ตำนานผีสาวบันไดหนีไฟที่ทุกคนอยากลองดี แต่เพื่อนดันลืมของ ทำให้ผมต้องกลับขึ้นไปเอา ระหว่างที่กำลังเดินลงก็มีเสียงฝีเท้าดังสวนขึ้นมา! ชะเง้อหน้ามองเห็นเป็นเด็กผู้หญิงชุ่มเลือดยิ้มให้และวิ่งมาหาผม!จังหวะนั้นต้องวิ่งไปให้ถึงประตูถึงจะรอด!

อังคารคลุมโปง RECAP

ตำนานผีสาวบันไดหนีไฟที่ทุกคนอยากลองดี แต่เพื่อนดันลืมของ ทำให้ผมต้องกลับขึ้นไปเอา ระหว่างที่กำลังเดินลงก็มีเสียงฝีเท้าดังสวนขึ้นมา! ชะเง้อหน้ามองเห็นเป็นเด็กผู้หญิงชุ่มเลือดยิ้มให้และวิ่งมาหาผม!จังหวะนั้นต้องวิ่งไปให้ถึงประตูถึงจะรอด!

30 พ.ค. 2023

อีกเรื่องปิดท้ายในรายการ ‘อังคารคลุมโปงX’ (23 พฤษภาคม 2566) จาก ‘ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม’ กับ 7 เรื่องสยองในโรงเรียนญี่ปุ่น จัดหนักหลอนสุดกำลังจน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ร้องซี๊ดดด! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ตามไปอ่านกันเลย!

ต้นกล้าเล่าว่าที่โรงเรียนญี่ปุ่นจะมีเรื่องเล่าสยองขวัญอยู่ทั้งหมด 7 เรื่อง ทั้ง 6 เรื่องจะเล่าเหมือนกันทุกโรงเรียน แต่เรื่องที่ 7 ในแต่ละโรงเรียนจะมีไม่ซ้ำกัน เช่น บางโรงเรียนก็เป็นเรื่อง ‘ฮานาโกะซังในห้องน้ำ’ เด็กผีชุดแดงที่จะอยู่ในห้องน้ำห้องสุดท้าย ถ้าใครไปเรียกโดยการเคาะประตูห้องน้ำ 3 ครั้ง แล้วฮานาโกะซังตอบรับ คนนั้นก็จะไม่ได้กลับออกมาจากห้องน้ำอีกเลย, บางโรงเรียนก็เป็นเรื่อง ‘หุ่นห้องวิทย์’ ที่จะออกมาวิ่งตอนกลางคืน หรือเรื่อง ‘รูปโมสาร์ทในห้องดนตรี’ ที่พอถึงเวลากลางคืน วิญญาณโมสาร์ทก็จะออกมานั่งเล่นเปียโน เป็นต้น

เรื่องที่ต้นกล้าจะเล่าคือเรื่อง ‘ผู้หญิงราวจับ’ เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กในโรงเรียนจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องเล่าสยองขวัญนี้ว่า “ผู้หญิงราวจับ เป็นเด็กนักเรียนหญิงที่เคยเรียนที่นี่เมื่อหลายปีมาแล้ว เวลาที่ถูกเพื่อนแกล้งหรือเวลาที่รู้สึกท้อใจกับการเรียนเด็กผู้หญิงคนนั้น ก็มักจะไปที่บันไดหนีไฟตรงนี้เป็นประจำ แต่ในตอนนั้นบันไดหนีไฟทั้งเก่าและไม่สมบูรณ์ พอเธอขึ้นมายืนจับที่ราวบันได ปรากฏว่าบันไดก็พังลงมา ทำให้ตัวของเด็กผู้หญิงคนนั้นตกลงไปข้างล่าง ขณะนั้นเธอยังไม่ได้เสียชีวิตทันทีและพยายามจะปีนขึ้นมาขอความช่วยเหลือ แต่ในที่สุดก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตอยู่ตรงนั้น” พอคุยเรื่องนี้จบเด็กหลายคนจึงท้าทายกันว่าให้ลองไปที่บันไดหนีไฟนี้แล้วขึ้นไปบนดาดฟ้า ถ้าใครกลับลงมาได้จะนับถือว่าเป็นคนที่สุดยอด

ในตอนนั้นทุกคนก็ผลัดกันขึ้นไป แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่แล้วก็มีเพื่อนคนนึง นามสมมุติ ‘โทยะ’ ดันลืมของไว้บนดาดฟ้า จึงชวน ‘เซย์จิ’ (นามสมมุติ) ให้กลับขึ้นไปเอาเป็นเพื่อน แต่เซย์จิก็แซวโทยะไปว่า “เฮ้ย มึงกลัวหรอ” โทยะจึงตอบกลับมาว่า “เอาจริง ๆ ก็กลัวแหละ” เซย์จิก็ตอบไปว่า “โหยไร้สาระน่า” โทยะจึงพูดท้าขึ้นมาว่า “อ้าว งั้นถ้ามึงไม่กลัวมึงก็ขึ้นไปเอาของให้กูสิ” เซย์จิจึงตอบตกลง และในเวลานั้นก็เป็นเวลาประมาณ 6 โมงครึ่งแล้ว แสงพระอาทิตย์กำลังเริ่มโพล้เพล้ เซย์จิเปิดประตูบันไดหนีไฟและเดินขึ้นไปยังดาดฟ้า บันไดที่เก่ามีสนิมทำให้เวลามีคนเดินขึ้นลง จะได้ยินเสียงฝีเท้าดัง ‘ต๊อง ต๊อง ต๊อง’ ดังก้องไปทั่ว เมื่อเดินมาถึงดาดฟ้าก็พบกับของชิ้นหนึ่งถูกวางไว้ จึงหยิบมันขึ้นมา พอเดินกลับลงมายังประตูบันไดหนีไฟ ในใจก็เกิดกลัวขึ้นมา จึงชะเง้อหน้ามองลงมาข้างล่าง ซึ่งบันไดหนีไฟนี้จะมีช่องตรงกลางให้สามารถมองเห็นลงไปยังข้างล่างได้ ปรากฏว่าภาพที่เซย์จิเห็นคือ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ชั้นล่างสุด แต่ระยะห่างของชั้นบันไดค่อนข้างสูงทำให้เห็นไม่ค่อยชัด เซย์จิคิดในใจว่าเพื่อนคงแกล้ง จึงตัดสินใจเดินลงไป แต่ในขณะที่เดินนั้น ก็ได้ยินเสียงเสียงฝีเท้าที่เดินไปพร้อมกับเซย์จิ! เสียงนั้นดังมาจากข้างล่าง ในใจก็คิดว่า “เฮ้ย ใช่ป่ะว่ะ” เซย์จิชะเง้อหน้าไปมองดูอีกครั้งก็เห็นว่า “มีมือจับอยู่ที่ราวจับ เปื้อนไปด้วยเลือด พร้อมกับหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เงยหน้าขึ้นมามองและแสยะยิ้มให้เขา” เซย์จิรับรู้ได้ทันทีว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกแน่ ๆ ไม่ทันได้คิดนาน หลังจากยิ้มเสร็จเด็กผู้หญิงคนนั้นก็รีบวิ่งขึ้นมาด้านบนทันที! (เซย์จิต้องเดินลงมาชั้นล่าง แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังวิ่งขึ้นมาข้างบน) เสียงฝีเท้าดังกังวาลต๊องๆๆๆๆๆๆ หัวใจเซย์จิเต้นรัวด้วยความกลัว และคิดว่าจะกลับขึ้นไปก็ไม่ได้ ต้องลงไปอีกชั้นหนึ่งถึงจะมีประตู เซย์จิฮึดแรงเฮือกสุดท้าย เพื่อวิ่งลงไปยังประตูให้เร็วที่สุด ก่อนที่สิ่งนั้นมันจะวิ่งขึ้นมาถึงตัวเขา!

