Retrospect ต้องไปเล่นคอนเสิร์ตที่ต่างจังหวัด แล้วได้เข้าพักโรงแรมที่เป็นเหมือนโรงพยาบาลเก่า!

อังคารคลุมโปง RECAP

Retrospect ต้องไปเล่นคอนเสิร์ตที่ต่างจังหวัด แล้วได้เข้าพักโรงแรมที่เป็นเหมือนโรงพยาบาลเก่า!

21 ก.ย. 2023

            จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘Retrospect’ วงร็อกแนวหน้าของเมืองไทย เจอเรื่องหลอนที่ทำให้ทั้งวงนอนกันไม่ได้! ทั้งเสียงเคาะและเสียงกรี๊ดมากันให้ครบ เรื่องนี้ทำเอาแฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (12 กันยายน 2566) รวมทั้ง ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ถึงขั้นอ้าปากค้าง! จะอึ้งตามกันขนาดไหน ตามไปอ่านกันเลย!

            ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับวง Retrospect โดยตรง ในวันนั้นทุกคนเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งที่จังหวัดนครปฐม โดยปกติแล้ว โรงแรมธรรมดาที่ไม่ได้ใหญ่โตมากในสมัยนั้น ควรจะเป็นทางบันไดเดินขึ้นลงธรรมดาไม่ได้เอื้อต่อคนที่ต้องใช้รถเข็น แต่ที่โรงแรมแห่งนี้ มีทางเดินสำหรับคนใช้รถเข็นแทบทุกจุด ราวกับว่าก่อนจะเป็นโรงแรม ที่นี่อาจเป็นโรงพยาบาลหรือสถานที่ที่มีคนป่วยใช้รถเข็นอยู่มาก่อน วง Retrospect คิดได้เพียงเท่านั้น แต่ก็เข้าพักตามปกติ

            เมื่อเดินเข้าไปยังล็อบบี้ ทุกคนก็มองเห็นว่า มีเส้นทางเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน แต่มีไม้อัดปิดกั้นไว้เต็มไปหมด และมีศาลตี่จู้เอี๊ยะตั้งอยู่ด้านหน้า ทุกคนยังไม่ได้คิดอะไรเช่นเดิม ต่างคนต่างแยกย้ายเก็บของ ไปทานข้าว เตรียมซาวด์เช็ค และเล่นคอนเสิร์ตตามปกติ เมื่อถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนหลังเล่นคอนเสิร์ตจบ ทุกคนก็กลับมายังโรงแรม และแยกย้ายอาบน้ำเตรียมตัวนอน โดยพี่บอมนอนพักร่วมกับเพื่อนชาวต่างชาติที่ชื่อว่า ‘เดวิด’ ลักษณะของห้องมีห้องน้ำ ถัดมาเป็นเตียง 2 เตียง ถัดไปเป็นระเบียง พี่บอมคิดว่าการแบ่งสัดส่วนเช่นนี้ดูคล้ายกับห้องในโรงพยาบาลอย่างไรอย่างนั้น

            ก่อนจะนอน พี่บอมปิดไฟห้องจนมืดมีเพียงแสงจากโทรทัศน์เท่านั้น สายตาหันไปมองด้านข้างก็พบว่าเดวิดหลับไปแล้ว ตัวพี่บอมเองก็เริ่มง่วงกำลังจะหลับตาลง จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง! ดังขึ้นรัว ๆ แต่ในตอนนั้นไม่คิดถึงเรื่องผีแม้แต่น้อย คิดว่าเพื่อนมาเคาะเรียก เพื่อชวนไปสังสรรค์ เพราะตามปกติของวงจะมีห้องที่รวมตัวกันเรียกว่า ‘ห้องงาน’ พี่บอมจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู แต่สิ่งที่เห็นมีแต่ความว่างเปล่า! พอชะโงกหน้ามองซ้ายขวาปรากฏว่าไม่มีคน ทุกอย่างตรงนั้นเงียบสนิท จึงตัดสินใจปิดประตูหันหลังเข้าห้อง แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงได้ไม่นาน เสียง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง! ก็ดังขึ้นอีก ซึ่งรอบนี้เสียงไม่ได้ดังมาจากประตูหน้าห้อง แต่ดังมาจากห้องน้ำภายในห้อง! พี่บอมเริ่มรู้สึกตัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ปกติแล้ว ระหว่างนั้นก็พยายามจ้องไปบริเวณที่มีเสียง เสียงก็ดังขึ้นอีก และค่อย ๆ ย้ายมาจากห้องน้ำ เป็นดังมาจากตู้เสื้อผ้า เคาะไล่มาเรื่อย ๆ จนมาถึงโต๊ะตั้งโทรทัศน์! ตอนนั้นพี่บอมเริ่มมีความรู้สึกกลัว แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร สายตาก็หันไปมองที่เดวิดอีกครั้ง ทำให้ยังมีความรู้สึกอุ่นใจขึ้นเพราะมีเพื่อนอยู่ด้านข้าง พี่บอมพยายามจะจ้องไปที่โต๊ะวางโทรทัศน์ แต่จังหวะนั้น  ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง! ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากใต้เตียง! ในตอนนั้นพี่บอมก็สัมผัสได้ถึงแรงกระแทกของเตียง จึงตัดสินใจลุกวิ่งหนีทันที แล้วทิ้งเดวิดให้นอนอยู่ในห้อง!

            เมื่อวิ่งออกมาถึงห้องงานก็รีบเปิดประตูเข้าไป แต่ดันเจอเซอร์ไพรส์กว่า เพราะภาพที่เห็นคือทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่หมดแล้ว ซึ่งปกติทั้งวงจะไม่ค่อยมารวมตัวกันเยอะขนาดนี้ พี่บอมเดินเข้าไปขอเครื่องดื่ม แล้วนั่งลงโดยที่ยังไม่เล่าอะไร แต่แล้วสมาชิกในวงก็พูดขึ้นมาว่า “พี่เจอแล้วใช่ไหม” เพราะทุกคนที่นั่งอยู่ทั้ง 11 คนเจอเหมือนกันทุกคน แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง! ก็ดังขึ้นที่หน้าห้อง เมื่อเดินไปเปิดประตูอีกครั้ง สิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่าและความเงียบเช่นเดิม เพียงเท่านั้นทุกคนมองหน้ากันแล้วคิดตรงกันว่า ‘ใช่แน่นอน’ จากนั้นก็ลงความเห็นตรงกันว่าจะออกไปข้างนอก แต่พี่บอมก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีเดวิดนอนอยู่ในห้อง แล้วตำแหน่งห้องงานและห้องที่เดวิดนอน อยู่ห่างกันคนละฝั่ง (โรงแรมมีลิฟต์ตรงกลาง ห้องงานอยู่ฝั่งซ้ายสุด ส่วนห้องที่เดวิดนอนอยู่ฝั่งขวาสุด) พี่บอมจึงชวนทุกคนออกไปด้วยกัน กลายเป็นทั้งหมดเดินเกาะแขนกันไปเพื่อที่จะไปเรียกเดวิดออกมา

