เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้น ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ l อังคารคลุมโปง X หญิง รฐา - ก๊ก ปริญญา [ุ6 พ.ค.2568]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้น ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ l อังคารคลุมโปง X หญิง รฐา - ก๊ก ปริญญา [ุ6 พ.ค.2568]

18 พ.ค. 2025

        เมื่อต้องไปเรียนไกลถึงต่างประเทศ ต้องพบเจอกับความยากลำบาก แต่ระหว่างที่ทำวิจัยอยู่นั้น งานทุกอย่างกลับราบรื่นไปได้ด้วยดี ..หรืออาจเป็นเพราะมีบางอย่างช่วยเหลืออยู่! นี่คือเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ จาก ‘อาจารย์มิ้นท์’ ที่ได้นำมาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 พฤษภาคม 2568) พร้อมกับ ‘ดีเจเเนน’ ‘ดีเจเจ็ม’ และ‘ดีเจมดดำ’ เรื่องราวสุดหลอนนี้จะเป็นอย่างไร ปิดไฟแล้วอ่านไปพร้อมกันเลย!

        อาจารย์มิ้นท์ได้เล่าว่า ตนเองได้ทุนไปทำวิจัยที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา 2 เดือน แม้จะอยู่ญี่ปุ่นแล้วอาจารย์มิ้นท์ก็ยังต้องเรียนภาษาจีนกับเหล่าซือที่ไทยอยู่ เธอจึงเปลี่ยนมาเรียนออนไลน์แทน แต่วันแรกที่ไปทำวิจัยที่นั่นกลับพบว่าอินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ต้องใช้อินเทอร์เน็ตจากมือถือแทน นอกจากนี้อาจารย์มิ้นท์ยังเล่าอีกว่า เหล่าซือที่สอนภาษาจีนของตนนั้นเป็นลูกหลานครูหมอโนราห์และเป็นคนเห็นผี

        ระหว่างที่กำลังเรียนภาษาจีนอยู่นั้น ในช่วงแรกเหล่าซือก็มีอาการตกใจแปลก ๆ อาจารย์มิ้นท์ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ เมื่อเรียนเสร็จก็ถามเหล่าซือว่าเกิดอะไรขึ้น เหล่าซือบอกว่า “มีผู้หญิงผมยาว ชุดขาวอยู่นอกหน้าต่าง”

        จากนั้นเหล่าซือก็บอกให้อาจารย์มิ้นท์เดินไปดูที่ระเบียง ปรากฏว่าที่ตึกแห่งนี้ไม่มีระเบียง ทำให้แน่ใจได้ว่า ไม่มีทางที่จะมีคนยืนอยู่ข้างนอกหน้าต่างอย่างแน่นอน

        เนื่องจากเหล่าซือคนนี้สามารถสื่อสารกับดวงวิญญาณได้ จึงบอกกับอาจารย์มิ้นท์ว่าผีสาวตนนั้นเป็นวิญญาณที่อยู่ที่นั่นมาหลายร้อยปีแล้ว

        และในวันนั้นเอง อาจารย์มิ้นท์ก็มีงานที่ต้องส่งด่วนในวันรุ่งขึ้น แต่อินเทอร์เน็ตก็ยังใช้งานไม่ได้ จึงคิดอยากท้าทายวิญญาณสาวตนนั้นว่า “ถ้าทำให้อินเทอร์เน็ตติดได้ จะถวายอาหารชุดใหญ่ให้” ปรากฏว่าอินเทอร์เน็ตกลับมาใช้งานได้ปกติ และสามารถส่งงานได้ทัน อาจารย์มิ้นท์จึงได้เตรียมอาหารชุดใหญ่เอาไว้สำหรับวิญญาณสาวตนนั้น และทำเป็นประจำทุกสัปดาห์

        ชีวิตของอาจารย์มิ้นท์วนเวียนอยู่กับห้องนี้วันแล้ววันเล่า จนกระทั่งคืนหนึ่ง อาจารย์อีกคนได้เดินมาที่โต๊ะอาจารย์มิ้นท์ในระหว่างที่กำลังทานข้าวอยู่ จากนั้นเขาก็ทำหน้าตกใจ พออาจารย์มิ้นท์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกว่า “เห็นเหมือนคนกำลังนั่งกินข้าวกับอาจารย์มิ้นท์อยู่”

        อาจารย์มิ้นท์รู้ทันทีว่าเป็นวิญญาณสาวตนนั้นอย่างแน่นอน

        เมื่อใช้ชีวิตมาสักระยะในห้องทำงานห้องเดิม เธอก็เกิดความสงสัยว่าวิญญาณตนนั้นยังอยู่ที่เดิมหรือไม่?และ วิญญาณสาวตนนั้นรู้หรือไม่ว่าเธอไปที่ไหน ทำอะไรมาบ้าง จึงได้ลองถามเหล่าซือที่สามารถสื่อสารกับดวงวิญญาณดูอีกครั้ง สรุปว่าวิญญาณสาวตนนั้นสามารถบอกกับเหล่าซือได้หมดว่าอาจารย์มิ้นท์ทำอะไรมาบ้าง อาจารย์มิ้นท์ก็ได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้เธอเคยขอวิญญาณตนนั้นว่า ‘ขอให้งานที่ทำอยู่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี’ เธอจึงคิดว่าที่ผ่านมาระหว่างที่ทำงานวิจัย ไม่ว่าจะติดต่อสถานที่ไหนในญี่ปุ่นก็เรียบง่าย อาจเป็นเพราะวิญญาณสาวช่วยเอาไว้ก็เป็นได้..

