เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้ม ‘ตายตาไม่หลับ’ l อังคารคลุมโปง X อาร์ต คืนลอยอังคาร [ 7 ต.ค.2568 ]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้ม ‘ตายตาไม่หลับ’ l อังคารคลุมโปง X อาร์ต คืนลอยอังคาร [ 7 ต.ค.2568 ]

18 ต.ค. 2025

       ‘อาจารย์มิ้ม’ ได้มาเล่าเรื่องราวของ ‘คุณไม้’ เขาได้เสียน้องสาวไปอย่างกะทันหัน การเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติและไม่รู้สาเหตุ ทำให้ครอบครัวของไม้เจอเรื่องหลอนกันแทบทุกคืน ชาวบ้านต่างหวาดกลัวกับความเฮี้ยนจนทนไม่ไหว จนไม้ต้องตกเป็นจำเลยสังคม เพราะทุกคนเข้าใจว่าไม้เป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวตาย!

       แต่ความจริงของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X อาร์ต คืนลอยอังคาร’ (7 ตุลาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตายตาไม่หลับ’

       ย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ตอนที่ ‘ไม้’ ยังเป็นเด็ก ในครอบครัวไม้เป็นพี่คนโต มีน้องสาวชื่อ ‘ส้ม’ แต่ชื่อที่ไม้ชอบเรียกคือ ‘ส้มจี๊ด’ ข้างบ้านของไม้เป็นบ้านเพื่อนสนิทที่ชื่อ ‘ทวน’ ทั้งสามเป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็ก ดังนั้นในทุก ๆ เย็นในซอยมักจะมีเสียงดังคึกคักของเด็กกลุ่มนี้อยู่เสมอ

       จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อแม่ไม้เดินทางไปต่างจังหวัดแต่เช้าตรู่และจะกลับมาในช่วงหัวค่ำ ส่วนไม้และส้มก็จะอยู่ที่บ้าน แม้สองพี่น้องจะอยู่บ้านเพียงลำพัง แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลอะไร เพราะแม่ของทวนมักจะทำอาหารมาแบ่งไม้กับส้มอยู่เป็นประจำ ในเย็นวันนั้นก็เช่นเคย ทวนได้ยกหม้อแกงส้มมาให้ไม้ ขณะกำลังเดินลัดรั้วเขตบ้านของไม้ แต่ทันใดนั้น มีเสียงร้องดังขึ้น “ใครก็ได้! ช่วยส้มด้วย!”

       ปรากฏว่าเป็นเสียงของไม้ ที่กำลังตะโกนขอความช่วยเหลือ ทวนตกใจจนหน้าถอดสี แล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ภาพตรงหน้าทำเอาทวนถึงกับขาอ่อนลงทันที เป็นภาพส้มนอนอยู่ที่ตีนบันไดด้วยร่างกายเปลือยเปล่า คอหักผิดรูป ตาเบิกโพลงกว้าง จากสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คิดกันว่าส้มเสียชีวิตแล้ว แต่ตากลับไม่ปิดสนิท ไม้ยืนตัวสั่นเครือ และมีใบหน้าซีดเผือด ทวนตะโกนเรียกสติไม้ไปทันทีว่า “ไม้! มึงทำอะไร?”

       แต่ไม้กลับส่ายหัว พร้อมน้ำตาไหลอาบลงแก้ม

       หลังจากนั้นพ่อแม่ก็กลับมาที่บ้านและได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างร้องไห้เสียใจ หลังจากเกิดเรื่อง ได้มีลุงสัปเหร่อมาที่บ้านแล้วได้พูดว่า

       “ส้มมันตายตาไม่หลับ แบบนี้หมู่บ้านของพวกเรา อยู่ไม่เป็นสุขแน่ ๆ”

       ในคืนแรกของงานศพ งานได้จัดขึ้นที่บ้านของไม้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของคนเป็นพ่อแม่ที่ทำใจไม่ได้ คนในหมู่บ้านต่างเห็นใจจึงพากันแวะเวียนมาช่วยงาน แต่บางคนไม่กล้าแม้แต่จะมาร่วมงานศพ เพราะหวาดกลัวความเฮี้ยนของส้มและกลัวว่าจะโดนตามกลับบ้าน

       แต่ในคืนนั้นเอง ขณะที่ทุกคนได้นั่งล้อมวงดื่มเพื่อปลอบใจพ่อกับแม่ ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมือนของตกลงมาบริเวณบันได ตึง..ตึง… ทุกคนพร้อมใจกันหันกลับไปมอง ปรากฏว่าเป็นลูกบอลสีเหลือง ของเล่นชิ้นโปรดของส้ม มันค่อย ๆ กลิ้งลงมาจากชั้นบน กลิ้งมาเรื่อย ๆ จนถึง..กลางวง แม่ตกใจเพราะก่อนหน้า แม่ได้เก็บของเล่นทุกชิ้นลงหีบไปแล้ว ทางผู้ใหญ่บ้านก็ตกใจจนหน้าถอดสี แต่ได้พูดปลอบใจแม่ไปว่า “ลมมันคงจะพัดละมั้ง”

