เรื่องเล่าจากคุณขวัญ ‘ศูนย์รวมวิญญาณ’ I อังคารคลุมโปง X เอฟ พงศ์พิทักษ์ [ 14 พ.ค. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณขวัญ ‘ศูนย์รวมวิญญาณ’ I อังคารคลุมโปง X เอฟ พงศ์พิทักษ์ [ 14 พ.ค. 2567]

20 พ.ค. 2024

           เรื่องราวนี้ ‘คุณขวัญ’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (14 พฤษภาคม 2567) เตรียมตัวขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ศูนย์รวมวิญญาณ’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย!

           คุณขวัญเริ่มเล่าว่า คุณขวัญทำอาชีพเป็นหมอดู ซึ่งคุณขวัญมีลูกดวงอยู่คนหนึ่ง เคยปรึกษาปัญหากันอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ลูกดวงอยากปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับคุณแม่ โดยคุณแม่มักจะมีอาการปวดเมื่อยไปทั่วร่างกาย ตั้งแต่ขาไล่จนมาถึงศีรษะ ซึ่งจะเป็นหนักในช่วงวันพระและวันโกนของทุก ๆ เดือน ลูกดวงเองจึงสัมผัสได้ว่า ‘น่าจะมีบางอย่างผิดปกติ..’

           ลูกดวงคนนี้ อาศัยอยู่ในภาคอีสาน จึงมีความเชื่อเรื่องวิญญาณค่อนข้างมาก หลังจากนั้น คุณแม่ก็ได้ไปปรึกษากับ ‘หมอธรรม’ บุคคลที่มีคนให้ความนับถือทางด้านคาถาอาคมทางพุทธเวทย์และไสยเวทย์ เป็นหมอธรรมแถวบ้านท่านหนึ่ง หมอธรรมจึงทำพิธีสื่อวิญญาณ อ้างว่าดวงวิญญาณที่สื่อด้วยเป็น ‘วิญญาณของเจ้าที่’ ซึ่งดวงวิญญาณเกิดความไม่พอใจในตัวของคุณแม่ สาเหตุเป็นเพราะว่า คุณแม่ทำบุญให้น้อย ดวงวิญญาณยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ อีกทั้งต้องการให้คุณแม่รับขันธ์ และกลับมาทำพิธีขอขมาคุณพ่อ เพราะเจ้าที่ท่านไม่พอใจคุณแม่ที่ชอบบ่นชอบดุคุณพ่อ แถมยังกำชับว่า คุณแม่ต้องเซ่นไหว้ อาหารคาวหวาน และเหล้าในพื้นที่บริเวณบ้าน

         คุณแม่จึงตั้งข้อสงสัยว่า “การทำแบบนี้เป็นการเลี้ยงผีหรือเปล่า?” ทำให้คุณแม่ไม่ได้ทำตามที่คุณหมอธรรมแนะนำมา หลังจากนั้นลูกดวงก็ส่งโทรศัพท์ให้คุณแม่คุยกับคุณขวัญ สิ้นเสียงคำว่า “ฮัลโหล” สิ่งที่คุณขวัญเห็น คือ บ้านไม้เก่า ๆ หนึ่งหลังที่ใต้ถุนบ้านยกขึ้นสูง แล้วก็ยังเห็นดวงวิญญาณของผู้ชายดวงหนึ่ง มีลักษณะสูงค่อนไปทางผอม หน้าคม ผิวสีดำแดง มีท่าทางคล้ายกับคนของเมา คุณขวัญจึงบอกภาพที่เห็นให้กับคุณแม่ฟัง คุณแม่ก็ไม่ได้มีท่าทีใดตอบกลับมา คุณขวัญจึงถามคุณแม่ไปว่า

           “ปกติคุณพ่อดื่มเหล้าไหมคะ.. แล้วช่วงนี้คุณพ่อมีอาการแปลกออกไปหรือเปล่า ?”

           หลังจากที่คุณขวัญถามไป คุณแม่จึงยอมเล่าว่า

           “โดยปกติแล้วคุณพ่อเป็นคนดื่มเหล้า และชอบสังสรรค์กับเพื่อน แต่ช่วงหลังมานี้ คุณพ่อดื่มหนักมากจนเกินไป ตกเย็นมาเป็นอันต้องดื่ม จนบางครั้งคุณพ่อก็นั่งดื่มคนเดียวที่หน้าบ้าน แต่ที่น่าแปลกคือ คุณพ่อมีท่าทีเหมือนกำลังนั่งคุยอยู่กับใครบางคน ทั้งที่จริงแล้วคุณพ่อนั่งอยู่คนเดียว จนกระทั่งคืนหนึ่ง เวลาประมาณเที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง คุณพ่อได้ลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปกินเหล้าที่หน้าบ้าน ซึ่งครั้งนี้คุณพ่อได้ลุกขึ้นเต้น ร้องรำทำเพลงและมีท่าทีที่สนุกสนาน ทั้งที่ปกติแล้วคุณพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน พอคุณแม่ตื่นมาเห็นก็ตกใจ ถามคุณพ่อว่า “แกเป็นอะไร ?” เมื่อคุณพ่อเห็นคุณแม่ก็ไม่พูดอะไร และรีบขับรถออกไปทันที กลับมาอีกทีคือช่วงเช้า”

           คุณขวัญจึงเรียบเรียงข้อมูลที่ได้รับมาบอกกับคุณแม่ไปว่า

           “คุณแม่คะ นั่นไม่ใช่คุณพ่อ แต่เป็นวิญญาณของผู้ชายคนนี้ที่กำลังแฝงคุณพ่ออยู่ แล้วสิ่งที่คุณหมอธรรมบอกกับคุณแม่ว่าเป็นเจ้าที่ แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย เป็นดวงวิญญาณของผู้ชายคนนี้ที่ยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ”

