![เรื่องเล่าจากคุณหนองน้ำ 'ผีนักวิ่ง' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 17 ธ.ค. 2567 ]](https://storage.googleapis.com/atime-media-prod/content/c3462bb0-fc07-45bf-9754-734269f9b0c1.jpeg)
27 ธ.ค. 2024
เรื่องเล่าจากคุณหนองน้ำ 'ผีนักวิ่ง' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 17 ธ.ค. 2567 ]
‘คุณหนองน้ำ’ สายจากทางบ้านได้นำเรื่อง ‘ผีนักวิ่ง’ มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (17 ธันวาคม 2567) ฟังกัน มาดูกันว่า ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ จะรู้สึกอย่างไร เรื่องราวจะหลอนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย! ‘คุณหนองน้ำ’ เกริ่นก่อนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของรุ่นพี่ที่รู้จักกันชื่อ ‘พี่กอล์ฟ’ เป็นชายหนุ่มวัยกลางคน ที่อยู่ในแวดวงไตรกีฬา วิ่ง ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำ ซึ่งเรื่องที่พี่กอล์ฟได้นำมาเล่าให้คุณหนองน้ำฟัง เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2020 ตอนนั้นพี่กอล์ฟได้มีโอกาสไปวิ่งเทรล ที่จังหวัดเชียงใหม่ การวิ่งเทรล คือ การวิ่งในรูปแบบของการผจญภัยตามบริเวณหรือพื้นที่ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นป่า ภูเขา เป็นเส้นทางที่ขรุขระ เนิน ดิน หิน ทราย และที่แน่นอนก็คือ เส้นทางวิ่งจะมีความแตกต่างจากการวิ่งแบบปกติในเมืองอย่างสิ้นเชิง ซึ่งพี่กอล์ฟวิ่งเทรลในระยะทาง 93 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่ไกลมาก และจะเริ่มออกตัวในช่วงเวลากลางคืน โดยนักวิ่งส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์คู่ใจเวลาวิ่งในป่าคือ Headlamp (ไฟฉายคาดศีรษะ) และสิ่งนี้นั่นเองที่ทำให้พี่กอล์ฟไปเจอกับบางสิ่งบางอย่างในป่านั้น.. หลังจากที่ปล่อยตัวตอนกลางคืน ขณะที่พี่กอล์ฟวิ่งไปได้ระยะประมาณ 50 กิโลเมตร ระหว่างทางมีฝนตกลงมาอยู่ตลอด ทำให้การวิ่งเป็นไปได้ยากมากขึ้น เพราะว่าเส้นทางที่มันลื่นบวกกับตอนนั้นเป็นเวลากลางคืนอีกด้วย จึงทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นนั้นแคบลง สิ่งที่เกิดขึ้นคือเวลานักวิ่ง วิ่งไปเรื่อย ๆ นักวิ่งแต่ละคนจะค่อย ๆ ห่างกันไป จนเริ่มไม่เห็นไฟจาก Headlamp ของคนอื่นแล้ว เมื่อระยะทางเริ่มไกลขึ้น พี่กอล์ฟรู้สึกว่าไฟบนหัวของตัวเองเริ่มติด ๆ ดับ ๆ จากนั้นพี่กอล์ฟรู้สึกว่า มีอะไรบางอย่างลอยอยู่ทางซ้ายมือ ในตอนแรกพี่กอล์ฟคิดว่าตัวเองตาฝาด สุดท้ายก็ตัดสินใจหันไปดู สิ่งที่เห็นคือ ‘คุณยาย ผมประบ่า เสื้อผ้ามอมแมม’ มาตะคอกใส่พี่กอล์ฟว่า “มึงออกไป!!” หลังจากเจอสิ่งที่เกิดขึ้น พี่กอล์ฟตกใจมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเจออะไรแบบนี้ เพราะว่าตัวพี่กอล์ฟเป็นคนที่ลงสมัครงานวิ่งเยอะมาก แต่ก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย เรียกได้ว่าไม่เคยเจอผีมาก่อนในชีวิต หลังจากที่คุณยายพูดเสร็จ แค่แว๊บตาเดียวคุณยายคนนี้ก็หายไป แต่ด้วยความตกใจจึงทำให้ขาที่วิ่งอยู่ตอนนั้น วิ่งเร็วขึ้นไปอีก และคิดในใจว่าต้องวิ่งไปหานักวิ่งกลุ่มอื่น ๆ หลังจากที่เจอนักวิ่งกลุ่มอื่นแล้ว เพราะความตกใจที่ยังคงมีอยู่ ทำให้ความเร็วในการวิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนวิ่งหลุดนักวิ่งกลุ่มนั้นออกมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง เพราะคิดเพียงแค่ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ออกไปจากตรงนี้ให้ได้ สักพักหนึ่ง พี่กอล์ฟได้เหลือบไปเห็นศาลระหว่างทาง เป็นศาลไม้เก่า ๆ ที่ดูขลังมาก หลังจากที่เห็นศาลนั้น พี่กอล์ฟก็ได้ยินเสียงลอยตามลมมาอีกครั้ง