นปโปะหม่ำๆ จะทำยังไง? ถ้าน้องหมาไม่ยอมกินอาหาร

HEALTHY LIFESTYLE

นปโปะหม่ำๆ จะทำยังไง? ถ้าน้องหมาไม่ยอมกินอาหาร

20 ส.ค. 2024

นปโปะหม่ำๆ หม่ำๆ กู๊ดบอย คือทำนองเพลงติดหู ที่เรามักได้ยินบนโลกโซเชียลในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งที่มาของเพลงสุดน่ารักนี้ ก็เกิดจากเจ้าหมา ‘นปโปะ’ ที่ไม่ยอมกินอาหารโดยเด็ดขาดถ้าเจ้าของไม่ร้องเพลงให้ฟัง (ต้องมีทำนองด้วยนะ ไม่งั้นหนูไม่กิน!) ทำให้ใครหลายๆคนที่ได้เห็นคลิปวิดีโอของนปโปะต้องอมยิ้มไปตามๆกัน แต่เอ๊ะ…แล้วสาเหตุที่ทำให้น้องหมาหลายๆตัว ไม่ยอมกินอาหารง่ายๆคืออะไรกันนะ

 

สาเหตุที่สุนัขไม่กินอาหาร

1.อาการป่วย

ถึงแม้ว่าการอยากอาหารที่ลดลง ไม่ได้หมายความว่าน้องๆกำลังมีโรคร้ายแรงเสมอไป แต่การตรวจหาความผิดปกติอย่างทันท่วงทีก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น การเจ็บปวดทางร่างกาย ปัญหาทางช่องปากและฟัน การติดเชื้อในลําไส้ หรือมีสิ่งแปลกปลอมอุดตันทางเดินอาหาร เป็นต้น

 

2.การฉีดวัคซีน

การฉีดวัคซีนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอาจมีผลข้างเคียง ทำให้สุนัขสูญเสียความอยากอาหารในระยะเวลาสั้นๆได้

 

3.สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย 

สถานที่แปลกใหม่อาจทำให้น้องหมาเกิดความเครียดและประหม่าได้ รวมไปถึงการเดินทางด้วยรถยนต์ก็อาจทำให้น้องๆรู้สึกคลื่นไส้ เมารถ ทำให้ไม่อยากอาหารได้เช่นกัน

4.พฤติกรรมส่วนตัว

นิสัยของสุนัขบางตัวอาจมีความ ‘เลือกกิน’ ไปนิด ลองสังเกตดูว่าน้องหมาของเรามีนิสัยส่วนตัวอย่างไร และนำมาปรับใช้กับวิธีการฝึกกินอาหาร เช่น การให้อาหารเป็นเวลา หลีกเลี่ยงการให้อาหารใกล้สุนัขตัวอื่นจนเกินไป การปรับชามข้าวให้มีความสูงพอดีต่อตัว ตรวจสอบอาหารว่าไม่เหม็นอับ และไม่แข็งจนเกินไป เป็นต้น

 

5.น้องหมาได้รับของรางวัลมากเกินไป

ความ ‘อิ่ม’ จากการกินขนมเยอะเกินไป อาจทำให้น้องๆรู้สึกไม่หิวอาหารแบบเดิมๆที่เคยกิน การกินขนมควรเป็น ‘รางวัล’ ของสุนัข ไม่ใช่อาหารจานหลัก และควรมีสัดส่วนไม่เกิน 10% ของแคลอรีต่อวันเมื่อคำนวณตามน้ำหนักตัว เพราะการให้ขนมมากเกินไปอาจนําไปสู่โรคอ้วนในสุนัขได้อีกด้วย

 

วิธีกระตุ้นความอยากอาหารของน้องหมา

1.เปลี่ยนอาหารเม็ด

โดยการเลือกสูตรอาหารที่มีส่วนผสมคล้ายกับอาหารสูตรเก่า และช่วยปรับให้ระบบย่อยอาหารของน้องๆรู้สึกคุ้นเคย ด้วยการค่อยๆผสมอาหารใหม่เข้ากับอาหารเก่า และเพิ่มปริมาณของอาหารใหม่ในแต่ละมื้อ

วันที่ 1-2: ผสมอาหารใหม่ 25% กับอาหารเก่า 75%

วันที่ 3-5: ผสมอาหารใหม่ 50% กับอาหารเก่า 50%

วันที่ 6-7: ผสมอาหารใหม่ 75% กับอาหารเก่า 25%

วันที่ 8 เป็นต้นไป : อาหารใหม่ 100%

ซึ่งสุนัขบางตัวอาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนนานมากกว่านี้ โดยเฉพาะกับน้องๆที่มีกระเพาะย่อยอาหารบอบบาง

 

2.เพิ่มท็อปปิ้งตกแต่งอาหาร หรือ ทําให้อาหารเม็ดนิ่มลง

เติมน้ำหรือซุปผักอุ่นๆลงในอาหารแห้งและปล่อยแช่ให้นิ่ม ช่วยให้น้องหมาเคี้ยวอาหารได้ง่าย เพิ่มกลิ่น กระตุ้นความอยากอาหาร (ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยนะ ว่าไม่มีหัวหอมหรือกระเทียมอยู่ในส่วนผสมของน้ำซุป เพราะอาจทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงทำให้น้องเป็นโรคโลหิตจางได้)

 

3.หลีกเลี่ยงการให้อาหารโดยไม่มีเงื่อนไข

การวางอาหารของน้องหมาทิ้งไว้ให้เดินมากินตอนไหนก็ได้ อาจจะดูเป็นวิธีที่สะดวก แต่ก็ส่งผลตามมาหลายอย่าง เช่น การไม่เห็นพฤติกรรมความอยากอาหารที่เปลี่ยนไปของน้องๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางร่างกาย

 

ผู้เลี้ยงควรกำหนดเวลาให้อาหารอย่างชัดเจน และทำการจับเวลา 15 นาที หากในช่วงเวลานี้น้องๆมีท่าทีไม่ยอมกินอาหารที่วางไว้ ให้เก็บอาหารจนกว่าจะถึงเวลามื้อต่อไป เป็นการฝึกให้น้องหมาไม่ติดนิสัยเมินอาหารนั่นเอง

 

4.ทําให้มื้ออาหารเป็นเรื่องสนุก

ทำให้การกินอาหารตื่นเต้นขึ้น ด้วยการใส่อาหารไว้ในเครื่องเล่นสำหรับน้องหมา กระตุ้นสัญชาตญาณการหาอาหาร รวมไปถึงการให้คำชมเมื่อน้องๆยอมกินอาหารนั่นเอง

 

สุดท้ายนี้ การเมินไม่ยอมกินอาหารของน้องหมาเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งพฤติกรรมส่วนตัว ความประหม่า หรืออาการเจ็บป่วย เจ้าของจำเป็นต้องสังเกตนิสัยและความผิดปกติที่น้องๆพยายามจะบอกเรา และหากน้องหมาไม่ยอมกินอาหารนานกว่าสองวัน (หรือสองมื้อหากมีโรคประจําตัว) ควรติดต่อสัตวแพทย์ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าน้องๆจะสุขภาพดี เหมือนกับน้องนปโปะ ที่หนูแค่อยากได้ยินคำชมเยอะๆตอนกินข้าวเฉยๆน้า

 