            ระหว่างทางทุกคนค่อย ๆ เดินช้า ๆ ขณะที่กำลังเดิน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นซ้ำอีก แต่รอบนี้ดังจากในห้อง เป็นจังหวะแบบที่เมื่อห้องด้านซ้ายดัง ห้องด้านขวาจะดังต่อ สลับกันอย่างต่อเนื่อง! ยังไม่ทันจะถึงห้องของเดวิด เสียงเคาะก็ดังขึ้นก็ไล่มาจนถึงห้องด้านขวาของทุกคน เมื่อทุกสายตามองไปทางประตูด้านขวา เสียงเคาะนั้นกลายเป็นเสียงผู้หญิงกรี๊ดดังขึ้นจากห้องด้านซ้ายแทน! จังหวะนั้นทุกคนส่งเสียงพร้อมกัน “ไป มึงไปปปป!” แล้วก็ตัดสินใจไปนั่งที่ร้านข้าวต้มแถวนั้นจนถึงเช้า

            เมื่อฟ้าเริ่มสว่าง ทุกคนก็กลับเข้าไปยังที่โรงแรมนั้นอีกครั้ง สิ่งที่เห็นคือ เดวิดยังคงนอนอยู่ท่าเดิมตื่นมาด้วยความไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น และยังยืนยันว่านอนหลับสบายปกติ ทุกคนในวงจึงตัดสินใจเข้าไปถามพนักงานที่ทำงานในโรงแรม คำตอบที่ได้มาคือ ตามปกติแล้วจะเจอที่ชั้น 5 และทั้งชั้นจะไม่มีคนเลย (แต่ที่ Retrospect เจอคือชั้น 4) แต่ทุกเวลาหกโมงเย็น ประตูจะเปิดเองทุกห้อง พร้อมกับเสียงโทรทัศน์ที่เป็นเสียงเพลงชาติเปิดดังขึ้นเอง เมื่อเพลงจบลงโทรทัศน์จะดับเองโดยไม่มีสาเหตุ ส่วนประตูทุกห้องก็จะปิดกลับตามเดิมแบบไร้สาเหตุเช่นกัน!

            เรื่องหลอนยังไม่จบเพียงเท่านี้ พี่บอมเล่าว่าเมื่อย้อนกลับไปวันที่เข้าพัก ก่อนที่จะไปเล่นคอนเสิร์ต ทุกคนได้มีโอกาสไปทานข้าวร่วมกับเจ้าของโรงแรม โดยเจ้าของเป็นคนออกค่าอาหารให้ทั้งหมด และหลังจากคืนที่เกิดเหตุการณ์เสียงเคาะนั้นจบลงไปได้ไม่นาน ก็มีข่าวว่า เจ้าของได้เสียชีวิตลงจากเหตุฆาตกรรม!

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

น้องชายตัวดี ปากแจ๋วกับผี! พี่สาวเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ตะโกนด่าไล่ผีออกจากห้อง ถ้าจะหลอกก็หลอกไป กูจะอยู่! เพราะจ่ายเงินค่าห้องไปแล้ว! เงินก็เงินผม ผีไม่ได้ช่วยออกสักหน่อย !?

05 พ.ค. 2024

น้องชายตัวดี ปากแจ๋วกับผี! พี่สาวเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ตะโกนด่าไล่ผีออกจากห้อง ถ้าจะหลอกก็หลอกไป กูจะอยู่! เพราะจ่ายเงินค่าห้องไปแล้ว! เงินก็เงินผม ผีไม่ได้ช่วยออกสักหน่อย !?

