เชื้อไวรัส hMPV ไวรัสสายพันธ์ุใหม่ที่เด็ก ๆ ต้องระวัง

Beauty & Health

เชื้อไวรัส hMPV ไวรัสสายพันธ์ุใหม่ที่เด็ก ๆ ต้องระวัง

10 ม.ค. 2025

เตือนผู้ปกครอง ให้ระวังบุตรหลานของท่านเสี่ยงติดเชื้อไวรัส Human metapneumovirus (hMPV) หรือเชื้อไวรัสฮิวแมนเมตะนิวโม ไม่ได้เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด ฤดูกาลที่พบการติดเชื้อมาก จะมี 2 ช่วง คือ ช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กๆมักมีอาการหวัด ติดเชื้อทางเดินหายใจได้บ่อย ซึ่งการตรวจหาเชื้อนั้นทำได้โดยมีวิธีการเดียวกับไข้หวัดใหญ่และ RSV โดยวิธีการ swab โดยมักพบอาการในกลุ่มเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ

  • อาการของผู้ติดเชื้อไวรัส hMPV 

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ คือ มีอาการไข้ มีน้ำมูก เจ็บคอ ซึ่งพบมากในเด็กเล็กแต่ในผู้ใหญ่ และเด็กโต มีภูมิต้านทานที่ดีหากติดเชื้อนี้ อาจมีอาการเหมือนกับเป็นไข้หวัดธรรมดา หรืออาจไม่มีอาการก็ได้ ถึงอย่างไรก็ตามไวรัส hMPV เป็นโรคกลุ่มเดียวกันกับเชื้อไวรัส RSV เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปอดอักเสบในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ จึงควรระมัดระวังบุตรหลาน และผู้สูงอายุในบ้าน

  • การป้องกันโรคไวรัส hMPV

เนื่องจากในปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีน หรือยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาเชื้อนี้โดยตรง สามารถรักษาแบบประคับประคองเหมือนไข้หวัดใหญ่และ RSV ทั่วไป ใช้หลักการเดียวกับการป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหานใจอื่นๆ คือ ล้างมือให้สะอาด ไม่เอามือไปแคะจมูกหรือเอาเข้าปาก ไม่ไปคลุกคลีกับคนที่มีอาการป่วย ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อไปในที่มีชุมชนคนอยู่เยอะ ๆ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินหายใจ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bangkok Hospital โรงพยาบาลกรุงเทพ

related Beauty & Health

แนะนำการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) ลดไขมันกระตุ้นหัวใจ

29 ส.ค. 2025

แนะนำการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) ลดไขมันกระตุ้นหัวใจ