       ทุกคนได้แต่นั่งเงียบ เพราะตั้งแต่ขอบบันได้จนมาถึงเสื่อกลางวง มีรอยเปียกน้ำปรากฏออกมาเป็นรอยเท้าเด็ก พ่อลุกขึ้นพร้อมกับพูดว่า “ส้ม!! บอกพ่อทีสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

       เหตุการณ์หลังจากคืนนั้น ความหลอนค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในกลางดึกแม่ส้มมักจะตื่นขึ้นมา เพราะเสียงกรีดร้องของส้ม บางคืนเป็นไม้ที่ได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่งอยู่รอบเตียง ในหลายครั้งที่ส่องกระจก ก็จะเห็นเป็นเงาส้มยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง มาในร่างที่คอหัก หน้าเริ่มอืด และมีรอยแผล

       เรื่องราวความหลอนถูกเล่าไปปากต่อปากจนลามไปทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างหวาดกลัว และไม่กล้าเข้ามาใกล้ในช่วงค่ำ ทุกคนเชื่อว่าวิญญาณส้มยังไม่ไปไหน เพราะตายผิดธรรมชาติ

       ในคืนหนึ่ง ไม้ได้ยินเสียงลาก ครืด..ครืด… อยู่ใต้เตียง ไม้ก้มลงไปมอง ภาพตรงหน้าปรากฏเป็นส้มนอนมุดอยู่ใต้เตียงด้วยลักษณะตาแดงคล้ำ คอหักผิดรูป ไม้ตกใจตะโกนร้องลั่นบ้าน พ่อแม่รีบวิ่งมาเปิดกลับพบเห็นอะไร แต่พบว่าบริเวณใต้เตียงมีรอยเปียกของน้ำ

       เวลาผ่านไป ไม้เจอเรื่องหลอนเข้าไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มมีอาการซูบผอม ไม่กล้านอนคนเดียว ทุกครั้งที่หลับตามักจะเห็นส้มมายืนอยู่ปลายเตียงเสมอ ชาวบ้านเริ่มพากันนินทาไปต่าง ๆ นานา ว่าไม้เป็นคนผลักส้มตกบันได พูดแรงไปจนถึงว่า ‘ไม้คิดอะไรไม่ดีกับน้องสาว ถึงได้ตายไปในสภาพเปลือยเปล่า’ จนพ่อแม่ไม่กล้าสู้หน้าใคร

       เดินทางมาถึงวันทำบุญครบ 49 วัน ชาวบ้านหลายสิบคนและผู้ใหญ่บ้าน พร้อมใจกันมารวมตัวกันที่ใต้ถุนบ้าน ทุกสายตาจับจ้องไปที่พ่อแม่และไม้ที่เดินลงมา จากนั้นก็ส่งเสียงตะโกนว่า

       “พูดออกมาเถอะไม้! มึงทำอะไรส้ม มึงจะปิดบังความจริงไปทำไม!?”

       ไม้ร้องไห้ตัวสั่นเครือ ชาวบ้านเริ่มหยิบหินเขวี้ยงใส่หัวไม้ หินโดนไม้แบบเต็ม ๆ ไม้ร้องด้วยความเจ็บปวด พร้อมเลือดค่อย ๆ ไหลหยดลงมา ชาวบ้านวิ่งกรูเข้าไป ไม้ก็ล้มลงไปนอนกับพื้น พ่อแม่ตะโกนห้ามแต่ไม่มีใครฟัง ผ่านไปสักพักมีเสียงหัวเราะดังขึ้น ทุกคนหันไปมองต้นเสียง ปรากฏว่าเป็นทวนยืนตาแดงก่ำ กำลังเดินโซซัดโซเซมากลางวง พร้อมชี้ไปที่บันได แล้วพูดว่า “กูอะ ทำมันเองแหละ”

       เสียงชาวบ้านที่ฮือฮาก่อนหน้า เงียบกริบในทันที

       ทวนพูดต่อว่า “วันนั้นกูขึ้นไปหามันเอง กูอยากได้มันแต่มันหนี กูเลยต้องผลักมันไง มันตกไปคอหักตายต่อหน้ากูนี่แหละ”

       ทวนเงยหน้าขึ้นเหมือนกับคนโดนผีสิง พร้อมพูดต่อว่า “มันตามกูทุกคืน! มันเรียกชื่อกู! มันตามกูไปทุกที่! กูจะบ้าอยู่แล้ว ส้มมึงจะเอายังไงกับกู!!”