           ขวัญจึงถามคุณแม่ต่อว่า “คุณพ่ออยากกินก้อยบ้างไหม ? เพราะดวงวิญญาณนี้ จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่าก้อย”

           คุณแม่จึงตอบว่า “ใช่ ปกติคุณพ่อไม่เคยกินก้อยเลย แต่พอหลังจากเกิดเหตุการณ์แปลก ๆ คุณพ่อก็เลยเริ่มอยากกินก้อยขึ้นมา”

           ขวัญจึงบอกคุณว่า “ตอนนี้โดนผีหลอกของจริงแล้วละค่ะ”

           หลังจากนั้นคุณแม่ก็เล่าต่อว่า “ลักษณะบ้านที่ขวัญเห็น เคยเป็นบ้านที่อยู่ติดกับคุณแม่มาก่อน ซึ่งเจ้าของบ้านหลังนั้น มีพฤติกรรมติดเหล้ามาก ก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ”

           และในระหว่างที่ขวัญคุยกับคุณแม่อยู่ คุณขวัญก็มักจะได้ยินเสียงคนคุยกันแทรกบทสนทนาอยู่เสมอ คุณขวัญจึงบอกกับคุณแม่ว่า “คุณแม่ขวัญว่าไม่ได้มีแค่นี้แน่เลย คุณแม่ได้เจออะไรที่มันเยอะกว่านี้ไหม ?”

           คุณแม่จึงเล่าว่า “เคยมีเหตุการณ์ที่ลูกสะใภ้นอนอยู่ในห้อง แล้วก็เห็นวิญญาณของผู้หญิงตนหนึ่ง ชะโงกหน้าออกมามองตรงมาที่เตียงนอน และในช่วงเวลากลางคืน มักจะได้ยินเสียงคนเดินอยู่ในบริเวณบ้านเป็นประจำ”

           ซึ่งคุณแม่ทำอาชีพ ‘รับเหมาก่อสร้าง’ ทำให้มีคนงานเข้าออกอยู่เสมอ คนงานคนหนึ่งเคยมาเล่าให้ฟังว่า ช่วงเย็นหลังจากทำงาน ตนผูกเปลนอนเล่นใต้ต้นไม้ ช่วงที่กำลังจะเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงคนคุยเล่นกันเสียงดังสนุกสนาน แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมา กลับไม่ได้ยินเสียงหรือเจอใครเลย นอกจากนี้ คุณแม่เองก็เคยเจอผีภายในบริเวณบ้าน พร้อมเล่าว่า “ตอนนั้นคุณแม่ออกมาตามคุณพ่อไปทานข้าว เมื่อเดินเข้าไปในห้อง กลับเห็นดวงวิญญาณสีดำสนิท ปีนอยู่ข้างกำแพง และกระโดดลอยออกนอกหน้าต่างไป” ซึ่งมักมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

           คุณแม่เล่าต่ออีกว่า “คุณแม่มักได้ยินเสียง วี๊ด.. เบา ๆ บริเวณหลังบ้าน” และในระหว่างที่คุณแม่กำลังเล่าอยู่ ขวัญก็ได้เห็นภาพลักษณะคล้าย ‘เปรต’ อยู่บริเวณหลังบ้าน จึงถามคุณแม่ว่า

           “คุณแม่เคยเจอเปรตบ้างไหมคะ ?”

           คุณแม่ก็ตกใจถามว่า “รู้ได้ยังไง เพราะมีคนงานเคยเจอจริง ๆ ซึ่งเป็นช่วงเย็นหลังจากทำงาน คนงานคนนั้นกำลังนอนเล่นอยู่บริเวณหลังบ้าน เขาก็เห็นร่างสูงใหญ่ เดินข้ามกำแพงบ้านมาแล้วก็มาหยุดมองมาทางเขา ทำให้ไม่มีคนงานกล้านอนในบริเวณบ้านอีกเลย”

           ซึ่งเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นภายในบ้านเยอะขึ้น และเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ โดยคุณแม่เล่าต่อว่า “วันนั้นเป็นช่วงที่คุณแม่กำลังทำกับข้าว มีลมลูกใหญ่ปะทะเข้ามาที่บ้าน ทำให้ประตูและหน้าต่างที่เปิดอยู่ ปิดเสียงดัง ปัง ! ปัง ! ปัง ! ไปทีละบาน ตอนนั้นคุณแม่ก็ไม่อยู่แล้ว รีบหอบข้าวหอบลูกไปอยู่กับพระอาจารย์ที่วัด” ซึ่งคุณแม่ต้องทนกับเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้มาตลอด 4 ปีเต็ม โดยที่ทุกคนในบ้านก็เจอเช่นเดียวกัน

           ส่วนคุณพ่อก็เคยไปทำงานที่ต่างประเทศ คุณแม่เล่าว่า “คุณพ่อเคยเจอวิญญาณของผู้หญิงตนหนึ่ง นั่งหวีผมตรงสวยอยู่ที่หน้ากระจก ซึ่งคุณพ่อมักจะเจอดวงวิญญาณของผู้หญิงคนนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่คุณพ่อสัมผัสได้ว่าวิญญาณของผู้หญิงคนนี้มาดี เพราะเมื่อคุณพ่อฝันถึง ก็มักที่จะมีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้น เช่น ถูกลอตเตอรี่อยู่เสมอ”

           หลังจากนั้นคุณขวัญกับคุณแม่รวมถึงลูกดวง ก็ได้นัดมาเจอกันที่บ้านของคุณแม่ และทันทีที่ขวัญ ก้าวขาลงจากรถ ขวัญก็สัมผัสได้ทันทีว่า มีดวงวิญญาณเร่ร่อนมากมายอยู่ทุกจุด ทุกพื้นที่ในบริเวณบ้าน คุณขวัญจึงอธิบายกับคุณแม่ว่า “สาเหตุน่าจะเกิดจากการที่บริเวณบ้านของคุณแม่ เข้าออกได้ง่ายเกินไป สำหรับวิญญาณและสัมภเวสี” ขวัญจึงทำพิธีเชิญดวงวิญญาณออก

           หลังจากเสร็จพิธี ในระหว่างที่ขวัญกำลังจะแยกย้ายกลับ ลูกดวงก็ได้ถามว่า “ดวงวิญญาณผู้หญิงที่ตามติดคุณพ่อ คุณขวัญได้เชิญหรือจัดการอะไรไหม ?”

