เรื่องเล่าจากคุณออโต้ 'คืนออกตรวจ' l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [18 ก.พ. 2568]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณออโต้ 'คืนออกตรวจ' l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [18 ก.พ. 2568]

23 ก.พ. 2025

       ตำรวจหน้าใหม่ไฟแรงคนหนึ่ง ได้รับแจ้งเหตุว่ามีขโมยขึ้นบ้าน แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบร่องรอยของโจรเลย กลับพบเพียงตู้เสื้อผ้าเก่า ๆ ที่มีศพอยู่ในนั้น!

       ศพนี้คือใคร?

       คนที่โทรแจ้งจะเกี่ยวข้องกับศพนี้อย่างไร?

       และเหตุการณ์หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?

       ติดตามได้กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘คืนออกตรวจ’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (18 กุมภาพันธ์ 2568) พร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ ‘ดีีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ’

       ถ้าพร้อมแล้ว ไปหาคำตอบกันเลย!

 

       ‘คุณออโต้’ ได้นำเรื่องของน้องตำรวจคนหนึ่งชื่อ ‘คุณโจ้’ (นามสมมติ) มาเล่า โดยเล่าว่า 

       ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน เป็นช่วงที่คุณโจ้ได้เป็นตำรวจใหม่ มักได้ออกตรวจเมื่อมีคนมาแจ้งเหตุเข้ามา และในวันที่เกิดเหตุตอนประมาณ ตี 1 กว่า ได้มีคนแจ้งเข้ามาว่า มีคนร้ายขึ้นบ้าน คุณโจ้และเพื่อนอีกสองคน จึงขับรถสายตรวจออกไปที่เกิดเหตุทันที

       จากสถานีตำรวจและบ้านที่เกิดเหตุนั้นห่างกันประมาณ 6 กิโลเมตร ลักษณะของบ้านที่เกิดเหตุมีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่กว่า บ้านติดอยู่กับสวน เมื่อคุณโจ้และเพื่อนมาถึงก็สังเกตเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนรออยู่หน้าประตูบ้าน ผู้ชายที่ยืนอยู่มีท่าทางตกใจเป็นอย่างมาก คุณโจ้จึงได้เข้าไปสอบถาม ผู้ชายคนนี้เล่าว่า

       “เมื่อกี้ ผมได้ยินเสียงกระทืบเท้าบนชั้น 2”

       เมื่อทราบเรื่องคุณโจ้และเพื่อนจึงขึ้นไปตรวจสอบบนบ้านทันที 

       คุณโจ้และเพื่อนเดินขึ้นไปบนชั้น 2 พร้อมกับเจ้าของบ้านนามว่า ‘คุณเอ’ (นามสมมติ) ซึ่งได้บอกกับคุณโจ้เพิ่มเติมว่า

       “พี่ ห้องข้างบ้านเนี่ยผมได้ยินเสียง”

       คุณโจ้จึงพูดไปว่า

       “นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ใครอยู่ในห้อง ออกมา”

       แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา คุณโจ้จึงเปิดประตูเข้าไป แต่ก็ไม่พบใคร คุณโจ้จึงถามคุณเอว่า

       “น้อง ในห้องไม่มีคนเลยนะ”

       แต่คุณเอก็ยังยืนยันว่าเขานั้นได้ยินเสียงกระทืบเท้า และบอกต่อว่าอาจจะกระโดดออกทางหน้าต่างไปแล้วก็ได้ คุณโจ้จึงไปตรวจสอบที่หน้าต่างปรากฏว่ามันล็อกอยู่ และคิดว่าคงไม่มีโจรคนไหนกระโดดออกจากทางหน้าต่างแล้วกลับมาล็อกตามเดิม 

       คุณโจ้ได้ปรึกษากับเพื่อนอีกสองคนว่า คุณเออาจจะเมาสารเสพติดแล้วเกิดอาการหลอน คุณโจ้จึงเดินลงมาบอกคุณเอว่าเขาไม่พบใครเลย แต่คุณเอก็ยังยืนยันคำเดิมว่าได้ยินเสียงจริง ๆ และมีเสียงคนคุยกันรอบบ้าน แต่ก็จับใจความที่คุยกันไม่ได้ แล้วยังได้ยินเสียงกระทืบเท้า คุณเอจึงขอให้ไปตรวจดูรอบบ้าน คุณโจ้และเพื่อนก็ทำตามนั้น แต่เมื่อเดินตรวจทุกที่แล้วก็ยังไม่พบใครหรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ จึงเดินกลับมาบอกกับคุณเอว่า

       “พี่เดินตรวจแล้ว ไม่เจอคนร้ายเลยนะ”

       แต่คุณเอก็ยังยืนยันว่าได้ยินจริง ๆ 

       เมื่อตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อย คุณโจ้และเพื่อนจึงขอกลับมาที่สถานีตำรวจ แต่ขับรถมาได้ประมาณ 10 นาที ก็มีวิทยุแจ้งเข้ามาว่า บ้านหลังนั้นที่พวกเขาไปตรวจมามีคนร้ายวิ่งเข้าไปในบ้าน คุณโจ้และเพื่อนก็คิดว่า ‘บ้านหลังนี้อีกแล้ว’ แต่ด้วยหน้าที่จึงเดินทางกลับไปที่บ้านหลังเดิม และเห็นคุณเอยืนอยู่ที่รั้วบ้านด้วยท่าทีตกใจและบอกว่า

       “มันมีคนวิ่งเข้าไปพี่”

       คุณเอจึงได้เอาเชือกล็อกประตูห้องนั้นไว้ มั่นใจว่าครั้งนี้ต้องจับได้แน่

       คุณโจ้และเพื่อนก็ขึ้นไปบนชั้น 2 ของบ้าน แต่คราวนี้คุณเอได้เปิดไฟไว้ทั่วบ้าน พอถึงชั้น 2 คุณโจ้ก็ตะโกนออกไปว่า

       “ใครอยู่ในห้อง! ออกมา! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!”

