ตำนานผีสาวบันไดหนีไฟที่ทุกคนอยากลองดี แต่เพื่อนดันลืมของ ทำให้ผมต้องกลับขึ้นไปเอา ระหว่างที่กำลังเดินลงก็มีเสียงฝีเท้าดังสวนขึ้นมา! ชะเง้อหน้ามองเห็นเป็นเด็กผู้หญิงชุ่มเลือดยิ้มให้และวิ่งมาหาผม!จังหวะนั้นต้องวิ่งไปให้ถึงประตูถึงจะรอด!

อังคารคลุมโปง RECAP

ตำนานผีสาวบันไดหนีไฟที่ทุกคนอยากลองดี แต่เพื่อนดันลืมของ ทำให้ผมต้องกลับขึ้นไปเอา ระหว่างที่กำลังเดินลงก็มีเสียงฝีเท้าดังสวนขึ้นมา! ชะเง้อหน้ามองเห็นเป็นเด็กผู้หญิงชุ่มเลือดยิ้มให้และวิ่งมาหาผม!จังหวะนั้นต้องวิ่งไปให้ถึงประตูถึงจะรอด!

30 พ.ค. 2023

อีกเรื่องปิดท้ายในรายการ ‘อังคารคลุมโปงX’ (23 พฤษภาคม 2566) จาก ‘ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม’ กับ 7 เรื่องสยองในโรงเรียนญี่ปุ่น จัดหนักหลอนสุดกำลังจน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ร้องซี๊ดดด! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ตามไปอ่านกันเลย!

ต้นกล้าเล่าว่าที่โรงเรียนญี่ปุ่นจะมีเรื่องเล่าสยองขวัญอยู่ทั้งหมด 7 เรื่อง ทั้ง 6 เรื่องจะเล่าเหมือนกันทุกโรงเรียน แต่เรื่องที่ 7 ในแต่ละโรงเรียนจะมีไม่ซ้ำกัน เช่น บางโรงเรียนก็เป็นเรื่อง ‘ฮานาโกะซังในห้องน้ำ’ เด็กผีชุดแดงที่จะอยู่ในห้องน้ำห้องสุดท้าย ถ้าใครไปเรียกโดยการเคาะประตูห้องน้ำ 3 ครั้ง แล้วฮานาโกะซังตอบรับ คนนั้นก็จะไม่ได้กลับออกมาจากห้องน้ำอีกเลย, บางโรงเรียนก็เป็นเรื่อง ‘หุ่นห้องวิทย์’ ที่จะออกมาวิ่งตอนกลางคืน หรือเรื่อง ‘รูปโมสาร์ทในห้องดนตรี’ ที่พอถึงเวลากลางคืน วิญญาณโมสาร์ทก็จะออกมานั่งเล่นเปียโน เป็นต้น

เรื่องที่ต้นกล้าจะเล่าคือเรื่อง ‘ผู้หญิงราวจับ’ เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กในโรงเรียนจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องเล่าสยองขวัญนี้ว่า “ผู้หญิงราวจับ เป็นเด็กนักเรียนหญิงที่เคยเรียนที่นี่เมื่อหลายปีมาแล้ว เวลาที่ถูกเพื่อนแกล้งหรือเวลาที่รู้สึกท้อใจกับการเรียนเด็กผู้หญิงคนนั้น ก็มักจะไปที่บันไดหนีไฟตรงนี้เป็นประจำ แต่ในตอนนั้นบันไดหนีไฟทั้งเก่าและไม่สมบูรณ์ พอเธอขึ้นมายืนจับที่ราวบันได ปรากฏว่าบันไดก็พังลงมา ทำให้ตัวของเด็กผู้หญิงคนนั้นตกลงไปข้างล่าง ขณะนั้นเธอยังไม่ได้เสียชีวิตทันทีและพยายามจะปีนขึ้นมาขอความช่วยเหลือ แต่ในที่สุดก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตอยู่ตรงนั้น” พอคุยเรื่องนี้จบเด็กหลายคนจึงท้าทายกันว่าให้ลองไปที่บันไดหนีไฟนี้แล้วขึ้นไปบนดาดฟ้า ถ้าใครกลับลงมาได้จะนับถือว่าเป็นคนที่สุดยอด

ในตอนนั้นทุกคนก็ผลัดกันขึ้นไป แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่แล้วก็มีเพื่อนคนนึง นามสมมุติ ‘โทยะ’ ดันลืมของไว้บนดาดฟ้า จึงชวน ‘เซย์จิ’ (นามสมมุติ) ให้กลับขึ้นไปเอาเป็นเพื่อน แต่เซย์จิก็แซวโทยะไปว่า “เฮ้ย มึงกลัวหรอ” โทยะจึงตอบกลับมาว่า “เอาจริง ๆ ก็กลัวแหละ” เซย์จิก็ตอบไปว่า “โหยไร้สาระน่า” โทยะจึงพูดท้าขึ้นมาว่า “อ้าว งั้นถ้ามึงไม่กลัวมึงก็ขึ้นไปเอาของให้กูสิ” เซย์จิจึงตอบตกลง และในเวลานั้นก็เป็นเวลาประมาณ 6 โมงครึ่งแล้ว แสงพระอาทิตย์กำลังเริ่มโพล้เพล้ เซย์จิเปิดประตูบันไดหนีไฟและเดินขึ้นไปยังดาดฟ้า บันไดที่เก่ามีสนิมทำให้เวลามีคนเดินขึ้นลง จะได้ยินเสียงฝีเท้าดัง ‘ต๊อง ต๊อง ต๊อง’ ดังก้องไปทั่ว เมื่อเดินมาถึงดาดฟ้าก็พบกับของชิ้นหนึ่งถูกวางไว้ จึงหยิบมันขึ้นมา พอเดินกลับลงมายังประตูบันไดหนีไฟ ในใจก็เกิดกลัวขึ้นมา จึงชะเง้อหน้ามองลงมาข้างล่าง ซึ่งบันไดหนีไฟนี้จะมีช่องตรงกลางให้สามารถมองเห็นลงไปยังข้างล่างได้ ปรากฏว่าภาพที่เซย์จิเห็นคือ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ชั้นล่างสุด แต่ระยะห่างของชั้นบันไดค่อนข้างสูงทำให้เห็นไม่ค่อยชัด เซย์จิคิดในใจว่าเพื่อนคงแกล้ง จึงตัดสินใจเดินลงไป แต่ในขณะที่เดินนั้น ก็ได้ยินเสียงเสียงฝีเท้าที่เดินไปพร้อมกับเซย์จิ! เสียงนั้นดังมาจากข้างล่าง ในใจก็คิดว่า “เฮ้ย ใช่ป่ะว่ะ” เซย์จิชะเง้อหน้าไปมองดูอีกครั้งก็เห็นว่า “มีมือจับอยู่ที่ราวจับ เปื้อนไปด้วยเลือด พร้อมกับหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เงยหน้าขึ้นมามองและแสยะยิ้มให้เขา” เซย์จิรับรู้ได้ทันทีว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกแน่ ๆ ไม่ทันได้คิดนาน หลังจากยิ้มเสร็จเด็กผู้หญิงคนนั้นก็รีบวิ่งขึ้นมาด้านบนทันที! (เซย์จิต้องเดินลงมาชั้นล่าง แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังวิ่งขึ้นมาข้างบน) เสียงฝีเท้าดังกังวาลต๊องๆๆๆๆๆๆ หัวใจเซย์จิเต้นรัวด้วยความกลัว และคิดว่าจะกลับขึ้นไปก็ไม่ได้ ต้องลงไปอีกชั้นหนึ่งถึงจะมีประตู เซย์จิฮึดแรงเฮือกสุดท้าย เพื่อวิ่งลงไปยังประตูให้เร็วที่สุด ก่อนที่สิ่งนั้นมันจะวิ่งขึ้นมาถึงตัวเขา!

และในที่สุดเขาก็ได้เปิดประตูออกมาดังปั้ง!! จนเพื่อนทุกคนตกใจ และได้ถามว่า “เฮ้ยมึงเป็นอะไร วิ่งหนีอะไรเนี่ย เจออะไรหรือเปล่า” เซย์จิตอบไปด้วยเสียงที่สั่นว่า “ชั่งมันเถอะ” แล้วเพื่อนคนอื่นที่หันหน้าเข้าประตูก็อยู่นิ่งอยู่สักพัก จนประตูนั้นก็ปิดลงดังปึ้ง! เมื่อเห็นว่าเพื่อนท่าทางไม่ดี ทุกคนจึงชวนกันกลับ เมื่อพ้นจากสถานที่ตรงนั้นมาได้สักพัก เพื่อนคนที่หันหน้าเข้าหาประตูก็เล่าให้ฟังว่า “ตอนที่ยืนนิ่งไปสักพักนั้น เห็นเป็นเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนมายืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้วมองมายังพวกเขา” 

พอฟังจบดีเจแนน ดีเจเจ็มถึงกับพูดว่าผีญี่ปุ่นโหดมาก ต้นกล้ายังบอกอีกว่ายังมีผีญี่ปุ่นอีกหลายรูปแบบให้ได้ติดตามกัน หากได้มีโอกาสจะกลับมาเล่าให้ฟังอีก

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เมื่อต้องมานอนคนเดียวที่คอนโดเก่า เขาฝันเห็นเธอ... เธอคนนั้นที่ผูกพันธ์ด้วยสัญญาใจ ทุกครั้งที่นาฬิกาบอกเวลา 5.40 น. เธอจะมาอยู่ข้างเตียงเขา ด้านหลังเขา หรือไม่ก็บนหัวของเขา! แม้จะบวชให้แต่ก็ยังไม่หายไป..!

09 มิ.ย. 2023

เมื่อต้องมานอนคนเดียวที่คอนโดเก่า เขาฝันเห็นเธอ... เธอคนนั้นที่ผูกพันธ์ด้วยสัญญาใจ ทุกครั้งที่นาฬิกาบอกเวลา 5.40 น. เธอจะมาอยู่ข้างเตียงเขา ด้านหลังเขา หรือไม่ก็บนหัวของเขา! แม้จะบวชให้แต่ก็ยังไม่หายไป..!

