เรื่องเล่าจากคุณต้อม พุธพาหลอน 'ตามเอาคืน' l อังคารคลุมโปง X พี่ยม แท๊กซี่ผี [ 19 ส.ค.2568 ]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณต้อม พุธพาหลอน 'ตามเอาคืน' l อังคารคลุมโปง X พี่ยม แท๊กซี่ผี [ 19 ส.ค.2568 ]

04 ก.ย. 2025

       ‘คุณต้อม พุธพาหลอน’ ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวที่ได้ฟังมาจาก ‘คุณฟ้า’ ที่เพิ่งย้ายไปออฟฟิศใหม่ ซึ่งมีเพื่อนในทีมชอบกลั่นแกล้งจนทำให้มีคนเสียชีวิต! เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร สามารถติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X พี่ยม แท๊กซี่ผี’ (19 สิงหาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจเชาเชา’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตามเอาคืน’ ที่จะทำให้ทุกคนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง!

       เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ ‘คุณฟ้า’ ในออฟฟิศแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ วันแรกที่ย้ายเข้ามาทำงาน รู้สึกว่าบรรยากาศที่ทำงานดีมาก เธอมีเพื่อนในแผนกทั้งหมด 4 คนคือ ‘พี่โจ – มด - แอน และอิง’

       วันแรกในระหว่างที่ฟ้ากำลังทำงานอยู่ ปากกาของเธอก็ร่วงลงไปในซอกข้างโต๊ะ เธอจึงล้วงมือไปหยิบ แต่สิ่งที่ทำให้ต้องแปลกใจคือสิ่งที่เธอหยิบได้เป็นเส้นผมของผู้หญิงกระจุกใหญ่ที่มาพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่า จากนั้นก็ถามเพื่อนร่วมงานว่า

       “นี่คือเส้นผมใครหรอ?”

       เมื่อสิ้นสุดคำถาม จากบรรยากาศที่สดใสกลับกลายเป็นอึมครึม ทุกคนต้องหยุดชะงักกับคำถามของฟ้าเหมือนกับว่ากำลังตกใจกลัวอะไรบางอย่างอยู่ ไม่นาน พี่โจก็หันมาต่อว่าคนอื่น ๆ

       “กูบอกแล้วใช่ไหม ให้เอาเส้นผมไปทิ้ง ถ้าเกิดยังไม่ทิ้ง พวกมึงติดคุกกันหมดแน่!”

       ด้วยความไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ฟ้าจึงอาสาเอาเส้นผมไปทิ้งเอง ระหว่างที่เธอเข้าไปในห้องน้ำช่วงอาทิตย์กำลังจะตกดิน ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกำลังร้องไห้ออกมาเหมือนกำลังเสียใจ เสียงร้องไห้ค่อย ๆ ดังขึ้น ๆ กลายเป็นเสียงกรีดร้องพร้อมกับทุบไปที่ผนัง จนทำให้ฟ้าตกใจ จากนั้นฟ้าก็เอาเรื่องนี้กลับไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง ทุกคนได้แต่นิ่งแล้ววันนั้นก็ผ่านไป ต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้านโดยไม่มีใครพูดอะไร

       เช้าวันต่อมา ทุกคนก็มาทำงานตามปกติ ระหว่างที่ทุกคนมาทำงานกันครบหมดแล้ว ขาดเพียงแค่พี่โจ จู่ ๆ HR ของบริษัทก็เดินเข้ามาแล้วบอกว่า

       “พี่มีข่าวร้ายมาบอก พี่โจเสียแล้วนะ”

       พร้อมบอกสาเหตุที่พี่โจเสียชีวิตคือ พี่โจใช้สารเสพติดจนเห็นภาพหลอนแล้วผูกคอตายที่บ้านของตัวเอง ทุกคนต่างไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะ ‘มด’ ซึ่งเป็นรุ่นน้องคนสนิทของพี่โจ เธอตัดสินใจกดโทรไปยังเบอร์ของพี่โจแล้วเปิดลำโพงให้ทุกคนฟัง  สิ่งที่เกิดขึ้นคือไม่ใช่เสียงพี่โจที่ตอบกลับมา แต่กลับกลายเป็นเสียงเพลงมอญร้องไห้ที่ดังขึ้น พร้อมกับเสียงญาติของพี่โจถามว่า

       “ใครคะ?”

       ทำให้ทุกคนแน่ใจได้ว่าพี่โจเสียชีวิตแล้วจริง ๆ

       หลังจากนั้นบรรยากาศในที่ทำงานก็แย่ลงทุกวัน มดตัดสินใจว่าจะลาออก แต่แอนที่นั่งทำงานอยู่ข้าง ๆ ก็กระชากมือแล้วพูดว่า

       “จะไปไหนมด มึงก็เป็นต้นเหตุนะ”

       มดก็ตอบกลับทันทีว่า “ไอ้กานต์มันตายของมันเอง กูไม่เกี่ยว”

       ฟ้าที่ฟังทั้งคู่ทะเลาะกันไปมา ก็จับใจความได้ว่า เพื่อนร่วมงานทุกคน ได้มีการกลั่นแกล้งกานต์จนทำให้เธอต้องจบชีวิตลง รวมถึงพี่โจที่เป็นคนต้นเรื่อง เอากรรไกรไปแกล้งจะตัดผมกานต์ ซึ่งผมที่ตัดออกมาเยอะพอสมควร ทำให้กานต์ร้องไห้ออกมา แล้วกลับบ้านไปกินยาฆ่าตัวตาย และแม้ว่าทุกคนจะเอาเส้นผมไปทิ้งแล้ว แต่มันก็ยังกลับมาอยู่ที่เดิม   

       ระหว่างที่มดกับแอนกำลังทะเลาะกัน แอนก็พูดออกมาว่า

       “ไม่เกี่ยวห่าอะไร ไม่งั้นไอ้กานต์มันคงไม่ตามมึงไปถึงบ้านหรอก”

       มดสติแตกจับหัวแอนกระแทกโต๊ะทำงาน ทำให้แอนทนไม่ไหวคว้ามีดคัตเตอร์ไปโดนมุมปากของมดจนเกือบถึงหู แล้วเลือดก็ไหลออกมา ทำให้ต้องส่งตัวมดไปโรงพยาบาล หลังจากนั้นทั้งสองก็โดนไล่ออกเนื่องจากทำผิดกฎบริษัทอย่างร้ายแรง

       สิ่งที่ฟ้าทราบมาหลังจากนั้น คือ มดที่เป็นคนที่มีใบหน้าสวยหลังจากที่เสียโฉมก็เป็นโรคซึมเศร้า แอนก็กลายเป็นคนเสียสติ คุณฟ้าจึงเชื่อว่าทั้งหมดนี้คือผลของวิบากกรรมที่ทุกคนได้ก่อเอาไว้..

เขียน: ชิติพัทธ์ เพ็ชรมาลัย

เรียบเรียง: วันทนีย์ ไชยชาติ

ภาพ: กิตติพงษ์ นาคทอง

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

วัยรุ่นม.3 รวมตัวกันไปเที่ยวทะเล ได้ที่พักทาวน์เฮ้าส์ติดกันสองหลัง เจอเหตุการณ์แปลก ๆ ชวนเสียว ทั้งเสียงกรี๊ด เสียงเดิน จนผวานอนไม่ได้!

