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง “น้องอยู่ที่ไหน พี่อยู่หน้าห้องแล้ว เปิดประตูให้พี่หน่อย” แต่น่าแปลกที่ปากของชายคนนั้นไม่ได้ขยับเลย คราวนี้ เขามั่นใจว่า สิ่งที่เห็น ไม่ใช่คนแน่นอน เขาเริ่มลังเลว่าจะย้ายออกดีไหม เพราะค่าเช่าหอพักถูกมาก จึงพยายามอดทน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มได้ยินเสียงนี้บ่อยขึ้น รวมถึงเพื่อนบางคนก็ได้ยินเช่นกัน คุณกุ้งตัดสินใจไปถามคนดูแลหอพัก ตอนแรกเขาเลี่ยงที่จะตอบ จนคุณกุ้งต้องบอกว่า “บอกหนูเถอะค่ะ ยังไงหนูก็อยู่มา 3-4 เดือนแล้ว อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว” ในที่สุด คนดูแลหอพักก็ยอมเล่าให้ฟัง “พี่เองก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องจริงหรือเปล่านะ เพราะพี่เพิ่งมาเฝ้าหอได้ไม่นาน แต่ยามของหอพักข้าง ๆ เคยเล่าให้ฟังว่า.. เคยมีคู่รักชายหญิงเช่าห้องอยู่ที่ชั้นสาม ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงทำงานกันคนละที่ วันหนึ่ง ฝ่ายชายกลับมาที่ห้อง อยู่ในห้องได้ 2 วันก็ยังไม่มีความผิดปกติอะไร จนฝ่ายหญิงโทรมาหา แล้วไม่มีคนรับสาย เขาเลยเดินทางมาหาฝ่ายชายที่หอพักแห่งนี้ ปรากฏว่าเคาะห้องก็ไม่เปิด แต่พอโทรไปเสียงโทรศัพท์ดัง จนเขาขอให้งัดห้อง แล้วสิ่งที่ได้เห็นคือ ฝ่ายชายนอนไหลตายอยู่บนที่นอนแล้ว ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะย้ายออก เธอมักได้ยินเสียงชายคนหนึ่งพูดหน้าห้องวนซ้ำ ๆ ว่า ‘น้องอยู่ไหน พี่รออยู่หน้าห้องแล้ว เปิดประตูให้พี่หน่อย’ เธอได้ยินแบบนี้ทุกคืน จนสุดท้ายทนไม่ไหว และย้ายออกไป” และเหตุผลที่ทุกชั้นในหอพักแห่งนี้มีเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ ก็ได้รับคำตอบว่า “ตอนที่ก่อสร้างหอพัก มีคนงานคนหนึ่งชอบเป่าเครื่องดนตรีหลังเลิกงาน แต่แล้ววันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุ ตกจากนั่งร้าน แม้จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็เสียชีวิต เจ้าของอาคารจึงนำเครื่องดนตรีมาติดไว้ที่คานของทุกชั้นเพื่อแก้เคล็ด” และสิ่งที่ทำให้คุณกุ้งขนลุกยิ่งขึ้น คือรุ่นพี่ที่เคยพักที่นี่เล่าว่า “คืนใกล้วันโกน มักมีคนเห็นชายชุดเปื้อนฝุ่นเดินอยู่ที่ชั้นหนึ่ง พร้อมกับได้ยินเสียงเป่าขลุ่ยท่ามกลางความเงียบ” เรื่องนี้ทำให้หลายคนที่รู้ประวัติของหอนี้ ค่อย ๆ ทยอยย้ายออกไป และนั่นก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหอพักแห่งนี้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณแป้ง ‘บ้านเช่า 2 ชั้น’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

10 ส.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณแป้ง ‘บ้านเช่า 2 ชั้น’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณแป้ง‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน-ดีเจเจ็ม‘ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ’บ้านเช่า 2 ชั้น‘ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณแป้งเล่าว่ามีพี่ที่รู้จักกัน ชื่อ ‘พี่หญิง’ เธอทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งต้องหาที่พัก