พี่แจ็คเจอหลอนระหว่างไปปฏิบัติธรรม ต้องนอนข้างล่างห้องเก็บกุมารทอง ตกดึกได้ยินเสียงเคาะดังลั่นห้องจนนอนแทบไม่ได้!

อังคารคลุมโปง RECAP

พี่แจ็คเจอหลอนระหว่างไปปฏิบัติธรรม ต้องนอนข้างล่างห้องเก็บกุมารทอง ตกดึกได้ยินเสียงเคาะดังลั่นห้องจนนอนแทบไม่ได้!

03 มี.ค. 2024

          จากคนที่รับฟังเรื่องหลอนอย่าง ‘พี่เเจ็ค The Ghost Radio’ ต้องมาเจอกับตัวเอง เมื่อไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง โดยมีรุ่นพี่ไปเป็นเพื่อน แต่แล้วก็เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด พี่แจ็คบอกถึงจะไม่เจอตัวเป็น ๆ แต่คิดว่าใช่แน่นอน! เรื่องนี้ ‘พี่เเจ็ค The Ghost Radio’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (27 กุมภาพันธ์ 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘คืนปฏิบัติธรรม’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย!

          โดยพี่แจ็คเล่าว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่แจ็คได้ไปปฏิบัติธรรมถือศีล 8 ที่วัดพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งไปอยู่กับหลวงปู่ที่ท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส พี่แจ็คอาศัยอยู่ที่กุฏิของท่านและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

          การปฏิบัติธรรมในครั้งนี้วางแผนไปทั้งหมด 3 วัน กิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่การเปิดประตูวิหารแต่เช้า นั่งสมาธิ สวดมนต์ ไหว้พระตามปกติ สองวันแรกทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ แต่วันที่ 3 วันสุดท้ายของการปฏิบัติธรรมนั้น หลวงปู่มีกิจนิมนต์จะต้องเดินทางไปที่พัทยา ซึ่งมีลูกศิษย์ 2 คนไปด้วย จึงเหลือเพียงเณรหนึ่งรูปอยู่กับพี่แจ็ค หลวงปู่บอกว่า “ถือว่าเป็นบ้านของตัวเองนะ อยู่เลย อยู่สบายไม่มีอะไรหรอก”

          พี่แจ็คเล่าให้ฟังว่า กุฏิของหลวงปู่เป็นกุฏิ 2 ชั้น สิ่งที่พี่แจ็คเข้าไปแล้วตกใจที่สุดคือบริเวณชั้นบน มีพระพุทธรูป รูปปั้น หัวเศียรต่าง ๆ แต่จะมีมุมหนึ่งที่เป็นกุมารทอง พี่แจ็คนั่งนับมีถึง 51 ตน ก่อนหน้าที่พี่แจ็คไปนั้นมีอยู่ประมาณร้อยตนได้ แต่แล้วก็มีคนมาขอไป กุมารทองเหล่านี้ หลวงปู่หรือพระที่วัดไม่ได้เลี้ยง แต่คนที่เลี้ยงนั้นเลี้ยงไม่ไหว จึงนำมาปล่อยไว้ให้หลวงปู่ หลวงปู่ก็ไม่ปฏิเสธ เพราะเป็นพระปฏิเสธไม่ได้ จึงนำมาเก็บไว้ตรงนั้น และมีคนมากราบไหว้ขอพร ก่อนจะมาปฏิบัติธรรมมีคนบอกพี่แจ็คไว้ว่า “พี่แจ็คน้องซนนะ เขาจะชอบเล่น แต่เขาชอบกินขนม มีอะไรก็ซื้อขนมไปให้เขา หรือพี่แจ็คอยากมีเรื่องเล่าเป็นของตัวเองก็บอกน้องเขา” พี่แจ็คจึงคุยกับกุมารทองว่า “ไม่ได้อยากมี พี่เป็นนักฟังที่ดี ไม่ต้องมาหาพี่นะ พี่มาปฏิบัติธรรม พี่กลัว ถ้ามาเดี๋ยวพี่ตกใจ เอาเป็นว่าต่างคนต่างอยู่ดีกว่า”

           หลังจากนั้นเช้าวันที่ 3 หลวงปู่ก็ไปกิจนิมนต์ตามแผนที่วางไว้ ส่วนพี่แจ็คก็ไปสวดมนต์ปกติจนถึงตอนกลางคืน เณรนอนอยู่ชั้นบน ซึ่งชั้นบนจะมี 2 ห้อง เป็นห้องข้างในที่เก็บกุมารทอง เก็บของต่าง ๆ ที่เป็นห้องศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ และมีกระชานอยู่ข้างนอก เณรก็จะนอนกระชานข้างนอกแล้วจะปิดประตูล็อคข้างใน ส่วนพี่แจ็คจะนอนกับ ‘พี่เด่น’ ที่ไปเป็นเพื่อน ซึ่งทั้งคู่นอนอยู่ชั้นล่าง และห้องที่นอนนั้นอยู่ใต้กุมารทองพอดี

ปกติแล้วห้องที่นอนนั้นจะไม่ปิดไฟ เพราะพี่แจ็ครู้สึกไม่ไหวเนื่องจากห้องมืดมากจำต้องเปิดไฟนอน คืนสุดท้ายพี่แจ็คสวดมนต์เสร็จแล้วเตรียมตัวจะนอน พี่เด่นที่ยืนอยู่หน้าห้องก็พูดขึ้นมาว่า “อ้าว วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ใครมีอะไรอยากมาบอกพี่แจ็ค มาเลยนะ” พี่แจ็คบอกว่า “เฮ้ยพี่เด่น อย่าพูดย่างงั้น ไม่เอาดิ!” จากนั้นพี่เด่นก็หัวเราะ พี่แจ็คจึงสวดมนต์เพราะที่พี่เด่นพูดทำให้รู้สึกไม่ดี จากนั้นทั้งคู่ก็นอนหลับไป ปรากฏว่าพี่แจ็คสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงเสียงพี่เด่นพูดว่า “หึ หึ” พอหันไปมองพี่เด่นก็เอาผ้าห่มคลุม และเหมือนขยับตัวไม่ได้ พี่แจ็คก็รู้ทันทีเลยว่าไม่ พี่เด่นโดนพี่อำ เมื่อพี่แจ็คหันไปมองเสร็จก็หันกลับเอาผ้าคลุมนอนต่อ พี่แจ็คก็ไม่คิดจะปลุกพี่เด่นเพราะคิดว่าสมควรโดน