‘คุณเคน’ สายจากทางบ้านได้โทรเข้ามาเล่าประสบการณ์ชวนขนหัวลุกขณะฝันให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (30 พฤษภาคม 2566) หากชวนคนมาอยู่เป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ปิดไฟแล้วไปอ่านพร้อมกันเลย!คุณเคนเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2017 ช่วงนั้นเขากำลังจะย้ายที่ทำงาน จึงต้องรีบหาที่พักใหม่โดยด่วน สุดท้ายก็ได้คอนโดเก่าย่านอ่อนนุช แม้ว่าคอนโดนี้จะอยู่ในซอยลึกและดูท่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่คุณเคนก็จำเป็นต้องอยู่เพราะใกล้ถึงวันที่จะต้องเริ่มทำงานใหม่แล้ว ช่วงแรกที่เข้ามาอยู่ ตัวคุณเคนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ผ่านไปประมาณเดือนกว่า ๆ คุณเคนก็เริ่มได้ยินเสียงคนเดินลงส้นเท้าดังมาจากด้านบนเพดานตอนดึก ๆ ทั้งที่เขาอาศัยอยู่ชั้นบนสุดของตึก! แต่คุณเคนก็นึกขึ้นได้ว่า ที่จริงแล้วยังมีห้องที่อยู่สูงขึ้นไปจากเขาอีกห้องหนึ่ง เขาไม่มั่นใจว่ามันคือห้องแม่บ้านหรือห้องอะไร จึงลองไลน์ไปถามเจ้าของตึกดู นั่นเป็นครั้งแรกที่คุณเคนรู้สึกได้แล้วว่ามีอะไรบางไม่ชอบมาพากล เพราะเจ้าของตึกตอบเขากลับมาว่าห้องข้างบนคุณเคนเป็นห้องโล่ง ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว..เมื่ออาศัยอยู่ที่ห้องนี้ได้เกือบ 2 เดือน คุณเคนก็เริ่มฝันแปลก ๆ เขาฝันว่าตัวเองไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง กำลังนอนคุดคู้อยู่บนเตียง แล้วมีคนนอนอยู่ข้าง ๆ เป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนอนงอตัวและมีผ้าห่อไว้ เธอยังมีเสียงหายใจ ในตอนนั้นคุณเคนคิดว่าเธอกำลังเล่นกับเขาอยู่และไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่แล้วสักพักหนึ่ง ก็รู้สึกว่าเหมือนมีมือปริศนายื่นเข้ามาจับมือเขาเอาไว้! คุณเคนรู้สึกตกใจจนสะดุ้งขึ้นจากเตียง ตอนแรกคิดว่าตัวเองตื่นแล้ว เพราะบรรยากาศรอบตัวเหมือนจริงมาก ๆ แต่เขาก็ขยับตัวไม่ได้ และจู่ ๆ ก็มีอีกมือหนึ่งโผล่มาจับตัวเขาอีกครั้ง!ไม่นาน คุณเคนก็ตื่นขึ้นมาจากฝันได้ในที่สุด (รึเปล่านะ?) เขาสังเกตเห็นว่าตัวเองมีเหงื่อซึมเล็กน้อย กำลังนอนงอตัวอยู่ ลำตัวหันตะแคงไปทางซ้าย และเอามือทั้งสองข้างสอดเข้าไประหว่างขา ท่านอนนี้ไม่ใช่ท่านอนปกติของเขา เมื่อหันมองนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนั้นเป็นเวลา 05.20 น. จึงลุกขึ้นจากเตียง ไปห้องน้ำ ในใจพยายามปลอบตัวเองว่ามันไม่น่าจะมีอะไร ก่อนที่จะกลับมานอนต่อ แต่ผ่านไปได้อีกสักพัก คุณเคนก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเริ่มร้องไห้อยู่ เธอก้มหน้า มีผมยาวปะบ่า ห่มผ้าสีตุ่นทรงกระบอกแขนยาวและนุ่งกระโปรงลากยาวถึงตาตุ่ม เหมือนชาวบ้านสมัยก่อนที่คุณเคนเห็นในละครเขาใส่กัน เธอนั่งทับโคมไฟอยู่ตรงนั้น ด้านขวาบนตรงข้างหัวเตียงคุณเคน!“มันน่าจะไม่ใช่คนแล้วแหละ” คุณเคนคิดในใจ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนไม่กลัวผี จึงลองถามผู้หญิงคนนั้นไปว่าเธอเป็นใคร แต่เธอไม่ยอมตอบ กลับร้องไห้หนักกว่าเดิม ส่งเสียงโหยหวนไปทั่วห้อง ตอนนั้นคุณเคนกลัวมาก ๆ แต่ก็พยายามถามเธอต่อ “เราเคยทำให้เธอเสียใจหรอ ทำไมถึงมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้” หลังจากนั้นภาพที่คุณเคนเห็นก็ถูกตัดไป!เขาพบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าบ้านไม้หลังหนึ่ง เขารู้สึกได้ว่าน่าจะเป็นแถวอ่อนนุช แต่มีท้องร่อง ส่วนที่ตัวบ้านเป็นลักษณะพื้นยกสูง มีต้นไม้รายล้อม ณ ตอนนั้น คุณเคนสัมผัสได้ว่าผีตนนี้พยายามให้เขาเห็นอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในบ้าน เขารู้สึกถึงตัวเองในคราบของเจ้าของบ้านกำลังทำร้ายผู้หญิงผู้นั้น สิ่งนี้น่าจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอมานั่งร้องไห้ข้าง ๆ เขา คุณเคนบอกให้เธอหยุดภาพที่เกิดขึ้น “เราไม่อยากเห็นภาพ เราอยากคุยกับเธอ” ทันใดนั้นภาพของบ้านที่เขาเห็นก็ตัดกลับมาที่ห้องนอนบนคอนโดดังเดิม“เราทำอะไรให้เธอมาก่อน เราไม่รู้จริง ๆ เราขอโทษ” คุณเคนพูดกับผู้หญิงคนนั้น “แล้วเราจะทำยังไงให้เธอยกโทษให้เราได้บ้าง” ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่ คุณเคนบอกว่าตอนนั้นรู้สึกกลัวที่สุดเท่าที่ในชีวิตเคยกลัวมา และยังรู้สึกอีกว่าเธอพยายามสื่อสารกับเขา แต่เขาไม่สามารถได้ยินสิ่งที่เธอพูดออกมาได้ ได้ยินเพียงแต่เสียงร่ำไห้ของเธอ คุณเคนบอกเธอว่าจะทำบุญทำสังฆทานไปให้ แต่เสียงร้องก็ยังไม่หยุด สุดท้ายเขาจึงพูดกับเธอว่า “เดี๋ยวเราบวชให้เธอนะ” เธอก็หยุดร้องไห้ทันที และในช่วงเวลาเดียวกันก็มีเสียงพูดแหบแห้งดังข้างหูคุณเคน ก่อนที่คุณเคนจะเริ่มลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที คราวนี้คุณเคนตื่นจากฝันแล้วจริง ๆ ในสภาพที่เหงื่อโชกไปทั้งตัว แม้แอร์ในห้องจะเย็นมากก็ตาม เขาหันไปดูนาฬิกาตอนนั้นประมาณ 05.40 น.