ได้มาเจอกับบ้าน 2 ชั้นคล้ายตึกพาณิชย์ พี่หญิงได้เข้าไปเช่าอยู่ชั้น 1 วันหนึ่งเพื่อนของพี่หญิง 2 คนมานอนด้วย ในขณะที่นอนมีเพื่อนคนหนึ่งที่นอนติดหน้าต่าง ได้ลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่หน้าต่าง ก็เห็นเป็นเงาหญิงชรายืนอยู่ สักพักร่างนั้นก็ลอยเข้ามาใกล้ ๆ สีหน้าของร่างนั้นดูโกรธมาก เพื่อนของพี่หญิงก็รู้สึกกลัวจนร่างกายขยับไม่ได้ จึงตัดสินใจหลับตา สักพักพี่หญิงเห็นว่าเพื่อนคนนั้นนอนอึกอัก ๆ ท่าทางแปลก ๆ จึงปลุกเเล้วถามว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า?” เพื่อนคนนั้นตอบกลับว่า “ฉันเจอผี! เมื่อกี้เห็นคนแก่อยู่ข้างนอกตรงหน้าต่าง น่ากลัวมากเลย” พี่หญิงตอบกลับว่า “ไม่มีนะ ฝันร้ายหรือเปล่า“ เเละบอกอีกว่า ”อยู่มาตั้งนานไม่เคยเจอเลย คิดมากหรือเปล่า“ หลังจากนั้นทุกคนก็พากันนอนจนเช้า ในตอนเช้าก็แยกย้ายกันไปทำงาน จนกลับมาหลังจากเลิกงาน พี่หญิงก็สงสัยว่าทำไมวันนี้ชั้น 2 ไฟเปิดเพราะปกติกลับมาไม่เคยเปิด สักพักพี่หญิงก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้มาจากชั้น 2 ในคืนนั้นขณะที่พี่หญิงกำลังนอนอยู่ ก็รู้สึกแปลก ๆ นอนไม่หลับ จึงลืมตาขึ้นมา ก็เจอกับหญิงชรากำลังนั่งทับอกอยู่ จนรู้สึกหายใจไม่ออก! พี่หญิงจึงใช้จิตเพื่อสื่อสารกับยายคนนั้นว่า ”หนูไปทำอะไรให้ยายหรือเปล่า อย่าทำหนูเลย หนูขอร้อง“ พอสื่อสารกับเสร็จก็สะดุ้งตื่น เเล้วร่างยายคนนั้นก็ค่อย ๆ ลอยหายจากอกขึ้นไปบนเพดาน… ในคืนถัดมาห้องชั้น 2 ไม่ได้เปิดไฟเเต่ยังคงได้ยินเสียงร้องไห้อยู่ ก็เข้านอนเเล้วก็เจอหญิงชราคนเดิม เเต่คืนนี้มาบีบคอเเละก็ทำสีหน้าโกรธใส่ พี่หญิงดิ้น เเล้วร่างหญิงชราคนนั้นก็ลอยขึ้นหายไปบนเพดานเหมือนเดิม! ในตอนเช้าตื่นมาก็พบกับรอยมือเต็มคอ ตนจึงเอาผ้าพันคอไปทำงาน กลับมาตอนเย็นหลังเลิกงานก็ได้ยินเสียงร้องไห้อีก จนครั้งนี้พี่หญิงทนไม่ไหวจึงขึ้นไปเคาะประตูชั้น 2 สักพักก็มีผู้หญิงมาเปิดประตูให้ เเล้วถามกับพี่หญิงว่า “คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า” พี่หญิงตอบกลับไปว่า “พอดี ได้ยินเสียงคนร้องไห้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” ผู้หญิงคนนั้นได้ตอบกลับว่า ”อ๋อ ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีเเม่เพิ่งเสียไป ก็เลยร้องไห้อาจจะดังไปถึงคุณ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ” พี่หญิงมองเข้าไปในห้อง ก็ได้เห็นรูปคุณยายคนที่ฝันถึงเเขวนอยู่ เเล้วก็รีบถามกลับไปว่า “ผู้หญิงคนนี้คือใคร” เขาก็ตอบกลับว่า “เป็นเเม่ของดิฉันเองค่ะ ที่เพิ่งเสียไปได้ไม่นาน” เเละได้ถามพี่หญิงอีกว่า “คุณมาเจอเเม่ดิชั้นหน่อยมั้ยคะ” พี่หญิงก็ตกใจเเต่ก็เดินเข้าไปในห้อง เเละได้พบกับโลงศพอยู่ในห้องเเละภายในโลงก็มีศพของคุณยายคนนั้นอยู่ด้วย ตนจึงได้บอกกลับไปว่า “เนี่ย ฉันฝันเห็นเเม่คุณมา 2 คืนเเล้วก็มาบีบคอฉัน มีอะไรอะหรือเปล่า” เขาก็มีท่าทีสงสัยว่าเเม่ไปทำพี่หญิงทำไม จึงได้เดินไปเปิดโลงศพดู ปรากฏเห็นร่างกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ เเล้วตำแหน่งที่โลงศพตั้งก็ตรงกับเตียงที่พี่หญิงนอนอยู่ เเล้วผู้หญิงคนนั้นก็ได้บอกกับพี่หญิงว่า “ช่วยเอาศพพลิกกลับมาเหมือนเดิมได้มั้ย” พี่หญิงก็ช่วยผู้หญิงคนนั้นพลิกศพกลับมา เสร็จเเล้วก็ออกจากห้องเเล้วกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ในตอนเช้าพี่หญิงจึงได้ขอไปนอนกับเพื่อนจนกว่าเรื่องพิธีนี้จะเสร็จ เมื่อพิธีที่บ้านเสร็จ ตนก็กลับมายังบ้านพัก ตนก็เห็นคนกำลังขนของขึ้นไป เเล้วไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นจึงเดินไปถามผู้ชายที่อยู่หน้าบ้านว่า “ผู้หญิงที่อยู่ข้างบนเขาไม่อยู่เเล้วหรอ ไม่เช่าต่อแล้วหรอ” ผู้ชายคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “ผู้หญิงไหนครับ ไม่มีนะครับ ไม่มีใครเช่านานเเล้วนะครับ” พี่หญิงก็ได้เเต่ยืนงง เเล้วได้ถามผู้ชายคนนัันกลับไปว่า “เเล้วคุณคือใคร” เขาก็ตอบกลับมาว่า “เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้” พี่หญิงจึงขอเจ้าของบ้านขึ้นไปดู เเล้วพบกับรูปของทั้ง 2 คนนั้นเเละกระถางธูปตั้งอยู่ สุดท้ายตนได้ถามกับเจ้าของบ้านว่า 2 คนนี้คือใคร ก็ได้คำตอบว่ารูปคุณยายนั้นคือเเม่ของเขาเเละอีกคนคือพี่สาวของเขา ก่อนหน้านี้คุณเเม่เสียเพราะโรคประจำตัว ในวันที่จัดงานศพก็ฝันว่าคุณเเม่อยากให้จัดงานศพที่บ้าน ส่วนพี่สาวเขารักเเม่มาก เฝ้าเเม่ไม่ยอมกินอะไร จนเป็นโรคขาดสารอาหาร จนสุดท้ายตรอมใจเสียชีวิตตามเเม่ไป..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณนิว ‘ห้องหมายเลข 4’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

25 พ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณนิว ‘ห้องหมายเลข 4’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ สัปดาห์นี้ (21 พฤษภาคม 2567) ‘คุณนิว’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ ฟังจนขนหัวลุกกับเรื่องที่มีชื่อว่า ห้องหมายเลข 4’ จะชวนหลอนจนขนหัวลุกขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย ! เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณนิว (นามสมมติ) โดยคุณนิวเริ่มเล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งคุณนิวได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ว่า ‘ก่อนอายุ 30 จะต้องนั่งรถไฟไปเที่ยวเชียงใหม่คนเดียวให้ได้’ ในตอนนั้นเอง คุณนิวมีอายุ 29 ปีพอดี คุณนิวจึงรู้สึกว่า ‘อีกแค่ปีเดียว ไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องไปให้ได้’ จากนั้นคุณนิวก็ลาพักร้อนทั้งหมด 10 วัน และเริ่มออกเดินทาง เมื่อรถไฟจอดที่สถานีเชียงใหม่ คุณนิวจึงเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อใช้เป็นพาหนะเดินทาง โดยสองวันแรก คุณนิวได้เข้าพักในตัวเมืองเชียงใหม่ สถานการณ์ทุกอย่างปกติดี จนกระทั่งวันที่สาม คุณนิวได้เข้าพักที่ม่อนแจ่ม ซึ่งการเดินทางของคุณนิวในครั้งนี้ ไม่ได้มีแบบแผนการเดินทาง ทั้งการจองที่พักผ่านแอพฯ ทั้งไม่ทราบระยะทางการเดินทาง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าที่พักที่จองไปอยู่ใกล้แหล่งท่องบริเวณไหน สามารถขับมอเตอร์ไซค์ไปได้หรือไม่ แต่คุณนิวก็สามารถพาตัวเองมาถึงที่พักจนได้ เมื่อไปถึง ก็เจอกับพนักงานต้อนรับ ประโยคแรกคุณนิวก็ถามเลยว่า “พี่ครับ… ที่นี่มีผมจองคนเดียวเลยเหรอ ?” เพราะคุณนิวสังเกตเห็นว่า บริเวณรอบ ๆ ไม่มีผู้คนหรือนักท่องเที่ยวคนอื่นอยู่เลย พนักงานต้อนรับจึงตอบกลับว่า “อ๋อ มีอีก 2-3 กรุ๊ปเลย ไม่ต้องกังวลไป แต่น้องมาถึงคนแรก พี่ให้น้องเลือกห้องก่อนได้เลยนะ มีห้อง 1-7 จะเอาห้องไหนล่ะ ?” ซึ่งคุณนิวจึงได้เลือกห้องหมายเลข 4 ตอนนั้นคุณนิวไม่รู้ตัวเลยว่า ทำไมตนถึงเลือกห้องหมายเลข 4 เพราะปกติแล้วคุณนิวถือความเชื่อแบบคนจีนที่ถือว่าเลข 4 เป็นเลขอัปมงคล เนื่องจากออกเสียงว่า ‘ซี่’ (死) เป็นคำที่พ้องกับคำที่มีความหมายว่า ‘ตาย’ คุณนิวจึงคิดว่า ‘ตอนนั้นดวงตัวเองน่าจะพาให้เจอเรื่องอะไรแบบนี้’ หรืออาจจะคิดว่าเลือก 4 เพราะจะได้บ้านพักอยู่ตรงกลาง เวลาที่มีกรุ๊ปทัวร์มา คุณนิวจะได้ไปร่วมสังสรรค์ได้ หลังจากนั้น คุณนิวก็เข้าสำรวจห้องพัก ซึ่งบ้านพักของคุณนิวจะเป็นห้องแนวโฮมสเตย์บรรยากาศดี เมื่อสำรวจเสร็จสิ้นเรียบร้อย คุณนิวก็ไปอาบน้ำเพื่อผ่อนคลาย พร้อมกับเปิดลำโพงบลูทูธฟังเพลงไปด้วย แต่ในระหว่างการอาบน้ำ แอพฯ ได้สุ่มเปิดเพลง ‘ฟ้อนเหนือร่วมสมัย’ ซึ่งตอนแรกคุณนิวก็คิดว่า ‘เดี๋ยวเนื้อเพลงก็คงขึ้น’ แต่จนกระทั่งคุณนิวอาบน้ำเสร็จ เนื้อเพลงก็ไม่ขึ้นสักที จนออกมาพบว่า ‘เป็นเพลงที่มีแต่ทำนอง…’ ซึ่งคุณนิวจึงเอาเรื่องราวนี้ไปโพสต์ใน Facebook ส่วนตัว เพื่อนของคุณนิวต่างเข้ามาคอมเม้นต์ในเชิงหยอกล้อว่า “คุณนิวต้องโดนผีหลอกแน่” หรือ “คืนนี้ต้องโดนแน่” เพราะเพื่อนของคุณนิวรู้ดีว่า คุณนิวเป็นคนที่ชอบเที่ยวคนเดียว และก็เป็นคนที่มีเซ้นส์แรงชอบเจอเรื่องลี้ลับ ด้วยความที่คุณนิวเป็นคนไม่กลัวผี จึงถ่ายรูปคานในห้อง ที่มีลักษณะเป็นคานไม้พาดยาว มีพื้นที่ว่างจนสามารถยื่นหัวจากข้างนอกโซนห้องนอน ชะโงกเข้ามามองในห้องน้ำได้เลย แล้วพิมพ์ตอบว่า “ลองนึกภาพตามนะ ถ้าเขาใส่ชุดเหนือ แล้วมานั่งห้อยขาบนคานจะเป็นยังไง ?” ตกเย็นในระหว่างที่คุณนิวกำลังนั่งรออาหารมาส่ง ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศรอบที่พัก ซึ่งในระหว่างนั้นก็มีเสียงสวดมนต์ สวดทำวัตรเย็น หรือสวดศพอะไรสักอย่างดังอยู่ตลอด คุณนิวไม่ทราบเลยว่า บริเวณนั้นมีวัดอยู่ตรงไหน ด้วยความที่คุณนิวเป็นคนปากไวจึงพูดขึ้นมาว่า “โอ๊ย… ดีจริง ๆ เลย บรรยากาศดี มีเสียงดนตรีสวดด้วย” หลังจากที่คุณนิวดื่มด่ำกับบรรยากาศ เวลาประมาณเที่ยงคืน คุณนิวก็ได้กลับเข้าห้องพัก เพื่อที่จะนอนพักผ่อน ในระหว่างที่คุณนิวกำลังจะหลับ คุณนิวก็สัมผัสได้ว่า ‘มีคนกำลังจ้อง มองมาที่ตนอยู่’ ซึ่งตอนนั้นคุณนิวรู้สึกระแวงจนนอนไม่หลับและอึดอัดมาก ก่อนที่สมองจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ คุณนิวจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นมา สายตามองทะลุความมืดตรงขึ้นไปด้านบนคาน เห็นรูปร่างอะไรบางอย่างที่มืดกว่าบรรยากาศ ลักษณะนั่งห้อยขาอยู่ด้านบนคาน คุณนิวจึงรีบหลับตาลงทันที คิดในใจว่า ‘ถ้าลืมตาอีกครั้ง แล้วเขากระโจนลงมาทับที่ตัวเราจะทำยังไง ?’ จากนั้นก็ค่อย ๆ ตั้งสติ ลืมตามองอีกครั้ง… กลับไม่เจออะไร หันหน้าหนีมองไปทางห้องน้ำ ก็รู้สึกได้ว่า ตรงบริเวณคานมีคนชะโงกหน้ามามองอยู่! ซึ่งคุณนิวไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย เพราะไม่คุ้นเส้นทาง และคุณนิวไม่สามารถขับมอเตอร์ไซค์เข้าเมืองตอนตี 1 ได้ สิ่งเดียวที่คุณนิวทำได้คือ ลุกขึ้นไปเปิดไฟ เพื่อให้ห้องสว่าง แต่ก็ยังไม่สามารถนอนหลับต่อได้ … จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น คุณนิวจึงตัดสินใจเก็บกระเป๋า เตรียมตัว Check out c9jก่อนที่จะออกจากห้อง คุณนิวเดินไปที่ระเบียงหลังห้องเพื่อเช็คความเรียบร้อย ก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่า “ทำไมตัวเองถึงโดนหลอก” เพราะเมื่อเปิดประตูระเบียงทางด้านออกไป พบว่า ‘ประตูห้องหมายเลข 4’ ได้ตรงกับเมรุเผาศพของวัด ซึ่งบริเวณที่คุณนิวรับประทานอาหารเมื่อวาน เป็นตีนเขาติดกับทางเข้าวัด ซึ่งระหว่างทางที่คุณนิวเดินทางมาถึงโฮมสเตย์แห่งนี้ คุณนิวไม่เห็นเลยว่ามีวัดอยู่ในบริเวณนี้ และอยู่ใกล้ขนาดนี้ หลังจากเกิดเรื่องราวทั้งหมด คุณนิวก็มานั่งเรียบเรียงสถานการณ์ ได้ข้อสรุปว่า การที่เขามาหา น่าจะเป็นเพราะคุณนิวไปปากดีใส่ไว้ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมด น่าจะเกิดขึ้นจากความปากดีล้วน ๆ ซึ่งในทุกเหตุการณ์ คุณนิวก็เป็นคนกำกับบทให้เขา ทั้งการที่คุณพูดว่า “ถ้าเขาใส่ชุดเหนือ แล้วมานั่งห้อยขาบนคาน” ทั้งเสียงสวดคล้ายเสียง “สวดศพ” ซึ่งทำให้คุณนิวเจอเรื่องราวที่ตรงกับที่ตัวเองพูดไว้ทุกอย่าง …(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจาก 'ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม' "เด็กที่ชวนไปเล่นซ่อนแอบ" I อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [ 5 พ.ย. 2567 ]

13 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจาก 'ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม' "เด็กที่ชวนไปเล่นซ่อนแอบ" I อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [ 5 พ.ย. 2567 ]

เรื่องหลอนจากแดนอาทิตย์อุทัยกลับมาพร้อมกับ ‘ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม’ ที่ได้มาเล่าเรื่อง ‘เด็กชวนไปเล่นซอนแอบ’ ให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (5 พฤศจิกายน 2567) ฟัง จัดหนักจัดเต็มหลอนสุดกำลังจน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนลุกซู่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ตามไปอ่านกันเลย! ‘ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม’ เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นมากกว่าจึงไม่คุ้นเคยกับระบบการจัดงานศพในไทยสักเท่าไหร่ แต่ที่ญี่ปุ่นนั้น หากมีคนเสียชีวิต ก็จะมีบริษัทหรืออาชีพที่คอยให้คำปรึกษาและช่วยวางแผนงานศพให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต เช่น ควรใช้ขนาดรูปถ่ายเท่าไหร่ ต้องการจักงานศพแบบศาสนาใด เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ ส่วนเรื่องหลอนที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องของ ‘เรียวตะ’ (นามสมมติ) เขาทำอาชีพเกี่ยวกับการจัดงานศพในตำแหน่งผู้ช่วย แต่ยังอ่อนประสบการณ์ หัวหน้าจึงพาเรียวตะไปทำงานด้วยที่บ้านลูกค้าหลังหนึ่ง บ้านลูกค้าหลังนี้ เป็นบ้านญี่ปุ่นโบราณ พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง มีสวนหิน ตกแต่งด้วยต้นบอนไซตามสไตล์ญี่ปุ่น เรียวตะมองดูและคิดในใจว่า ‘เจ้าของบ้านหลังนี้ต้องรวยมากแน่ ๆ’ ไม่นานก็ได้พบเจ้าของบ้าน ขอเรียกแทนว่า ‘คุณป้า’ เมื่อทักทายกันเสร็จเรียบร้อย หัวหน้าก็ขอไปไหว้ผู้เสียชีวิตเป็นอันดับแรกตามธรรมเนียม คุณป้าไม่ได้ว่าอะไร และกล่าวเชื้อเชิญไปตามทางเดิน เมื่อถึงที่เคารพศพผู้เสียชีวิต ก็พบว่าคุณป้าได้จัดเตรียมหิ้งและรูปไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่ยังไม่ได้จัดการกับศพที่จะเป็นแท่นตั้งเอาไว้ เรียวตะเดินเข้าไปปักธูปเพื่อเคารพศพ จากนั้นหัวหน้าก็บอกว่า “ดูแลพวกน้ำ พวกของต่าง ๆ ที่ใช้เตรียมไหว้ตรงนี้นะ ส่วนผมจะไปคุยรายละเอียดกับคุณป้าก่อน” เรียวตะคิดทึกทักเอาเองว่า ศพตรงหน้านี้น่าจะเป็นคุณลุงที่อาจจะเป็นสามีของคุณป้า หลังจากคุณลุงเสียชีวิต คุณป้าจึงเข้ามาดูแลบ้านหลังนี้แทน หลังจากที่หัวหน้าบอก เรียวตะก็จัดเตรียมเปลี่ยนน้ำ และหยิบผลไม้มาวางจัดให้ผู้เสียชีวิตจนเสร็จ เมื่อลุกขึ้นเดินออกจากห้องเพื่อที่จะไปตามหาหัวหน้าที่กำลังคุยกับคุณป้าอยู่นั้น พอเดินออกจากห้อง เรียวตะก็มองซ้ายมองขวา อยู่ ๆ ก็เอะใจขึ้นมาว่า ‘บ้านหลังใหญ่จัง ห้องไหนนะ อ่า..หลงทางเสียแล้ว’ เรียวตะพยายามเดินตามหาเสียงพูดคุยตามห้องไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียง กุกกักๆๆ ในห้องหนึ่ง เรียวตะคิดว่าอาจจะเป็นห้องนี้ จึงเลื่อนเปิดประตูปรากฏว่า เป็นห้องสี่เหลี่ยมมีของเล่นเด็กวางไว้อยู่ทั่วห้อง เป็นของเล่นเด็กที่เก่ามาก มีฝุ่นและหยากไย่เต็มไปหมด สภาพห้องเหมือนกับไม่ได้ทำความสะอาดมานาน ส่วนเสียงที่ดัง กุกกักๆๆ ก็มาจากตู้ในห้องนี้ เรียวตะคิดว่าตนเข้าห้องผิด พอหันหลังกลับไป ก็ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายพูดขึ้นมาว่า “คุณเป็นใครครับ” เรียวตะหันหลังกลับทันทีที่ได้ยิน ก็เห็นเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กอายุราวประมาณ 3 ขวบ ยืนอยู่กลางห้อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามองไม่เห็นใครสักคน! เรียวตะ : ขอโทษทีนะหนู พี่มาคุยธุระเรื่องจัดการเรื่องงานศพ หนูพาพี่ไปหรือพอจะบอกทางพี่ไปห้องรับรองได้ไหม เด็กชาย : เรื่องงานศพอะไร มีคนเสียชีวิตเหรอครับ ผมไม่รู้เรื่องผู้ใหญ่ ถ้าพี่ว่าง พี่มาเล่นกับผมได้ไหม เล่นเป็นเพื่อนผมหน่อยผมเหงา เรียวตะ : พี่ก็อยากเล่นด้วยนะ หนูเล่นอะไร เด็กชาย : เล่นซ่อนแอบครับพี่ มาเล่นกับผมไหม เรียวตะ : ตอนนี้ยังไม่ได้ เดี๋ยวพี่ต้องไปประชุมต่อ หัวหน้าจะบ่น งั้นถ้าบอกพี่ว่าห้องอยู่ตรงไหน เดี๋ยวเสร็จธุระ พี่จะมาเล่นด้วยนะ เด็กชาย : โอเคได้ งั้นสัญญามาเล่นกับผมนะ จากนั้นเรียวตะก็เดินไปตามทางที่เด็กผู้ชายคนนั้นบอก จนไปเจอหัวหน้าและได้นั่งคุยธุระวางแผนกันจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก ทั้งคู่เตรียมตัวกลับบ้าน แต่ก่อนที่จะกลับ คุณป้าก็พูดคุยด้วยความยิ้มแย้มว่า “ขอบคุณมากนะคะ ที่มาดูแลจัดการให้” เรียวตะตอบกลับไปว่า “ครับ ขอบคุณมากนะครับ อีกเรื่องนึงน่ะครับ ผมฝากบอกขอบคุณเด็กผู้ชายคนหนึ่งด้วยครับ คือผมเดินหลงทางในบ้าน มีน้องผู้ชายพามาที่ห้องนี้” หลังจากนั้น คุณป้าที่กำลังยิ้มแย้มอยู่กลับหุบยิ้มแล้วพูดเสียงแข็งว่า “เด็กผู้ชายหรอ?! บ้านนี้ไม่มีเด็ก เธอพูดอะไรเลอะเทอะ กลับบ้านไปได้แล้ว!” เมื่อหัวหน้าเห็นสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปของคุณป้าจึงพูดไปว่า “เด็กใหม่ครับ มันพูดไปเรื่อย ผมขอโทษด้วยนะครับ” แล้วทั้งคู่ก็รีบออกจากบ้านไปทันที เช้าวันต่อมา เรียวตะและหัวหน้าต้องกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก หัวหน้าจึงบอกให้เขาขอโทษคุณป้าอีกครั้ง พอถึงบ้านคุณป้า เรียวตะก็รีบไปขอโทษคุณป้าอย่างจริงใจ แต่คุณป้ากลับตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไรหรอก มันก็อาจจะมีจริงก็ได้นะ เด็กที่เธอพูดถึง แต่แค่ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กคนนั้นเป็นยังไง ช่างมันเถอะ เชิญขึ้นบ้าน” พอเข้าไปในบ้านก็คุยธุระกันไป จนกระทั่งถึงเรื่องสำคัญ หัวหน้าบอกให้เรียวตะออกไปรอข้างนอกก่อน เนื่องจากเขายังอยู่ในช่วงฝึกงาน เรียวตะจึงเดินออกไปนอกห้องแล้วก็คิดในใจถามกลับตัวเองว่า ‘เมื่อวานที่เจอเด็กผู้ชายคนนั้นมันชัดมาก เด็กมีตัวจริงใช่ไหม’ เรียวตะเดินเพลินแล้วก็หยุดนั่งบริเวณสวนในบ้าน ในหัวยังคงเหม่อคิดถึงเรื่องเด็กผู้ชายคนนั้นอยู่ จากนั้นก็มีเสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นมาว่า “พี่มาทำอะไรเนี่ย” เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงเด็กผู้ชายคนนั้นจากข้างหลัง เรียวตะเคลิ้มเผลอพูดตอบกลับไปว่า เรียวตะ : พี่เหรอ อืม.. พี่ก็มา.. เอ้า! แล้วหนูอยู่ไหน?! เด็กชาย : อ๋อ พี่หาผมไม่เจอหรอก ผมเล่นซ่อนแอบอยู่ พี่.. วันนี้พี่จะมาหาใช่ไหม พี่จะมาเล่นกับผมใช่ไหม? เรียวตะ : อืม แต่พี่จะหาหนูเจอได้ไง แล้วงานก็ต้องทำ อีกอย่างนะ คุณป้าบอกว่าที่นี่ไม่มีเด็ก.. เรียวตะนึกถึงอาการของคุณป้าที่เหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง แต่เขาก็อยากรู้อยากเห็นจึงถามไปว่า เรียวตะ : แล้วตอนนี้หนูแอบอยู่ไหนเหรอ? เด็กชาย : ไม่ได้ ถ้าผมบอกพี่ มันก็ไม่ได้เป็นการเล่นสิ แต่ผมก็ต้องเล่นซ่อนแอบอยู่อย่างงี้ตลอด เพราะว่าคุณป้าบอกว่าให้ผมเล่นซ่อนแอบ แล้วก็เป็นซ่อนแอบที่ไม่มียักษ์ (การเล่นซ่อนแอบที่ไม่มียักษ์ เป็นการเล่นซ่อนแอบที่ให้เด็กแอบอยู่ที่ใดที่หนึ่งแล้วขังเด็กไว้ ยักษ์ที่หมายถึงคือคนหา เท่ากับว่าคุณป้าบอกให้เด็กคนนั้นแอบแต่คุณป้าไม่มาหา เรียวตะจึงตีความได้ว่าคุณป้าน่าจะขังเด็กคนหนึ่งเอาไว้ในบ้านหลังนี้) เด็กชาย : ผมไปไหนไม่ได้เพราะว่ายังไม่มีใครหาผมเจอ ยังไม่มียักษ์มาหา เรียวตะ : งั้นเดี๋ยวพี่เป็นยักษ์ให้ บอกมาว่าหนูอยู่ไหน? เด็กชาย : หนูอยู่ข้างหลังพี่!!! พอเรียวตะหันหลังกลับไปก็พบว่าข้างหลังเป็นแค่ห้องโล่งห้องหนึ่ง จากนั้นเขาคิดว่าบ้านหลังนี้ต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองได้ยินเสียงเด็กผู้ชายเต็มสองหู