 (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

ไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอผีจนไม่กล้านอน เช้ามาเพื่อนบอกว่าผีเอาเลขหวยมาบอก สุดท้ายไม่เชื่อ ชวดเงินล้าน!

11 ม.ค. 2024

ไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอผีจนไม่กล้านอน เช้ามาเพื่อนบอกว่าผีเอาเลขหวยมาบอก สุดท้ายไม่เชื่อ ชวดเงินล้าน!

เจอดีที่ห้องน้ำกลางดึก พอกลับมานอนพักช่วงเบรก ผีที่เจอฝากเพื่อนที่นอนข้าง ๆ มาบอกเลขเด็ดแต่ไม่ซื้อ ปรากฏว่าออกตามที่ผีบอกจริง ๆ ! เรื่องราวจาก ‘คุณยาย’ สายที่โทรเข้ามาเล่าเรื่องหลอนในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (26 ธันวาคม 2566) ให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟัง จะหลอนแค่ไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณยาย’ โดยคุณยายได้เริ่มเกริ่นว่า ช่วงชีวิตของคุณยายจะมี 2 พาร์ท เป็นพาร์ทโรงงานและพาร์ทตอนขับรถ ซึ่งก่อนที่คุณยายจะมาขับรถเหมือนในปัจจุบัน ได้ทำงานในโรงงานที่ผลิตเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาก่อน โรงงานนี้ตั้งอยู่ที่บางปู เป็นโรงงานที่มีตึกถล่มจนกลายเป็นข่าวดังเมื่อ 20 กว่าปีก่อน หลังจากที่โรงงานนี้ถล่มไปปีกว่า คุณยายได้ไปสมัครงานที่โรงงานแห่งนี้ ซึ่งในอุตสาหกรรมนี้จะมีอยู่หลายโรงงาน แต่โรงงานที่ถล่มเป็นข่าวดังคือโรงงานที่ 5 คุณยายไปสมัครโดยที่จะไม่รู้ว่าตนจะได้ไปทำที่โรงงานใด ทำได้เพียงแต่ภาวนาขออย่าให้เป็นโรงงานที่ 5 ก็พอ แต่ผลออกมาสรุปว่าได้ไปทำโรงงานที่ 5 พอดี ภายในโรงงานนี้จะเป็นไลน์ผลิตที่วิ่งไปเรื่อย ๆ 2 แถว งานที่คุณยายทำจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น รัด cable tie, หยอดกาว และเช็คตะกั่ว เป็นต้น ไลน์ผลิตที่โรงงานนี้ค่อนข้างแข็งแรง เพราะเป็นสแตนเลสทั้งหมด อีกทั้งคุณยายยังบอกว่าทางโรงงานจะแจ้งพนักงานไว้ว่า ถ้ากลางคืนจะนอนพักให้นอนใต้ไลน์ผลิต เพราะถ้ามีเหตุการณ์ตึกถล่มเหมือนที่เคยเกิด ไลน์ผลิตจะสามารถช่วยรองรับได้ ซึ่งในเวลางานจะมีแบ่งให้พักเบรก ไม่ว่าเป็น แบ่งเบรกย่อย 10 นาที, แบ่งเบรกเข้าห้องน้ำ และเบรกตอนตี 5 มีเวลาครึ่งชั่วโมง ซึ่งส่วนมากในเบรกนี้คนที่โรงงานจะนอนพักกัน ต้องอธิบายก่อนว่าไลน์ผลิตจะวิ่งตลอดเวลาไม่มีการหยุดพัก จึงต้องคอยมีคนซัพพอร์ตเปลี่ยนกะเวลาที่จะไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งคุณยายก็พยายามที่จะไม่เข้าห้องน้ำบ่อย เพราะตอนไปสามารถไปได้แค่คนเดียว ไม่สามารถพาเพื่อนไปด้วยถ้าไม่ใช่เวลาพักจริง ๆ แต่แล้ววันนึง คุณยายอยากเข้าห้องน้ำ ในเวลาที่คนซัพพอร์ตมาเปลี่ยน ในใจคุณยายก็รู้สึกกลัวที่จะต้องไปคนเดียว คุณยายเกริ่นก่อนว่า “คนที่จะเจอเรื่องลี้ลับเนี่ย นอกจากเวลาจังหวะที่พอดีแล้ว มันจะมีเรื่องนึงที่เราจะเจอคือความสาระแนของเรานี่แหละ มันจะทำให้เราเจอผี” และเล่าถึงลักษณะห้องน้ำว่า ห้องน้ำที่โรงงานจะเหมือนห้องน้ำปั๊ม แต่สมัยก่อนห้องน้ำจะเป็นการก่ออิฐ ไม่มีชักโครก เวลาเข้าก็จะต้องนั่งยอง ๆ ภายในห้องน้ำก็จะมีอิฐก่อไว้ใส่น้ำ และมีขันไว้ราดในนั้น ก่อนที่คุณยายจะเข้าห้องก็เอานิ้วดันประตูเพื่อเช็คความสะอาดของแต่ละห้องไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งดันไปถึงประตูห้องหนึ่ง ปรากฏว่าเจอผู้หญิงคนนึง สภาพผมโกยลงมาปิดบังใบหน้า นั่งยอง ๆ อยู่ในห้องน้ำ คุณยายบอกว่าไม่มีเสียงกรีดร้อง หรือตกใจจากผู้หญิงคนนั้นแม้แต่น้อย ซึ่งตอนที่คุณยายดันไปเจอ คุณยายก็ตกใจจึงพูดไปว่า “ขอโทษค่ะ ๆ” พร้อมกับปิดประตูให้ผู้หญิงคนนั้น แต่ก็รู้สึกแปลก เพราะถ้าเป็นคนทั่วไปโดนเปิดประตูก็คงจะโวยวาย แต่ผู้หญิงคนนี้กลับนิ่งเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความอยากรู้ คุณยายจึงไปเข้าห้องน้ำข้าง ๆ และทำธุระเบา เพื่อที่จะฟังความเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนั้น ปรากฏว่าคุณยายไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงขัน หรือเสียงราดน้ำ จนกระทั่งคุณยายทำธุระของตัวเองเสร็จเรียบร้อย กำลังจะเดินออกจากห้อง ก็หันไปชะเง้อมองห้องข้าง ๆ เห็นว่าประตูเปิดแง้มไว้อยู่ จึงผลักเข้าไป ปรากฏว่า..ไม่ใครอยู่ในนั้น! พอคุณยายเห็นแบบนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปในไลน์ผลิต ฝ่ายซัพพอร์ตเห็นคุณยายมีท่าทีแปลก ๆ จึงหันมามองหน้าคุณยายแล้วถามว่า “ยายเจออะไร?” คุณยายจึงตอบไปว่า “ไม่เจอ..” แต่หน้าคุณยายคงจะฟ้องว่าเจออะไรมา ซัพพอร์ตจึงบอกคุณยายอีกว่า “เดี๋ยวคุยกันนะตอนเบรก” แต่คุณยายก็ตอบกลับไปว่า “ไม่คุย” จนกระทั่งเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ซ้ายขวาหันมาถามคุณยายว่า “มึงเจออะไร” คุณยายตอบไปว่า “ไม่แน่ใจ” แต่ก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง เมื่อถึงเวลาเบรกใหญ่ครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะทำโอทีในช่วงตี 5 พนักงานในโรงงานก็นอนใต้ไลน์ผลิตกันตามปกติ โดยในช่วงเวลานั้นโรงงานจะปิดไฟมืดทั้งหมด คุณยายได้นอนใกล้เพื่อนที่ชื่อว่า “แหวว (นามสมมติ)” ซึ่งคุณยายก็นอนไม่หลับ เพราะในหัวมีแต่เรื่องที่เจอจึงนอนคิดเรื่องนี้ตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาเปิดไฟ ไลน์ผลิตกลับมาทำงานปกติ เพื่อนชื่อแหววที่นอนข้าง ๆ หันมาบอกคุณยายว่า “หวยออก 500 นะ” คุณยายก็ไม่เชื่อเพราะหวยอะไรจะออกเลข 500 เพื่อนที่ชื่อแหววยังบอกคุณยายอีกว่า “มึงเชื่อกู..กูฝันเมื่อกี้ได้หวย” แต่คุณยายก็ไม่เชื่อจึงไม่ได้ซื้อ ปรากฏว่าเมื่อถึงวันหวยออก กลับเป็นเลขตรงตามที่เพื่อนคุณยายบอกจริง ๆ เพื่อนที่ชื่อแหววถูกหวยถึงขั้นซื้อรถกระบะป้ายแดงได้ 1 คัน! และเล่าให้คุณยายฟังว่าวันนั้น ตอนนอนเห็นผู้หญิงเดินมาทางห้องน้ำแล้วมานานอนข้าง ๆ เขา พร้อมบอกว่า “หวยออก 500 นะ บอกเพื่อนมึงด้วย” คุณยายบอกว่า เพื่อนของคุณยายคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงเดินตามคุณยายมาจากห้องน้ำเพื่อมาบอก แต่คุณยายไม่ได้หลับ จึงสื่อสารกันไม่ได้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากม้าม่วง PowerpuffGAY 'บ้านติดวัด' I อังคารคลุมโปง X ม้าม่วง Powerpuff GAY [28 ม.ค. 2568]