ดีเจเจ็มถามคุณเคนว่า สุดท้ายแล้วสามารถจับใจความอะไรจากเสียงแหบแห้งที่ได้ยินข้างหูหรือไม่ คุณเคนตอบกลับมาว่า ขณะที่พยายามจะสื่อสารกับผู้หญิงคนนี้ เขาสัมผัสได้ว่าเขาเคยทำให้เธอเสียใจมาก ๆ มาก่อน เขาคงเคยสัญญากับวิญญาณปริศนานี้ว่าจะรักแต่เพียงเธอเพียงผู้เดียว แต่แล้วเขาก็ผิดสัญญาเธอ เขากับเธอเคยอยู่บ้านหลังนั้นด้วยกัน บ้านที่เขาเห็นในฝัน หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทุกช่วง 05.40 น. คุณเคนก็จะพบเจอกับเหตุการณ์แบบเดิมอยู่เป็นประจำแต่แล้วก็มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในคืนอังคารคืนหนึ่ง เมื่อคุณเคนตัดสินใจไม่วิดีโอคอลให้คนรู้จักมาอยู่เป็นเพื่อนเหมือนเคย เขาสวดมนต์ เวลาขณะนั้นใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว เมื่อคุณเคนเริ่มแผ่เมตตา เขาพูดในใจว่า “เราขอโทษนะ” ทันใดนั้น เปรี้ยง! ไฟทั้งตึกก็ดับลง! เหลือเพียงแสงฟ้าแลบแกมเสียงฟ้าร้องจากข้างนอก แล้วฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา คุณเคนยังคงพยายามเปิดบทสวดมนต์บนคอมพิวเตอร์ต่อไป ณ ขณะนั้นมีเพียงแสงไฟจากหน้าจอคอมฯ อยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่มืดสนิทของห้อง คุณเคนกล่าวว่า “เป็นวันที่ผมสติแตกที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต”หลังจากนั้น คุณเคนก็ไม่สามารถทนอยู่ที่คอนโดได้อีกต่อไป จึงต้องย้ายกลับมาที่บ้าน แต่บางครั้งในเวลาเดิมช่วงประมาณ 05.40 น. เขาจะเห็นผู้หญิงคนนั้นมานั่งตรงหัวเตียง หรือไม่ก็บนหัวของเขา..! นอกจากนี้ยังมีอีกหลายครั้งที่เขารู้สึกเหมือนมีมืออะไรบางอย่างมาจิกไหล่ให้เจ็บจนตื่น หรือไม่ก็เอาหน้ามาแนบหลังโอบตัวเขาไว้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่เห็นรอยอะไรเมื่อตื่นขึ้นมา เมื่อเจอแบบนี้บ่อย ๆ เข้า คุณเคนก็รู้สึกไม่ไหวแล้ว เพราะตอนนั้นมีอะไรบางอย่างมาทำให้เขาลืมตาไม่ได้! ทันทีที่เธอสอดแขนเขามาใกล้ เขาก็บีบมือของเธอทันที แต่มือนี้กลับมีลักษณะท้วมกว่ามือก่อนที่เขาเคยสัมผัสมาก และมือนั้นก็บีบตอบกลับเขาด้วย!ต่อมา คุณเคนต้องไปบวชตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ เขาพบว่าสิ่งนี้ช่วยได้มาก เพราะแม้ตอนนี้วิญญาณของผู้หญิง​จะยังคงวนเวียนไปมาหาสู่กับคุณเคนเรื่อย ๆ แต่จำนวนครั้งก็ลดลง เมื่อบวชเสร็จ คุณเคนเคยไปขอคำปรึกษาจากพระสายปฏิบัติรูปหนึ่งว่า เหตุใดตนถึงต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วย วิญญาณเหล่านั้นคือใครกัน คำตอบที่ได้จากพระรูปนั้นคือ “ไม่ต้องรู้หรอกว่าเขาคือใคร แต่คุณรู้ว่าเขาคือใคร” หมายความว่า ตัวคุณเคนเองรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นใคร แต่ไม่มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องไปขุดค้นเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว ขอเพียงให้คุณเคนตั้งใจใช้ชีวิตทำดีต่อไปก็พอ ดีเจแนนถามคุณเคนด้วยความสงสัยว่า แล้วตกลงคุณเคนรู้จริงหรือว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นใคร คุณเคนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เขาบอกว่าเมื่อผู้หญิงคนนั้นมาร้องไห้ให้เขาเห็น เขาสัมผัสได้ว่าเหตุการณ์ในฝันที่เขาเห็นคงเกิดจากสัญญาใจที่ตนคงเคยสร้างไว้ และสัญญาใจนี้แหละที่เป็นเหตุที่ทำให้วิญญาณเหล่านั้นแวะเวียนมากหาเป็นประจำทุกช่วง 05.40 น. ของวัน บ้างก็มาเป็นร่างธรรมดา บ้างก็โครงกระดูก.. เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่มาหาเขาเป็นคนเดิมหรือไม่ส่วนตัวคุณเคนเชื่อว่าชาติภพและคำสาบานมีจริง เขาโทรมาเล่าเรื่องราวของตนให้ฟังครั้งนี้เพื่อที่จะบอกกับคนฟังว่า “ถ้าชาติภพมีจริง คำสัญญามีจริง คำสาบานมีจริง ความผูกพันธ์ทางความรู้สึกมันมีจริง อย่าทำแบบนี้กับใครครับ” เรื่องนี้เอาทำเอา ดีเจทั้ง 2 ขนหัวลุกไปตามกัน แถมยังทิ้งข้อคิดดี ๆ ไว้ในตอนท้ายของเรื่องด้วย(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

Epic time ถ่ายรายการผีที่ต้องไปนอนบ้านคนอื่น จนทีมงานเจอดี วิ่งหนีแทบไม่ทัน

09 ก.พ. 2024

Epic time ถ่ายรายการผีที่ต้องไปนอนบ้านคนอื่น จนทีมงานเจอดี วิ่งหนีแทบไม่ทัน

เรื่องนี้ ‘คุณทับทิม’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 กุมภาพันธ์ 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องที่เกิดในรายการ ‘Epic Ghost Camp’ อีพีที่เป็นบ้านของน้องสตรีมเมอร์คนหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าของบ้านได้มีการชักชวนด้วยตัวเอง เพราะมั่นใจว่าบ้านของตัวเองโหดที่สุด ตั้งแต่รายการนี้ไปถ่ายทำมา เรื่องราวนี้จะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย โดยเรื่องนี้ที่คุณทับทิมได้นำมาเล่าเป็นประสบการณ์จากรายการ Epic Ghost Camp EP ที่ไปถ่ายทำที่บ้านของ ‘คุณต้น’ (นามสมมติ) สตรีมเมอร์คนหนึ่ง โดยรายการนี้ พิธีกรหลักคือ ‘คุณเอก’ และ ‘คุณทับทิม’ ยูทูปเบอร์จากช่องดังอย่าง Epic Time จะเข้าไปรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในบ้านกับเจ้าของบ้านก่อน ส่วนทีมงานจะอยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไปฟังด้วย เพื่อป้องกันการเตี้ยม นอกจากนี้รายการยังให้ทีมงานไปนอนตรงจุดที่มีเรื่องราวต่าง ๆ ในบริเวณบ้าน ด้วยการจับฉลากอีกด้วย เมื่อเริ่มถ่ายทำ คุณต้นก็เล่าเรื่องหลอนให้คุณเอกและคุณทับทิมฟังว่า สิ่งที่เกิดกับบ้านหลังนี้คือ เวลาอยู่คนเดียวมักจะได้ยินเสียงเหมือนกับมีคนกำลังเดินขึ้นลงบันได อธิบายเพิ่มเติมว่าบ้านหลังนี้จะมี 1 ห้อง ที่เป็นห้องนอนสำหรับทีมงานของคุณต้น และเล่าให้ฟังอีกว่า วันหนึ่งมีทีมงานคนหนึ่งนอนหลับอยู่ในห้องตามปกติ อยู่ ๆ ก็เจอเงาสีดำ รูปร่างคล้ายกับกุมารทอง แต่ไม่เห็นใบหน้า มายืนอยู่ข้าง ๆ ซึ่งก่อนหน้าที่ทางทีมงานของคุณต้นจะเจอดี ตอนเช้าได้มีการท้าทายว่า “ถ้าบ้านหลังนี้มีผีจริง ๆ คืนนี้ขอเจอหน่อย อยากเจอ” ที่พูดไปแบบนั้นเพราะทีมงานคนอื่นได้เจอกันหมดแล้ว เหลือเขาคนเดียวที่ยังไม่เคยเจอ และสุดท้ายก็ได้เจอดีเข้าจริง ๆ คุณต้นยังเล่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองอีกว่า ขณะที่เขากำลังนั่งเล่นเกมอยู่คนเดียว อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูแบบรัว ๆ “ปึง ปึง ปึง!” ครั้งแรกเขาก็ไม่ได้สนใจ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าบ้านตนเองมีอะไรบางอย่างอยู่ จึงนั่งเล่นเกมต่อ เวลาก็ผ่านไปไม่ถึง 20 วินาที เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอีก ครั้งนี้เคาะเสียงดังมาก “ปึง ปึง ปึง!!” จนประตูสั่น เขาจึงตัดสินใจวิ่งไปเปิดประตู แต่กลับไม่พบอะไรเลย! และอีกเหตุการณ์ที่หนักที่สุดตั้งแต่เคยเจอมาในบ้านนี้ก็คือ คุณแม่ของคุณต้นถูกผีเข้าสิง! ซึ่งเป็นผีกุมารทองที่คุณแม่เป็นคนเลี้ยงไว้เอง คุณต้นเล่าลักษณะตอนที่คุณแม่ถูกเข้าสิงว่า “คุณแม่มีอาการเสียงเปลี่ยนไป เป็นเหมือนกับเสียงของเด็ก และก็มีแรงเยอะผิดปกติ ขนาดผู้ชายจับ 4 คนจับยังไม่อยู่” เมื่อเล่าเรื่องหลอนกันพอสังเขป ทางรายการก็ให้ทีมงานเข้าไปในบ้าน เพื่อจับสลากเลือกจุดที่จะนอน เพื่อให้แต่ละคนได้จุดที่นอนแตกต่างกันไป ซึ่งคุณทับทิมก็ได้นอนด้วย เป็นจุดที่ต้องนอนในห้องของทีมงานที่เคยเจอกุมารทอง แต่สุดท้ายคุณทับทิมก็ไม่เจออะไร ทางด้านทีมงาน ก็มีทีมงานคนหนึ่งเขามีสัมผัสที่หก ได้ไปนอนอยู่หน้าห้องของทีมงานคุณต้น ซึ่งอยู่ตรงทางขึ้นลงบันได จุดนี้เป็นจุดที่เจอดีเยอะมาก อันแรกคือ จุดที่ทีมงานนอน ด้านบนจะมีหิ้งพระ ข้างหิ้งพระก็จะเป็นแจกันดอกบัว ทีมงานคนนี้ก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง จังหวะที่สายตามองขึ้นไปเห็นหิ้งพระ ดอกบัวที่อยู่ในแจกันขยับเอง ทั้งที่แจกันก็ยังตั้งอยู่นิ่ง ๆ ในขณะที่กำลังพักกล้อง อยู่ดี ๆ ทีมงานคนเดิมก็มีอาการแปลก ๆ ยืนเอาหลังพิงกำแพงแล้วก็ค่อย ๆ รูดตัวลงไปกับกำแพง พร้อมกับเอามือปิดหน้า คุณเอกที่ดูผ่านมอนิเตอร์ เห็นท่าทางอาการเริ่มไม่ค่อยดี จึงใช้วอไปถามทีมงานคนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทางทีมงานก็ตอบว่า “มีผู้ชายตัวเล็ก ๆ มานั่งชันเข่าอยู่ข้าง ๆ” จากนั้นทีมงานคนเดิมก็เห็น ผู้ชายตัวเล็กคนเดิม ไปนั่งห้อยขาลงมาจากตู้เสื้อผ้า คุณเอกก็ได้มีการวอถามซ้ำอีกว่า “ยังเห็นอยู่ไหม เขาไปหรือยัง” ทีมงานก็เงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วก็ตอบว่า “ยังอยู่ค่ะ” ต่อมามีเหตุการณ์ที่ทีมงานคนเดิมวิ่งลงบันไดพร้อมกับกรี๊ดเสียงดังมาก ทุกคนที่ยังนอนตามจุดต่าง ๆ ก็ตกใจ และกลัวว่าทีมงานคนนี้จะตกบันได ก็ได้มีการมารวมตัวกันที่กลางบ้าน ทีมงานคนนี้ก็เล่าให้ฟังว่า ‘จังหวะที่กำลังเดินลงบันใดมาข้างล่าง เขามองไปตรงชานพักบันไดกลางบ้าน ด้านซ้ายจะเป็นหน้าต่างระบายอากาศ เขาเห็นเป็นเหมือนผู้หญิง ผมยาว ๆ อยู่ข้างนอก เขาตกใจจึงวิ่งกรี๊ดลงมา’ ซึ่งทีมงานอีกคน ที่นอนอยู่บริเวณด้านล่าง เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงสาธิตให้ดูว่า ‘เห็นทีมงานคนนี้หันหน้าออกไปที่หน้าต่าง แล้วก็ตกใจกรี๊ดแล้วก็วิ่งลงมา’ หลังจากคลิปนี้ได้เผยแพร่ออกไป ก็มีคอมเมนต์จากแฟนคลับว่า นาทีที่ 25.53 เห็นเงาหน้าผู้หญิงที่หน้าต่าง ซึ่งจังหวะนั้นเป็นจังหวะที่ทีมงานคนที่เห็นเหตุการณ์กำลังสาธิตอยู่ พอทีมงานคนที่สาธิตเดินจากบันไดมาถึงข้างล่าง หน้าของผู้หญิงก็หันออกไปแล้วก็หายไปแล้ว(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณชิ ‘ห้องเตียงคู่’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ปิงปอง [ 4 มิ.ย. 2567]