และในที่สุดเขาก็ได้เปิดประตูออกมาดังปั้ง!! จนเพื่อนทุกคนตกใจ และได้ถามว่า “เฮ้ยมึงเป็นอะไร วิ่งหนีอะไรเนี่ย เจออะไรหรือเปล่า” เซย์จิตอบไปด้วยเสียงที่สั่นว่า “ชั่งมันเถอะ” แล้วเพื่อนคนอื่นที่หันหน้าเข้าประตูก็อยู่นิ่งอยู่สักพัก จนประตูนั้นก็ปิดลงดังปึ้ง! เมื่อเห็นว่าเพื่อนท่าทางไม่ดี ทุกคนจึงชวนกันกลับ เมื่อพ้นจากสถานที่ตรงนั้นมาได้สักพัก เพื่อนคนที่หันหน้าเข้าหาประตูก็เล่าให้ฟังว่า “ตอนที่ยืนนิ่งไปสักพักนั้น เห็นเป็นเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนมายืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้วมองมายังพวกเขา” 

พอฟังจบดีเจแนน ดีเจเจ็มถึงกับพูดว่าผีญี่ปุ่นโหดมาก ต้นกล้ายังบอกอีกว่ายังมีผีญี่ปุ่นอีกหลายรูปแบบให้ได้ติดตามกัน หากได้มีโอกาสจะกลับมาเล่าให้ฟังอีก

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

คู่รักนักสะสมตาดีเจอตู้เสื้อผ้ามือสาม พอซื้อกลับมาก็เจอเหตุการณ์ชวนสยอง มีเสียงตะกุกตะกัก ประตูตู้เสื้อผ้าก็เปิด-ปิดเอง! แถมยังฉายภาพนองเลือดให้ดูสด ๆ เหมือนไปอยู่ในเหตุการณ์จริง!

13 พ.ย. 2023

คู่รักนักสะสมตาดีเจอตู้เสื้อผ้ามือสาม พอซื้อกลับมาก็เจอเหตุการณ์ชวนสยอง มีเสียงตะกุกตะกัก ประตูตู้เสื้อผ้าก็เปิด-ปิดเอง! แถมยังฉายภาพนองเลือดให้ดูสด ๆ เหมือนไปอยู่ในเหตุการณ์จริง!

