ไรเดอร์หนุ่มรับออเดอร์ส่งพัสดุ เจอป้อมใหญ่จึงขออนุญาตผ่านทาง แต่ทหารประจำป้อมไม่ตอบ จึงคิดว่าเข้าไปได้ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงกระแอม เมื่อหยุดรถก็พบว่าข้างหน้าเป็นหน้าผา! พอหันกลับมาก็เจอผู้หญิงกวักมือเรียก! จะหนีก็ดันสตาร์ทรถไม่ติด!

อังคารคลุมโปง RECAP

ไรเดอร์หนุ่มรับออเดอร์ส่งพัสดุ เจอป้อมใหญ่จึงขออนุญาตผ่านทาง แต่ทหารประจำป้อมไม่ตอบ จึงคิดว่าเข้าไปได้ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงกระแอม เมื่อหยุดรถก็พบว่าข้างหน้าเป็นหน้าผา! พอหันกลับมาก็เจอผู้หญิงกวักมือเรียก! จะหนีก็ดันสตาร์ทรถไม่ติด!

21 เม.ย. 2023

     “ไรเดอร์” เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เสี่ยงต่อการพบเจอเหตุการณ์แปลก ๆ เพราะต้องไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แถมอาจจะยังได้เจอกับสิ่งลี้ลับที่หลอนจนลืมไม่ลง ดังเช่นกับเรื่องราวในรายการ “อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio” ที่ผ่านมา (28 มีนาคม 2566) ทั้ง ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเคเบิ้ล’ ต่างก็ขนลุกไปตาม ๆ กัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปตามอ่านกันได้เลย!

     พี่แจ็คเล่าว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจาก ‘คุณเอิร์ธ’ หนุ่มไรเดอร์ที่วิ่งอยู่ในพัทยา วันหนึ่งช่วงพลบค่ำ เขาตัดสินใจว่าจะกลับบ้านไปพักผ่อน เนื่องจากยอดออเดอร์วันนี้ไม่ได้ตามที่หวังไว้ แต่ขณะที่กำลังจะกลับนั้น ดันมีออเดอร์ใหม่เข้ามา เป็นออเดอร์ส่งพัสดุไม่ใช่อาหาร และจะได้รับค่าส่งสูงถึง 369 บาท ยอดนี้ทำให้คุณเอิร์ธถึงกับตาลุกวาว จึงเปิดดูระยะทางที่ต้องไปส่งของ ก็พบว่าระยะทางไปกลับรวมกว่า 80 กิโลเมตร แถมช่วงเวลาตอนนั้นก็เริ่มดึก รถจึงไม่ติด คุณเอิร์ธมองว่ายังไงก็คุ้ม จึงตัดสินใจกดรับออเดอร์ และออกไปรับพัสดุทันที ซึ่งซองพัสดุนี้คาดว่าจะเป็นเอกสารราชการ (เนื่องจากมีเครื่องหมายตราครุฑ) และต้องนำไปส่งสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง

     เมื่อรับพัสดุเสร็จ ขณะที่กำลังขับรถออกมานั้น ลูกค้าเจ้าของออเดอร์ก็เดินมาที่หน้ารถและถามว่า “ไฟสูงรถพี่ใช้ได้ไหม” เขาจึงตอบไปว่า “ก็ใช้ได้ปกตินะครับ ทำไมหรอครับ” ลูกค้าก็ตอบกลับมาว่า “อ๋อ ผมเป็นห่วง เพราะถนนที่จะไปมันค่อนข้างมืดนิดหน่อย เลยมาถามก่อนว่าไฟสูงพี่ใช้ได้หรือเปล่า” คุณเอิร์ธจึงถามต่อว่า “แล้วหมุดปลายทางที่ปักให้ถูกต้องมั้ยครับ?” ลูกค้าก็ตอบว่าถูกต้อง เมื่อคุยกันเสร็จสรรพ คุณเอิร์ธก็ขับรถออกไปตามสถานที่ที่ลูกค้าบอกไว้

     สถานที่ที่ลูกค้าหมุดไว้ มีลักษณะเป็นเหมือนค่ายทหาร คุณเอิร์ธจึงขับรถเข้าไปและได้เจอกับป้อมเก่าขนาดใหญ่ คุณเอิร์ธจึงจอดรถตรงป้อมเพื่อขออนุญาตผ่านทาง เมื่อมองเข้าไปภายในป้อมก็สังเกตเห็นว่า ภายในป้อมนั้นมีอุปกรณ์หรือเฟอร์นิเจอร์ค่อนข้างครบครัน เช่น กระจก โต๊ะ เก้าอี้ และมีทหารคนหนึ่งที่แต่งตัวเต็มยศนั่งเก้าอี้อยู่ แต่เขากลับมีท่าท่างแปลก ๆ เพราะนั่งแข็งทื่อ ส่วนหน้าก็มองตรงไปข้างหน้า ไม่หันมามองยังถนนที่คุณเอิร์ธจอดรถอยู่เลย คุณเอิร์ธจึงถามว่า “พี่ครับ ผมเข้าไปได้มั้ยครับ?” แต่ทหารคนนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดของคุณเอิร์ธเลย คุณเอิร์ธคิดว่าเขาอาจจะไม่ได้ยิน จึงบีบแตรรถไปหนึ่งครั้ง รอบนี้ทหารคนนั้นก็ยังไม่หันมามอง แต่กลอกตามาดูในขณะที่นั่งทื่อหน้าตรงอยู่อย่างนั้น แถมยังไม่พูดอะไร คุณเอิร์ธจึงทำท่าทางใบ้ประมาณว่ามีของมาส่ง ขอเข้าไปข้างในได้มั้ย ทหารคนนี้เห็นท่าทีดังนั้น ก็กลอกตากลับไปมองตรงเหมือนเดิม คุณเอิร์ธจึงคิดว่า ”เข้าไปได้แหละ ถ้าไม่ได้ เขาคงห้ามแล้ว” 