10 มิ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณชิ ‘ห้องเตียงคู่’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ปิงปอง [ 4 มิ.ย. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณชิ’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (4 มิถุนายน 2567) เตรียมขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ห้องเตียงคู่’ จะชวนหลอนจนขนหัวลุกขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย ! เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณชิ’ (นามสมมติ) และภรรยา โดยคุณชิเริ่มเล่าว่า ย้อนกลับไปประมาณปลายปีที่แล้ว คืนหนึ่งภรรยาของคุณชิเกิดอาการปวดท้องหนักมาก คุณชิจึงบอกกับภรรยาว่า “ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหม ? มานอนทนปวดแบบนี้มันไม่ดีนะ” ซึ่งตอนแรกภรรยาก็รั้นไม่ยอมที่จะไป จนกระทั่งทนไม่ไหว คุณชิจึงพาไปโรงพยาบาล ขณะนั้นเป็นเวลา 4 ทุ่ม ซึ่งกว่าจะคุยกับหมอเสร็จ เวลาก็ผ่านไปจนเวลาเที่ยงคืนกว่า คุณหมอก็ได้ข้อสรุปว่า ‘ไส้ติ่งอักเสบ’ ต้องเข้าแอดมิดที่โรงพยาบาลทันที หลังจากนั้นฝ่ายทะเบียนก็เข้ามาบอกให้ภรรยาแอดมิดที่ห้อง 601 ระหว่างนั้นก็มีพยาบาลคนหนึ่ง เดินเข้ามาถามว่า “ให้คนไข้เข้าพักที่ห้องไหน” ฝ่ายทะเบนียนก็ตอบว่า “601 ไงค่ะ” พยาบาลก็เกิดอาการเลิ่กลั่กแปลก ๆ แล้วถามว่า “ทำไมให้คนไข้แอดมิดที่ห้องนั้นละ ?” ตอนนั้นคุณชิก็เกิดคำถามในใจแล้วว่า ‘ทำไมถึงนอนห้องนี้ไม่ได้ล่ะ ?’ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ฝ่ายทะเบียนก็ตอบว่า “มันเหลือห้องเดียวแล้ว ไม่มีอะไรหรอก” ก่อนที่จะหันหน้ามามองภรรยาของคุณชิ แล้วบอกว่า “พอดีว่า ห้องนี้มีคุณยายนอนอยู่คนเดียว แต่ไม่มีอะไรหรอกน้อง นอนได้สบาย คุณยายเขาแค่ ชอบนอนเปิดบทสวดฟัง ไม่มีอะไรหรอก” จากนั้น ช่วงเวลาประมาณตี 1 คุณชิและภรรยาก็ได้เข้าไปที่ห้อง 601 คุณชิเห็นว่าเตียงจะถูกจัดให้อยู่ทางด้านซ้าย ซึ่งเตียงแรกเป็นเตียงของคุณยาย และเตียงที่สอง เป็นเตียงของภรรยา และคุณชิยังสังเกตอาการป่วยของคุณยายอีกว่า คุณยายน่าจะอยู่ในอาการโคม่า อาการไม่สู้ดี และพร้อมที่จะไปแล้ว โดยมีเครื่องช่วยหายใจใส่ไว้ทางปาก และมีเสียงหายใจดัง ฮะ.. เฮือกก อยู่เสมอ.. จากนั้นคุณซิก็กลับบ้าน เพราะว่าไม่สามารถอยู่เฝ้าได้ หลังจากที่คุณชิเอาลูกเข้านอน ช่วงเวลาประมาณตี 2 ทางภรรยาก็โทรมา โดยใช้น้ำเสียงกระซิบบอกว่า “เธอ จู่ ๆ เพลงบทสวดก็ดังขึ้นมา เป็นบทสวดภาษาจีน” คุณชิจึงบอกว่า “ทางพยาบาลเข้ามาเปิดให้คุณยายฟังหรือเปล่า ?” ภรรยาของคุณซิตอบว่า “ไม่นะ ถ้าพยาบาลเข้ามา ก็ต้องได้ยินเสียงเปิดประตู” คุณชิได้แต่พูดปลอบใจว่า “มันไม่มีอะไรหรอก เธอคิดไปเอง เธออาจจะไม่ได้ฟังตอนพยาบาลเปิดประตูเข้ามา” หลังจากนั้น ภรรยาก็เหมือนจะสบายใจขึ้น ก่อนที่จะวางสายไป จนเช้าวันรุ่งขึ้น เวลา 9 โมง คุณชิก็ไปเยี่ยมภรรยา ถามว่าเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง ภรรยาก็เล่าว่าบทสวดดังทั้งคืน ไม่สามารถที่จะนอนหลับได้เลย และบทสวดก็เปิดยันเช้า เย็นวันนั้น พยาบาลก็เข้ามาบอกว่า “เดี๋ยวจะได้ย้ายห้องนะ” ภรรยาได้ยินก็รู้สึกสบายใจขึ้น