03 ก.พ. 2025

เรื่องเล่าจากม้าม่วง PowerpuffGAY 'บ้านติดวัด' I อังคารคลุมโปง X ม้าม่วง Powerpuff GAY [28 ม.ค. 2568]

บ้านที่เคยอยู่ทั้ง 2 หลังอยู่ติดวัดทั้งคู่ ทำให้เจอเหตุการณ์หลอนขนลุกซู่ตั้งแต่เด็ก กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘บ้านติดวัด’ เรื่องราวจาก ‘คุณม้าม่วง PowerpuffGAY’ ที่นำมาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (28 ม.ค. 2568) มาฟังเรื่องเล่าสุดหลอนไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ถ้าพร้อมแล้ว ปิดไฟคลุมโปง แล้วมาอ่านความหลอนไปพร้อมกัน! เรื่องราวนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของคุณม้าม่วง ซึ่งบ้านของคุณม้าม่วงอยู่ติดวัดทั้งที่ อุบลราชธานีและยโสธร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คุณม้าม่วงสงสัยเช่นกันว่าอะไรดลใจให้บ้านติดวัดทั้งสองที่ และมักจะมีบางอย่างให้เห็น..เรื่องราวที่ ​1 คุณม้าม่วงได้เริ่มเล่าว่าบ้านที่อำเภอวาริน จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งอยู่ใกล้ทั้งวัดและโรงพัก เป็นจุดที่มักจะนำรถจากอุบัติเหตุหนักมาจอดพักไว้ ทำให้มักถูกเพื่อนล้อว่า “อีบ้านผีสิง” ตั้งแต่เด็ก วันหนึ่ง ขณะที่คุณม้าม่วงนั่งอยู่ในบ้าน ก็เห็นแสงไฟวาบเข้ามาในบ้าน นั่นหมายความว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อออกไปดู ก็พบรถที่ชนอย่างรุนแรงจนตัวรถงอเป็นตัววี แล้วด้วยความที่คุณม้าม่วงต้องเป็นคนไปจ่ายตลาดตอนเย็นจึงพาน้อง ๆ ไปดูรถที่เกิดอุบัติเหตุ จึงได้เห็น คราบเลือดเปื้อนเต็มประตู ซึ่งดูจากสภาพแล้ว ไม่น่าจะมีใครรอด หลังจากนั้น เวลาล่วงเลยไปจนถึงตี 1 คุณม้าม่วงอยู่บ้านตามปกติและได้เหลือบไปมองที่รถคันเดิมแล้วต้องตกใจ มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังคารถ! เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้ง กลับพบความว่างเปล่า จึงพยายามบอกตัวเองว่าอาจจะตาฝาด จนกระทั่งเช้า ก็ไปเล่าให้ที่บ้านฟัง พ่อและพี่ชายจึงขับรถไปดูที่รถคันนั้นอีกครั้ง ขณะกำลังจอดมองซากรถ วิทยุภายในรถกลับเปิดขึ้นมาเอง! เสียงเพลงดังขึ้นโดยไม่มีใครแตะต้อง พ่อและพี่ชายตกใจ รีบขับรถกลับบ้าน แต่หลังจากนั้น วิทยุเครื่องเดิมยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ดับ จนตกกลางคืน ป้าของคุณม้าม่วงก็เห็นหญิงสาวนั่งอยู่บนหลังคารถเช่นกัน!เรื่องราวที่ 2 บ้านคุณม้าม่วงเป็นพื้นที่ใกล้ตั้งอยู่หลังวัด ซึ่งพื้นที่ตรนี้เคยเป็นป่าช้าเก่า และมีต้นโพธิ์หรือต้นไทรใหญ่ ตั้งอยู่ ก่อนที่จะมีการล้างป่าช้า ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ผีดุ” และจุดนี้เป็นเส้นทางที่เวลาใครจะไปไหนต้องผ่านตลอด คืนหนึ่ง ชายคนหนึ่งซึ่งมีอาการมึนเมา ขับรถผ่านจุดนั้นและพูดจาท้าทายเสียงดัง “ไม่กลัวผี ไหนล่ะผี!” แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นแทบทำให้เขาสติแตก ขาทั้งสองข้างของบางสิ่ง ห้อยลงมาจากต้นไทร เข้ามาตรงหน้าเขา! หลังจากคืนนั้น เขากลายเป็นคนเสียสติ และผมร่วงหมดหัว เพราะหวาดกลัวจนสุดขีด!เรื่องราวที่ 3 เป็นเรื่องของคุณป้าของคุณม้าม่วง เรื่องมีอยู่ว่าคืนหนึ่ง ขณะที่คุณม้าม่วงอยู่บ้านกับป้า เสียง “แก๊ก ๆ ๆ” ดังขึ้นจากหน้าบ้าน คล้ายมีใครกำลังเดินอยู่ ป้านึกว่าลูกชายกลับมาจากเที่ยว จึงหยิบไฟฉายออกไปส่อง แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นหัวของผู้ชายวางอยู่บนเสาบ้าน! ป้าจึงรวบรวมความกล้า และเอ่ยถามว่า “ใคร?” แล้วก็หยิบมีดติดมือ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ทว่าหัวนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย! เช้าวันต่อมา มีคนเล่าว่า เมื่อคืนมีชายคนหนึ่งถูกฆ่าตัดหัว และว่ากันว่าดวงวิญญาณของเขายังคงวนเวียนออกมาตามหาหัวที่หายไป…เรื่องราวสุดท้าย ที่บ้านของคุณม้าม่วงในจังหวัดยโสธร เป็นเรื่องราวของน้องสาวคุณม้าม่วง เรื่องมีอยู่ว่าน้องสาวของคุณม้าม่วงไม่ชอบอาบน้ำ สาเหตุก็คือบ้านอยู่ติดวัดจึงทำให้เขากลัวผี จนมืดน้องสาวก็ยังไม่ยอมอาบ ด้วยความหงุดหงิดคุณม้าม่วงจึงอุ้มน้องขึ้น แล้วตะโกนลั่นว่า “ไหนผี!?” ทันใดนั้นเอง น้องสาวก็ได้เห็นผู้หญิงใส่ชุดไทย ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ จ้องมองตรงมาที่พวกเขาอยู่!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ขับรถไปฟังเพลงไป อยู่ดี ๆ เพลงก็เปลี่ยนกลายเป็นรายการเล่าเรื่องผี!

02 ต.ค. 2023

ขับรถไปฟังเพลงไป อยู่ดี ๆ เพลงก็เปลี่ยนกลายเป็นรายการเล่าเรื่องผี!

