เหตุเกิดที่สะพานพระราม 8 เคยเจอคุณลุงขับแท็กซี่มาช่วยชีวิต 10 ปีต่อมา กลับมาช่วยชีวิตเพื่อนอีกครั้ง จะโทรไปขอบคุณกลับเจอเรื่องแปลก!

อังคารคลุมโปง RECAP

เหตุเกิดที่สะพานพระราม 8 เคยเจอคุณลุงขับแท็กซี่มาช่วยชีวิต 10 ปีต่อมา กลับมาช่วยชีวิตเพื่อนอีกครั้ง จะโทรไปขอบคุณกลับเจอเรื่องแปลก!

23 ม.ค. 2024

        เรื่องนี้ ‘ใหม่ รอเรน PowerPuff Guy’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (16 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นกับคุณใหม่ เมื่อประมาณ 10 ที่แล้ว แต่ดันบังเอิญคล้ายคลึงกับเรื่องของเพื่อน ซึ่งเกิดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย

         เล่าย้อนกลับไปสมัยที่คุณใหม่เรียนมหาวิทยาลัย อยู่ชั้นปีที่ 2 ด้วยความที่คุณใหม่ชอบปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ และชอบไปเที่ยวที่ถนนข้าวสาร หลังจากเที่ยวเสร็จ ก็จะชวนเพื่อน ๆ ประมาณ 9  คน ไปนั่งเล่น เม้าท์มอยกันต่อที่สะพานพระราม 8 ในกลุ่มเพื่อนนี้ก็จะมีผู้หญิงคนหนึ่ง เวลาเมาจะชอบตะโกนโวยวาย ทะเลาะกับแฟน และก็ด่าเสียงดังขึ้นมาว่า “มึงสิตอแหล” พอพูดเสร็จ ปรากฏว่าเด็กถิ่นแถวนั้น ก็เข้าใจผิดคิดว่าฝั่งคุณใหม่ไปตะโกนด่าเขา จึงมีปากเสียงกัน กลุ่มคุณใหม่วิ่งหนีขึ้นสะพานมาเรื่อย ๆ จนมาถึงทางตันที่กลางสะพาน  ถ้าวิ่งไปฝั่งขวาจะเป็นกลุ่มของเด็กถิ่นอีกกลุ่มที่เป็นแก๊งเดียวกัน อีกฝั่งก็ลงไม่ได้ โดนล้อมไว้หมด

        จนมีรถแท็กซี่คันหนึ่งขับผ่านมา เป็นแท็กซี่เก่ามาก เปิดไฟว่างไว้อยู่ คุณใหม่จึงโบก รถแท็กซี่ก็จอด คุณใหม่ก็บอกกับคุณลุงแท็กซี่ไปว่า “ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม พวกหนูขอขึ้นรถไปก่อนได้มั้ย” คุณลุงแท็กซี่ก็ไม่พูดอะไร คุณลุงแท็กซี่ดูเป็นคนมีอายุมากแล้ว ร่างกายผอม ผมและหนวดมีสีขาว มีเครายาว จากนั้นกลุ่มเพื่อนคุณใหม่ก็ขึ้นรถมา 9 คน ข้างหน้านั่ง 2 คน ข้างหลังอีก 7 คน ตั้งแต่ขึ้นรถมา คุณลุงแท็กซี่ไม่พูดอะไรเลย คุณลุงก็มาส่งไกลประมาณหนึ่งที่รู้สึกว่าปลอดภัย กลุ่มเพื่อนและคุณใหม่ก็ลงจากรถ ขอบคุณและจ่ายเงินปกติ คุณใหม่ก็คิดกับตัวเองว่า ‘รอดได้ไง ถ้าอยู่ตรงนั้นจะรอดมั้ย ยังดีที่มีแท็กซี่ผ่านมา’

        เรื่องนี้ก็ผ่านไปหลายปี จนกระทั่งเพื่อนคุณใหม่ที่พึ่งรู้จักกัน เขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ได้มาเล่าให้ฟังว่า เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ไปที่สะพานพระราม 8 คนเดียว เพื่อตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง จึงโทรเรียกรถแท็กซี่มารับ รถแท็กซี่คันนี้เป็นคันใหม่ แต่คนขับเป็นคนแก่ ผมขาว หนวดขาว คนขับก็ถามว่า “ไอ้หนู จะไปไหน” เพื่อนคุณใหม่ก็บอกว่า “ไปสะพานพระราม 8 ครับ” ลุงก็ขับไปพอถึงกลางสะพาน เพื่อนก็บอกให้จอด พอส่งเสร็จคุณลุงแท็กซี่ก็ไป เพื่อนก็ไปนั่งตรงขอบสะพานหันหน้ามาฝั่งถนน แล้วอยู่ดี ๆ คุณลุงแท็กซี่คันเดิมก็วนรถกลับมาจอดรถตรงหน้า คุณลุงลงมาจากรถและเดินมาหาเพื่อน พร้อมกับหยิบน้ำเปล่ามา 1 ขวด แล้วก็ถามเพื่อนว่า “เอ็งทำอาชีพอะไร ได้เงินเดือนเท่าไหร่” เพื่อนก็ตอบไป คุณลุงแท็กซี่ก็พูดอีกว่า “ได้เงินเดือนขนาดนี้ ลุงไม่คิดสั้นหรอก ลุงได้วันละ 300 ยังทนอยู่เลย” จากนั้นคุณลุงแท็กซี่ก็ยื่นน้ำให้ดื่ม พอเพื่อนดื่มน้ำเสร็จก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว คุณลุงแท็กซี่ก็บอกว่า “อย่าพึ่งเป็นอะไร ปีหน้าเองจะดัง” พูดเสร็จลุงก็บอกว่าจะไปส่งที่บ้าน ระหว่างทางเพื่อนก็แอบถ่ายรูปด้านหลังคุณลุงเพื่อจะส่งให้เพื่อนอีกคนว่ากำลังกลับแล้วนะ พอถึงคอนโดก็ร่ำลากับคุณลุงแท็กซี่