การออกกำลังกายมีหลากหลายรูปแบบที่สามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพร่างกาย แต่ในวันนี้เราจะมาพูดถึงการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบการออกกำลังกายลดไขมันที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการลดไขมันและกระตุ้นการทำงานของหัวใจ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยลดไขมันสะสมในร่างกาย ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว แม้ว่าเราจะได้ยินคำว่า “คาร์ดิโอ” บ่อยครั้งในวงการออกกำลังกาย แต่หลายคนก็ยังไม่ทราบถึงความหมายและประโยชน์ที่แท้จริงของการออกกำลังกายประเภทนี้ วันนี้ Chill on กินเที่ยว จะพาคุณไปรู้จักกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอให้มากขึ้น รวมถึงประเภทต่าง ๆ ของคาร์ดิโอที่คุณสามารถเลือกทำได้ตามความต้องการของร่างกายปัญหาเหนื่อยง่าย จากการออกกำลังกายน้อย หลายคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ มักจะพบปัญหาการเหนื่อยง่าย หรือหายใจถี่เมื่อทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรง เช่น การเดินเร็ว หรือการขึ้นบันได หากไม่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่างกายอาจจะไม่สามารถปรับตัวกับความต้องการของระบบหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างเต็มที่ ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย ซึ่งเป็นสัญญาณของการที่หัวใจและหลอดเลือดทำงานไม่เต็มที่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) สามารถช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ปรับปรุงการทำงานของระบบหัวใจและเพิ่มความทนทานให้กับร่างกายการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) คืออะไร การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) คือการออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างต่อเนื่อง เช่น การวิ่ง, เดินเร็ว, ปั่นจักรยาน หรือการว่ายน้ำ ซึ่งช่วยให้หัวใจทำงานหนักขึ้นและกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น การออกกำลังกายประเภทนี้จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการลดไขมันในร่างกายการออกกำลังกายคาร์ดิโอจะช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองคาร์ดิโอ มีกี่ประเภท การออกกำลังกายคาร์ดิโอมีหลายประเภท ซึ่งสามารถเลือกทำได้ตามความชอบและความเหมาะสมของร่างกาย โดยแต่ละประเภทจะมีการใช้ความหนักเบาของการออกกำลังกายที่แตกต่างกันไป ประเภทของคาร์ดิโอที่คุณสามารถเลือกทำได้ มีดังนี้ 1. คาร์ดิโอประเภท LISS (Low Intensity Steady State) LISS เป็นการคาร์ดิโอที่ใช้การออกแรงในระดับต่ำ ไม่มีการกระแทกมากนัก โดยจะออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาทีต่อครั้ง หรือ 200-300 นาทีต่อสัปดาห์ โดยรักษาระดับการเต้นของหัวใจให้อยู่ในระดับคงที่ประมาณ 50-65% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด การคาร์ดิโอแบบ LISS เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกาย หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก และไม่ชอบการออกกำลังกายหนักๆ เช่น การเดินเร็ว การปั่นจักรยานเบา ๆ หรือการว่ายน้ำ เป็นต้น โดยจะช่วยเสริมการทำงานของระบบหัวใจและปอด ช่วยในการเผาผลาญไขมัน และลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บจากการออกกำลัง 2. กายคาร์ดิโอประเภท MISS (Moderate Intensity Steady State) MISS คือการออกกำลังกายที่มีระดับความเข้มข้นปานกลาง โดยรักษาอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ที่ 60-70% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด การออกกำลังกายประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและไม่มีโรคประจำตัว เช่น การวิ่งจ็อกกิ้ง การเต้นแอโรบิก หรือการปั่นจักรยานด้วยความเร็วปานกลาง ผู้ที่ออกกำลังกายประเภทนี้มักจะออกกำลังกายเป็นระยะเวลาประมาณ 30-45 นาทีต่อครั้ง หรือประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์ การคาร์ดิโอประเภท MISS ช่วยเสริมความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มความทนทานของร่างกาย และช่วยลดไขมันสะสมในร่างกายได้ดี 3. คาร์ดิโอประเภท HIIT (High Intensity Interval Training) HIIT คือการออกกำลังกายที่มีการใช้แรงในระดับสูงในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยจะทำการออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงเวลา 20-30 วินาที ตามด้วยการพักผ่อนหรือการออกกำลังกายที่มีความหนักเบาต่ำในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะกลับไปออกกำลังกายอย่างหนักอีกครั้ง ซึ่งการออกกำลังกายแบบ HIIT จะทำให้การเต้นของหัวใจสูงถึง 90% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุดคาร์ดิโอดีต่อระบบการไหลเวียนเลือด และหัวใจอย่างไร การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) ช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและสุขภาพหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเราออกกำลังกายคาร์ดิโอ ร่างกายจะมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อให้เลือดไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมากขึ้น การทำเช่นนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือด ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น การออกกำลังกายคาร์ดิโอยังช่วยลดความดันโลหิต และลดระดับไขมันในเลือด ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้ การออกกำลังกายคาร์ดิโอจึงเป็นการป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังที่อาจเกิดจากการที่ร่างกายขาดการเคลื่อนไหวหรือไม่ออกกำลังกายเป็นระยะเวลานานข้อควรระวังในการออกกำลังกายคาร์ดิโอ แม้ว่าการออกกำลังกายคาร์ดิโอจะเป็นการออกกำลังกายที่ดี แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่ควรพิจารณาก่อนเริ่มต้นออกกำลังกายคาร์ดิโอไม่ควรออกกำลังกายหนักเกินไป – สำหรับผู้ที่เริ่มต้นการออกกำลังกายคาร์ดิโอ ควรเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายเบา ๆ ก่อน และค่อย ๆ เพิ่มระดับความเข้มข้นของการออกกำลังกายเมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวให้ร่างกายพักผ่อนเพียงพอ – ควรให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอระหว่างวัน เพราะการออกกำลังกายหนักติดต่อกันหลายวันโดยไม่มีการพักผ่อน อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ระมัดระวังเรื่องอุปกรณ์ – หากออกกำลังกายคาร์ดิโอที่ต้องใช้อุปกรณ์ เช่น การปั่นจักรยานหรือการวิ่ง ควรตรวจสอบอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน และมั่นใจว่าอุปกรณ์นั้นเหมาะสมกับสภาพร่างกายของเราสรุป การออกกำลังกายคาร์ดิโอเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการปรับปรุงสุขภาพหัวใจ ลดไขมันในร่างกาย และเพิ่มความทนทานของร่างกาย คุณสามารถเลือกทำการออกกำลังกายคาร์ดิโอในรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเองได้ เช่น การวิ่ง การเดินเร็ว หรือการปั่นจักรยาน ทั้งนี้เพื่อให้การออกกำลังกายคาร์ดิโอมีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรทำอย่างสม่ำเสมอ และคำนึงถึงการพักผ่อนให้เพียงพอหากคุณสนใจเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกาย และเคล็ดลับสุขภาพต่างๆ สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ Atime ที่มีบทความดี ๆ และข้อมูลที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะหน้า Chill On กินเที่ยว ที่รวบรวมเรื่องกินเที่ยวและสุขภาพไว้ให้คุณได้อ่านและค้นพบความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอจัดทำโดย : พิชชาภรณ์ ผาสุขดี

