เรื่องเล่าจาก บอย ธิติพร 'บ้านท่าน้ำนนท์' I อังคารคลุมโปง X บอย ธิติพร [ 27 ส.ค. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจาก บอย ธิติพร 'บ้านท่าน้ำนนท์' I อังคารคลุมโปง X บอย ธิติพร [ 27 ส.ค. 2567]

04 ก.ย. 2024

    เรื่องราวนี้ ‘คุณบอย ธิติพร‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (27 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม‘ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ’บ้านท่าน้ำนนท์‘ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย!

    คุณบอยเล่าว่า ตนได้ไปซื้อบ้านโบราณ เนื่องจากอยากจะสร้างบ้านอยู่กับครอบครัว ไม่ได้ตั้งใจอยากจะทำเป็นร้านอาหารแต่อย่างใด จึงไปบอกกับย่าว่าถ้าหากแถวนี้มีใครขายที่ติดน้ำ ให้บอกตนด้วย ตนจะได้ซื้อไว้ หลังจากนั้น คุณบอยแวะเวียนไปดูบ้านหลายหลัง แต่ก็ยังไม่ได้ตกลงซื้อเสียที จนอยู่มาวันหนึ่ง ย่าก็บอกว่า“ พรุ่งนี้จะมีคนขายบ้าน มาดูหน่อยสิ”

    ตนก็ถามคุณย่าว่า “บ้านหลังนี้คือบ้านหลังไหน?”

    ย่าก็บอกว่า “ตรงนี้ไงที่เราไปเล่นตอนเด็ก ๆ”

    แต่คุณบอยนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก จนกระทั่งคุณย่าพาตนกับน้องชายไปดูก็ต้องตกใจเพราะบ้านเก่ามาก สภาพคือบ้านร้าง ไม่มีคนอยู่ คุณย่าจึงเล่าให้ฟังว่า

    “บ้านหลังนี้เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องเรา เป็นบ้านที่ดองกับครอบครัวเรา เเต่เขาเสียชีวิตที่บ้านหลังนี้”

    ในขณะที่กำลังเดินเข้าไปดูบ้านก็เห็นตะขาบตัวเท่าไม้บรรทัดเลื้อยผ่านหน้าตน น้องชายพูดออกมาว่า

    “เฮ้ยย เก่าขนาดนี้ ยังจะซื้ออีกหรอ”

    เเต่คุณบอยรู้สึกว่าบ้านหลังนี้สวย มันมีค่ามาก เเต่ตนก็เกิดความลังเลขึ้นว่าจะซื้อดีหรือไม่ เพราะบ้านมันเก่า ตนจึงไปยืนอยู่ตรงกลางระหว่างบ้าน 2 หลังเเละมีต้นไทรย้อยลงมา เเล้วพนมมือพูดเสียงดังออกมาว่า

    ”เจ้าที่เจ้าทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บ้านหลังนี้ ลูกมาซื้อเพื่อจะมาสร้างครอบครัวอยู่ที่นี่ ถ้าเมตตาลูก ถ้าอยู่เเล้วทำมาค้าขึ้น ถ้าต้อนรับลูกเเละครอบครัว ขอให้แสดงสัญญาณมาหน่อยว่าต้อนรับเรา“

    เมื่อคุณบอยพูดจบก็ลมแรงพัดเข้ามา ทั้ง ๆ บริเวณนั้นมันไม่ควรจะมีลม คุณบอยจึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังนั้น

    หลังจากที่คุณบอยซื้อเสร็จ ก็เตรียมย้ายเข้ามา แต่เจ้าของบ้านก็บอกว่า

    “น้องบอยไม่ต้องรอกุญเเจจากพี่นะ งัดเข้าไปเลย”

    คุณบอยจึงงัดเข้าไป แต่ก็เจอสิ่งที่ตนคิดไม่ถึง เเต่ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ต่อมาก็ได้เรียกช่างและสถาปนิกมาเพื่อจะรีโนเวทบ้านใหม่ ในคืนวันนั้นคุณบอยได้ตื่นมาเข้าห้องน้ำเวลาประมาณตี 1-2 ที่บ้านของตัวเองอีกหลัง ตนยืนยันว่าไม่ได้ละเมอ มีสติมาก ในขณะที่กำลังจะนอนก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดว่า

    “อย่ารื้ออ~ อย่ารื้ออ~”

    คุณบอยจึงได้ยกมือไหว้เเละพูดว่า “พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะคะ ง่วง”

    ในตอนเช้าคุณบอยก็รีบขับรถไปหาย่าเเล้วเล่าเหตุการณ์ที่ตนเจอเมื่อคืน เเล้วคุณย่าก็ตอบกลับว่า

    “คงเป็นเเม่ตะเคียนของบ้านนั้นแหละ”

    คุณบอยตกใจเเละตอบกลับคุณย่าไปว่า “ทำไมไม่เล่าให้ฟังเลยล่ะ“

    คุณย่าตอบกลับว่า ”ถ้าชั้นเล่า กลัวแกไม่ซื้อ“

    นอกจากนี้เ ยังทราบจากคุณย่าอีกว่าบ้านหลังนี้ประกาศขายมา 10 ปีแล้ว แต่ไม่มีใครซื้อ เเล้วคุณย่าก็ได้พาคุณบอยขึ้นไปชั้น 2 เเล้วจุดธูปไหว้ นั่นทำให้คุณบอยทราบว่ามีเสาตะเคียนอยู่ในบ้าน จึงไหว้และอธิษฐานว่า