        ต่อมา เพื่อนก็นำเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนอีกคนฟัง เพื่อนก็บอกให้โทรไปขอบคุณคุณลุงแท็กซี่คนนั้น เพื่อนก็กำลังจะโทร ปรากฏว่าไม่มีเบอร์โทรคุณลุงแท็กซี่คนนั้นแล้ว และรูปที่เคยส่งให้เพื่อน ไฟล์รูปก็เสียหมด พอคุณใหม่ฟังจบ ก็รู้สึกว่ามันคุ้นเหมือนเคยเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เหมือนลุงคนนี้ที่เคยเจอที่สะพานพระราม 8 คุณใหม่เดาว่า คุณลุงแท็กซี่คนนี้อาจจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาช่วยก็เป็นไปได้..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

พยาบาลสาวใจสู้เร่งปั๊มหัวใจคนไข้! ก่อนจะเหลือบไปเห็นคนไข้คนนั้น ยืนให้กำลังใจอยู่มุมห้อง! ตกใจสติเกือบหลุด หัวหน้าพยาบาลต้องเรียกสติให้ปั๊มหัวใจต่อ สุดท้ายก็ช่วยคนไข้ไว้ไม่ได้..

03 ส.ค. 2023

พยาบาลสาวใจสู้เร่งปั๊มหัวใจคนไข้! ก่อนจะเหลือบไปเห็นคนไข้คนนั้น ยืนให้กำลังใจอยู่มุมห้อง! ตกใจสติเกือบหลุด หัวหน้าพยาบาลต้องเรียกสติให้ปั๊มหัวใจต่อ สุดท้ายก็ช่วยคนไข้ไว้ไม่ได้..

เรื่องหลอนสุดสยองในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (18 กรกฎาคม 2566) ที่ผ่านมา เป็นเรื่องผีที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ถูกบอกเล่าโดยคุณพยาบาลเนฟ ที่ฟังแล้วต้องเสียวสันหลัง! เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว ตอนนั้นคุณเนฟเรียนจบพยาบาลและได้เข้าทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตอนนั้นคุณเนฟทำงานในห้องสวนหัวใจ ซึ่งเป็นห้องที่ใช้ทำหัตถการใส่ขดลวดในเส้นเลือดหัวใจ กรณีมีภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตัน โดยเป็นเวรช่วง 8 โมงเช้าจนถึง 4 โมงเย็น และมีบ้างบางครั้งที่ต้องนอนหอใกล้โรงพยาบาล เพื่ออยู่เวรรอเรียก หากมีเคสฉุกเฉินกลางดึก เพื่อให้นึกภาพตามได้สะดวก คุณเนฟจึงอธิบายลักษณะสถานที่ทำงานให้ดีเจทั้ง 2 ฟัง ห้องสวนหัวใจที่ทำงานนั้นมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเชิงลึก ตรงประตูทางเข้าด้านหน้าจะถูกล็อคเอาไว้ตลอดเวลา โดยจะเปิดได้จากทางด้านในอย่างเดียว พอเข้าไปก็จะเจอกับเคานเตอร์พยาบาลก่อน แล้วจึงเป็นกำแพงใหญ่กั้นอยู่ มีประตูใหญ่กันกัมมันตภาพรังสี เพราะต้องมีการทำหัตถการที่ต้องยิงรังสีเอ็กซ์เรย์ ภายในห้องจะมีเตียงทำหัตถการคนไข้กับเครื่องยิงรังสีเอ็กซ์เรย์ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ด้านซ้ายมีจอมอนิเตอร์ที่นักเทคนิคการแพทย์ใช้ดูและสื่อสารกับหมอ รอบห้องก็มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการช่วยชีวิตต่าง ๆ เช่น เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น ลักษณะการเปิดไฟในห้องนี้คล้ายกับการเปิดไฟในห้องผ่าตัด คือเน้นสว่างตรงกลางเตียง แล้วค่อยไล่ระดับไฟให้มืดลงไปจนถึงขอบห้อง ตรงมุมห้องก็ยังพอมองเห็นได้แต่จะมืดกว่าตรงกลางห้อง ในคืนหนึ่ง คุณเนฟอยู่เวรรอเรียก เวลาตีสองครึ่งโดยประมาณก็มีสายจากโรงพยาบาลโทรแจ้งว่ามีเคสฉุกเฉินคนไข้หัวใจหยุดเต้นมาตั้งแต่ที่บ้าน ตอนนี้ทำ CPR อยู่อย่างต่อเนื่องและกำลังเดินทางมาโรงพยาบาล เมื่อได้ยินดังนั้น คุณเนฟก็รีบมาที่โรงพยาบาล พอมาถึงก็วิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเตรียมอุปกรณ์ ยืนประจำตำแหน่งของตัวเองพร้อมกับทีมบุคคลากรทางการแพทย์คนอื่น ไม่นาน คนไข้ก็มาถึงห้องสวนหัวใจพร้อมมีเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจยังติดอยู่ที่ตัว พยาบาลห้องฉุกเฉินรีบส่งเวรให้กับทีมคุณเนฟ ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการ CPR จนชีพจรกลับมาแล้ว แต่ยังมีช่วงคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่อันตรายอยู่ คือหัวใจยังคงเต้นถี่มาก รวมถึงลักษณะของคลื่นยังบ่งชี้ว่ากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดรุนแรง ทีมของคุณเนฟจึงย้ายคนไข้ขึ้นบนเตียงเพื่อเตรียมทำหัตถการ จังหวะนั้นทุกวินาทีคือชีวิตคน ทีมคุณเนฟไม่มีเวลาแม้กระทั่งเปลี่ยนชุดให้คนไข้ คุณเนฟเห็นว่าคนไข้เป็นคุณป้าอายุประมาณ 66 ปี ใส่เสื้อกล้ามคอกระเช้าและผ้าถุงลายดอก พอย้ายคนไข้ขึ้นเตียงเรียบร้อยแล้ว หมอและพยาบาลจึงเริ่มทำหัตถการ แต่หลังจากการทำไปได้เพียง 10 นาที หัวใจคนไข้ก็หยุดเต้นอีกครั้ง “วีที!” พยาบาลหัวหน้าเวรตะโกนบอกทีม หมายความว่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นแบบที่ต้องทำการปั๊มหัวใจ ณ ขณะนั้นคุณเนฟผู้ที่นอกจากจะทำหน้าที่ให้ยาคนไข้แล้ว เธอยังต้องทำหน้าที่ปั๊มหัวใจด้วย คุณเนฟวิ่งขึ้นบันไดอันเล็กด้านข้างเตียงคนไข้แล้วทำ CPR ตอนนั้นคุณเนฟจะสลับการปั๊มกับพี่เทคนิคการแพทย์อีกคนหนึ่ง เมื่อถึงตาคุณเนฟต้องขึ้นมาทำการปั๊มหัวใจอีกรอบนึง ขณะที่ปั๊มอยู่คุณเนฟก็สังเกตเห็นอาจารย์หมอในทีมเหลือกตามองไปทางซ้าย ผิดจากปกติที่อาจารย์เป็นคนที่มีสมาธิตลอดเวลา ด้วยความสงสัยเธอจึงหันหัวไปดูตาม! คุณป้าคนนั้นกำลังยืนอยู่ตรงมุมห้อง! มีทั้งเสื้อกล้ามคอกระเช้าและผ้าถุงไม่ผิดแน่ คุณป้ายืนมองมาที่ทีมคุณเนฟ และทันใดนั้นเพียงชั่วเสี้ยววินาที คุณเนฟก็รีบหันกลับมาที่ร่างของคนไข้แล้วเร่งมือทำการปั๊มหัวใจต่อ แต่ด้วยความตกใจกลัวกับสิ่งที่เห็น คุณเนฟจึงหันกลับไปกลับมาอย่างนี้อีก 3 รอบ จากนั้นก็เริ่มตัวชา แขนอ่อนแรง และขาสั่นไปหมด พยาบาลหัวหน้าเวรเมื่อเห็นว่าคุณเนฟเริ่มไม่ไหว จึงพยายามตะโกนดึงสติคุณเนฟ แล้วคุณเนฟก็กลับมาได้สติตามเดิม เธอลงมาจากเตียงเพื่อสลับกับพี่เทคนิคการแพทย์ แล้วรีบวิ่งไปเกาะแขนด้านหลังของพยาบาลหัวหน้าเวร ซึ่งในตอนนั้นเขาก็ตัวสั่นเหมือนกัน พยาบาลหัวหน้าเวรพยายามบอกกับคุณเนฟว่า “ตั้งสติ! ทำงานของเราให้ดีที่สุด” คุณป้ายังยืนยู่ตรงนั้นเหมือนเดิมต่อไป ขณะที่ทั้งทีมพยายามช่วยชีวิต แต่สุดท้ายทีมของคุณเนฟก็ไม่สามารถช่วยชีวิตคุณป้าเอาไว้ได้ หมอได้ทำการตรวจร่างกายและถอดอุปกรณ์ช่วยหายใจออก เมื่อประเมินว่าคนไข้ได้เสียชีวิตแน่นอนแล้ว คุณป้าก็ยังยืนอยู่ตรงมุมห้องเหมือนเดิม ตอนนั้นคุณเนฟนึกถึงคำที่คนชอบพูดกันขึ้นมาได้เลยว่า “วิญญาณออกจากร่าง” หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง คุณเนฟก็ต้องเคลื่อนย้ายร่างของผู้ตายไปไว้อีกห้องเพื่อทำการอาบน้ำเช็ดตัวก่อนเตรียมนำร่างไปไว้ในห้องเก็บร่างกาย คุณเนฟเห็นคุณป้าตลอดเวลาในขณะที่ทำการย้ายร่างไปอีกห้องหนึ่ง คุณเนฟพยายามบอกกับคุณป้าว่า “อย่าตามมานะ หนูกลัว” (เพราะคนที่ต้องอาบน้ำเช็ดตัวให้ร่างไร้วิญญาณก็คือคุณเนฟกับพี่พยาบาลอีกคนหนึ่ง) แต่แล้วหลังจากนั้น คุณเนฟก็ไม่พบกับคุณป้าอีกเลยระหว่างทำการอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จเรียบร้อยคุณเนฟก็ออกมาข้างนอก เห็นลูกชายของผู้ตายกำลังรอผลอยู่ เมื่อได้รับข่าวร้าย เขาก็ร้องไห้ออกมา ตอนนั้นคุณเนฟได้ยินพยาบาลหัวหน้าเวรบอกกับลูกชายคนไข้ว่า “เดี๋ยวพยาบาลขอเชิญเข้าไปในห้องสวนหัวใจหน่อย” โดยปกติแล้วญาติจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนี้เลย เมื่อคุณเนฟเดินผ่านห้องสวนหัวใจอีกครั้ง จึงได้แต่เงี่ยหูฟังเพราะไม่กล้ามองเข้าไป คุณเนฟได้ยินพยาบาลหัวหน้าเวรบอกกับลูกชายว่า “ให้เชิญคุณแม่กลับบ้านด้วยนะคะ” ลูกชายของคนไข้ก็เริ่มสงสัยขึ้นมา แต่พยาบาลหัวหน้าเวรก็พยายามบอกเลี่ยงไปว่ามันเป็นธรรมเนียมของที่นี่ ลูกชายจึงตกลงทำตาม เป็นความโชคดีของคุณเนฟที่ในหอเธอนอนกับพี่พยาบาลอีกคนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นคุณเนฟคงดิ่งรถกลับบ้านตอนออกเวรคืนนั้นไปแล้ว และค่อยขอลาในวันต่อมา คืนนั้นคุณเนฟนอนหลับต่อได้ตามปกติ เมื่อต้องมาอยู่เวรในลักษณะเดิมอีก คุณเนฟก็ไม่เจอกับอะไรแล้ว หลังจากนั้นคุณเนฟก็ถามพี่เทคนิคการแพทย์ที่ทำงานคู่กันว่าเขาเห็นอะไรรึเปล่า เขาตอบว่าเขาก็เห็นเหมือนกัน ทั้ง ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เมื่อฟังเรื่องราวจนจบ ก็ทั้งกลัวทั้งชื่นชมทีมและคุณเนฟที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ แม้จะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ชวนหลอนก็ตาม..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณนุ๊ก ‘อดีตที่ตามหลอกหลอน’ I อังคารคลุมโปง X เป้ MVL [ 16 ก.ค. 2567]