เป็นเสียงในระยะที่ใกล้มาก มาจากทางด้านซ้ายมือ พูดว่า “ทำไมมึงยังไม่ไป!!” แต่รอบนี้พี่กอล์ฟมองไม่เห็นตัวคุณยายแล้ว ในขณะนั้นพี่กอล์ฟรู้สึกว่า ‘วิ่งต่อได้ แต่ใจกับความคิดตอนนั้นคือเหม่อไม่รู้ตัวแล้วว่าวิ่งไปทางไหน’ สติอย่างเดียวของพี่กอล์ฟคือพยายามตามหาริบบิ้นที่ผูกไว้ตามต้นไม้ ที่ผูกไว้เพื่อบอกว่าจุดในไหนที่เป็นจุดพักต่อไป และสุดท้ายจากระยะทาง 93 กิโลเมตร พี่กอล์ฟวิ่งไปได้เพียง 63 กิโลเมตรเท่านั้น เพราะพี่กอล์ฟตัดสินใจขอ DNF (Did not finish) หรือก็คือเมื่อลงแข่งขันแล้วแต่วิ่งไม่จบ เช่น เหนื่อยไม่วิ่งต่อแล้วหรือหลงทางจนไม่สามารถไปถึงเส้นชัยได้ เพราะคิดว่าถ้าวิ่งต่อไปอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ จึงตัดสินใจขอ DNF เมื่อกลับลงมาแล้ว อีกวันหนึ่งหลังจากที่พูดคุยกับนักวิ่งท่านอื่น ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครเห็นศาลนั้นเลย..เหตุการณ์ที่ 2 เป็นเรื่องของคุณหนองน้ำเอง เป็นตอนที่คุณหนองน้ำปั่นจักรยานอยู่ ณ ที่หนึ่งในช่วงวันปีใหม่ ซึ่งแถวนั้นแทบไม่มีคนเลย ในขณะที่คุณหนองน้ำกำลังปั่นจักรยานผ่านจุดแลนด์มาร์คศาลจุดหนึ่ง จู่ ๆ คุณหนองน้ำก็ได้ยินเสียงผู้หญิงจากทางด้านขวาพูดว่า “จ๊ะเอ๋” ในใจตอนนั้นคิดว่าเป็นพี่ที่รู้จักกัน มาปั่นอยู่ข้าง ๆ แต่พอหันไปดูกับไม่เห็นใครอยู่เลย..เหตุการณ์ที่ 3 อีกเหตุการณ์หนึ่ง เป็นพี่ที่รู้จักกัน พี่คนนั้นได้วิ่งผ่านวัด และได้เจอกับแม่ชีคนหนึ่งยืนอยู่หน้าวัด ยิ้มให้ และพูดว่า “เข้ามาทานข้าวต้มก่อนไหม เข้ามากินข้าวก่อนไหมหนู”แต่พี่คนนั้นตอบกลับไปว่า “อ๋อไม่ค่ะ ไม่เป็นไร” เพราะตอนนั้นพี่เขากำลังวิ่งอยู่ หลังจากวิ่งเสร็จกลับมาที่งาน ก็มีการคุยกันกับนักวิ่งคนอื่น ๆ ในเรื่องต่าง ๆ จนมาถึงเรื่องของพี่คนนี้เล่าว่า ‘เมื่อเช้าวิ่งผ่านวัด ๆ หนึ่งแล้วเจอแม่ชีมาเรียก ให้ไปกินข้าวที่วัด’ คนในพื้นที่จึงถามขึ้นมาว่า “วัดไหนนะคะ” หลังจากที่บอกชื่อวัดไป คนในพื้นที่คนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “วัดนี้เป็นวัดร้างนะ แต่ในอดีตเคยมีแม่ชีอยู่ที่นี่จริง ๆ แต่หลังจากที่แม่ชีคนนี้เสีย วัดนี้ก็ไม่ได้มีใครเข้ามาบูรณะต่อ”เหตุการณ์ที่ 4 เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องของพี่อีกท่านหนึ่ง ในขณะที่พี่คนนี้วิ่งงานเทรลอยู่ ระหว่างวิ่งนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นว่ามีคนวิ่งนำหน้า พี่คนนี้จึงวิ่งตามไปเพราะคิดว่าตัวเองวิ่งหลุดกลุ่ม ปรากฏว่าที่วิ่งไปไม่มีใครอยู่เลย จนเจ้าหน้าที่มาตามกลับ และบอกว่า “ตรงนี้มันไม่ใช่เส้นทางที่ให้นักวิ่งผ่านนะ มันผิดเส้นทาง”เหตุการณ์ที่ 5 เป็นเรื่องของแฟนคุณหนองน้ำ แฟนคุณหนองน้ำได้ไปซ้อมวิ่งในช่วงเช้า สถานที่ใกล้กรุงเทพฯ หลังจากที่วิ่งขึ้นเขาลูกหนึ่งไป ซึ่งเป็นปกติที่เวลาขึ้นเขานักวิ่งจะใส่ Headlamp แต่แสงไฟดันไปส่องเห็น ‘คนที่นอนอยู่บนถนน เป็นผู้ชายหัวโล้น นอนในลักษณะเอาหัวพาดไปที่ถนน นอนหันหลัง’ แฟนคุณหนองน้ำคิดว่าจะไม่ข้ามคน ๆ นี้จึงวิ่งเบี่ยงตัวออกไป ในขณะที่กำลังจะวิ่งผ่าน เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวผู้ชายที่นอนอยู่ก็หายไป หลังจากนั้นแฟนคุณหนองน้ำจึงไปทำบุญที่วัด ซึ่งวัดนี้เป็นเหมือนจุดรวมของปรักหักพังจากการบูชาและศาลที่ไม่ได้บูชาแล้ว แฟนคุณหนองน้ำก็ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าอาวาสของวัดนี้ และได้เล่าสิ่งที่ตัวเองเจอในตอนเช้า เจ้าอาวาสก็ได้ตอบกลับมาว่า “เป็นธรรมดาแหละโยม เพราะตรงนี้เป็นจุดที่หลายคนเอาโกศมาทิ้ง แต่ไม่ได้ทำพิธี เลยอาจจะทำให้เจอได้บ้าง” จึงทำให้หลาย ๆ คนที่ใช้เส้นทางเจอกับผู้ชายคนนี้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่