       ไม้ต่อยเข้าไปอย่างเต็มแรงที่หน้าทวนด้วยความโมโห พร้อมกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “มึงทำแบบนี้กับน้องกูได้ยังไงวะ มันเหมือนน้องสาวมึงเลยนะ”

       ทวนเก็บตัวนั่งกับพื้น เหมือนคนอยู่ในอาการหวาดกลัว เขาใช้สองมือตบไปที่หน้าของตัวเองอยู่ซ้ำๆ

       แล้วเหตุการณ์หลังจากวันนั้น ผู้ใหญ่บ้านพร้อมชาวบ้าน ก็เข้ามาขอโทษพ่อแม่และไม้ ที่ด่วนตัดสินใจกันไปเอง ตัวของทวนกลายเป็นคนบ้า เมื่อเวลาผ่านไปกลับไปพบว่าทวนได้จมน้ำเสียชีวิตที่คลองท้ายหมู่บ้าน พ่อแม่ทวนทำใจไม่ได้กับเรื่องที่ทวนก่อแล้วยังมาเสียชีวิตไปอีก จึงได้ย้ายออกจากหมู่บ้านไป..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณเหมย ‘บ้านโรงรถ’ I อังคารคลุมโปง X ตั้น The Shock [ 23 ก.ค. 2567]