22 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณนุ๊ก ‘อดีตที่ตามหลอกหลอน’ I อังคารคลุมโปง X เป้ MVL [ 16 ก.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ’คุณนุ้ก’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (16 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘อดีตที่ตามหลอกหลอน’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณนุ้กมีอาชีพเป็นหมอดู มีลูกดวงท่านหนึ่งสมมุติว่าชื่อ ‘เจฟ’ ระหว่างที่ดูดวงอยู่ เขาดูเหมือนกับว่ามีปัญหากวนใจอยู่ แต่ไม่กล้าพูด อยากเล่าก็ไม่กล้าเล่า แต่ก็เร่งเร้าจะดู พอถึงเวลาดู เขาถามว่าดวงเขาเป็นยังไงบ้าง คุณนุ้กตอบกลับไปว่า ”ไม่ค่อยโอเค ความรัก การเงิน การงาน มีปัญหา” คุณเจฟจึงบอกว่า “ผมดูให้ตัวเองแล้ว ความรักดวงตก แต่เรื่องอื่นไม่มีปัญหาเลย” คุณนุ้กจึงคิดในใจว่า ‘ทำไมถึงมาดูกับเรา’ แล้วคุณเจฟยังบอกว่า “มันแปลก คือผมต้องไม่ดีแค่เรื่องความรัก ผมราศีนี้ ยังไงเรื่องงานเรื่องเงินก็รุ่ง แต่ดวงผมร่วงหมดตั้งแต่เดือนกุมภา คนรักนอกใจ ผมเคยขายพระเครื่องรายได้อาทิตย์ละ 5,000-10,000 บาท แต่ตอนนี้ไม่มีเลย ร้านอาหารที่ผมเปิด ก็เจ๊งอีก ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องพูดถึงเลย“ คุณนุ้กก็คิดว่าทำไมชีวิตเป็นแบบนี้ พอดูดวงไปสักพัก ก็เห็นภาพในหัวระหว่างเปิดไพ่ เป็นเหมือนผู้หญิงจะมาเอาวิญญาณคุณเจฟ จึงถามคุณเจฟว่ามีใครตามไหม คุณเจฟบอกว่าเขาก็รู้ตัว แต่ที่โทรมาดูดวงเพราะอยากให้มีคนช่วยคอนเฟิร์ม คุณนุ้กบอกไปว่าเห็นเรื่องในอดีตที่ไม่ใช่ภพนี้ คุณเจฟเคยเป็นสามีของผู้หญิงคนนี้ แต่มีเรื่องมือที่ 3 แล้วฆ่าผู้หญิงคนนี้ ซึ่งผู้หญิงคนนี้ตั้งใจตามมาเอาชีวิตคุณเจฟ พอเปิดไพ่ไปอีก ก็มีไพ่ที่บอกว่า มีคนขอให้ไว้ชีวิตคุณเจฟ คุณเจฟจึงเล่าว่า “จริง ๆ ก่อนมาหาพี่ ผมไปมาทุกสำนักแล้วทำมาทุกอย่าง ไม่เกิน 3 วันดวงก็ตกเหมือนเดิม จนไม่นานมานี้ไปวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้เจอหลวงพี่ที่เป็นพระดัง ท่านเดินเข้ามาหาแล้วทักว่า โยมจะต้องบวชนะ บวชแล้วดีขึ้น” คุณนุ้กจึงคิดว่าน่าจะเป็นพระรูปนี้ที่ขอบิณฑบาต เหมือนให้บวชเพื่อไม่ถึงเเก่ชีวิต จากนั้นคุณนุ้กก็ให้เลขบัญชีของพระตามวัดที่คัดมาแล้วว่าปฏิบัติธรรมจริง ให้คุณเจฟทำบุญบวชพระทุกวัน วันละ 1 บาท พอครบ 7 วันให้มาบอก หลังจากนั้นไม่นานก็มีข้อความเข้ามาหาตนว่า “พี่ ผมเจอแล้วนะ“ แล้วก็เล่าว่า ”ผมทำบุญตามที่พี่บอก จนวันหนึ่งผมไปนวด ในร้านก็จะมีไฟสลัวส่องหน้าคนนวด ผมเห็นหน้าคนนวด ปรากฎว่าไม่ใช่หน้าคน มันเป็นหน้าดำ ๆ มืดสนิทที่มองผมอยู่“ พอฟังเสร็จคุณนุ้กก็เปิดไพ่ ณ ตอนนั้นปรากฎว่า มันดีขึ้น การเงินไม่ขัดแล้ว แต่ความรักยังขัดอยู่ คุณเจฟก็ตอบว่า “ใช่ครับพี่ ผมทำตามพี่ไม่ถึง 7 วันเลย ได้เงินมา 1 แสนละ ตอนนี้กำลังรอบวช“ คุณนุ้กจึงบอกให้ทำบุญไปจนกว่าจะบวช จนล่าสุดก่อนที่จะมาเล่าในรายการได้ทักไปถามคุณเจฟ เขาก็บอกว่า ”บวชอยู่ครับตอนนี้ ได้บวชแล้ว“ ตั้งแต่ที่เขาดูดวงจนบวช ใช้เวลาไม่ถึงเดือนเป็นไปตามที่คุณนุ้กเปิดไพ่ว่า “ถ้าบวช ยังไงก็รอด”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากลูกนัท The Ghost Radio 'ห่อหมกปลาช่อน' l อังคารคลุมโปง X เจน - ลูกนัท The Ghost [ 4 พ.ย.2568 ]

11 พ.ย. 2025

เรื่องเล่าจากลูกนัท The Ghost Radio 'ห่อหมกปลาช่อน' l อังคารคลุมโปง X เจน - ลูกนัท The Ghost [ 4 พ.ย.2568 ]

ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ต้องออกไปหาสถานที่ตกปลา แต่รอบนี้กลับไปเจอบ่อน้ำแห่งหนึ่ง ที่ได้มีคนเข้ามาเตือนว่า ที่นี่ห้ามไป..เพราะเจ้าของที่หวงมาก แต่สุดท้ายกลับบอกให้ไปได้ เพียงแต่ต้องพูดบอกไปว่า จะเอาปลาไปทำห่อหมกปลาช่อนให้ตากินนะ สุดท้ายหลังจากตกปลาได้ จะนำปลากลับไปฝาก กลับได้ไปรับรู้ถึงเรื่องราวบางอย่าง ที่ทำให้ต้องรู้สึกเสียน้ำตา.. คุณลูกนัท’ ได้มาเล่าเรื่องราวของ ‘คุณเก่ง’ ที่ได้เดินทางไปบ่อตกปลาในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ในระหว่างทางกลับได้ไปพบตายายคู่หนึ่ง เข้ามาเตือนว่าอย่าไปที่บ่อแห่งนี้ เพราะว่าเจ้าของเก่า…หวงที่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X เจน - ลูกนัท The Ghost’ (4 พฤศจิกายน 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ห่อหมกปลาช่อน’เหตุการณ์ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เก่งมีงานอดิเรกเป็นการตกปลา ในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ จนกระทั่ง เก่งไปเจอสถานที่แห่งหนึ่ง ที่เหมาะแก่การตกปลาเป็นอย่างมากเช้ามืดในวันรุ่งขึ้น เก่งเริ่มออกเดินทางขี่มอเตอร์ไซค์ ไปถึงยังที่หมายในช่วงเช้าตรู่ ภาพตรงหน้าที่ปรากฏ กลับทำให้เก่งรู้สึกเฟลขึ้นมา เพราะความไม่ตรงปกจากที่ดูรูปมา เก่งรู้สึกเสียดายถ้าจะต้องกลับในทันที จึงเปิดแผนที่เพื่อหาสถานที่อื่นแทน และได้เจอกับบ่อน้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมาก จึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น แต่ในระหว่างทางบังเอิญไปพบกับบ้านไม้ ลักษณะสองชั้น ใต้ถุนสูงโปร่ง ที่มีคนอาศัยอยู่ เป็นตายายคู่หนึ่ง เก่งจึงเข้าไปสอบถามเส้นทางในการไปตกปลา แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่า บ่อน้ำแห่งนี้เจ้าที่หวงมาก มีแต่คุณตาเท่านั้นที่ไปตกได้ เก่งจึงตัดสินใจที่จะกลับมือเปล่า แต่ทันทีที่จะกลับ คุณตากลับตะโกนเรียกว่า “จะตกก็ไปตก เจ้าของที่ไม่ได้อยู่แล้ว แต่บอกเขาไปด้วยนะว่า ตาให้ไปตกแล้วจะเอาปลาไปทำห่อหมกปลาช่อนให้ตากิน” เก่งได้แต่นึกในใจว่า เจ้าของที่ไม่อยู่ได้อยู่แล้ว จะให้ไปบอกกับใคร หลังจากนั้น เก่งก็ได้เดินทางไปจนถึงบ่อ และได้เริ่มตกปลาที่บริเวณนั้น เวลาผ่านไป 1 - 2 ชัวโมง ตกได้ปลาแต่ปรากฏว่าปลาที่ได้เป็นปลาตัวเล็ก ๆ เก่งนึกได้ถึงคำพูดของคุณตาก่อนหน้า เลยพูดเอ่ยขึ้น ตามที่คุณตาได้บอกไว้...หลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏว่า ได้ปลาช่อนตัวใหญ่มาก ตกมาได้ถึง 6 ตัว เก่งจึงคิดที่จะนำปลาที่ได้มา ไปฝากไว้ที่บ้านของตา แต่พอเดินทางไปถึง บ้านกลับปิดสนิท และมีบรรยากาศที่เงียบสงัด จึงตัดใจที่จะกลับมาในภายหลัง ในระหว่างนั้นเก่งขับมอเตอร์ไซค์ ออกไปหาร้านข้าว ก็ไปเจอกับร้านข้าวแห่งหนึ่ง และได้จอดแวะทาน แต่ป้าร้านข้าวก็ได้ทักถามขึ้นมาว่า “ทำไมเราถึงมาจากทางนั้น ไปตกปลามาหรอ?” เก่งตอบกลับไปว่า “ผมไปตกปลา ที่บ่อตรงนั้นมา”ป้าทำสีหน้าตกใจ เพราะด้วยความที่เจ้าของเป็นคนหวงที่มาก และไม่ให้ใครเข้าไปตกปลา แต่เก่งก็ตอบกลับไปว่า “คุณตาบ้านข้างหน้าบ่อ เขาบอกว่าให้ตกได้” ป้าร้านข้าวทำสีหน้างุนงง และได้พูดตอบแบบนิ่ง ๆ “เอ็งไม่กลัวผีหรอ” เก่งยิ่งเกิดอาการงง? กับคำพูดของป้า แต่หลังจากทานข้าวเสร็จ เก่งก็เดินทางกลับไปยังบ่อตกปลา แต่ระหว่างทางได้แวะบ้านของตาอีกครั้ง และได้เห็นตายืนอยู่ริมรั้วบ้าน เก่งจึงเอ่ยทักว่าเอาปลามาฝาก แต่ตาก็ตอบปฏิเสธในทันที และบอกว่าเอาไปทำไม่ไหวหรอก เพราะว่าแก่แล้ว เก่งนึกในใจว่าจะเอาปลากลับไปทำ และรอบหน้าจะนำมาฝากตากับยาย หลังจากคิดเสร็จเก่งก็เดินทางกลับบ้านในทันที แต่ระหว่างทางได้แวะร้านข้าวในอีกครั้ง ป้ารีบเดินเข้ามาถามในทันที “เจอลุงไหม เอ็งนี่ท่าจะไม่กลัวผีจริง ๆ” เก่งได้แต่ทำหน้าครุ่นคิดไปอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นป้าก็ได้เริ่มเล่าเรื่องราวบางอย่างให้เก่งฟัง ในอดีต คุณตามีชื่อว่า ‘ตาแม้น’ เป็นหนุ่มหล่อ และเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ หนึ่งในคนที่ชอบตาแม้น มีชื่อว่า “ยายมา” เป็นเจ้าของบ่อตกปลา ยายแม้นเป็นคนที่หวงบ่อมาก แต่ตาแม้นเป็นคนเดียว ที่ยายมาให้มาตกปลาได้ และเวลาตกได้จะนำปลา ไปให้ยายมาทำห่อหมกปลาช่อนให้กิน ทั้งสองคนก็คอยดูแลกัน และกันอยู่เรื่อย ๆแต่พอเวลาผ่านไป ตาแม้นกลับไปมีอะไรกับ ยายมี พี่สาวของ ยายมา ด้วยความโกรธของยายมา จึงทำยาสั่งให้ทั้งคู่เกิดอาการอยากกินห่อหมกปลาช่อน หลังจากที่ทั้งคู่ได้กินเข้าไปก็เสียชีวิตลงในทันที เวลาผ่านไปยายมา เกิดความเสียใจ ที่เสียคนรักไปทั้ง 2 คน จึงรู้สึกตรอมใจ และได้ผูกคอเสียชีวิตลงในบ้านหลังนั้น หลังจากที่ได้ยินและรับรู้เรื่องราวทั้งหมด เก่งจึงกลับบ้านไปทำห่อหมกปลาช่อนในเช้าวันถัดมา เก่งได้นำห่อหมกปลาช่อน จากปลาที่ตกได้ นำมาจุดธูปให้คุณตา และคุณยาย(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากสาวแอน The Ghost 'คุณค่าเเห่งความตาย' l อังคารคลุมโปง X เจน-สาวแอน The Ghost [ 26 ส.ค.2568 ]