         ผ่านไปสักพัก พี่แจ็คก็ได้ยินเสียงพี่เด่นเป็นเหมือนเดิมจึงหันไปดูอีกครั้ง ตอนนั้นพี่แจ็คเกิดอาการหนังตากระตุกจึงหันกลับมานอน เวลาผ่านไปเหมือนพี่เด่นดิ้นหลุดออกมาได้ก็ลุกขึ้นมานั่งตาแดงก่ำ และถามว่า “พี่แจ็ค เมื่อกี้ผมเรียกพี่ป่ะ?” พี่แจ็คตอบว่า “ใช่” พี่เด่นถามต่อว่า แล้วทำไมพี่ไม่ปลุกผม?” พี่แจ็คก็บอกกลับไปว่า ไม่ปลุก พี่สมควรโดน ผมรู้ว่าพี่โดนผีอำ อันนี้พี่อะสมควรโดนเพราะพี่พูดไปเรื่อย” จากนั้นพี่เด่นจึงนั่งสวดมนต์อยู่ครึ่งชั่วโมง พี่แจ็คก็หลับและคิดว่าดีแล้วเขาจะได้สงบ

เวลาก็ผ่านไปสักพัก พี่แจ็คก็สะดุ้งตื่นและหันไปมองหน้าพี่เด่น ทั้งคู่มองตากันเพราะมีเสียงมาจากเพดาน เป็นเสียงเคาะดังสนั่นทั่วทุกมุมห้อง ระหว่างที่มองตากันอยู่ พี่แจ็คก็มองด้วยสายตาดุเหมือนส่งสัญญาณให้พี่เด่นว่าห้ามทัก พี่แจ็คพยายามหันหน้าไปอีกฝั่งแล้วนอนฟัง เสียงเคาะก็ดังอยู่เรื่อย ๆ พี่แจ็คมั่นใจว่าเณรไม่ได้แกล้ง เพราะเณรรูปนี้ที่อยู่ด้วยกันมา 3 วัน เป็นเณรที่เรียบร้อยและสำรวมมาก พี่แจ็คนอนฟังจนเสียงเคาะเบาลง พี่แจ็คก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงหันไปหาพี่เด่น แล้วก็เอาผ้าคลุม พี่แจ็คจึงหลับไปทั้งแบบนั้น

          ตื่นเช้ามา พี่แจ็คก็เจอเณรเป็นคนแรก จึงถามเณรว่า “เณร เมื่อคืนเณรได้ยินเสียงเคาะไหมครับ?” เณรตอบกลับมาว่า “เณรไม่ได้ยินครับ เณรหลับ” เพราะตอนกลางวันเณรไปเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์ พี่แจ็คก็บอกว่า “ผมได้ยินเสียงเคาะทั้งคืนเลย” เณรตอบว่า “อ๋อ เขาคงจะมาลาโยมพี่แหละ เพราะเห็นโยมพี่มา 3 วันแล้ว” และนี่เป็นสิ่งที่พี่แจ็คเจอ ถึงจะไม่เห็นเป็นตัวเป็นตนแต่จากที่ได้ยินเสียงเคาะก็ชัดเชนแล้วว่าใช่…

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจาก ขวัญ น้ำมันพราย 'กูยังไม่ตาย' I อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ 10 ก.ย. 2567]