เรื่องราวนี้ ‘คุณออโต้’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (30 เมษายน 2567) เตรียมตัวขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ไอแผน’ จะหลอนแค่ไหนั้น ไปอ่านกันได้เลย ! เรื่องนี้ ‘คุณออโต้’ (นามสมมติ) ได้นำมาเล่าจากประสบการณ์ตรงของ ‘คุณอีฟ’ โดยคุณออโต้เล่าว่า หากย้อนไปในเมื่อ 10 ปีก่อน คุณอีฟทำงานเป็นทนายความ และมีลูกน้องชื่อ ‘แผน’ เป็นทนายความจบใหม่ โดยทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน คุณแผนได้ไปรับทำคดีชุด ซึ่งคดีชุดเป็นคดีที่รวมคดีของภาคอีสานทั้งหมด พอได้รับทราบคดีแล้วก็ชวนพี่สาวของตัวเองไปช่วยทำเอกสารด้วย และขอให้คุณอีฟหยุดงาน 2 เดือน ในสมัยนั้นการทำคดี ต้องรับงานเหมือนกับ Salesmen ตลอดระยะเวลา 1 เดือน ทนายความต้องรับคดีอย่างน้อย 80 คดีขึ้นไป ต้องใช้เวลา 38 ชั่วโมง ในการทำคดีและส่งเรื่องขึ้นศาล อีกทั้งสมัยนั้นระบบยังไม่เปิดให้ส่งออนไลน์ ต้องไปทำเรื่องแจ้งที่ศาลประจำจังหวัด ซึ่งการรับทำคดีเยอะ ๆ เช่นนี้ก็ทำให้เกิดอาการเครียดสะสม เขาทั้งคู่แทบที่จะไม่ได้พักผ่อน เมื่อทำคดีของจังหวัดหนึ่งเสร็จก็ต้องขับรถไปทำคดีของอีกจังหวัด ขณะที่กำลังขับรถเปลี่ยนจังหวัดนั้นเอง คุณแผนก็เริ่มที่จะง่วง จึงบอกกับพี่สาวว่า “ถ้าขับรถไป แล้วเจอรีสอร์ต หรือที่พักข้างทางก็ให้แวะพักเลย ขับต่อไปไม่ไหวแล้ว กลัวหลับใน เกิดอุบัติเหตุแน่” ช่วงเวลาประมาณสองทุ่ม แอปก็แจ้งเตือนว่า อีก 50 กิโลเมตรจะถึงตัวเมือง แต่คุณอีฟกับคุณแผนก็เจอกับรีสอร์ตข้างทางเข้าเสียก่อน จึงเลี้ยวรถเข้าไปทันที รีสอร์ตมีลักษณะเหมือนบ้านสวน มีการแบ่งกั้นบ้านเป็นหลังยาวเข้าไป ด้วยความที่คุณอีฟมีเซ้นส์บางอย่าง และเป็นคนที่ชอบเสพเรื่องผี จึงคาดการณ์ว่า การพบเจอเหตุการณ์แบบนี้ มันน่าจะต้องมีอะไรบางอย่าง จึงบอกคุณแผนว่า “เราไปพักกันในตัวจังหวัดไหม?” เพราะในความรู้สึกของคุณอีฟ การพักในชานเมืองมันไม่ปลอดภัย แต่คุณแผนก็บอกว่า “เราพักตรงนี้แหละ เพราะผมไม่ไหวแล้ว เราต้องรวบรวมเอกสาร เพื่อคดีในวันพรุ่งนี้อีก” คุณอีฟก็เลยอยู่ในสถานะต้องจำยอม หลังจากนั้น ทั้งคู่จึงเข้าไปติดต่อกับพนักงาน แต่กลับพบลุงวัยกลางคนที่คาดเดาว่า ลุงน่าจะเป็นคนดูแลห้องพัก ลุงบอกว่า “มีห้องพักว่างอยู่เป็น 10 ห้อง อยากพักห้องไหนเลือกได้เลย” คุณอีฟสะกิดคุณแผนว่า “เปลี่ยนที่พักกันไหม ?” ซึ่งคุณแผนก็ยังยืนยันว่าจะพักที่นี่ ด้วยเรื่องของราคาห้องพักที่ประหยัด เพียง 450 บาท ทั้งคู่ก็ได้เข้าพักเลือกเป็นห้องริมสุดจากด้านใน ระหว่างที่กำลังขนของเข้าพัก คุณลุงก็พูดขึ้นว่า “ลุงสแตนบาย อยู่นี่ 24 ชั่วโมงนะ ถ้าเกิดเหตุอะไรหรืออยากจะเปลี่ยนห้อง ลุงอยู่ตรงนี้นะ” ตอนนั้นคุณอีฟกับคุณแผน ก็คิดเพียงว่า อาจจะเป็นไฟเสีย หรือ ห้องน้ำน้ำไม่ไหล พอจอดรถที่หน้าห้องเรียบร้อย คุณอีฟที่เป็นคนมีเซ้นส์ก็สัมผัสอะไรบางอย่างได้ เพียงแค่เปิดประตูห้องเข้าไป ก็ได้กลิ่นเหม็นอับ มีลมปะทะหน้า จากนั้นก็จัดเต็มทุกสิ่งตาม Step ของเรื่องผี คุณอีฟจึงบอกกับคุณแผนว่า “เฮ้ยแผน ! เรากลับตอนนี้ยังทันนะ” แต่คุณแผนก็ยังรั้นตอบว่า “ไม่กลับ!! ที่นี่ราคาห้อง 450 เอง ประหยัดกระเป๋าดี ผมน่ะไม่กลัวผี ! พี่เป็นพี่สาวผมก็ต้องไม่กลัวเหมือนกัน!” ด้วยความที่คุณอีฟเป็นพี่สาวที่แสนดี ก็ไม่อยากจะเถียงต่อด้วย บอกน้องชายไปว่า “เออ ก็แล้วแต่ละกัน !” จากนั้นคุณอีฟจึงเดินเข้าไปสำรวจในห้อง ภาพที่คุณอีฟเห็น คือ ภาพของเตียงนอนกลางห้องที่มีลักษณะก่ออิฐปูนขึ้นมาเป็นฐาน คุณอีฟสัมผัสได้ในทันทีว่า มันมีลักษณะคล้ายกับ ‘เมรุเผาศพ’ หรือที่เรียกว่า ‘เตาเผากลางแจ้ง’ เมื่อเดินไปสำรวจจุดอื่น พบว่าห้องดูเหมือนไม่ได้ใช้งานมานาน และที่พีคสุด ๆ คือ ‘โต๊ะเครื่องแป้ง’ ที่ทางรีสอร์ตน่าจะทำขึ้นเอง เหมือนเป็นไอเดียเฉพาะ สร้างจากอิฐและปูนที่ก่อขึ้นมา และมีกระจกติดไว้ด้านบน ลักษณะคล้ายกับโกศเก็บกระดูก ตอนนั้นคุณอีฟก็ทำได้เพียงแค่บ่นตามประสา หลังจากนั้นคุณอีฟก็เข้าไปอาบน้ำ ฝักบัวก็ไม่มี มีเพียงแต่ขันตักน้ำ ซึ่งน้ำก็เหม็นอีก คุณอีฟจึงตัดสินใจว่าจะไม่อาบน้ำ เลือกที่จะเอาน้ำเปล่ามาล้างหน้าแทน หลังจากที่ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย คุณแผนเสียสละให้คุณอีฟนอนบนเตียง และตัวคุณแผนเองก็นอนบนฟูกข้างขวาของเตียง โดยที่ที่คุณแผนนอนจะนอนติดกับ ‘โต๊ะเครื่องแป้ง’ ที่มีลักษณะคล้ายกับโกศเก็บกระดูก ก่อนนอนคุณแผนก็บอกกับคุณอีฟว่า “พี่อีฟนอนก่อนเลยนะ เพราะผมกรนดัง” ไม่นานเวลาประมาณ 4 ทุ่ม ในขณะที่คุณอีฟกำลังเคลิ้มหลับ จู่ ๆ คุณแผนก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ดูผู้หญิงคนนั้นดิ ! เขามาทำอะไร !?” คุณอีฟเลยถามกลับไปว่า “ใครแผน !?” คุณแผนจึงตอบว่า “ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ !? มายืนรำอยู่ที่หน้าผมเนี่ย !” ตอนนั้นคุณอีฟที่กำลังมึนงงจากการกึ่งหลับกึ่งตื่น คิดว่าน้องชายกำลังแกล้งตนอยู่ เพราะเมื่อหันมองในห้องกลับไม่พบอะไร คุณอีฟก็เลยว่ากลับไป “นี่แผนหลอกพี่หรอ !?” คุณแผนตอบกลับแทบจะทันทีว่า “ผมไม่ได้หลอกพี่ ไม่เชื่อพี่ก็ดูดิ เขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ! กำลังตั้งท่ารำอยู่” คุณอีฟที่มองไม่เห็นอะไร จึงคิดในใจว่า “อะไรวะเนี่ย” คุณแผนก็บอกต่อว่า “ช่างเถอะพี่ ให้มันรำไปเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราต้องตื่นเช้า นอนเถอะ !” คุณอีฟที่กำลังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ไม่สามารถนอนหลับอีกต่อไป นอนมองซ้ายมองขวา ถามย้ำกับน้องชายว่า “แผน ! แผนเห็นจริง ๆ หรอ !?” น้องชายก็ทำท่าทางเอามือจุ๊ปาก แล้วบอกว่า “พี่อีฟ… เบา ๆ เดี๋ยวมันรู้ว่าเราเห็นมัน…” สักพักคุณแผนก็เอาเท้าขึ้นมาก่ายด้านบนเตียง แล้วก็บอกกับพี่สาวว่า “พี่ช่วยเอาเท้ามาพาดผมหน่อย อย่างน้อยผมจะได้รู้สึกว่าผมมีเพื่อน” คุณอีฟบอกว่า “ทำไมไม่ขึ้นมานอนด้วยกันเลย” คุณแผนก็บอกว่า “ไม่เป็นไรพี่” คุณอีฟก็ไม่อยากคิดมากอะไร ทำตามอย่างที่น้องบอก สัมผัสแรกคุณอีฟรู้สึกได้เลยว่า ตัวของคุณแผนเย็นมาก ! นอนไปได้สักพัก คุณอีฟก็เริ่มรู้สึกแปลกขึ้น เพราะคุณแผนไม่มีการขยับเท้า ไม่มีการพลิกตัว หรือขยับร่างกายเลย ด้วยความสงสัยเลยตะโกนถามไปว่า “แผน ! เท้าเอ็งอยู่ไหน !?” คุณแผนก็ตอบว่า “อ๋อ… ผมชักกลับมาแล้วพี่” พร้อมกับยกเท้าโชว์ขึ้นมาให้พี่สาวดู แต่ตอนนั้นคุณอีฟยังรู้สึกว่า เท้าของคุณอีฟยังแตะเท้าของคุณแผนอยู่ แต่เมื่อรู้ว่ามันไม่ใช่เท้าของคุณแผน คุณอีฟจึงสะดุ้งตัวขึ้นมานั่งบนเตียง! ภาพที่คุณอีฟคือ เท้าของตนแตะอยู่ที่มือของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ปลายเตียง พอเห็นอย่างนั้น คุณอีฟก็ชักเท้ากลับทันที ตะโกนถามน้องชายว่า “แผน ! นั่นใคร !?” ทันทีหลังพูดจบ คุณแผนก็พลิกตัวกลับมาด่าว่า “มึงเป็นใครเนี่ย !? มึงมาหลอกพวกกูทำไม มึงจะหลอกมึงหลอกไปเลยนะ ยังไงกูก็จะนอน เพราะกูจ่ายเงินค่าห้องไปแล้ว ! มีกูมีพี่สาวกู กูจะไม่ไปไหน !”ด้วยความที่คุณอีฟกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เลยตะโกนถามน้องชายว่า “แผน ! กลับไหม !?” คุณแผนก็ยังเถียงต่อว่า “พี่ ! เราเสียเงินตั้ง 450 ! เราต้องได้นอน ! เขาเป็นใครก็ไม่รู้จะมาไล่เราออกได้ยังไง พี่ต้องนอนเชื่อผม !” คุณอีฟที่ทนไม่ไหวแล้ว จึงคว้ากุญแจรถวิ่งหนีออกมา คิดว่าจะขับรถไปสงบสติอารมณ์ แต่อีกใจก็เป็นห่วงน้องชาย จึงเลือกที่จะนอนที่รถดีกว่า แต่ก็กลัวผีอีก จึงเดินไปหาลุงที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย แต่ลุงกับไม่มีท่าทีตกใจ หันหน้ากลับมายิ้มให้เท่านั้น ก่อนที่จะถามขึ้นว่า “เจอแล้วหรอ…” คุณอีฟถามลุงว่า “ลุงรู้หรอ ว่าพวกหนูเจออะไร” ลุงก็ตอบกลับว่า “แหม๊ แค่ 450 ! มันมีอยู่แล้ว…” คุณอีฟก็คิดในใจว่า “ควรจะโกรธน้องชายตัวดี หรือโกรธลุงดี !” ลุงยังบอกอีกว่า “ลุงก็นั่งรอให้เอง มาเปลี่ยนห้องอยู่เนี่ย ก็ไม่เห็นออกมาสักที นึกว่าอยู่กันได้” ลุงก็ยิ้มบอกอีกว่า “ลุงพูดไม่ได้ ลุงแค่มาดูแลให้เฉย ๆ” คุณอีฟถามต่อว่า “ถ้าหนูย้ายห้องอื่น เขาจะตามมาด้วยไหม” ลุงตอบว่า “เขาเป็นเจ้าของเขาไปไหนก็ได้” แล้วคุณอีฟก็เผลอหลับที่รถไป… หลังจากนั้น คุณอีฟสะดุ้งตื่นมาตอนตี 5:45 รวบรวมความกล้า เดินกลับไปที่ห้องเพื่อตามน้องชาย เมื่อเจอพี่สาว คุณแผนก็ถามทันทีว่า “พี่ทิ้งผมทำไม !” คุณอีฟจึงตอบว่า “พี่ไม่อยากนอนร่วมห้องกับผีหรอกนะ” ก่อนที่จะพากันเก็บของ คุณอีฟก็ถามน้องชายต่อว่า “ผีที่เห็นล่าสุดอยู่ตรงไหน?” คุณแผนตอบว่า “อ๋อ มันเข้าห้องน้ำอยู่พี่ ผมเลยไม่อาบน้ำ กลัวมันมองพิกาจูผม” ก่อนที่ทั้งคู่จะออกมาอาบน้ำที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง คุณอีฟก็ถามต่ออีกว่า “แล้วเมื่อคืนอยู่ยังไง” คุณแผนก็ตอบว่า “ผมก็บอกมัน ถ้าอยากจะรำก็รำไป ผมต้องทำงานเช้า ผมจะนอน แล้วผมก็หลับไปเลย…”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