27 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณเหมย ‘บ้านโรงรถ’ I อังคารคลุมโปง X ตั้น The Shock [ 23 ก.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณเหมย‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (23 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน‘ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ’บ้านโรงรถ‘ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย!...เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นที่บ้านโรงรถ คุณเหมยเล่าว่า ย้อนไปเมื่อตอนยังเด็ก บ้านตั้งอยู่ในตัวตำบล ระหว่างตำบลกับอำเภอค่อนข้างที่จะไกลกัน อยู่มาวันหนึ่ง คุณเเม่ทะเลาะกับคุณตา คุณเหมยจึงย้ายไปอยู่ที่ตัวอำเภอกับคุณป้า ตอนที่ย้ายไปนั้น คุณเเม่ก็ยังไม่มีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่งเพื่อหาเงินซื้อบ้าน จึงไปปรึกษากับคุณป้าว่าควรทำอย่างไร คุณป้าก็ได้เเนะนำคุณเเม่ให้มาอยู่ที่โรงรถแบบชั่วคราวไปก่อน จนกระทั่งคุณเหมยเรียนอยู่ชั้น ป.1 มีวันหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันหน้าบ้านค่อนข้างดังมาก ประมาณร้อยกว่าคน ซึ่งก่อนหน้าที่คุณเหมยจะเข้ามาอยู่ บริเวณนี้ค่อนข้างพลุกพล่าน คนทำงานค่อนข้างเยอะ เเต่ตอนนั้นก็ดึกมากแล้ว คุณเหมยจึงคิดว่าไม่น่ามีใครมายืนคุยกันตรงนี้ จึงลุกไปดูผ่านแสงไฟที่ลอดมาจากปลายถนน ก็เห็นเป็นผู้ชายกับผู้หญิงยืนคุยกัน ด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงมายืนคุยตรงนี้ คุณเหมยจึงเดินออกไปดู เเต่เเล้วก็พบเจอกับความว่างเปล่า! ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น ส่วนเสียงที่ได้ยินก็หายไป! คุณเหมยเดินกลับเข้าไปนอน พอกลับเข้ามานอนก็ได้ยินเสียงเหมือนเดิม! ตนจึงได้ไปเล่าให้คุณเเม่ฟังเเล้วก็โดนตอบกลับมาว่า “เพ้อเจ้อ คิดมาก” ซึ่งคุณเเม่กับคุณพ่อเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ตนจึงได้เเต่สงสัยเเล้วก็ได้ยินเสียงนี้อยู่เรื่อยมาก จนคุณเหมยขึ้น ป.2 คืนนั้นตนนอนกึ่งหลับกึ่งตื่น นอนได้สักพักก็มองไปบนเพดานฝ้าที่อยู่ตรงโรงรถ ก็เห็นเป็นหน้าผู้หญิงแก่ มวยผม ลอยอยู่บนฝ้าเพดาน! เเล้วบอกว่า “ไปอยู่ด้วยกันมั้ย“ คุณเหมยตกใจจนขยับไม่ได้ ได้เเต่พูดในใจว่า ”ไม่ไป“ ตอนนั้นตนคิดว่าได้พูดออกไปแล้วเเต่ความจริงคือยังไม่ได้พูด! เขาก็เลยถามตนอีกครั้งว่า ”สรุปจะไปอยู่ด้วยกันมั้ย คิดได้หรือยัง“ คุณเหมยบอกว่าตนก็พยายามที่จะพูด เพราะพูดไม่ได้ จู่ ๆ เขาก็สวนกลับมาว่า ”มึง! จะไปอยู่กับกูมั้ย!“ ทำให้คุณเหมยตกใจเเล้วรีบวิ่งไปหาคุณแม่! เช้าวันถัดมา คุณเหมยได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง แม่ก็ตอบกลับอีกว่า ”เพ้อเจ้อ คิดมาก“ เป็นครั้งที่ 2 เมื่อคุณเหมยเริ่มขึ้น ป.3-4 คุณแม่ก็ได้ซื้อรถจักรยานยนต์ให้ เเต่ตนชอบเที่ยว จึงทำให้คุณเเม่อยากดัดนิสัยด้วยการเอารถไปซ่อน ตนคิดว่ารถหายจึงไปบอกกับหมอธรรม เเล้วเขาก็ได้ตอบกลับมาว่า “รถไม่ได้หายนะ เเม่เอ็งเอาไปซ่อน” คุณเหมยได้ยินเเบบนั้นก็ไม่เชื่อ เเล้วก็ไม่คิดว่าเเม่จะเป็นคนแบบนี้ ตนจึงตอบกลับไปว่า “ไม่เชื่อ” หมอธรรมได้ตอบกลับว่า “ที่บ้านเอ็งตรงนั้น มันเป็นป่าช้าเก่านะ เเต่ก่อนมันเคยเป็นที่เก็บกระดูกคน เป็นโกศที่อยู่ในตามวัด“ หลังจากคุณเหมยกลับมาบ้าน ผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ คุณแม่ได้ยอมรับกับตนว่าเป็นคนไปแอบจริง!...เหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นที่บ้านหลังใหม่ที่อยู่ใกล้กับบ้านโรงรถ ช่วงมัธยมต้น คุณเหมยคิดว่าย้ายมาอยู่บ้านใหม่เเล้วคงจะไม่เจออะไรที่เคยเจอ เเต่ก็เหมือนเดิม ตนเห็น 2 คนนั้นที่เคยเจอเมื่อตอนเด็ก ๆ เขามายืนหน้าห้องเเล้วพูดว่า “มึงจะไปอยู่กับกูมั้ย! จะไปอยู่ด้วยรึเปล่า!” คุณเหมยกลัวมากจึงรีบไปบอกกับคุณเเม่ เเล้วคุณเเม่ก็บอกกับตนว่าจะพาไปทำบุญเพื่อความสบายใจ ในตอนเช้าคุณเเม่ก็พาคุณเหมยไปทำบุญ จู่ ๆ ก็มีหลวงตาองค์หนึ่งเข้ามาทักว่า ”ดูเเลไอเด็กคนนี้มันดี ๆ นะ ไอเด็กคนเนี้ย ที่ของบ้านที่เอ็งอยู่ เขาจะเอามันไปอยู่หลายครั้งเเล้ว เเต่มันดวงเเข็งเขาเอามันไปไม่ได้“ เเล้วหลวงตาท่านนั้นก็ได้บอกอีกว่า ”ให้หมั่นทำบุญตักบาตร กรวดน้ำ“ หลังจากนั้นคุณเหมยก็ตักบาตรทุกเช้าก่อนไปเรียน เเต่ก็ยังเจออยู่เหมือนเดิม.. ต่อมาก็อยู่บ้านหลังนี้ได้ 5-6 ปี คุณเเม่ก็ปล่อยบ้านนี้ให้คนเช่า ซึ่งคนที่มาเช่าต่อบังเอิญเป็นเเม่ของเพื่อนคุณเหมย อยู่ได้ประมาณ 3 เดือน เพื่อนก็ทักมาถามว่า “บ้านนี้มีอะไรหรือเปล่า?” จึงได้ตอบกลับไปว่า “บ้านนี้ก็มีนะ ตอนที่ตากับพ่อเลี้ยงเสียก็ได้จัดงานศพที่บ้าน มีอะไรหรือเปล่า?” เพื่อนของคุณเหมยตอบกลับมาว่า “เปล่า พอดีเเม่เล่าให้ฟังว่าช่วงที่อยู่ 2-3 เดือนแรก ได้ยินเสียงคนคุยกันเยอะมาก” ซึ่งสิ่งที่เขาเจอมันก็เหมือนกับเหตุการณ์ตอนที่คุณเหมยอยู่บ้านหลังนั้น!...เหตุการณ์ที่ 3 เกิดขึ้นที่บ้านหลังที่สาม หลังจากที่คุณเเม่ปล่อยบ้านหลังนั้นให้เช่า ก็พาคุณเหมยย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ เป็นบ้านหลังที่สาม เนื่องจากคุณแม่มีปัญหากับคุณป้า ตอนที่ตนนอนก็ได้ฝันถึงบ้านหลังนั้น ภาพในฝันเหมือนกับที่หมอธรรมเคยบอก! ต่อมาคุณเหมยได้เล่าว่าพ่อเลี้ยงตามมาที่บ้าน ย้อนกลับไปที่บ้านหลังเก่า พ่อเลี้ยงของตนได้เสียชีวิตที่นั่น คืนก่อนที่พ่อเลี้ยงจะเสียชีวิต มีพยาบาลโทรมาเเจ้งกับคุณเเม่ว่าพ่อเลี้ยงเสียชีวิตเเล้ว เเต่ก็ไม่กล้าบอกกับตน เเต่คุณเหมยกลับเห็นตรงกระจกเป็นพ่อเลี้ยงกำลังโบกมือให้อยู่! ตนตกใจจึงสะกิดแม่เเล้วถามว่า “เเม่ พ่อหายเเล้วหรอ? เเม่ไปรับพ่อมาตอนไหน” เเม่ก็ทำสีหน้ามึนงงเเล้วตอบกลับว่า “พูดอะไร พูดนี่คิดด้วย“ แล้วบอกอีกว่า ”รีบไปแต่งตัว เดี๋ยวจะไป รพ.พ่อเสียเเล้ว!“ ผ่านไปประมาณ 10 กว่าปี คุณเหมยเติบโตจนใกล้จะเเต่งงาน เเม่ก็บอกให้ขึ้นไปไหว้พ่อกับตายาย เมื่อคุณเหมยกำลังก้าวขึ้นบันไดขั้นสุดท้าย ก็เห็นพ่อเลี้ยง เเว๊บ! ผ่านหน้าไป ตนจึงหยุดนิ่งอยู่ในอาการช็อก ซึ่งคุณเเม่ที่อยู่ข้างหลังก็เห็นเช่นเดียวกันกับคุณเหมย ต่อมาคุณเหมยได้พารุ่นน้องมานอนที่บ้าน ผ่านไปได้สักพักรุ่นน้องก็บอกว่าขอไปนอนรีสอร์ต เพราะตอนคุณเหมยไปอาบน้ำ จู่ ๆ ป้ายรูปพ่อของตนร่วงตกลงมา! ไม่ได้คิดอะไรจึงเอากลับไปแขวนที่เดิม สักพักก็ตกลงอีกครั้งจนกระจกแตก! คุณเหมยคิดว่าพ่อเสียไปประมาณ 10 กว่าปีเเล้ว ก็ยังอยู่วนเวียนในบ้าน อาจจะเป็นเพราะเป็นห่วงลูกสาวของเขา..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเเจ็ค ปากพล่อย ‘คนสวยบอกทาง’ l อังคารคลุมโปง X ส้ม มัลนิการ์ [ 12 ส.ค.2568 ]