13 ก.ย. 2024

เรื่องเล่าจาก ขวัญ น้ำมันพราย 'กูยังไม่ตาย' I อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ 10 ก.ย. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณขวัญ น้ำมันพราย‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (11 กันยายน 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม‘ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ’กูยังไม่ตาย‘ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณขวัญเล่าว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘ปุ๊ก’ ที่เป็นเพื่อนของตนในสมัยเรียน ปวช. ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันมา 20 ปีแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อปี 40 ก่อน หลังจากเรียน ปวช.จบที่ระยอง ปุ๊กก็ได้ย้ายไปอยู่อีกจังหวัด ได้ไปเจอเพื่อนใหม่และได้เช่าหอพักอยู่ด้วยกัน ซึ่งหอพักนี้คือหอพักของเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มที่ชื่อ ‘ตั๋ม’ เเละยังเป็นที่รวมพลของกลุ่ม หอพักในสมัยนั้นมีโทรศัพท์กลางที่ตั้งอยู่หน้าหอพัก เมื่อมีปัญหาอะไรก็โทรหา รปภ. ได้ วันนั้นเป็นวันที่จะเริ่มเรียนซัมเมอร์ ในกลุ่มมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ ‘เล็ก’ ซึ่งเป็นคนที่สวยมาก แต่น่าสงสารเพราะว่าพ่อแม่เสียไปแล้ว ทุกวันนี้เล็กจึงอยู่กับยายเเล้วก็หลานที่บ้านหลังหนึ่ง เล็กมักจะพยายามชวนเพื่อนในกลุ่มว่า “ว่าง ๆ ไปเที่ยวบ้านชั้นสิ” เพื่อน ๆ ทราบเช่นนั้นก็รวมตัวกันไป ปรากฏว่าบ้านของเล็กนั้นอยู่อีกอำเภอซึ่งไกลมาก เมื่อถึงบ้านของเล็ก ปุ๊กก็ได้บอกกับคุณขวัญว่า “ไม่อยากนอนค้างที่บ้านหลังนี้เลย บ้านหลังนี้น่ากลัวมาก“ ซึ่งลักษณะของบ้านจะเป็นไม้ยก 2 ชั้น ตั้งอยู่กลางสวนมะพร้าว มืดทะมึน ห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้านเเละบ้านหลังนี้คุณตาของเล็กเพิ่งจะเสียชีวิตไป ในตอนแรกปุ๊กคิดว่าบ้านหลังนี้อยู่กัน 3 คน เเต่ปรากฎว่ามีเเฟนของเล็กอยู่ด้วยอีกคน ในคืนวันนั้นปุ๊กเเละกลุ่มเพื่อนได้นอนเปิดประตูอยู่บนชั้น 2 แต่แล้วก็มีเสียง ปึก ปึก ปึกก! เหมือนเป็นเสียงคนเดินขึ้นบันได ในระหว่างที่มีเสียงนั้น ทุกคนก็จ้องไปประตูเพื่อดูว่าเป็นใครที่เดินขึ้นมา แต่เมื่อสุดขั้นบันได เสียงนั้นก็เงียบหายไป… ไม่มีใครเดินออกมา! ทุกคนได้เเต่สงสัยว่าเป็นใครเเต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จากนั้นในตอนเช้าก็แยกย้ายกลับบ้าน ผ่านไปเมื่อปุ๊กเรียนซัมเมอร์จบ วันสุดท้ายของการเรียนวันนั้นก็ได้กลับบ้านที่ระยอง ในขณะที่เดินทางกลับก็มีเพจเจอร์เเจ้งเตือนขึ้นมา ซึ่งคนที่ส่งมาก็คือตั๋มเเละได้บอกว่า “เล็กตายเเล้ว” ปุ๊กก็ตกใจเเละไม่เชื่อในสิ่งที่ตั๋มบอก เพราะก่อนที่ปุ๊กจะขึ้นรถกลับบ้านนั้นทั้งคู่ยังกล่าวลากันอยู่เลยเเละเล็กยังได้บอกปุ๊กอีกว่าจะไปทำบุญกับครอบครัว ปุ๊กติดต่อเล็กไม่ได้จึงรอเวลาให้เล็กกลับไปที่หอ ในระหว่างที่รอ ปุ๊กก็ได้ทำธุระของตัวเองไปจนลืมเวลา เวลาล่วงเลยมาจนถึง 3 ทุ่ม พอปุ๊กนึกขึ้นได้จึงโทรไปหา รปภ.ที่หอว่า ปุ๊ก : ไปตามเพื่อนให้หน่อย ตามตั๋มให้หน่อย หนูอยากรู้เรื่องเพื่อนหนู เพื่อนหนูตาย รปภ. : ไม่ตามให้หรอก ดึกแล้ว ไม่ใช่พ่อแม่ ถ้าเกิดเป็นธุระด่วนก็ตาม เมื่อปุ๊กทราบเช่นนั้นก็ได้โทรหาเพื่อนที่อยู่อีกหลังหนึ่ง เพื่อนในกลุ่มก็สงสัยเเละบอกว่า “เล็กตายจริงหรอวะ?” ปุ๊กก็ตอบกลับว่า “จริง ก็มันบอกว่าไอเล็กตาย” ในขณะที่คุยกันก็มีเพื่อนบอกว่า “ปุ๊ก มึงมีเบอร์โทรศัพท์บ้านไอเล็กไม่ใช่หรอ มึงไม่โทรไปล่ะ” ปุ๊กจึงวางสายจากเพื่อนเเล้วโทรไปที่บ้านของเล็ก สายแรกที่โทรไปไม่มีใครรับ จึงโทรไปอีกครั้งปรากฏว่ามีคนรับสาย ซึ่งคนที่รับสายนั้นเป็นหลานของปุ๊ก “ฮัลโหล น้าปุ๊กหรอ” ปุ๊ก : เป็นไงบ้าง น้าเล็กอยู่ป่าว หลาน : น้าเล็กหรอ เดี๋ยวนะ อ๋อนั่นไง น้าเล็กเดินลงมาพอดี ปุ๊ก : เอ้า น้าเล็กเดินลงมาแล้วหรอ ขอน้าคุยกับน้าเล็กหน่อย เล็ก : เออ ปุ๊กเป็นไง (เเล้วก็มีไอหลังพูดจบ) ปุ๊ก : เป็นไรอ่ะ ทำไมไออย่างงี้ เล็ก : เออ กูเจ็บคอนิดหน่อย ว่าไง ปุ๊ก : มึง ไอตั๋มมันเพจมาบอกกูว่ามึงตายอะ เล็ก : มึงจะบ้าหรอ กูยังไม่ตาย ระหว่างนั้นก็มีเสียงคุณยายของเล็กแทรกขึ้นมาว่า คุณยายเล็ก : ไม่ต้องออกไปเเล้วนะ ไม่ต้องชวนไปเที่ยวไหนเเล้วนะ เมื่อปุ๊กได้ยินเสียงเล็กเช่นนั้นก็โล่งใจว่าเล็กยังไม่ตาย แล้วก็วางสายไป.. วันต่อมา มีเพจเจอร์เเจ้งเตือนซึ่งเป็นของเพื่อนอีกคนที่ส่งมาหาปุ๊ก ส่งมาบอกว่า “ไอปุ๊ก เล็กตายแล้ว” ปุ๊กไม่เชื่อเพราะเพิ่งคุยกับเล็กเมื่อคืน จึงโทรกลับไปหาเพื่อนคนนั้นเเล้วบอกว่า “เออ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปบ้านมัน” ในวันถัดมา ปุ๊กร้อนใจจึงรีบไปบ้านของเล็กที่ชลบุรี ซึ่งไปกับเพื่อนคนที่ส่งเพจเจอร์มาหา ระหว่างทางที่ไปก็ไม่มีคนเเต่เมื่อใกล้จะถึงบ้านของเล็กก็เริ่มมีคนเยอะขึ้น เมื่อปุ๊กเเละเพื่อนมาถึงบ้านของเล็ก สิ่งที่เห็นคือโลงศพตั้งอยู่ 3 โลงในบ้าน! ซึ่งมีโลงของคุณยาย หลานเเละเล็ก ตั้งเรียงกันอยู่ ซึ่งสาเหตุการตายคือโดนรถพ่วงกลับรถกระทันเเล้วชน คอหักตายคาที่!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจาก ‘เป้ MVL’ วนกลับมาที่เดิม I อังคารคลุมโปง X เป้ MVL [ 16 ก.ค. 2567]