     คุณเอิร์ธจึงขับรถผ่านป้อมตรงเข้าไปประมาณ 100 เมตร โดยระหว่างทางก็มีไฟจากถนนส่องตลอดทาง จนไปถึงทาง 3 แยก ทางซ้ายมือจะไปยังอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ส่วนทางขวาจะเป็นทางขึ้นเนิน และ GPS ก็บอกให้เลี้ยวขวา คุณเอิร์ธก็เลี้ยวไปตามทาง ซึ่งทางขึ้นเนินค่อนข้างชัน และเส้นทางก็เริ่มขรุขระ แถมบรรยากาศก็ยิ่งมืดลงเรื่อย ๆ จนเจอป้ายที่เขียนว่า “กำลังก่อสร้างห้ามเข้า” แต่หมุดปลายทางให้ตรงไปทางนี้ คุณเอิร์ธคิดว่าลูกค้าน่าจะอยู่ข้างใน จึงขับตรงเข้าไปอีก คุณเอิร์ธยังบอกอีกว่า คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด มองไม่เห็นข้างทางและต้นไม้ใด ๆ เลย มีเพียงแค่ไฟสูงและไฟท้ายของรถตัวเองเท่านั้น แต่ระหว่างนั้นคุณเอิร์ธก็เกิดอาการหูแว่ว ได้ยินเสียงหัวเราะ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของผู้หญิงหรือผู้ชาย คุณเอิร์ธพยายามไม่คิดมากจึงขับต่อมาอีกสักพัก จากนั้นก็จอดรถและกดโทร.หาลูกค้าว่า “ผมมาถึงตรงนี้แล้ว ผมมาถูกทางใช่มั้ยครับจะได้ตรงไปต่อ” ลูกค้าคนนั้นตอบมาว่า “อืม” แค่คำเดียว ทำให้คุณเอิร์ธเริ่มโมโห จึงบอกปลายสายไปอีกว่า “พี่ ผมมาส่งของ ผมมาทำงานนะ พี่อย่าแกล้งผมดิ” ปลายสายก็ยังคงตอบมาเพียง “อื้ม!” แล้วกดวางสายไปเลย! คุณเอิร์ธโมโหยิ่งกว่าเดิม จึงเปิดโทรศัพท์ไปที่แอปไรเดอร์ และส่งแชทไปว่า “พี่ครับช่วยแอดไลน์และส่งโลเคชั่นที่แม่นยำกว่านี้มาให้หน่อยครับ” แต่พอกดส่งมันก็ส่งไม่ไป และก็เห็นว่าสัญญาณโทรศัพท์แสดงรูปสัญลักษณ์กากบาท นั่นหมายความว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ตั้งแต่แรก! แล้วเมื่อกี้.. เขาโทรติดได้ยังไงและโทรคุยกับใคร? เพราะยังไม่ได้ขยับไปไหน คุณเอิร์ธพูดกับตัวเองว่า “เอาไงดีวะ” แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจขับต่อไปเพราะหมุดปลายทางอยู่อีกไม่ไกลแล้ว..

     คุณเอิร์ธขับรถต่อมาอีกสักพัก ครั้งนี้เขาได้ยินเสียงกระแอมแว่วเข้ามาในหู เป็นเสียงของผู้ชายชัดเจน! ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นเจอแบบนี้ก็คงไม่จอด แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้คุณเอิร์ธเหยียบเบรกจอดทันที! และสังเกตรอบ ๆ ว่าเสียงมาจากไหน แต่มองยังไงก็ไม่มีอะไรผิดปกติ สถานการณ์ตอนนั้นทำให้คุณเอิร์ธเริ่มเครียดจึงนำบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ และก็นึกขึ้นได้ว่าทางบ้านมีความเชื่อว่าเอาบุหรี่หรือพวกยาเส้นยาสูบเซ่นไหว้ให้ภูติผีแล้วจะดี จึงเอาบุหรี่อีกมวนจุดวางไว้ให้ในบริเวณนั้น แต่พอคุณเอิร์ธหันไปมองอีกทีกลับเห็นว่าไฟของบุหรี่ที่พึ่งวางมันวาบขึ้นมาเหมือนมีคนกำลังสูบและใกล้จะหมด! ซึ่งตอนนั้นคุณเอิร์ธมั่นใจว่าไม่มีลมพัดอย่างแน่นอน จึงนำโทรศัพท์เปิดไฟฉายขึ้นมาและลองเดินไปข้างหน้าอีกประมาณ 20 เมตร ก็เจอว่าถ้าตรงไปทางนั้นอีกนิดเดียวจะเป็นหน้าผาที่ชันมาก เป็นทางยาวไหลลงไปค่อนข้างลึก คุณเอิร์ธกลับมาคิดกับตัวเองว่า ถ้าขับต่อไปอีกนิดคงศพไม่สวยแน่เพราะเบรกยังไงก็คงไม่อยู่ และคิดว่า หรือเสียงกระแอมนั้นมาเตือนให้ตัวเขาหยุดรถหรือเปล่า..?

     เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงหันหลังเดินกลับมาที่รถ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้ใจเขาตกไปถึงตาตุ่ม! เพราะภาพที่เห็นตรงหน้าคือผู้หญิงที่แต่งตัวมอมแมม ผมยาว มีผมหน้าม้าปิดทั้งส่วนของใบหน้าเหลือให้เห็นเพียงแค่ปาก และกำลังเดินออกมาจากป่าข้างทาง แต่ไม่ได้เดินออกมาธรรมดาเพราะเธอเดินแฉลบเฉียงข้างออกมาเป็นลักษณะเหมือนปูไปยังรถมอเตอร์ไซค์!! ความคิดในหัวคุณเอิร์ธตีกันว่าจะวิ่งหนีจากผู้หญิงคนนี้ หรือ จะถามทางเธอดี แต่ความคิดนั้นยังไม่ทันได้ข้อสรุป ปากคุณเอิร์ธกลับลั่นถามไปเองว่า “ผมหลงทาง ผมมาถูกทางใช่มั้ย” แทนที่ผู้หญิงคนนี้จะตอบ เธอกลับยกแขนซ้ายขึ้นมาตรง ๆ และกวักมือแบบเร็ว ๆ พร้อมกับผงกหัวเร็ว ๆ ตามแรงกวักมือ! คุณเอิร์ธบอกว่ามันเร็วมาก (แม้ว่าหลังเกิดเหตุคุณเอิร์ธจะลองกลับมาทำตามที่บ้าน ก็ทำไม่ได้) ทำให้ตอนนั้นสติและจิตหลุดพร้อมกันเลยก็ว่าได้ คุณเอิร์ธไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี จึงตัดสินใจวิ่งหนีเลยผู้หญิงคนนั้นไป แต่นึกขึ้นมาได้ว่าลืมมอเตอร์ไซค์และโทรศัพท์ไว้ แถมทางที่เข้ามาก็ไกลมาก จึงวิ่งกลับไปยังที่เดิม และพอไปถึงผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว! จึงมองซ้ายมองขวาก่อนจะควบเบาะนั่งและสตาร์ทรถ แต่รถก็ดันสตาร์ทไม่ติด! แต่ไม่ใช่เพราะสิ่งลี้ลับเป็นเพราะแบตของรถมอเตอร์ไซค์ใกล้จะหมด จึงเอาตัวดันมอเตอร์ไซค์ไถไปเรื่อย ๆ  ซึ่งระหว่างนั้น ผู้หญิงคนเดิมก็เดินแฉลบข้างโผล่มาอีกตามต้นไม้ข้างทาง!! คุณเอิร์ธบอกว่าเห็นชัดมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นคืนเดือนมืด จนจังหวะใกล้ลงเนินจึงลองสตาร์ทรถอีกครั้ง เมื่อเครื่องติดก็ขับออกมา ซึ่งก็ได้ยินเสียงผู้ชายไล่ตามหลังมาพูดประมาณว่า “ไปเลย อย่าหันกลับมา!” 