‘อังคารคลุมโปง X’ (7 พฤศจิกายน 2566) ที่ผ่านมา อยู่กับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เปิดไมค์ต้อนรับ ‘คุณต้น’ ที่นำเรื่องหลอนชวนเสียวสันหลังจากประสบการณ์การซื้อของมือสอง ที่มีของแถมชวนขนหัวลุกติดมาด้วย! ถ้าพร้อมแล้ว เปิดไฟให้สลัวแล้วไปอ่านกันเลย! คุณต้นเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพี่ชายคนหนึ่ง นามสมมติว่า ‘พี่เอก’ ความหลอนถูกนำมาเล่าต่อ ๆ กันว่า พี่เอกชื่นชอบของเก่าและสะสมของมือสอง-มือสาม จนวันหนึ่งได้มีโอกาสไปเดินตลาดกับแฟน จู่ ๆ ก็สะดุดตาเข้ากับตู้ใบหนึ่ง ซึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าเก่า ราวกับมีอะไรบางอย่างมาดึงดูด จึงหยุดเดินและไปดูตู้นี้ใกล้ ๆ พี่เอกเดินวนดูไปดูมาก็เกิดความรู้สึกอยากทราบราคาตู้ใบนี้ จึงเอ่ยปากถามกับคนขาย ปรากฏว่าตู้ใบนี้ราคาถูกมาก เพียงหกร้อยบาทเท่านั้น หากเทียบกับขนาดตู้ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป เมื่อทราบราคา จึงตัดสินใจซื้อตู้ใบนี้ ท่าทีของแฟนเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เนื่องจากที่ห้องของทั้งคู่ก็ยังไม่มีตู้เสื้อผ้า หลังจากตกลงซื้อขายกันเรียบร้อย ทางร้านก็ให้คนมายกขึ้นรถ ทุกอย่างก็ยังดูปกติดี แต่ในระหว่างทางที่กำลังขับรถนั้น พี่เอกก็รู้สึกว่าท้ายรถหนักแปลก ๆ เหมือนมีหลายคนนั่งอยู่ท้ายรถ หนักกว่าที่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรยังคงขับมาจนถึงห้อง และก็คิดขึ้นมาได้ว่า ‘ถ้าหนักขนาดนี้ จะยกกับแฟนแค่สองคนไหวเหรอ’ แต่ก็คงจะทำอะไรไม่ได้ต้องลองยกดูก่อน ปรากฏว่าทุกอย่างก็ปกติดี ไม่ได้หนักเหมือนตอนที่อยู่ท้ายรถ หลังจากนั้นพี่เอกและแฟนก็นำเสื้อผ้ามาเรียงเก็บเข้าตู้ให้เรียบร้อย พร้อมกับพูดเชิงภาคภูมิใจที่ตนตาดีหาของที่สวยและราคาถูกได้อีกด้วย เช้าวันใหม่ ทั้งคู่ตื่นมาอาบน้ำไปทำงานปกติ แต่ช่วงเย็นหลังจากที่กลับมาจากทำงาน พี่เอกเปิดประตูเข้าไปในห้องก็รู้สึกว่าภายในห้องเหมือนมีร่องรอยถูกรื้อข้าวของ ตู้เสื้อผ้าก็เปิดทิ้งไว้ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความสงสัย พี่เอกถามแฟนว่า “เมื่อเช้าเธอไม่ได้เก็บของก่อนออกไปเหรอ” แฟนจึงตอบกลับว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเราก็ออกไปพร้อมกัน” ทั้งคู่จึงคิดว่าห้องอาจจะโดนงัด ทั้งคู่จึงพยายามเดินดูตามประตู หน้าต่างว่ามีร่องรอยอะไรหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีร่องรอยอะไรเลย แล้วจู่ ๆ เรื่องแปลกก็เกิดขึ้นอีก เพราะทั้งคู่รู้สึกเหมือนได้กลิ่นสาปเน่าเหม็นเหมือนกลิ่นคนตายอยู่ในห้อง! ทั้งคู่จึงพยายามเดินหาและเก็บของเข้าที่เดิม จนถึงเวลาประมาณสองทุ่ม ก็ยังไม่เจอต้นตอของกลิ่นนั้น ทั้งคู่จึงเข้านอนกันตามปกติเพราะว่าต้องไปทำงานต่อในตอนเช้า ระหว่างที่พี่เอกนอนอยู่ก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำจึงลุกขึ้น และจังหวะที่จะเปิดประตูปรากฏว่าพี่เอกลืมตามาดูกลับไม่ใช่ประตูห้องน้ำ แต่ดันเป็นประตูของตู้เสื้อผ้า! ซึ่งพี่เอกเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเดินละเมอได้ขนาดนี้ เพราะตำแหน่งของห้องน้ำและตู้เสื้อผ้านั้นอยู่คนละทาง พอเห็นว่าเปิดประตูผิด จึงพยายามที่จะปิดประตูตู้แล้วไปเข้าห้องน้ำ แต่ประตูของตู้เสื้อผ้าไม่สามารถปิดได้ เหมือนมีคนยื่นอยู่แล้วใช้แขนมาค้ำไว้ พี่เอกพยายามดันประตูอยู่นาน จนคิดว่าจะปล่อยไว้แบบนี้แล้วไปเข้าห้องน้ำก่อน เมื่อเข้าห้องน้ำทำธุระจนเสร็จ ในตอนที่กำลังจะเดินก้าวขาออกจากห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงตู้เสื้อผ้าปิดดังปั้งงง!! พี่เอกถึงกับงงว่าจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะเมื่อสักครู่นี้พยายามปิดอยู่นานแต่ก็ปิดไม่ได้ จู่ ๆ เหมือนมีลมพัดก็ปิดได้เอง จากนั้นพี่เอกก็ล้มตัวนอนต่อ ขณะที่กำลังนอนอยู่นั้นก็รู้สึกถึงความผิดปกติที่อยู่ในตู้เหมือนมีเสียงไม้แขวนหรือเสียงอะไรบางอย่างตะกุกตะกักอยู่ในตู้ ในตอนแรกพี่เอกคิดว่าอาจจะเป็นหนู จึงตัดสินใจจะเดินไปเปิดดู แต่เมื่อเดินไปเปิดดูตู้ เสียงนั้นก็เงียบหายไป.. พี่เอกกลับมานอนต่อ ในขณะที่หลับ ก็ฝันว่าตัวเองไปนอนอยู่ข้างหน้าตู้เสื้อผ้า จากนั้นตู้ก็เปิดออกมาเอง พร้อมกับมีผู้หญิงคนหนึ่ง สวมชุดสีขาวค่อย ๆ ลอยออกมาจากตู้เสื้อผ้า ลอยมาจนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอก แล้วก้มหน้ามามอง ตอนนั้นพี่เอกเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออกและกลัวมาก แต่ก็พยายามมองหน้าผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นใคร จังหวะที่กำลังมอง ก็รู้สึกว่าเหมือนมีน้ำอะไรบางอย่างไหลลงมาโดนหน้า จึงค่อย ๆ เอามือลูบ ปรากฎว่าน้ำที่ไหลมาคือเลือดจากคอผู้หญิงคนนั้น! และได้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้มีรอยตรงคอเหมือนเป็นรอยที่ถูกเฉือนด้วยของมีคมจนคอกับหัวเหมือนจะหลุดออกจากกัน! ผู้หญิงคนนี้ยังคงมองหน้าพี่เอกและชี้หน้าว่า “มึงฆ่ากู มึงฆ่ากู!!” ด้วยความตกใจกลัวพี่เอกพยายามที่จะนอนดิ้นไปดิ้นมาเพื่อให้ผู้หญิงคนนี้หลุดไปจากตัว สักพักพี่เอกก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่สิ่งที่เห็นคือ มือของแฟนกำลังพาดมาตรงคอของตัวเอง แล้วอีกมือนึงของแฟนดันมีมีดอยู่ในมือ! ด้วยความตกใจกลัวจึงรีบเขย่าตัวแฟนให้ตื่น ส่วนแฟนเองก็ตกใจว่ามีมีดมาอยู่ในมือของเธอได้อย่างไร หลังจากที่เกิดเหตุการณ์แปลก ๆ ขึ้น ทั้งคู่กำลังนอนคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มีเสียงตะกุกตะกักดังขึ้นอีกครั้ง แล้วก็กลายเป็นเสียงกรีดร้อง ในตอนแรกทั้งคู่คิดว่าหรือจะเป็นเสียงจากข้างนอกหรือเสียงจากห้องอื่น ขณะที่กำลังหาต้นตอของเสียงนั้น ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นออกมาอีกจากในตู้เสื้อผ้าอีก จากนั้นทั้งคู่เริ่มรู้สึกว่า ขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงนอนนิ่งอยู่บนเตียง แล้วจู่ ๆ ตู้ใบนี้ก็เปิดออกเองพร้อมกับร่างผู้หญิงคนที่พี่เอกฝันเห็น กระเด็นออกมาจากในตู้! สักพักก็มีภาพแปลก ๆ ขึ้นมา เป็นร่างของผู้ชายคนหนึ่ง กำลังทำร้ายร่างกายผู้หญิงที่กระเด็นออกมาจากในตู้ จากนั้นผู้ชายก็เดินเข้าไปในครัวแล้วหยิบมีดขึ้นมา ส่วนผู้หญิงรีบวิ่งเข้าไปแย่งมีดจนมีดนั้นฟันโดนแขนของผู้ชาย แต่ก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ยังคงแย่งมีดกันไปมา จนผู้ชายดึงมีดกลับมาได้ ด้วยความโมโหจึงใช้มีดปาดเข้าไปที่คอของผู้หญิงจนเลือดกระเด็นมาโดนทั้งคู่ที่นอนอยู่บนเตียง ฝ่ายชายหลังจากที่ปาดคอผู้หญิงเสร็จก็ได้หายตัวไปในทันที ผู้หญิงที่นอนจมกองเลือดอยู่ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา แล้วหันหน้ามาชี้ที่พี่เอกแล้วพูดอีกว่า “มึงฆ่ากู มึงฆ่ากู!!” ทั้งคู่ที่นอนอยู่บนเตียงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ จึงพยายามนอนหลับตา สวดมนต์ ภาวนาออกไปว่า “ไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่พวกเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าพรุ่งนี้พวกเรารอดออกไปได้เดี๋ยวจะทำบุญไปให้” ในขณะที่หลับตาภาวนาอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงดังปั้งงง!! ประตูของตู้เสื้อผ้าปิดเองอีกครั้ง จากนั้นทั้งคู่ก็รู้สึกขยับตัวได้ปกติ เหมือนได้หลุดจากการถูกอำ แต่ในคืนนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้นอนอีกเลย รุ่งเช้าวันต่อมา ทั้งคู่คิดเห็นตรงกันว่าอยากจะรู้ที่มาที่ไปของตู้เสื้อผ้านี้ จึงหยุดงานและเดินทางไปที่ร้านขายตู้ เมื่อไปถึงร้าน เจ้าของก็ได้เล่าว่า ตู้นี้ถูกซื้อต่อมาอีกทีเหมือนกัน แต่ว่ายังมีเบอร์ติดต่อคนที่นำมาขายจึงลองโทรถามให้ ปรากฏว่าพอเจ้าของร้านโทรไปประมาณ 4-5 สายก็ยังไม่มีคนรับ จนสายที่ 6 เสียงปลายสายก็พูดออกมาว่า “อ๋อจะเอาเงินคืนเหรอ โอเคโอเคเดี๋ยวจะเอาเงินไปคืนให้ แต่ของไม่ต้องเอามาคืนนะ เอาไปเลย” จากนั้นปลายสายก็ตัดสายทิ้งไป สุดท้ายพอโทรกลับไปสืบสาวราวเรื่องจนได้รู้ว่า ตู้ใบนี้เดิมถูกใช้งานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และโรงแรมนี้ถูกปิดตัวลงไปในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตู้เสื้อผ้าตู้นี้จึงถูกขายต่อ ๆ กันมา ซึ่งมือแรกที่เป็นคนขายตู้ใบนี้เล่าว่า ในตอนนั้นมีคู่รักคู่หนึ่งไปเที่ยวด้วยกัน แล้วเกิดทะเลาะกันหนักมาก จากนั้นตอนเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมก็มีเพียงผู้ชายรีบออกไปแค่คนเดียว ยังไม่มีใครเห็นผู้หญิง ทางพนักงานต้อนรับพูดกันว่าผู้ชายที่ออกไปเหมือนคนเล่นของ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยสักยันต์ จากนั้นทางแม่บ้านก็เข้าไปทำความสะอาดห้อง ถึงขั้นกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ เพราะเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าก็ไปเจอกับศพผู้หญิงคนถูกฆ่าปาดคอนอนตายอยู่ในตู้! หลังจากที่ได้รู้เรื่องราวของตู้ใบนี้แล้ว ทั้งคู่จึงขอให้เจ้าของร้านช่วยพาเอาตู้ไปหาหลวงพ่อเพื่อจะนำไปเผา ขณะที่กำลังขนย้าย ก็มีคนเห็นว่าตรงข้างล่างของตู้เหมือนมีเป็นเป็นเศษผ้ายันต์สีแดงติดอยู่ และมีกระจุกผมที่ถูกตัดออกมาแปะไว้ด้วย เมื่อหลวงพ่อเห็นตู้จึงพูดขึ้นมาว่า “เอาเขาไปแต่ตัว แล้วยังไม่ยอมให้วิญญาณเขาไปไหนอีก เขาก็ต้องติดอยู่แต่ในนี้แหละ” จากนั้นหลวงพ่อจึงช่วยทำพิธี นำตู้ไปเผาและสวดส่งวิญญาณให้ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกเลย...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