           ขวัญจึงตอบว่า “เรียบร้อยค่ะ”

           ลูกดวงยังแซวอีกว่า “สงสัยคุณพ่อจะถูกลอตเตอรี่น้อยลงแน่เลย”

           เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีสายโทรศัพท์จากลูกดวงโทรเข้ามาเล่าว่า “ฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง คาดว่าน่าจะเป็นดวงวิญญาณที่ตามติดคุณพ่อ มายืนเคาะกระจกหน้าต่าง พร้อมโวยวายว่า เปิดบ้าน! เข้าบ้านไม่ได้! มีท่าทีกังวลรีบร้อน เหมือนคล้ายว่ากำลังจะหนีอะไรบางอย่าง”

           ขวัญจึงบอกว่า “น่าจะเกิดจากการที่เราคุยเล่นกัน แล้วดวงวิญญาณสำคัญตนว่าเจ้าของบ้านอยากให้อยู่ ก็เลยมีการเข้าฝัน เพื่อให้เจ้าของบ้านอนุญาตให้เขาอยู่”

           ท้ายที่สุดแล้ว ขวัญก็มานั่งคิดว่า “วันนั้นที่ขวัญไปบ้านของคุณแม่ ขวัญเจอดวงวิญญาณถึง 8-9 ตน สาเหตุคงเป็นเพราะพื้นที่บริเวณด้านหลังบ้านเป็นป่ารกร้าง และด้านหน้าบ้านไม่เคยปิดประตูเลย ซึ่งนับตั้งแต่คุณแม่เริ่มสร้างบ้านหลังนี้ คุณแม่ก็ไม่เคยตีกรอบพื้นที่บ้าน วันนั้นนอกเหนือจากการที่ขวัญทำพิธีเชิญดวงวิญญาณออก ขวัญก็ทำพิธีแบ่งเขตบ้านด้วย”

           ซึ่งเหตุการณ์ดูดวงในครั้งนี้ กลายเป็นสถิติใหม่.. ที่คุณขวัญพบเจอกับดวงวิญญาณมากที่สุดในชีวิต

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณดิว ’หวง‘ I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 30 ก.ค. 2567]

03 ส.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณดิว ’หวง‘ I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 30 ก.ค. 2567]