       แต่เรื่องที่แปลกก็คือ ครั้งที่แล้วภายในห้องมีแค่เตียงกับพัดลม แต่ครั้งนี้กลับมีตู้เสื้อผ้าไม้ขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง คุณโจ้จึงคุยกับเพื่อนว่า

       “เมื่อกี้เรามาไม่เห็นเจอนะ”

       คุณโจ้จึงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เพื่อดูว่ามีคนร้ายอยู่ในนั้นหรือไม่ แต่เมื่อเปิดออกก็ไม่พบออะไร เป็นตู้เปล่า ทั้งสามคนจึงสรุปกันว่าเจ้าของบ้านมีอาการหลอน และเริ่มปลีกตัวออกมาพร้อมตะโกนบอกไปว่า

       “ถ้าน้องหลอนหรืออะไร นอนหลับได้เลยนะ อย่าโทรแจ้งอย่างงี้อีก”

       แต่ขณะที่กำลังออกจากห้องนั้น ก็มีเสียงเหมือนคนกำลังเคาะตู้เสื้อผ้าจากด้านใน คุณโจ้จึงหันไปมอง และไฟที่เริ่มติด ๆ ดับ ๆ ในขณะนั้นเองตู้เสื้อผ้าก็ค่อย ๆ เปิดออกมา จนเห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งภายในตู้ โดยร่างนั้นมีลักษณะอืดบวม และตรงพัดลมเพดานที่ไฟติด ๆ ดับ ๆ อยู่ ก็มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งผูกคอห้อยอยู่ แล้วชี้หน้ามาที่ทั้ง 3 คน พร้อมตะโกนออกมาว่า

       “พวกมึงเป็นใคร! เข้ามาบ้านกูทำไม”

       คุณโจ้และเพื่อนรีบวิ่งลงมาข้างล่าง โดยที่คุณเอไปยืนรอที่รถสายตรวจแล้ว ทั้ง 3 คนจึงมาคุยกับคุณเอถึงสิ่งที่พวกเขาเจอ และถามคุณเอว่า

       “แล้วเป็นเจ้าของบ้านหรือเปล่า”

       คุณเอจึงบอกไปว่า

       “ผมพึ่งมานอนคืนแรกพี่ ผมก็ได้ยินเสียง”

       คุณโจ้จึงถามต่อว่า

       “แล้วเจ้าของบ้านละ”

       คุณเอก็บอกว่าเจ้าของบ้านนั้นเป็นคุณป้า ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัด

       ทั้ง 3 คนยังคงตกใจกับสิ่งที่เจอ จึงหันกลับไปมองในตัวบ้านที่เปิดไฟไว้ทั่ว แต่แล้วอยู่ ๆ ไฟก็ดับไป และมีเสียงตะโกนออกมาพร้อมกันว่า

       “พวกมึง! ออกไปจากบ้านกู!”

       โดยเสียงนั้นมาจากร่างชาย-หญิงที่พวกเขาพบ คุณโจ้และเพื่อนจึงรีบพาคุณเอไปที่สถานีตำรวจ เมื่อมาถึงก็ได้เริ่มพูดคุยกัน คุณเอก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นภายในบ้านหลังนั้น แต่ก็ไม่สามารถกลับไปได้แล้วเพราะกลัวมาก คุณโจ้จึงให้คุณเอนอนที่สถานีตำรวจ

       เช้าวันรุ่งขึ้น คุณโจ้และเพื่อนมานั่งคุยกันว่าที่พวกเขาเจอนั้นมันคืออะไรกันแน่ เมื่อคุยกันเสร็จก็ขับรถไปส่งคุณเอเพื่อไปเก็บของ และถามว่าจะทำอย่างไรต่อ คุณเอจึงตอบกลับว่า

       “ไม่อยู่แล้วพี่ ผีหลอกขนาดนี้ผมกลับดีกว่า”

       เมื่อคุณโจ้ไปส่งคุณเอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมาที่สถานีตำรวจเพื่อไปถามรองผู้กำกับว่าบ้านหลังนั้นเคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น รองผู้กำกับก็มีสีหน้าตกใจและเริ่มเล่าให้คุณโจ้ฟังว่า 

       บ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของสองสามีภรรยาคู่หนึ่งที่อยู่ด้วยกันแล้วมีการทะเลาะกันเกิดขึ้น ฝ่ายภรรยาได้แทงสามีและเอาร่างไปไว้ในตู้เสื้อผ้า ส่วนตัวเองก็ผูกคอตายตาม และเมื่อบ้านหลังนี้ได้ขายทอดตลาด คนที่เข้ามาพักก็จะเจอเหตุการณ์แบบที่คุณเอเจอ..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

แม้จะเลิกรากันด้วยดี และเธอก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ผูกคุณน็อตกับดวงวิญญาณของแฟนเก่าไว้ด้วยกัน เธอมาหาเขาทุกคืน... แล้วนั่งทับที่หน้าอกของเขา!

30 มิ.ย. 2023

แม้จะเลิกรากันด้วยดี และเธอก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ผูกคุณน็อตกับดวงวิญญาณของแฟนเก่าไว้ด้วยกัน เธอมาหาเขาทุกคืน... แล้วนั่งทับที่หน้าอกของเขา!