    ”เเม่ตะเคียนคะ ถ้าไม่ให้หนูรื้อบ้านหลังนี้ เเล้วจะเก็บไว้ไปทำอะไร“

    ในคืนนั้น คุณบอยฝันเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยเดินไปเดินมาในบ้านเเละบ้านสวยมาก มีคนเสิร์ฟอาหาร มีโต๊ะวางเรียงที่ริมน้ำ เมื่อตื่นมาก็รีบบอกกับครอบครัวว่าให้เปิดร้านอาหาร คุณบอยจึงต้องหาช่างมาทำแต่ติดต่อช่างก็ไม่มีใครรับทำ จนมาถึงคนที่ 9 เขาก็ทำให้ได้ และต้องรอประมาณ 9-10 เดือน เพราะเขาติดทำบ้านอยู่ เเต่เขามีเพื่อนที่เป็นช่างอีกคนก็ จึงให้เขาติดต่อคุณบอยกลับไป ผ่านไปประมาณเกือบชั่วโมงก็มีการติดต่อมา บอกว่าเป็นเพื่อนของช่างคนนั้น เขาอยากจะไปดูบ้านก่อนว่าอยากจะให้ทำอะไรบ้าง คุณบอยก็ได้นัดกับช่างให้มาดูบ้านเวลา 4 โมงเย็น

    เมื่อช่างมาถึงบ้านก็พูดกับคุณบอยว่า “โห พี่ให้ผมไปทำเเล้วผมจะทำยังไง พี่หาช่างอื่นเหอะเพราะว่ามันยาก บ้านพี่ดีหมดเลย”

    คุณบอยก็ตอบกลับว่า “คุณบอกว่ามันยาก มันสวย เเล้วคุณจะไม่ช่วยผมทำหรอ”

    ช่างก็ตอบกลับว่า “ผมก็อยากทำพี่ แต่ผมมีงานสร้างเเละรับเขาไว้ ว่างอีกทีกลางปีเลย”

    คุณบอยขอร้องให้ช่างช่วย เเต่ช่างก็บอกกลับมาว่าจะถามเพื่อนอีกคนให้ วันต่อมาเวลา 8 โมงเช้า ช่างคนเมื่อวานที่มาดูบ้านโทรกลับมาเเล้วบอกว่าจะรับทำบ้านคุณบอย

    ตนจึงตอบกลับว่า ”ไหนบอกติดงาน แล้วทำไมมาทำล่ะ?“

    ช่างก็ตอบกลับว่า ”ก็เมื่อคืนอ่ะ มีผู้หญิงใส่ชุดไทยสีทอง มาอยู่ที่ปลายเท้าเเล้วบอกว่าให้ช่วยมาทำบ้านให้ชั้นหน่อย“

    หลังจากนั้นก็เจรจาราคากันจนเสร็จแล้วช่างก็เริ่มทำงาน..

    อยู่มาวันหนึ่ง ในขณะที่คุณบอยกำลังเข้าห้องน้ำ ก็มีเสียงดัง “โอ้วว! เอ๊อออ!” มาจากบ้าน ตนก็ตกใจเพราะกลัวว่าจะมีอุบัติเหตุหรือเกิดอะไรขึ้นกับช่าง จึงรีบออกมาเเล้วถามว่า “เกิดไรขึ้น ใครเป็นไร”

    ช่างก็ตอบกลับมาว่า “พี่ ผมถูกหวย!“ เเละได้เล่าว่า ”ผมกับแฟนนอนพักกลางวันอยู่บน ผมฝันเห็นบนเพดานบ้านพี่เป็นเลข 307“ แต่บ้านหลังนี้มันเลข 370 ในระหว่างที่คุณบอยกับช่างกำลังคุยกันอยู่ก็มีคนโทรหาเเล้วพูดว่า ”เฮ้ยย มึงก็ได้หลายหมื่นนะ มึงถูกเหมือนกัน”

    คุณบอยก็ตอบกลับไปว่า “จะถูกได้ไง เลขบ้านกู 370”

    เเล้วเขาก็ตอบกลับว่า “เปล่า มึงพิมพ์ไลน์ให้กูอะ 307”

    ตั้งเเต่อยู่บ้านนี้มาก็มีเรื่องที่คุณบอยนึกไม่ถึงเยอะ อย่างเช่น ในขณะที่เสิร์ฟอาหารลูกค้า ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมีทรงคล้ายกับแม่หมอ เขามากับสามีเเล้วถามตนว่า “คุณบอยคะ ข้างบนเขามีปาร์ตี้ชุดไทยกันหรอคะ”

    ตนก็บอก “ไม่นะคะ ไม่มีอะไร”

    เขาก็บอกว่า “เดี๋ยวพี่ลงมานะ คุณบอยยืนรอตรงนี้”

    จากนั้นเขาก็หายไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง สามีเขาก็บอกคุณบอยว่า “พี่บอยไปทำอะไรก็ไปเถอะ ภรรยาผมเสร็จเเล้วเดี๋ยวผมเรียก”

    สักพักหนึ่งเขาก็เดินลงมา เเล้วบอกว่า “พี่ไปคุยกับผู้หญิงชุดไทย เขาขอบคุณบอยมากเลยนะที่ไม่รื้อบ้านเขา จากนี้ไปจะให้โชคคุณบอย“

    เมื่อคุณบอยได้ทราบเช่นนั้นก็ตกใจว่าเขารู้เรื่องรื้อบ้านได้อย่างไร เพราะไม่เคยคุยกับเขาเเละไม่ได้ออกสื่อ เเต่ตนก็ไม่เชื่อเเละไม่ได้คิดอะไรมาก