12 ก.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเเจ็ค ปากพล่อย ‘คนสวยบอกทาง’ l อังคารคลุมโปง X ส้ม มัลนิการ์ [ 12 ส.ค.2568 ]

‘คุณแจ็ค ปากพล่อย’ ได้มาเล่าเหตุการณ์หลอนกลางดึก ที่เขาประสบอุบัติเหตุระหว่างทางกลับบ้าน แต่ท่ามกลางความสิ้นหวังบนนถนน กลับมีหญิงสาวปริศนาใต้เสาไฟฟ้าโผล่มาบอกทางไปอู่ซ่อมรถ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย! เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X ส้ม มัลนิการ์’ (12 สิงหาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘คนสวยบอกทาง’ ที่จะพาคุณไปสัมผัสความเมตตาหลังความตายที่อาจทำให้คุณไม่มีวันลืม! ช่วงเวลาที่เกิดเรื่องหลอนนี้ คุณแจ็คมีอายุตรงกับเบญจเพสพอดี วันหนึ่ง หัวหน้าที่ทำงานได้ชวนไปเลี้ยงวันเกิดที่บ้าน โดยปกติคุณแจ็คต้องเดินทางไปกลับจากที่พักประมาณ 30 กิโลเมตร แม้จะไม่ค่อยอยากไป แต่ด้วยความเกรงใจ และเห็นว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนก็ไปกันหมด จึงตัดสินใจไปด้วย คุณแจ็คไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ล่วงหน้า จึงตั้งใจจะซื้อแอลกอฮอล์เป็นของขวัญ และจะขอตัวกลับก่อน แต่พอคุณแจ็คบอกลา ทุกคนก็ค่อย ๆ ขอตัวกลับตามกันไปหมด คุณแจ็คจึงเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกจากบ้านหัวหน้าเห็นดังนั้นก็เอ่ยปากแซวว่า “ออกคนสุดท้าย แฟนสวยนะเว้ย” คุณแจ็คได้แต่ยิ้มรับแล้วขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านตามปกติ ระหว่างทางกลับ ขณะที่กำลังขับอยู่เลนขวา บริเวณแยกไฟแดงแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีรถยนต์ของผู้หญิงวัยกลางคนขับตัดหน้าอย่างกะทันหัน ทำให้คุณแจ็คต้องเบรกอย่างแรงจนรถล้มลงได้รับบาดเจ็บ ของใช้ส่วนตัวรวมถึงโทรศัพท์มือถือเสียหายหมด ไม่สามารถติดต่อใครได้ ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ขับรถจากไปโดยไม่ลงมาดูอาการ แม้จะเจ็บและลำบาก แต่คุณแจ็คก็ตัดสินใจขับรถกลับบ้านต่อ แต่เนื่องจากกลัวจะเจอด่านตรวจแอลกอฮอล์ จึงเลือกใช้เส้นทางเบี่ยงแทน ขณะที่ขับมาเรื่อย ๆ ไฟหน้ารถก็ดับลง และยางหน้าก็รั่ว ทำให้ไม่สามารถขับต่อไปได้ ตอนนั้นเวลาประมาณห้าทุ่ม ถนนเปลี่ยว ไม่มีรถผ่านแม้แต่คันเดียว คุณแจ็คได้แต่เข็นรถไปตามทางที่มีแสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องเป็นระยะ แต่แล้วก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งถามว่า “พี่ รถเป็นอะไรหรอ?” พอหันไปก็เห็นหญิงสาวอายุไม่เกิน 20 ปี ยืนอยู่ตรงเสาไฟฟ้า นอกจากนี้ เธอยังบอกว่า “ข้างหน้าจะมีอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซต์ เขาน่าจะปิดแล้ว แต่ลองเรียกดูได้นะ” คุณแจ็คดีใจมาก รีบขอบคุณแล้วเข็นรถไปตามทางที่หญิงสาวบอกไว้ เข็นรถไปได้ไม่กี่ไกลนัก ก็เจออู่ซ่อมรถ จึงลองเรียกดู ไม่นาน ก็มีผู้ชายเจ้าของอู่ออกมา สุดท้ายต้องจอดซ่อมไว้ที่อู่ เพราะรถเสียหายหนัก ไม่สามารถขับกลับได้ เขาจึงเดินกลับไปทางเดิมที่เคยเจอหญิงสาวคนนั้น แต่ปรากฏว่าเธอได้หายไปแล้ว เขาจึงเดินกลับบ้านต่อไป โชคดีที่มีรถแท็กซี่ขับผ่านมา ทำให้เขากลับบ้านได้อย่างปลอดภัย เช้าวันรุ่งขึ้น คุณแจ็คกลับไปที่อู่เพื่อเอารถ และได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้เจ้าของอู่ฟัง โดยบอกว่า มีผู้หญิงมายืนอยู่ใต้เสาไฟฟ้าและช่วยบอกทางให้ ระหว่างที่เล่า ก็มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งนั่งรอซ่อมรถอยู่ เด็กกลุ่มนั้นได้ยินเข้าก็ถามว่า “ผู้หญิงที่ไหนหรอพี่?” คุณแจ็คชี้ไปที่เสาไฟฟ้าจุดที่เจอหญิงสาว แล้วบอกว่า “ก็ตรงนั้นไง น้องผู้หญิงคนนั้นที่บอกทาง” วัยรุ่นกลุ่มนั้นทำหน้าตกใจและมองหน้ากัน แล้วบอกว่า “ตรงนั้นน่ะ พวกผมมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปไม่กี่วัน คนซ้อนท้ายชื่อว่า ‘สวย’ หัวเธอกระแทกเสาไฟฟ้า ตรงจุดนั้นเลย เสียชีวิตคาที่” ด้วยความสงสัยคุณแจ็คจึงย้อนกลับไปดู ก็พบว่ามีร่องรอยอุบัติเหตุจริง และจากการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่า หญิงสาวที่มาบอกทางเมื่อคืน เป็นคนเดียวกันกับหญิงสาวที่เสียชีวิตตรงเสาไฟฟ้านั้นนั่นเอง วิญญาณผู้หญิงที่คุณแจ็คเจอ ไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ตรงกันข้าม เธอมีเจตนาดี ต้องการช่วยเหลือคุณแจ็คที่ประสบอุบัติเหตุและกำลังลำบากเขียน: ชิติพัทธ์ เพ็ชรมาลัยเรียบเรียง: วันทนีย์ ไชยชาติภาพ: กิตติพงษ์ นาคทอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

ตู้ในตำนานของห้องซ้อมวงโยธวาทิต ที่ถูกปิดล็อกเอาไว้อย่างดี จู่ ๆ แม่กุญแจก็แกว่งเองเสียงดัง! หัวหน้าวงจึงนั่งสมาธิเพื่อสื่อสาร แต่แล้วเขาก็ลุกขึ้นมาบีบคอคนในวงโดยที่ไม่รู้ตัว! สุดท้ายจำได้ว่าในสมาธินั้นเจอพ่อแก่มาบอกว่าไม่พอใจที่มีคนไม่เคารพเครื่องดนตรี!

04 ก.ย. 2023

ตู้ในตำนานของห้องซ้อมวงโยธวาทิต ที่ถูกปิดล็อกเอาไว้อย่างดี จู่ ๆ แม่กุญแจก็แกว่งเองเสียงดัง! หัวหน้าวงจึงนั่งสมาธิเพื่อสื่อสาร แต่แล้วเขาก็ลุกขึ้นมาบีบคอคนในวงโดยที่ไม่รู้ตัว! สุดท้ายจำได้ว่าในสมาธินั้นเจอพ่อแก่มาบอกว่าไม่พอใจที่มีคนไม่เคารพเครื่องดนตรี!