‘คุณดิว’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (30 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ ‘ดีเจมดดำ’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘หวง’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! คุณดิวเล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวของคุณดิวเองเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงตอนที่คุณดิวพึ่งเรียนจบใหม่ก็ได้เข้ามาอยู่ที่กรุงเทพ และมีโอกาสได้ทำอาชีพเสริมหลากหลายอย่าง คุณดิวจึงได้รู้จักกับเพื่อนร่วมอาชีพคนหนึ่งที่พี่ในทีมแนะนำให้รู้จัก นามสมมติว่า ‘พี่เอ’ ซึ่งพี่ในทีมก็เหมือนอยากให้คุณดิวและพี่เอจีบกัน คบกัน หลังจากนั้นคุณดิวก็มีการพูดคุยกับพี่เอตามปกติ โทรหากัน ไปเจอกันบ้าง พอผ่านระยะเวลาไปได้ประมาณ 1 เดือน พี่เอก็เริ่มชวนคุณดิวออกไปทานข้าว วันหนึ่ง พี่เอได้เปิดร้านนั่งชิวอยู่ในโซนกรุงเทพ พี่เอก็ได้ชวนคุณดิวไปร่วมงานเปิดร้าน คุณดิวก็ได้ตกลงว่าจะไป ในวันที่คุณดิวไป ก็ไปนั่งดื่มตามปกติ คุณดิวได้เล่าว่าร้านของพี่เอเป็นบ้านเก่าที่ไม่ได้รีโนเวทอะไรมาก แค่ตกแต่งเพิ่มเติมและทำเป็นร้านนั่งชิว ในระหว่างที่ทุกคนนั่งดื่มกันตามปกติ พี่เอก็เริ่มมาจู๋จี๋ มานั่งข้าง ๆ บ้าง มาโอบไหล่โอบตัวคุณดิว ซึ่งเหตุการณ์แปลก ๆ มันเริ่มต้นขึ้นในตอนที่ร้านปิด ณ ตอนนั้นเป็นเวลาตี 1 ในร้านเหลืออยู่ประมาณ 2 โต๊ะที่เป็นเพื่อนพี่เอ และโต๊ะคุณดิว ซึ่งในโต๊ะทั้งหมดมีอยู่ประมาณ 8 คน รวมคุณดิว ช่วงเวลาประมาณตี 1 กว่า ๆ พี่เอก็เริ่มมานั่งตักคุณดิว ในตอนนั้นหางตาคุณดิวได้เห็นเป็นกลุ่มเงาดำ ๆ คลานอยู่กับพื้นข้าง ๆ แบบเร็ว ๆ และผ่านไป คุณดิวก็ปล่อยผ่านไม่ได้อะไร และนั่งสังสรรค์ต่อ พอพี่เอเริ่มเข้ามาใกล้อีก ป้อนข้าวบ้าง มาเติมน้ำให้ คุณดิวก็เริ่มเห็นเงาดังกล่าวคลานเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ซึ่งช่วงที่พีคที่สุดคือช่วงใกล้ ๆ ตี 3 พี่เอได้ลุกมานั่งตักคุณดิว คุณดิวจึงรู้สึกว่าเงาดำนั้นคลานมาข้าง ๆ แต่ตัวคุณดิวไม่กล้าหันไปมอง และมันเป็นช่วงแว๊บเดียวที่ตัวคุณดิวเห็น คุณดิวรู้สึกว่าบรรยากาศรอบข้างเย็นยะเยือก และรู้สึกแปลก ๆ ตอนเกือบตี 3 คุณดิวปวดปัสสาวะ ซึ่งร้านพี่เอเป็นบ้านไม้สมัยเก่า 2 ชั้น ที่คนสมัยก่อนจะไม่มีห้องน้ำในตัวบ้าน จะมีห้องน้ำนอกบ้านอยู่ด้านหลัง และพี่เอก็ยังใช้ห้องน้ำข้างหลังเป็นห้องน้ำของร้านนี้ คุณดิวจึงบอกพี่ ๆ ว่าขอไปเข้าห้องน้ำ คุณดิวก็เดินอ้อมไปหลังบ้าน ในระยะประมาณ 5-10 เมตรจะถึงห้องน้ำ คุณดิวเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ซึ่งลักษณะของผู้หญิงคนนี้คือเป็นผู้หญิงผมยาวประบ่า ใส่เสื้อสีขาว กระโปรงสีเขียว ซึ่งไม่ได้อยู่ในโต๊ะที่คุณดิวนั่ง คุณดิวคิดว่าอาจจะเป็น 2 โต๊ะที่เหลืออยู่ พอระยะที่คุณดิวกำลังจะเข้าไปอีก ความรู้สึกที่ว่าเขาไม่ใช่คนก็ตีปะทะคุณดิวเข้ามา หลังจากที่คุณดิวรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คน เขาก็เอามือ 2 ข้างดึงปากตัวเองฉีกออกมา พร้อมกับตาถลนออกมา แล้วก็พุ่งเข้ามาใส่คุณดิว พอคุณดิวหันหลังก็รู้สึกก้าวขาไม่ออก ปัสสาวะก็ราดด้วย เพราะรู้สึกกลัวไปหมด ขนหัวลุก และรู้สึกว่าเขายืนจ่ออยู่ข้างหลัง ตัวคุณดิวจึงยืนอยู่ตรงนั้นเกือบ 10 นาทีเพราะไม่สามารถขยับตัวได้ ตัวแข็งไปหมด จนเพื่อนพี่เอเดินมาเข้าห้องน้ำ เขาเห็นคุณดิวกำลังยืนตัวสั่น เขาเลยมาจับแขน ตัวคุณดิวจึงหลุดจากภวังค์นั้น เพื่อนพี่เอถามว่า “เกิดอะไรขึ้น” คุณดิวก็ตอบกลับไปว่า “พากลับโต๊ะหน่อย” เมื่อไปถึงที่โต๊ะ ก็ถามว่าคุณดิวเป็นอะไร ทำไมอาการเป็นแบบนี้ เมาหรือเปล่า คุณดิวจึงถามว่า ที่นี่ได้เลี้ยงกุมารหรืออะไรไหม เพราะตัวคุณดิวมีเซ้นส์มาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต พี่ ๆ เลยถามคุณดิวว่าเห็นเป็นอย่างไร คุณดิวจึงเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้พี่ ๆ ฟัง เพื่อน ๆ พี่เอร้องพร้อมกันว่า “อ้าว อีเอเอาอีกแล้ว” คุณดิวก็เลยสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เอเลยยอมเล่าให้ฟังว่า ผีคนนี้เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของพี่เอ ซึ่งในตอนที่น้องสาวมีชีวิตอยู่เป็นคนที่หวงพี่เอมาก หวงทุกอย่างแม้กระทั่งกับเพื่อน ไม่ให้ออกไปไหน แล้วในวันที่น้องสาวพี่เอตายเค้าถูกรถชนแบบทีเดียวตายเลย กรามฉีก ทุกอย่างเละ และพึ่งเสียชีวิตก่อนพี่เอมาเจอคุณดิวประมาณ 1-2 เดือน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอผีจนไม่กล้านอน เช้ามาเพื่อนบอกว่าผีเอาเลขหวยมาบอก สุดท้ายไม่เชื่อ ชวดเงินล้าน!

11 ม.ค. 2024

ไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอผีจนไม่กล้านอน เช้ามาเพื่อนบอกว่าผีเอาเลขหวยมาบอก สุดท้ายไม่เชื่อ ชวดเงินล้าน!