     หลังจากออกห่างจากสถานที่ตรงนั้นได้จนมาถึงยังป้อมทางเข้า ปรากฏว่าป้อมนั้นกลายเป็นป้อมร้างที่ปิดใช้งาน เพราะล็อกกุญแจไว้ แถมไม่มีเฟอร์นิเจอร์เหมือนที่เห็นในตอนแรกเลย! พอออกมานอกป้อม คุณเอิร์ธก็เห็นว่าสัญญาณโทรศัพท์กลับมาแล้วจึงโทรไปโวยวายกับลูกค้าว่าโดนผีหลอกไม่กล้ากลับเข้าไปส่งให้แล้ว และจะวางพัสดุไว้ที่นี่ให้ลูกค้ามาเอาพัสดุเอง เงินก็ไม่เอาแล้ว ลูกค้าจึงตอบกลับมาว่า “พี่ใจเย็น ๆ ก่อน ผมดูในแอปและเห็นตำแหน่งพี่อยู่ พี่อยู่ห่างจากจุดที่ผมปักหมุดให้ เลยไป 12 กิโล!” คุณเอิร์ธได้ยินดังนั้นถึงกับตะลึง เพราะเส้นทางที่ปักหมุดมามันไม่น่าเพี้ยนถึงขนาดนั้น ด้วยความที่กลัวมาก จึงถอดใจทิ้งเอกสารไว้ตรงนั้นและกลับบ้านทันที!

     เมื่อกลับถึงบ้านคุณเอิร์ธก็ไข้ขึ้นและนอนป่วยอยู่ 3 วัน กระทั่งหายดี จึงไปพูดคุยกับเพื่อน ๆ ว่าจุดที่เคยไปมันมีจริงหรือไม่ พร้อมกับเปิดไล่เส้นทางนั้นในแอปให้ดู เพื่อนก็บอกว่า “ป้อมนั้นมันร้างมานานแล้วนะ แถมเนินที่ขึ้นไปจอดรถ ตรงนี้มันก็คือสุสานฮวงซุ้ย” เมื่อคุณเอิร์ธเรียบเรียงความคิดทั้งหมดได้จึงคิดว่าตัวเองโดนพามาหลอกแน่ ๆ และที่ได้ยินเสียงผู้ชายปริศนาคนนั้นช่วยไว้ถึง 2 ครั้ง คงเพราะตัวเองได้เซ่นไหว้บุหรี่ให้นั่นเอง

     เมื่อคุณแจ็คเล่าเรื่องคุณเอิร์ธจบ ก็ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า อาชีพไรเดอร์มักเจอประสบการณ์หลอนที่หนักและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากต้องไปยังที่แปลก ๆ ซึ่งอาจจะไม่คุ้นเคย ทำให้เสี่ยงเจอเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกแบบนี้ได้ตลอด ดังนั้นควรเช็คและสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางและสถานที่ของลูกค้าให้ชัดเจนก่อนทุกครั้ง

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากเต๋อ ฉันทวิชช์ 'มือบอน' I อังคารคลุมโปง X เต๋อ ฉันทวิชช์ - เสือ พิชย [ 3 ธ.ค. 2567 ]

14 ธ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากเต๋อ ฉันทวิชช์ 'มือบอน' I อังคารคลุมโปง X เต๋อ ฉันทวิชช์ - เสือ พิชย [ 3 ธ.ค. 2567 ]

‘เต๋อ ฉันทวิชช์’ นำเรื่อง ‘มือบอน’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (3 ธันวาคม 2567) ฟังกัน มาดูกันว่า ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโจเซฟ’ ฟังแล้วจะรู้สึกอย่างไร เรื่องราวจะหลอนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย!! ‘เต๋อ ฉันทวิชช์’ ได้เล่าว่า ตนนั้นมีโอกาสไปที่จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ ไปกับน้องที่คอยดูแลที่ชื่อ ‘แนน’ ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่พักจะเป็นห้อง 2 ห้อง บรรยากาศภายในโรงแรมรู้สึกได้ถึงความหลอน ความวังเวง จากการตกแต่งที่ทำให้รู้สึกว่าต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน เมื่อเข้าห้องพักไป ก็จะเป็นห้องพักแบบ Connecting Room คุณเต๋อได้ไปนั่งเล่นอยู่ในห้องของคุณแนน จนถึงดึก แล้วคุณแนนก็ได้บอกกับคุณเต๋อว่า “จะมีเพื่อนมาหา เดี๋ยวแนนจะออกไปหาเพื่อนหน่อย” จากนั้นคุณแนนก็ออกไปหาเพื่อนตามที่บอกไว้ ส่วนคุณเต๋อนั้นกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง หลังจากกลับมาที่ห้องได้สักพักใหญ่ ตอนนั้นก็เป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว คุณเต๋อได้ยินเสียงว่าเหมือนกับว่าคุณแนนจะกลับมาถึงห้อง คุณเต๋อเป็นคนที่ชอบแกล้งคนและคุณแนนเป็นคนที่กลัวผีมาก คุณเต๋อจึงคิดแผนการแกล้งคุณแนน โดยที่คุณเต๋อจะแอบซ่อนตัวอยู่ตรงประตูเพื่อที่จะรอให้คุณแนนเดินผ่านแล้วตกใจ คุณเต๋อนั่งตรงบริเวณประตู รอให้คุณแนนเปิดประตูเข้าห้องมา ผ่านไป 10 นาที คุณเต๋อเอะใจขึ้นมาว่า ‘ทำไมแนนไม่เดินผ่านมาสักที’ คุณเต๋อจึงค่อย ๆ ชะเง้อหน้าออกไปดู ปรากฏว่าประตูทุกอย่างปิดหมด! ไม่มีคนอยู่ในห้อง! ยังไม่มีใครกลับมาที่ห้อง! แต่เสียงก่อนหน้านี้ที่ได้ยินก็มั่นใจชัดเจน มีคนเปิดประตูเข้าห้องมาอย่างแน่นอน คิดในใจว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี จึงถอยกลับเข้าห้องตัวเองและปิดประตูที่เชื่อมต่อระหว่างห้อง แล้วพยายามข่มตานอนหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้น คุณเต๋อตั้งใจที่จะเล่าเรื่องนี้ให้คุณแนนฟัง จึงเปิดประตูเชื่อมข้ามไปที่ห้องของคุณแนน ทั้งสองคุยกันจนเข้าประเด็น ขณะนั้นก็กำลังจะเปิดโทรทัศน์ในห้องของคุณแนนเพื่อดู แต่ก็สังเกตเห็นใบกระดาษที่บอกช่องของโทรทัศน์ คุณเต๋อเห็นเหมือนมีคนเอาปากกามาขีดเขียนเต็มกระดาษทั้งแผน จนกระดาษบางจุดขาด คล้าย ๆ คนโมโหมาขีดเขียนเพื่อระบายอารมณ์ ซึ่งคุณเต๋อจำได้ว่าเมื่อคืนยังไม่มีสิ่งนี้เกิดขึ้น ทำให้คุณเต๋อรู้สึกว่าโดนหลอกแล้วแน่นอน จนถึงทุกวันนี้ คุณเต๋อก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เจอในตอนนั้นคืออะไร แต่รู้ว่า เขามือบอน!!!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณดิว 'หลังเที่ยงคืน' I อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ 10 ก.ย. 2567]

