ชวนคุยกับ “QLER” ถึงเบื้องหลังซิงเกิลใหม่ล่าสุด “ALICE”

Chill Talk

ชวนคุยกับ “QLER” ถึงเบื้องหลังซิงเกิลใหม่ล่าสุด “ALICE”

เรียกได้ว่ากระแสตอบรับดีสุด ๆ สำหรับ “QLER” หรือ คิว-ฐิติพงศ์ เกิดแก้ว ศิลปินจากค่าย What The Duck ที่ส่งเพลง “ใจลอย” ให้ฮิตติดชาร์ต จนล่าสุดก็ทะลุ 10 ล้านวิวไปแล้ว วันนี้เขากลับมาอีกครั้ง กับซิงเกิลใหม่ล่าสุด ที่เล่าเรื่องราวการขอพรจากดาวตก Chill Online จึงชวนคิวมาพูดคุยถึงเบื้องหลังของ “ALICE” กัน

 

รู้สึกยังไงกับกระแสตอบรับของเพลง “ใจลอย” ที่ล่าสุดก็ทะลุ 10 ล้านวิวแล้ว

QLER – “รู้สึกตื่นเต้น แล้วก็ตกใจด้วยว่าทำไมมันขนาดนี้”

เพลง “ใจลอย” ปล่อยมาหลายเวอร์ชันมากเลย

QLER – “เปลืองตัวมากเลยเนอะเพลงนี้ ทำหลายอย่างมากเลย เหมือนเขาจะให้ทำเพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายแล้วในชีวิต (หัวเราะ)”

ได้ส่องฟีดแบคมั้ยว่าคนฟังชอบ “ใจลอย” เวอร์ชันไหนที่สุด

QLER – “น่าจะเวอร์ชันสามช่า สงกรานต์ ตอนนั้นเราปล่อยเพลงวันที่ 6 เมษาพอดี อีกอาทิตย์นึงมันสงกรานต์ เราก็เลยแอบทำเวอร์ชันโจ๊ะ ๆ ไว้ด้วย”

แล้วคิดว่าเวอร์ชันไหนเป็นตัวเองที่สุด

QLER – “ก็น่าจะเวอร์ชันสามช่านี่แหละ”

คิดไว้ว่าจะมี “ใจลอย” เวอร์ชันอื่นอีกมั้ย

QLER – “พอแล้วครับ เดี๋ยวเขาจะเบื่อกัน”

พูดถึง “ALICE” ซิงเกิลใหม่ที่กำลังจะปล่อยหน่อยว่าเป็นเพลงแนวไหน

QLER – “เป็นเพลงป็อปที่มีกลิ่นร็อคนิดนึง”

“ALICE” มีความแตกต่างจากเพลง “ใจลอย” มั้ย

QLER – “แตกต่างนะ เพราะว่าฟีลนี่คือเศร้าจัด แต่ว่าใจลอยมันจะเศร้าแบบขี้เล่น ด้านเมโลดี้มันก็จะมีลายเส้นของเรา เราจะชอบใช้เมโลดี้ที่ในเชิงดนตรีมันมีความเวิลด์มิวสิค เราจะชอบใช้โน้ตแบบนั้น ซึ่งมันก็จะมีอยู่ในเพลงนี้ด้วยแหละครับ แต่ว่ากลิ่นมันแค่ต่างกันด้วยเครื่องดนตรีที่เราเอามาใส่”

ชื่อเพลง “ALICE” คืออะไร มีที่มาจากอะไร

QLER – “มันคือดาวตก คอนเสปเพลงมันเกี่ยวกับการขอพรจากดาวตก เราก็เลยคิดว่ามันน่าจะดีนะ ถ้าเราตั้งชื่อให้ดาวตกของเรา แล้วบังเอิญไปดูซีรีส์ Alice in borderland รู้สึกว่าเรื่องนั้นมันก็เกี่ยวกับอุกกาบาตชนเหมือนกัน เราก็เลยคิดว่าชื่อ ALICE น่าจะดีนะ ชื่อเหมือนผู้หญิงด้วย น่ารักดี”

เพลงนี้ได้ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวใส่เข้าไปในเพลงมั้ย

QLER – “ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวแหละ เราไปเจอหลาย ๆ คนที่กำลังขอพร ไปตามวัดหรือสถานที่มูต่าง ๆ ใช่มั้ย เราก็เลยสงสัยว่าทำไมต้องทำแบบนั้น ประมาณว่าสิ่งที่เราอยากขอ ด้วยกำลังของเรา เราไม่สามารถทำได้ ณ ตอนนั้น เราก็เลยขอพรกับสิ่งนั้น ก็เลยเป็นการตั้งคำถามจากสิ่งที่คนอื่นทำ”

ปกติคิวเป็นสายมูด้วยมั้ย

QLER – “ตอนนี้ไม่ แต่เมื่อก่อนเราเป็นสายมูนะ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นอยู่กับครอบครัว แล้วเขาเชื่อเรื่องแบบนี้ ก็เลยไปกับเขาด้วย”

ถ้าขอพรได้หนึ่งข้อ อยากขออะไร

QLER – “ขอให้ถูกหวยชุด สักสองสามชุดพอมั้ยนะ เอาสัก 100 ล้าน เราจะอยู่บ้าน แล้วก็ใช้ชีวิตปกติจนตายเลย”

ถ้าถูกหวยแล้วจะยังทำเพลงต่อมั้ย

QLER – “ไม่ทำแล้ว 100 ล้านไม่ต้องทำแล้วเพลงอะ (หัวเราะ) ทำเอาสังคมแล้วอันนั้น”