Author : L’ara

related HEALTHY LIFESTYLE

เปิดมุมมอง LGBTQ+ Idol กับ พินเนอร์ STARDASH

06 ก.พ. 2024

เปิดมุมมอง LGBTQ+ Idol กับ พินเนอร์ STARDASH

ในปัจจุบันเชื่อว่าทุกคนคงจะเคยได้ยินคำว่า “วงไอดอล” กันมาบ้างอยู่แล้วเป็นคำที่เราเห็นคุ้นชินถึงบุคคล หรือ กลุ่มคน ที่เก่งทั้งเต้น ร้อง มอบความสดใส และส่งต่อกำลังใจให้แก่ผู้ชมอย่างเรา ๆ ได้เป็นอย่างดีจะทั้ง ไอดอลชาย หรือไอดอลหญิง ก็เป็นที่โด่งดังมากในยุคสมัยนี้ แล้วไอดอล LGBTQ+ ละเราเคยรู้จักกันหรือเปล่า?“ Idol ” หรือ ไอดอล เป็นคำสั้น ๆ แต่กลับมีความหมายแฝงมากมาย หากอ้างอิงตามหลักพจนานุกรมของไทยเรานั้น แปลได้ว่า “คนหรือสิ่งที่ได้รับความชื่นชมหรือคลั่งไคล้อย่างมาก” หรือ “รูปเคารพ เทวรูป” แต่หากพูดกันตามความเข้าใจของทุกท่านนั้น คงจะหมายถึง บุคคลแบบอย่าง หรือ บุคคลที่จะมอบความ สดใส และเป็นแรงบัลดาลใจให้กับใครหลายๆคนวันนี้ Green Wave จะพาทุกท่านมารู้จักกับ คุณพิณ พินเนอร์ เรณุกา ปัญญาคุ้มวงศ์ หรือ พินเนอร์ ‘STARDASH’(สตาร์แดช) ไอดอล LGBTQ+ คนแรกของประเทศไทย ที่จะทำให้เราได้เห็นถึงมุมมองที่หลากหลายของคำว่า “ไอดอล”จุดเริ่มต้นการเป็น Idol“ตัวพินเนอร์เอง เคยได้รับโอกาศจากผู้ใหญ่เป็นไอดอลอยู่ในค่ายๆนึง แต่ในตอนนั้นตัวพินเนอร์เอง ด้วยความที่อายุยังน้อย และการควบคุมอารมณ์ กับปัจจัยอีกหลายๆอย่างที่ทำให้ พินเนอร์เองไม่เป็นตัวเองเท่าไหร่นัก สุดท้ายก็เลยไม่ได้ไปต่อ ทำให้พินเนอร์มีปมในใจว่า ตัวเราเองนั้นยังไม่เคยขึ้นเวทีเลยสักครั้ง แต่ด้วยความฝันและความชอบที่อยากเป็นไอดอล พินเนอร์จึงได้ตัดสินใจทำวงไอดอลขึ้นมา ทำให้เกิดวง STARDASH ขึ้นมา และมีเพลงแรกออกมาในปี 2019 ค่ะ”ที่มาของชื่อ ‘STARDASH’(สตาร์แดช)“คำว่า STARDASH (สตาร์แดช) นะคะ มาจากคำว่า Stardust (สตาร์ดัช) ที่แปลว่า ละอองดาว เปรียบกับคนที่ไล่ตามความฝัน แต่แตกสลายไม่รู้จนกี่ครั้ง แต่ไม่อยากหยุดฝัน พุ่ง DASH ตัวเองออกไปข้างหน้าเพื่อไล่ตามความฝันต่อไป จาก STARDUST จึงกลายมาเป็น STARDASH ค่ะ”Idol ในมุมมองของคุณพินเนอร์นั้นคืออะไร“คำว่าไอดอล แปลตรงตัวสำหรับคนไทยเลย นั้นคือ บุคคลตัวอย่างค่ะ แต่สำหรับตัวพิณเองนั้นชอบดูการ์ตูนค่ะ เป็นการ์ตูนแนวไอดอล อย่าง Love Live! School Idol ทำให้เรามองว่า ไอดอล คือเหล่าผู้คนที่เปล่งประกาย ที่จะมอบแรงบัลดาลใจ ความฝันให้แก่ผู้อื่นได้ เราจึงอยากเป็นคนหนึ่ง ที่เป็นแรงบัลดาลใจ เป็นความสุข เป็นรอยยิ้ม เป็นเสียงหัวเราะ และสร้างพลังบวกให้กับพวกเขาได้ค่ะ”Idol กับ LGBTQ+“ในมุมมองของพิณเอง มองว่า LGBTQ+ เป็นอะไรที่ปกติมาก ก็เหมือนมนุษย์อย่างเราๆที่มีความหลากหลายไม่ว่าจะทั้ง ความเชื่อ ทั้งนิสัย เพศก็มีความหลากหลายเช่นเดียวกัน พิณจึงมองว่าจะ หญิง หรือ ชาย หรือ LGBTQ+ เองนั้นไม่มีความแตกต่าง หรือต้องแบ่งแยกกันเลยค่ะ เหมือนกับความเป็นไอดอลที่แต่ละวงก็จะมีความชอบ นิสัย แนวเพลงที่แตกต่างกัน ทำให้พิณมองว่า ไม่ว่าคุณจะเป็น ชาย หญิง กระเทย LGBTQ+ หรือไอดอล หรือเพศใด ๆ ก็ตาม ทุกคนก็เป็นมนุษย์เหมือน ๆ กัน มีความรู้สึก รัก โลภ โกรธ หลง เสียใจ ดีใจ ขอให้เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ให้เกียรติกันและกันไม่สร้างความเดือดร้อนก็เพียงพอค่ะพิณเป็นไอดอลคนแรกๆเป็น LGBTQ+ ในไทย อย่างญี่ปุ่นที่เป็นต้นกำเนิดไอดอลนั้น วงLGBTQ+ ก็มีมานานแล้วค่ะ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ พิณก็ผ่านอะไรมาหลาย ๆ อย่างเลย แต่รู้สึกดีใจที่ได้ทำตามความฝัน ไม่อยากให้ LGBTQ+ ในไทยมองว่า เป้าหมายของเรามีแค่ เวทีนางงาม เพียงอย่างเดียว อยากให้เห็นว่า เราเป็นได้ทุกอย่างตามที่ความฝันเราอยากจะเป็นไม่ว่าจะเป็น ศิลปิน หรือเป็นไอดอลเองก็ตาม”รู้สึกอย่างไรหากมีคนเรียกเราว่าเป็น กะเทย ตุ๊ด สาวสอง“พิณมองว่า มันเป็นอัตลักษณ์ทางเพศของเราค่ะ จะเรียกว่ากะเทย ตุ๊ด สาวสอง หรืออะไรก็ตาม พิณไม่ได้มองว่า คำเหล่านี้มันกลายเป็นคำดูถูกหรือเหยียดหยาม เราจะเป็นผู้ชายแต่งหญิง กะเทยแต่งหญิง ถ้ามันเป็นความชอบของตัวเราเอง ก็ให้เกียติตัวเองให้เกียติผู้อื่น และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนก็เพียงพอค่ะ”ความเป็นไอดอล ในแบบของตนเอง“ตัวพิณเอง ก็ไม่ถือว่าเป็นไอดอลตรงตามฉบับที่คนอื่น ๆ คุ้นเคยเท่าไหร่ พิณค่อนข้างจะมีความพูดตรง ๆ หรือบางครั้งก็พูดแรงออกไปบ้าง ภาพลักษณ์เลยอาจจะดูเป็นไอดอลแรง ๆ ซึ้งพิณเองก็ยอมรับว่าในบางครั้งมันก็ไม่ดีหรอก แต่แฟนคลับหลาย ๆ คนก็เข้าใจเราค่ะ เราอยากให้เห็นถึงความหลากหลายของไอดอลเหมือนกัน ว่าเป็นคนที่มีอารมณ์ และความรู้สึกเหมือนกันให้เห็นถึงความหลากหลายของการเป็นไอดอลค่ะ ไม่ได้ติดภาพจำว่าไอดอลต้องเป็น บุคคลที่น่ารักสดใสเพียงอย่างเดียว พิณเองก็มีกลุ่มคนที่ไม่ชอบพิณ โดนพิมพ์คอมเม้นต์แย่ๆใส่อยู่บ่อยครั้ง แต่พิณมองว่า หากเค้าไม่ให้เกียรติเรา เราคงทำอะไรไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ไม่ชอบเรา ทำยังไงเค้าก็ไม่ชอบเราอยู่ดี อยากให้เราใส่ใจตัวเองรักตัวเอง ลงมือทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนดีกว่าค่ะ สร้างความสุข สร้างแรงบัลดาลใจ สร้างความฝัน ให้กับผู้อื่นดีกว่า อย่าเอาคำเหล่านั้นมาด้อยค่าตัวเองเลย ภูมิใจกับความเป็นตัวเองไว้ดีกว่า เพราะก็ไม่รู้ว่า ‘เราจะอยู่กับการไม่ภูมิใจในตัวเองไปทำไม’ ”รูปร่างหน้าตาไม่ดี จะมาเป็นไอดอล ?“พิณ มองว่าทุกคนสามารถดูดีได้สามารถ สวย หล่อ เท่ น่ารักได้หมดค่ะ แต่การที่เราจะดูดี ก็ขอให้เรานั้นดูดีเพื่อตัวเราเอง สวยเพื่อตัวเราเอง อย่าพยายามสวยเพื่อให้ผู้อื่นมองว่าสวยแต่ตัวเรานั้นเหนื่อยหรือทุกข์ใจ เพราะพิณ เชื่อว่า ความสวยที่เรามอบให้แก่ตนเองนั้น มันหมายถึง การที่เรารักตัวเอง เพราะเรารักตัวเองจึงได้ดูแลตัวเอง อยากให้ทุกคนทำอะไรเพื่อตัวเอง เพราะทุกคนมีชีวิตนี้แค่ครั้งเดียว อายุ 26 ครั้งเดียว 27 ครั้งเดียว เลยอยากให้ทุกคนกล้าที่จะทำอะไรเพื่อตนเอง รักตัวเองให้มากๆ และมีความกล้าที่จะทำความฝันค่ะ”หากในอนาคตมี มีวง ไอดอล LGBTQ+ เกิดขึ้นมาในประเทศไทยมากขึ้น“พิณอยากให้ทุกคนเปิดรับให้มากขึ้นค่ะ ไม่อยากให้ไอดอล จำกัดอยู่แค่เพศใดเพศหนึ่ง และก็อยากฝากว่า อย่าล้อเล่นกับความฝันของคนอื่น ไม่ว่าจะจากทางบริษัทเอง ไม่อยากให้เปิดรับเพียงเพราะเอากระแสหรือด้านธุรกิจเพียงอย่างเดียว เพราะอย่าลืมว่า ไอดอลก็เป็นมนุษย์ และพวกเขามีความฝัน ความเสียใจ ความดีใจ ความผิดหวัง เหมือนอย่างเราๆ นี่แหละค่ะ หรือทั้งจากผู้ที่อยากเป็นไอดอลเองก็ตาม ไม่อยากให้ทำเล่นๆ เพราะเมื่อได้รับเลือกแล้ว ก็จะมีคนที่ไม่ได้รับเลือกด้วยเช่นกัน อยากให้เต็มที่และเต็มใจที่จะเป็นไอดอล ผู้ที่มอบ แรงบัลดาลใจ ความฝัน ความสุข ความสนุก และรอยยิ้มให้แก่ผู้อื่นค่ะ”“ขอฝากวง STARDASH วงไอดอลที่จะมอบแรงบัลดาลใจ ความสุข ความสนุก ร้อยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แก่ทุกคนด้วยนะคะ เร็วๆนี้ภายในปี 2024 ก็จะมีเพลงใหม่ๆออกมากันด้วย ฝากติดตามกันด้วยนะคะ”IG : pinnerz.stardashFackbook : PinNerz STARDASHTIKTOK : @pinnerz_stardashAuthor : MIKA_MIKAZUKI สิริชัย จันทร์เจริญ