‘อังคารคลุมโปง X’ (29 สิงหาคม 2566) ที่ผ่านมา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ได้เปิดไมค์ต้อนรับ ‘คุณไอซ์’ สายจากทางบ้านที่โทรมาเล่าประสบการณ์หลอนสมัยที่ยังอยู่ในวงโยธวาทิตของโรงเรียน กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตู้ลับในห้องวงโย’ จะชวนขนลุกขนาดไหน ตั้งสติให้ดีแล้วไปอ่านต่อกันเลย! ย้อนกลับไปช่วงมัธยม คุณไอซ์เคยเป็นเด็กวงโยธวาทิตของโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยปกติแล้ว วงโยฯจะต้องอยู่ซ้อมตั้งแต่บ่ายสองถึงห้าโมงเย็น ในบริเวณที่ซ้อมนั้นจะเป็นลักษณะห้อง 2 ส่วน คือห้องเล็กเป็นห้องพักครู และห้องใหญ่เป็นห้องสำหรับซ้อม ซึ่งสามารถมองทะลุหากันได้ แต่จะไม่มีหน้าต่าง เป็นห้องที่บุผนังด้วยแผงไข่ และมีตู้เหล็กไว้เก็บเครื่องดนตรี ในวันนั้นเหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณบ่าย 3-4 โมงเย็น มีคนที่ยังอยู่ซ้อมทั้งหมดหกคน หนึ่งในนั้นเป็นพี่ผู้ชายคนนึง ซึ่งเป็นมือกลองประจำวง กำลังนั่งตีกลองชุดอยู่ ตำแหน่งของกลองชุดนั้นตั้งอยู่หน้าตู้เก็บเครื่องดนตรี ขณะที่เขากำลังตีกลองอยู่สักพัก เขาก็วิ่งกรี๊ดออกมา! และตะโกนโวยวายหาหัวหน้าวง ซึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างมีเซนส์ว่า “พี่ที พี่ที พี่ ผมเห็นอะไรไม่รู้ วาร์ปออกมาตรงตู้ ผมเห็นจริง ๆนะ ” แต่ทุกคนก็บอกกลับไปว่า “ คิดมาก มันเป็นห้องปิด มีแค่ไฟหลอด เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะมีอะไร” ในจังหวะที่เถียงกันอยู่นั้น สายตาคุณไอซ์ก็เหลือบไปเห็นตู้หนึ่ง มันเป็นตู้ที่เคยมีตำนานว่าเคยมีคนเจอบางสิ่งบางอย่างกันบ่อย ตรงนั้นเป็นตู้ที่ล็อกแม่กุญแจ แต่จู่ ๆ แม่กุญแจนั้นมันก็แกว่งและมีเสียงขึ้นดัง “แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก” ตีกับตู้เหล็กโดยไม่มีเหตุผล! แล้วพี่มือกลองที่วิ่งออกมา เขาก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง “เห้ยพี่! เห้ยเนี่ย เห้ยทำไมแม่กุญแจมันแกว่งแบบนั้นอะ เห้ย! ” พอเขาพูดขึ้นมา แม่กุญแจก็แกว่งแรงขึ้นอีก แรงขึ้นเรื่อย ๆ คุณไอซ์และเพื่อนผู้หญิงก็รีบวิ่งลงมาก่อน เพื่อนผู้ชายตัดสินใจเข้าไปรอที่ห้องพักครู ส่วนพี่ทีจะเข้าไปดูเพียงคนเดียวว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่ห้องซ้อม จังหวะที่พี่ทีเข้าไปในห้อง เขานั่งลงทำสมาธิ เหมือนพยายามที่จะสื่อ และพูดคุยว่าเกิดอะไรขึ้น ตรงนี้มีใคร ต้องการจะทำอะไรถึงได้มีน้องเห็นเป็นแสงวาร์ปออกมา และแม่กุญแจแกว่งได้ยังไงทั้ง ๆ ที่เป็นห้องปิด และไม่มีลมเลย... สักพักพี่ทีก็เดินออกมาจากห้องซ้อมใหญ่ และเดินตรงมาบีบคอเพื่อนผู้ชาย ที่ยืนรออยู่ที่ห้องพักครู เพื่อนที่ถูกบีบคอเริ่มทนไม่ไหวจึงพูดขึ้นมาว่า “ถ้าพี่ไม่ปล่อยผม ผมจะต่อยหน้าพี่จริง ๆนะ!” แล้วเพื่อนก็ต่อยเข้าที่หน้าด้านขวาจริง ๆ พี่ทีก็ล้มลงไป จากนั้นเพื่อนคนที่ถูกบีบคอก็รีบวิ่งหนีออกและกลับบ้านทันที หลังจากนั้น พอพี่ทีรู้สึกตัว เขาก็เล่าว่าตอนที่นั่งสมาธิ เขาเห็นว่ามีพ่อแก่ที่เป็นครูมาบอกว่า “ทำไมมีคนเอาขลุ่ยเพียงออ ไปเช็ดกระโปรงแบบนั้น” เขาเลยมาแสดงให้เห็นว่าเขาไม่พอใจ ให้ไปทำพิธีขอขมาเครื่องดนตรีก่อน ใครที่อยู่สายดนตรีไทยอยู่แล้ว เขาจะถือกันว่าห้ามทำพฤติกรรมที่แสดงถึงการไม่เคารพเครื่องดนตรี เพราะของทุกชิ้นมีครูดูแล..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เสียงปริศนาหลังกระต๊อบทำเสียวสันหลัง! พอมองลอดผ่านช่อง ก็เห็น...ระยะประชิดจนภาพติดตา!