08 ธ.ค. 2023

วัยรุ่นม.3 รวมตัวกันไปเที่ยวทะเล ได้ที่พักทาวน์เฮ้าส์ติดกันสองหลัง เจอเหตุการณ์แปลก ๆ ชวนเสียว ทั้งเสียงกรี๊ด เสียงเดิน จนผวานอนไม่ได้!

ไปเที่ยวประจำปีกับเพื่อน ๆ ตามปกติ แต่กลับเจอดีจากสถานที่ที่ไปพัก เรื่องนี้ ‘พี่แจ๊ค’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (5 ธันวาคม 2566) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ม.3 เทอม1’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันได้เลย! พี่แจ็ค The Ghost Radio บอกว่า ‘คุณเอิร์ท’ นำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง โดยต้องเล่าย้อนกลับไปสมัย Hi5 คุณเอิร์ทกับกลุ่มเพื่อนมักจะมีการนัดไปเที่ยวประจำปี กลุ่มนี้สนิทกันมาตั้งแต่ ม.1 เทอมหนึ่ง จนขึ้น ม.2 เทอมหนึ่ง ก็มีการรวมตัวนัดคุย และเก็บเงินรายอาทิตย์ไว้ไปเที่ยวกัน เมื่อเก็บเงินครบจึงไปเที่ยวทะเลด้วยกัน พอมารอบนี้ ม.2 เทอมสอง ก็ไปเที่ยวกันอีก แต่รอบนี้ไปเที่ยวป่าเที่ยวเขา พอขึ้น ม.3 เทอมหนึ่ง ทุกคนก็รวมตัวกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไปเที่ยวทะเล เพราะว่าอยากกลับไปที่พักเดิมที่เคยไปในรอบแรก จึงรวมตัวกันได้ 14 คน เหมารถตู้กันไป และสมัยนั้นยังต้องโทรไปจองโรงแรม เพราะยังไม่แอปพลิเคชันอำนวยความสะดวกสบาย เมื่อไปถึงที่พักในจังหวัดเพชรบุรี ปรากฎว่าเข้าพักไม่ได้ เพราะแขกที่พักก่อนหน้านั้นขออยู่ต่ออีกหนึ่งคืน คุณเอิร์ทกับเพื่อนก็รู้สึกเคว้งจึงไปนั่งปรึกษากันอยู่ริมทะเล งานนี้นอกจากจะมีวัยรุ่น 14 คนแล้ว ยังมีคุณ ‘แม่ของคุณเอิร์ท’ ไปด้วย ระหว่างที่นั่งปรึกษากันอยู่นั้น ก็มีวินมอเตอไซค์ขับผ่านมา แล้วถามว่า “นั่งทำอะไรกัน ได้ที่พักกันหรือยังหนุ่ม ๆ ?” เด็ก ๆ จึงบอกไปว่าต้องการที่พัก และโจทย์คือต้องอยู่ด้วยกันทั้ง 14 คน ทางวินมอเตอไซค์จึงขับรถนำรถตู้พาไปดูโรงแรม พอไปถึงที่แรกเป็นบ้านสองหลังติดกัน นอนได้ 14 คน แต่ไม่มีแอร์จึงขอผ่านไปก่อน อีกที่ เป็นบ้านสองหลังเหมือนกันแต่ไม่ตอบโจทย์ เพราะมีหลังอื่นขั้นตรงกลาง กระทั่งมาที่สุดท้าย เป็นบ้านสองหลังติดกัน มีแอร์ ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นทาวน์เฮ้าส์สองหลัง สองชั้น รวมสองหลังมีประมาณ 4 ห้องนอน รวมห้องโถงอีก ทุกคนโอเค ทางคุณแม่ของคุณเอิร์ทจึงไปติดต่อกับเจ้าของที่พักให้ บ้านทั้งสองหลังจะแบ่งเป็นสายเล่นเกมอยู่หลังที่หนึ่ง ส่วนหลังที่สองมีแม่ของคุณเอิร์ทอยู่ด้วย แล้วก็มีคุณเอิร์ท รวมถึงเพื่อน ๆ อีกประมาณนึง ระหว่างที่ขนของเข้าบ้านหลังแรกอยู่ คุณเอิร์ทก็หันมามองบ้านหลังที่สอง เห็นเพื่อนคนหนึ่งกำลังไขประตูแต่ไขไม่ออก คุณเอิร์ทจึงไปช่วยเพื่อน และนำกุญแจไปไขแทน สรุปก็คือไขไม่ออกจริง ๆ เหมือนติดอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน คุณเอิร์ททั้งทุบกลอน ทั้งไข ทั้งเขย่าประตู ด้วยความที่เป็นวัยรุ่นอารมณ์ร้อนเลยพูดกับประตูไปว่า “ถ้ามึงไม่เปิด ถ้าเปิดไม่ออก กูจะพังแล้วนะ” สิ้นเสียงคุณเอิร์ท ก็มีเสียงลูกบิดกลอนประตูดังก๊อก! แล้วประตูก็เปิดดังเอี๊ยดดดด! ณ ตอนนั้นคุณเอิร์ทกับเพื่อนยืนมองหน้ากัน แต่ก็คิดว่ามันคงเป็นจังหวะที่ทุบแล้วมันหลุดมาพอดี ในระหว่างที่ขนของเข้าบ้านหลังแรกคุณเอิร์ทรู้สึกว่าร้อน แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติเพราะยังไม่ได้เปิดแอร์ แต่พอเป็นบ้านหลังที่สอง เขากลับรู้สึกเย็นเหมือนเปิดแอร์ทิ้งไว้ ขออธิบายภายในบ้านเพิ่มเติมว่า จากประตูที่คุณเอิร์ทยืนอยู่ มองไปข้างหลังจะเป็นเหมือนกับประตูที่ออกไปข้างนอก เป็นลานซักล้างและข้างประตูมีบานเกร็ด คุณเอิร์ทบอกว่าจังหวะที่ประตูเปิดเข้าไป คุณเอิร์ทมองไปที่บานเกร็ดเห็นเป็นเหมือนผ้าขาว ๆ พลิ้ว ๆ เหมือนคนตากผ้าไว้ จึงคิดว่าแขกคนเก่าอาจจะลืม คุณเอิร์ทจึงเดินไปเปิดประตูหลังบ้าน พอเปิดประตูเสร็จ สิ่งที่คุณเอิร์ทเห็นเป็นผ้าสีขาวกลับไม่มี! คุณเอิร์ทคิดว่าตัวเองตาฝาด จึงยืนนิ่ง ๆ อยู่สักพักนึง แล้วก็สะดุ้งเพราะเพื่อนทั้งหมดวิ่งกรูขึ้นไปข้างบนเสียงดังเฮฮาโวกเวกโวยวาย ความสนุกของเพื่อน ๆ ก็แผ่กลบบรรยากาศอันน่าสยองนี้ไป.. นอกจากบ้านที่คุณเอิร์ทมาพักแล้ว ฝั่งตรงข้ามก็มีอีกหลัง ซึ่งเป็นของพี่ ๆ น้อง ๆ ชาว LGBTQ พอพวกเขาเห็นกลุ่มคุณเอิร์ธที่เป็นวัยรุ่น จึงแซวข้ามไปข้ามมา สนุกสนานกันไป มีบางเวลาที่บ้านหลังแรกเล่นเกมกันไม่ออกไปไหน ส่วนหลังที่สอง คุณเอิร์ทกับกลุ่มเพื่อนก็ไปเล่นน้ำ ในระหว่างทางเดินไปเล่นน้ำ จะมีเพื่อนคนหนึ่งของคุณเอิร์ทค่อนข้างหน้าตาดี จึงโดนพี่ ๆ ชาว LGBTQ แซวว่ามีแฟนหรือยังตามประสาทั่วไป ในจังหวะที่คุณเอิร์ทกับเพื่อนเล่นน้ำนั้น ตัดภาพมาที่บ้านหลังแรก มีเพื่อนของคุณเอิร์ทคนหนึ่งนอนอยู่ข้างบน ขณะที่คนอื่นกำลังเล่นเกมกันอยู่ เพื่อนที่นอนอยู่ก็ฝันเห็นเป็นผู้หญิงใส่ชุดเดรสสีขาว ถักผมเปียคาดหน้าผาก มายืนมองเพื่อนคนนี้อยู่ที่ปลายเตียง แล้วเขาก็สะดุ้งตื่น จากนั้นก็นำเรื่องนี้มาเล่าให้กับเพื่อน ๆ ที่เล่นเกมอยู่ฟัง เพื่อน ๆ ก็บอกว่าสงสัยเห็นสาวที่ร้านสะดวกซื้อแล้วคิดมาก แล้วเรื่องนี้ก็ผ่านไป ตัดภาพที่ฝั่งของคุณเอิร์ท หลังจากเล่นน้ำกันเสร็จ เพื่อนคนหนึ่งชื่อ ‘คุณปาร์ค’ ก็เดินไปบ้านหลังที่สอง ซึ่งบ้านหลังนี้ก็มีเพื่อนบางส่วน และมีคุณแม่ของคุณเอิร์ทอยู่ คุณปาร์คไปเคาะประตูบ้านเพื่อที่จะอาบน้ำ ปรากฏว่ายืนเคาะอยู่ครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีใครมาเปิด จนกระทั่งเพื่อนออกมาเปิดประตู เพื่อนก็งงว่า “ทำไมไม่เคาะประตูทำไมถึงไม่เรียก มายืนค้างหน้าประตูทำไม” คุณปาร์คจึงตอบไปว่า “เรียกตั้งนานแล้ว ทั้งเคาะ ทั้งตะโกนเรียก แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน” จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำตามปกติ ขณะที่คุณปาร์คกำลังอาบน้ำ เขาสังเกตเห็นว่าตรงท่อระบายน้ำมีเส้นผมของผู้หญิง เขาคิดว่ามันเป็นของแขกคนก่อน พออาบน้ำเสร็จก็มานอนที่เตียง แล้วก็เคลิ้มหลับ คุณปาร์คก็ฝันเห็นผู้หญิงผมยาวใส่ชุดเดรสสีขาว ทรงผมถักเปียคาดหน้าผาก ยืนอยู่ที่ปลายเตียง แล้วค่อย ๆ เดินมาหาคุณปาร์ค ค่อย ๆ คุกเข่าคลานขึ้นมาบนเตียง แล้วก็เอามือมาจับที่แขนของคุณปาร์ค แต่ว่าจังหวะที่มือจับ คุณปาร์คสะดุ้งตื่น เพราะเพื่อนมาสะกิดพอดี คุณปาร์คไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ได้แต่เก็บไว้ในใจ ตัดภาพมาที่ข้างล่าง ขณะนี้เป็นเวลาช่วงเย็น ตัวคุณแม่นั่งอยู่ข้างล่าง ส่วนคุณเอิร์ทไปปั่นจักรยานกับเพื่อน คุณแม่จึงโทรสั่งอาหารที่ดีลไว้กับที่พักให้มาส่ง เมื่ออาหารมาส่ง คุณแม่ก็บอกว่าเข้ามาได้เลย แต่คนส่งอาหารก็ยืนอ้ำอึ้งอยู่หน้าประตูไม่ยอมเข้ามา จนกระทั่งคุณแม่ต้องให้เพื่อนคนนึงเดินเอาเงินไปให้และไปเอาอาหารเข้ามา หลังจากนั้นแต่ละบ้านก็แยกกันกินข้าว พอกินข้าวเสร็จ กลุ่มเพื่อน ๆ ก็ขึ้นไปข้างบน มีเพื่อนคนหนึ่งจะหาครีมทาตัว ก็ช่วยกันหาครีม ปรากฏว่าหลอดครีมทาตัวที่เขาวางไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งมันไปอยู่ใต้เตียง ก็คิดว่าใครมาแกล้ง หรือผีหลอก จากนั้นก็เล่นปิดไฟหลอกผีกันไปมา โครมครามกันอยู่ข้างบน คุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างล่างก็ได้ยินเสียงเด็ก ๆ พอเด็ก ๆ เล่นกันเสร็จก็ลงมานั่งดูทีวีกันข้างล่าง ปรากฏว่าตอนที่เด็ก ๆ ทั้งหมดลงมา คุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างล่างก็ได้ยินเสียงบนห้องเป็นเสียงกรี๊ด! เสียงปิดประตูปั๊งงงงง! เสียงเดิน เสียงย่ำเท้า คุณแม่จึงถามเด็ก ๆ ว่า “ได้ยินมั้ย?” เด็ก ๆ ตอบว่า “ไม่ได้ยิน” ต้องบอกก่อนว่าคุณแม่ของคุณเอิร์ทเป็นคนมีจิตสัมผัส คุณแม่จึงบอกว่า “มาลองจับตัวแม่” พอทุกคนจับตัวแม่เสร็จปุ๊ป พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้ยิน” ตอนแรกเป็นเสียงเหมือนอยู่ไกล ๆ แต่พอไปๆ มา ๆ ก็แน่ใจว่าเสียงอยู่ชั้นสองของบ้าน พอเป็นเสียงกรี๊ด ก็กรี๊ดดังมาก ทุกคนจึงมานั่งกระจุกตัวอยู่กับคุณแม่ จังหวะนั้นคุณเอิร์ทก็เปิดประตูเข้ามาบ้านพอดี พอเห็นเพื่อนตัวเองนั่งเกาะแม่อยู่ คุณแม่ก็บอกว่าให้เงียบ ๆ แล้วถามว่า “เอิร์ทได้ยินมั้ย?” ด้วยความที่คุณเอิร์ทก็มีจิตสัมผัสเหมือนกัน จึงตอบว่า “ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง แต่ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงมาจากทีวี” พอหันไปมองที่ทีวีแต่ทีวีก็ปิดอยู่ คุณเอิร์ทจึงตั้งใจฟัง ปรากฏว่าได้ยินเป็นเสียงกรี๊ดข้างบน จากนั้นก็ปิดประตูแล้วก็วิ่ง คุณแม่จึงหันขึ้นไปข้างบนแล้วบอกว่า “ถ้ามึงไม่หยุด กูจะแช่ง” พอพูดจบ ก็ได้ยินเสียงปิดประตูปั๊งงง! แล้วก็เสียงกรี๊ด แล้วก็เสียงวิ่งดัง ๆ ตอนนั้นทุกคนกลัวมาก คุณแม่จึงบอกว่า “ให้ไปตามเพื่อนหลังแรกมาช่วยขนของที่นี่ แล้วเราไปอยู่หลังแรกกันก่อน” แต่ก็ไม่มีใครกล้าไป คุณเอิร์ทกับคุณปาร์คจึงอาสา พอเปิดประตูออกมาจากบ้านก็เดินผ่านหน้าบ้านชาว LGBTQ ซึ่งตอนนั้นพวกเขากำลังล้างรถกันอยู่ จึงแซวว่า “แหมม..มีแฟนแล้วก็ไม่บอก พาแฟนมาด้วยสวยเชียวนะ” ทั้งคู่ก็ตกใจเพราะไม่ได้มีผู้หญิงคนไหนมาด้วย จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปบ้านหลังแรก บ้านหลังแรกที่นั่งเล่นเกมกันอยู่ก็ตกใจ จึงแซวว่า “โดนผีหลอกมาเหรอ” แล้วก็ขำกัน ส่วนตัวของคุณปาร์คก็วิ่งขึ้นไปนอนคลุมโปงอยู่ข้างบน คุณเอิร์ทจึงตอบเพื่อนไปว่า “ใช่ กูโดนผีหลอก” แล้วก็เล่ารายละเอียดให้เพื่อนฟัง พร้อมบอกให้เพื่อน ๆ ไปช่วยกันเก็บของที่บ้านหลังที่สอง เมื่อไปถึงบ้านหลังที่สอง ก็รีบเก็บของจากข้างล่างขึ้นไปเก็บข้างบน ซึ่งข้างบนจะมีอยู่สองห้อง ห้องซ้ายกับห้องขวา ห้องหนึ่งเปิดประตูเก็บของเรียบร้อย ในตอนนั้นคุณเอิร์ทยืนอยู่ระหว่างทางห้องหนึ่งกับห้องสอง เขาก็ถามเพื่อนว่า “ของเก็บหมดยัง” เพื่อน ๆ จึงตอบไปว่า “เก็บหมดแล้วมั้ง” คุณเอิร์ทจึงหันไปมองห้องสอง แล้วพูดว่า “แล้วห้องนี้เก็บหรือยัง” พอพูดจบ ประตูก็ปิดเข้าหาหน้าดังปั๊งง! ใส่หน้าคุณเอิร์ท ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่บนนั้นก็รีบวิ่งลงมาข้างล่าง วิ่งไปขึ้นรถตู้ แต่คุณแม่ไม่อยู่ ทุกคนจึงรอคุณแม่มา เพราะคุณแม่ไปถามเจ้าของบ้านเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พอคุณแม่กลับมา ก็ขึ้นรถตู้เรียบร้อย รถก็ขับออกมา ทางด้านบ้านฝั่ง LGBTQ ก็ยังคงแซวอยู่ว่า “กลับแล้วหรอ” แต่ในระหว่างที่รถออกมา คุณเอิร์ทมองไปที่พี่ ๆ กลุ่มนั้น ก็เห็นว่าเขามองรถและมองบ้านสลับกันไปมา แล้ววิ่งหนีเข้าไปในบ้านตัวเอง เหมือนมองประมาณว่า ‘มึงลืมใครไว้ที่บ้านหลังนี้หรือเปล่า’ พอรถตู้ออกมาได้สักพัก ภายในรถก็นั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คุณแม่บอกว่า “เจ้าของบ้านแทนที่จะตอบ กลับไม่ตอบแล้วทำท่าอึกอัก แล้วก็บอกว่าเดี๋ยวจะลดราคาให้” จนกระทั่งคุณแม่พูดถึงความผิดปกติของบ้าน คือบ้านสองหลังเหมือนกันทุกอย่าง ยกเว้นตรงบันได บันไดบ้านหลังแรกเป็นบันไดไม้เวลาเดินขึ้นลงจะเห็นเท้าปกติ แต่บ้านหลังที่สองมีปูนถูกก่อขึ้นมาปิดใต้บันไดเอาไว้ จึงถามว่า “ตรงใต้บันไดมีอะไรหรือเปล่า เพราะมันไม่หมือนหลังหนึ่ง” ปรากฏว่าเจ้าของบ้านเล่าว่า “สมัยก่อน มีผู้หญิงผู้ชายเคยมาเช่าอยู่ แต่ทะเลาะกันยังไงก็ไม่รู้ผู้ชายลงมือฆ่าผู้หญิง เอาศพไปไว้ใต้บันได พยายามให้แม่บ้านมาทำความสะอาดแล้ว แต่มันทำความสะอาดไม่ได้ คราบเลือดคราบน้ำหนองมันไม่หาย จึงโบกปูนขึ้นมาปิดเพื่อที่จะไม่ให้มีใครเห็น ก็คิดว่ามันคงจะไม่มีอะไร” หลังจากนั้นระหว่างที่รถแวะจอดกินข้าว เพื่อนของคุณเอิร์ทได้นำไปเล่าให้กับป้า ๆ ที่ทำอาหารฟัง ป้าจึงบอกว่า “ยังไปพักกันอยู่อีกเหรอ ที่นี่ไม่มีใครไปพักนานแล้วนะ” หลังจากนั้นก็ได้แวะวัด ปรากฏว่ามีพระทักว่า “โยมไปเจออะไรกันมา หนักนะเนี่ย” พระท่านก็พรมน้ำมนต์ให้ คุณเอิร์ทจึงติดใจมาตลอดว่าทำไม่ถึงถูกพระทักแบบนี้ และไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตอนนั้นมีคนรู้จักแนะนำให้ไปหาคนทรง คนทรงบอกว่า “เหมือนกับคนนี้ดวงซวยที่ไปเจอไปเห็นอะไร” เขาบอกว่ามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ชื่อ ‘คุณเย็น’ ตอนที่จะเข้าไปเก็บของจากบ้านที่สองไปบ้านแรก คุณเย็นเปิดประตูเข้าไปแล้วยืนนิ่ง ๆ น้ำตาไหลร้องไห้ คุณเย็นบอกว่าพอเปิดประตูเข้าไป มองผ่านประตูข้างหลังที่มันทะลุไปพื้นที่ซักล้าง ก็เห็นเป็นผู้หญิงคนนั้น ยืนมองเขาผ่านหน้าช่องบานเกร็ด เขาบอกสิ่งที่เขาจำได้ว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่มาเข้าฝัน ซึ่งไม่รู้ว่ามายืนตรงนี้ได้ยังไง เขาก็จึงยืนช็อคอยู่แบบนั้น คนทรงบอกว่า “ที่ไปเจอมาแบบนี้เพราะว่าจิตเราเปิด พอจิตเราเปิดเราจะมองเห็นอะไรอย่างอื่นด้วย” เพื่อนจึงตอบว่า “ใช่” เพราะหลังจากกลับจากไปเที่ยววันนั้น เขาฝันทุกวัน เห็นเป็นผู้ชายจะมาเอาชีวิต ซึ่งผู้ชายคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ พอมาคุยกับคนที่เป็นคนทรงจึงได้รู้ว่าคนนี้คือ เจ้ากรรมนายเวรที่จะมาเอาชีวิตหลังจากที่จิตเปิด สิ่งเดียวที่ทำได้คือไปบวช เพื่อนคนนี้จึงไปบวชเณร หลังจากที่บวชเสร็จก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงที่เจอที่ที่พักนั้นยังอยู่หรือเปล่า..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากหมอบี ทูตสื่อวิญญาณ 'ลบผง' I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - อ๊อฟ อัครพล [7 ม.ค. 2568 ]