    ต่อมาก็มีรายการของ “อาจารย์พรหมญาณ” เข้ามาติดต่อถ่ายทำรายการที่บ้านของคุณบอย นัดเจอกันเวลาบ่ายโมงที่บ้าน สักพักหนึ่งอาจารย์ก็เดินเข้ามาเเตะไหล่ ตนจึงตกใจเเละถามกลับไปว่า

    “อาจารย์มาบ้านบอยถูกได้ยังไง อาจารย์รู้ได้ไงว่าบ้านบอยอยู่นี่”

    ปกติแล้ว หากมาที่บ้านหลังนี้ ต้องจอดรถอีกที่หนึ่งเเล้วเดินเข้าซอยมาถึงจะเจอบ้าน อาจารย์ก็ตอบกลับมาว่า “ผมจะไม่รู้ได้ยังไง ผมขับรถเข้ามาในซอยบ้านคุณเเสงสีทองพุ่งถึงฟ้าเลย”

    จากนั้นก็เริ่มถ่ายรายการ อาจารย์ก็ได้บอกกับคุณบอยอีกว่า “เลขที่เดิมของบ้านหลังนี้คือ 103 บ้านหลังนี้ญาติพี่น้องตีกันมีราหู มีสิ่งลี้ลับเเละบ้านหลังนี้มีคาถาบังบดที่อยู่กับ 103 เเล้วเทศบาลนนทบุรีรื้อระบบออกเลขบ้านให้เลขบ้านใหม่ เลยทำให้คาถาบังบดหายไปหมด ตอนนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เขายืนรอบเรา เขาโอบรับคุณบอยมากเลยนะ“ เเล้วก็ไปนั่งคุยกันต่อชั้น 2 ก็ถามว่า “คุณบอย หลังตู้ตรงนั้น มันมีอะไรอยู่หรอครับ”

    คุณบอยจึงตอบว่า “มันเป็นกองขยะ ยังรื้อไม่หมดเลย เพราะบ้านมันร้างมาอยู่หลายปี”

    อาจารย์บอกว่า “ผมขอไปรื้อได้มั้ย” แล้วอาจารย์ก็เดินไปหยิบกระดาษเป็นตาราง 9 ช่อง เเล้วพูดว่า “นี่คือดวงบ้านหลังนี้ ที่ผูกเอาไว้ ให้บูชาเเละเก็บเอาไว้”

    หลังจากนั้น คุณบอยก็ได้เอาใส่กรอบไม้ เเล้วเอาไปติดที่เสาหลักของบ้าน ครั้งแรกตอกตะปูเเล้วตอกไม่เข้า จึงยกมือไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าขอติดตรงนี้ พอตอกอีกครั้งรอบนี้ตอกเข้า อาจารย์ก็บอกอีกว่า “บ้านหลังนี้ทุกเสาเป็นไม้มะเคียนทั้งหมด เเละลงอาคมหมดทุกเสา คนที่อยู่ข้างบนไม่ได้มีเเค่เเม่ตะเคียนเงินตะเคียนทอง มีพ่อแก่แม่แก่ มีเจ้าที่เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์เต็มไปหมดในบ้านหลังนี้”

    ต่อมา เวลาลูกค้ามาทานอาหารก็เจออยู่เรื่อย ๆ มีอยู่วันหนึ่งลูกค้าผู้ชายบอกกับคุณบอยว่า “เมื่อกี้ผมขึ้นไปห้องข้างบน เจ้าของห้องเขาบอกว่าเบื่อเพลงลูกกรุงละ ช่วยเปลี่ยนเป็นเพลงไทยเดิมให้หน่อย” ที่ร้านจึงต้องสร้างห้องแม่ตะเคียน ซึ่งห้องนั้นเวลาลูกค้ามาก็จะขอไปไหว้

    ในช่วงเปิดร้านใหม่ ๆ ได้มี “ครูอ้อย ฐิตินาถ” กับ “พี่กาละแมร์” ได้มาทานข้าวที่ร้านเเล้วพูดในสิ่งที่ทำให้คุณบอยขนลุกว่า “น้องบอยครูเชื่อในเรื่องของเจ้ากรรมนายเวร บ้านหลังนี้เขาเลือกคุณบอยนะ เเละครูเชื่อว่าคุณบอยเคยเป็นอะไรในรั้วในวังถึงจะต้องได้มาอยู่บ้านหลังนี้” ตนก็ได้เเต่ตอบกลับไปว่า “ครับ เจ้าของบ้านท่านแรกเป็นข้าราชบริพารในรัชกาลที่ 6 ในขณะเดียวกันต้นตระกูลฝั่งคุณย่าพี่บอยเป็นเเม่ครัวในวัง ร.6”

    นอกจากนี้ ยังมีแม่หมอคนหนึ่งเดินมาหาบอกคุณบอยว่า “คุณบอยคะ รู้ไหมว่าซุ้มประตูนี้มันมีมนต์แคล้วคลาด ใครโดนของให้เดินเข้าเดินออกมันจะเเคล้วคลาด”

    มีอยู่วันหนึ่งก็ได้ลูกค้าเข้ามาจองโต๊ะที่ร้านประมาณ 10 คน ลูกค้าได้ชวนหมอดูมาดูดวงโดยใช้ห้องประชุมของร้านคุณบอย ซึ่งข้างบนเป็นห้องเเม่ตะเคียน เวลาล่วงเลยจนดึก ก็ยังดูดวงไม่เสร็จ จึงตั้งใจจะไปดูต่อที่โรงเเรมเพราะหมอดูเกรงใจคุณบอย แต่ก็ได้พูดว่า

    “ยังกลับไม่ได้ ต้องดูให้คุณบอยก่อน”

    คุณบอยก็รู้สึกงง เพราะไม่เคยรู้จักกันเเล้วก็ไม่ได้เป็นลูกค้าที่ให้ดูดวงด้วย หมอดูคนนั้นได้พูดกับตนว่า