21 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจาก ‘เป้ MVL’ วนกลับมาที่เดิม I อังคารคลุมโปง X เป้ MVL [ 16 ก.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณเป้ MVL‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (16 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโซเซฟ‘ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ’วนกลับมาที่เดิม‘ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณเป้เล่าว่า สมัยก่อนทัวร์คอนเสิร์ตเยอะมาก ต้องไปแสดงที่ต่างจังหวัด ก่อนหน้านั้นเรื่องการเดินทาง การแสดง และการเข้าพักที่โรงเเรมก็ปกติทุกอย่าง จนมาถึงจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน เมื่อมาถึงสถานที่ที่จัดคอนเสิร์ตก็มีแฟนคลับมาต้อนรับ เเล้วแฟนคลับคนหนี่งก็ถามกับคุณเป้ว่า “พี่พักโรงเเรมไหน” เพื่อนในวงคุณเป้จึงบอกชื่อโรงเเรมไป แต่เมื่อแฟนคลับทุกคนรู้ชื่อโรงเเรมก็ถึงกับนิ่ง ทำตัวมีพิรุธ เเล้วถามคุณเป้อีกครั้งว่าโรงเเรมชื่ออะไร คุณเป้จึงตอบชื่อโรงเเรมไป แฟนคลับได้เเต่ตอบคำว่า “ค่ะ” คุณเป้จึงสงสัยว่าโรงเเรมมันมีอะไร เมื่อคุยกับเเฟนคลับเสร็จก็ไป Soundcheck ระหว่างนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเสร็จจาก Soundcheck ก็มีรุ่นน้องเข้ามาถามคุณเป้ว่า “พักที่ไหนหรอ เดี๋ยวผมไปส่ง” คุณเป้จึงตอบชื่อโรงเเรมไป รุ่นน้องได้ตอบกลับทันทีว่า ”เขายังเปิดอยู่หรอพี่ ยังมีคนไปพักอยู่หรอพี่?” คุณเป้จึงสงสัยอีกครั้งว่าโรงเเรมมันมีอะไร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากใคร เมื่อมาถึงโรงเเรม ก่อนตนจะลงจากรถ รุ่นน้องคนนั้นก็ได้ตบไหล่คุณเป้พร้อมกับพูดว่า “สู้ ๆ นะพี่ เป็นไปได้ กินดื่มถึงเช้า เก็บของ เเล้วค่อยออกนะ” ในคืนนั้นก็มีน้องหลายวงในค่ายที่พักอยู่ด้วย ทุกคนก็ไปทำธุระส่วนตัวเเล้วไปแสดงคอนเสิร์ตกัน เมื่อแสดงเสร็จก็กลับมาที่โรงเเรมในช่วงเวลาเที่ยงคืน ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน ผ่านไปไม่นานในช่วงเวลาไม่ถึงตี 2 ทุกคนก็ลงมารวมตัวกันข้างล่างโดยมิได้นัดหมายพร้อมกับเรื่องเล่าของเเต่ละคนรวมถึงตัวคุณเป้เองด้วย คุณเป้รู้สึกว่าทุกคนต้องโดนอะไรในห้อง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?” เพื่อนตอบกลับว่า “พี่เจออะไร?” คุณเป้จึงเล่าว่า ตนรู้สึกเหนื่อยจากการแสดงคอนเสิร์ต เมื่อเอนตัวลงไปนอน ตนรู้สึกเหมือนมีมดกัดหรือมีเสี้ยนตำหลัง เวลาที่พลิกตัวก็เหมือนมีอะไรมาขูดอยู่ตลอดเวลา จนตนเผลอหลับไป เเล้วก็ฝันว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในห้อง มุดเข้ามาในผ้าห่มจากปลายเตียง เเล้วเอามือข่วนหลัง ในฝันมันเจ็บจนตนสะดุ้งตื่น คุณเป้รู้สึกแปลกเพราะตนเจ็บหลังจริง ๆ จึงไปส่องกระจกเเล้วก็เห็นว่ามีรอยข่วนอยู่เต็มหลังของตน! คุณเป้คิดว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบใส่เสื้อผ้าเเล้วลงไปข้างล่าง เพื่อนคนหนึ่งของคุณเป้เล่าว่า “กำลังจะนอนก็ปิดผ้าม่าน ผ้าม่านเป็นม่านที่ต้องใช้ไม้ก้านลากเพราะมีฐานเป็นโซ่ถ่วง เมื่อปิดเสร็จก็เข้านอน สักพักผ้าม่านนั้นค่อย ๆ เลื่อนเปิดเองต่อหน้าต่อตา! แต่ก็ใจดีสู้เสือคิดว่าลูกปืนลื่นไหลไปเอง จึงได้ปิดม่านอีกครั้งเเล้วกลับมาเข้านอน สักพักก็มีเสียงดัง ครี๊ดดดดดด! มันคือเสียงผ้าม่านที่เปิดเองจนสุดมุม!” ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งก็เล่าว่า “เจอฝักบัวเปิดเองในขณะที่กำลังเช็ดผมอยู่ต่อหน้า พอหันไปฝักบัวก็ปิดทันที เมื่อกลับมาเข้านอนก็ได้ยินเสียงฝักบัวเปิดอีกครั้ง พอเดินไปห้องน้ำเห็นน้ำไหลอยู่ พอมองฝักบัวก็ค่อย ๆ ปิดเอง!” ในตอนเช้าคุณเป้จึงไปถามกับลุงยามจึงได้คำตอบว่า “มันไม่ใช่โรงเเรมใหม่ มันรีโนเวท เมื่อก่อนเป็นโรงพยาบาลเก่า” และเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา คุณเป้ได้วนกลับมานอนที่โรงเเรมเเห่งนี้อีกครั้ง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

นอนไม่หลับเพราะกลิ่นเหม็นเน่า ตามหาต้นเหตุจนเจอถุงกระดาษปริศนา พอเช็คกล้องวงจรปิดก็พบว่าเป็น ‘ของ’ ที่ลูกค้าลืมไว้ ข้างในมีหม้อดินเผา ตุ๊กตาชายหญิง พร้อมคาถาให้สวด! ซ้ำยังมีเสียงแว่วเข้ามาในหูอีกด้วยว่า “ลองเปิดดูสิ”