พ่อแม่ใจสลาย.. ลูกสาวพลัดตกน้ำเสียชีวิต! มาเข้าฝันชาวบ้านบอกว่า “เขาไม่ให้หนูมา” เชิญวิญญาณกลับบ้านหลายครั้งก็ไม่เป็นผล จนได้มาดูดวง ถึงรู้ความจริง!

21 ธ.ค. 2023

พ่อแม่ใจสลาย.. ลูกสาวพลัดตกน้ำเสียชีวิต! มาเข้าฝันชาวบ้านบอกว่า “เขาไม่ให้หนูมา” เชิญวิญญาณกลับบ้านหลายครั้งก็ไม่เป็นผล จนได้มาดูดวง ถึงรู้ความจริง!

ฟังเรื่องสยองจากเรื่อง ‘ลูกสาวมึง กูขอนะ’ โดย ‘คุณขวัญ’ ไปพร้อมกับ ‘ดีเจมดดำ’ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในรายการอังคารคลุมโปง X (19 ธันวาคม 2566) เรื่องจะหลอนแค่ไหน ไปอ่านกันเลย! จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนสมัยนั้นคุณขวัญมีอาชีพเป็นหมอดู และมีโอกาสได้เดินทางไปดูดวงที่ต่างอำเภอให้กับลูกดวงที่นัดไว้ เมื่อชาวบ้านละแวกนั้นทราบข่าวว่ามีหมอดูมาที่หมู่บ้านก็ให้ความสนใจ จึงได้ต่อคิวเพื่อดูดวงด้วย หลังจากที่ดูดวงให้ลูกดวงเสร็จก็เป็นคิวของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ชื่อ ‘คุณโบว์’ และ ‘คุณแบงค์’ (นามสมมุติ) คุณแบงค์ดูดวงก่อนเป็นลำดับแรก แต่ยังไม่ทันได้เริ่ม คุณขวัญกลับเห็นเป็นภาพเด็กผู้หญิงผมสั้น ใส่เสื้อสีเขียวมะนาว ยืนบริเวณบ่อน้ำ และกำลังจ้องมองไปตรงนั้น เธอยืนนิ่ง และไม่ได้พูดอะไร คุณขวัญเห็นเช่นนั้น จึงถามกับคุณแบงค์ว่ารู้จักใครที่มีลักษณะแบบนี้หรือไม่ หลังจากที่คุณแบงค์ได้ยินคำถามก็เงียบไปสักพัก พร้อมกับน้ำตาคลอ จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา คุณแบงค์เล่าว่า “ลูกสาวผมเองครับ น้องจมน้ำเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว” จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวให้คุณขวัญฟังว่า คุณโบว์ตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน เป็นการท้องลูกคนแรก คุณโบว์รู้สึกปวดท้องมาก รุ่งขึ้นจึงเธอจึงรีบไปหาหมอเพื่อสอบถามอาการเบื้องต้น ปรากฏว่าคุณหมอแจ้งว่าลูกมีภาวะหัวใจล้มเหลว เนื่องจากขาดออกซิเจนเฉียบพลัน ซึ่งคุณหมอได้วินิจฉัยว่าเกิดจากสาเหตุสายรกพันคอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกของคุณโบว์เสียชีวิตไป หนึ่งปีผ่านไปหลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น คุณโบว์ได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง ตอนนั้นอายุครรภ์ได้ 4 เดือน คุณโบว์มีอาการปวดท้องซ้ำอีกครั้ง แต่เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพียงอาการปวดท้องธรรมดา จึงตัดสินใจเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ แต่ปรากฏว่าในระหว่างที่เธอกำลังนั่งบนชักโครก เธอได้แท้งลูกอีกคนออกมาทันที! เธอตกใจมาก และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องราวร้าย ๆ ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้จิตใจสามีภรรยาคู่นี้เศร้าหมอง แต่ไม่นานคุณโบว์ก็ได้ตั้งครรภ์อีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งครั้งนี้เธอคลอดได้ตามปกติ น้องเป็นเด็กผู้หญิงชื่อว่า ‘น้องน้ำ’ (นามสมมุติ) ชีวิตช่วงนั้นกำลังไปได้ดี จนน้องน้ำอายุได้ 7 ขวบ วันหนึ่ง น้องน้ำได้ไปเล่นกับเพื่อน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกัน พวกเขาไปที่ฟาร์มหมูในวันหยุด และในวันเดียวกัน ขณะที่คุณแบงค์และคุณโบว์กำลังจะออกไปขายของ จึงคิดว่าจะแวะรับลูกสาวไปด้วย แต่วันนั้นเป็นวันหยุด น้องน้ำอยากเล่นกับเพื่อนมากกว่าจึงปฏิเสธที่จะไปกับพ่อแม่ในวันนั้น 2-3 ชั่วโมงต่อมา คุณโบว์ได้รับโทรศัพท์จาก ‘แม่นิด’ (นามสมมุติ) แม่ของคุณแบงค์ พูดกับเธอว่า “น้องน้ำพลัดตกน้ำ และยังไม่พบร่าง” คุณโบว์ได้ยินเช่นนั้น ก็รีบโทรหาสามี ให้ไปยังจุดเกิดเหตุ เพราะทั้งคู่แยกกันไปขายของคนละที่ เมื่อคุณแบงค์มาถึงที่เกิดเหตุก็เห็นชาวบ้านกำลังมุงกันเยอะมาก แต่บางส่วนก็ช่วยดำน้ำหาร่างของน้องน้ำ เพราะยังไม่พบร่างของลุงและน้องน้ำในตอนนั้น