    “พอดีคนข้างบนเขาฝากมาสื่อสารกับคุณบอยว่า แม่ตะเคียนขอบคุณคุณบอยนะที่ถวายข้าว ถวายน้ำให้ทุกวัน จนเขามีญาณเยอะ รอบ ๆ บ้านสัมภเวสีเยอะมาก โดยเฉพาะคนที่ตกน้ำตายหรือวิญญาณเร่ร่อนริมน้ำ ทุกวันพระเป็นไปได้มั้ยให้คุณบอยถวายข้าวให้เขากินด้วย ถ้าทำคุณบอยจะเจริญรุ่งเรือง และข้าง ๆ ริมน้ำของร้านมีต้นมะเดื่อชุมพรกับต้นก้านเหลืองอยู่ 2 ที่นั้นน่ะ มีนางฟ้าอยู่ด้วยนะ คุณบอยอย่าลืมไปถวายอาหารเขาบ้างนะ ทุกวันนี้เขาดูเเลริมน้ำทั้งหมดไม่ให้ใครมาวุ่นวาย“ เเละได้บอกอีกว่า ”ช่วงนี้คุณบอยดูไม่ปกติ ดูกังวล ดูชีวิตมีปัญหา ให้พี่บอยไปหาเเม่ตะเคียนข้างบน นั่งสมาธิเเละสื่อสารกับเเม่ตะเคียนว่าอยากให้ช่วยอะไร เขาอยากช่วยเเต่ไม่รู้ว่าคุณบอยต้องการอะไร”

    เมื่อคุณบอยทราบเช่นนั้นก็ตกใจว่ารู้ได้อย่างไรว่าตนถวายเเม่ตะเคียนทุกวันเเละทราบได้อย่างไรว่าชีวิตมีปัญหา เพราะตนเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งมันเป็นเรื่องส่วนตัวเเละเราก็ไม่ได้รู้จักกัน เเละได้บอกอีกว่า

    “ตอนนี้เรื่องร้านไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเเม่จะเรียกคนให้ ขอให้บอยรักษาตัวเองเเล้วทำให้ทุกอย่างกลับมา เพราะเเม่เป็นห่วง…”

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

Phone in เรื่องเล่าจาก 'อัค อัครัฐ' I อังคารคลุมโปง X ฟิล์ม ธนภัทร - นุ่น ศิรพันธ์ [4 ก.พ. 2568]

04 ก.พ. 2025

Phone in เรื่องเล่าจาก 'อัค อัครัฐ' I อังคารคลุมโปง X ฟิล์ม ธนภัทร - นุ่น ศิรพันธ์ [4 ก.พ. 2568]

‘คุณอัค อัครัฐ’ ได้ Phone in มาเล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากกองถ่าย เหตุการณ์เกิดขึ้นกลางวันแสก ๆ แต่กลับมีบางสิ่งเดินผ่านกล้อง ทั้งที่ทั้งกองยืนยันว่า ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น! ทว่าภาพที่ปรากฏในมอนิเตอร์ กลับเผยให้เห็นเงาร่างลึกลับ.. สวมโจงกระเบน เดินผ่านประตูไปต่อหน้าต่อตา! แล้วใครที่เดินผ่านไปกันแน่? มาฟังพร้อมกันในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (4 กุมภาพันธ์ 2568) กับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ แล้วจะรู้ว่า บางสิ่งรอบตัวอาจกำลังจับมามองคุณอยู่! ‘อัค อัครัฐ’ เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้คุณอัคได้รู้ว่าผีมีอยู่จริง และสถานที่ก็คือกองถ่ายละครแห่งหนึ่ง ย่านลำลูกกา คลองสาม เป็นหมู่บ้านจัดสรรร้างที่มีคนไปถ่ายละครที่นั่นกันบ่อย ๆ ในวันนั้น เหตุเกิดขึ้นตอนเวลาประมาณบ่ายสองโมงครึ่งถึงบ่ายสามโมง สมัยก่อนกล้องถ่ายหนังมักจะใช้กล้องเล็ก ๆ กล้องเดียวตามหลังนักแสดง เหตุการณ์ตอนนั้นคือตากล้องกำลังถ่ายเก็บภาพเดินตามหลังนักแสดงอยู่ สถานที่ถ่ายทำนั้นเป็นทางยาวตรง มีสามแยกอยู่ทางด้านขวา ปลายทางของทางตรงมีประตูอยู่หนึ่งบาน เป็นประตูสีขุ่นที่ทีมงานปิดเอาไว้ แล้วเอาไฟไปยิงอยู่ด้านหลัง ซึ่งแถว ๆ นั้นจะมีผู้กำกับและทีมงานยืนอยู่ เพื่อกันไม่ให้คนเดินผ่าน เพราะถ้ามีคนเดินผ่านมันจะเข้าเฟรมกล้องที่ถ่ายอยู่และจะเห็นทันที ผู้ช่วยผู้กำกับจึงไปยืนกันไว้ตรงข้างประตูสีขุ่นนั้น หลังจากเริ่มถ่าย ตากล้องก็ค่อย ๆ เริ่มเดินตามหลังนักแสดงไป แต่จู่ ๆ ผู้กำกับก็ตะโกนขึ้นมา “คัต! ใครเดินวะ” แล้วทีมงานทั้งหมดเกือบ 50 ชีวิตของทั้งกองต่างเดินพากันมาหยุดอยู่ที่หน้ามอนิเตอร์ เพื่อดูภาพย้อนหลังในกล้อง จะเห็นประตูสีขุ่นบานนั้นอยู่ ซึ่งทุกคนเห็นอย่างเดียวกันว่า มีเงาคนเดินจากทางฝั่งขวาประตู ไปทางฝั่งซ้ายประตู เดินไปทางผู้ช่วยผู้กำกับที่ยืนกันคนอยู่ แต่ทางผู้ช่วยก็ได้ตะโกนบอกกลับมาว่า “มันไม่มีใครเดินนะพี่” ทีมงานที่ยืนอยู่แถวนั้น ต่างก็ช่วยยืนยันอีกเสียงว่า ‘มันไม่มีใครเดินจริง ๆ’ เพราะหากมีคนเดิน ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ก็ต้องเห็น แต่ในมอนิเตอร์ที่ทุกคนเห็นมันมีเงาของคนเดินผ่านจริง ๆ จากนั้นทุกคนก็ได้ทำได้เพียงแค่ปลอบใจกันเองว่า ‘คงเป็นทีมงานเดินแหละ แต่ไม่มีใครกล้ายอมรับเพราะกลัวผู้กำกับด่า’ เพื่อที่จะให้งานสามารถไปต่อได้ วันนั้นหลังจากที่ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อย ทีมงานก็ได้นำฉากนี้ไปลงในคอมพิวเตอร์เพื่อจะมาดูย้อนหลัง หลังจากนำไฟล์ลงในคอมพิวเตอร์แล้ว ก็จะสามารถดูเฟรมต่อเฟรมได้ ทีมงานก็ได้ซูมเข้าไปที่ประตู ก็เห็นเป็นเงาของคนที่เดินจากประตูฝั่งขวามาฝั่งซ้ายจริง ๆ แต่เพิ่มเติมคือเห็นรายละเอียดของเงาปริศนานั้นชัดเจนขึ้นคือ ‘ระหว่างขาที่เขาเดิน เห็นเป็นกางเกงโจงกระเบน ตรงส่วนไหล่จะเป็นพุ่มสองข้างทั้งซ้ายและขวา’ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพียงแค่คุณอัคที่เห็นคนเดียว แต่เป็นคนทั้งกองเห็น คุณอัครู้สึกได้ทันทีเลยว่า ‘ผีมีอยู่จริง’(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากไท ธนาวุฒิ 'เรื่องผีหัวโต' | อังคารคลุมโปง X ไท ธนาวุฒิ [4 มี.ค. 2568 ]