15 ก.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณดิว 'หลังเที่ยงคืน' I อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ 10 ก.ย. 2567]

เรื่องราวนี้ ’คุณดิว’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (10 กันยายน 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเคเบิ้ล’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘หลังเที่ยงคืน’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! โดยคุณดิวเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 4 ปีที่แล้ว ตอนนั้นตนจัดทริปกับเพื่อนไปเที่ยวทะเลด้วยกัน โดยทำการจองโรงแรมผ่านแอพฯ เลือกที่อยู่ใกล้กับร้านอาหารที่ทานเป็นประจำ โดยมีข้อแม้ว่า ให้มีสระน้ำใหญ่ เพราะไปกันทั้งหมด 7 คน รวมทั้งหมด 3 ห้อง ห้องแรก ‘ห้อง A’ อยู่กัน 3 คน เป็นห้อง Family Type ห้องที่สอง ‘ห้อง B’ สำหรับแฟนที่อยู่กัน 2 คน และห้องสุดท้าย ‘ห้อง C’ สำหรับตนเองอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ห้องทั้งหมดจองได้ชั้น 4 ของโรงแรม ซึ่งเป็นชั้นของสระว่ายน้ำพอดี พอไปถึงโรงแรมก็ทำการเช็คอิน และขึ้นห้องตามปกติ โรงแรมสวยตามรูป ตรงตามปก ไม่มีอะไรผิดสังเกตุ แต่สิ่งที่ผิดปกติมันเกิดขึ้นตอนหลังเที่ยงคืน.. พอหลังเที่ยงคืน ในห้อง A มีเพื่อนคนหนึ่งให้นามสมมติว่า ‘กุ้ง’ สะดุ้งตื่นขึ้นมา กุ้งบอกว่า แอร์ในห้องมีการถูกปิดและเปิดใหม่ ซึ่งตอนนั้นทุกคนหลับกันหมดเเล้ว กุ้งจึงพยายามจะนอนต่อ โดยลักษณะของห้อง A จะมีห้องนั่งเล่นก่อน แล้วเป็นห้องนอน แต่ในคืนนั้น กุ้งได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ทำให้นอนไม่หลับ จึงต้องออกมาเปิดไฟนั่งอยู่ข้างนอก เหตุการณ์ต่อไปเกิดในห้อง C ห้องนี้มีคุณดิวและเพื่อนที่เป็นผู้หญิงให้นามสมมติว่า ‘เนย’ ลักษณะห้องคือ พอเปิดประตูเข้าไปขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า ซ้ายมือจะเป็นห้องที่เป็นกระจกใสเห็นข้างในห้องน้ำได้ ซึ่งจะติดอยู่กับเตียงนอน มีม่านกั้นแต่ก็ยังมองเห็นหากมีอะไรในห้องน้ำ พอหลังจากเวลาเที่ยงคืน เนยก็เข้าไปอาบน้ำ ส่วนดิวนั่งอยู่ที่เตียงร้องเพลงเล่นอยู่ ระหว่างนั้นก็เห็นเงาที่ลักษณะเป็นเหมือนกับผู้ชาย ไม่มีผม ดูซูบผอม สูงเกือบถึงเพดาน หลังค่อม แขนและขายาวผิดรูปมนุษย์ เหมือนเขากำลังก้าวเดินอยู่ในห้องน้ำ และมาที่อ่างอาบน้ำที่ติดอยู่กับเตียงของตน! ดิวจึงตะโกนเรียกเนยว่า “อาบน้ำแล้วหรอ?!” เพื่อนตอบกลับมาว่า “ยัง เรานั่งส้วมอยู่” จริง ๆ ดิวก็รู้เเล้วนั่นว่าไม่ใช่เนย แต่ที่ถามก็เพราะว่าไม่อยากคิดมาก หลังจากนั้น ก็ยังไม่ได้พูดอะไร รอจนเนยออกมาจากห้องน้ำ แล้วดิวก็ไปอาบน้ำต่อ พออาบเสร็จ ก็กลับมานั่งฟังเพลงที่ตนบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ จำได้ว่าร้องเพลงปกติ เริ่มต้นเพลงก็เป็นเสียงของตน แต่พอผ่านไปไม่กี่วินาที ก็เป็นเสียงซ่า แล้วก็เสียงวี๊ด จนจบเพลง ตอนนั้นก็ส่งบันทึกเสียงนี้ให้เพื่อนในแอพฟัง เพื่อนก็บอกว่า “มันแปลก ๆ แล้วนะแบบนี้” ซึ่งที่ผ่านมา ดิวก็เล่นแอพนี้มาตลอด แต่ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ดิวก็ทำเป็นไม่สนใจ แล้วก็ปิดไฟนอน พอช่วงเวลาประมาณตี 2 ทั้ง ๆ ที่หลับไปแล้วแต่ก็ได้ยินเสียงตู้เสื้อผ้าเปิดออกดัง แอ๊ดดด แล้วก็ ปึ้ง! ดิวตื่นแล้วก็นอนฟัง เสียงนั้นก็เงียบ สักพักมันดังขึ้นมาอีกรอบ ครั้งนี้ดิวลุกขึ้นมาชะโงกดู ก็ไม่เจออะไร ตู้ก็ปิดสนิท จึงนอนเล่น ไม่นานเนยก็ลุกขึ้นมา แล้วชะโงกหน้าตาม