คุณแบงค์จึงตัดสินใจที่จะลงไปช่วยหาลูกสาวอีกคน ขณะที่กำลังดำลงไปในน้ำ เขาก็รู้สึกว่ามีเท้าของใครบางคนมาสัมผัสตัว เขาจึงค่อย ๆ ดึงร่างนั้นขึ้นไปเหนือน้ำ ปรากฏว่าร่างนั้นคือลูกสาวของคุณแบงค์เอง ขณะที่นำร่างของน้องขึ้นมา ร่างของน้องก็อ้วกออกมาเป็นขนมจีนน้ำยาที่กินไปก่อนจะมาเล่นที่บ่อน้ำ จนกลายเป็นภาพติดตาของคุณแบงค์มาจนถึงทุกวันนี้ นั่นทำให้เขาไม่กินขนมจีนน้ำยาอีกเลย ไม่นานชาวบ้านที่กำลังดำน้ำอยู่ก็พบร่างของลุง ชาวบ้านจึงรีบนำร่างของทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลทันที จากนั้นก็นิมนต์พระมาทำพิธีเรียกดวงวิญญาณกลับบ้าน ชาวบ้านเล่าว่าเหตุการณ์พลัดตกน้ำครั้งนี้มีถึง 3 ราย เสียชีวิต 2 รายเป็นน้องน้ำและลุงของน้องน้ำ แต่เพื่อนที่ไปเล่นด้วยในวันนั้นรอดมาได้ หลังจากนำร่างของทั้งคู่กลับมาทำพิธีกรรมทางศาสนา ชาวบ้านก็มารวมตัวกันที่บ้านของคุณแบงค์เพื่อมาช่วยงานศพ ในคืนนั้น ขณะที่คุณโบว์นอนหลับก็รู้สึกว่าเหมือนมีใครเดินอยู่บริเวณศีรษะ สักพักก็เหมือนมีมือกำลังมาดึงเส้นผมอยู่บ่อยครั้ง ตอนนั้นคุณโบว์คิดว่าเป็นน้องน้ำ เธอจึงไม่กล้าที่จะลืมตาหันไปมอง เพราะกลัวว่าลูกสาวจะหายไป จึงให้ลูกสาวดึงเส้นผมต่อไป หลังจากที่น้องน้ำจากไปครบ 100 วัน ทางครอบครัวตัดสินใจจะทำบุญให้ ระหว่างที่กำลังจัดเตรียมงาน ก็มีญาติคนหนึ่งรู้สึกเหมือนว่ามีอาการไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่นานเธอก็พูดขึ้นมาว่า “หนูพาเพื่อนมาด้วย แต่เพื่อนเข้ามาไม่ได้ เพราะเจ้าที่ไม่ให้เข้า อยากกินขนมจีนจังเลย” แล้วก็ร้องไห้ออกมา! คุณแม่นิดได้ยินเช่นนั้น ก็นำขนมจีนไปวางไว้ที่รูปน้องน้ำ คุณแบงค์สงสัยจึงถามแม่นิดว่าทำไมถึงมีขนมจีนมาวางตรงนี้ ทั้ง ๆ อาหารที่เตรียมไว้ก็เยอะอยู่แล้ว แม่นิดเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟัง ทั้งคู่รู้สึกไม่สบายใจจึงนิมนต์พระให้เรียกดวงวิญญาณลูกสาวกลับบ้านเพราะคิดว่าน้องน้ำยังกลับบ้านไม่ได้ หนึ่งเดือนต่อมา ชาวบ้านในละแวกนั้นเล่าให้ฟังว่าน้องน้ำมาเข้าฝัน “อยากกินเฟรนช์ฟรายส์จังเลย แต่เค้าไม่ให้หนูมา เค้าตีหนู” ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็สงสัยว่าคือใคร ใครไม่ให้มา คุณโบว์และคุณแบงค์เริ่มกังวลขึ้นอีกครั้ง เพราะมีหลายคนที่มาเล่าให้ทั้งคู่ฟังว่าน้องน้ำมาเข้าฝัน จึงคิดว่าลูกสาวยังไม่สามารถกลับบ้านได้ และตัดสินใจไปนิมนต์พระเรียกดวงวิญญาณลูกสาวกลับบ้านอีกครั้ง หลังจากที่คุณแบงค์ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับลูกสาวให้คุณขวัญฟัง ในวันถัดมา คุณขวัญจึงตัดสินใจที่จะไปยังสถานที่เกิดเหตุ แต่ถึงกับต้องขนหัวลุก เพราะสิ่งที่คุณขวัญเห็นคือร่างของวิญญาณสีดำมืด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง กำลังโอบกอดร่างของน้องน้ำอยู่! คุณขวัญจึงรีบให้คุณโบว์จุดธูปเรียกลูกสาวกลับบ้านทันที และให้คุณแบงค์สตาร์ทรถรอ ภาพที่คุณขวัญเห็นหลังจากนั้นคือน้องน้ำพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากบ่อน้ำ จนมายืนอยู่ข้างหลังของคุณโบว์ คุณขวัญจึงบอกกับคุณโบว์ให้รีบไปที่รถ และห้ามหันหลังมองไปที่บ่อน้ำอีกเด็ดขาด! ขณะที่ทั้งหมดกำลังเดินไปที่รถ คุณขวัญก็ได้ยินเสียงของใครบางคนพูดขึ้นมาว่า “หนูจะไปไหน” ดวงวิญญาณของน้องน้ำที่ได้ยินดังนั้นก็ทำท่าว่าจะหันไปมอง คุณขวัญพูดขึ้นมาทันที “อย่าหันไปมองเด็ดขาด รีบเดินตามแม่ไป” จากนั้นทุกคนก็รีบขึ้นรถทันที หลังจากที่ทั้งหมดกลับมาถึงบ้าน คุณขวัญก็ได้เล่าทุกอย่างให้กับทุกคนฟังว่าจริง ๆ แล้วที่น้องน้ำยังไม่สามารถกลับบ้านได้ ก็เพราะมีดวงวิญญาณของผีพรายควบคุมดวงวิญญาณของน้องน้ำอยู่ และตั้งแต่ที่เธอได้ไปทำพิธี ดวงวิญญาณของน้องน้ำก็สามารถกลับบ้านได้ และดวงวิญญาณของน้องน้ำก็ไม่ได้มาปรากฏให้ใครเห็นอีกเลย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณนิว ‘บ้านกองพัน’ I อังคารคลุมโปง X นนท์ อินทนนท์ [ 9 ก.ค. 2567]