‘ดีเจเคเบิ้ล’ กับ ‘ดีโซเซฟ’ และ ‘ดีเจมดดำ’ รับหน้าที่ดำเนินรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (20 มิ.ย. 66) ในครั้งนี้ สำหรับสายแรกของเรามาจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่า ‘คุณน็อต’ ซึ่งถูกผีแฟนเก่าตามรังควานไม่เลิกด้วยเหตุผลบางอย่าง ถ้าพร้อมที่จะไป อ่าน-ท้า-ผี กันแล้ว! เชิญย่อหน้าถัดไปเลยจ้า เรื่องราวของเราเริ่มต้นขึ้นที่คุณน็อต เขามีแฟนเก่าคนนึงที่คบกันมานาน 3 - 4 ปี หลังจากที่ปลดประจำการจากทหารกองเกณฑ์เขาก็ต้องเลิกรากับเธอไป เป็นเพราะจบความสัมพันธ์ด้วยดี เขากับแฟนเก่าจึงมีการนัดเจอกันอยู่บ้างประปราย แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจู่ ๆ ก็ขาดการติดต่อกับเธอไป คุณน็อตคิดว่าเธอคงไปมีคนใหม่แล้ว อาจจะไม่ได้มีเวลามาคุยกับเขาเหมือนเดิม เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประมาณวันที่ 15 พฤษภาคมพอดี คุณน็อตป่วยหนักมาก ปกติเขาเป็นคนเลิกงานไม่เป็นเวลาอยู่แล้ว คืนนั้นคุณน็อตเลิกงานเกือบ 5 ทุ่ม แล้วกลับมานอนที่ห้องของตัวเอง ขณะที่หลับอยู่ คุณน็อตก็รู้สึกถึงเงาร่างใหญ่สีดำทับมาที่หน้าอกของเขา! ในใจคิดว่าคงไม่มีอะไร เพราะส่วนตัวเป็นคนไม่เชื่อเรื่องอะไรทำนองนี้อยู่แล้ว คิดว่าอาจเป็นอาการที่เกิดจากความเหนื่อยตอนทำงาน พอนอนต่อไปจนถึงเวลาประมาณตี 2-3 คุณน็อตก็รู้สึกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีอาการดิ้น เพราะเริ่มรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนมาบีบคอ! ครั้งนี้คงไม่ได้เหนื่อยหรือว่าละเมอแล้ว พอคุณน็อตตื่นขึ้นในตอนเช้า เขาก็ยังคงรู้สึกถึงความเหนื่อยหอบแบบนี้เหมือนเมื่อคืน และอาการดังกล่าวก็ยังคงเกิดวนไปมาเรื่อย ๆ กระทั่งวันหยุดขณะเดินทางกลับบ้านที่นครปฐม เขาก็เห็นแฟนเก่าตัวเองปรากฎอยู่ตามข้างทางอย่างต่อเนื่อง! คุณน็อตคิดว่าตัวเองคงวิตกเรื่องอดีตแฟนคนนี้มากจนเกินไป พอกลับถึงบ้านเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ก็มีเงาอันแสนคุ้นเคยมาทับอกของเขาขณะที่หลับอยู่เหมือนเดิม! คุณน็อตเริ่มหายใจไม่ออกและไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนอีก เขาพยายามสวดมนต์จนผล็อยหลับไป.. เช้าวันต่อมา คุณน็อตตื่นตามปกติแล้วเดินทางกลับไปที่คอนโดของตัวเอง และอย่างที่ผู้อ่านทุกคนน่าจะพอเดาได้...มีเงาปริศนาบางอย่างมาทับตรงอกของเขาอีกครั้ง จนเขาทนไม่ไหว! เช้าวันต่อมา คุณน็อตจึงไปหาหมอ พยายามให้หมอตรวจดูว่าตนเป็นอะไรกันแน่ คุณน็อตพบว่าตัวเองมีความดันเลือดสูงมาก เหมือนกับคนที่ออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา หมอจึงบอกให้เขาลองนั่งพักก่อนจะตรวจวัดค่าความดันอีกรอบ แต่พอเมื่อตรวจอีกรอบ ความดันก็ยังสูงเหมือนเดิม เมื่อตรวจโควิดดูผลก็ไม่ได้เป็นอะไร สุดท้ายหมอจึงสั่งยาและให้เขากลับคอนโด ก่อนที่จะถึงห้อง คุณน็อตนัดไปกินข้าวกับเพื่อน 3 คน แต่เมื่อไปนั่งที่โต๊ะอาหาร บริกรกลับหยิบช้อนส้อมกับจานแบ่งมาให้พวกเขากับเพื่อนถึง 4 ชุด! จนคุณน็อตและเพื่อนต่างแซวกันว่า “เฮ้ย มึงพาใครมารึเปล่าวะ” เมื่อตกดึก คุณน็อตก็ยังรู้สึกเช่นเดิมว่าเหนื่อยเหมือนมีใครมาทับตัวเขา ไม่ก็ขี่คอของเขา! คุณน็อตรู้สึกทรมานมาก จนกระทั่งวันหนึ่งเขานั่งทำงานอยู่ที่ห้องเวลาใกล้เที่ยงคืน อาการแน่นอกนี้ก็กลับมาอีกครั้ง เขาเกือบจะต้องไปโรงพยาบาลอีกรอบ แต่ก็มีเหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจให้คุณน็อตเปิดหน้าเฟสบุ๊คแฟนเก่าของตัวเองขึ้นมา เมื่อเข้าไปในหน้าไทม์ไลน์ เขาถึงกับต้องตกใจ! มีข้อความเขียนแสดงความเสียใจจำนวนมากอยู่ที่หน้าไทม์ไลน์ของแฟนเก่าคนนี้! และอีกเรื่องที่แปลกใจก็คือ แฟนเก่าคนนี้ได้บล็อคคุณน็อตไปตอนเลิกกันแล้ว แล้วเขาเข้าหน้าเฟสบุ๊คของเธอได้ยังไง เวลาผ่านไปอีกสักพักใกล้ตีหนึ่ง คุณน็อตก็เริ่มแน่นที่หน้าอกตัวเองอย่างรุนแรงอีกครั้ง แล้วก็มีอะไรบางอย่างดลใจให้เขาไปเปิดหน้าเฟสบุ๊คของแฟนเก่าเขาอีกรอบ... เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า แฟนเก่าของคุณน็อตเสียชีวิตแล้ว! คุณน็อตอึ้งไปพักหนึ่งก่อนที่จะไปเห็นภาพที่โพสต์เป็นด้านหน้าโลงศพของเธอ คุณน็อตจึงพยายามหาวันและเวลาการตายของเธอ ก็ไปเจอว่าเป็นช่วงกลางเดือนพฤษภาคม วันที่ 15 ที่พึ่งผ่านมานี่เอง ซึ่งก็ตรงกับช่วงเวลาครั้งแรกที่เขาเริ่มรู้สึกปวดแน่นที่หน้าอกพอดี! ปัง! ทันใดนั้นประตูห้องของเขาก็ปิดลง คุณน็อตตกใจมากเมื่อประตูห้องคอนโดปิดลงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขาสะดุ้งกระโดดขึ้นเตียงนึกถึงพ่อแม่และยายก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ต่อสายตรงไปหาพวกเขา พวกเขาบอกให้คุณน็อตใจเย็น ตั้งสติ สวดมนต์และพยายามข่มตาหลับให้ได้ พอถึงช่วงเช้าวันต่อมา เมื่อตื่นขึ้นมาและมีสติมากขึ้น ก็รีบไปทำบุญสังฆทานทันที หลังจากทำเสร็จแล้ว ก็เหมือนได้ยกอะไรออกจากตัว ความเจ็บปวดหรืออาการใด ๆ เหมือนครั้งที่ผ่านมาก็เลือนหายไปทันควัน ตอนนั้นเป็นช่วงเวลา 6.30 น. ของเช้าวันวิสาขบูชา คุณน็อตไปนั่งตรงเจดีย์ที่เขาและแฟนเก่าคนนั้นเคยไปนั่งเล่นด้วยกันในอดีต พอเขานั่งลงก็มีลมแรงวูบใหญ่พัดผ่านใบหน้าของเขาไปชั่วอึดใจ เมื่อคุณน็อตนอนหลับในคืนวันนั้น เขาก็ฝันเห็นเธอ... ในความฝันนั้น คุณน็อตยืนอยู่ เห็นแฟนเก่ากำลังขับรถผ่านไป คุณน็อตเรียกเท่าไหร่ เธอก็ดูเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะหันมามอง หลังจากเขาตื่นขึ้นมา คุณน็อตก็พยายามติดต่อกับญาติของแฟนเก่าคนนี้ จนรู้ในเวลาต่อมาว่า เธอนั้นเก็บของที่เขาเคยให้ไว้ตลอดเวลาในกล่องส่วนตัวของตน เขาคิดได้ในภายหลังว่าตอนช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เธอคงจะมาส่งข่าวเพื่อให้เขารับรู้ว่า “เธอไม่อยู่แล้ว” แต่ความรู้สึกส่วนตัวของคุณน็อต เขารู้สึกว่าเป็นการมาส่งข่าวที่แรงมาก คล้ายกับว่าจะให้เขาไปอยู่ด้วยให้ได้ คุณน็อตเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ให้แม่ฟัง แม่คุณน็อตบอกว่าเรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ คุณน็อตจึงจำเป็นต้องไปหาโอกาสไปทำพิธีตัดกรรมจากกัน เพื่อกันไม่ให้เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นได้อีก เขาบรรยายให้ดีเจฟังว่าเป็นช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ทรมานมาก ดีเจเคเบิ้ลถามคุณน็อตว่าก่อนที่จะเกิดเรื่องราวทั้งหมดนี้ ได้รู้สึกถึงลางบอกเหตุอะไรล่วงหน้ารึเปล่า คุณน็อตตอบกลับไปว่า เขาก็มีความรู้สึกอิดโรยอย่างมากในตอนเช้าก่อนวันที่เกิดเรื่อง ถึงขั้นที่ลูกน้องกับพ่อก็ยังทักว่าเขาไปทำอะไรมา ทำไมถึงโทรมขนาดนี้ นอกจากนี้ แม่คุณน็อตยังอธิบายให้ฟังว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเขานี้ คงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่คนตายกำลังเดินตาม “เก็บรอยเท้า” ของตัวเองในช่วงเจ็ดวันแรกหลังจากที่เสียชีวิต เรื่องนี้ทำเอาดีเจทั้งสามคนขนลุกไปตามกัน เป็นการประเดิมค่ำคืนเขย่าขวัญของอังคารคลุมโปงที่ดีทีเดียว!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณนพพร ‘ยายเลื่อน’ l อังคารคลุมโปง X ณัฐผี The Scary [ 8 ก.ค.2568 ]