พอเนยนอนลงมา เนยก็พูดว่า “ได้ยินเหมือนกันใช่ไหม” พอพูดจบ เสียงก็ดังอีกครั้ง แอ๊ดดด ปึ้ง! ทั้งคู่จับมือกัน แล้วลุกขึ้นมาดูอีกครั้ง ก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิม พอลงมานอนอีกรอบ มันกลับดังมากกว่าเดิม! เป็นเสียงปิดประตูตู้เสื้อผ้า 3 รอบ ปึ้ง! ปึ้ง! ปึ้ง! เหมือนคนปิดประตูห้อง จึงโทรหาเพื่อนที่อยู่ห้อง A ว่าจะขอไปหา ตอนนั้นเป็นช่วงประมาณเกือบตี 4 ทั้งโรงแรมเงียบมาก ทั้งหมดอยู่กันจนถึงประมาณ 6 โมง และก็โทรหาเพื่อนห้อง B ให้นามสมมติว่า ‘หยาด’ ซึ่งหยาดก็บอกว่า “อยู่ที่ล็อบบี้แล้ว” ดิวก็รู้สึกแปลกใจ เพราะมันเช้าเกินไป หยาดจึงเล่าให้ฟังว่า.. ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปเช็คอิน ทุกคนรวมถึงแฟนของหยาดก็นั่งรออยู่ที่สระว่ายน้ำ แต่หยาดอยากขึ้นไปเปลี่ยนชุด แม้โรงแรมจะมีหลายห้องแต่มีลิฟต์แค่ตัวเดียวกลางโรงแรม หยาดก็เข้าลิฟต์ พอขึ้นไปได้ 2 ชั้น ไฟก็ดับ แล้วลิฟต์ก็หล่นลงมา ค่อย ๆ เลื่อนลงมาที่ชั้น 1 ใหม่ หยาดพยายามกดปุ่มเรียกพนักงาน เเต่ประตูเปิดออกพอดี จึงเดินออกมา แล้วก็ลิฟต์ขึ้นไป แต่ประตูไม่เปิดแล้ว หยาดจึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไป และเล่าให้แฟนฟัง หลังจากนั้น พอขึ้นไปที่ห้อง คือลักษณะห้อง B จะเหมือนกับห้อง C แต่ของหยาดเป็นเตียงคู่ ตอนที่เปิดประตูเข้าไปก็ได้กลิ่นอับ ทั้งที่ห้องดูใหม่ หยาดและแฟนก็อยากย้ายห้อง แต่เกรงใจอีก 2 ห้องที่มาด้วยกันจึงไม่ได้ย้าย เมื่อถึงเวลานอน หยาดนอนเตียงติดห้องน้ำ ส่วนแฟนนอนเตียงที่ติดกับหน้าต่าง พอหลังเที่ยงคืน หยาดได้ยินเสียงน้ำที่อ่างล้างมือหยด ติ้ง ติ้ง ติ้ง สักพักมันหยดเร็วขึ้น หยาดจึงเรียกแฟนประมาณ 2-3 ครั้ง แฟน : “มีอะไร” หยาด : “หนูเหมือนได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ” แฟน : “มันก็เป็นไปได้ที่จะได้ยิน ไม่แปลกอะไร” พอพูดจบ เสียงนั้นก็กลายเป็นเสียงคนเปิดน้ำในห้องน้ำเหมือนคนเปิดน้ำเพื่อล้างมือแล้วก็ปิด! หยาดจึงย้ายไปนอนเบียดอยู่ที่เตียงของแฟน แฟนก็พยายามปลอบแล้วก็หลับไป ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ อยู่ ๆ หยาดก็ตื่นมาเพราะรู้สึกร้อน ปรากฎว่าไฟดับ แอร์ดับ หยาดหันไปมองที่เตียงที่เคยนอน ตอนนั้นทุกอย่างมืดหมด แต่ภาพที่เห็นมันชัดมาก ๆ คือเป็นผู้หญิงนอนอยู่ที่เตียงนอนตะแคงข้างหันมา พร้อมกับเอามือสางผมจากข้างหลัง แล้วพาดผมมาด้านหน้า แล้วค่อย ๆ ฉีกยิ้มเรื่อย ๆ ให้ ตัวของผู้หญิงคนนี้ซีด เหมือนศพจมน้ำ แต่ไม่ได้บวม ไม่ได้เละ จากนั้นหยาดก็กรี๊ดดังลั่นห้อง แล้วบอกแฟนว่า ”หนูว่าหนูโดนผีหลอกแล้ว ลงไปที่ล็อบบี้กันเถอะ” พอทั้งคู่ลงไปนั่ง ก็เห็นว่าเป็นเวลา ตี 3 เกือบตี 4 แล้ว เมื่อลงไปเช็คเอาท์ก็ถามพนักงานว่าในวันที่พวกเราเข้ามาพักนี้ มีคนเข้ามาพักกี่ห้อง แต่ก็ได้ความว่ามีแค่ 3 ห้อง ของพวกเราเท่านั้น ซึ่งแปลกมาก ๆ เพราะตอนที่เข้ามา ได้ยินเสียงแต่ละห้องเหมือนมีคนเข้าพักอยู่ แต่จริง ๆ กลับไม่มีใครเลย ดิวจึงถามไปตรง ๆ ว่า ”โรงแรมนี้มีผีมั้ย“ พนักงานก็อึ้งไปสักพัก แล้วก็บอกแค่ว่า “ไม่มีค่ะ“ แต่พอรู้ได้จากท่าทีของพนักงาน แล้วตนก็ถามต่อว่า ”เมื่อคืนนี้ที่โรงแรมไฟดับใช่มั้ย“ พนักงานบอกว่า ”โรงแรมไม่เคยฟังดับนะคะ เมื่อคืนก็ปกติดี“ ทั้ง ๆ ที่ห้องของเพื่อนทั้ง 2 ห้องไฟดับ..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากต้นกล้า ‘เเฟนเช่า’ l อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [ 14 ต.ค.2568 ]