08 มี.ค. 2025

เรื่องเล่าจากไท ธนาวุฒิ 'เรื่องผีหัวโต' | อังคารคลุมโปง X ไท ธนาวุฒิ [4 มี.ค. 2568 ]

“คืนหนึ่งเจอสิ่งแปลกประหลาด หน้าดำ ตาแดง จ้องมองจากหน้าต่าง เลยพูดท้าทายไปว่า ‘ถ้าเก่งจริงก็มา’ จนอีกวัน… เจอดี! ตามมาหลอกถึงในห้อง มาเหยียบหน้าอก พร้อมคำเตือนว่า ‘มึงทำตัวให้ดีหน่อย’ แล้วรู้ตัวไหมว่าบางครั้งคำท้าทายอาจทำให้เจอสิ่งที่ไม่ควรเจอ!”‘ไท ธนาวุฒิ’ เปิดเรื่องหลอนใน ‘อังคารคลุมโปง X (4 มี .ค. 2568)’ กับเรื่องราว ‘’ผีหัวโต’’ ที่ทำเอาขนหัวลุก กับเงาปริศนานุ่งโจงกระเบนแดง ดวงตาแดงฉาน… ที่โผล่มาถึงห้อง มันคืออะไรกันแน่? มาฟังไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ แล้วอย่าลืมระวัง… คืนนี้ อาจมีบางอย่างมาหาคุณ!คุณไท ได้เล่าว่า คืนหนึ่งขณะกึ่งหลับกึ่งตื่น เขาหันไปมองที่หน้าต่างแล้วต้องชะงัก เพราะมีบางสิ่งอยู่ตรงนั้น… เป็นใบหน้าขนาดใหญ่เต็มกระจก ดวงตาสีแดงก่ำจ้องตรงมาที่เขา คุณไท ถึงกับตกใจ แต่ก็ยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น จึงพูดท้าทายออกไปว่า “ไม่จริงเว้ย! ถ้าเก่งจริงก็มา”ทำให้ในคืนต่อมา… ก็ได้เจอจริงๆ ร่างนั้นยืนอยู่ปลายเตียง สวมโจงกระเบนแดง ผิวดำคล้ำ ดวงตาแดงฉาน ก่อนจะก้าวขึ้นมาเหยียบบนอกเขา หนักจนแทบหายใจไม่ออก แล้วพูดด้วยเสียงเย็นเยียบว่า “มึงทำตัวให้ดีหน่อย”ในคืนต่อมา เพื่อนของพี่ชายมาขอนอนที่ห้องคุณไท แต่เขาอยู่ได้เพียงสองคืนก่อนจะหนีไป คุณไทสงสัยจึงถามถึงสาเหตุ และคำตอบที่ได้รับทำให้ขนลุกไปทั้งตัว เพราะพี่ชายก็ได้ “โดนคนใส่โจงกระเบนแดงเหยียบ” เหมือนกันและเหตุผลที่เขาโดนแบบนั้น… เป็นเพราะพี่ชายของเขาเคยฆ่าคนตายแล้วหนีคดี ผีตนนั้นเลยมาเตือน… ทำให้คุณไทนึกขึ้นได้ว่า ตัวเขาเองก็เคยถูกเตือนแบบนี้มาก่อน และบางที อาจเป็นเพราะตอนเด็กๆ เขาเองก็เคยเป็นเด็กแสบไม่แพ้กัน ผีตนนั้น… ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ “เจ้าที่ เจ้าบ้าน” ที่คอยมาเตือนให้ผู้คนอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง ใครที่ปฏิบัติตัวดี ก็จะไม่เจอ แต่หากใครทำผิด คิดไม่ซื่อ หรือก้าวล้ำเส้นที่ไม่ควรก็อาจได้รับการเตือนในแบบที่ลืมไม่ลง…(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณโบ ‘206 ห้องอาถรรพ์’ I อังคารคลุมโปง X POPPY C. [ 2 ก.ค. 2567]

06 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณโบ ‘206 ห้องอาถรรพ์’ I อังคารคลุมโปง X POPPY C. [ 2 ก.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณโบว์’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (2 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘206 ห้องอาถรรพ์’ จะหลอนขนาดไหนนั้นไปอ่านกันเลย! คุณโบว์เล่าว่า ก่อนที่จะมาอยู่ที่ห้องเช่าตนอยู่ที่บ้านเป็นปกติ แต่เมื่อต้องมาทำงานในเมืองจึงอยากจะเช่าหอหรือคอนโดอยู่ ไม่นานก็มีน้องแนะนำหอพักแห่งหนึ่งให้ได้รู้จัก จะได้อยู่ใกล้กันด้วย คุณโบว์จึงไปดูสถานที่นั้น ซึ่งหอพักนี้เป็นหอพักที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่หอพักแห่งนี้ค่อนข้างเก่า ด้านขวามือจะเป็นตึก 1 ถ้าตรงไปจะเป็นตึก 2 เมื่อไปถึงเจ้าของห้องก็พาคุณโบว์เดินชมสถานที่ แล้วก็เลือกห้องพัก เมื่อไปถึงตึก 1 ก็ขึ้นไปในห้องที่อยู่ชั้น 2 คุณโบว์รู้สึกว่า ห้อง 206 ดูดี แต่เสียอย่างหนึ่งก็คือมันติดกับถนน จึงขึ้นไปดูชั้น 4 ปรากฏว่าสภาพดีกว่าชั้น 2 แต่คุณโบว์ไม่ค่อยถูกใจ รู้สึกว่าตอนเดินเข้าไปมันอึดอัด คุณโบว์จึงไปเดินอีกตึกแต่ก็ยังไม่ถูกใจ จึงเลือกห้องที่อยู่ชั้น 2 นั่นก็คือห้อง 206 แม้ห้องมีเสียงดังเพราะติดกับถนนแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตนจึงเลือกห้องนี้ เวลาผ่านไป 1 เดือน คุณโบว์ก็ได้เข้ามาอยู่ห้องนี้ ตอนแรกไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ด้านซ้ายมือจะเป็นประตู ถัดมาจะเป็นชั้นวางของ ปลายเตียงเป็นทีวี ด้านขวามือเป็นห้องน้ำ มีอยู่คืนหนึ่ง คุณโบว์ได้พูดคุยกับเพื่อน เพื่อนก็ได้เล่าเรื่องตลกให้ฟัง คุณโบว์นั่งหัวเราะคุยกันยาวจนถึงตี 2 จากนั้นปลายตาก็สังเกตุเห็นด้านซ้ายเป็นชายผ้าถุง ตอนแรกก็รู้สึกว่าตนอาจจะง่วงนอน หรือตาฝาด จึงพยายามที่จะเพ่งไป แต่ไม่ได้หันหน้าไปมอง เพราะรู้สึกแปลก ๆ ขออธิบายเพิ่มเติมว่าผนังห้องเป็นสีเหลืองทั้งหมด คุณโบว์ได้แต่สงสัยว่าทำไมตนถึงได้เห็นชายผ้าถุง หลังจากนั้นก็ขอวางสายเพื่อน เพราะเริ่มรู้สึกกลัวและมันก็ดึกมากแล้ว พอวางสายเสร็จ คุณโบว์ก็หันไปเล็กน้อย ก็เห็นเป็นผู้หญิงผมยาวใส่ผ้าถุงก้มหน้าแต่ไม่มีขา แต่คุณโบว์เองก็ไม่กล้าที่จะหันไปตรง ๆ เพราะเห็นที่ปลายตาแล้ว จากนั้นก็รวบรวมสติและหันไปอีกที ทีนี้ไม่เจออะไร! คุณโบว์คิดว่าตนตาฝาด และอาจจะมโนคิดภาพไปเอง แต่ก็กลัวจึงเอาพระมาใส่แล้วก็นอนหลับไป วันรุ่งขึ้น คุณโบว์ทำงานเสร็จแต่เลิกเร็วกว่าปกติ จึงกลับมานอนช่วงบ่าย พอนอนไปได้สักพักก็รู้สึกเหมือนถูกอำ กระดิกตัวไม่ได้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนพูดว่า “กูจะกินพ่อกับแม่มึง” คุณโบว์พยายามที่จะพูดแต่พูดไม่ออก จึงรวบรวมสติและสวดมนต์ แต่ก็นึกบทสวดไม่ออกเพราะกลัวมาก