และแล้วก็มาถึงวันจัดงานศพ หน้าที่ของเรียวตะคือดูแลแขกที่มาร่วมงาน เมื่อทำพิธีเสร็จเรียบร้อยและแขกกลับจนหมด เรียวตะจึงไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำรวม เพราะสถานที่จัดงานไม่ได้แบ่งโซนชายหญิง ขณะที่กำลังล้างมืออยู่นั้น เรียวตะก็หวนนึกถึงคำพูดของตนที่บอกเด็กผู้ชายว่า ตนจะเป็นยักษ์ให้ เมื่อไหร่จะได้หา แล้วจะได้กลับไปบ้านหลังนั้นอีกหรือเปล่าตนก็ไม่แน่ใจ หรือ เด็กคนนั้นจะเป็นผี ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วตนจะทำอย่างไรดี เมื่อล้างมือจนสะอาดเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นมา เรียวตะเห็นว่า ตรงกระจกมีเด็กผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ แต่ไม่มีลูกตา ปากขยับเหมือนกำลังตะโกนบอกบางอย่างอยู่! ตอนแรกเขาก็ตกใจแต่ไม่ได้กลัว แค่รู้สึกเหมือนเด็กกำลังพยายามบอกอะไรบางอย่าง พอตั้งใจดูปาก ก็พอจะอ่านปากได้ว่า “พี่ ข้างหลัง หลังไงพี่ ข้างหลัง ๆๆ” หลังจากนั้น เรียวตะก็เห็นคุณป้ายืนอยู่ข้างหลัง กำลังเอาเชือกรัดคอตัวเขาอยู่! และคุณป้ายังพูดอีกว่า “มึงรู้เรื่องกูเยอะเกินไปแล้ว” เรียวตะพยายามสู้ เสียงโวยวายของเขาดังมาก จนมีคนเข้ามาแล้วพูดว่า “คุณทำอะไรเนี่ย ใจเย็น ๆ คุณพยายามจะฆ่าพนักงานเรานะ” เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เรียวตะมั่นใจว่ามีเรื่องราวบางอย่างไม่ชอบมาพากล เมื่อเขานำเรื่องทั้งหมดมาปะติดปะต่อกันก็คิดได้ว่า เป็นไปได้ที่คุณป้าจะต้องทำร้ายเด็กคนนั้นแน่นอน สุดท้ายก็ได้มีการแจ้งตำรวจ และทำการไกล่เกลี่ยกัน คุณป้าและเรียวตะถูกสั่งห้ามเจอกัน ทำให้เรียวตะไม่มีโอกาสกลับไปบ้านหลังนั้นเพื่อตามหาเด็กผู้ชายคนนั้นอีก เขาจึงตัดสินใจพยายามบอกเรื่องนี้กับทางตำรวจ แต่ตำรวจก็ไม่เชื่อ หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านมา 5 ปี โชคชะตาก็พาเรียวตะกลับมาไปบ้านหลังนั้นอีกครั้ง เหตุผลคือ เรียวตะได้กลับมาจัดงานศพของคุณป้าคนนั้น เรียวตะได้จัดงานศพตามความประสงค์ของคุณป้าที่เขียนไว้ก่อนตาย คุณป้าไม่มีลูกหลาน เรียวตะจึงต้องจัดแจงมรดกและดูรายละเอียดในใบนั้นให้ดี เขาเห็นว่ามีรายชื่อที่ถูกลบไป แต่หากเพ่งดูให้ชัดก็จะเห็นตัวอักษรที่เขียนว่า ‘ทากิลุคุง’ เรียวตะอนุมานในใจว่า ‘หรือนี่คือชื่อของเด็กผู้ชายคนนั้น?’ แต่เนื่องจากชื่อนั้นถูกลบออกไปแล้ว ทำให้ไม่มีใครได้รับมรดก มรดกนี้จึงตกไปอยู่ที่ธนาคาร ในวันนั้นเอง เรียวตะตัดสินใจเดินไปรอบบ้าน เพื่อตามหาความจริง จนกระทั่งไปถึงตู้ในห้องที่เคยเจอเด็กคนนั้นครั้งแรก เรียวตะพยายามงัดเปิดตู้จนเจอเข้าอีกชั้นหนึ่งที่ซ่อนอยู่ พองัดอีกทีก็เห็นศพของทากิลุคุงที่ถูกหมกอยู่ตรงนั้น! สภาพน้องเหมือนผ่านมานานหลายปี หลังจากนั้น เรียวตะก็แจ้งตำรวจ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ตำรวจก็ไม่สามารถสืบสวนอะไรได้ เนื่องจากไม่สามารถระบุได้ว่าใครคือฆาตกรที่ฆ่าหมกศพเด็กน้อย ‘ทากิลุคุง’ และคนที่น่าจะรู้ดีที่สุดอย่างคุณป้าที่เป็นเจ้าของบ้านก็เสียชีวิตไปแล้ว..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1