หนุ่มวิศวกรจบใหม่ไฟแรงอยากทำงานต่อในยามวิกาล โชคร้ายดันเจอผีสาวหลอกจนต้องวิ่งขอความช่วยเหลือจากพี่รปภ. พอจะออกจากตึกดันเห็นว่ามีมือปริศนากำลังบีบคอพี่รปภ.คนนั้นอยู่! สุดท้ายได้รู้ความจริงถึงกับช็อกเพราะหลอนสองเด้ง!

29 ก.ย. 2023

หนุ่มวิศวกรจบใหม่ไฟแรงอยากทำงานต่อในยามวิกาล โชคร้ายดันเจอผีสาวหลอกจนต้องวิ่งขอความช่วยเหลือจากพี่รปภ. พอจะออกจากตึกดันเห็นว่ามีมือปริศนากำลังบีบคอพี่รปภ.คนนั้นอยู่! สุดท้ายได้รู้ความจริงถึงกับช็อกเพราะหลอนสองเด้ง!

มาลุ้นความระทึกจนขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ จากเรื่อง ‘คนขยัน ชั้นสาม’ โดย 'อ๊อฟ คนเห็นผี' ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (26 กันยายน 2566) จะลุ้นระทึกแค่ไหน ปิดไฟแล้วแท็กเพื่อนมาอ่านไปพร้อมกันเลย! คุณอ๊อฟเรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อน ใช้นามสมมุติว่า ‘คุณกร’ ย้อนไปในสมัยที่คุณกรเรียนจบวิศวกรใหม่ ๆ ก็ได้บรรจุตำแหน่งวิศวกรในสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง ด้วยตำแหน่งงานและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็มักจะมีงานเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ในช่วงเริ่มงานแรก ๆ คุณกรก็กลับบ้านหลังเวลาเลิกงานตามปกติ พอนานเข้างานที่ทำก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นานวันเข้า คุณกรเกิดความสงสัยว่าทำไมทุกคนถึงได้กลับตรงเวลางานกันได้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติของพนักงานที่นี่ อยู่มาวันนึงคุณกรรู้สึกว่าอยากเคลียร์งานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ เลยบอกคนอื่น ๆ ว่า “พวกพี่กลับกันไปก่อนเลย เดี๋ยวผมกลับทีหลัง” หลังจากคุณกรพูดจบประโยค ทุกคนหันมามองหน้ากันด้วยอาการตกใจ จากนั้นก็หันมามองที่คุณกรพร้อมถามว่า “แน่นะ” แล้วพูดต่อว่า “ถ้ามึงตัดสินใจอย่างงั้น ก็เคารพการตัดสินใจมึงนะ” จากนั้นคนอื่นก็เก็บของกลับบ้านตามปกติ ในขณะที่คุณกรซ่อมบำรุงงานอยู่นั้น ก็รู้สึกมีอาการเมื่อยล้าจากการใช้สายตาอย่างหนักจึงตัดสินใจงีบหลับไปสักพัก ในขณะที่เขาหลับอยู่ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าอยู่ก็มีใครบางคนมาเขย่าเก้าอี้จนทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา คุณกรคิดเพียงว่าคงมีคนปลุกให้ตื่นหรือมาแกล้งเพียงเท่านั้น หลังจากที่เขาตื่น ก็เดินไปห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว พอมาถึงห้องน้ำปรากฏว่าห้องน้ำชายถูกล็อกด้วยกุญแจอยู่ จึงตัดสินใจมาเข้าฝั่งห้องน้ำหญิงแทน หลังจากคุณกรทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย พอจะออกจากห้องน้ำปรากฏว่าประตูห้องน้ำเกิดมีปัญหาจนทำให้คุณกรต้องติดอยู่ในห้องน้ำสักพัก ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นเงาของผู้หญิงเดินเข้ามา จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากเธอ “ช่วยด้วยครับ ๆ พอดีประตูมันเปิดไม่ออก กลอนมันน่าจะล็อกจากข้างนอก” สักพักก็มีเสียงประตูดังปั้ง! พร้อมกับประตูที่กำลังค่อย ๆ เปิดออก คุณกรเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินเข้าห้องน้ำไป ด้วยความรู้สึกที่เขินอายที่ตนมาเข้าห้องน้ำหญิง จึงอยากอธิบายและขอบคุณเธอที่ช่วยเอาไว้ ในขณะกำลังล้างมืออยู่และรอเธอออกมาจากห้องน้ำ คุณกรรู้สึกว่าเป็นเวลาที่นานมาก จึงเคาะประตูถาม “ขอโทษนะครับ ๆ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากเธอเลย จู่ ๆ ประตูก็เริ่มแง้มออกอย่างช้า ๆ และผู้หญิงคนนั้นก็เดินออกมาตามปกติ แต่ในขณะที่เธอกำลังล้างมืออยู่นั้น คุณกรก็รู้สึกแปลก ๆ และขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก คุณกรสังเกตเห็นคนที่ยืนล้างมือข้าง ๆ นั้นไม่มีเงาในกระจก! และยังหันมาแสยะยิ้มให้อย่างสยดสยอง! คุณกรเห็นดังนั้นก็เกิดอาการสติหลุด และวิ่งออกจากห้องน้ำทันที! คุณกรวิ่งหนีออกมาและบังเอิญวิ่งมาชนกับพี่รปภ. คนหนึ่งชื่อว่า ‘พี่ต้น’ และเล่าเรื่องราวที่ตนเจอมาให้พี่ต้นฟัง แต่พี่ต้นกลับบอกมาว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่ต้องทำงานเวลากลางคืนแค่นั้นเอง คุณกรจึงขอร้องพี่ต้นให้อยู่เป็นเพื่อนและพาไปเก็บของที่ห้องทำงานก่อนจะขอลงจากตึกไปพร้อมกัน ตัวอาคารที่คุณกรทำงานอยู่นั้นไม่มีลิฟต์ คุณกรจึงจำเป็นที่จะต้องเดินลงบันได ในระหว่างทางที่จะลงจากตึก คุณกรก็ยังคงเกิดอาการผวาอยู่ตลอด และเกาะติดพี่ต้นไปด้วยความกลัว เพื่อความปลอดภัยของทั้งคู่ พี่ต้นจึงบอกกับคุณกรว่า “คุณครับ ถ้าเกาะกันไปแบบนี้ และมืดด้วยเนี่ย ตกบันไดคอหักตายแน่เลย ค่อย ๆ เดินกันดีกว่า” จากนั้นพี่ต้นก็ให้คุณกรเดินนำไปก่อน ส่วนพี่ต้นจะฉายไฟฉายนำทางให้ จนทั้งคู่เดินมาถึงบันไดชั้นสุดท้าย คุณกรก็สังเกตเห็นแสงไฟหยุดชะงักไปจึงหันกลับไปมอง ก็พบว่าพี่ต้นยืนแช่อยู่กับที่และมีมือสีขาวปริศนาโผล่ออกมาลักษณะคล้ายว่ากำลังบีบคอของพี่ต้นอยู่! คุณกรเห็นแบบนั้นแล้วยิ่งทำให้ผวาตกใจจนสติหลุดและวิ่งหนีไปทันที คุณกรมีอาการหวาดผวาจนต้องลางานถึง 3 วัน หลังจากกลับมาทำงานปกติก็รู้สึกอยากขอบคุณพี่ต้นและขอโทษที่วันนั้นวิ่งหนีไปก่อนในเหตุการณ์คืนนั้น คุณกรได้ซื้อกาแฟกับขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พี่ต้นที่ป้อมยาม แต่ปรากฏว่าที่ป้อมยามไม่ใช่พี่ต้น จึงถามคนที่อยู่ที่ป้อมยามว่า “ผมมาหาพี่รปภ.ต้นครับ พี่เขาเป็นยังไงบ้างครับ” ยามที่อยู่ตรงนั้นก็สงสัยจึงถามกลับไปว่า “ต้นไหน?….ต้นนี้รึเปล่า” พร้อมกับหยิบสมุดรายชื่อรวมของยามขึ้นมา “ใช่ครับ พี่คนนี้แหละ เขาเข้ากะวันนี้รึเปล่า?” คุณกรตอบทันทีหลังเห็นรูปบนสมุดเล่มนั้น แต่พี่ยามกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมตอบกลับคุณกรทันทีว่า “ยามต้นตายไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว” คุณกรถึงกับช็อกและถามถึงเหตุการณ์ต่อ ยามก็เล่าให้ฟังว่า “ในขณะที่พี่ต้นทำงานปกติ ก็ไล่ปิดไฟนามโถงทางเดินมาเรื่อย ๆ ด้วยความมืดจนทำให้เขาไม่ทันสังเกตเห็นบันได จนทำให้เขาพลัดตกบันไดลงมาคอหักตายคาที่” หลังจากที่คุณกรได้รู้ความจริงทุกอย่างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คุณกรไม่กล้าที่จะเข้ามาทำงานที่นี่ในยามวิกาลคนเดียวอีกเลย และหลังจากทุกคนในบริษัทได้ทราบเรื่องที่คุณกรประสบพบเจอในคืนนั้นต่างก็ลือกันสนั่นหูว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตเกิดอะไรขึ้นบ้าง เรื่องของเรื่องก็คือหญิงสาวในห้องน้ำที่คุณกรเจอนั้นเสียชีวิตจากอาการป่วยกำเริบในขณะที่เธอเข้าห้องน้ำอยู่ แต่กลับไม่มีใครทราบว่าเธอหายไปไหน จนกระทั่งเธอเสียชีวิตไปในที่สุด ส่วนสาเหตุที่ทุกคนไม่เล่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นให้คุณกรฟัง ก็เพราะว่ากลัวคุณกรจะไม่กล้าทำงาน และไม่อยากขัดความตั้งใจของเขา ที่อยากจะนั่งทำงานต่อในยามวิกาลเท่านั้นเอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ดูดวงให้ลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ เปิดไพ่มาพบว่ามีวิญญาณมาเกี่ยวข้อง แถมห้องนั้นก็น่าจะมีการนองเลือดเกิดขึ้น พอพูดจบ ประตูห้องนั้นก็ปิดลงดังปั้ง! จนลูกค้ากรี๊ดหนีเตลิดออกจากห้องและหายไปเป็นอาทิตย์ ก่อนจะทักกลับมาว่า “จริงด้วย ห้องนี้มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น!”