อันตรายของคนชอบหวาน

25 ม.ค. 2022

อันตรายของคนชอบหวาน

เบาหวานโรคยอดฮิตสำหรับคนไทย อาหารที่เรารับประทานเข้าไปส่วนใหญ่จะมีรสชาติค่อนข้างหวาน นานวันเข้าปรากฎว่าค่าน้ำตาลขึ้นสูง แต่จะไม่มีอาการบ่งบอกเลยว่ากำลังเป็นโรคนี้อยู่ จนกระทั้งอาการของโรคเบาหวานปรากฏ หลายคนเป็น แต่ยังไม่รู้ตัว เช่น กระหายน้ำบ่อย หิวง่าย รับประทานอาหารมากกว่าปกติ ผอมลงอย่างรวดเร็ว คันตามผิวหนัง บางคนถึงขนาดมือเท้าชา ปัสสาวะเป็นฟองตอนที่คุณรู้มันอาจจะไม่ใช่เบาหวานแล้วนะคะ แต่มันเริ่มจะมีโรคแทรกซ้อนของเบาหวานที่เข้ามารุมเร้า หลายคนไม่ได้ตายด้วยโรคเบาหวาน แต่จะตายด้วยโรคที่แทรกซ้อนจากเบาหวานนี้แหละค่ะ น่ากลัวยิ่งกว่าโรคเบาหวานซะอีกคนไทยอยู่คู่กับเบาหวานกันอย่างยาวนาน และไม่สนใจด้วยว่าตัวเองเป็นเบาหวาน ยิ้มและหัวเราะกับหมอว่าฉันเป็นเบาหวาน และก็กินยาลดน้ำตาล แต่ไม่ยอมลดอาหารที่รับประทานโรคภัยต่างๆมาจากความหวาน เชื้อโรคต่างๆก็ชอบรสหวาน ความหวานเป็นพลังงานให้กับเชื้อโรค อาหารต่างๆ เช่น ของมัน ไขมันให้พลังงานมากกว่า 2 เท่าของคาร์โบไฮเดต ความหวานแสนจะอร่อย เราก็ไม่คิดจะเลิกสาเหตุที่ทำให้เกิดเบาหวาน มีโรคอ้วน ไทรอย์ดเป็นพิษยาเสตียรอยด์ ก็ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้เช่นกันอาการของโรคเบาหวานหลายคนอาจจะมองข้าม ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นโรค เช่น คอแห้ง ดื่มน้ำบ่อยขึ้น ดื่มเท่าไรก็ไม่พอ มือเท้าชา เหนื่อยง่ายไม่มีเรี่ยวแรง ตาเริ่มมองไม่ชัด มีอาการปวดหัว แผลที่โดนบาดเริ่มหายช้า หลายวันยังบวมแดง ปัสสาวะเยอะกว่าปกติ หรือปัสสาวะกลางคืนวันละหลายๆครั้งถ้าหากคุณมีอาการผิดปกติ เช่น หิวน้ำบ่อยๆ ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ แนะนำให้ไปรพ. ใกล้บ้านขอตรวจน้ำตาลสะสม กับน้ำตาลในเลือดได้เลยค่ะ น้ำตาลสะสมไม่ควรเกิน 5.7 น้ำตาลในเลือดไม่เกิน 90 mg/dl ถือว่าปกติค่ะถ้าหากคุณเริ่มเป็นเบาหวาน แนะนำให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ วันละ 30 นาทีอย่าทานอะไรตามใจปาก หรือจะลองทานมะระ ลดน้ำตาล ลดความร้อนให้ร่างกายชาใบหม่อน ลดน้ำตาล และยังลดความดันได้อีกด้วยค่ะเก๋ากี้ บำรุงไต ลดน้ำตาล ช่วยบำรุงสายตาเห็ดหูหนูขาว ช่วยลดน้ำตาล แถมยังบำรุงปอดให้แข็งแรงฮ่วยซัว ลดน้ำตาล บำรุงกระเพาะม้าม ให้แข็งแรง ช่วยลดปัสสาวะกลางคืนได้ด้วยค่ะลดหวาน ลดความเสี่ยงเบาหวาน แต่มาฟังเพลงหวานๆได้ที่Green Waveนะคะ //ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะFacebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’GirlMusic Travel Lover

ออกกำลังกาย vs ปรับการกิน แบบน้ำหนักลดไวกว่ากัน ?