‘ถนน’ เป็นอีกสถานที่อันดับต้น ๆ ที่เรามักจะเจอเรื่องหลอนกันบ่อย ๆ ครั้งนี้ ‘พี่แจ็ค The Ghost Radio’ ก็นำเรื่อง ‘ถนนในตำนาน’ มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (19 กันยายน 2566) ฟัง บอกเลยว่าเรื่องพีคจน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ต้องอุทานเสียงหลง! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ปิดไฟแล้วแท็กเพื่อนมาอ่านไปพร้อมกันเลย! พี่แจ็คเล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจาก ‘คุณเติ้ล’ เหตุการณ์หลอนเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนเมื่อปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา คุณเติ้ลมีอาชีพเกี่ยวกับการจัดงานอีเวนต์ตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งต้องรอให้ห้างสรรพสินค้าปิดทำการก่อน คุณเติ้ลจึงจะสามารถเข้าไปเตรียมงานอีเวนต์ได้ วันหนึ่ง คุณเติ้ลได้ไปจัดงานอีเวนต์ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทีมงานก็จัดเตรียมสถานที่ตามปกติ เมื่อเตรียมเสร็จก็ต้องไปทำงานที่จังหวัดกระบี่ต่อ จึงแบ่งออกเป็น 2 ทีม ทีมแรกล่วงหน้าไปก่อนในช่วงบ่าย ส่วนทีมของคุณเติ้ลต้องอยู่รอเพื่อเก็บอุปกรณ์ หลังห้างปิดเวลา 21.00 น. เมื่อถึงเวลาห้างปิด ทีมคุณเติ้ลก็เข้าไปเก็บอุปกรณ์ โดยใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงเศษทุกอย่างก็เรียบร้อย จากนั้นก็เตรียมตัวออกเดินทางไปจังหวัดกระบี่ แต่ก่อนที่ล้อจะหมุน ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งโทรศัพท์มาเช็คความเรียบร้อยและพูดทิ้งท้ายว่า “ถ้าออกมา ก็ขับรถดี ๆ นะ ถนนเส้นที่จะขับผ่านมันค่อนข้างจะเปลี่ยว ถ้าเจอใครโบกหรือทักก็อย่าจอดนะ ให้ขับเลยไปเลย” จากนั้นรุ่นพี่คนนั้นก็หันกลับไปพูดกับเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “ไอ้เติ้ลมันไม่กลัวหรอก มันไม่เชื่อหรอก” แล้วสายก็ตัดไป คุณเติ้ลคิดแค่เพียงว่ารุ่นพี่คงเป็นห่วงเรื่องคนที่อันตรายมากกว่า เพราะส่วนตัวนั้นไม่กลัวผี ไม่มีความเชื่อเรื่องผี และไม่เคยฟังเรื่องผี ในเวลา 4 ทุ่มกว่า ๆ คุณเติ้ลก็ขับรถออกมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้เส้นทางที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ถนนในตำนาน’ ที่หลายคนรู้จัก ในตอนกลางวันถนนเส้นนี้จะมีรถไม่มาก ตอนกลางคืนก็แทบจะไม่มีรถ ไฟฟ้าอย่าพูดถึง ส่วนบ้านเรือนตามข้างทางก็หาได้น้อย เรียกได้ว่าเป็นถนนอีกเส้นที่เปลี่ยวใช้ได้ แต่ก็มักจะใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงของเหล่าบรรดารถบรรทุกขนาดใหญ่ ส่วนรถที่คุณเติ้ลขับนั้นเป็นรถกระบะที่บรรทุกของหลังรถ วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 70-80 กิโลเมตร ในระหว่างที่ขับรถอยู่นั้น ก็เปิดเพลงคลอจากโทรศัพท์ที่เชื่อมกับเครื่องเล่นวิทยุในรถฟังไปด้วย และทุกอย่างก็ดูจะปกติเรียบร้อยดี เมื่อขับไปได้สักพัก เพลงที่เปิดก็เปลี่ยนกลายเป็นรายการเล่าเรื่องผี ‘The Ghost Radio’ แทน ซึ่งคุณเติ้ลไม่เคยกดเปิดฟังเลยสักครั้ง และแทบจะไม่รู้จักรายการนี้เลยเสียด้วยซ้ำ คุณเติ้ลรู้สึกมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องที่เล่าในรายการนั้น เป็นเรื่องหลอนของถนนเส้นหนึ่ง ซึ่งเมื่อฟังดูแล้วก็เหมือนจะเป็นถนนเส้นเดียวกันกับที่คุณเติ้ลกำลังขับรถอยู่ เขาจึงพยายามหยิบโทรศัพท์เพื่อเปลี่ยนเป็นเพลง เมื่อเปลี่ยนเป็นเพลงได้แล้วก็ขับต่อไปอีกสักพัก เพลงที่เขากำลังฟังอยู่มันก็หยุดเงียบหายไป แล้วก็เปิดรายการเล่าเรื่องผีรายการเดิมอีกรอบ ซึ่งเล่าเรื่องต่อจากที่ฟังค้างไว้แบบไม่ขาดตอน คุณเติ้ลพยายามจะเปลี่ยนกลับไปเป็นเพลงอีกครั้ง แต่รอบนี้ก็มีเสียงผู้หญิงพูดแทรกเข้ามาว่า “ไม่อยากฟังเรื่องชั้นหน่อยหรอ?” คุณเติ้ลตกใจกับเสียงนั้น และคิดว่า Sound Effect ของรายการนี้แปลก ๆ จากนั้นก็รีบเปลี่ยนกลับไปเป็นเพลงทันที แต่ก็เหมือนเดิม รายการนั้นก็ดังขึ้นมาแทนที่เพลงอีกครั้ง จึงตัดสินใจถอดสายที่เชื่อมมือถือกับวิทยุออก ปิดเสียงทุกอย่าง และขับรถต่อไปพร้อมกับความเงียบ ระหว่างที่ขับรถนั้น มีช่วงหนึ่งที่รถตกหลุม ทำให้วิทยุในรถเกิดแสงกะพริบขึ้นมา แล้วก็มีเสียงรายการเล่าเรื่องผีอันเดิมดังขึ้นอีกครั้ง เรื่องทุกอย่างยังคงเล่าต่อจากเดิมไม่มี skip ข้าม ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เสียบสายโทรศัพท์มือถือเพื่อเปิดฟังเสียด้วยซ้ำ! คุณเติ้ลพยายามจะปิดเสียง