18 ก.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณนพพร ‘ยายเลื่อน’ l อังคารคลุมโปง X ณัฐผี The Scary [ 8 ก.ค.2568 ]

‘คุณนพพร’ ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวของยายสุดเฮี้ยนอย่าง ‘ยายเลื่อน’ ที่ตายไปพร้อมแรงแค้นและกลับมาเอาคืนอย่างสาสม เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ? ยายเลื่อนจะเฮี้ยนขนาดไหน ?สามารถติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (8 กรกฎาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ยายเลื่อน’ ย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปีที่แล้ว มีบ้านหลังหนึ่งที่เปิดร้านขายของชำ ลักษณะเป็นบ้านไม้ หลังบ้านติดกับสวน หน้าบ้านติดกับลำคลอง มีผู้คนพลุกพล่าน มีคนอาศัยอยู่หลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘ยายเลื่อน’ เธอมีปัญหาทางด้านสุขภาพเพราะเคยเกิดอาการชักเกร็งตั้งแต่เกิด ส่งผลให้พูดไม่ชัด ยายเลื่อนสามารถพูดได้แค่พยัญชนะ ‘อ.อ่าง’ เท่านั้น เช่น ‘ฉันชื่อเลื่อน’ จะพูดเป็น ‘อั๋นอื้อเลื่อน’ ซึ่งการที่พูดไม่ชัดก็มักจะทำให้โดนเพื่อน ๆ และเด็ก ๆ แถวนั้นล้ออยู่บ่อยครั้ง มีอยู่วันหนึ่ง ยายเลื่อนเดินทางไปธุระที่วัด ก็เจอกับเด็กวัยรุ่นแถวนั้นชื่อว่า ‘แท่ง’ กับ ‘ปลา’ เด็กพวกนี้แกล้งเดินชนจนยายให้ล้ม แล้วหยิบหวีสับของยายออกมา จากนั้นก็โยนขึ้นไปบนต้นมะม่วง ยายเลื่อนโกรธมากจนพูดออกมาว่า “อ้าอูอาย อูอะอาอักอออึง!” (ถ้ากูตาย กูจะมาหักคอมึง!) พอยายกลับบ้านก็ไม่กล้าเข้าบ้านเพราะเสื้อเลอะ จึงถอดไปซักที่ริมคลองก่อน ตกเย็นทุกคนกินข้าวกันแต่ยายเลื่อนไม่กลับมา ทุกคนในบ้านก็เริ่มออกตามหา เมื่อมองออกไปนอกระเบียงก็เห็นว่ายายกำลังชักแล้วหัวทิ่มลงน้ำไป พอลงไปช่วยก็พบว่ายายเสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นก็นำศพไปไว้ที่วัด แต่เนื่องจากการจมน้ำตายเป็นการตายโหงทำให้ยังไม่สามารถประกอบพิธีกรรมได้ กระทั่งเช้าวันต่อมา ก็มีข่าวว่าแท่งไปผูกคอตายใต้ต้นมะม่วง สอบถามกันไปมา เด็กวัดก็บอกว่าเมื่อคืนแท่งวิ่งมาที่วัดพร้อมร้องตะโกนโวยวายว่าโดนผียายเลื่อนหลอก เด็กวัดไม่ได้สนใจ จนกระทั่งตอนเช้ามาก็เจอกับศพแท่งแล้ว ที่สำคัญต้นมะม่วงต้นนั้นก็เป็นต้นเดียวกับที่แท่งโยนหวีสับขึ้นไป ตกเย็นทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ปลาก็ได้จ้างเรือแจวเพื่อกลับบ้าน ขณะเดินทางกลับ ปลาก็ได้ยินเสียงของยายเลื่อนเรียก “อา…อา…” พอหันกลับไปก็เห็นเป็นยายเลื่อนในสภาพขึ้นอืดกำลังลอยน้ำตามเรือมา ทั้งคนแจวเรือและปลาต่างก็ตกใจ กระโดดลงเรือแล้วรีบว่ายน้ำขึ้นฝั่ง รุ่งเช้าคนแจวเรือก็มาเล่าเหตุการณ์ว่าโดนหลอกให้ชาวบ้านฟัง ทุกคนก็ออกตามหาปลาจนพบว่าปลาจมน้ำตายอยู่ที่ท่าเรือหน้าบ้านของตนเองโดยสภาพศพเหมือนคนถูกหักคอ หลังจากนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่สัญจรผ่านไปมาซื้อของ ก็จะเจอยายเลื่อนปรากฏตัวให้เห็นเป็นประจำทำให้คนไม่กล้ามาซื้อของ ชาวบ้านจึงรวมตัวกันไปที่วัดเพื่อขอความช่วยเหลือจาก ‘หลวงพี่ศร’ ซึ่งเป็นพระบวชใหม่ที่มีความสามารถในการทำพิธีกรรม จึงนิมนต์มาที่บ้านเพื่อมาขับไล่ยายเลื่อน ชาวบ้านต่างก็มามุงกันรอบบ้านเพื่อดูพิธีกรรมนี้ ขณะทำพิธีกรรมยายเลื่อนก็โผล่ตัวมาให้เห็น เหมือนเป็นคนมาคุยกับหลวงพี่ปกติ หลวงพี่จึงเทศน์ให้ฟังแล้วยายเลื่อนก็ค่อย ๆ เลือนหายไป วันต่อมาก็ไม่มีใครเจอยายเลื่อน ต่างดีใจหวังว่าจะไปผุดไปเกิด แต่เวลาผ่านไปไม่กี่คืนปรากฏว่าใครที่มาดูพิธีกรรมวันนั้น ยายเลื่อนจะไปหาทุกคน บ้างก็บอกว่า ขณะที่ตักน้ำจากในโอ่งก็ยังเห็นเป็นหน้ายายเลื่อนลอยขึ้นมา บางครั้งก็ไปเรียกถึงหน้าบ้าน เรียกได้ว่าเมื่อก่อนใครได้ยินเสียงยายเลื่อนก็ต้องขำ แต่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าของเสียงที่ชาวบ้านต่างกลัวไปหมด ชาวบ้านทนไม่ไหวจึงกลับมาตามหลวงพี่ศรอีกครั้ง แต่หลวงพี่กลับบอกว่าอาจจะทำพิธีกรรมไม่ได้ ถึงทำไปยายเลื่อนก็อาจจะไม่ไปไหนแล้ว แต่อีกวิธีที่จะช่วยได้คือต้องนิมนต์พระที่ยายเลื่อนศรัทธาหรือนับถือมาช่วย ซึ่งก็ต้องเป็น ‘หลวงปู่เส็ง’ เพราะท่านเป็นพระที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้ ยายเลื่อนไม่โผล่มาให้เห็นในพิธีกรรมแล้ว หลวงปู่เส็งจึงสวดมนต์ อาบน้ำศพ และทำการเผาศพไป จากนั้นยายเลื่อนก็ไปกลับมาอีกเลย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจาก 'ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม' "เด็กที่ชวนไปเล่นซ่อนแอบ" I อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [ 5 พ.ย. 2567 ]