15 พ.ค. 2023

นอนไม่หลับเพราะกลิ่นเหม็นเน่า ตามหาต้นเหตุจนเจอถุงกระดาษปริศนา พอเช็คกล้องวงจรปิดก็พบว่าเป็น ‘ของ’ ที่ลูกค้าลืมไว้ ข้างในมีหม้อดินเผา ตุ๊กตาชายหญิง พร้อมคาถาให้สวด! ซ้ำยังมีเสียงแว่วเข้ามาในหูอีกด้วยว่า “ลองเปิดดูสิ”

เรื่องหลอนชวนหมาหอนในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (2 พฤษภาคม 2566) มีชื่อเรื่องว่า ‘ลูกค้าคนสุดท้าย’ จาก ‘คุณตาล’ เจ้าของร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งย่านรัชดา เรื่องจะหลอนแค่ไหนนั้น.. ไปติดตามอ่านกันเลย! คุณตาลเกริ่นเรื่องว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ร้านของเธอเอง ในช่วงดึกคืนหนึ่ง จวนเวลาใกล้ปิดร้านประมาณ 3 – 4 ทุ่ม มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านเพื่อขอให้ทำสีผมให้ แต่คุณตาลก็ปฏิเสธเพราะถึงเวลาที่จะต้องปิดร้านแล้ว “ทำสีผมใช้เวลานานมาก ไว้โอกาสหน้าได้มั้ยคะ? ขอสระผม ม้วนผมให้ก่อนได้มั้ยคะ?” ลูกค้าไม่ติดอะไร และนั่งรอคิวเพราะยังมีคิวก่อนหน้าที่ยังค้างอยู่ กระทั่งถึงคิวของเธอมาถึง เมื่อลูกค้าผู้หญิงคนนั้นทำผมเสร็จสรรพก็ออกจากร้านไป ในเวลา 5 ทุ่มกว่า คุณตาลจึงปิดร้าน เวลาล่วงมาจนถึงเที่ยงคืน หลังจากที่คุณตาลทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็รู้สึกแปลก ๆ เริ่มจากได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบนบ้าน แต่ก็คิดว่าคงเป็นเสียงจากตึกข้าง ๆ ไม่ได้คิดอะไรต่อ จึงเตรียมตัวจะนอนหลับ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู เป็นเสียงที่เคาะหนึ่งครั้งแล้วก็ทิ้งระยะห่างไปสักพัก แล้วก็เคาะขึ้นอีก แม้จะแปลกใจและรู้สึกสงสัย แต่คุณตาลก็ลุกขึ้นไปเปิดประตู เมื่อเปิดประตู คุณตาลก็รู้สึกถึงความเย็นบางอย่างแทรกเข้ามาที่แขน แต่เมื่อเปิดไปไม่เจอใคร จึงตัดสินใจกลับไปนอนต่อ ผ่านไปสักพักก็ได้กลิ่นเหม็นขึ้นมา คุณตาลเล่าเสริมว่า “เหม็นเหมือนกลิ่นหมาเน่า” และพยายามหาต้นตอกลิ่นนั้นด้วยการดมกลิ่นตัวเอง เมื่อคิดว่ากลิ่นตัวไม่ใช่ต้นเหตุ จึงสลัดความคิดออกจากหัว แล้วพยายามนอนต่ออีกรอบ สักพักก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังเดินอยู่รอบเตียง แล้วกลิ่นก็ตามไปรอบเตียงด้วย! คุณตาลทนไม่ไหว จึงลุกขึ้นไปเปิดบานเกล็ดแอร์ เพื่อเช็คว่ากลิ่นมาจากแอร์หรือไม่ แต่ก็ยังไม่ใช่ คุณตาลรู้สึกว่ากลิ่นเหม็นเน่านั้น ลอยมาจากข้างหลัง..! คุณตาลหันหลังกลับไปดู ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ จึงตัดสินใจเดินลงมาข้างล่าง ระหว่างที่เดินนั้นก็ยังรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามอยู่เรื่อย ๆ ด้วยความที่ดึกมากและไม่มีใครอยู่ ชั้นล่างตรงนี้จึงเงียบสงัด คุณตาลเปิดตู้เย็นเพื่อที่จะหยิบน้ำ แล้วก็มีเสียงผู้หญิงแว่วน่าขนลุกดังขึ้นมาว่า “หิวน้ำ” คุณตาลคิดว่าคงฟุ้งซ่านไปเอง จึงหยิบน้ำมาดื่ม แต่ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างผลักขวดน้ำ แม้จะตงิดใจแต่คุณตาลก็พยายามไม่คิดอะไร จากนั้นก็เดินตามหากลิ่นเหม็นเน่าต่อ กระทั่งพบถุงกระดาษใบหนึ่งวางไว้ที่ซอกโซฟา คุณตาลคิดว่าคงเป็นของที่ลูกค้าหรือคนที่เข้ามาที่ร้านลืมไว้ จึงโทรหาพี่ที่รู้จักคนนึง แล้วก็ได้ยินเสียงปริศนาพูดขึ้นมาว่า “มึงอยากจะคุยกับกูหรอ?” คุณตาลใจดีสู้เสือไม่ตอบกลับอะไร และสงสัยว่าข้างในถุงกระดาษใบนั้นคืออะไร เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นรูปผู้หญิงนั่งชันเข่าวางไว้ในขันสีเงิน และมีเลือดเก่า ๆ อยู่ในนั้น! เมื่อรู้สึกว่านอนไม่ได้แล้ว และคิดว่ากับตัวเองในใจว่า “เอาละ กูโดนละ” จึงพูดออกมาว่า “ชั้นจะเอายังไงกับแกดี?” เมื่อสังเกตดูอีกครั้งก็เห็นว่ามีอีกถุง จึงเปิดดูและพบว่ามีหม้อดินที่มียันต์เขียนไว้ ลักษณะเหมือนทำเพื่อคนที่รัก! สักพักก็มีเสียงผู้หญิงพูดขึ้นว่า “ลองเปิดดูสิ” แต่คุณตาลก็ไม่กล้าเปิดหม้อ และยังเห็นอีกด้วยว่าข้างในถุงมีหุ่นผู้หญิงกับผู้ชาย พร้อมคาถา และเขียนไว้ว่าถ้าสวดคาถานี้จะได้เป็นเจ้าของสิ่งนี้โดยสมบูรณ์ คุณตาลคิดว่าข้างในหม้อคงจะเป็นศพเด็ก เพราะมีใบกระดาษเขียนกำกับ มีเลขวันชาตะ วันมรณะให้ชัดเจน คุณตาลตัดสินใจหาลูกค้าที่ลืมสิ่งนี้ไว้จากกล้องวงจรปิด นั่นยิ่งสร้างความหลอนให้เสียวสันหลังเข้าไปใหญ่ เพราะคุณตาลก็จะเห็นตัวเองในภาพจากกล้อง ที่ขนหัวลุกไปยิ่งกว่าคือคุณตาลเห็นเป็นเงามืดนั่งอยู่ข้าง ๆ ชะโงกหัวดูโทรศัพท์พร้อมกับคุณตาล! คุณตาลบอกว่า ตอนนั้นตนรู้สึกตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าหันไปมอง และยังได้ยินเสียงหายใจครืดคราดอยู่ข้าง ๆ อีกด้วย! แม้ว่าจะลองปิด-เปิดกล้องดูแล้ว แต่ก็ยังเห็นเงานั้นอยู่เหมือนเดิม คุณตาลใจดีสู้เสืออีกครั้ง และพูดขึ้นมาว่า “แกอยู่ในบ้านเราไม่ได้นะ ไปตามคนของแกมา” แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ตอนนี้คุณตาลรู้แล้วว่าเจ้าของถุงกระดาษนี้คือลูกค้าคนหนึ่ง ซึ่งคุณตาลไม่มีเบอร์ติดต่อเลย คุณตาลตัดปัญหาด้วยการเอาถุงมาครอบต้นเหตุกลิ่นเหม็นนั้นก่อน แต่แล้วก็พบว่ามันไม่ได้เหม็นจากในถุง.. แต่มันเหม็นมาจากเงาข้าง ๆ ที่เดินตามอยู่! กระทั่งตีสาม คุณตาลที่เหนื่อยมากก็หลับไป จนหกโมงเช้าเสียงโทรศัพท์โชว์เบอร์แปลกโทรเข้ามา ปลายสายพูดขึ้นมาว่า “พี่คะ หนูลืมของไว้อ่ะค่ะ” คุณตาลดีใจมาก จึงบอกว่าจะให้ไรเดอร์ไปส่งของให้และขอที่อยู่ แต่ปลายสายกลับปฏิเสธบอกว่าไม่สะดวกที่จะรับ ขอฝากไว้ที่คุณตาลก่อน แต่คุณตาลก็ไม่ยอม เมื่อตกลงกันไม่ได้ จู่ ๆ ปลายสายก็วางสายไป คุณตาลโทรจี้ไปหลายรอบ พอสายนั้นรับก็พูดว่า “หนูให้มาส่งก็ได้ค่ะ ส่งมาตามที่อยู่นี้นะคะ” คุณตาลเรียกไรเดอร์และจัดแจงให้ไปส่งของตามที่อยู่นั้น แล้วเสียงปริศนาก็ดังเข้ามาในหูอีกครั้งว่า “อืม กูไปแล้วนะ” แต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะอยากจะนำของออกไปให้พ้นความรับผิดชอบตัวเองมากที่สุด เมื่อไรเดอร์มาถึง ก็ถามคุณตาลว่าของที่จะให้ไปส่งเป็นอะไร เป็นอาหารหรือเป็นของที่แตกง่ายหรือเปล่า คุณตาลตอบไปว่า “ไม่ใช่อาหารค่ะ พี่ว่าน้องอย่าเปิดเลยนะ” แต่ไรเดอร์ก็เปิด แล้วกลิ่นเหม็นก็ตีเข้าหน้าอย่างจัง แล้วเขาก็เอามือล้วงลงไปหยิบหุ่นผู้หญิงผู้ชายนั้นขึ้นมา ทำให้มือเปื้อน เขาจึงใช้ผ้าเช็ดรถมาเช็ดมือ จากนั้นก็ขับรถออกไปส่งของ เมื่อไรเดอร์ไปถึง เขาก็โทรกลับมาหาคุณตาลด้วยน้ำเสียงโมโหว่า “พี่ครับ นี่มันที่คนอยู่จริง ๆ หรอครับ ผมไม่เห็นอะไรเลยเนี่ย พี่ให้ผมมาต้นไม้อะไรเนี่ย ผมเห็นแต่ศาลใหญ่ ๆ ตรงเนี้ย!” คุณตาลจึงให้ไรเดอร์โทรไปหาลูกค้าเจ้าของถุงนี้ แต่ไรเดอร์ก็บอกว่า “ผมโทรไป 8-9 สายแล้วครับ เขาไม่รับเลย หลอกผมป้ะพี่” คุณตาลก็ช่วยโทรด้วย แต่ก็ยังไม่มีวี่แววรับสาย ผ่านไปสักพัก เจ้าของถุงก็รับสายไรเดอร์แล้วบอกว่า “หนูอยู่ตรงร้านคาราโอเกะXXXค่ะ” เมื่อส่งของเสร็จเรียบร้อย ไรเดอร์ก็บอกว่าเหมือนกลิ่นเหม็นมันติดมือ พอกลับไปที่บ้านก็ทะเลาะกับภรรยา ไรเดอร์โทรมาด่าคุณตาล 3 วันได้ เขายังบอกอีกว่า “พี่ เวลาผมไปไหนอ่ะ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างซ้อนรถผมอยู่อ่ะ” และยังบอกว่า “เขามาชวนไปอยู่ด้วยทุกวันเลย ผมไปหาหลวงพ่อมา เอาน้ำมนต์ล้างมือ เอามาอาบน้ำ ก็ยังเหม็นอยู่เลยพี่ แล้วผมได้กลิ่นคนเดียวด้วยนะ พี่ให้ผมไปส่งอะไรกันแน่” คุณตาลจึงไปหาข้อมูลมา สรุปว่าสิ่งนั้นคือ ‘เป๋อ’ หลังจากนั้นไรเดอร์ก็เงียบหายไปประมาณ 8-9 วัน คุณตาลคิดว่าคงไม่เจออะไรแล้ว แต่ก็มาทราบทีหลังว่าไรเดอร์คนนั้นเกิดอุบัติเหตุ! (ทราบเพราะไรเดอร์โทรมา) แล้วหลวงพ่อก็แนะนำให้ไรเดอร์ไปบวช 7 วัน ขณะที่บวชอยู่ก็ยังเห็นสิ่งนั้นอยู่เรื่อย ๆ เช่นที่ปลายเตียงบ้าง ฝันถึงบ้าง จนครบ 7 วันแล้ว แต่ไรเดอร์ก็ยังไม่กล้าสึก วันเวลาผ่านไปอีกสักพัก เวลาเที่ยงคืนกว่า ลูกค้าคนนั้นก็มาที่ร้านอีกครั้งพร้อมกับของบางอย่างในมือ คุณตาลจึงรีบบอกลูกค้าไปว่า “ร้านปิดแล้วค่ะ” แต่ลูกค้าก็คะยั้นคะยอขอให้ทำผมให้ แต่คุณตาลก็ปฏิเสธด้วยความสุภาพแต่ก็เสียมารยาทเพราะเธอปิดประตูร้านลงต่อหน้าลูกค้าไปเลย คุณตาลบอกว่าหลังจากนี้ คงจะหลอนกับลูกค้าที่ถือถุงกระดาษไปอีกนาน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเเนน ‘กรรมที่ไม่ได้ตั้งใจก่อ’ I อังคารคลุมโปง X ส้ม มัลนิการ์ คนตาทิพย์ [11 มิ.ย. 2567]