แต่ก็มีเสียงผู้หญิงคนเดิมดังแทรกขึ้นมาว่า “ไม่อยากจะฟังเรื่องของชั้นหน่อยหรอ ไม่อยากลองฟังหน่อยหรอ” คุณเติ้ลรู้สึกตกใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเล่าว่าในตอนนั้นเขาไม่ได้รู้สึกกลัว แต่รู้สึกมือสั่น ทำอะไรไม่ถูก และก็ร้องไห้ออกมา ด้วยความที่เป็นรถกระบะรุ่นเก่า จึงกระชากสายวิทยุที่ต่อกับรถออกจนขาด แล้วเสียงวิทยุก็ดับไป คุณเติ้ลยังคงใจสู้ขับรถต่อไป แล้วเขาก็เห็นว่ามันมี ‘บางคน’ หรือ ‘บางอย่าง’ อยู่ข้างทาง คุณเติ้ลไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรกันแน่ จึงขับผ่านเลยไป และเมื่อมองกระจกมองหลัง แสงไฟท้ายรถก็ทำให้เห็นว่าสิ่งนั้นเหมือนกองอะไรบางอย่าง แล้วก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็หันมามองที่รถ คุณเติ้ลเล่าเพิ่มว่าลักษณะคล้ายกับผู้หญิงดำ ๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเพราะเธอใส่ชุดสีดำ หรือเป็นเงาดำของเธอ เขายังคงขับรถไปเรื่อย ๆ แต่ภายในใจยังคงสบสันว่าสิ่งที่ตนเจอมานั้นมันคืออะไร ขับไปได้ไม่นาน ก็เห็นไฟท้ายรถจากด้านหน้า จึงขับเข้าไปใกล้ ๆ เพราะดีใจคิดว่ามีเพื่อนร่วมทางแล้ว ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นว่าข้างหน้าเป็นรถสิบล้อ จึงขับตาม คุณเติ้ลรู้ว่าอีก 4-5 กิโลมเตรก็จะถึงทางออก จึงพยายามแซงรถสิบล้อข้างหน้า ก่อนจะแซงไปก็สังเกตว่าของที่บรรทุกมากับรถสิบล้อมีผ้าใบคลุมอยู่ เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นเป็นผู้หญิงนั่งอยู่ข้างบนหลังผ้าใบ เธอชะโงกหน้าลงมามองที่คุณเติ้ล แล้วก็มีเสียงดังเข้ามาในวิทยุอีกครั้งว่า “กำลังจะสุดทางแล้วจะรีบไปไหนล่ะ ไม่อยากฟังเรื่องชั้นหน่อยหรอ” สิ้นเสียงนั้น คุณเติ้ลก็รีบเหยียบคันเร่งแซงรถบรรทุกไปทันที แม้จะมีเสียงบีบแตรและไฟกะพริบสูงจากรถสิบล้อตามมาด้านหลัง แต่เขาก็ไม่สนใจ รีบเลี้ยวรถออกจากเส้นทางจนกระทั่งเจอเข้ากับปั๊มน้ำมันข้างทางแห่งหนึ่ง จึงขับรถเข้าไปจอดรถเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองในนั้น ผ่านไปไม่นาน รถสิบล้อก็ขับตามเข้ามาในปั๊ม และคุยกับคุณเติ้ลว่า “โหพี่! ทำไมพี่ทำอย่างนี้อ่ะ พี่ชนคนแล้วพี่หนีหรอ!” คุณเติ้ลรีบปฏิเสธไปว่า “ชนคนอะไร!” คนขับรถสิบล้อตอบกลับมาว่า “ก็ผมเห็นพี่ขับรถชนผู้หญิง ผมเปิดไฟก็แล้ว บีบแตรก็แล้ว ทำไมพี่ไม่จอด ผมให้น้องที่นั่งมากับผม อยู่กับผู้หญิงที่คุณชนไว้ตรงนั้น แล้วผมก็ขับมาตามคุณเนี่ย” คนขับรถสิบล้อยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็มีรถมูลนิธิขับเข้ามาจอดเทียบใกล้ ๆ จากนั้นน้องของคนขับรถสิบล้อก็ลงจากรถหน้าตาตื่น และเล่าให้ฟังว่าเขาเห็นรถคุณเติ้ลขับชนผู้หญิงคนหนึ่งจนกระเด็นไป ตนกับพี่คนขับพยายามส่งสัญญาณไฟและบีบแตรเรียก แต่คุณเติ้ลก็ไม่จอดรถ ตนจึงลงจากรถเพื่ออยู่เป็นเพื่อนศพ จากนั้นก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ ระหว่างนั้นตนก็นั่งเฝ้าผู้หญิงที่ถูกรถชนอยู่ตลอด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่มาถึง ศพผู้หญิงคนนั้นก็หายไป! ตนรู้สึกตกใจจึงรีบขึ้นรถตามมา นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังบอกอีกว่า “ที่ผมรีบมาเนี่ย ไม่ใช่อะไร ผมรู้อยู่แล้วว่าถ้าผมทิ้งพี่ไว้ พี่ช็อคตายแน่นอน เพราะผมรู้แล้วว่าพี่เจอแน่ ๆ เคสแบบนี้ พี่ไม่ใช่คนแรกที่แจ้งผม มีคนแจ้งผมเยอะมาก ทั้งเจอผู้หญิงอยู่ข้างทาง เจอผู้หญิงเกาะมากับรถ ใครก็ตามที่แจ้งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ ผมจะรีบมา” คุณเติ้ลได้ฟังเรื่องนี้ก็ตกใจ จึงขอตัวแล้วรีบขับรถต่อไปที่จังหวัดกระบี่ทันที เมื่อถึงที่หมาย คุณเติ้ลก็เล่าเรื่องที่เจอมาให้กับเพื่อนร่วมงานฟัง รุ่นพี่ที่ทำงานดูเหมือนจะไม่เชื่อเรื่องที่เล่าไป คุณเติ้ลจึงไปหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งได้มาค่อนข้างไม่ตรงกันเท่าไหร่ บางข้อมูลก็ว่าผู้หญิงคนนี้โดนลวงมาฆ่า บ้างก็ว่าโดนฆ่าปาดคอ บ้างก็ว่าโดนเผานั่งยาง และอีกหลาย ๆ ข้อมูล ทำให้ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าจริง ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนี้มีที่มาอย่างไร..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เจ้าที่หอใหม่ชอบ-เอ็นดูม้าม่วงสุดๆ เลยมาช่วยส่งเสริมจนมีชื่อเสียง