Agnos Health ใช้ AI คัดกรองอาการป่วยและรับยาฟรี!

22 มี.ค. 2024

Agnos Health ใช้ AI คัดกรองอาการป่วยและรับยาฟรี!

Agnos ร่วมมือกับสำนักการแพทย์ กรุงเทพฯ ใช้ AI คัดกรองอาการป่วยและรับยาฟรี!Agnos Health ร่วมมือกับ สำนักการแพทย์ กทม. ให้บริการคัดกรองโรคด้วย AI เพื่อลดความแออัดให้โรงพยาบาล โดยคนไข้สิทธิบัตรทอง ที่มีการการเจ็บป่วยเล็กน้อย สามารถรับยาได้ฟรี ที่ร้านขายยาที่ร่วมโครงการสำหรับผู้ที่สนใจสามารถใช้งานฟรี ผ่าน LINE OA ของ Agnos ได้ที่ https://bit.ly/49YoUaH หรือผ่าน LINE OA ของโรงพยาบาลรัฐ 3 แห่ง ได้แก่ รพ.ราชพิพัฒน์ รพ.กลาง และรพ.สิรินธรขั้นตอนการใช้บริการ1.เพิ่มเพื่อนใน Line Official ของ Agnos หรือโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อใช้บริการ- Agnos https://bit.ly/49YoUaH (LINE ID: @agnos)- โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ (LINE ID: @1rpp)- โรงพยาบาลกลาง (LINE ID: @klang)- โรงพยาบาลสิรินธร (LINE ID: @1srt)2.เลือกเมนู เช็กอาการป่วยและนัดหมายแพทย์3.เข้าสู่ระบบ และกรอกข้อมูลส่วนตัว4.ตอบคำถาม AI และดูผลวิเคราะห์ที่หน้าแชท Line5.ได้รับรหัส เพื่อไปรับยาฟรี สำหรับผู้มีสิทธิบัตรทอง ผ่านช่องทาง Lineระบบ AI ของ Agnos ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่ายๆ โดยผ่านการทดสอบมามากกว่า 1 แสนครั้ง โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 26 สาขาวิชา มีความแม่นยำสูง และมีการใช้งานจริงไปแล้วมากกว่า 2 แสนครั้ง โดย AI จะทำการคัดกรองอาการป่วยออกมาเป็น 3 ระดับ ได้แก่สีเขียว หากผลวิเคราะห์ออกมาเป็นสีเขียว เป็นอาการที่สามารถรับยาที่ร้านยาได้เพื่อดูแลเบื้องต้นได้สิทธิพิเศษ ผู้ที่มีสิทธิบัตรทองหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ตรวจสอบสิทธิ ด้วยตนเองได้ที่ https://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml )สามารถรับยาฟรี! ที่ร้านขายยาใกล้บ้านที่เข้าร่วมในโครงการ (ตรวจสอบได้ผ่านระบบ Agnos)สีเหลือง อาการรุนแรงปานกลาง สามารถรับยาบรรเทาอาการเบื้องต้นที่ร้านยาใกล้บ้าน หรือทำนัดหมายแพทย์ผ่านทาง agnos หากใช้งานบน Line โรงพยาบาลก็สามารถติดต่อนัดหมายแพทย์ต่อกับทางเจ้าหน้าที่บน Line OA ของโรงพยาบาลได้เลยสีแดง หากอาการรุนแรงมากควรรีบไปโรงพยาบาลทันที ตามคำแนะนำของเรา โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในอีกหลายโครงการ ที่ Agnos health พัฒนา ร่วมกับ โรงพยาบาลรัฐเพื่อนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการยกระดับบริการด้านสุขภาพให้กับคนไทย และในอนาคตยังมีโอกาสที่จะขยาย ไปยังโรงพยาบาลแห่งอื่นต่อไป เพื่อขยายการเข้าถึงอีกบริการในวงกว้างขึ้นโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในอีกหลายโครงการ ที่ Agnos health พัฒนา ร่วมกับ โรงพยาบาลรัฐเพื่อนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการยกระดับบริการด้านสุขภาพให้กับคนไทย และในอนาคตยังมีโอกาสที่จะขยาย ไปยังโรงพยาบาลแห่งอื่นต่อไป เพื่อขยายการเข้าถึงอีกบริการในวงกว้างขึ้นวิดีโอตัวอย่างการใช้งานบริการ https://www.youtube.com/watch?v=oTc92uCw3S8สำหรับผู้ที่สนใจสามารถใช้งานฟรี ผ่าน LINE OA ของ Agnos ได้ที่ https://bit.ly/49YoUaHโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากโครงการ Accelerate Impact with Pruksaสอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ Agnos business contact form (clickup.com)Email: agnoshealth.sales@gmail.comTel: 098-851-7952