06 ก.ย. 2025

เรื่องเล่าจากสาวแอน The Ghost 'คุณค่าเเห่งความตาย' l อังคารคลุมโปง X เจน-สาวแอน The Ghost [ 26 ส.ค.2568 ]

เรื่องเล่าที่ทำให้บางคนถึงกับเสียน้ำตา เมื่อภรรยาแอบไปคบชู้นอกใจกับลูกพี่ลูกน้องของสามี จนในที่สุดก็หย่าร้างกัน ภรรยาสานสัมพันธ์กับชู้ต่อแต่ก็ไม่ราบรื่น จนเกิดเรื่องราวบานปลายกลายเป็นภรรยาตั้งท้องกับสามีที่หย่ากันไป รัก 3 เศร้า และ 1 ชีวิตของเด็กที่บริสุทธิ์จะจบลงอย่างไร? ติดตามได้กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘คุณค่าของความตาย’ จาก ‘คุณไอซ์’ โดยมี ‘สาวแอน The Ghost’ เป็นผู้ถ่ายทอด ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X เจน-สาวแอน The Ghost’ (26 สิงหาคม 2568) พร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ‘ไอซ์’ มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อ ‘วัฒน์’ ในวันนั้นเขาได้โทรมาร้องไห้ ตัดพ้อว่า “กูไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ กูอะทนไอมิ้นไม่ไหว” ซึ่ง ‘มิ้น’ เป็นภรรยาเก่าของวัฒน์ที่เลิกกันไปตั้งแต่ 7 เดือนก่อน และวัฒน์ก็มีแฟนใหม่มาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ทำให้ไอซ์ไม่เข้าใจว่าทำไมวัฒน์ต้องร้องไห้เสียใจเรื่องมิ้น ในเมื่อก็มีแฟนใหม่ไปแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบใจเพื่อนด้วยประโยคที่ว่า “มึงอยู่ก่อน มึงอย่าพึ่งเป็นอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะไปหามึงที่บ้าน” หลังจากที่ได้วางสายโทรศัพท์ไป ไอซ์ก็ได้เข้านอน แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นยาเส้นพร้อมกับเสียงผู้ชายที่พูดให้ตื่น เธอรีบลุกขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลนเพื่อที่จะขับรถ แต่ในระหว่างเดินทางก็มีสายโทรเข้ามาจากเพื่อนอีกคนที่ชื่อว่า ‘บิ๊ก’ “ไอซ์มึงทำใจดี ๆ ไว้นะ ไอวัฒน์ตายแล้ว” ไอซ์ได้ยินดังนั้นก็ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ทั้ง ๆ ที่เธอก็ได้บอกให้วัฒน์รอก่อน แต่เพื่อนสนิทก็รอไม่ไหว จากนั้นก็ทราบว่าข่าวว่าวัฒน์ตัดสินใจจบชีวิตด้วยการผูกคอตายกับกิ่งไม้ที่ยื่นเข้าไปตรงหน้าต่างบ้านของมิ้นกับ ‘ทอม’ ซึ่งทอมคือลูกพี่ลูกน้องของวัฒน์ และเป็น LGBTQ+ แต่เมื่อ 7 เดือนที่แล้ว วัฒน์ก็ได้รู้ความจริงว่า คนที่เชื่อใจทั้งสองคนแอบเป็นชู้กัน ทางด้านไอซ์เมื่อมาถึงที่หมายแล้ว บิ๊กก็ได้พาไปที่จุดเกิดเหตุแทนที่จะไปวัด เพราะที่นี่ เพื่อน ๆ กำลังตั้งศาลเตี้ย หาคนผิดโดยไม่พึ่งกฏหมาย แต่ทั้งมิ้นและทอมก็ได้หนีไปแล้ว จากนั้นไม่นาน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับกลิ่นยาเส้นแล้วพูดว่า “มึงก็บอกมันสิ” และอยู่ดี ๆ น้องที่นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์หน้าบ้านก็กลิ้งตกรถลงมาด้วยอาการตกใจ สีหน้าเหมือนคนกลัวอะไรสักอย่างจนไม่มีสติต้องรีบวิ่งหนีหายไป เพื่อนที่อยู่ตรงนั้นเมื่อมองไปที่ต้นไม้ที่วัฒน์ผูกคอตายก็วิ่งหายออกไปจากบ้านไม่ต่างกัน และบิ๊กก็วิ่งออกไปด้วย ไอซ์มีแต่ความงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงรีบโทรหาบิ๊กให้มารับ และก็ได้ไปถึงวัดในที่สุด ในคืนนั้นทั้งญาติสนิทและผองเพื่อนก็ได้นอนเฝ้าศพที่วัด แต่แล้วน้องที่ชื่อ ‘โรจน์’ ก็ตะโกนโวยวายขึ้นมาดังลั่นก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในโรงครัวของวัด ทุกคนพยายามจับมาถามและคุยให้ใจเย็นลงว่า โรจน์ที่ยังสั่นกลัวอยู่ได้แต่พูดว่า “ผมเห็นพี่วัฒน์ยืนอยู่บนตัวของพี่บิ๊ก แล้วพี่วัฒน์ค่อย ๆ นั่งลงยอง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เอาตัวเอนไปข้างหลัง จากนั้นก็ฟาดหัวตัวเองมาข้างหน้า เขาทำย้ำ ๆ จนหัวของพี่วัฒน์หลุดออกมากระแทกหน้าพี่บิ๊ก หัวนั้นได้กลิ้งลงมาหยุดอยู่ที่ผม ผมเลยวิ่งหนี” บิ๊กที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดว่าอีกคืนเขาคงไม่อยู่แล้ว ในช่วงเย็นวันต่อมา ไอซ์ก็ได้มาอยู่เป็นเพื่อนบิ๊ก ขณะที่บิ๊กอาบน้ำอยู่นั้น ไอซ์ก็นั่งรอข้างนอก แต่กลับได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องน้ำว่า “กลัวแล้ว กลัวแล้ว” พร้อมกับเสียงถีบประตูห้องน้ำที่ดังปัง! จนประตูหลุดออกมา บิ๊กที่เปลือยเปล่าทั้งตัว ก็วิ่งออกไปที่ป่ากล้วย กว่าบิ๊กจะสงบสติได้ก็ใช้เวลานาน บิ๊กเล่าให้ไอซ์ฟังว่า ตอนนั้นกำลังใช้สบู่ฟอกหน้าอยู่ ขณะที่หลับตา กำลังใช้มือควานหาขันก็ใช้เวลาสักพักเลยกว่าจะเจอ เขาก็คว้าและตักน้ำราดลงมาที่ใบหน้า แต่จังหวะที่ลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เขาจับกลับไม่ใช่ขัน แต่เป็นปากของวัฒน์! เรียกได้ว่าขันใบนั้นคือหัวของวัฒน์นั่นเอง ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ในระยะประชิด เขาทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากขว้างหัวทิ้ง บิ๊กคิดว่ามันจะจบแค่นั้น เขารีบดึงผ้าขนหนูมาคลุมตัว แต่สิ่งที่เขาหยิบขึ้นมากลายเป็นร่างของวัฒน์ที่กำลังโอบเขาอยู่จากด้านหลัง! สติบิ๊กได้หายไปแล้วมีแต่ความกลัวที่คลืบคลานเข้ามา ในเวลานั้นคิดแค่ว่ายังไงก็ต้องเอาตัวเองออกจากห้องน้ำให้ได้ บิ๊กจึงพยายามดิ้นถีบประตูออกมา