“ALICE” จะมีสักกี่เวอร์ชันดี

QLER – “เราแอบทำไว้สอง แต่ว่ายังไม่รู้ว่าจะมีอีกมั้ย”

ใบ้ได้มั้ยว่าสองเวอร์ชันที่แอบทำไว้คือเวอร์ชันอะไร

QLER – “เป็นเวอร์ชันที่ไม่ได้พิสดารมาก อาจจะอะคูสติกบ้าง เปียโนบ้าง”

คิวเป็นคนเขียนเพลงเองด้วย เคยมีโมเมนต์ที่เขียนเพลงไม่ออกบ้างมั้ย

QLER – “มีนะ พอเราทำงานครีเอทีฟ มันก็มีช่วงที่คิดไม่ออกบ้าง มันไม่เหมือนงาน science หรืองานที่อยู่กับตัวเลข ที่เราสามารถกำหนดค่าได้ว่ามันจะเป็นยังไงใช่มั้ย แต่ว่างานศิลปะ เราต้องรอ inspiration บางอย่างด้วย บางทีเราเขียนไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เจอเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราเอามาเขียน มันก็จะมีช่วงแบบนั้น บางทีก็มีช่วงที่เครียดมาก ทำอะไรไม่ได้เลย”

แล้วเวลาทำงานไม่ได้ มีวิธีจัดการกับปัญหานั้นในแบบของคิวมั้ย

QLER – “เราจะพยายามทำไปเรื่อย ๆ ก่อนตอนแรก เพราะเรารู้สึกว่าถ้าไม่ทำอะไรเลย เราจะรู้สึกเหมือนกับว่าเราไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย เหมือนเราไม่ตั้งใจทำงาน เราเลยรู้สึกว่าทำไปก่อน เดี๋ยวมันก็มาเอง แต่ว่าดีที่สุดก็คือไปทำอย่างอื่นก่อนดีกว่า เพราะเราไม่สามารถ force งานศิลปะให้มันออกมาได้หรอก”

มีสถานที่ที่ชอบไปเวลาเขียนเพลงไม่ออกมั้ย

QLER – “เราชอบไปภูเขา เขาใหญ่ บางทีก็ไปคนเดียว ไปนอนสองสามวัน ไม่ต้องคิดอะไร บางทีมันจะมีแค่เรื่องบางเรื่องในชีวิต เรื่องเล็ก ๆ บางทีก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแค่ 5 วินาที ณ ตอนนั้น มันก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ได้ แต่แค่ชอบอยู่ในที่ที่ไม่เจอคน แล้วก็ไม่หนาว”

เพลง “ALICE” ใช้เวลาทำนานมั้ย

QLER – “จริง ๆ ถ้าเดโมก็ไม่นาน วันสองวันเสร็จ”

อะไรคือส่วนที่ยากที่สุดของการทำเพลงนี้

QLER – “การเขียนเนื้อครับ แต่ถ้าจากเพลงที่เขียนมา เพลงนี้เราไม่เขินที่สุด ไม่เขินที่สุดหมายถึงว่า เราค่อนข้างเคารพตัวเองในหน้าที่นี้แล้ว อย่างตอนเขียนใจลอยจะรู้สึกจั๊กจี้นิดนึง แต่เพลง ALICE เรายอมรับตัวเองในฐานะคนเขียนเพลงในระดับนึง”

เขินที่ว่านี่เขินในเชิงไหน เขินกับเนื้อหาเพลง หรือเขินในฐานะนักแต่งเพลง

QLER – “เราไม่มั่นใจ พื้นฐานเราเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ถึงจะดูเหมือนกล้าพูด แต่จริง ๆ แล้วเราไม่ได้มั่นใจ เหมือนอันนี้เป็นแค่อีกหน้ากากนึง แต่ว่าตัวจริง ๆ เป็นคนที่ไม่กล้าเลย”

ถ้าให้เทียบระหว่าง “ใจลอย” กับ “ALICE” เพลงไหนที่รู้สึกว่าเป็นตัวเองมากกว่า

QLER – “ก็เพลงนี้แหละ ALICE เพลงใจลอยมันเหมือนเป็นหน้ากากที่แบบ แต่งเพลงแซวคนอื่น ซึ่งมันก็เป็นพาร์ทเล็ก ๆ ในชีวิตเราที่เราไม่เคยเอาออกมา แต่จริง ๆ แล้ว พื้นฐานเราเป็นคนเศร้า ๆ หน่อย”

อยากให้คนฟังได้อะไรกลับไปหลังจากฟังเพลง “ALICE”

QLER – “อยากให้เป็นเพื่อนแหละมั้ง เพราะเราจะทรีตเพลงเราเป็นเหมือนลูก หรือว่าเป็นเพื่อนของเรา ปกติเราเป็นคนที่แก้ปัญหาให้คนอื่นไม่เก่ง เราเป็นคนมีเพื่อนเยอะนะ แต่เวลาเพื่อนมาเล่าอะไรให้ฟัง เราก็ไม่ได้มีปัญญา ไม่ได้มี solution ที่จะช่วยแก้ปัญหา ก็เป็นได้แค่คนที่คอยรับฟังให้ เราก็อยากให้เพลงนี้เหมือนเป็นแค่เพื่อนคนนึง คือไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร ก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี”

ฝากถึงแฟน ๆ ที่ติดตามผลงานของ QLER อยู่หน่อย

QLER – “ขอบคุณมากที่ใจดีกับเรา แล้วก็ฝากเพลงนี้ด้วยนะครับ ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็เป็นกำลังใจให้ตลอด”

you may also like

album

0
0.8
1