อาการสมองเมา หลังเกิดแผ่นดินไหว

01 เม.ย. 2025

อาการสมองเมา หลังเกิดแผ่นดินไหว

โรคสมองเมาหลังแผ่นดินไหว หรืออาการสมองเมาที่เกิดหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว อาจเกิดจากผลกระทบทางจิตใจและร่างกายจากสถานการณ์ที่ตึงเครียดและท้าทายแบบฉับพลัน เช่น แผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล ความกลัว และความเครียดสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมอง ทำให้เกิดอาการสมองเมาความเครียดและความวิตกกังวล หลังจากแผ่นดินไหว คนจำนวนมากอาจรู้สึกเครียดและวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้สมองรู้สึกเหมือนถูกคลุมเครือ หรือไม่สามารถคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพการนอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียดและความวิตกกังวลอาจทำให้คนนอนไม่หลับ หรือมีการนอนหลับที่ไม่ลึก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสมองและทำให้เกิดอาการสมองเมาผลกระทบทางจิตใจ จากเหตุการณ์ที่กระทบใหญ่ การเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น แผ่นดินไหว สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการทางจิตใจที่คล้ายกับอาการ PTSD (โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ) ซึ่งอาจรวมถึงอาการสมองเมา, ความจำแย่ลง, และรู้สึกเหนื่อยล้าการขาดสารอาหาร หรือการดูแลตัวเอง หลังจากแผ่นดินไหว อาจมีการขาดแคลนอาหาร น้ำ และการดูแลสุขภาพที่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพทั่วไปและการทำงานของสมองขอบคุณข้อมูลจาก www.bangkokinternationalhospital.com