23 ต.ค. 2025

เรื่องเล่าจากต้นกล้า ‘เเฟนเช่า’ l อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [ 14 ต.ค.2568 ]

นักศึกษาสาวญี่ปุ่นที่ได้มาทำงานพาร์ทไทม์เป็น ‘แฟนเช่า’ จนมาเจอกับลูกค้าประจำที่ชอบเอาตุ๊กตามาให้เป็นของขวัญ แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่านั่นคือต้นเหตุของความหลอนที่เธอจะต้องพบเจอ! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม’ (14 ตุลาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘แฟนเช่า’ เรื่องราวนี้เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง ให้นามสมมติว่า ‘ไอโกะ’ ในตอนนั้นเธอกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ญี่ปุ่น โดยปกติของนักศึกษาก็จะมีการรับทำงานพาร์ทไทม์หารายได้เพิ่มเติม มีทั้งทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ เป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อ และอีกมากมาย ไอโกะนั้นต้องการที่จะทำงานแต่ไม่ต้องการเหนื่อย จึงได้ไปปรึกษากับกลุ่มเพื่อนและได้รับคำแนะนำจากเพื่อนสาวว่ามีงานประเภทหนึ่งที่ไม่เหนื่อย แต่รายได้ดี ในคราแรกที่ได้ยินก็รู้สึกแปลกใจและกังวลเกี่ยวกับงานนั้น เพราะกลัวว่าจะเป็นงานเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา จึงได้บอกเพื่อนสาวไปว่า “งานอะไร อย่าบอกว่าเป็นพวกเด็กนั่งดริ้ง ไม่เอานะ” เพื่อนสาวคนนั้นก็ได้ตอบคลายความกังวลของเธอไปว่างานนี้ไม่ใช่งานประเภทธุรกิจสีเทา เพียงแค่เธอลงทะเบียนในแอปพลิเคชันก็สามารถทำงานนี้ได้ โดยลักษณะการใช้งานของแอปจะไม่เหมือนแอปหาคู่ แต่จะเป็นแอปที่ผู้ใช้บริการสามารถเลือกได้ว่าอยากออกเดทกับใคร รูปแบบคล้ายกับ ‘แฟนเช่า’ ภายในแอปสามารถดูโปรไฟล์และมีการให้คะแนนของแต่ละคน เพื่อดูว่าบุคลิกหรือการให้บริการของคนที่ทำงานนี้นั้นเป็นในลักษณะไหน บุคลิกของไอโกะในเวลานั้นเป็นสาวเปรี้ยว ผมสีทองเงาและไว้เล็บยาวสีสันสดใส ภาพลักษณ์ภายนอกที่เหมาะกับงาน ทำให้เพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยปากเชิญชวนให้ทำงานดังกล่าวเพราะได้รับรายได้ดี หากเปรียบเทียบกับการทำงานภายในหนึ่งวัน จำนวนเงินที่ได้รับก็เท่าเทียมกับการทำงานบริการเสิร์ฟอาหารถึง 3 วันต่อสัปดาห์ พูดอย่างง่าย ๆ คือรายได้มากกว่าถึง 3 เท่า ไอโกะตัดสินใจลงทะเบียนงานนี้ไป ในระหว่างนั้นก็ได้เลื่อนดูโปรไฟล์ของผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ในแอปที่มีทั้งผู้หญิงมากหน้าหลายตา หรือแม้กระทั่งเพศตรงข้าม และศึกษาดูว่าตนนั้นควรตั้งโปรไฟล์อย่างไรจึงจะโดดเด่นและดึงดูดผู้คนให้เข้ามาใช้งาน ซึ่งเธอก็ได้เขียนข้อมูลส่วนตัวไปว่าตัวเองนั้น เอาใจไม่เก่ง แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วจะรู้สึกสนุก ด้วยไลฟ์สไตล์เป็นสาวลุย ง่าย ๆ สบาย ๆ ไอโกะมีความคิดว่าพวกหญิงสาวในแอปคงไม่มีใครมีลักษณะนิสัยเหมือนตนเอง ผ่านมาได้ประมาณ 3 วันก็มีงานเข้ามา ไอโกะเช็คดูโปรไฟล์ของลูกค้าที่แม้จะไม่ได้เห็นหน้าตา แต่เธอก็คิดว่าน่าจะเป็นโปรไฟล์ที่ดี เธอเลือกกดรับงานนี้ไป ระบบของแอปก็จะพาเข้าห้องของลูกค้า เพื่อพูดคุยและนัดแนะวัน เวลาและสถานที่ที่จะนัดหมายไปพบเจอกัน ในครั้งแรก ลูกค้าคนนั้นเลือกจองเป็นเวลาครึ่งวัน หลังจากนัดแนะสถานที่และเวลา ในที่สุดเธอก็ได้เจอกับลูกค้า คนตรงหน้าของเธอนั้นเป็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาเหมือนกับเด็กเนิร์ด แว่นตาหนาเตอะ ไว้ยาวและไม่ค่อยกล้าหันมาสบตากับเธอ ในช่วงเวลาที่สนทนากันก็จะก้มหน้าก้มตามองไปที่พื้น ด้วยบุคลิกของคนตรงหน้านี้ เธอจึงคิดว่าผู้ชายคนนี้คงอยากคุยด้วยแต่ไม่รู้ว่าจะสื่อสารหรือทำตัวอย่างไร แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวของเธอที่ชอบพูดคุย จึงได้เอ่ยทักทายไป “สวัสดีค่ะ เป็นยังไงบ้าง มายังไง กินอะไรมารึยัง?” และคำถามอีกมากมายที่เอื้อนเอ่ยออกมาไม่มีหยุด หลังจากได้พูดคุยกันก็ได้รับรู้ว่าฝ่ายชายอายุน้อยกว่า แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็บอกกับเขาว่าไม่ต้องพูดจาสุภาพกับเธอ ให้คิดซะว่าเราเป็นเพื่อนกัน และในวันนั้นเธอและเขาก็ได้ไปกินข้าวด้วยกัน เสร็จจากกินข้าวก็ชวนกันไปคาเฟ่ หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นกันต่อ ไม่ทันไรก็หมดวัน กิจกรรมที่ทำด้วยกันในวันนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมีความสุขอย่างมาก “ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณมาก” ใบหน้าเปื้อนยิ้มกล่าวขอบคุณหญิงสาวด้วยหัวใจที่พองโต จบวันนั้นไปได้เพียงไม่นานก็มีการแจ้งเตือนจากแอปเด้งขึ้นมา เผยให้เห็นคะแนนรีวิวจากการเดทวันนี้ของเธอที่ได้รับคะแนนไปถึง 5 ดาว! โดยที่เธอแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ไม่ได้จ่าย เนื้อตัวก็ไม่ได้มีการสัมผัสกัน หลังจากเสร็จงานแรกไป ไอโกะก็รู้สึกมีความสุขกับการทำงานนี้มาก วันรุ่งขึ้นก็มีการจองเข้ามาอีกครั้ง ซึ่งเป็นผู้ชายคนเดิมกับคนเมื่อวาน ครั้งนี้เขาได้จองเข้ามาเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม พอได้เจอกันก็พบว่าชายคนตรงหน้าพูดจากับเธอมากขึ้น ยอมเปิดใจคุยเรื่องของตัวเองเยอะขึ้น และก่อนจะจากกันชายหนุ่มก็ได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “จะเป็นอะไรไหมครับ ถ้ารอบหน้าผมจะ Booking คุณอีก” “ได้สิ ยินดีเลย” ไอโกะตอบกลับไปพร้อมสัมผัสร่างกายคนตรงหน้าเล็กน้อยด้วยความสนิทใจ “ผมขอรบกวนอีกอย่างหนึ่ง ถ้ารอบหน้าผมจะเอาของมาให้ได้ไหมครับ?” ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยถาม “อ๋อ ได้สิ! ดีเลย” ไอโกะตอบรับน้ำใจไปโดยไม่คิดอะไร ไม่กี่วันต่อมาผู้ชายคนเดิมก็จองเข้ามาอีกครั้ง แต่เมื่อเจอกันไอโกะก็ได้สังเกตเห็นมือของชายหนุ่มถูกพันด้วยพลาสเตอร์เต็มทั่วทั้งมือ จึงเอ่ยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “เห้ย! มือไปโดนอะไรมา” “มันน่าเกลียดใช่ไหมครับ ไม่อยากให้ดูเลย” ชายหนุ่มพยายามปิดแผลที่มือของเขาไปให้พ้นสายตา “แต่นี่ครับ ผมทำมาให้” สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นยื่นมาปรากฎให้เห็นเป็น ‘ตุ๊กตา’ หนึ่งตัว “ผมตั้งใจทำมากเลยครับ ผมถักตุ๊กตาไม่เป็นเลยไปถักตุ๊กตามาให้ อยากให้คุณรับไว้ครับ” คนตรงเอ่ยบอกอย่างตั้งใจ เมื่อไอโกะได้รับตุ๊กตานั้นก็รู้สึกดีใจที่ลูกค้าชื่นชอบในตัวเธอ หลังจากให้ของกันวันนั้น ทั้งสองก็ไปเที่ยวกันตามปกติ และก่อนจะลากันผู้ชายคนนั้นก็ยังบอกอีกว่า “เดี๋ยวรอบหน้าผมเอาของมาให้อีก” ครั้งถัดมาที่เจอกัน คราวนี้ไอโกะก็สังเกตเห็นได้อีกครั้งว่าท่าทางของชายหนุ่มนั้นผิดแปลกไป คนตรงหน้าไม่พูดไม่จา ไม่มีบทสนทนาใด ๆ ออกมาจากปากของเขา หรือถ้าหากต้องการจะพูด เขาก็จะยกมือขึ้นปิดปากตนเองตลอดเวลา ทำให้เกิดความสงสัยจึงได้เอ่ยถามออกไป “เป็นอะไรรึเปล่า? ทำไมต้องปิดปากพูดด้วย” “อ๋อ พอดีผมประสบอุบัติเหตุครับ ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ” ชายหนุ่มพูดจาด้วยสำเนียงแปลก ๆ ไม่ชัดถ้อยชัดคำ จนกระทั่งในจังหวะนั้นก็ทำให้เธอเห็นว่าปากของเขานั้นไม่มีฟันหลงเหลืออยู่เลย! แม้จะตงิดใจแต่เธอก็รับของที่เขาให้มาโดยไม่คิดอะไร หลังจากกลับมาที่บ้านไอโกะก็รู้สึกป่วย มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ร่างกายไม่ค่อยปกติทำให้เธอนอนไม่หลับ จนกระทั่งในวันนั้นก็มีการจองจากชายหนุ่มคนเดิมเข้ามาอีกครั้ง พอเจอกันฝ่ายชายก็บอกว่า “รอบนี้อาจจะเป็นรอบสุดท้ายที่ผมเจอคุณแล้วนะครับ พอดีผมไม่มีเงินแล้วครับ” “แต่นี่คือของชิ้นสุดท้ายที่ผมจะมอบให้คุณครับ” ในคราวนี้ ไอโกะก็ได้เห็นสิ่งแปลกตาอีกหนึ่งอย่างคือผมเผ้าของผู้ชายคนนี้ถูกโกนไปจนเกลี้ยง ยิ่งเจอกันเนื้อตัวของเขาก็ยิ่งเละเทะขึ้นเรื่อย ๆ ของชิ้นสุดท้ายที่เขาให้ก็คือตุ๊กตาที่ครั้งนี้มีขนาดใหญ่กว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา “ขอบคุณนะคะ เราก็รู้สึกไม่สบาย คงไม่ได้ทำงานไปสักพัก ไว้โอกาสหน้ามาเจอกันใหม่นะ” หลังจากรับตุ๊กตาตัวนั้นมา ไอโกะก็เกิดอาการป่วยหนัก แม้จะหลับไปกี่ตื่นก็ไม่รู้สึกดีขึ้น เธอรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ตลอดเวลา จึงตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อน เมื่อไปมหาลัยเพื่อน ๆ ก็ต่างพากันทักว่าร่างกายของเธอทรุดโทรม สีปากที่ซีดลงจนสังเกตได้ ใต้ตาคล้ำ จนเหมือนคนป่วยเป็นโรค และเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เพื่อนก็ได้พูดกับเธอว่า “ลองกลับมาบ้านไปเช็คดู ไปรับของจากใครมารึเปล่า?” หลังจากได้รับคำแนะนำจากเพื่อน ตัวเธอก็รู้สึกขนลุกแปลก ๆ พอกลับมาบ้านก็เจอกับตุ๊กตา 3 ตัวบนหัวเตียง กำลังจ้องหน้าของเธออยู่ ในวินาทีนั้นเธอจึงตัดสินใจกรีดตุ๊กตาดูภายในของมัน ตัวแรก.. ไอโกะค่อย ๆ แกะตุ๊กตาตัวนั้น ซึ่งเมื่อดูข้างในนั้นก็เห็นเป็นนุ่นปกติ แต่เมื่อลองสังเกตดูดี ๆ ก็พบว่าภายในนุ่นนั้นมันมีแผ่นสีน้ำตาลปะปนอยู่ และเมื่อพิจารณาดูแล้วก็พบว่ามันคือ ผิวหนังของคน! ไม่เพียงแค่นั้นยังมีเล็บของคนอยู่อีกด้วย! ตัวที่สอง.. กรีดดูข้างในก็เจอเป็นฟันของคนอยู่ในนั้น! และตัวสุดท้าย.. กลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวลจนเธอไม่สามารถสูดดมได้และน้ำหนักที่มากกว่าตัวอื่น เมื่อชำแหละดูภายในก็พบว่ามีเส้นผมของคน ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นอีกหนึ่งอย่างก็ทำให้เธอต้องกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดผวา นั่นก็คือซากศพของลูกแมว! และดวงตาของมันที่ติดอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับดวงตาของตุ๊กตาตัวใหญ่ตัวนั้นและมีกล้องซ่อนอยู่! ภาพตรงหน้าทำเอาตัวของเธอนิ่งงันและเย็นเฉียบ ความรู้สึกหวาดกลัวตีตื้นขึ้นมาภายในใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเห็นคือสาเหตุของอาการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างประหลาด และทั้งหมดมันมาจากผู้ชายคนนั้น!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณออโต้ 'ยายสา' l อังคารคลุมโปง X พูห์-พาเวล [ 25 พ.ย.2568 ]