06 ธ.ค. 2023

ออกกำลังกาย vs ปรับการกิน แบบน้ำหนักลดไวกว่ากัน ?

ตั้งใจจะลดน้ำหนักมาทั้งปี แต่ทำไมน้ำหนักขึ้นอย่างเดียวเลย เป็นกันบ้างไหม พอจะลดน้ำหนักที ไหนจะต้องออกกำลังกาย ไหนจะต้องปรับการกิน คนผลัดวันประกันพรุ่งอย่างเรา ๆ ก็ไม่ได้เริ่มสักที เอาหละ ๆ รอบนี้ต้องจริงจัง ฉันจะต้องมีเอว S ให้ได้! ว่าแต่มันควรจะเริ่มจากการออกกำลังกาย หรือการกินก่อนดีหละ ติ๊กต่อก ๆ ยังคิดไม่ออกใช่มะว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี ไม่เป็นไรวันนี้กรีนเวฟไปหาคำตอบมาให้ทุกคนแล้ว ไปดูกัน!การที่เราจะตั้งใจลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหรือการปรับการกิน จริง ๆ แล้วนั้น เราจะต้องทำทั้ง 2 อย่างไปพร้อมกัน แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่อยากน้ำหนักลดได้เร็ว แค่เริ่มต้นด้วยปรับการกิน น้ำหนักก็จะสามารถลงได้เร็ว ประมาณ 10 % ของน้ำหนักตัว เช่น สมมุติหนัก 50 กิโลกรัม 5-10 % ก็จะลดได้ประมาณ 2-5 กิโลกรัมซึ่งจะเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่ง่ายกว่าและเหมาะสมกับคนที่ไม่อยากออกกำลังกายเริ่มปรับการกินจากตรงไหนดี ?หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นชิ้นกับคำว่าการนับแคลใช่ไหม แต่เทรนด์ตอนนี้เราเชื่อว่า คุณภาพอาหารสำคัญกว่าแคลอรี่ เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการที่จะลดน้ำหนักด้วยการปรับการกินจริง ๆ เราต้องมองที่คุณภาพของอาหารเป็นสิ่งสำคัญ แต่นอกเหนือจากนั้นเรื่องของอาหารก็ต้องมีปรับด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงเย็นเราจะต้องรับคาร์โบไฮเดรตเข้าสู่ร่างกายให้น้อยลง ถ้าจะลดการกินก็ควรลดช่วงเย็นนี่แหละ เพราะช่วงเย็นนั้นการเผาผลาญเราจะต่ำเป็นเท่าตัว และถ้าเราจะดูว่าอาหารในแต่ละมื้อเราจะต้องกิน หรือปรับยังบ้าง ที่สำคัญเลยที่จะต้องดูก็คือโปรตีนต้องถึง เพราะ โปรตีนจะเป็นตัวที่ช่วยจูนให้ร่างกายเราเกิดการเผาผลาญได้มากขึ้นคาร์โบไฮเดรตที่กินอยู่อาจจะน้อยลงไฟเบอร์หรือพวกผัก จะเป็นกากใยอาหารที่จะทำให้เราอิ่มได้นานไขมันดี อย่างเช่นพวก อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ถ้าใส่เข้าไปได้จะทำให้เรา Burn Fat ได้ดีมากขึ้นทำไมโปรตีนถึงสำคัญกับการลดน้ำหนัก ?สาเหตุที่โปรตีนมีความสำคัญต่อการลดน้ำหนักก็เพราะ อัตราการเผาผลาญจะมากขึ้นถ้ามีโปรตีนที่ถึงพอ การควบคุมความหิวอิ่ม เช่น ฮอร์โมนที่ชื่อ Leptinถ้าสมมุติช่วงเช้ากับเที่ยง เราทานอาหารที่มีโปรตีนถึงพอ ตอนบ่ายจะไม่ค่อยหิว เพราะ Leptin ออกมา แต่ถ้าเรากินโปรตีนไม่ถึง ช่วงบ่ายอาจจะรู้สึกหิวได้ เพราะ Leptin ไม่ออกมา นอกจากจะให้รู้สึกอิ่มท้องได้นานแล้วนั้น โปรตีนยังทำให้ภาวะดื้ออินซูลินลดลงดื้ออินซูลิน หมายความว่า การที่ร่างกายได้รับน้ำตาลเข้าไปจากการกิน