16 มิ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณเเนน ‘กรรมที่ไม่ได้ตั้งใจก่อ’ I อังคารคลุมโปง X ส้ม มัลนิการ์ คนตาทิพย์ [11 มิ.ย. 2567]

‘คุณแนน’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง พร้อมทั้งคุณแม่และพี่สาว มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (11 มิถุนายน 2567) เตรียมตัวขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘กรรมที่ไม่ได้ตั้งใจก่อ’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย ! เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณแนน’ (นามสมมติ) โดยคุณแนนเริ่มเล่าว่า ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีที่แล้ว ตอนที่คุณแนนมีอายุ 7-8 ขวบ คุณแม่ของคุณแนนมักจะไปทำพิธีแก้กรรมเสมอ จนคุณแนนโตขึ้น จึงได้ทราบว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ตอนอายุ 36-37 ปี ซึ่งถือว่าอายุมาก โดยก่อนหน้าที่จะตั้งครรภ์คุณแนน คุณแม่ได้เสียทารกในครรภ์ไปถึง 2 คน ในปัจจุบันคุณแนนมีอายุ 31 ปี เมื่อปีที่แล้ว คุณแม่ได้ไปร่วมงานตั้งศาล ก็มีคนเดินเข้ามาทักคุณแม่ว่า “เคยทำแท้งมาเหรอ ?” คุณแม่จึงตอบว่า “ไม่ได้ทำ เคยหลุดไป ส่วนอีกคนหมอให้เอาออก” เขาจึงบอกกับคุณแม่ว่า “ก็ยังอยู่นะ ยังเห็นอยู่เลยเนี่ย แล้วที่ลูกสองคนมีชีวิตแบบนี้ เพราะว่ามันจากผลกรรม” โดยชีวิตของคุณแนน ก็คล้ายกับที่เขาเตือน เพราะคุณแนนกับพี่สาวเคยผิดหวังเรื่องความรักคล้ายกัน ทำอะไรก็ไม่เจริญ เหมือนชีวิตจะดีแต่ก็ดีไม่สุด มีงานทำแต่ไม่มีเก็บ อาจจะเกิดจากกรรมที่คุณแม่ไม่ได้ตั้งใจทำในอดีต แต่อีกใจของคุณแนนก็คิดว่า ‘ไม่เชื่อหรอก เกี่ยวอะไรกัน เพราะเราก็ใช้ชีวิตของเรา ทำไมถึงต้องมีผลกรรมตามมา มีผลกับชีวิตของเรา’ เมื่อถึงบ้าน หลังจากที่คุณแนนนอน คุณแนนก็ฝันถึงคุณพ่อที่เสียไปเมื่อ 7 ปีก่อน ซึ่งปกติแล้ว คุณแนนจะเป็นคนที่หลับสนิทไม่ค่อยฝัน แต่คืนนี้ดันฝันว่า คุณแนนนั่งอยู่ข้างคุณพ่อในสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วก็มีเสียงพูดอยู่ตลอดว่า ก็ที่ลูกแกสองคนเป็นแบบนี้ เพราะนี่ไง ! ก่อนที่คุณพ่อจะแบมือ เห็นเป็นก้อนเด็กสองคนนอนกอดกันอยู่ ซึ่งเมื่อคุณแนนลองมองตามเสียงพูดไป ก็เห็นเป็นร่างลักษณะอาจารย์ที่ทักคุณแม่ เมื่อคุณแนนนำเรื่องนี้ไปเล่าให้พี่สาวฟัง พี่สาวจึงบอกว่า “เขาอาจจะเตือน เพื่อที่จะให้เราไปทำพิธีกรรมกับเขา” พี่สาวของคุณแนนเป็นหมอดู และมีอาจารย์ที่นับถืออยู่ จึงนำเรื่องทั้งหมดนี้ไปปรึกษากับท่าน อาจารย์จึงบอกว่า “มันอาจจะถึงเวลาที่คุณแม่ต้องขอโทษจากใจจริง เริ่มจากการจุดธูปกำใหญ่ โดยที่ไม่ต้องนับ และไปกล่าวกลางแจ้ง พูดขอโทษจากเรื่องราวทั้งหมดด้วยใจจริง” ซึ่งเมื่อนำคำแนะนำของอาจารย์ไปบอกกับคุณแม่ คุณแม่ก็ปฏิเสธที่จะทำตาม เพราะคุณแม่เชื่อว่า ตัวของคุณแม่ได้ทำพิธีแก้กรรมไปหมดแล้ว หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 อาทิตย์ ซึ่งเดือนก่อนคุณแม่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง ตอนอายุ 68 ปี ทำให้ในเดือนนี้สุขภาพของคุณแม่ไม่ค่อยแข็งแรง ระหว่างที่คุณแม่กำลังจ่ายตลาด คุณแม่ก็หกล้ม ทำให้เข่าทั้ง 2 ข้างเกิดแผลฟกช้ำ และในระยะเวลาใกล้กัน พี่สาวของคุณแนนก็ขาพลิก พร้อมทั้งมีเหตุการณ์ที่ทำให้เอ็นข้อเท้าต้องฉีก ส่วนคุณแนนเองก็ขาถลอกจากการที่พื้นเกิดผุพัง หลังจากนั้นเครื่องทำกาแฟที่เป็นร้านธุรกิจส่วนตัวของคุณแนน