หลังจากฟังเรื่องราวจบ ทุกคนก็ได้แต่คุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเพื่อนที่ตายไปถึงต้องเล่นงานหนักขนาดนี้ แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้ เวลาล่วงเลยจนมาถึงวันทำบุญร้อยวัน ในตอนเย็นเพื่อนก็มานั่งสังสรรค์กัน อยู่ ๆ บิ๊กก็พูดขึ้นมาว่า “กูรู้สึกผิดว่ะ กูเป็นเหตุผลที่ทำให้วัฒน์ตายด้วยส่วนหนึ่ง เพราะว่าวันที่เกิดเหตุ กูไปบ้านของทอม ไปส่งมันนี่แหละ กูอยากกินเหล้ากับเพื่อน เลยทิ้งมันไว้ตรงนั้น สายแรกวัฒน์โทรมา ให้กูไปรับมัน สายที่สองโทรมาตัดพ้อว่าอยากตาย ไม่อยากอยู่แล้ว กูก็ปากพล่อยตอบมันไปว่า มึงตายก็ดี มึงจะได้เป็นผีรุ่นพี่ กูจะได้ขอหวยด้วย และที่สำคัญนะ ถ้ามึงตาย มึงมาหลอกกูคนแรกเลย เพราะว่ากูคือเพื่อนรักของมึง” ไอซ์เข้าใจกระจ่างว่าทำไมบิ๊กถึงได้โดนหลอก หลังจากนั้นเวลาผ่านไป 2 ปี ได้มีสายจากมิ้นโทรมาหาไอซ์ เธอได้ถามไปว่า “มึงหายไปไหนมา มึงทำให้เพื่อนกูตาย” มิ้นจึงได้เล่าทุกอย่างให้ฟังว่า.. ในช่วงที่คบกับทอมก็มีทะเลาะกันบ้าง พอมีปากเสียงกัน มิ้นก็เลือกที่จะไปดื่มกับวัฒน์ และมีอะไรกันจนท้อง เมื่อท้องได้ 2 เดือน ทอมก็จับได้ ทั้งสามคนตัดสินใจมาเคลียร์กันที่บ้านของทอมว่าควรจะจัดการยังไงต่อ ทอมยื่นคำขาดกับมิ้นว่า “ถ้าเลือกวัฒน์ ก็ออกจากบ้านกูไป แต่ถ้ามึงเลือกกู ก็ต้องเอาเด็กคนนี้ออก” พอวัฒน์ได้ยิน ก็รู้สึกเศร้ามาก จนทำลายข้าวของ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายก็ก้มลงกราบมิ้นและทอม พรางอ้อนวอนว่า “เอาลูกกูไว้เถอะ ถ้ามึงไม่อยากเลี้ยงกูเลี้ยงเอง” แม้วัฒน์จะยอมทิ้งศักดิ์ศรีก้มลงกราบแทบเท้า แต่ทอมก็ไม่คิดจะเอาเด็กคนนี้ไว้ ทั้งยังสะใจที่ได้เป็นผู้ชนะ และพามิ้นกลับเข้าไปในบ้าน วัฒน์จึงตะโกนไล่หลังไปว่า “ถ้ามึงจะกำจัดลูกกู กูจะไปรอมันที่อีกโลกหนึ่ง!” นี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่วัฒน์ได้พูดกับมิ้นและทอม เช้าวันต่อมา เมื่อได้เปิดหน้าต่างบ้านเพื่อรับลม ทั้งคู่ก็ได้เห็นว่าวัฒน์ผูกคอตายอยู่ตรงหน้าต่างบ้าน และที่ข้อเท้ายังเขียนชื่อเป็นชื่อจริงของมิ้นกับทอมไว้อีกด้วย ทั้งสองทำอะไรไม่ถูกจึงรีบหนีไปใต้ และมิ้นก็ยังคงเก็บเด็กคนนั้นไว้ เวลาผ่านไปจนมิ้นคลอด และตั้งชื่อว่า ‘น้องโปรแกรม’ ไอซ์ไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง มิ้นจึงได้พาน้องโปรแกรมมาพบกับไอซ์ เมื่อไอซ์ได้เห็นเด็กผู้ชายวัย 2 ขวบ ก็เชื่ออย่างสนิทใจว่านี่คือลูกของวัฒน์อย่างแน่นอน ไอซ์โผกอดน้องโปรแกรม ราวกับนี่คือวัฒน์เพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ จากนั้นมิ้นก็เล่าให้ฟังอีกว่า หลังจากที่หนีไปใต้ วัฒน์ไม่เคยไปไหนไกล บางทีก็เดินถือหัวไปมา เวลาที่มิ้นสระผม ก็มาช่วยเธอสระผมบ้าง สถานที่ที่จะทำให้นอนได้ ไม่วัดก็เป็นบ้านหมอผี วันหนึ่ง ทอมและมิ้นเจอพระอาจารย์รูปหนึ่ง ทั้งสองได้เรียนวิปัสสนา กรรมฐาน รู้จักบาปบุญ และวันที่เปลี่ยนชีวิตทอมก็มาถึง มิ้นท้องแก่ใกล้คลอด ทอมก็ขับรถไปแต่ระหว่างทางก็มีควายสีดำวิ่งมาตัดหน้ารถ ทอมเลือกที่จะหักพวงมาลัยจนไปชนต้นไม้ ทั้งคู่สลบคาที่ แต่เสียงที่เรียกให้ทอมตื่นขึ้นมาคือเสียงของผู้ชาย บอกให้เขาไปช่วยมิ้น เพราะไฟกำลังโหมรถ ทอมได้สติก็รีบดึงมิ้นออกมา รถพยาบาลขับผ่านมาพอดี และน้องโปรแกรมก็ได้คลอดบนรถคันนั้น ทอมพูดกับอากาศหวังว่ามันจะส่งไปถึงวัฒน์ว่า ‘ขอบคุณนะพี่ที่มาช่วย ถ้าตอนนั้นหนูมีศีลมีธรรมหนูก็คงไม่ทำร้ายเด็กคนนี้ และคงไม่เป็นชู้กับมิ้น ตอนนี้หนูรู้สึกผิดแล้ว หนูยอมตายแทนเด็กคนนี้ด้วย’ หลังจากคลอดน้องโปรแกรมออกมา พระอาจารย์ก็บอกกับมิ้นว่า “ให้เอาหลานไปคืนปู่กับย่า เพราะวัฒน์มาขอไว้ ไม่งั้นปู่กับย่าจะไม่รอด” มิ้นจึงถ่ายรูปน้องโปรแกรมส่งไปให้พ่อแม่ของวัฒน์ และเมื่อพ่อแม่วัฒน์ได้เจอน้องโปรแกรมก็ได้แต่ร้องไห้กอดหลาน เพราะว่านี่คือวัฒน์น้อยของแม่ เด็กคนนี้จะมาทดแทนความโหยหาที่ขาดหายไป จากนั้น พ่อวัฒน์ก็พูดขึ้นมาว่า “แม่มึง ไอที่เราคุยกันไว้ว่า 60 ปี เราอะอยู่ได้ยันร้อยปีเลยนะ” ทั้งมิ้นและทอมก็นำขันธ์ห้ามาไหว้พ่อกับแม่ ทั้งสองคนไม่ได้ด่าทอหรือทุบตี แต่กลับกอดกันแทน นี่ทำให้ไอซ์ตกผลึกได้ว่า การที่เรามีบุญ หรือรักษาศีล มันทำให้เราให้อภัยคนได้ ไอซ์เดินออกมานอกบ้าน พูดเบา ๆ กับเพื่อนสนิทของตนว่า ‘วัฒน์ มึงคิดเหมือนกูมั้ย ว่ามึงไม่ได้ตายฟรี มึงทำให้ไอชั่วสองคนนี้ กลับกลายเป็นคนดี และทำให้ครอบครัวกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ถึงตัวมึงจะตาย แต่คุณค่าของมึงก็ยังคงอยู่ คงถึงเวลาที่มึงจะไปสบายได้แล้ว’ ไม่นานก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินคีบบุหรี่ออกมาจากป่า และพูดกับเธอว่า “มันยังต้องชดใช้กรรมอีก” และเขาก็หายไป พร้อมกับรถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งผ่านมา วัฒน์นั่งอยู่บนรถคันนั้นนั้น เขายิ้ม ดูมีความสุข และพยักหน้าให้เหมือนจะขอบคุณ และก็หายไป ไอซ์สะดุ้งเพราะน้องโปรแกรมเข้ามากอดจากข้างหลัง บอกให้ไปกินข้าวได้แล้ว..เขียน: อภิธิดา ดุรงค์พันธุ์เรียบเรียง: วันทนีย์ ไชยชาติภาพ: กิตติพงษ์ นาคทอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1