01 มิ.ย. 2023

ดูดวงให้ลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ เปิดไพ่มาพบว่ามีวิญญาณมาเกี่ยวข้อง แถมห้องนั้นก็น่าจะมีการนองเลือดเกิดขึ้น พอพูดจบ ประตูห้องนั้นก็ปิดลงดังปั้ง! จนลูกค้ากรี๊ดหนีเตลิดออกจากห้องและหายไปเป็นอาทิตย์ ก่อนจะทักกลับมาว่า “จริงด้วย ห้องนี้มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น!”

รายการ ‘อังคารคลุมโปงX’ ที่ผ่านมา (30 พฤษภาคม 2566) ได้มีสายจาก ‘คุณอ้อม’ โทรมาเล่าเรื่องหลอนให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ จะหลอนแค่ไหนนั้น อ่านไปพร้อมกันเลย! คุณอ้อมเรียนดูดวงจนชำนาญพอสมควร จึงเปิดรับดูดวงให้กับคนทั่วไป เคสนี้เป็นของ ‘คุณกิ๊ฟ’ (นามสมมุติ) อาศัยอยู่ต่างประเทศ ทั้งคู่โทรดูดวงออนไลน์แบบไม่ได้เปิดกล้อง ระหว่างการดูดวงก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งคุณอ้อมเปิดได้ไพ่ใบหนึ่ง ซึ่งเป็นไพ่ที่สื่อได้ประมาณว่า “มีวิญญาณหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับเจ้ากรรมนายเวร” นอกจากนี้ คุณอ้อมเล่าเสริมว่าเวลาที่ดูดวงนั้น จะเชื่อมโยงจากวันเดือนปีเกิด, เลขบัตรประชาชน, เลขที่ห้อง, เลขที่บ้าน,ทะเบียนรถ หรือ เบอร์โทร ควบคู่กันไป จึงถามคุณกิ๊ฟไปว่า “เลขที่ห้องน้องอ่ะเท่าไหร่” คุณอ้อมจำไม่ได้ว่าเลขตัวแรกคืออะไรแต่ข้างหลังลงท้ายด้วยเจ็ดศูนย์ ซึ่งก็รู้ได้ทันทีว่าเลขเจ็ด คือดาวเสาร์ ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับผีหรือวิญญาณ ยิ่งดูดวง ยิ่งเปิดไพ่ มันก็จะขึ้นแบบนี้มาซ้ำ ๆ คุณอ้อมจึงบอกคุณกิ๊ฟไปว่า “ไพ่มันบอกว่าเจ้าที่แรง ไปทำบุญหน่อยแล้วกัน” เพราะในความคิดคุณอ้อมคือไม่ว่าจะศาสนาหรือวัฒนธรรมไหน การทำบุญมันเป็นกุศลส่วนกลาง ขอแค่ให้เราตั้งใจและระลึกนึกถึงเขา เขาก็น่าจะได้รับ คุณกิ๊ฟก็ตอบกลับมาว่า “ต้องขนาดนั้นเลยหรอพี่” สักพักก็มีเสียงตะคอกดังเข้ามาในสาย! แต่คุณอ้อมฟังไม่รู้เรื่อง จนเสียงนั้นเริ่มตะเบ็งดังขึ้น! คุณอ้อมจึงถามคุณกิ๊ฟไปว่า “มีเสียงอะไรไหม” คุณกิ๊ฟก็ตอบว่า “ไม่มีนะ” แต่คุณอ้อมก็ยังได้ยินอยู่ตลอด จึงขอให้คุณกิ๊ฟเปิดกล้องวิดีโอคอลแบบเห็นหน้า ตอนแรกคุณกิ๊ฟก็ปฏิเสธเพราะภายในห้องนั้นค่อนข้างเก่า แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดกล้อง นั่นทำให้คุณอ้อมเห็นว่าภายในห้องมันดูเก่าจริง ๆ และมีข้าวของจากเจ้าของเดิมวางทิ้งไว้อยู่ จากนั้นคุณอ้อมก็ถามต่อว่า “แล้วอยู่ห้องนี้เป็นยังไงบ้าง” คุณกิ๊ฟก็ตอบว่า “ตอนที่มาอยู่แรก ๆ ไม่ค่อยได้อยู่ห้องตัวเอง ส่วนใหญ่จะไปอยู่กับแฟน พอแฟนไม่อยู่ห้อง ก็เลยต้องกลับมาอยู่ที่นี่ได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่ทุกครั้งที่เวลาจะนอน ก็มักจะได้ยินเสียงลมหายใจอยู่ข้างหลังเสมอ หรือบางทีเวลาอยู่ในห้อง ก็จะรู้สึกว่ามีคนมอง แต่หันไปก็ไม่เจอใคร” แต่คุณกิ๊ฟไม่ได้คิดอะไรมาก คุณอ้อมได้ยินดังนั้นจึงพูดไปว่า “จริง ๆ แล้วห้องนี้มันมีอะไรไม่ดีนะ เพราะไพ่ที่กำลังเปิดเหมือนจะเกี่ยวข้องกับอะไรที่เป็นเลือดหรือการฆาตกรรม” สิ้นสุดคำพูดนี้ ประตูห้องที่อยู่ด้านหลังของคุณกิ๊ฟก็เปิดออกมาดังปั้ง!!! คุณกิ๊ฟตกใจกรี๊ดลั่นออกมา แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้อง ซึ่งโทรศัพท์ก็ยังตั้งอยู่ และคุณอ้อมก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังเข้ามาในสายจนต้องรีบกดวาง! หลังจากเหตุการณ์นั้น คุณกิ๊ฟก็หายไป กระทั่งหนึ่งอาทิตย์ต่อมา คุณกิ๊ฟได้โทรมาเล่าให้คุณอ้อมฟังว่าหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้น คุณกิ๊ฟก็ออกจากห้อง จนเช้าของอีกวันถึงกลับมา ระหว่างวันก็นั่งอยู่ในห้องคนเดียว และรู้สึกว่ามีคนมาลูบที่เท้าหรือสัมผัสตัวอยู่ตลอดเวลา ต่อมาขณะที่กำลังเคลิ้ม ๆ จะหลับก็เห็นว่ามีผู้ชายแก่ ๆ ผอม ๆ กำลังเอื้อมมือมาแตะที่ตัวเขา ซึ่งพอลืมตาขึ้นมาก็ไม่เจอใคร จนมาถึงคืนหนึ่ง ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่นั้น ก็เห็นว่าผู้ชายคนเดิมกระโดดขึ้นมาบนตัว จนสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมา พอมองไปข้าง ๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเหมือนมีคนนอนอยู่! เพราะมีร่องรอยของหมอนและเตียงที่ยุบลงไป ด้วยความกลัวและสับสนจึงตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งที่โซฟาจนเผลอหลับไปอีกครั้ง พอตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีมีดปลายแหลมจากไหนไม่รู้มาวางทิ้งไว้อยู่บนเตียง! คุณกิ๊ฟงุนงงว่ามันมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร จนผ่านไปอีกวันหนึ่งขณะที่กำลังจะออกไปทำงานก็ได้จัดเตียงและเจอว่ามีดเล่มเดิมวางอยู่ข้างใต้หมอน! ซึ่งคุณกิ๊ฟก็ยืนยันว่าไม่ได้มีเพื่อนหรือมีใครเข้ามาในห้องเลย คุณอ้อมได้ฟังดังนั้นจึงบอกไปว่า “ถ้าเป็นลักษณะแบบนี้ในบ้านเรา (ไทย) มันเหมือนกับว่าเค้ามาเตือน” คุณกิ๊ฟรู้ดังนั้นจึงพยายามหาห้องพักแห่งใหม่ แต่ระหว่างนั้นก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เช่น ขณะที่กำลังเข้าห้องน้ำอยู่ ก็พบว่ามีดเล่มเดิมที่เจอและเอาไปเก็บอยู่ตลอด วางอยู่ตรงอ่างล้างหน้า เป็นต้น เมื่อสืบสาวราวเรื่องประวัติห้องนั้น ก็พบว่าภายในห้อง มันเคยเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นจริง ๆ คุณกิ๊ฟเล่าว่า “คนเก่าที่เคยอาศัยอยู่ติดยา แล้วเกิดอาการคลั่ง เลยนำมีดมาปาดคอกันตาย” นี่คงเป็นสาเหตุที่คุณกิ๊ฟเจอมีดเล่มเดิมวางอยู่ตามที่ต่าง ๆ ภายในห้อง คุณอ้อมจึงได้บอกไปว่า “ดีแล้วที่ตัดสินใจย้ายออกมาก่อนที่จะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีไปมากกว่านี้” และนี่ก็เป็นเรื่องหลอนที่คุณอ้อมได้พบเจอจากการดูดวง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณชิ ‘ห้องเตียงคู่’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ปิงปอง [ 4 มิ.ย. 2567]