ก็พังทุกตัว ทำให้ขาดรายได้แทบทุกทาง คุณแนนจึงตัดสินใจคุยกับคุณแม่ว่า “การที่เราไปจุดธูปบอกกล่าว มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรเราทำเพื่อความสบายใจกันดีไหม ?” คุณแม่ก็ตกลง หลังจากนั้นเราก็ทำพิธีตามคำแนะนำ เมื่อจุดธูปกำใหญ่ ปรากฏว่า ธูปทุกดอกในมือก็ติดไฟลุกโชน จนพี่สาวของคุณแนนต้องรีบดับเพราะกลัวที่จะโดนว่า แต่เมื่อคุณแม่มาจับธูปไฟก็ดับลงทันที จนทั้งคู่ต่างตกใจ จากนั้นคุณแม่ก็เดินไปกลางแจ้ง และกล่าวว่า “แม่ขออโหสิกรรมในทุกสิ่งที่คุณแม่ทำลงไป เพราะคุณแม่ไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นคุณแม่ก็อยากที่จะมีลูก แต่มันก็หลุด ส่วนอีกคนคุณหมอก็ไม่ให้เก็บไว้” ซึ่งคุณแนนรับหน้าที่เป็นคนถ่ายภาพบรรยากาศ จู่ ๆ ก็เกิดอาการจุกอกจนอยากที่จะร้องไห้ออกมา ตอนแรกคุณแนนเข้าใจว่าที่เป็นแบบนี้เพราะตัวเองเป็นคน sensitive สักพักไม่นานก็เริ่มรู้สึกว่า ไม่ใช่แล้ว จึงเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน หลังจากที่แม่ปักธูปลงบนกระถาง คุณแนนก็อยากที่จะร้องไห้มาก ๆ จึงพยายามที่จะตั้งสติ และกำพระที่คอให้แน่นขึ้น พี่สาวก็เริ่มเห็นถึงความผิดปกติของคุณแนนจึงเข้ามาถามว่า “เป็นอะไร ?” คุณแนนจึงตอบว่า “หนูไม่รู้อะ แต่หนูอยากที่จะร้องไห้มาก ๆ” พี่สาวจึงเดินไปบอกกับคุณแม่ว่า “น้องน่าจะสื่อได้แล้ว” แล้วพี่สาวก็เดินกลับมาบอกกับคุณแนนว่า “อยากร้อง ร้องเลย” หลังจากนั้น คุณแนนก็ร้องไห้แทบขาดใจ ซึ่งคุณแนนก็รู้สึกว่ามันเป็นโทนเสียงที่คล้ายกับเด็กเล็ก และเป็นโทนเสียงที่คุณแนนไม่เคยร้องมาก่อน รวมถึงความรู้สึกเสียใจที่เอ่อล้นมากมายขนาดนี้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณแม่เดินออกมาจากบ้าน พี่สาวจึงถามคุณแนนว่า “อยากกอดคุณแม่ไหม ?” คุณแนนได้แต่พยักหน้า และกอดคุณแม่ในความรู้สึกที่ว่า “คิดถึงและโหยหาคุณแม่มาก คิดถึงเหลือเกิน เราได้กอดและเจอคุณแม่สักที” เกิดเป็นคำถามในใจคุณแนนว่า เราเจอคุณแม่ทุกวัน ทำไมถึงคิดถึงขนาดนี้ ? คุณแนนจึงเข้าใจแล้วว่า “น่าจะเป็นพี่ที่มาหาจริง ๆ” คุณแม่กอดกับคุณแนนอยู่อย่างนั้น และพูดว่า “ให้แม่กับน้องรวยนะลูก แม่ขอโทษ” แล้วคุณแนนก็พูดในใจว่า “เกิดเป็นคนมันเหนื่อยนะ และต่อจากนี้ก็ให้พวกแนนดูแลแม่เองนะ” ซึ่งตอนนั้น คุณแนนก็นั่งร้องไห้ เกือบ 40 นาที และพูดว่า “เข้าใจทุกอย่างแล้ว ถอยออกเถอะนะ เดี๋ยวทำบุญให้” หลังจากจบเหตุการณ์ในวันนั้น คุณแนนก็ได้นำรูปที่ถ่ายเอาไว้ออกมาดู แล้วพบว่า ควันของธูปที่จุด คล้ายกับลักษณะใบหน้าของเด็กตัวอ่อนที่อยู่ในท้อง ทำให้คุณแนนกลัวและฝังใจกับเรื่องราวนี้มาก ก่อนที่จะตั้งข้อสงสัยว่า “แล้วทำไมคุณแนนถึงสัมผัสได้มากที่สุดในบ้าน ?” ก่อนที่จะพบความจริงว่า แท้จริงแล้ว พี่สาวของคุณแนนเป็นลูกสาวคนโตที่คลอดออกมาคนแรก ซึ่งสองคนที่เสียไปคือท้องที่ 2 และ 3 ของคุณแม่ โดยคุณแนนเป็นลูกคนสุดท้ายคนที่ 4 ซึ่งเมื่อทบทวนเหตุการณ์ทุกอย่างอีกครั้ง ตอนที่คุณแนนยังเด็กมักจะโดนทักว่า “มีบุญมากนะที่ได้เกิดมา” อาจารย์ที่แนะนำก็บอกว่า “คุณแนนน่าจะแย่งเขามาเกิด อาจจะเป็นเวรกรรม หรือเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน” หลังจากนั้นจากพิธี คุณแม่ของคุณแนนก็ได้ทางรักษา จนสามารถหายจากโรคร้ายได้ ซึ่งคุณแนนก็มักที่จะสวดมนต์ และระลึกถึงพี่อยู่เสมอ..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1