10 มี.ค. 2023

เสียงปริศนาหลังกระต๊อบทำเสียวสันหลัง! พอมองลอดผ่านช่อง ก็เห็น...ระยะประชิดจนภาพติดตา!

ความเชื่อเรื่อง "ผีกระสือ" ที่มักจะเรืองแสงออกหากินของสดคาวและเน่าเหม็นในยามวิกาลมีมาอย่างยาวนานในบ้านเรา “พี่วิทย์ พชรพล” และครอบครัวก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เชื่อว่ากระสือมีจริง โดยอิงจากประสบการณ์ขนหัวลุก ที่พี่สาวแท้ ๆ ของพี่วิทย์เห็นมากับตา! โดยเรื่องนี้พี่วิทย์ได้นำมาเล่าให้ชาว “อังคารคลุมโปง X” (7 มีนาคม 2566) ได้เสียวสันหลังไปพร้อม กัน เรื่องจะเป็นยังไงนั้น ติดตามอ่านกันได้เลย! พี่วิทย์เล่าว่าต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณพี่วิทย์อายุแค่ 3 ขวบ ขณะที่ยังอาศัยอยู่ในย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ครอบครัวที่เริ่มมีฐานะดีขึ้น จึงมีแพลนว่าจะสร้างบ้านที่สวนฝรั่ง ระหว่างที่กำลังสร้างบ้าน ก็พักอาศัยอยู่ในกระต๊อบหลังเล็กชั่วคราวไปก่อน พี่วิทย์และพี่ ๆ ในครอบครัวก็ชอบไปตกปลาหลังกระต๊อบ เพราะมีน้ำท่วมบ่อย และมีปลิงตัวเล็ก ๆ ทำให้พ่อมักจะห้ามไม่ให้เด็ก ๆ ในครอบครัวมาเล่นบริเวณนี้ นอกจากนั้น หลังกระต๊อบก็มีไส้ไก่ หรือพวกของเน่าเสียถูกนำมาทิ้งไว้ พี่วิทย์อธิบายกระต๊อบหลังนั้นคร่าว ๆ ว่าทำจากไม้อัดยาว ๆ เรียงต่อกันทำให้จะมีช่องเล็ก ๆ ส่วนหลังคาเป็นสังกะสี ในทุก ๆ คืน จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลัง พี่สาวของพี่วิทย์ 2 คน ที่นอนอยู่ติดกับกำแพงไม้ก็นึกสงสัย และอยากรู้ให้ได้ว่ามันคือเสียงอะไร ทั้ง 2 ส่องลอดผ่านช่องแผ่นไม้กระต๊อบในระยะประชิด ก็เห็นเป็นผู้หญิงแก่ผมยาวยุ่งรุงรังกำลังกินไส้ไก่ด้วยความมูมมาม ที่สำคัญคือมีแสงไฟเล็ก ๆ ส่องสว่างขึ้นแล้วก็ดับ! พี่สาวของพี่วิทย์บอกว่า “ทุกครั้งที่พี่เล่า ภาพนั้นยังติดตาพี่อยู่เลยวิทย์” พี่วิทย์เชื่อว่าสิ่งนั้นคือ “กระสือ” ทั้งยังย้ำอย่างชัดเจนว่าไม่ได้โกหก และเล่าเสริมว่า “พี่สาวพี่ยังบอกอีกนะ ว่าตอนนั้นเขากินอย่างอร่อย เห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็เห็นเป็นคนแก่ หลังจากเขากินเสร็จ เขาก็ลอยออกไป แต่ลอยต่ำ ๆ นะไม่ได้ลอยสูง จากนั้นก็หายไป!” และยังเล่าอีกว่าพอเช้าวันถัดมา “ลุงขาว” พี่ชายแท้ ๆ ของพ่อพี่วิทย์เดินมาบอกว่า “เนี่ย ยายคนนี้ (กระสือ) แกเอาปากไปเช็ดคราบเลือกที่ผ้าขาวม้า” พ่อพี่วิทย์ก็บอกว่า “เมื่อคืนลูกสาว 2 คนก็เห็น” แม้ตอนนั้นพี่วิทย์จะยังเด็กมาก แต่ก็จำได้ว่าหลังกระต๊อบนั้นมีน้ำท่วมขัง พี่วิทย์ชอบเอาขาไปเล่นแล้วก็ไปตกปลากับพวกพี่ ๆ แต่พ่อก็จะมาอุ้มพี่วิทย์ออกไป เพราะมีปลิงมาเกาะ แล้วยังจำได้อีกว่าหลังกระต๊อบจะมีกลิ่นเหม็นมาก เพราะทิ้งของเน่าของเสีย อย่างไส้ไก่ไว้..(เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่

album

0
0.8
1