จากนั้นก็พยายามพูดว่า “ไม่ได้” ออกไปอีกรอบ ครั้งนี้หลุดออกมาได้ จากนั้นแม่ก็โทรมาพอดี คุณโบว์ตัดสินใจถามแม่ว่า “แม่ ที่บ้านมีอะไรแปลก ๆ หรือเปล่า” แม่ก็บอก “ไม่มีนะ” คุณโบว์ถามต่อว่า “แม่ทำอะไรอยู่” แม่บอกว่า “ แม่กำลังเอาน้ำแดงไปไหว้ทางสามแพร่ง” คุณโบว์จึงสงสัยว่าไปไหว้ทำไมเพราะปกติก็ไม่ได้ทำ ไม่นานคุณแม่ก็บอกว่า “เห็นคนอื่นทำเลยทำบ้าง” คุณโบว์จึงห้ามคุณแม่เพราะตนรู้สึกเหมือนเป็นการเรียกสัมภเวสีเข้าบ้าน หลังจากนั้นคุณโบว์ที่ยังรู้สึกกลัว จึงคิดว่าจะกลับบ้านและไปอัญเชิญพระที่บ้านมาไว้ที่หอ วันต่อมา คุณโบว์กลับบ้านและนำมาพระมาไว้ที่หอ ก็รู้สึกสบายใจขึ้น และคิดว่าตนอาจจะคิดภาพมโนหรือตาฝาดไปเอง ในวันนั้นก็นอนดึก คืนถัดไปก็นอนดึก แล้วก็สวดมนต์ แต่ในขณะที่สวดมนต์คุณโบว์รู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ข้างหลัง แล้วบทสวดที่สวดคือบทชิณบัญชร จากนั้นก็มีเสียงกรี๊ดใส่หู คุณโบว์ตกใจเพราะบริเวณหอพักในตอนนั้นควรจะเงียบสงบ คุณโบว์รู้สึกกลัวมากจึงเอาพระมาวางรอบตัวและใส่พระนอน แต่ก็ทนไม่ไหวเพราะอยากทราบว่าในห้องมีผีจริงหรือไม่ จึงติดต่อหมอดูท่านหนึ่งที่ดังระดับประเทศมาช่วยเหลือ สิ่งแรกที่หมอดูบอกคือให้ออกจากห้องให้เร็วที่สุด เพราะว่าถ้าไม่ออกจากห้องนี้เขาจะทำให้เราซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย! แล้วหมอดูก็เล่าให้คุณโบว์ฟังว่า เดิมหอพักนี้ไม่ใช่หอพัก เมื่อ 30 ปีที่แล้วสถานที่นี้เป็นบ้านคน และมีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ที่นี่และมีลูกสาว ลูกสาวคนนี้มีความดาร์ก และถูกพ่อแม่ขัดขวาง จึงผูกคอตายที่ประตูซ้ายที่คุณโบว์เห็น ซึ่งวิญญาณเหมือนดลจิตดลใจให้ตัวคุณโบว์มาพักที่ห้องนี้ และเหมือนเขาจะอยากให้คุณโบว์ไปอยู่เป็นเพื่อน เพราะว่าชีวิตคุณโบว์คล้ายกับเขา เวลาที่คุณโบว์อยู่ห้องนี้จะทำให้ทุกข์ใจมาก เช่น บางทีทะเลาะกับแม่ ทะเลาะกับเพื่อน หรือทะเลาะกับแฟน ตัวคุณโบว์ก็จะร้องไห้ทุกวัน และเวลาที่คุณโบว์ร้องไห้เขาก็จะมายืนดู หรือบางทีก็มานอนข้าง ๆ และหมอดูก็บอกต่ออีกว่า หลังจากที่ฟังจบแล้วให้รีบไปถวายพระ 9 นิ้วและปล่อยปลาตามอายุเพื่อส่งวิญญาณไป และให้รีบย้ายออกโดยด่วน คุณโบว์จึงพยายามจะไปทำตามที่หมอดูบอก แต่ก็มีเหตุที่ทำให้ไม่ได้ไป เช่น ฝนตก ติดงาน ทำให้เวลาล่วงเลยไปกว่า 2 เดือน เหมือนเขาไม่อยากให้คุณโบว์ไป จนเวลายืดยาวทำให้คุณโบว์อยู่ห้องนี้ 1 ปีเต็ม พอถึงวันสุดท้ายที่คุณโบว์จะออกจากห้องนี้ คุณโบว์ก็บอกกับเขาว่า “เราทำบุญให้แล้วอย่าตามเรามานะ เราไม่รู้ว่าจะช่วงส่งวิญญาณไปได้ไหม แต่เราเต็มใจที่จะทำบุญให้นะ”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากหมอพิพิม 'เจ้าของเดิม ' I อังคารคลุมโปง X หมอพิพิม [ 3 ก.ย. 2567]