13 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจาก 'ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม' "เด็กที่ชวนไปเล่นซ่อนแอบ" I อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [ 5 พ.ย. 2567 ]

เรื่องหลอนจากแดนอาทิตย์อุทัยกลับมาพร้อมกับ ‘ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม’ ที่ได้มาเล่าเรื่อง ‘เด็กชวนไปเล่นซอนแอบ’ ให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (5 พฤศจิกายน 2567) ฟัง จัดหนักจัดเต็มหลอนสุดกำลังจน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนลุกซู่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ตามไปอ่านกันเลย! ‘ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม’ เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นมากกว่าจึงไม่คุ้นเคยกับระบบการจัดงานศพในไทยสักเท่าไหร่ แต่ที่ญี่ปุ่นนั้น หากมีคนเสียชีวิต ก็จะมีบริษัทหรืออาชีพที่คอยให้คำปรึกษาและช่วยวางแผนงานศพให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต เช่น ควรใช้ขนาดรูปถ่ายเท่าไหร่ ต้องการจักงานศพแบบศาสนาใด เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ ส่วนเรื่องหลอนที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องของ ‘เรียวตะ’ (นามสมมติ) เขาทำอาชีพเกี่ยวกับการจัดงานศพในตำแหน่งผู้ช่วย แต่ยังอ่อนประสบการณ์ หัวหน้าจึงพาเรียวตะไปทำงานด้วยที่บ้านลูกค้าหลังหนึ่ง บ้านลูกค้าหลังนี้ เป็นบ้านญี่ปุ่นโบราณ พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง มีสวนหิน ตกแต่งด้วยต้นบอนไซตามสไตล์ญี่ปุ่น เรียวตะมองดูและคิดในใจว่า ‘เจ้าของบ้านหลังนี้ต้องรวยมากแน่ ๆ’ ไม่นานก็ได้พบเจ้าของบ้าน ขอเรียกแทนว่า ‘คุณป้า’ เมื่อทักทายกันเสร็จเรียบร้อย หัวหน้าก็ขอไปไหว้ผู้เสียชีวิตเป็นอันดับแรกตามธรรมเนียม คุณป้าไม่ได้ว่าอะไร และกล่าวเชื้อเชิญไปตามทางเดิน เมื่อถึงที่เคารพศพผู้เสียชีวิต ก็พบว่าคุณป้าได้จัดเตรียมหิ้งและรูปไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่ยังไม่ได้จัดการกับศพที่จะเป็นแท่นตั้งเอาไว้ เรียวตะเดินเข้าไปปักธูปเพื่อเคารพศพ จากนั้นหัวหน้าก็บอกว่า “ดูแลพวกน้ำ พวกของต่าง ๆ ที่ใช้เตรียมไหว้ตรงนี้นะ ส่วนผมจะไปคุยรายละเอียดกับคุณป้าก่อน” เรียวตะคิดทึกทักเอาเองว่า ศพตรงหน้านี้น่าจะเป็นคุณลุงที่อาจจะเป็นสามีของคุณป้า หลังจากคุณลุงเสียชีวิต คุณป้าจึงเข้ามาดูแลบ้านหลังนี้แทน หลังจากที่หัวหน้าบอก เรียวตะก็จัดเตรียมเปลี่ยนน้ำ และหยิบผลไม้มาวางจัดให้ผู้เสียชีวิตจนเสร็จ เมื่อลุกขึ้นเดินออกจากห้องเพื่อที่จะไปตามหาหัวหน้าที่กำลังคุยกับคุณป้าอยู่นั้น พอเดินออกจากห้อง เรียวตะก็มองซ้ายมองขวา อยู่ ๆ ก็เอะใจขึ้นมาว่า ‘บ้านหลังใหญ่จัง ห้องไหนนะ อ่า..หลงทางเสียแล้ว’ เรียวตะพยายามเดินตามหาเสียงพูดคุยตามห้องไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียง กุกกักๆๆ ในห้องหนึ่ง เรียวตะคิดว่าอาจจะเป็นห้องนี้ จึงเลื่อนเปิดประตูปรากฏว่า เป็นห้องสี่เหลี่ยมมีของเล่นเด็กวางไว้อยู่ทั่วห้อง เป็นของเล่นเด็กที่เก่ามาก มีฝุ่นและหยากไย่เต็มไปหมด สภาพห้องเหมือนกับไม่ได้ทำความสะอาดมานาน ส่วนเสียงที่ดัง กุกกักๆๆ ก็มาจากตู้ในห้องนี้ เรียวตะคิดว่าตนเข้าห้องผิด พอหันหลังกลับไป ก็ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายพูดขึ้นมาว่า “คุณเป็นใครครับ” เรียวตะหันหลังกลับทันทีที่ได้ยิน ก็เห็นเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กอายุราวประมาณ 3 ขวบ ยืนอยู่กลางห้อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามองไม่เห็นใครสักคน! เรียวตะ : ขอโทษทีนะหนู พี่มาคุยธุระเรื่องจัดการเรื่องงานศพ หนูพาพี่ไปหรือพอจะบอกทางพี่ไปห้องรับรองได้ไหม เด็กชาย : เรื่องงานศพอะไร มีคนเสียชีวิตเหรอครับ ผมไม่รู้เรื่องผู้ใหญ่ ถ้าพี่ว่าง พี่มาเล่นกับผมได้ไหม เล่นเป็นเพื่อนผมหน่อยผมเหงา เรียวตะ : พี่ก็อยากเล่นด้วยนะ หนูเล่นอะไร เด็กชาย : เล่นซ่อนแอบครับพี่ มาเล่นกับผมไหม เรียวตะ : ตอนนี้ยังไม่ได้ เดี๋ยวพี่ต้องไปประชุมต่อ หัวหน้าจะบ่น งั้นถ้าบอกพี่ว่าห้องอยู่ตรงไหน เดี๋ยวเสร็จธุระ พี่จะมาเล่นด้วยนะ เด็กชาย : โอเคได้ งั้นสัญญามาเล่นกับผมนะ จากนั้นเรียวตะก็เดินไปตามทางที่เด็กผู้ชายคนนั้นบอก จนไปเจอหัวหน้าและได้นั่งคุยธุระวางแผนกันจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก ทั้งคู่เตรียมตัวกลับบ้าน แต่ก่อนที่จะกลับ คุณป้าก็พูดคุยด้วยความยิ้มแย้มว่า “ขอบคุณมากนะคะ ที่มาดูแลจัดการให้” เรียวตะตอบกลับไปว่า “ครับ ขอบคุณมากนะครับ อีกเรื่องนึงน่ะครับ ผมฝากบอกขอบคุณเด็กผู้ชายคนหนึ่งด้วยครับ คือผมเดินหลงทางในบ้าน มีน้องผู้ชายพามาที่ห้องนี้” หลังจากนั้น คุณป้าที่กำลังยิ้มแย้มอยู่กลับหุบยิ้มแล้วพูดเสียงแข็งว่า “เด็กผู้ชายหรอ?! บ้านนี้ไม่มีเด็ก เธอพูดอะไรเลอะเทอะ กลับบ้านไปได้แล้ว!” เมื่อหัวหน้าเห็นสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปของคุณป้าจึงพูดไปว่า “เด็กใหม่ครับ มันพูดไปเรื่อย ผมขอโทษด้วยนะครับ” แล้วทั้งคู่ก็รีบออกจากบ้านไปทันที เช้าวันต่อมา เรียวตะและหัวหน้าต้องกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก หัวหน้าจึงบอกให้เขาขอโทษคุณป้าอีกครั้ง พอถึงบ้านคุณป้า เรียวตะก็รีบไปขอโทษคุณป้าอย่างจริงใจ แต่คุณป้ากลับตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไรหรอก มันก็อาจจะมีจริงก็ได้นะ เด็กที่เธอพูดถึง แต่แค่ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กคนนั้นเป็นยังไง ช่างมันเถอะ เชิญขึ้นบ้าน” พอเข้าไปในบ้านก็คุยธุระกันไป จนกระทั่งถึงเรื่องสำคัญ หัวหน้าบอกให้เรียวตะออกไปรอข้างนอกก่อน เนื่องจากเขายังอยู่ในช่วงฝึกงาน เรียวตะจึงเดินออกไปนอกห้องแล้วก็คิดในใจถามกลับตัวเองว่า ‘เมื่อวานที่เจอเด็กผู้ชายคนนั้นมันชัดมาก เด็กมีตัวจริงใช่ไหม’ เรียวตะเดินเพลินแล้วก็หยุดนั่งบริเวณสวนในบ้าน ในหัวยังคงเหม่อคิดถึงเรื่องเด็กผู้ชายคนนั้นอยู่ จากนั้นก็มีเสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นมาว่า “พี่มาทำอะไรเนี่ย” เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงเด็กผู้ชายคนนั้นจากข้างหลัง เรียวตะเคลิ้มเผลอพูดตอบกลับไปว่า เรียวตะ : พี่เหรอ อืม.. พี่ก็มา.. เอ้า! แล้วหนูอยู่ไหน?! เด็กชาย : อ๋อ พี่หาผมไม่เจอหรอก ผมเล่นซ่อนแอบอยู่ พี่.. วันนี้พี่จะมาหาใช่ไหม พี่จะมาเล่นกับผมใช่ไหม? เรียวตะ : อืม แต่พี่จะหาหนูเจอได้ไง แล้วงานก็ต้องทำ อีกอย่างนะ คุณป้าบอกว่าที่นี่ไม่มีเด็ก.. เรียวตะนึกถึงอาการของคุณป้าที่เหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง แต่เขาก็อยากรู้อยากเห็นจึงถามไปว่า เรียวตะ : แล้วตอนนี้หนูแอบอยู่ไหนเหรอ? เด็กชาย : ไม่ได้ ถ้าผมบอกพี่ มันก็ไม่ได้เป็นการเล่นสิ แต่ผมก็ต้องเล่นซ่อนแอบอยู่อย่างงี้ตลอด เพราะว่าคุณป้าบอกว่าให้ผมเล่นซ่อนแอบ แล้วก็เป็นซ่อนแอบที่ไม่มียักษ์ (การเล่นซ่อนแอบที่ไม่มียักษ์ เป็นการเล่นซ่อนแอบที่ให้เด็กแอบอยู่ที่ใดที่หนึ่งแล้วขังเด็กไว้ ยักษ์ที่หมายถึงคือคนหา เท่ากับว่าคุณป้าบอกให้เด็กคนนั้นแอบแต่คุณป้าไม่มาหา เรียวตะจึงตีความได้ว่าคุณป้าน่าจะขังเด็กคนหนึ่งเอาไว้ในบ้านหลังนี้) เด็กชาย : ผมไปไหนไม่ได้เพราะว่ายังไม่มีใครหาผมเจอ ยังไม่มียักษ์มาหา เรียวตะ : งั้นเดี๋ยวพี่เป็นยักษ์ให้ บอกมาว่าหนูอยู่ไหน? เด็กชาย : หนูอยู่ข้างหลังพี่!!! พอเรียวตะหันหลังกลับไปก็พบว่าข้างหลังเป็นแค่ห้องโล่งห้องหนึ่ง จากนั้นเขาคิดว่าบ้านหลังนี้ต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองได้ยินเสียงเด็กผู้ชายเต็มสองหู และแล้วก็มาถึงวันจัดงานศพ หน้าที่ของเรียวตะคือดูแลแขกที่มาร่วมงาน เมื่อทำพิธีเสร็จเรียบร้อยและแขกกลับจนหมด เรียวตะจึงไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำรวม เพราะสถานที่จัดงานไม่ได้แบ่งโซนชายหญิง ขณะที่กำลังล้างมืออยู่นั้น เรียวตะก็หวนนึกถึงคำพูดของตนที่บอกเด็กผู้ชายว่า ตนจะเป็นยักษ์ให้ เมื่อไหร่จะได้หา แล้วจะได้กลับไปบ้านหลังนั้นอีกหรือเปล่าตนก็ไม่แน่ใจ หรือ เด็กคนนั้นจะเป็นผี ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วตนจะทำอย่างไรดี เมื่อล้างมือจนสะอาดเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นมา เรียวตะเห็นว่า ตรงกระจกมีเด็กผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ แต่ไม่มีลูกตา ปากขยับเหมือนกำลังตะโกนบอกบางอย่างอยู่! ตอนแรกเขาก็ตกใจแต่ไม่ได้กลัว แค่รู้สึกเหมือนเด็กกำลังพยายามบอกอะไรบางอย่าง พอตั้งใจดูปาก ก็พอจะอ่านปากได้ว่า “พี่ ข้างหลัง หลังไงพี่ ข้างหลัง ๆๆ” หลังจากนั้น เรียวตะก็เห็นคุณป้ายืนอยู่ข้างหลัง กำลังเอาเชือกรัดคอตัวเขาอยู่! และคุณป้ายังพูดอีกว่า “มึงรู้เรื่องกูเยอะเกินไปแล้ว” เรียวตะพยายามสู้ เสียงโวยวายของเขาดังมาก จนมีคนเข้ามาแล้วพูดว่า “คุณทำอะไรเนี่ย ใจเย็น ๆ คุณพยายามจะฆ่าพนักงานเรานะ” เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เรียวตะมั่นใจว่ามีเรื่องราวบางอย่างไม่ชอบมาพากล เมื่อเขานำเรื่องทั้งหมดมาปะติดปะต่อกันก็คิดได้ว่า เป็นไปได้ที่คุณป้าจะต้องทำร้ายเด็กคนนั้นแน่นอน สุดท้ายก็ได้มีการแจ้งตำรวจ และทำการไกล่เกลี่ยกัน คุณป้าและเรียวตะถูกสั่งห้ามเจอกัน ทำให้เรียวตะไม่มีโอกาสกลับไปบ้านหลังนั้นเพื่อตามหาเด็กผู้ชายคนนั้นอีก เขาจึงตัดสินใจพยายามบอกเรื่องนี้กับทางตำรวจ แต่ตำรวจก็ไม่เชื่อ หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านมา 5 ปี โชคชะตาก็พาเรียวตะกลับมาไปบ้านหลังนั้นอีกครั้ง เหตุผลคือ เรียวตะได้กลับมาจัดงานศพของคุณป้าคนนั้น เรียวตะได้จัดงานศพตามความประสงค์ของคุณป้าที่เขียนไว้ก่อนตาย คุณป้าไม่มีลูกหลาน เรียวตะจึงต้องจัดแจงมรดกและดูรายละเอียดในใบนั้นให้ดี เขาเห็นว่ามีรายชื่อที่ถูกลบไป แต่หากเพ่งดูให้ชัดก็จะเห็นตัวอักษรที่เขียนว่า ‘ทากิลุคุง’ เรียวตะอนุมานในใจว่า ‘หรือนี่คือชื่อของเด็กผู้ชายคนนั้น?’ แต่เนื่องจากชื่อนั้นถูกลบออกไปแล้ว ทำให้ไม่มีใครได้รับมรดก มรดกนี้จึงตกไปอยู่ที่ธนาคาร ในวันนั้นเอง เรียวตะตัดสินใจเดินไปรอบบ้าน เพื่อตามหาความจริง จนกระทั่งไปถึงตู้ในห้องที่เคยเจอเด็กคนนั้นครั้งแรก เรียวตะพยายามงัดเปิดตู้จนเจอเข้าอีกชั้นหนึ่งที่ซ่อนอยู่ พองัดอีกทีก็เห็นศพของทากิลุคุงที่ถูกหมกอยู่ตรงนั้น! สภาพน้องเหมือนผ่านมานานหลายปี หลังจากนั้น เรียวตะก็แจ้งตำรวจ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ตำรวจก็ไม่สามารถสืบสวนอะไรได้ เนื่องจากไม่สามารถระบุได้ว่าใครคือฆาตกรที่ฆ่าหมกศพเด็กน้อย ‘ทากิลุคุง’ และคนที่น่าจะรู้ดีที่สุดอย่างคุณป้าที่เป็นเจ้าของบ้านก็เสียชีวิตไปแล้ว..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ย้ายหอไปกีที่ ก็เจอผีทุกรอบ!