เจอดีที่ห้องน้ำกลางดึก พอกลับมานอนพักช่วงเบรก ผีที่เจอฝากเพื่อนที่นอนข้าง ๆ มาบอกเลขเด็ดแต่ไม่ซื้อ ปรากฏว่าออกตามที่ผีบอกจริง ๆ ! เรื่องราวจาก ‘คุณยาย’ สายที่โทรเข้ามาเล่าเรื่องหลอนในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (26 ธันวาคม 2566) ให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟัง จะหลอนแค่ไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณยาย’ โดยคุณยายได้เริ่มเกริ่นว่า ช่วงชีวิตของคุณยายจะมี 2 พาร์ท เป็นพาร์ทโรงงานและพาร์ทตอนขับรถ ซึ่งก่อนที่คุณยายจะมาขับรถเหมือนในปัจจุบัน ได้ทำงานในโรงงานที่ผลิตเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาก่อน โรงงานนี้ตั้งอยู่ที่บางปู เป็นโรงงานที่มีตึกถล่มจนกลายเป็นข่าวดังเมื่อ 20 กว่าปีก่อน หลังจากที่โรงงานนี้ถล่มไปปีกว่า คุณยายได้ไปสมัครงานที่โรงงานแห่งนี้ ซึ่งในอุตสาหกรรมนี้จะมีอยู่หลายโรงงาน แต่โรงงานที่ถล่มเป็นข่าวดังคือโรงงานที่ 5 คุณยายไปสมัครโดยที่จะไม่รู้ว่าตนจะได้ไปทำที่โรงงานใด ทำได้เพียงแต่ภาวนาขออย่าให้เป็นโรงงานที่ 5 ก็พอ แต่ผลออกมาสรุปว่าได้ไปทำโรงงานที่ 5 พอดี ภายในโรงงานนี้จะเป็นไลน์ผลิตที่วิ่งไปเรื่อย ๆ 2 แถว งานที่คุณยายทำจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น รัด cable tie, หยอดกาว และเช็คตะกั่ว เป็นต้น ไลน์ผลิตที่โรงงานนี้ค่อนข้างแข็งแรง เพราะเป็นสแตนเลสทั้งหมด อีกทั้งคุณยายยังบอกว่าทางโรงงานจะแจ้งพนักงานไว้ว่า ถ้ากลางคืนจะนอนพักให้นอนใต้ไลน์ผลิต เพราะถ้ามีเหตุการณ์ตึกถล่มเหมือนที่เคยเกิด ไลน์ผลิตจะสามารถช่วยรองรับได้ ซึ่งในเวลางานจะมีแบ่งให้พักเบรก ไม่ว่าเป็น แบ่งเบรกย่อย 10 นาที, แบ่งเบรกเข้าห้องน้ำ และเบรกตอนตี 5 มีเวลาครึ่งชั่วโมง ซึ่งส่วนมากในเบรกนี้คนที่โรงงานจะนอนพักกัน ต้องอธิบายก่อนว่าไลน์ผลิตจะวิ่งตลอดเวลาไม่มีการหยุดพัก จึงต้องคอยมีคนซัพพอร์ตเปลี่ยนกะเวลาที่จะไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งคุณยายก็พยายามที่จะไม่เข้าห้องน้ำบ่อย เพราะตอนไปสามารถไปได้แค่คนเดียว ไม่สามารถพาเพื่อนไปด้วยถ้าไม่ใช่เวลาพักจริง ๆ แต่แล้ววันนึง คุณยายอยากเข้าห้องน้ำ ในเวลาที่คนซัพพอร์ตมาเปลี่ยน ในใจคุณยายก็รู้สึกกลัวที่จะต้องไปคนเดียว คุณยายเกริ่นก่อนว่า “คนที่จะเจอเรื่องลี้ลับเนี่ย นอกจากเวลาจังหวะที่พอดีแล้ว มันจะมีเรื่องนึงที่เราจะเจอคือความสาระแนของเรานี่แหละ มันจะทำให้เราเจอผี” และเล่าถึงลักษณะห้องน้ำว่า ห้องน้ำที่โรงงานจะเหมือนห้องน้ำปั๊ม แต่สมัยก่อนห้องน้ำจะเป็นการก่ออิฐ ไม่มีชักโครก เวลาเข้าก็จะต้องนั่งยอง ๆ ภายในห้องน้ำก็จะมีอิฐก่อไว้ใส่น้ำ และมีขันไว้ราดในนั้น ก่อนที่คุณยายจะเข้าห้องก็เอานิ้วดันประตูเพื่อเช็คความสะอาดของแต่ละห้องไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งดันไปถึงประตูห้องหนึ่ง