12 ม.ค. 2025

เรื่องเล่าจากหมอบี ทูตสื่อวิญญาณ 'ลบผง' I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - อ๊อฟ อัครพล [7 ม.ค. 2568 ]

‘หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - อ๊อฟ อัครพล’ ได้นำเรื่องเล่าที่มาจากประสบการณ์จริง มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 มกราคม 2568) โดยมี ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ร่วมรายการ ทั้ง 2 ดีเจก็ได้คิดเห็นตรงกันว่า เรื่องที่หมอบีเล่าสามารถเป็นข้อคิดให้กับแฟน ๆ ของรายการได้อย่างแน่นอน หมอบีได้เล่าว่าเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยเนื้อหาหรือสถานที่ของเหตุการณ์ได้มากนัก โดยเริ่มแรก มีลูกศิษย์ของพระรูปหนึ่ง (พระรูปนี้เสียชีวิตไปนานแล้ว) ได้มาบอกหมอบีว่า พระอาจารย์ท่านนี้เก่งในเรื่องเกี่ยวกับการ ‘สักยันต์ วิชาอาคม ไสยศาสตร์’ แต่ส่วนตัวของหมอบีนั้นไม่ได้ชอบเรื่องพวกนี้ แต่เหตุผลที่ตกลงไปเพราะได้รับการชวนหลายครั้ง และอีกใจหนึ่งก็อยากไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาด้วย เมื่อไปถึงสถานที่แห่งนั้น ก็พบว่าเป็นสถานที่รกร้างแต่กว้างใหญ่ แสดงให้เห็นว่าเมื่อก่อนมีผู้คนจำนวนมากที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ หลังจากได้เห็นสถานที่ หมอก็เริ่มรับรู้ได้ว่าพระรูปนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะได้เจอกับรูปปั้นของพระรูปนั้น และได้ทราบภายหลังว่าพระรูปนี้มีชีวิตอยู่ในสมัยอยุธยา นอกจากนี้ ในประวัติท่านได้บอกว่าท่านได้เก็บพระไว้ในโถหรือไห ที่บริเวณรอบ ๆ ของต้นโพธิ์ที่อยู่ใกล้กับรูปปั้นของท่านและยังมีของที่ตัวท่านทำเอง เก็บไว้ที่ฐานของรูปปั้น (ในตอนแรก หมอบีก็ยังไม่ทราบว่าคืออะไร) แต่เนื่องจากเวลาผ่านมานาน ทำให้มีหลายคนได้เข้ามาขโมยพระเหล่านั้นไป หมอบีจึงตัดสินใจที่จะลองดูที่ใต้ฐานของพระพุทธรูป จนได้เจอกับแผ่นจานทองเหลืองที่มีอักขระเขียนไว้ พอได้เปิดเข้าไปข้างใน หมอบีก็ได้เจอกับร่างของพระรูปนั้น ซึ่งร่างของท่าน ไม่มีการเน่าเปื่อยแต่อย่างใด กลับมีลักษณะเป็นเหมือน ‘ไม้’ มากกว่า และอักขระที่เป็นยันต์ตามตัวก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม หลังจากนั้น ลูกศิษย์ของพระท่านนั้นก็ได้ลองให้หมอบีเขียนอักขระยันต์ พอหมอบีเขียนเสร็จ ลูกศิษย์คนนั้นได้นำไปให้คุณป้าท่านหนึ่งดู ป้าท่านนั้นตกใจเป็นอย่างมาก เพราะลายมือของหมอบี มีความเหมือนกับของพระอาจารย์เป็นอย่างมาก ต่อมา หมอบีได้เจอกับกุฏิของพระรูปนั้น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ท่านใช้ชีวิตอยู่และทำพิธีต่าง ๆ จึงไม่สามารถให้คนอื่นเข้าได้ แต่คุณป้าที่เป็นผู้ดูแลกลับอนุญาตให้หมอบีเข้าไป คุณป้าได้ให้หมอบีนั่งตรงจุดที่พระอาจารย์ได้ทำการ ‘ลบผง’ และคุณป้าก็ได้หยิบกระดานชนวนและชอล์กมาให้หมอบี ซึ่งกระดานชนวนที่หมอบีรับมาก็คือกระดานชนวนที่หลวงพ่อเคยใช้ หมอบีได้แต่สงสัยว่าต้องทำอะไร แต่พอเวลาได้ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจให้หมอบีทำการเขียนอักขระลงไป ซึ่ง ณ ตอนนั้น ในใจของหมอบีได้แต่คิดในใจว่าหลวงพ่อท่านแกล้ง เพราะรู้ว่าหมอบีไม่ค่อยได้สนใจในศาสตร์ด้านนี้ พอเขียนเสร็จ หมอบีก็ลบอักขระเหล่านั้นออกจากกระดาน สิ่งนี้เองที่เรียกว่าการ ‘ลบผง’ หลังจากหมอบีได้ทำไปแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จึงได้รับรู้ว่า การทำแบบนี้เป็นเหมือนกับการฝึกสมาธิและสติ ทำให้หมอบีได้รับรู้ถึงความหมายอักขระแต่ละตัว “เปรียบเสมือนกับทุกสิ่ง มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป” หลังจากนั้น หมอบีได้รู้ว่าหลวงพ่อท่านนี้เคยได้ทำการสักยันต์ให้กับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งหมอบีกับผู้ใหญ่ท่านนี้ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน แต่แล้ววันหนึ่ง ผู้ใหญ่ท่านนี้ได้ทำการติดต่อหมอบีและส่งรถยนต์มารับ พร้อมกับได้บอกกับหมอบีว่า “หลวงพ่อท่านได้ทำการเข้ามาในความฝันและบอกให้เรียกหมอบีมา” หลังจากนั้น หมอบีก็ได้ตระเวนไปตามเคสต่าง ๆ จนได้ไปเจอกับหลวงปู่สุข และได้รับคำสอนในเรื่องเกี่ยวกับการทำสมาธิอีกครั้ง หลังจากครั้งนั้น ทำให้หมอบีต้องกลับมายังกุฏิของหลวงพ่อท่านนั้นอีก ในครั้งนี้เหมือนหมอบีได้รับรู้ว่าหลวงพ่อท่านบอกว่า “เห็นไหม เรียนกับเราแต่แรกก็จบแล้ว” หลังจากวันนั้น หมอบีก็เข้าใจและไม่ได้ต่อต้านเรื่องเหล่านี้อีก ทั้งสองดีเจได้เห็นพ้องต้องกันว่าสิ่งที่หมอบีได้รับเป็นเสมือนคำสอน อีกทั้งยังเหมือนได้รับเครื่องเตือนใจหรือสติสอนใจ หมอบีได้เล่าต่อว่าสถานที่แห่งนี้ก็ยังมีอยู่ แต่ที่ดินของพื้นที่นี้ได้มีการถูกแย่งพื้นที่ไปมา และหลวงพ่อท่านยังเคยมาบอกหมอบีด้วยว่า “จะมีคนมาแย่งร่างของท่านกัน อยากให้หมอบีมาช่วยแย่งร่างท่านไปด้วย”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณขวัญ ‘ศูนย์รวมวิญญาณ’ I อังคารคลุมโปง X เอฟ พงศ์พิทักษ์ [ 14 พ.ค. 2567]