จนเวลาก็ผ่านไปเกือบ 3 ทุ่ม ทางภรรยาของคุณซิ ก็ไม่ได้ย้ายห้องสักที คุณชิจึงไปถามกับพยาบาล พยาบาลก็บอกว่า “ไม่ได้ย้ายแล้วค่ะ พอดีว่าคนไข้แอดมิดเข้ามาใหม่ ทำให้ห้องเต็มเหมือนเดิม” หลังจากนั้นคุณชิก็กลับบ้าน เวลาประมาณ 5 ทุ่ม ทางภรรยาก็โทรมาบอกว่า “บทสวดดังอีกแล้ว แต่ครั้งนี้แปลกมาก เพราะหลังจากบทสวดจบ มีเสียงเรียกมาด้วย เรียกว่า หนู” ซึ่งทางภรรยาก็พยายามชะเง้อมองหาต้นทางของเสียงและเห็นว่า มีเงาคล้ายกับร่างคน สะท้อนม่าน ชะโงกมองมาทางตน ทางภรรยาของคุณชิก็พยายามหลบสายตาไม่มองไปทางนั้น และบอกว่า “เขาใส่หมวกไหมพรหมสีสีชมพู และพยายามเรียกอิหนู อิหนู… อิหนู ซ้ำอยู่นั่นแหละ” คุณชิพยายามปลอบใจว่า “ไม่มีอะไรหรอก คงมีใครมาเยี่ยมคุณยาย ในเวลานี้หรือเปล่า ?” แต่คุณชิก็รู้สึกว่า มันไม่ชอบมาพากล มีบางอย่างแปลก ๆ แต่ก็ไม่อยากให้ภรรยาคิดมาก จึงได้พูดแบบนั้นไป หลังจากนั้น ช่วงเวลาประมาณตี 2 ทางภรรยาก็โทรเข้ามาอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ บอกว่า “เธอ ไม่ไหวแล้วอ่ะ เปิดเสียงบทสวดอะ ไม่เท่าไหร่ แต่นี่เรียกทั้งคืนเลย มารับกลับได้ไหม อยากกลับบ้านมาก เค้าไม่โอเค ไม่ไหวแล้วจริง ๆ” คุณชิจึงได้แต่ปลอบไปว่า “เค้าไปรับเธอกลับไม่ได้ ถึงเค้าไปรับได้ เธอก็ไม่สามารถกลับกับเค้าได้ เพราะเธออยู่ในกระบวนการการรักษาของแพทย์ เธอต้องอดทนนะ พยายามหลับตานอน” คุณชิรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทำเพียงแค่ปลอบใจภรรยา ซึ่งคืนนั้นคุณชิก็ไม่ได้นอน เพราะทุกครึ่งชั่วโมงทางภรรยาก็จะโทรมา เพราะทุกครั้งเมื่อเพลงจบ ก็จะมีเสียงเรียกทุกครั้ง และช่วงเวลาประมาณตี 5 ทางภรรยาก็โทรเข้ามาเล่าว่า “เมื่อสักพักก่อนหน้านี้ เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ เพราะมีพยาบาล 3-4 คน ก็เข้ามามุงอยู่ที่เตียงของคุณยาย ก่อนที่จะใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วก็ออกกันไป ซึ่งตอนที่พยาบาลยังอยู่ เราก็ปวดเข้าห้องน้ำพอดี จึงได้เห็นว่า พยาบาลจัดคุณยายในท่านั่งพิงกับขอบเตียง ถอดเครื่องช่วยหายใจและสายน้ำเกลือ และใส่ชุดเสื้อผ้าใหม่ที่ไม่ใช่ของโรงพยาบาล พร้อมกับหมวกไหมพรมสีชมพู เราไม่น่ามองไปทางนั้นเลย” หลังจากนั้นภรรยาก็หลับไป.. เช้าวันถัดมาก็ถามพยาบาลว่า “คุณยายไปไหนหรอคะ ? เพราะตื่นมาก็ไม่เห็นแล้ว” พยาบาลก็ตอบว่า “อ๋อ คุณยายเสียตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วค่ะ” ซึ่งคุณชิก็รู้สึกว่า ‘ตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืน ภรรยาได้นอนกับศพตลอดทั้งคืนเลย เพราะเขาพึ่งเอาคุณยายออกไปตอนเช้า’ จึงถามว่า “ทำไมถึงพึ่งมาเอาคุณยายออกไปตอนเช้า” ทางพยาบาลก็ตอบว่า “พอดีว่าห้องดับจิตเต็ม จึงต้องให้คุณยายอยู่ที่นี่ไปก่อน” พอทางภรรยาของคุณชิรู้เช่นนั้นก็ช็อก เพราะต้องนอนต่อที่ห้องนี้อีกหนึ่งคืน แต่คืนต่อมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะมีคนไข้คนใหม่ เข้ามานอนแทนที่ของคุณยายคุณยายแล้ว..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากใหม่ รอเรน ’ร้องขอชีวิต‘ I อังคารคลุมโปง X ใหม่ รอเรน [ 18 มิ.ย. 2567]