ปรากฏว่าเจอผู้หญิงคนนึง สภาพผมโกยลงมาปิดบังใบหน้า นั่งยอง ๆ อยู่ในห้องน้ำ คุณยายบอกว่าไม่มีเสียงกรีดร้อง หรือตกใจจากผู้หญิงคนนั้นแม้แต่น้อย ซึ่งตอนที่คุณยายดันไปเจอ คุณยายก็ตกใจจึงพูดไปว่า “ขอโทษค่ะ ๆ” พร้อมกับปิดประตูให้ผู้หญิงคนนั้น แต่ก็รู้สึกแปลก เพราะถ้าเป็นคนทั่วไปโดนเปิดประตูก็คงจะโวยวาย แต่ผู้หญิงคนนี้กลับนิ่งเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความอยากรู้ คุณยายจึงไปเข้าห้องน้ำข้าง ๆ และทำธุระเบา เพื่อที่จะฟังความเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนั้น ปรากฏว่าคุณยายไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงขัน หรือเสียงราดน้ำ จนกระทั่งคุณยายทำธุระของตัวเองเสร็จเรียบร้อย กำลังจะเดินออกจากห้อง ก็หันไปชะเง้อมองห้องข้าง ๆ เห็นว่าประตูเปิดแง้มไว้อยู่ จึงผลักเข้าไป ปรากฏว่า..ไม่ใครอยู่ในนั้น! พอคุณยายเห็นแบบนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปในไลน์ผลิต ฝ่ายซัพพอร์ตเห็นคุณยายมีท่าทีแปลก ๆ จึงหันมามองหน้าคุณยายแล้วถามว่า “ยายเจออะไร?” คุณยายจึงตอบไปว่า “ไม่เจอ..” แต่หน้าคุณยายคงจะฟ้องว่าเจออะไรมา ซัพพอร์ตจึงบอกคุณยายอีกว่า “เดี๋ยวคุยกันนะตอนเบรก” แต่คุณยายก็ตอบกลับไปว่า “ไม่คุย” จนกระทั่งเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ซ้ายขวาหันมาถามคุณยายว่า “มึงเจออะไร” คุณยายตอบไปว่า “ไม่แน่ใจ” แต่ก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง เมื่อถึงเวลาเบรกใหญ่ครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะทำโอทีในช่วงตี 5 พนักงานในโรงงานก็นอนใต้ไลน์ผลิตกันตามปกติ โดยในช่วงเวลานั้นโรงงานจะปิดไฟมืดทั้งหมด คุณยายได้นอนใกล้เพื่อนที่ชื่อว่า “แหวว (นามสมมติ)” ซึ่งคุณยายก็นอนไม่หลับ เพราะในหัวมีแต่เรื่องที่เจอจึงนอนคิดเรื่องนี้ตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาเปิดไฟ ไลน์ผลิตกลับมาทำงานปกติ เพื่อนชื่อแหววที่นอนข้าง ๆ หันมาบอกคุณยายว่า “หวยออก 500 นะ” คุณยายก็ไม่เชื่อเพราะหวยอะไรจะออกเลข 500 เพื่อนที่ชื่อแหววยังบอกคุณยายอีกว่า “มึงเชื่อกู..กูฝันเมื่อกี้ได้หวย” แต่คุณยายก็ไม่เชื่อจึงไม่ได้ซื้อ ปรากฏว่าเมื่อถึงวันหวยออก กลับเป็นเลขตรงตามที่เพื่อนคุณยายบอกจริง ๆ เพื่อนที่ชื่อแหววถูกหวยถึงขั้นซื้อรถกระบะป้ายแดงได้ 1 คัน! และเล่าให้คุณยายฟังว่าวันนั้น ตอนนอนเห็นผู้หญิงเดินมาทางห้องน้ำแล้วมานานอนข้าง ๆ เขา พร้อมบอกว่า “หวยออก 500 นะ บอกเพื่อนมึงด้วย” คุณยายบอกว่า เพื่อนของคุณยายคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงเดินตามคุณยายมาจากห้องน้ำเพื่อมาบอก แต่คุณยายไม่ได้หลับ จึงสื่อสารกันไม่ได้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากมิวสิค ‘ตู้กระจก’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