02 ธ.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณออโต้ 'ยายสา' l อังคารคลุมโปง X พูห์-พาเวล [ 25 พ.ย.2568 ]

ในทุกความมืดมิด และความสว่างยังคงมีการรอคอยจากยายสา คำพูดของเด็กสาวที่พูดเล่นในวันนั้นว่า จะไปอยู่ด้วย ทำให้มีวิญญาณของยายแก่มาคอยตามติดชีวิต และจนกว่าจะอายุ 25 ปี เธอจะต้องอยู่รอดต่อไปให้ได้ไม่งั้นความตาย ที่รอเธออยู่ก็จะคลืบคลานมาพร้อมกับยายสา เรื่องเล่าของการรอคอยในความมืดที่ “คุณออโต้” ได้ฟังมาจากน้องน้ำ เป็นเรื่องราวที่ทำให้อุณหภูมิจากอากาศหนาว ๆ กลายเป็นร้อนทันที สามารถติดตามไปพร้อมกับ “ดีเจเจ็ม และ ดีเจแนน” ในรายการคลุมโปง ( 25 พฤศจิกายน 2568) ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว... ในช่วงเวลานั้น น้ำอาศัยอยู่ที่ภาคอีสาน บ้านของเธอค่อนข้างที่จะชนบทมากทุก ๆ วันน้ำจะต้องออกไปที่สวนกับพ่อ และน้องสาว แต่ในอาทิตย์นั้นไม่เหมือนที่ผ่านมาเพราะเธอไม่สบาย แต่พอน้ำอาการดีขึ้น ก็เลยเดินลงมาข้างล่าง เพื่อที่จะสูดอากาศยามเย็นช่วงโพล้เพล้ในตอนนั้นคุณแม่ ของเธอกำลังทำกับข้าว น้ำเลยเดินไปนั่งแถว ๆ ชานบ้านหางตาของเธอเหลือบไปเห็นยายคนนึง กำลังจะเดินผ่านหน้าบ้าน แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นยายสา คนที่อยู่ระแวกแถวบ้าน น้ำก็ไม่ได้คิดอะไรนั่งทำนู่นทำนี่ของตนเองไปแต่ยายสา กับมายืนอยู่ตรงบ้าน พร้อมพูดว่า ‘หลานเอ้ย ขอน้ำกินหน่อย’ น้ำก็เลยรีบวิ่งไปเอาน้ำให้คุณยาย แต่ยายมีท่าทีที่ยิ้มแปลก ๆ เมื่อเธอยื่นน้ำไปให้มือสาก ๆ เหี่ยวย่นของคนแก่ก็ลูบมาที่เนื้อตัวเธอ พร้อมกับชมว่า ‘เป็นคนดีจัง อยากเอาไปอยู่ด้วย’น้ำคิดแค่ว่า... ยายคงแค่พูดหยอก จึงตอบกลับไปด้วยความไม่ประสีประสาว่า...“จ้า จะให้ไปไหนล่ะ เดี๋ยวหนูไปด้วย” เป็นการพูดหยอกล้อกันตามประสาเด็ก กับผู้ใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็ตะโกนเรียกให้เธอเข้าบ้านมากินข้าว ยายสาเลยค่อย ๆ ยื่นแก้วน้ำส่งคืนชั่วเวลาไม่กี่วิที่น้ำ หันไปมองแม่ และหันกลับมาหายาย ตรงหน้าของเธอก็เหลือแต่ความว่างเปล่า ยายสาได้หายไปแล้วน้ำเลยเดินกลับไปหาแม่ที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมอาหารเย็น แม่ถามเธอว่า...‘เมื่อกี้้คุยกับใคร ทำไมเสียงดังจัง’ แต่พอน้ำบอกว่า เธอคุยกับยายสา สีหน้าของแม่ก็ตกใจแล้วรีบบอกให้น้ำ รีบกินข้าว และรีบกลับขึ้นไปนอน ตัวเธอเองก็ทำตามที่แม่บอกในคืนนั้นช่วงเวลาสี่ทุ่ม น้ำสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงคนเปิดประตูดังแอ๊ด… ดวงตาของเธอมองผ่านไปตรงประตู ช่วงจังหวะนั้นเอง ร่างที่เดินเข้ามาเป็นเงาเหมือนกับแม่ ของตนเองเธอเลยคิดว่า แม่คงมาดูอาการไข้ตามปกติ จึงจะหลับตาต่อ แต่ความรู้สึกที่น้ำ ได้รับคล้ายกับว่ามีน้ำอะไรเหนียว ๆ หยดลงมาบนหน้าจนเธอต้องลืมตาตื่นขึ้นมาดู สิ่งที่ได้เห็นผ่านความมืดที่เงียบงัน คือร่างของแม่เธอที่กำลังเอาลิ้นเลียหน้า น้ำตกใจมากด้วยความกลัวแต่ก็ขยับตัวไม่ได้ร่างที่อยู่ในความมืดดำพูดออกมาเบา ๆ ว่า “เป็นตาแซ่บน้อ” จนเธอต้องรวบรวมความกล้า กรีดร้องออกมาจนลั่นบ้านเพื่อเรียกพ่อกับแม่ หางตาของน้ำ มองร่างของผู้หญิงที่เป็นแม่ แต่กลายเป็นว่า มันคือยายสา พ่อกับแม่รีบวิ่งขึ้นมาดูเธอ แต่ยายสารีบกระโดดจากหน้าต่างลงไป และเป็นเสียง สวบ สาบ ของร่างคนที่วิ่งลัดเลาะทุ่งนา เธอเลยรีบวิ่งไปกอดแม่ พร้อมกับเล่าทุกอย่างให้ฟังแม่รีบไปตามยายหมอธรรมข้างบ้าน มาผูกข้อแขนพร้อมกับเรียกขวัญให้ แต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ดีจนเวลาผ่านเลยไปสองวัน เธอก็หายไข้แล้ว แม่ก็ถามไถ่อาการตามปกติ แต่น้องสาวก็บอกว่าตอนกลางคืน น้ำชอบออกมานั่งยอง ๆ มองเธอแบบแปลก ๆ แต่น้ำกับไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำลักษณะท่าทางแบบนี้ และเวลาก็ผ่านพ้นไป ด้วยความที่ข้างบ้านมีคนทำพิธีไล่ผีกัน น้ำเลยชวนน้องสาวออกไปดูข้างหน้าที่เธอเห็นก็จะมีหมอธรรมที่กำลังทำพิธี แต่ข้างในสุดของบ้านหลังนี้เป็นยายสาที่กำลังนั่งกินอะไรสักอย่างอยู่ น้ำตกใจกับสิ่งที่เห็นเลยรีบเล่าให้น้องฟัง แต่กลายเป็นว่ามีแค่เธอคนเดียวที่เห็น พวกเธอเลยจะรีบวิ่งออกไป แต่ยายแก่ก็วิ่งเข้ามาจับแขนบอกให้เธอไปอยู่กับยาย น้ำจึงสลบลงไปด้วยความกลัวรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่วัด กับพ่อแม่ และตอนนั้นเอง น้ำเลยได้รู้ว่า ยายสาเป็นหมอธรรมที่เล่นวิชาจนของเข้าตัว คนในหมู่บ้านเชื่อว่า แกโดนผีปอบสิงตอนที่เธอเห็นยายสาเดินผ่านหน้าบ้านจริง ๆ แล้วแกนอนป่วยติดเตียงอยู่ แต่มีคนหลายคนเห็นยายสา เดินไปเดินมายายแกเหมือนจะถูกใจน้ำ จึงมาทำพิธีจองตัวไว้พระท่านจึงทำพิธีแก้ให้กับน้ำไว้ ให้พกท้าวเวสสุวรรณติดตัวหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น น้ำก็ยังคงเห็นยายสา แต่แกเข้ามาหาเธอไม่ได้ และทุกวันพระวันโกน ยายสาจะชอบมานั่งยอง ๆ บนหลังคา คอยมอง วันที่น้ำได้ของจากพระมา ก็เป็นวันเดียวกับที่ยายสาเสีย หลวงตาท่านบอกว่า ถ้าครบ 25 ปี ทุกอย่างจะคลี่คลายลง….(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

album

0
0.8
1