08 เม.ย. 2024

เจ้าที่หอใหม่ชอบ-เอ็นดูม้าม่วงสุดๆ เลยมาช่วยส่งเสริมจนมีชื่อเสียง

เรื่องนี้ ‘ม้าม่วง PowerpuffGAY’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (2 เมษายน 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการย้ายเข้ามาอยู่ที่หอใหม่ วิญญาณที่หอชอบและเอ็นดู จึงมาช่วยส่งเสริมจนทำให้เริ่มมีชื่อเสียง มีงานเข้ามาเรื่อย ๆ และวิญญาณไปสื่อสารกับหมอดูว่าอยากให้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน พอเดินไปหากลับเจอวิญญาณอีกตน! เรื่องราวนี้จะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย คุณม้าม่วงเกริ่นเรื่องว่า ตนนั้นเช่าคอนโดอยู่กับแฟน แต่จะเช่าห้องพักไว้ เผื่อวันใดวันหนึ่งเลิกกับแฟนก็จะได้ย้ายมาอยู่ ต่อมาก็เลิกกับแฟนจึงย้ายกลับมาอยู่หอที่เช่าไว้ แต่หอห้องนี้ห้องเล็กเกินไป จึงย้ายไปอยู่อีกหอหนึ่ง ส่วนตัวคุณม้าม่วงนั้นชื่นชอบการดูดวงอยู่แล้ว จึงได้ขอให้หมอดูช่วยดูห้องใหม่ให้ด้วย คุณม้าม่วงก็วิดิโอคอลหาหมอดู ให้หมอดูดูทีละห้อง จนไปหยุดที่ห้องหนึ่งอยู่ชั้น 2 หมอดูก็บอกว่าห้องนี้ดี คุณม้าม่วงก็ถูกใจเพราะอยู่แค่ชั้น 2 ไม่ต้องขึ้นลิฟต์ จากนั้นจึงทำสัญญาเช่าห้อง เสร็จก็ได้มีการย้ายเข้ามาอยู่ หลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่ คุณม้าม่วงก็ไลฟ์สดตามปกติ จากนั้นชื่อเสียงก็ดังขึ้นมา เริ่มเป็นที่รู้จัก และได้เข้ามาในวงการบันเทิง คุณม้าม่วงอธิบายเพิ่มว่าหอพักมี 8 ชั้น คุณม้าม่วงอยู่ชั้น 2 จึงมักจะใช้วิธีการเดินลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ ซึ่งเป็นบันไดหนีไฟ เปิดไฟสลัวไม่สว่างมาก คุณม้าม่วงก็เดินขึ้นลงประจำ แต่คุณม้าม่วงก็จะมีความรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่าง เวลาที่เดินผ่านหรือเวลาที่มีคนยืนแล้วเราเดินผ่านก็จะมีลมมาสัมผัสร่างกาย ต่อมาคุณม้าม่วงก็ไลฟ์สดตามปกติ จนกระทั่งหมอดูทักมา “พี่หนุ่ม... มีคนชอบพี่หนุ่มมากเลยนะ” (หนุ่ม คือชื่อเดิมของคุณม้าม่วง) คุณม้าม่วงก็ถามกลับไปว่า “ใคร?” หมอดูบอกว่า “เขาอยู่ในห้อง เขาชอบมาดูพี่หนุ่มเวลาไลฟ์สด” และหมอดูยังบอกอีกว่า เขาเป็นแม่นางไม้ที่อยู่ที่นี่ เขามาเพิ่มเสน่ห์ให้ เขาชอบจึงมาส่งเสริม เวลาที่คุณม้าม่วงแต่งหญิง เขายืนดูแล้วก็จะยิ้มมีความสุข คุณม้าม่วงก็ให้หมอดูเปิดกล้องแล้วก็หันกล้องไปรอบ ๆ ถามหมอดูว่า “แม่นางไม้อยู่ตรงไหน?” หมอดูบอกว่า “เขายืนอยู่ข้างโต๊ะที่คุณม้าม่วงไลฟ์สด” คุณม้าม่วงก็พูดลอย ๆ ว่า “ถ้าอยู่ก็อยู่ แต่ก็ส่งเสริมกันนะ” หมอดูบอกกับคุณม้าม่วงอีกว่า “เขาอยากได้เครื่องสำอาง เขาชอบเครื่องสำอาง” คุณม้าม่วงก็ถามว่า “ถ้าซื้อมาแล้วจะต้องเอาไปวางไว้ที่ไหน หรือจะต้องทำยังไงเขาถึงจะได้รับ” หมอดูบอกว่า “ซื้อมาแล้วบริจาคให้กับคนที่เขาไม่มี” บังเอิญวันเดียวกันนั้น คุณม้าม่วงก็ไลฟ์สดตามปกติ จากนั้นก็มีลูกเพจทักมาว่าไม่มีเครื่องสำอาง คุณม้าม่วงจึงทักไปขอที่อยู่แล้วก็ซื้อเครื่องสำอางชุดใหญ่ส่งไปให้ แต่เรื่องที่ส่งของให้น้อง คุณม้าม่วงก็ไม่ได้บอกกับหมอดู