16 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณนิว ‘บ้านกองพัน’ I อังคารคลุมโปง X นนท์ อินทนนท์ [ 9 ก.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ’คุณนิว’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (9 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’, ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ‘ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘บ้านกองพัน’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณนิวเล่าว่า ตนเป็นทหารเรือสัตหีบ และได้ติดยศรับราชการของกองพันนี้ ซึ่งทางกองพันมีบ้านพักให้ คุณนิวจึงใช้ทะเบียนสมรสยื่นขอ ซึ่งปกติต้องเข้าคิวรอบ้านพักประมาณ 2 ปี เวลาผ่านมาประมาณ 1 ปีกว่า พี่คนที่จัดคิวบ้านพักก็ติดต่อมา ”นิว เองจะมั้ย บ้านพักอะ“ คุณนิวถามก่อนเลยว่า ”พี่ ทำไมได้คิวไวจัง“ แล้วเขาก็ถามกลับมาว่า ”กลัวผีไหม“ คุณนิวตอบ ”ตัวผมไม่ได้กลัวเพราะเจอบ่อย“ จากนั้นพี่เขาก็เล่าให้ฟังว่า ที่ได้คิวเร็วเพราะคนที่อยู่บ้านพักนี้เสียชีวิต แต่ไปเสียที่โรงพยาบาล ไม่ใช่ที่บ้าน คุณนิวจึงคิดว่า ‘งั้นก็ไม่เป็นไรนี่ เราได้บ้านไวก็ดี’ เมื่อถึงวันที่เข้าดูบ้าน ลักษณะบ้านพักของทหารคือบ้าน 2 ชั้น ข้างบนเป็นไม้ ตรงกลางเป็นบันไดไม้ สภาพบ้านสกปรกมาก ขี้นกเต็มไปหมด เหมือนกับว่าลูกสาวของเจ้าของบ้านคนก่อนเอาบ้านนี้ไว้เก็บของอย่างเดียว ไม่ได้อยู่อาศัย คุณนิวจึงทำความสะอาด และย้ายเข้ามาอยู่.. อธิบายลักษณะบ้านเพิ่มเติมว่า เมื่อเข้าไปในบ้าน ตรงกลางจะเป็นห้องโถง เดินเข้าไปจะเป็นบันไดขึ้นไปชั้น 2 ถัดจากบันไดจะเป็นห้องน้ำ นอกจากนี้ตรงกลางบ้านจะมีเตียงไม้เก่า ๆ สภาพใช้งานไม่ได้ คุณนิวจึงซ่อมจนสามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง จากนั้นก็วางไว้ตรงนั้น เผื่อใช้นอนเวลากลับบ้านมาตอนดึก บ้านนี้มีเหตุการณ์แปลกตรงที่ทุกวันพระเวลากลางคืน จะมีเสียงไม้ลั่น คุณนิวเข้าใจว่า บ้านไม้หลังนี้มันเก่าแล้วก็คงจะมีเสียงบ้าง แต่มันจะมีเสียงเฉพาะวันพระ เหมือนคนมาเดินหน้าห้อง ซึ่งคุณนิวไม่ได้กลัว ครั้งแรกที่เจอ คุณนิวนอนอยู่ที่เตียงข้างล่าง ลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่น ได้เห็นเงาผู้ชายตัวผอม สูงถึงเพดานมายืนจ้อง คุณนิวไม่ได้กลัว แต่ก็ทำได้แค่จ้องมองกลับไป เงานั้นมองคุณนิวประมาณ 1 นาที จนคุณนิวพูดว่า ”ผมไม่ได้กลัวนะ จะไปไหนก็ไป“ แล้วสิ่งนั้นก็ลอยทะลุเพดานขึ้นไป จริง ๆ แล้ว คุณนิวก็แอบตกใจเพราะไม่เคยเจอเต็มตาแบบนี้มาก่อน ปกติจะเห็นแค่มาแว๊บ ๆ แล้วก็ไป แล้วก็ผ่านไปโดยที่ไม่ได้เล่าให้แฟนฟังเพราะแฟนกลัวผีมาก หลังจากวันนั้น พ่อตาก็มานอนที่บ้าน ที่เตียงนี้ แล้วพ่อตาก็โดนเหมือนกัน แต่เป็นในฝัน เป็นผู้ชายตัวสูงมายืนจ้องเหมือนกับที่คุณนิวเจอ ในตอนนั้นคิดเพียงว่า ‘มันก็แค่ฝัน มันอาจจะเหมือนกัน แต่ก็คงบังเอิญแหล่ะ’ แต่เรื่องที่ไม่บังเอิญคือ แฟนคุณนิวเป็นครู ก็จะมีเด็กมาเรียนพิเศษช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นเด็กชั้นอนุบาล พอเด็กลงรถมา พ่อแม่ก็กลับไป แต่เด็กคนนั้นร้องไห้ ไม่ยอมเข้าบ้าน พอถามว่าเป็นอะไร น้องก็บอกว่า มีผู้ชายตัวผอม ๆ สูง ๆ ยืนจ้องไม่ยอมให้เข้าบ้าน ซึ่งไม่มีทางที่คุณนิวจะเล่าให้เด็กฟังอยู่แล้ว คุณนิวจึงไปเล่าให้พี่ที่ทำงานฟังว่าเจออะไรมา แต่พี่ที่ทำงานสวนกลับมาว่า “เอ้อ พี่ว่าจะทักตั้งแต่วันที่ได้คิวแล้ว อยู่ไปได้ยังไงวะ บ้านนั้นมีตายตั้ง 2 ศพแล้ว” คุณนิวตกใจถามกลับไปว่า “2 ศพคืออะไรพี่ พี่เขาตายที่โรงพยาบาลไม่ใช่หรอ” เขาจึงเล่าให้ฟังว่า “ก็ใช่ แต่ก่อนหน้านั้น มีตายที่เตียงนั่นอีกคนนึง เขาเป็นผู้ป่วยติดเตียง เลยไม่ใช้เตียงนั้นไง ไม่เอะใจหรอ” คุณนิวคิดว่าเขาคงหวงเตียง แล้วเวลาก็ผ่านไป.. ขอเล่าเพิ่มเติมว่า ปกติแล้วตัวคุณนิวจะไปอยู่ที่ชายแดน ส่วนแฟนจะอยู่บ้านคนเดียวบ่อย วันนั้นแฟนโทรมาประมาณ 3-4 ทุ่ม บอกว่า “ช่วยด้วย โดนผีหลอก มีชายคนหนึ่งตัวสูง ๆ มากระชากแขน เขาให้ออกจากเตียง พอสบัดแขนออกมาได้ ก็เลยวิ่งออกมาข้างนอก เจอพวกพี่ที่นั่งสังสรรค์กันอยู่ แล้วเล่าลักษณะให้ฟัง พี่เขาก็พูดกันว่านั่นแหล่ะ คนที่ตายในบ้าน” วันนั้นคุณนิวเดือดมาก รีบกลับบ้านไปแล้วเข้าไปในบ้าน คุณนิวสบถออกมาว่า ”พี่! ผมไม่สนหรอกนะว่าพี่จะอยู่ก่อนหรืออะไร พี่ไปดูชื่อหน้าบ้านว่ามันเป็นชื่อใคร แล้วจะดูไหมคำสั่งกองพันอะ เดี๋ยวจะปริ้นท์มาให้ดู“ คุณนิวยืนพูดอยู่คนเดียว เหมือนคนบ้า แล้วก็พูดอีกว่า ”นี่อะ บ้านผม จะมาอยู่สร้างความเดือดร้อนทำไม เด็กเขามาเรียนก็ไปหลอกเขาร้องไห้ บ้าหรือป่าว!“ พอหลังจากนั้น 1 อาทิตย์ คุณนิวก็เห็นเลข 3 ตัว แล้วตอนเช้ามืดวันหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงเคาะหัวเตียง ป๊อก ป๊อก ป๊อก งวดนั้นถูกหวยทั้งบนและล่าง เหมือนเขามาขอโทษ เพราะคุณนิวพูดว่า “ถ้าอยู่แล้วสร้างความเดือดร้อน ก็ไม่ต้องมาอยู่” แต่ตอนนั้นคุณนิวทำเรื่องคืนบ้านหลังนั้นไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าคนที่มาอยู่ต่อจะเจออะไรไหม..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เดจาวูสุดหลอนในวัยเด็ก ฝันเห็นคนเสียชีวิต พอตื่นขึ้นมาเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงเหมือนในฝันเป๊ะ!

24 พ.ย. 2023

เดจาวูสุดหลอนในวัยเด็ก ฝันเห็นคนเสียชีวิต พอตื่นขึ้นมาเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงเหมือนในฝันเป๊ะ!

ระหว่างทางไปน้ำตกเผลอนอนหลับในรถ จึงฝันเห็นเหตุการณ์​คนเสียชีวิตในสถานที่ที่กำลังจะไป ปรากกฎว่า พอไปถึง.. เหตุการณ์เหมือนในฝันดันเกิดขึ้นจริง! เรื่องนี้ ‘NICECNX’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (21 พฤษจิกายน 2566) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตัวตายตัวแทน’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันได้เลย! คุณไนซ์เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของทีมงานใกล้ตัว นามสมมติว่า ‘พี่หนึ่ง’ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคุณไนซ์พอสมควร เพราะทุกคนล้วนเคยเกิดเหตุการณ์ ‘เดจาวู’ แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่หนึ่งถือว่าแรงมาก ๆ เพราะพอเดจาวูเสร็จ เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริงในอีกประมาณ 10 นาทีต่อมา เรื่องมีอยู่ว่าในตอนเด็ก พ่อกับแม่พาพี่หนึ่งไปเที่ยวน้ำตก เป็นน้ำตกที่มีหลายชั้น ซึ่งในน้ำตกจะมีชั้นนึงที่เป็นวังน้ำวน พี่หนึ่งชอบไปเล่นที่ชั้นนี้มาก ขณะเดินทางไปน้ำตก ด้วยความเป็นเด็กจึงนอนหลับในรถตามปกติ แต่แล้วก็ฝันว่า พอไปถึงน้ำตก กำลังจะลงเล่นน้ำ คนที่อยู่บริเวณนั้นอย่างพ่อค้าแม่ค้าวิ่งแตกตื่นกันมา พ่อกับแม่จึงถามไปถามคนแถวนั้นว่า “เกิดอะไรขึ้น อันนี้น้ำตกเปิดตามปกติรึเปล่า?” พ่อค้าแม่ค้าก็ตอบว่า “มีเด็กผู้หญิงจมน้ำ ไม่รู้เสียชีวิตรึเปล่า เพราะยังหาร่างไม่เจอ หากันมาเป็นชั่วโมงแล้ว อาจจะไม่รอดแล้วมั้ง” จากนั้นในฝันก็ตัดภาพเห็นพี่หนึ่งถึงน้ำตก เดินงัวเงียลงจากรถเพราะพึ่งตื่น เป็นจังหวะที่เขากู้ศพขึ้นมาพอดี พี่หนึ่งจึงชะเง้อดู เห็นเป็นเด็กผู้หญิงหน้าหมวย ใส่ชุดแขนสั้นสีฟ้า ผมประบ่า เป็นศพที่ถูกกู้ขึ้นมาจากในน้ำ จนในที่สุดก็สะดุ้งตื่น เป็นจังหวะเดียวกับรถใกล้จะถึงน้ำตกพอดี พอรถจอด พ่อกับแม่ก็ลงไปจากรถ แล้วคนก็วิ่งแตกตื่น แล้วหลังจากนั้นก็มีการพบศพคนเสียชีวิตเหมือนกับในฝัน! นั่นเป็นเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกที่หนึ่งไม่เคยลืม นอกจากนี้ คุณไนซ์ยังเสริมอีกว่า จริง ๆ แล้วตอนแรกน้ำตกมีชื่ออีกชื่อหนึ่ง แต่พอมีนักท่องเที่ยวมาเสียชีวิตซ้ำเยอะ ๆ เขาจึงตั้งชื่อตามและเปลี่ยนชื่อมาเรื่อย ๆ ในมุมหนึ่งอาจเป็นเพราะสถานที่อันตราย แต่ว่าถ้าลองมุมอีกมองอาจจะเป็นการหาตัวตายตัวแทนก็เป็นได้...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1