10 มิ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณชิ ‘ห้องเตียงคู่’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ปิงปอง [ 4 มิ.ย. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณชิ’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (4 มิถุนายน 2567) เตรียมขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ห้องเตียงคู่’ จะชวนหลอนจนขนหัวลุกขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย ! เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณชิ’ (นามสมมติ) และภรรยา โดยคุณชิเริ่มเล่าว่า ย้อนกลับไปประมาณปลายปีที่แล้ว คืนหนึ่งภรรยาของคุณชิเกิดอาการปวดท้องหนักมาก คุณชิจึงบอกกับภรรยาว่า “ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหม ? มานอนทนปวดแบบนี้มันไม่ดีนะ” ซึ่งตอนแรกภรรยาก็รั้นไม่ยอมที่จะไป จนกระทั่งทนไม่ไหว คุณชิจึงพาไปโรงพยาบาล ขณะนั้นเป็นเวลา 4 ทุ่ม ซึ่งกว่าจะคุยกับหมอเสร็จ เวลาก็ผ่านไปจนเวลาเที่ยงคืนกว่า คุณหมอก็ได้ข้อสรุปว่า ‘ไส้ติ่งอักเสบ’ ต้องเข้าแอดมิดที่โรงพยาบาลทันที หลังจากนั้นฝ่ายทะเบียนก็เข้ามาบอกให้ภรรยาแอดมิดที่ห้อง 601 ระหว่างนั้นก็มีพยาบาลคนหนึ่ง เดินเข้ามาถามว่า “ให้คนไข้เข้าพักที่ห้องไหน” ฝ่ายทะเบนียนก็ตอบว่า “601 ไงค่ะ” พยาบาลก็เกิดอาการเลิ่กลั่กแปลก ๆ แล้วถามว่า “ทำไมให้คนไข้แอดมิดที่ห้องนั้นละ ?” ตอนนั้นคุณชิก็เกิดคำถามในใจแล้วว่า ‘ทำไมถึงนอนห้องนี้ไม่ได้ล่ะ ?’ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ฝ่ายทะเบียนก็ตอบว่า “มันเหลือห้องเดียวแล้ว ไม่มีอะไรหรอก” ก่อนที่จะหันหน้ามามองภรรยาของคุณชิ แล้วบอกว่า “พอดีว่า ห้องนี้มีคุณยายนอนอยู่คนเดียว แต่ไม่มีอะไรหรอกน้อง นอนได้สบาย คุณยายเขาแค่ ชอบนอนเปิดบทสวดฟัง ไม่มีอะไรหรอก” จากนั้น ช่วงเวลาประมาณตี 1 คุณชิและภรรยาก็ได้เข้าไปที่ห้อง 601 คุณชิเห็นว่าเตียงจะถูกจัดให้อยู่ทางด้านซ้าย ซึ่งเตียงแรกเป็นเตียงของคุณยาย และเตียงที่สอง เป็นเตียงของภรรยา และคุณชิยังสังเกตอาการป่วยของคุณยายอีกว่า คุณยายน่าจะอยู่ในอาการโคม่า อาการไม่สู้ดี และพร้อมที่จะไปแล้ว โดยมีเครื่องช่วยหายใจใส่ไว้ทางปาก และมีเสียงหายใจดัง ฮะ.. เฮือกก อยู่เสมอ.. จากนั้นคุณซิก็กลับบ้าน เพราะว่าไม่สามารถอยู่เฝ้าได้ หลังจากที่คุณชิเอาลูกเข้านอน ช่วงเวลาประมาณตี 2 ทางภรรยาก็โทรมา โดยใช้น้ำเสียงกระซิบบอกว่า “เธอ จู่ ๆ เพลงบทสวดก็ดังขึ้นมา เป็นบทสวดภาษาจีน” คุณชิจึงบอกว่า “ทางพยาบาลเข้ามาเปิดให้คุณยายฟังหรือเปล่า ?” ภรรยาของคุณซิตอบว่า “ไม่นะ ถ้าพยาบาลเข้ามา ก็ต้องได้ยินเสียงเปิดประตู” คุณชิได้แต่พูดปลอบใจว่า “มันไม่มีอะไรหรอก เธอคิดไปเอง เธออาจจะไม่ได้ฟังตอนพยาบาลเปิดประตูเข้ามา” หลังจากนั้น ภรรยาก็เหมือนจะสบายใจขึ้น ก่อนที่จะวางสายไป จนเช้าวันรุ่งขึ้น เวลา 9 โมง คุณชิก็ไปเยี่ยมภรรยา ถามว่าเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง ภรรยาก็เล่าว่าบทสวดดังทั้งคืน ไม่สามารถที่จะนอนหลับได้เลย และบทสวดก็เปิดยันเช้า เย็นวันนั้น พยาบาลก็เข้ามาบอกว่า “เดี๋ยวจะได้ย้ายห้องนะ” ภรรยาได้ยินก็รู้สึกสบายใจขึ้น จนเวลาก็ผ่านไปเกือบ 3 ทุ่ม ทางภรรยาของคุณซิ ก็ไม่ได้ย้ายห้องสักที คุณชิจึงไปถามกับพยาบาล พยาบาลก็บอกว่า “ไม่ได้ย้ายแล้วค่ะ พอดีว่าคนไข้แอดมิดเข้ามาใหม่ ทำให้ห้องเต็มเหมือนเดิม” หลังจากนั้นคุณชิก็กลับบ้าน เวลาประมาณ 5 ทุ่ม ทางภรรยาก็โทรมาบอกว่า “บทสวดดังอีกแล้ว แต่ครั้งนี้แปลกมาก เพราะหลังจากบทสวดจบ มีเสียงเรียกมาด้วย เรียกว่า หนู” ซึ่งทางภรรยาก็พยายามชะเง้อมองหาต้นทางของเสียงและเห็นว่า มีเงาคล้ายกับร่างคน สะท้อนม่าน ชะโงกมองมาทางตน ทางภรรยาของคุณชิก็พยายามหลบสายตาไม่มองไปทางนั้น และบอกว่า “เขาใส่หมวกไหมพรหมสีสีชมพู และพยายามเรียกอิหนู อิหนู… อิหนู ซ้ำอยู่นั่นแหละ” คุณชิพยายามปลอบใจว่า “ไม่มีอะไรหรอก คงมีใครมาเยี่ยมคุณยาย ในเวลานี้หรือเปล่า ?” แต่คุณชิก็รู้สึกว่า มันไม่ชอบมาพากล มีบางอย่างแปลก ๆ แต่ก็ไม่อยากให้ภรรยาคิดมาก จึงได้พูดแบบนั้นไป หลังจากนั้น ช่วงเวลาประมาณตี 2 ทางภรรยาก็โทรเข้ามาอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ บอกว่า “เธอ ไม่ไหวแล้วอ่ะ เปิดเสียงบทสวดอะ ไม่เท่าไหร่ แต่นี่เรียกทั้งคืนเลย มารับกลับได้ไหม อยากกลับบ้านมาก เค้าไม่โอเค ไม่ไหวแล้วจริง ๆ” คุณชิจึงได้แต่ปลอบไปว่า “เค้าไปรับเธอกลับไม่ได้ ถึงเค้าไปรับได้ เธอก็ไม่สามารถกลับกับเค้าได้ เพราะเธออยู่ในกระบวนการการรักษาของแพทย์ เธอต้องอดทนนะ พยายามหลับตานอน” คุณชิรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทำเพียงแค่ปลอบใจภรรยา ซึ่งคืนนั้นคุณชิก็ไม่ได้นอน เพราะทุกครึ่งชั่วโมงทางภรรยาก็จะโทรมา เพราะทุกครั้งเมื่อเพลงจบ ก็จะมีเสียงเรียกทุกครั้ง และช่วงเวลาประมาณตี 5 ทางภรรยาก็โทรเข้ามาเล่าว่า “เมื่อสักพักก่อนหน้านี้ เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ เพราะมีพยาบาล 3-4 คน ก็เข้ามามุงอยู่ที่เตียงของคุณยาย ก่อนที่จะใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วก็ออกกันไป ซึ่งตอนที่พยาบาลยังอยู่ เราก็ปวดเข้าห้องน้ำพอดี จึงได้เห็นว่า พยาบาลจัดคุณยายในท่านั่งพิงกับขอบเตียง ถอดเครื่องช่วยหายใจและสายน้ำเกลือ และใส่ชุดเสื้อผ้าใหม่ที่ไม่ใช่ของโรงพยาบาล พร้อมกับหมวกไหมพรมสีชมพู เราไม่น่ามองไปทางนั้นเลย” หลังจากนั้นภรรยาก็หลับไป.. เช้าวันถัดมาก็ถามพยาบาลว่า “คุณยายไปไหนหรอคะ ? เพราะตื่นมาก็ไม่เห็นแล้ว” พยาบาลก็ตอบว่า “อ๋อ คุณยายเสียตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วค่ะ” ซึ่งคุณชิก็รู้สึกว่า ‘ตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืน ภรรยาได้นอนกับศพตลอดทั้งคืนเลย เพราะเขาพึ่งเอาคุณยายออกไปตอนเช้า’ จึงถามว่า “ทำไมถึงพึ่งมาเอาคุณยายออกไปตอนเช้า” ทางพยาบาลก็ตอบว่า “พอดีว่าห้องดับจิตเต็ม จึงต้องให้คุณยายอยู่ที่นี่ไปก่อน” พอทางภรรยาของคุณชิรู้เช่นนั้นก็ช็อก เพราะต้องนอนต่อที่ห้องนี้อีกหนึ่งคืน แต่คืนต่อมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะมีคนไข้คนใหม่ เข้ามานอนแทนที่ของคุณยายคุณยายแล้ว..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1