25 ก.พ. 2024

ย้ายหอไปกีที่ ก็เจอผีทุกรอบ!

เรื่องนี้เป็นสายจาก ‘คุณตุ๊ก’ ที่โทรมาเล่าเหตุการณ์ที่เจอมากับตัวเองให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง x ’ (20 กุมภาพันธ์ 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการย้ายหอ ที่ไม่ว่าจะย้ายไปที่ไหนก็เจออะไรแปลก ๆ ทุกที่! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านเลย คุณตุ๊กเล่าว่า เป็นช่วงที่คุณตุ๊กเรียน ปวส. ซึ่งจะต้องย้ายไปอยู่ในตัวจังหวัด และยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปอยู่หอรวมหรืออยู่คนเดียว คุณตุ๊กจึงขอไปอยู่กับรุ่นพี่ที่เขาอยู่กัน 3 คน เพราะคิดว่าถ้ามีเพื่อนก็คงไม่น่ากลัวเท่ากับอยู่คนเดียว ซึ่งมีความปลอดภัยและสะดวกกว่าอยู่หอรวม คุณตุ๊กก็ใช้ชีวิตปกติทุกวันจนมีอยู่คืนนึง คุณตุ๊กฝันว่า ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำเปิดอยู่ จึงลุกขึ้นมาและมองไปที่ห้องน้ำ เห็นแสงไฟผ่านช่องประตูที่แง้มอยู่ จึงลุกขึ้นเดินไปกำลังจะเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำ สายตาก็ดันไปเห็นเหมือนมีขาคนห้อยอยู่ คุณตุ๊กกำลังจะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่คุณตุ๊กยังไม่ทันได้มองก็สะดุ้งตื่น และพอหันไปมองทางห้องน้ำ แต่ห้องน้ำก็ปิดไฟมืดปกติ คุณตุ๊กคิดในใจว่า ‘คงแค่ฝันไป ห้องนี้ไม่มีอะไรหรอก’ หลังจากนั้นคุณตุ๊กก็ฝันแบบเดิมเรื่องเดิมอีกประมาณ 2-3 ครั้ง จึงตัดสินใจถามเพื่อนที่มาเช่าอยู่คนแรกที่ชื่อ ‘ดาว’ ว่า “ดาวอยู่ห้องนี้ เคยเจออะไรแปลก ๆ ไหม” เพื่อนก็ถามกลับว่า “เป็นอะไรหรือเปล่าตุ๊ก เจออะไร” คุณตุ๊กก็ไม่กล้าเล่าว่าตัวเองฝันร้าย เพราะกลัวว่าเพื่อนจะกลัว คุณดาวก็ได้บอกกลับมาอีกว่า “ไม่มีอะไรหรอก แถวนี้เจ้าที่เจ้าทางดีนะ” จากนั้นดาวก็เล่าให้ฟังว่าตอนที่มาอยู่ก่อนที่ ‘กล้วย’ และ ‘กานต์’ จะมาอยู่ด้วย ตนเคยนอนอยู่แล้วประตูข้างหลังบ้านเปิดออกเองและได้กลิ่นควัน ดาวก็ตกใจและเดินไปปิดประตู คุณตุ๊กนึกในใจว่าที่ห้องนี้มันต้องมีอะไรแปลก ๆ เพราไม่อย่างนั้นคงไม่ฝันแบบนั้น 3 รอบ เมื่อคุณตุ๊กได้สังเกตและมองไปรอบห้อง ก็เห็นสายสิญจน์โยงเข้ามาในห้อง เห็นแก้วกับหมากพลูที่แห้ง วางอยู่บนหิ้งเล็ก ๆ หลังประตู คุณตุ๊กก็คิดแค่ว่า อาจจะทำบุญหอแค่นั้น หลังจากนั้นคุณตุ๊กได้ไปสำรวจห้องของเพื่อนที่อยู่ติดกันอีก 3 ห้อง แต่ทั้ง 3 ห้องก็ไม่มีสายสิญจน์เหมือนห้องคุณตุ๊ก วันนึงเพื่อนทั้ง 3 คน จะต้องไปหาที่ฝึกงาน จึงมาถามคุณตุ๊กว่า “อยู่คนเดียวได้ไหม” คุณตุ๊กก็บอกว่า “อยู่ได้ เพื่อนข้างห้องอยู่กันเยอะแยะ” หลังจากที่เพื่อนทั้ง 3 คนไม่อยู่ ก็มีรุ่นพี่เรียกไปถามว่า “กล้าอยู่คนเดียวหรอ ห้องนี้มันมีคนเคยผูกคอตายนะ” คุณตุ๊กก็ตกใจ ทำอะไรไม่ถูก และหลังจากรู้เรื่องก็กลับมาเก็บของย้ายออกและให้เหตุผลกับเพื่อนว่าจะย้ายไปอยู่กับญาติ หลังจากที่คุณตุ๊กย้ายไปบ้านญาติ เป็นบ้านเดี่ยวอยู่กลางสวนส้มโอหลังวัด ในซอยจะเป็นซอยตัน มีบ้านอยู่ 5 หลัง บ้านที่คุณตุ๊กอยู่คือหลังที่ 4 หลังจากที่คุณตุ๊กอยู่ได้ไม่กี่เดือน แฟนคุณตุ๊กมาหาและนั่งคุยกันที่หน้าบ้านจนถึงประมาณ 1 ทุ่ม คุณตุ๊กได้สังเกตุเห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 5 ขวบ เดินเขามาในซอย เดินมาถึงต้นกล้วยหน้าบ้านคุณตุ๊ก คุณตุ๊กก็พยายามจะมองหน้าเด็กแต่ก็เห็นแค่เป็นเงาๆ จากนั้นเหมือนเด็กคนนั้นจ้องมาทางคุณตุ๊กและยกมือขวามาดึกใบกล้วย ขึ้น-ลง ๆ ซ้ำๆ คุณตุ๊กจึงหันไปมองหน้าแฟนและหันไปมองต้นกล้วย เพื่อที่จะสื่อว่าเห็นเด็กคนนั้นที่อยู่ตรงต้นกล้วยไหม แต่แฟนคุณตุ๊กก็ทำหน้างง คุณตุ๊กจึงบอกออกไปว่า “เข้าบ้านกัน” แฟนสงสัยจึงถามกลับว่า “ทำไมมีอะไร” คุณตุ๊กไม่ตอบอะไร บอกแค่ว่า “เข้าบ้านก่อนเดี๋ยวบอก” หลังจากที่เข้ามาในบ้าน คุณตุ๊กได้ถามแฟนว่า “เห็นเด็กที่ยืนอยู่ตรงต้นกล้วยไหม” แฟนตอบว่า “ไม่เห็น” คุณตุ๊กก็คิดว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่คนแน่ ๆ เพราะมันก็มืดแล้ว คุณตุ๊กก็ไม่ได้ไปสืบว่าเด็กคนนั้นคือใคร เพราะมีคนบอกว่าแถวที่คุณตุ๊กอยู่ วัดนั้นผีดุ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1