20 พ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณขวัญ ‘ศูนย์รวมวิญญาณ’ I อังคารคลุมโปง X เอฟ พงศ์พิทักษ์ [ 14 พ.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณขวัญ’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (14 พฤษภาคม 2567) เตรียมตัวขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ศูนย์รวมวิญญาณ’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! คุณขวัญเริ่มเล่าว่า คุณขวัญทำอาชีพเป็นหมอดู ซึ่งคุณขวัญมีลูกดวงอยู่คนหนึ่ง เคยปรึกษาปัญหากันอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ลูกดวงอยากปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับคุณแม่ โดยคุณแม่มักจะมีอาการปวดเมื่อยไปทั่วร่างกาย ตั้งแต่ขาไล่จนมาถึงศีรษะ ซึ่งจะเป็นหนักในช่วงวันพระและวันโกนของทุก ๆ เดือน ลูกดวงเองจึงสัมผัสได้ว่า ‘น่าจะมีบางอย่างผิดปกติ..’ ลูกดวงคนนี้ อาศัยอยู่ในภาคอีสาน จึงมีความเชื่อเรื่องวิญญาณค่อนข้างมาก หลังจากนั้น คุณแม่ก็ได้ไปปรึกษากับ ‘หมอธรรม’ บุคคลที่มีคนให้ความนับถือทางด้านคาถาอาคมทางพุทธเวทย์และไสยเวทย์ เป็นหมอธรรมแถวบ้านท่านหนึ่ง หมอธรรมจึงทำพิธีสื่อวิญญาณ อ้างว่าดวงวิญญาณที่สื่อด้วยเป็น ‘วิญญาณของเจ้าที่’ ซึ่งดวงวิญญาณเกิดความไม่พอใจในตัวของคุณแม่ สาเหตุเป็นเพราะว่า คุณแม่ทำบุญให้น้อย ดวงวิญญาณยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ อีกทั้งต้องการให้คุณแม่รับขันธ์ และกลับมาทำพิธีขอขมาคุณพ่อ เพราะเจ้าที่ท่านไม่พอใจคุณแม่ที่ชอบบ่นชอบดุคุณพ่อ แถมยังกำชับว่า คุณแม่ต้องเซ่นไหว้ อาหารคาวหวาน และเหล้าในพื้นที่บริเวณบ้าน คุณแม่จึงตั้งข้อสงสัยว่า “การทำแบบนี้เป็นการเลี้ยงผีหรือเปล่า?” ทำให้คุณแม่ไม่ได้ทำตามที่คุณหมอธรรมแนะนำมา หลังจากนั้นลูกดวงก็ส่งโทรศัพท์ให้คุณแม่คุยกับคุณขวัญ สิ้นเสียงคำว่า “ฮัลโหล” สิ่งที่คุณขวัญเห็น คือ บ้านไม้เก่า ๆ หนึ่งหลังที่ใต้ถุนบ้านยกขึ้นสูง แล้วก็ยังเห็นดวงวิญญาณของผู้ชายดวงหนึ่ง มีลักษณะสูงค่อนไปทางผอม หน้าคม ผิวสีดำแดง มีท่าทางคล้ายกับคนของเมา คุณขวัญจึงบอกภาพที่เห็นให้กับคุณแม่ฟัง คุณแม่ก็ไม่ได้มีท่าทีใดตอบกลับมา คุณขวัญจึงถามคุณแม่ไปว่า “ปกติคุณพ่อดื่มเหล้าไหมคะ.. แล้วช่วงนี้คุณพ่อมีอาการแปลกออกไปหรือเปล่า ?” หลังจากที่คุณขวัญถามไป คุณแม่จึงยอมเล่าว่า “โดยปกติแล้วคุณพ่อเป็นคนดื่มเหล้า และชอบสังสรรค์กับเพื่อน แต่ช่วงหลังมานี้ คุณพ่อดื่มหนักมากจนเกินไป ตกเย็นมาเป็นอันต้องดื่ม จนบางครั้งคุณพ่อก็นั่งดื่มคนเดียวที่หน้าบ้าน แต่ที่น่าแปลกคือ คุณพ่อมีท่าทีเหมือนกำลังนั่งคุยอยู่กับใครบางคน ทั้งที่จริงแล้วคุณพ่อนั่งอยู่คนเดียว จนกระทั่งคืนหนึ่ง เวลาประมาณเที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง คุณพ่อได้ลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปกินเหล้าที่หน้าบ้าน ซึ่งครั้งนี้คุณพ่อได้ลุกขึ้นเต้น ร้องรำทำเพลงและมีท่าทีที่สนุกสนาน ทั้งที่ปกติแล้วคุณพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน พอคุณแม่ตื่นมาเห็นก็ตกใจ ถามคุณพ่อว่า “แกเป็นอะไร ?” เมื่อคุณพ่อเห็นคุณแม่ก็ไม่พูดอะไร และรีบขับรถออกไปทันที กลับมาอีกทีคือช่วงเช้า” คุณขวัญจึงเรียบเรียงข้อมูลที่ได้รับมาบอกกับคุณแม่ไปว่า “คุณแม่คะ นั่นไม่ใช่คุณพ่อ แต่เป็นวิญญาณของผู้ชายคนนี้ที่กำลังแฝงคุณพ่ออยู่ แล้วสิ่งที่คุณหมอธรรมบอกกับคุณแม่ว่าเป็นเจ้าที่ แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย เป็นดวงวิญญาณของผู้ชายคนนี้ที่ยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ” ขวัญจึงถามคุณแม่ต่อว่า “คุณพ่ออยากกินก้อยบ้างไหม ? เพราะดวงวิญญาณนี้ จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่าก้อย” คุณแม่จึงตอบว่า “ใช่ ปกติคุณพ่อไม่เคยกินก้อยเลย แต่พอหลังจากเกิดเหตุการณ์แปลก ๆ คุณพ่อก็เลยเริ่มอยากกินก้อยขึ้นมา” ขวัญจึงบอกคุณว่า “ตอนนี้โดนผีหลอกของจริงแล้วละค่ะ” หลังจากนั้นคุณแม่ก็เล่าต่อว่า “ลักษณะบ้านที่ขวัญเห็น เคยเป็นบ้านที่อยู่ติดกับคุณแม่มาก่อน ซึ่งเจ้าของบ้านหลังนั้น มีพฤติกรรมติดเหล้ามาก ก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ” และในระหว่างที่ขวัญคุยกับคุณแม่อยู่ คุณขวัญก็มักจะได้ยินเสียงคนคุยกันแทรกบทสนทนาอยู่เสมอ คุณขวัญจึงบอกกับคุณแม่ว่า “คุณแม่ขวัญว่าไม่ได้มีแค่นี้แน่เลย คุณแม่ได้เจออะไรที่มันเยอะกว่านี้ไหม ?” คุณแม่จึงเล่าว่า “เคยมีเหตุการณ์ที่ลูกสะใภ้นอนอยู่ในห้อง แล้วก็เห็นวิญญาณของผู้หญิงตนหนึ่ง ชะโงกหน้าออกมามองตรงมาที่เตียงนอน และในช่วงเวลากลางคืน มักจะได้ยินเสียงคนเดินอยู่ในบริเวณบ้านเป็นประจำ” ซึ่งคุณแม่ทำอาชีพ ‘รับเหมาก่อสร้าง’ ทำให้มีคนงานเข้าออกอยู่เสมอ คนงานคนหนึ่งเคยมาเล่าให้ฟังว่า ช่วงเย็นหลังจากทำงาน ตนผูกเปลนอนเล่นใต้ต้นไม้ ช่วงที่กำลังจะเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงคนคุยเล่นกันเสียงดังสนุกสนาน แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมา กลับไม่ได้ยินเสียงหรือเจอใครเลย นอกจากนี้ คุณแม่เองก็เคยเจอผีภายในบริเวณบ้าน พร้อมเล่าว่า “ตอนนั้นคุณแม่ออกมาตามคุณพ่อไปทานข้าว เมื่อเดินเข้าไปในห้อง กลับเห็นดวงวิญญาณสีดำสนิท ปีนอยู่ข้างกำแพง และกระโดดลอยออกนอกหน้าต่างไป” ซึ่งมักมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง คุณแม่เล่าต่ออีกว่า “คุณแม่มักได้ยินเสียง วี๊ด.. เบา ๆ บริเวณหลังบ้าน” และในระหว่างที่คุณแม่กำลังเล่าอยู่ ขวัญก็ได้เห็นภาพลักษณะคล้าย ‘เปรต’ อยู่บริเวณหลังบ้าน จึงถามคุณแม่ว่า “คุณแม่เคยเจอเปรตบ้างไหมคะ ?” คุณแม่ก็ตกใจถามว่า “รู้ได้ยังไง เพราะมีคนงานเคยเจอจริง ๆ ซึ่งเป็นช่วงเย็นหลังจากทำงาน คนงานคนนั้นกำลังนอนเล่นอยู่บริเวณหลังบ้าน เขาก็เห็นร่างสูงใหญ่ เดินข้ามกำแพงบ้านมาแล้วก็มาหยุดมองมาทางเขา ทำให้ไม่มีคนงานกล้านอนในบริเวณบ้านอีกเลย” ซึ่งเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นภายในบ้านเยอะขึ้น และเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ โดยคุณแม่เล่าต่อว่า “วันนั้นเป็นช่วงที่คุณแม่กำลังทำกับข้าว มีลมลูกใหญ่ปะทะเข้ามาที่บ้าน ทำให้ประตูและหน้าต่างที่เปิดอยู่ ปิดเสียงดัง ปัง ! ปัง ! ปัง ! ไปทีละบาน ตอนนั้นคุณแม่ก็ไม่อยู่แล้ว รีบหอบข้าวหอบลูกไปอยู่กับพระอาจารย์ที่วัด” ซึ่งคุณแม่ต้องทนกับเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้มาตลอด 4 ปีเต็ม โดยที่ทุกคนในบ้านก็เจอเช่นเดียวกัน ส่วนคุณพ่อก็เคยไปทำงานที่ต่างประเทศ คุณแม่เล่าว่า “คุณพ่อเคยเจอวิญญาณของผู้หญิงตนหนึ่ง นั่งหวีผมตรงสวยอยู่ที่หน้ากระจก ซึ่งคุณพ่อมักจะเจอดวงวิญญาณของผู้หญิงคนนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่คุณพ่อสัมผัสได้ว่าวิญญาณของผู้หญิงคนนี้มาดี เพราะเมื่อคุณพ่อฝันถึง ก็มักที่จะมีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้น เช่น ถูกลอตเตอรี่อยู่เสมอ” หลังจากนั้นคุณขวัญกับคุณแม่รวมถึงลูกดวง ก็ได้นัดมาเจอกันที่บ้านของคุณแม่ และทันทีที่ขวัญ ก้าวขาลงจากรถ ขวัญก็สัมผัสได้ทันทีว่า มีดวงวิญญาณเร่ร่อนมากมายอยู่ทุกจุด ทุกพื้นที่ในบริเวณบ้าน คุณขวัญจึงอธิบายกับคุณแม่ว่า “สาเหตุน่าจะเกิดจากการที่บริเวณบ้านของคุณแม่ เข้าออกได้ง่ายเกินไป สำหรับวิญญาณและสัมภเวสี” ขวัญจึงทำพิธีเชิญดวงวิญญาณออก หลังจากเสร็จพิธี ในระหว่างที่ขวัญกำลังจะแยกย้ายกลับ ลูกดวงก็ได้ถามว่า “ดวงวิญญาณผู้หญิงที่ตามติดคุณพ่อ คุณขวัญได้เชิญหรือจัดการอะไรไหม ?” ขวัญจึงตอบว่า “เรียบร้อยค่ะ” ลูกดวงยังแซวอีกว่า “สงสัยคุณพ่อจะถูกลอตเตอรี่น้อยลงแน่เลย” เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีสายโทรศัพท์จากลูกดวงโทรเข้ามาเล่าว่า “ฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง คาดว่าน่าจะเป็นดวงวิญญาณที่ตามติดคุณพ่อ มายืนเคาะกระจกหน้าต่าง พร้อมโวยวายว่า เปิดบ้าน! เข้าบ้านไม่ได้! มีท่าทีกังวลรีบร้อน เหมือนคล้ายว่ากำลังจะหนีอะไรบางอย่าง” ขวัญจึงบอกว่า “น่าจะเกิดจากการที่เราคุยเล่นกัน แล้วดวงวิญญาณสำคัญตนว่าเจ้าของบ้านอยากให้อยู่ ก็เลยมีการเข้าฝัน เพื่อให้เจ้าของบ้านอนุญาตให้เขาอยู่” ท้ายที่สุดแล้ว ขวัญก็มานั่งคิดว่า “วันนั้นที่ขวัญไปบ้านของคุณแม่ ขวัญเจอดวงวิญญาณถึง 8-9 ตน สาเหตุคงเป็นเพราะพื้นที่บริเวณด้านหลังบ้านเป็นป่ารกร้าง และด้านหน้าบ้านไม่เคยปิดประตูเลย ซึ่งนับตั้งแต่คุณแม่เริ่มสร้างบ้านหลังนี้ คุณแม่ก็ไม่เคยตีกรอบพื้นที่บ้าน วันนั้นนอกเหนือจากการที่ขวัญทำพิธีเชิญดวงวิญญาณออก ขวัญก็ทำพิธีแบ่งเขตบ้านด้วย” ซึ่งเหตุการณ์ดูดวงในครั้งนี้ กลายเป็นสถิติใหม่.. ที่คุณขวัญพบเจอกับดวงวิญญาณมากที่สุดในชีวิต(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจาก ขวัญ INDIGO 'นิมิตประหลาดพระจมน้ำ' I อังคารคลุมโปง X INDIGO [ 12 พ.ย. 2567 ]