11 ก.ย. 2024

เรื่องเล่าจากหมอพิพิม 'เจ้าของเดิม ' I อังคารคลุมโปง X หมอพิพิม [ 3 ก.ย. 2567]

เรื่องราวนี้ ’หมอพิพิม’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (3 กันยายน 2567) เตรียมตัวขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘เจ้าของเดิม’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! หมอพิพิมเล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของศิลปินคนหนึ่ง ให้สมมติว่า ‘คุณเอ๋’ โดยปกติแล้วการจ้างนักดนตรีไปต่างจังหวัดก็มักจะจ้างยาว คุณเอ๋ถูกจ้างไปเล่นดนตรีทางภาคใต้พร้อมกับวงดนตรี ก็ได้บ้านเช่าตึกแถวหนึ่งชั้น มีประตูรั้วเหล็กแบบเลื่อนปิด บ้านเป็นลักษณะตรงยาวลึกเข้าไป พอเข้าประตูไปก็จะมีศาลตี่จู่เอี๊ยะ ด้านขวาเป็นทางเดินตรงยาว ห้องแรกไม่มีประตู ห้องที่สองมีประตู ตรงเข้าไปข้างหลังก็จะมีห้องครัว บ้านหลังนี้ไม่ได้หรูหรา แต่ก็พออยู่ได้ บรรยากาศโอเค หลังจากเล่นดนตรีเสร็จ ปกติก็มักจะชอบสังสรรค์หลังเลิก แต่แล้วก็มีพี่คนหนึ่ง นามสมมติว่า ‘พี่โต้’ เขาขอกลับก่อน เพราะยังเล่นไม่คล่องเลยอยากแกะเพลงเพิ่ม เมื่อถึงบ้านเขาก็ล็อคประตู แล้วก็ไปอยู่ที่ห้องแรก พี่โต้เอากีตาร์และเอาวิทยุมาเปิดเพลง ด้วยความที่ต้องแกะเพลงจึงต้องเปิดเสียงดัง ในระหว่างที่ก้มหน้าอยู่นั้น หางตาก็เห็นมีคนเดินจากหน้าบ้านไปหลังบ้าน ในใจพี่โต้คิดว่า ‘เพื่อนมาแล้วหรอ ทำไมไม่ได้ยินเสียงประตู หรือเป็นเพราะเราเปิดเพลงเสียงดัง’ พี่โต้ชะโงกออกไปมอง ปรากฏว่าไม่เจอใคร จึงตะโกนเรียกว่า “เจม ใช่เจมป่าว (นามสมมุติ)” แต่แล้วก็ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา จึงคิดว่าตนอาจจะเบลอหรือตาฝาดไปเอง แล้วก็กลับมาโฟกัสกับการแกะเพลงต่อ สักพักก็เกิดเหตุการณ์เดิมอีกคือหางตาเห็นเหมือนมีใครเดินผ่านไป แต่ครั้งนี้ เดินมาอีกทางจากหลังบ้านมาหน้าบ้าน พี่โต้ทำเช่นเดิมคือก็ชะโงกหน้าออกมา แล้วตะโกนถามว่า ”เจมป่าว“ แต่ก็ยังไม่มีคนตอบ พี่โต้เดินออกไปที่ประตู ปรากฎว่าประตูก็ยังล็อคอยู่เหมือนเดิม พี่โต้พยายามไม่คิดอะไรเยอะ จึงกลับมาแกะเพลงต่อ ไม่นานหลังจากนั้น ขณะที่กำลังแกะเพลงอยู่ ก็เห็นคนเดินมาจากหน้าบ้าน แต่รอบนี้ไม่เดินผ่านแล้ว เขาเดินมาหยุดอยู่ที่ประตู รอบแรกกับรอบสองที่พี่โต้เห็น ก็เริ่มรู้สึกไม่ดี พี่โต้รู้สึกแปลกที่ด้วยความที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ จึงไม่แน่ใจว่าคืออะไร พี่โต้สับสน อยากจะเงยหน้ามอง แต่ขณะที่กำลังจะเงยหน้าขึ้นมา ทุกอย่างก็ช้าลงผิดปกติ หางตาเห็นคนเท้าซีด ไม่ใส่รองเท้า พอค่อย ๆ เงยขึ้นมา ก็เห็นเป็นขากางเกงสีน้ำเงินคล้ายขาก๊วย พี่โต้ตัวนิ่งและค่อย ๆ ชา แล้วขนก็ลุก แต่แล้วก็พยายามเงยหน้าขึ้นมาดูต่อ เห็นเป็นแขนแนบตัว ผิวซีด และเห็นเป็นคนไม่มีหัว! พี่โต้ช็อกจนอึราด แล้วเขาก็หลับตา พยายามรวบรวมสติ คิดว่าคงตาฝาด แต่พอลืมตามาอีกครั้ง ก็ยังเห็นคนไม่มีหัวอยู่ ในตอนนั้น พี่โต้ทั้งถ่ายหนักถ่ายเบา น้ำหูน้ำตาออกมาหมด พี่โต้ลองหลับตาอีกครั้ง แล้วบอกว่า “อย่าทำอะไรผมเลย ผมมาทำงาน ถ้าเกิดว่าการที่ผมทำอะไรเสียงดัง หรือทำอะไรรบกวน ผมขอโทษจริง ๆ เดี๋ยวผมจะให้เพื่อนทำบุญไปให้ (เขาไม่สามารถทำได้เพราะด้วยศาสนาของเขา)” จากนั้นพี่โต้ก็ลืมตาขึ้นมา คนไม่มีหัวก็หายไป.. เมื่อเหตุการณ์สงบ สติของพี่โต้กลับเข้าที่ เขาก็ทำความสะอาดเตียง ทำความสะอาดตนเอง อาบน้ำล้างตัว พอเพื่อนกลับมาก็เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกว่า ”อย่ามาหลอกเลย ไม่เชื่อหรอก” แล้วก็ขำตลกเฮฮากันแล้วก็ผ่านไป แต่เพราะต้องอยู่ต่ออีกหลายวัน หลังจากวันนั้น เพื่อน ๆ ก็ได้เจอกันทีละคน บางคนเห็นมีคนเดินผ่าน บางคนได้ยินเสียงเท้า เรียกว่าสมาชิกทุกคนได้เจอกันจนครบ สุดท้ายก็มาคุยกันว่า อยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้แล้ว จึงตัดสินใจย้ายออกกัน ระหว่างที่กำลังย้ายออก ป้าข้างบ้านก็มาพูดด้วยว่า “อ้าว เจอแล้วหรอ กำลังจะย้ายออกใช่ไหม” เหมือนว่าใครมาอยู่ที่นี่ต้องได้เจอทุกคน หลังจากนั้นก็ถามคุณป้า คุณป้าบอกว่า “คนที่อยู่ที่นี่ เขาเป็นคนแก่ ซึ่งอยู่คนเดียว ไม่มีคนดูแล ก็เสียชีวิตที่นี่”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1