ทำความรู้จักกับ โรคลมแดด หรือฮีทสโตรก โรคยอดฮิตช่วงหน้าร้อน

21 เม.ย. 2025

ทำความรู้จักกับ โรคลมแดด หรือฮีทสโตรก โรคยอดฮิตช่วงหน้าร้อน

เดือนเมษายน เดือนแห่งความร้อน ทั้งอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจนเป็นที่น่าตกใจ ซึ่งภาคเหนือเองได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากมรสุมลมร้อน ทำให้มีอากาศที่ร้อนสูงสุดถึง 42 องศาเซลเซียส นั้นอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้คุณเป็น “โรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก (Heat Stroke)” โรคที่ใหม่ในยุคปัจจุบันแต่อาจคร่าชีวิตของคุณ และคนใกล้เคียงได้โรคลมแดด คือภาวะที่อุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน 40.5 องศาเซลเซียส เกิดจากการที่อยู่ในสถานที่ที่อุณหภูมิร้อนมากๆ และร่างกายไม่สามารถปรับตัวลดอุณหภูมิให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ส่งผลเสียต่อระบบประสาท หัวใจ และไต เป็นเหตุให้เสียชีวิตได้สาเหตุการเกิดโรคลมแดดเกิดจากการอยู่ในสถานที่ที่อากาศร้อนจัด โดยเฉพาะขณะที่อากาศร้อนชื้น หรือการออกกำลังกายอย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อออกกำลังกายในสถานที่ที่อากาศร้อน อาจมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่กระตุ้นให้เป็นโรคลมแดดได้ง่ายขึ้น เช่น การสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาเกินไปจะทำให้เหงื่อระบายได้ยาก การดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ ทานน้ำน้อย เป็นต้นกลุ่มคนที่มีโอกาศเป็นโรคลมแดดได้มากกว่ากลุ่มอื่นคือ กลุ่มเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ (อายุเกิน 65 ปี) มีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ช้า และเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำได้ง่ายหรือทหารที่ต้องฝึกหนัก หรือ นักกีฬาที่ต้องเล่นกีฬาในที่ที่อุณหภูมิร้อนจัด, ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับอากาศร้อน เช่น ต้องเดินทางไปประเทศที่อุณหภูมิอากาศร้อนกว่า หรือเจอมรสุมพายุฤดูร้อน, ผู้ที่ทานยาบางชนิด ได้แก่ ยาลดความดันโลหิตบางประเภท ยาขับปัสสาวะ ยารักษาโรคจิตเวช ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาระบาย ยาบ้า โคเคน และผู้ที่มีโรคหัวใจ โรคปอด โรคอ้วน หรือเคยเป็นโรคลมแดดมาก่อนอาการของโรคลมแดดอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 40.5 องศาเซลเซียสมีอาการผิดปกติทางระบบประสาท ได้แก่ ลุกลี้ลุกลน พูดช้า สับสน ชัก เพ้อ หมดสติต่อมเหงื่อทำงานผิดปกติไป เช่น อยู่ในสถานที่ร้อนจัด แต่ไม่มีเหงื่อออกคลื่นไส้ อาเจียนผิวหนังและหน้าเปลี่ยนเป็นสีออกแดงเหนื่อย หายใจเร็ว ใจสั่นชีพจรเต้นเร็วผิดปกติปวดศีรษะไตวาย ปัสสาวะสีเข้มผิดปกติ เอนไซม์ในกล้ามเนื้อสูงผิดปกติวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการควรรีบหลบแดด ย้ายมาอยู่ในที่ร่มถอดเสื้อคลุมที่ไม่จำเป็นออกทำให้ร่างกายเย็นด้วยวิธีต่างๆ เช่น รดตัวด้วยน้ำเย็น เช็ดตัวด้วยน้ำเย็นโดยเฉพาะที่บริเวณหลังคอ ข้อพับ และขาหนีบ เป่าพัดลมที่มีไอน้ำเย็น เปิดแอร์ดื่มน้ำ และน้ำเกลือแร่ให้มากๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำและป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสียเกลือแร่อีกทั้งยังมีวิธีการป้องกันไม่ให้เป็นโรคลมแดดได้ง่ายๆ อาทิ สวมใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบายและบาง เพื่อให้ผิวหนังได้มีการถ่ายเทความร้อนออกไปได้ง่ายขึ้น ใช้อุปกรณ์บังแดด เช่น ร่ม หมวกปีกกว้าง แว่นตากันแดด และทาครีมกันแดด ดื่มน้ำให้มากๆ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ไม่ควรอยู่ในรถที่จอดกลางแดด อุณหภูมิในรถสามารถขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วถึง 50 องศาเซลเซียส ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ห้ามทิ้งเด็กไว้ในรถเด็ดขาด หาเวลาพักมาอยู่ในที่ร่มเป็นระยะ โดยเฉพาะช่วงที่ร้อนสุดคือช่วงกลางวัน ถ้าต้องการออกกำลังกายควรออกเวลาที่เย็นที่สุดของวัน คือตอนรุ่งเช้า และตอนเย็น ถ้ายังไม่คุ้นเคยกับอากาศร้อน เช่น เพิ่งย้ายมาอยู่ในประเทศที่ร้อนกว่าที่เดิม ควรหลีกเลี่ยงการทำงานหนัก หรือการออกกำลังกายหนักในระยะแรก จนกว่าร่างกายจะชินกับอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น ถ้าทราบว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคลมแดด เช่น มีโรคประจำตัว สูงอายุ ทานยาที่มีความเสี่ยง ควรสังเกตอาการตนเอง ถ้าเริ่มมีอาการที่เข้าได้กับโรคลมแดด ควรรีบปฐมพยาบาลตนเองเบื้องต้น และรีบไปโรงพยาบาลทันทีขอบคุณข้อมูลจากโรงพยาบาลกรุงเทพ