11 ส.ค. 2024

เรื่องเล่าจากมิวสิค ‘ตู้กระจก’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

‘มิวสิค’ นักแสดงจากซีรีส์ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ตู้กระจก’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! มิวสิคเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่บ้านของมิวสิคเอง โดยครอบครัวของมิวสิคจะเป็นครอบครัวใหญ่ บ้านของมิวสิคมีทั้งหมด 4 ชั้น แต่คนในบ้านจะไม่ค่อยอยู่เพราะอยู่ไกลตัวเมือง ทำให้มีบางช่วงเวลาที่คนในบ้านจะพาเพื่อนมาที่บ้านของมิวสิคหลังนี้ และเวลาคนนอกเข้ามา ทุกคนจะเจอกับ ‘ผู้หญิงคนหนึ่ง’ เสมอ ซึ่งผู้หญิงคนนี้จะอยู่ในห้องที่เรียกว่า ‘ห้องสีชมพู’ เวลาแขกมาก็จะอยู่ห้องชมพู จนมีอยู่ครั้งหนึ่งพี่ชายพาเพื่อนมาเที่ยวบ้าน ตัวพี่ชายของมิวสิคก็นอนห้องตัวเอง ส่วนเพื่อนของพี่ชายนอนห้องสีชมพู ซึ่งทั้งสองห้องไม่ได้ไกลกันมาก ในคืนนั้นพี่ชายของมิวสิคก็ฝันว่าตัวของพี่ชายนั้นตื่นขึ้นมา แล้วหันไปตรงประตูห้องน้ำก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายมิวสิคมาก แต่ก็รู้สึกได้ว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่มิวสิค และจู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็กรี๊ดและพุ่งเข้ามาหาที่หน้า แล้วพี่ชายก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่ในขณะที่สะดุ้งตื่นนั้นพี่ชายก็ได้ยินเสียงเพื่อนที่อยู่ในห้องสีชมพูกำลังโวยวาย พี่ชายจึงรีบวิ่งไปหาเพื่อน เพื่อนของพี่ชายจึงบอกว่าเมื่อกี้ฝันว่าตื่นขึ้นมาบนเตียง แล้วเจอผู้หญิงยืนอยู่หน้าห้องน้ำกรี๊ดเสียงดังและพุ่งเข้ามา คุณปู่ของมิวสิคเป็นคนหัวแข็งและชอบสะสมของเก่า แต่เวลาคนในบ้านพาใครมาก็จะเจออะไรแปลก ๆ เสมอ เช่นบางคนนอนอยู่แล้วฝันว่ามีคนมาลูบหัวแล้วจิกหัว โดยทุกคนจะฝันที่ห้องสีชมพูนี้กันหมด คุณปู่ของมิวสิคอยากรู้ว่ามีจริงมั้ย เลยท้าให้ผู้หญิงคนนั้นมา เพราะนี่คือบ้านของคุณปู่ ด้วยความที่มิวสิคมีเซ้นส์ก็จะเจอผู้หญิงคนนี้บ่อยมาก จึงมักจะบอกคุณปู่เสมอว่าคน ๆ นี้มีจริงนะ แต่คุณปู่ไม่เชื่อ มิวสิคจึงปล่อยคุณปู่ท้าไป เมื่อถึงตอนที่คุณปู่ตื่น คุณปู่ก็ดูไม่มีอะไรและเงียบไป มิวสิคเลยไปหาแม่บ้านแล้วก็พูดถึงคุณปู่ว่า “ไหนเป็นไง ไม่เห็นพูดเลย ไม่เจอหรอ” แม่บ้านจึงเล่าให้ฟังว่าคุณปู่เจอผู้หญิงมายืนร้องไห้อยู่ที่หน้าประตูแล้วเอาเล็บขูดประตูทั้งคืน แต่คุณปู่ไม่อยากเชื่อเรื่องนี้ เพราะคุณปู่รู้สึกว่าถ้ายิ่งเชื่อก็จะยิ่งอยู่ ซึ่งมิวสิคมักจะเจอผู้หญิงคนนี้เวลากำลังจะไปโรงเรียนในตอนเช้า ผู้หญิงคนนี้จะยืนอยู่ตรงพุ่มไม้บ้าง ยืนชะโงกดูบ้าง นั่งมองบ้าง ตัวมิวสิคอยู่โรงเรียนประจำ จะไม่อยู่บ้านตั้งแต่จันทร์ - ศุกร์ ในช่วงนั้นน้าของมิวสิคที่อยู่ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับห้องเก็บของเก่า มีลูกสาวอยู่คนหนึ่งที่ชอบเล่นด้วยกันกับมิวสิค ในตอนนั้นลูกสาวของน้ากำลังจะนอน แต่อยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “แม่ พี่มิวมาหา พี่มิวยืนอยู่ตรงนี้พี่มิวมาหา” แต่ ณ ตอนนั้นมิวสิคอยู่โรงเรียนประจำ โดยทุกคนที่เจอผู้หญิงคนนี้จะบอกว่าหน้าเหมือนมิวสิค บางทีมิวสิคคนอนอยู่ชั้น 4 ที่อยู่บนสุด ก็เห็นมือสีขาวลงมาจากฝ้าที่มีรู หรือมีครั้งหนึ่งเป็นงานแต่งของพี่คนหนึ่ง ทำให้มีคนมานอนที่บ้านเยอะ ณ ตอนนั้นมิวสิคนอนกับคุณแม่ ห้องของมิวสิคเป็นชั้นลอยและมีกระจกใสที่มองทะลุเห็นห้องนั่งเล่น ในขณะที่นอนอยู่แม่ก็ฝันว่ามิวสิคกอดคุณแม่แน่น คุณแม่ถามว่ามิวสิคเป็นอะไร แต่ก็มีอะไรดลใจให้มองไปตรงกระจก ก็เห็นเป็นผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ห้องนั่งเล่นแล้วกรี๊ดแบบไม่พอใจจนกระจกสั่น แม่มิวสิคจึงบอกว่า “วันนี้เป็นวันมงคลจะทำตัวแบบนี้ทำไม” เมื่อคุณแม่ตื่นขึ้นมาก็เห็นว่ามิวสิคกอดคุณแม่อยู่จริง ๆ แล้วมีวันหนึ่งคุณแม่ของมิวสิคได้ไปเจอหมอดูคนหนึ่งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน หมอดูก็ทักว่า “อยากรู้ไหมว่าผู้หญิงที่บ้านเขามาได้ยังไง” คำตอบคือ ผู้หญิงคนนี้มากับตู้ไม้กระจกที่ตั้งอยู่ที่บ้าน ซึ่งผู้หญิงคนนี้อยากได้ศาล แต่อย่าไปตั้งศาลให้เค้าเพราะเค้าอยากให้ที่นี่เป็นที่ของเค้า มิวสิคจึงกลับบ้านเพื่อไปดูว่าตู้ไม้อยู่ที่ไหน เพราะคุณปู่มีของเก่าเยอะมาก จนไปเจอซอกหนึ่งของบ้านที่มีตู้ไม้กระจกตั้งอยู่ และเป็นตู้ที่มิวสิคชอบไปยืนดูตั้งแต่เด็ก..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