21 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจาก ขวัญ INDIGO 'นิมิตประหลาดพระจมน้ำ' I อังคารคลุมโปง X INDIGO [ 12 พ.ย. 2567 ]

ขนลุกกับเศรัทธาความเชื่อใน ‘อังคารคลุมโปง X (12 พฤศจิกายน 2567) ที่ ‘ขวัญ INDIGO’ มาเล่าสิ่งที่เห็นจากภาพจิตสัมผัสทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ อ้าปากค้าง! จะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย! คุณขวัญได้เล่าว่า ตนมักจะไปกินข้าวที่บ้านเพื่อนที่ชื่อ ‘ป๋อง’ (นามสมมุติ) บ่อยครั้ง บ้านหลังนี้มีลักษณะเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เปิดประตูเข้าไปฝั่งขวาเป็นโทรทัศน์ ข้างหน้าเป็นโต๊ะอาหาร เลี้ยวไปทางขวาจะเป็นห้องครัว ที่ประจำของคุณขวัญคือโต๊ะอาหาร พวกเขามักจะนั่งกินข้าวและพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้คุณป๋องยังเลี้ยงแมวหลายตัว เวลานั่งคุยกันก็มักจะอุ้มแมวมาเล่นด้วย และส่วนตัวของคุณป๋องไม่ค่อยเชื่อเรื่องพระ บ้านของเขาจึงไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในบ้าน ปกติคุณขวัญเป็นคนตื่นเช้า เมื่อก่อนจะสวดมนต์ทุกเช้า นั่งสมาธิ ทำบุญตักบาตร แต่อยู่มาวันหนึ่ง คุณขวัญนั่งสมาธิหลับตาแล้วเห็น ‘หลวงพ่อโสธร’ ท่านจมน้ำ ภาพที่เห็นเป็นองค์พระพุทธรูปสีทอง หลังจากนั้น คุณขวัญก็ไม่สามารถนั่งสมาธิได้ จึงเปลี่ยนมาสวดมนต์แทน แต่ระหว่างสวดมนต์ภาพที่เห็นก็ยังเป็นภาพเดิม คุณขวัญถึงกับเอะใจกับสถานที่ที่เห็นในภาพนั้นว่า ‘ทำไมเห็นบ้านหลังนี้ ทำไมเห็นบ้านป๋องที่น้ำกำลังท่วมแล้วเขารู้สึกถึงความอึดอัด ทรมาน’ หลังจากนั้นก็เห็นเป็นภาพโต๊ะอาหาร คุณขวัญเริ่มเอะใจ จึงตัดสินใจทักไลน์ไปหาคุณป๋องว่า “มึงเป็นไง มีอะไรอยู่ตรงใต้โต๊ะอาหารไหม ช่วยดูให้หน่อย กูเห็นอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นของศักดิ์สิทธิ์อยู่ใต้โต๊ะอาหาร มันเหมือนกับมีน้ำอะไรราดท่านอยู่หรือเปล่า” คุณป๋องก็ตอบกลับบอกว่า “บ้านกูเนี่ยนะ จะมีของศักดิ์สิทธิ์” เนื่องจากคุณป๋องไม่ได้เชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุณขวัญจึงบอกไปว่า “รบกวนดูให้หน่อยนะ ขอร้อง” พอผ่านไปถึงช่วงเย็นคุณป๋องก็ทักมาบอกว่า “ไม่มีนะ” คุณขวัญคิดว่าตัวเองน่าจะคิดไปเอง.. วันรุ่งขึ้น คุณขวัญก็เห็นภาพนั้นอีกเหมือนเดิม แต่เห็นสถานที่ชัดเจนกว่าครั้งแรก ‘ท่านอยู่ใต้โต๊ะอาหารโต๊ะตรงนั้นจริง ๆ’ คุณขวัญจึงทักหาคุณป๋องอีกครั้ง คุณป๋องถามกลับมาว่า “เป็นอะไรเนี่ย” ด้วยความที่บอกไปอย่างไรคุณป๋องก็ไม่เชื่อ คุณขวัญจึงบอกว่า “โอเคไม่เป็นไรกูคงคิดไปเอง” พอผ่านไป 2 อาทิตย์ คุณพ่อของแฟนคุณป๋องก็เสียชีวิต คุณป๋องจึงต้องขับรถกลับเชียงใหม่เพื่อไปงานศพ คุณขวัญได้บอกกับเพื่อนว่า “เฮ้ย ขับรถดี ๆ นะ ก่อนออกไหว้ที่บ้านสักหน่อย กวาดบ้านก็ได้ พ่อเสียแล้วทำบ้านให้สะอาดก่อนค่อยเดินทางไปหาพ่อที่เชียงใหม่ไหม” ในใจคุณขวัญรู้สึกไม่สบายใจเนื่องจากคุณขวัญยังไม่สามารถลบภาพนั้นได้ จึงพยายามบอกกับคุณป๋องทำใจดี ๆ ขับรถดี ๆ คุณป๋องบอก “โอเค เดี๋ยวจะทำ” คุณขวัญบอกอีกว่า “ถ้าเชื่อกู กูขออย่างหนึ่ง เอาน้ำถวายหิ้งพระหน่อยก่อนออกเดินทาง หิ้งไม่มีอะไรเลยใช่ไหม” คุณป๋องก็ได้ทำตามที่คุณขวัญบอกทั้งหมด ส่วนแฟนของคุณป๋องในช่วงนั้นรู้สึกจิตใจแย่ พอคุณขวัญทักบอกให้กวาดบ้านทำบ้านให้สะอาดเขาจึงทำตามที่คุณขวัญบอกเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ก็มีไลน์เด้งมาพร้อมรูปที่โชว์ถุงพลาสติก ถุงพลาสติกนั้นมีน้ำอยู่ข้างในคือฉี่แมว แล้วมีหลวงพ่อโสธรเป็นตลับอยู่ประมาณ 20-30 ตลับ คุณป๋องถามคุณขวัญว่า “ขวัญ.. มึงเห็นได้ยังไง” คุณขวัญจึงถามกลับมาว่า “แล้วมันมาได้ยังไงมากกว่า!” เพราะคุณป๋องไม่ได้เชื่อเรื่องพระแต่ในบ้านมีพระหลายตลับอยู่ได้อย่างไร สุดท้ายคุณป๋องก็ได้มารู้ว่า คนที่มาทานข้าวด้วย เขาเป็นคนเล่นพระ ช่วงนั้นที่จะมีหลวงพ่อหลายองค์ที่เขาซื้อมาเป็นกล่อง แล้วเขาก็ลืมไว้ซึ่งอยู่ใต้กระเช้าปีใหม่ แมวจึงฉี่ใส่ถุงนั้นมาตลอด จากนั้นกลายเป็นว่าคุณป๋องก็เชื่อเรื่องที่คุณขวัญบอกทุกอย่าง พอคุณป๋องและแฟนทำความสะอาดบ้านเสร็จ พระที่ได้มานั้น คุณขวัญก็บอกให้คุณป๋องขอขมาท่าน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1