หลังจากนั้น หมอดูทักมาบอกว่า “แม่นางไม้ได้รับแล้วนะ” คุณม้าม่วงตกใจและพูดลอย ๆ ไปว่า “ส่งเสริมกันนะ ขอให้ลูกมีงานเข้ามาเยอะ ๆ” ซึ่งตอนนั้นก็มีงานเข้ามาเรื่อย ๆ จริง วันดีคืนดีหมอดูก็ทักมาว่า “แม่นางไม้ขออีกเรื่องหนึ่งคือ อยากให้พี่หนุ่มรู้ว่าแม่นางไม้อยู่ที่ไหน” ณ ตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ 4-5 ทุ่ม คุณม้าม่วงก็ตอบว่า “อยู่ตรงไหนเดี๋ยวไปหา” หมอดูก็หลับตาแล้วบอกกับคุณม้าม่วงว่า “ให้หันหน้าเข้าตึก แล้วหันไปทางขวา เดินตรงไป แล้วก็เลี้ยวซ้าย แม่นางไม้จะอยู่ตรงนั้น” คุณม้าม่วงก็หยิบกล้องเดินไปและขอให้หมอดูค้างสายไว้ ห้ามวาง ในขณะที่เดินลงบันได หมอดูก็บอกว่าแม่นางไม้เดินตามมา แล้วหมอดูที่ค้างสายอยู่ก็มีท่าทางตกใจแล้วพูดว่า “มีใครยืนอยู่ตรงบันได!” คุณม้าม่วงรู้ได้เลยว่าปกติที่เดินลงบันไดตอนดึก ๆ แล้วมักจะเดินสวนคนนี้ประจำก็คือผีแน่นอน คุณม้าม่วงจึงเดินลงไปและคอยถามหมอดูตลอดว่า “แม่นางไม้ยังเดินตามมาอยู่ไหม” หมอดูก็ตอบว่า “ยังเดินตามมาอยู่” พอถึงหน้าตึกก็จะมีศาลตายาย หมอดูบอกว่า “ตายายก็เอ็นดูพี่หนุ่ม” คุณม้าม่วงก็เดินไปตามทางที่หมอดูบอก แล้วก็ไปหยุดที่จุดหนึ่ง คุณม้าม่วงนั่งลงใช้มือควานหาบริเวณนั้น สักพักมือก็ไปชนกับตอไม้ที่ถูกตัดแล้ว คุณม้าม่วงตกใจสะดุ้งตัวออกมา หมอดูก็บอกว่า “แม่นางไม้ดีใจที่พี่หนุ่มรู้แล้วว่าเขาอยู่ตรงไหน” พอรู้แบบนั้นคุณม้าม่วงก็กลับห้อง แต่ครั้งนี้ใช่ลิฟต์เพราะยังตกใจ ต่อมา คุณม้าม่วงก็ได้มีการย้ายหอเพราะห้องที่อยู่เริ่มเก็บของไม่พอ ก่อนย้ายคุณม้าม่วงก็ได้มีการไปไหว้ลากับศาลตายายและนำพวงมาลัยไปวางไว้ที่ตอไม้เพื่อบอกลากับแม่นางไม้ด้วย หลังจากนั้นคุณม้าม่วงก็ได้ย้ายไปอยู่หอใหม่ หมอดูก็โทรมาอีกว่า “ทำไมไม่เรียกแม่นางไม้มาด้วย เขาอยากมาหา” คุณม้าม่วงก็กลับไปหอเดิมแล้วก็บอกกับแม่นางไม้ว่าให้มาอยู่ด้วยกันได้ ถ้าไม่มีที่ไป แล้วก็เกิดเหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งคือ คุณม้าม่วงได้มีการสั่งของพรีออเดอร์ พอขนส่งมาส่งก็โทรหาคุณม้าม่วง โทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย ขนส่งจึงโทรไปหาเจ้าของร้านให้โทรหาคุณม้าม่วงให้ พอโทรไปอีกครั้งก็เป็นเสียงผู้หญิงรับสายแล้วบอกว่า “เอาวางไว้ข้างล่างแหละคะ” ปัจจุบันคุณม้าม่วงก็ได้มีการซื้อบ้านและก็ได้มีการชวนแม่นางไม้มาอยู่ด้วยเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้หมอดูโทรมาบอกกับคุณม้าม่วงว่า “แม่นางไม้เข้าหมู่บ้านไม่ได้ เพราะเจ้าที่ที่นี่ดุมาก ไม่ให้แม่นางไม้เข้ามา” หมอดูให้คุณม้าม่วงไปขอเจ้าที่ของหมู่บ้านเพื่อเปิดทางให้แม้นางไม้ คุณม้าม่วงก็ทำตามที่หมอดูบอก และเมื่อเดือนที่แล้วคุณม้าม่วงก็ได้มีการถามกับหมอดูว่า “แม่นางไม้ยังอยู่หรือเปล่า” หมอดูตอบว่า “ไม่ได้อยู่แล้ว กลับไปอยู่ที่หอเดิมเพราะบ้านใหม่ก็มีเจ้าที่อยู่แล้ว” และทุกครั้งที่คุณม้าม่วงไปทำบุญก็จะไม่ลืมแผ่ส่วนกุศลให้แม่นางไม้ด้วย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1