22 มิ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากใหม่ รอเรน ’ร้องขอชีวิต‘ I อังคารคลุมโปง X ใหม่ รอเรน [ 18 มิ.ย. 2567]

‘คุณใหม่ รอเรน’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (18 มิถุนายน 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ร้องขอชีวิต’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! คุณใหม่เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของน้อง ‘เลิ่กลั่ก’ ดาว TikTok ที่เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นคลิปของน้องมาไม่มากก็น้อย คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าน้องมีเอเนอร์จี้เหลือล้น ตลก และสนุก แต่เรื่องราวที่น้องเจอมานั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวด เป็นเรื่องราวในวัยเด็กที่โหดร้ายมากเสียจนแทบจะเป็นหนังฆาตกรรมได้ แต่เลิกลั่กก็สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ร่าเริงได้ขนาดนี้ คุณใหม่ถึงกับเอ่ยปากชมไม่หยุด เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่พี่ชายของน้องเลิ่กลั่กเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ขณะนั้น เลิ่กลั่กเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทั้งคู่อาศัยอยู่กับครอบครัวที่ภาคใต้ ซึ่งจะเป็นครอบครัวที่เป็นหมอคุณไสย์ มนตร์ดำ มีอยู่วันหนึ่ง คุณไสย์บอกว่าให้ลงไปงมในบ่อที่เป็นบ่อน้ำเหมือนทะเลสาบ บอกว่าใต้น้ำนั้นมีไม้ตะเคียนใหญ่ 2 ต้น และสั่งให้พ่อเอาขึ้นมา เพื่อเอามาทำเป็นเสาบ้าน คุณพ่อจึงลองงมตามที่บอกและปรากฎว่าเจอจริง ๆ จากนั้นก็นำกลับมาไว้ที่บ้าน ซึ่งน้องเลิ่กลั่กก็จะตกใจทุกครั้งที่กลับบ้านแล้วเจอไม้ใหญ่ หลังจากนั้น ก็เริ่มมีเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้น อันดับแรก วันแรกที่เอาไม้ตะเคียนมาพ่อก็หนีออกจากบ้าน แล้วไปนอนบนภูเขา ตอนเช้าค่อยกลับมาบ้าน รอบแรกไปแค่วันเดียว แต่ไป ๆ มา ๆ ก็เริ่มเพิ่มเป็น 2 วัน บางทีเป็นอาทิตย์ ตอนที่ลงจากเขาก็ถามว่า “ไปไหนมา” พ่อก็บอก “ไปนอนบนภูเขา” ซึ่งมันแปลกมาก ทุกคนในบ้านก็งง และพ่อเริ่มมีอาการเปลี่ยนไป จู่ ๆ ก็หยิบปืนลูกซองขึ้นมาเล็งคนในบ้าน และพูดว่า “กูจะเอาชีวิตทุกคนในครอบครัว” ตอนนั้น เลิกลั่กพึ่งจะอายุ 12 ยังเด็กมาก ต้องไปหลบใต้ต้นพลูกับพี่ชายเพื่อหลบปืนจากพ่อ มีบางวัน พ่อก็ลุกขึ้นมาต่อยกระจกบ้านรอบบ้านจนแตก และมือก็เป็นแผลเลือดออกเต็มไปหมด หลังจากนั้นพ่อก็เอามือที่เต็มไปด้วยเลือดป้ายตามบ้านเต็มไปหมด ซึ่งทุกวันนี้รอยเลือดนั้นก็ยังอยู่ ในตอนกลางคืนที่น้องนอนก็มักจะได้ยินเสียงพ่อใช้เคียวกรีดยางขูดกับอะไรบางอย่างเหมือนในหนังฆาตกรรม เลิกลั่กจึงบอกกับแม่ว่าไม่ไหวแล้ว และในทุก ๆ วันแม่ก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปกรีดยาง ทุกครั้งที่ไปกรีดยางจะเห็นพ่อยืนอยู่ไกล ๆ เหมือนแอบส่องมาจากไกล ๆ แม่เดินไปทางไหนพ่อก็จะมองตาม พ่อเริ่มอาการหนักมาก จึงไปปรึกษาพระแถวบ้าน พระท่านบอกให้เอาต้นตะเคียนออกจากบ้านไป และนำมาไว้ที่วัดแล้วพรมน้ำมนต์ หลังจากทำตามที่พระบอก พ่อก็หายตัวไปเป็นระยะเวลา 10 ปี เลิกลั่กพึ่งจะมาได้ข่าวพ่อเมื่อ 2 ปีที่แล้วจากแม่ว่าเจอพ่อแล้ว แต่พ่อไม่มีสติแล้ว..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1