Epic time ถ่ายรายการผีที่ต้องไปนอนบ้านคนอื่น จนทีมงานเจอดี วิ่งหนีแทบไม่ทัน

09 ก.พ. 2024

Epic time ถ่ายรายการผีที่ต้องไปนอนบ้านคนอื่น จนทีมงานเจอดี วิ่งหนีแทบไม่ทัน

เรื่องนี้ ‘คุณทับทิม’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 กุมภาพันธ์ 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องที่เกิดในรายการ ‘Epic Ghost Camp’ อีพีที่เป็นบ้านของน้องสตรีมเมอร์คนหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าของบ้านได้มีการชักชวนด้วยตัวเอง เพราะมั่นใจว่าบ้านของตัวเองโหดที่สุด ตั้งแต่รายการนี้ไปถ่ายทำมา เรื่องราวนี้จะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย โดยเรื่องนี้ที่คุณทับทิมได้นำมาเล่าเป็นประสบการณ์จากรายการ Epic Ghost Camp EP ที่ไปถ่ายทำที่บ้านของ ‘คุณต้น’ (นามสมมติ) สตรีมเมอร์คนหนึ่ง โดยรายการนี้ พิธีกรหลักคือ ‘คุณเอก’ และ ‘คุณทับทิม’ ยูทูปเบอร์จากช่องดังอย่าง Epic Time จะเข้าไปรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในบ้านกับเจ้าของบ้านก่อน ส่วนทีมงานจะอยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไปฟังด้วย เพื่อป้องกันการเตี้ยม นอกจากนี้รายการยังให้ทีมงานไปนอนตรงจุดที่มีเรื่องราวต่าง ๆ ในบริเวณบ้าน ด้วยการจับฉลากอีกด้วย เมื่อเริ่มถ่ายทำ คุณต้นก็เล่าเรื่องหลอนให้คุณเอกและคุณทับทิมฟังว่า สิ่งที่เกิดกับบ้านหลังนี้คือ เวลาอยู่คนเดียวมักจะได้ยินเสียงเหมือนกับมีคนกำลังเดินขึ้นลงบันได อธิบายเพิ่มเติมว่าบ้านหลังนี้จะมี 1 ห้อง ที่เป็นห้องนอนสำหรับทีมงานของคุณต้น และเล่าให้ฟังอีกว่า วันหนึ่งมีทีมงานคนหนึ่งนอนหลับอยู่ในห้องตามปกติ อยู่ ๆ ก็เจอเงาสีดำ รูปร่างคล้ายกับกุมารทอง แต่ไม่เห็นใบหน้า มายืนอยู่ข้าง ๆ ซึ่งก่อนหน้าที่ทางทีมงานของคุณต้นจะเจอดี ตอนเช้าได้มีการท้าทายว่า “ถ้าบ้านหลังนี้มีผีจริง ๆ คืนนี้ขอเจอหน่อย อยากเจอ” ที่พูดไปแบบนั้นเพราะทีมงานคนอื่นได้เจอกันหมดแล้ว เหลือเขาคนเดียวที่ยังไม่เคยเจอ และสุดท้ายก็ได้เจอดีเข้าจริง ๆ คุณต้นยังเล่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองอีกว่า ขณะที่เขากำลังนั่งเล่นเกมอยู่คนเดียว อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูแบบรัว ๆ “ปึง ปึง ปึง!” ครั้งแรกเขาก็ไม่ได้สนใจ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าบ้านตนเองมีอะไรบางอย่างอยู่ จึงนั่งเล่นเกมต่อ เวลาก็ผ่านไปไม่ถึง 20 วินาที เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอีก ครั้งนี้เคาะเสียงดังมาก “ปึง ปึง ปึง!!” จนประตูสั่น เขาจึงตัดสินใจวิ่งไปเปิดประตู แต่กลับไม่พบอะไรเลย! และอีกเหตุการณ์ที่หนักที่สุดตั้งแต่เคยเจอมาในบ้านนี้ก็คือ คุณแม่ของคุณต้นถูกผีเข้าสิง! ซึ่งเป็นผีกุมารทองที่คุณแม่เป็นคนเลี้ยงไว้เอง คุณต้นเล่าลักษณะตอนที่คุณแม่ถูกเข้าสิงว่า “คุณแม่มีอาการเสียงเปลี่ยนไป เป็นเหมือนกับเสียงของเด็ก และก็มีแรงเยอะผิดปกติ ขนาดผู้ชายจับ 4 คนจับยังไม่อยู่” เมื่อเล่าเรื่องหลอนกันพอสังเขป ทางรายการก็ให้ทีมงานเข้าไปในบ้าน เพื่อจับสลากเลือกจุดที่จะนอน เพื่อให้แต่ละคนได้จุดที่นอนแตกต่างกันไป ซึ่งคุณทับทิมก็ได้นอนด้วย เป็นจุดที่ต้องนอนในห้องของทีมงานที่เคยเจอกุมารทอง แต่สุดท้ายคุณทับทิมก็ไม่เจออะไร ทางด้านทีมงาน ก็มีทีมงานคนหนึ่งเขามีสัมผัสที่หก ได้ไปนอนอยู่หน้าห้องของทีมงานคุณต้น ซึ่งอยู่ตรงทางขึ้นลงบันได จุดนี้เป็นจุดที่เจอดีเยอะมาก อันแรกคือ จุดที่ทีมงานนอน ด้านบนจะมีหิ้งพระ ข้างหิ้งพระก็จะเป็นแจกันดอกบัว ทีมงานคนนี้ก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง จังหวะที่สายตามองขึ้นไปเห็นหิ้งพระ ดอกบัวที่อยู่ในแจกันขยับเอง ทั้งที่แจกันก็ยังตั้งอยู่นิ่ง ๆ ในขณะที่กำลังพักกล้อง อยู่ดี ๆ ทีมงานคนเดิมก็มีอาการแปลก ๆ ยืนเอาหลังพิงกำแพงแล้วก็ค่อย ๆ รูดตัวลงไปกับกำแพง พร้อมกับเอามือปิดหน้า คุณเอกที่ดูผ่านมอนิเตอร์ เห็นท่าทางอาการเริ่มไม่ค่อยดี จึงใช้วอไปถามทีมงานคนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทางทีมงานก็ตอบว่า “มีผู้ชายตัวเล็ก ๆ มานั่งชันเข่าอยู่ข้าง ๆ” จากนั้นทีมงานคนเดิมก็เห็น ผู้ชายตัวเล็กคนเดิม ไปนั่งห้อยขาลงมาจากตู้เสื้อผ้า คุณเอกก็ได้มีการวอถามซ้ำอีกว่า “ยังเห็นอยู่ไหม เขาไปหรือยัง” ทีมงานก็เงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วก็ตอบว่า “ยังอยู่ค่ะ” ต่อมามีเหตุการณ์ที่ทีมงานคนเดิมวิ่งลงบันไดพร้อมกับกรี๊ดเสียงดังมาก ทุกคนที่ยังนอนตามจุดต่าง ๆ ก็ตกใจ และกลัวว่าทีมงานคนนี้จะตกบันได ก็ได้มีการมารวมตัวกันที่กลางบ้าน ทีมงานคนนี้ก็เล่าให้ฟังว่า ‘จังหวะที่กำลังเดินลงบันใดมาข้างล่าง เขามองไปตรงชานพักบันไดกลางบ้าน ด้านซ้ายจะเป็นหน้าต่างระบายอากาศ เขาเห็นเป็นเหมือนผู้หญิง ผมยาว ๆ อยู่ข้างนอก เขาตกใจจึงวิ่งกรี๊ดลงมา’ ซึ่งทีมงานอีกคน ที่นอนอยู่บริเวณด้านล่าง เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงสาธิตให้ดูว่า ‘เห็นทีมงานคนนี้หันหน้าออกไปที่หน้าต่าง แล้วก็ตกใจกรี๊ดแล้วก็วิ่งลงมา’ หลังจากคลิปนี้ได้เผยแพร่ออกไป ก็มีคอมเมนต์จากแฟนคลับว่า นาทีที่ 25.53 เห็นเงาหน้าผู้หญิงที่หน้าต่าง ซึ่งจังหวะนั้นเป็นจังหวะที่ทีมงานคนที่เห็นเหตุการณ์กำลังสาธิตอยู่ พอทีมงานคนที่สาธิตเดินจากบันไดมาถึงข้างล่าง หน้าของผู้หญิงก็หันออกไปแล้วก็หายไปแล้ว(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1