ได้ถูกเอาไปใช้ ไม่ถูกสะสมไม่ดื้ออินซูลิน = ความเสี่ยงในเรื่องเบาหวานลดลง การเผาผลาญไขมันในช่องท้องเกิดได้ง่ายขึ้นนอกจากนี้โปรตีนยังเป็นตัวที่ทำให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อ เวลาที่เราออกกำลังเราก็ต้องการที่จะสร้างกล้ามเนื้อ สมมุติเวลาที่เราเวทเทรนนิ่ง ในแต่ละเซ็ตที่เราเวทเทรนนิ่งนั้น ใยกล้ามเนื้อมันจะฉีกขาดไปทีละเล็ก ๆ แล้วมันก็จะต้องสร้างใหม่ ซึ่งในขั้นตอนที่มันจะสร้างใยกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่นั้น มันจะต้องการโปรตีนในการโหลดเป็นเส้นใยของกล้ามเนื้อ เพราะฉะนั้นโปรตีนเลยเข้าไปช่วยในการซ่อมแซม และทำให้กล้ามเนื้อเยอะขึ้นการคำนวนโปรตีนโปรตีนใน 1 วัน เราสามารถกินตามน้ำหนักตัวได้เลย แต่ถ้าต้องการเพิ่มเวทเทรนนิ่ง หรือต้องการเพิ่มกล้าม ให้เอา 1.2 x น้ำหนักตัว พอได้จำนวนโปรตีนที่ต้องการใน 1 วันแล้ว ก็มาหารจำนวนมื้อเอา ซึ่งโปรตีนที่กำลังบอกอยู่นี้ ไม่ใช่การเอาเนื้อสัตว์ไปชั่ง แล้วนับออกมาเป็นจำนวนกรัม แต่โปรตีนมันคือสิ่งที่อยู่ในเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู 1 ขีดมี 100 กรัม ใน100 กรัมไม่ได้เป็นโปรตีนไปซะหมด แต่อาจจะมีโปรตีนแต่ 30 กรัม ที่เหลือก็อาจจะเป็นเนื้อหรือสารอาหารอื่น ๆ เพราะฉะนั้นถ้าจะเปรียบง่าย ๆ เนื้อไก่หรือเนื้อหมู 1 ชิ้น ที่มีขนาดเท่ากับกำมือ จะมีโปรตีนอยู่ประมาณ 20-30 กรัมปรับการกินมาสักพัก น้ำหนักเริ่มทรงตัว ไม่ลดลง หมายความว่ายังไงโดยปกติพอเราลดไปแล้วประมาณ 1-2 เดือน น้ำหนักจะเริ่มนิ่ง เราเรียกว่า Plateau Phase คือลดยังไงก็ไปต่อไม่ได้ จุดนี้แหละเป็นช่วงเวลาที่เราต้องเพิ่มการออกกำลังกาย ต้องจูน Metabolism ให้มันเผาผลาญมากขึ้น โดยปกติน้ำหนักเราจะลดลง 1 สัปดาห์ประมาณ 5 ขีด 1 เดือนลง 1-2 กิโล แต่คนที่ลดได้เร็วหน่อย ส่วนใหญ่จะเป็นที่มีน้ำหนักตัวเยอะ อาจจะลดได้ 6 โลภายใน 1 เดือนร่างกายเราจะมีอัตราการเผาผลาญขั้นต่ำที่เราต้องใช้พลังงาน ซึ่งมันจะมากขึ้นตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเพราะฉะนั้นคนที่มีน้ำเยอะมาก ๆ ก็จะมีอัตราการเผาผลาญพื้นฐานเยอะ เพียงแต่ว่าในแต่ละมื้อ กินเยอะเกินอัตราการเผาผลาญ แต่ถ้าเริ่มกินน้อยลง อัตราการเผาผลาญที่มีมากอยู่แล้ว ก็เลยทำให้เค้าเบิร์นได้ดีขึ้น น้ำหนักก็เลยลดลงได้ไวนั่นเองเอาหละเป็นยังไงอ่านจนมาถึงตอนนี้ ก็รู้แล้วสินะว่าการลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องยาก ต่อให้ไม่มีเวลาออกกำลังกายแต่ถ้าเริ่มการจากการปรับพฤติกรรมการกิน เอว S ที่ใฝ่ฝันก็อยู่แค่เอื้อมเท่านั้น ขอแค่มีวินัย ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง และมีเป้าหมายแค่นี้ ลดน้ำหนักก็กลายเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ แล้ว

เรื่องกล้วย ๆ กับประโยชน์ของกล้วย 4 สี

06 มิ.ย. 2023

เรื่องกล้วย ๆ กับประโยชน์ของกล้วย 4 สี

กล้วย เป็นผลไม้ที่กินกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะกินง่าย ประโยชน์เยอะ แต่ส่วนใหญ่ กล้วยที่มักจะกินกันก็คือกล้วยสุก สีเหลืออร่าม แต่จริง ๆ ประโยชน์ของกล้วย มีอีกมากมาย ไม่ว่ากินแบบดิบที่มีสีเขียว แบบห่ามที่เป็นสีเขียวอมเหลือง แบบสุกที่สีเหลืองน่ากิน หรือจะเป็นแบบงอมสีเหลือง ๆ เข้ม ๆ มีจุดดำๆ ที่ดูไม่ค่อยน่า ซึ่งในแต่ละสีก็จะมีประโยชน์ที่ต่างกันออกไป ตามไปดูกันดีกว่า ว่ากล้วยทั้ง 4 สีมีประโยชน์อะไรบ้าง1. กล้วยดิบ (เปลือกสีเขียว)มักจะนิยมเอามาทำเป็นผงกล้วยดิบ ส่วนมากจะช่วยในเรื่องของกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน เพราะว่าในกล้วยดิบ จะมีสารที่ชื่อ แทนนิน ซึ่งจะมีส่วนในการเคลือบกระเพาะ ก็เหมาะกับคนที่เป็นโรคกระเพาะ2. กล้วยห่าม (เปลือกสีเขียว ๆ เหลือง ๆ )สามารถรับประทานได้สดๆ รสชาติไม่หวานจัด ติดรสฝาดเล็กน้อย มีโพแทสเซียมสูง จึงให้ผลดีกับผู้มีอาการท้องเสียเนื่องจากผู้ป่วยจะสูญเสียโพแทสเซียมออกจากร่างกายมาก ซึ่งหากขาดมากอาจมีผลกระทบกับการเต้นของหัวใจได้ นอกจากนี้ยังมีจุลินทรีย์ตัวดีในลำไส้ (Probiotic) ค่อยข้างเยอะ เป็นแบคทีเรียชนิดดีที่พบในลำไส้ เลยช่วยให้จุลินทรีย์ชนิดนี้เพิ่มจำนวนขึ้นและยังอุดมไปด้วยสารแทนนิน ซึ่งมีส่วนช่วยในการรักษาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่รุนแรงได้3. กล้วยสุก (เปลือกสีเหลืองสด)มีรสรสชาติอร่อย เป็นที่นิยมในการกิน แต่จะมีฤทธิ์ระบายอ่อน ๆ เพราะว่าในกล้วยสุกนั้นจะมีสารที่เป็นเพ็กตินเยอะ เพ็กตินคือสารที่มีเส้นใย กากใย เพราะฉะนั้นก็จะทำให้มีฤทธิ์ช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น ช่วยทำให้คนที่เป็นริดสีดวงทวารขับถ่ายง่ายขึ้น ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก4. กล้วยงอม (เปลือกสีเหลืองเข้ม คล้ำๆ )อาจจะดูเหมือนไม่น่ากิน แต่กลับให้ผลดีอย่างมากมายในการเพิ่มภูมิต้านทานโรคภัยต่างๆ มี Beta Carotene สูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีสารต้านมะเร็ง ยิ่งกล้วยสุกมากเท่าไหร่ มีจุดสีดำที่เปลือกมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เกิดสารเสริมภูมิต้านทานนี้มากขึ้นข้อควรระวังใช่ว่ากล้วยจะมีประโยชน์กับทุกนะ เพราะถ้าคนที่มีระดับค่าไตเสื่อมค่อนข้างมาก ต้องระวังในเรื่องของโพแทสเซียม อาจจะไม่เหมาะกับการกินกล้วย เพราะกล้วยนั้นมีโพแทสเซียมสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น แต่ถ้าคนทั่วไปที่ไม่ต้องกังวลเรื่องของโพแทสเซียม การกินกล้วยจะไม่ทำให้ชโพแทสเซียมสูงขึ้นได้ส่วนอีกกรณีในการกินที่ต้องระวัง คือบุคคลที่มีอาการท้องเสีย ถ้าบังเอิญว่าเราท้องเสียอยู่ แล้วไปกินกล้วยสุก ก็อาจจะทำให้ท้องเสียมากยิ่งขึ้นได้ และอาจจะต้องระวังเรื่องของน้ำตาลที่ซ่อนอยู่ในกลัว ถ้าหากกินมากเกินไปเป็นยังไงกันบ้างกับประโยชน์ของกล้วยทั้ง 4 สี ไม่ว่าจะแบบไหนก็ดีต่อร่างกายและสุขภาพของเราทั้งนั้น ใครชอบกินแบบไหน หรืออยากลองกินแบบก็ไปเลือกกันได้

album

0
0.8
1