5 หนังสือดีที่ทุกคนควรมีโอกาสได้อ่านสักครั้งหนึ่งในชีวิต

HEALTHY LIFESTYLE

5 หนังสือดีที่ทุกคนควรมีโอกาสได้อ่านสักครั้งหนึ่งในชีวิต

13 ม.ค. 2024

อ่านหนังสือวันละนิด เข้าใจชีวิตวันละหน่อย เพราะหนังสือเป็นการสื่อสาร 2 ทางระหว่างผู้เขียนที่ต้องการสื่อสารผ่านตัวหนังสือ และผู้อ่านที่สามารถนำแนวคิดต่าง ๆ ไปปรับใช้ในชีวิตจริง วันนี้เราจึงอยากนำเสนอ 5 หนังสือดีที่ทุกคนควรมีโอกาสได้อ่านสักครั้งหนึ่งในชีวิต

 

1.ไม่ว่าคุณจะคิดอะไร ให้คิดตรงข้าม (Whatever You Think, Think the Opposite)

http://news.se-ed.com/?p=13034

“ไม่ว่าคุณจะคิดอะไร ให้คิดตรงข้าม” ไม่ได้ความว่าสิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ผิดแต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่า ทุก ๆ คนก็คิดเหมือนกันและสิ่งที่จะทำให้เราโดดเด่นและสามารถประสบความสำเร็จได้นั้นคือ การคิดที่แตกต่างไปจากเดิม ทำให้คุณได้ลองคิด ได้ลองทำอะไรแปลกใหม่มากขึ้นนั้นเอง

 

 

2. Super Productive

http://news.se-ed.com/?p=13034

หนังสือที่ถอดความคิดของ “รวิศ หาญอุตสาหะ” ผู้บริหารและเจ้าของพอดแคสต์ Mission the  moon และ Super Productive ซึ่งเป็นพอดแคสต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ที่จะพาคุณไปค้นหาแรงจูงใจในการทำงาน การรู้จักตัวเอง ภาวะหมดไฟแบบปลอม ๆ รวมถึงการรับมือกับคน Toxic  ที่ผู้เขียนได้ปฏิบัติและสำเร็จมาแล้ว

 

 

3. Atomic Habits

https://www.naiin.com/product/detail/508699

หนังสือที่ขายดีระดับโลกที่มียอดขายหลายล้านเล่ม ถูกตีพิมพ์ไปแล้วกว่า 40 ภาษา เป็นหนึ่งใน “New York Times Bestseller” เป็นหนังสือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนิสัย ที่มองว่าการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่สามรถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่โดยการนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาให้ในการอธิบาย  หากคุณพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ยังไม่สำเร็จสักที หนังสือเล่มนี้ช่วยคุณได้อย่างแน่นอน

 

 

4. Sapiens ประวัติย่อมนุษยชาติ

https://www.fathombookspace.co/product/19082-15734/sapiens-a-brief-history-of-humankind

หนังสือที่รวบรวมของมวลมนุษยชาติ Homo Sapiens กว่า 70,000 ปีเอาไว้อย่างย่อ ๆ ให้เราเข้าใจถึงที่มาที่ไปของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็น วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ศาสนา ไปจนถึงการวิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เราในฐานะมนุษย์คนหนึ่งจะเข้าใจชีวิตมากขึ้นว่าเราก็แค่มนุษย์ตัวจิ๋วคนหนึ่งที่ยังมีสิ่งที่เรายังไม่รู้อีกมาก

 

 

5. อย่าปล่อยให้ใคร ฆ่า วาฬ ของคุณ

https://clubsister.com/lifestyle/5-recommend-books-for-officer

อีกหนึ่งหนังสือของเจ้าของพอดแคสต์ Mission to the moon และผู้บริหารที่ทำให้บริษัทศรีจันทร์เครื่องสำอางไทยสู่สากล หนังสือเล่มนี้จำทำให้ไฟฝันของคุณกลับมาลุกโชนอีกครั้ง เมื่อคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้ไปเรื่อย ๆ คุณจะเข้าใจเองว่า “วาฬ” ที่หน้าปกหนังสือนั้นคืออะไร แล้วการประสบความสำเร็จและการเอาชนะคนที่เรารู้สึกว่าเก่งนั้นจะไม่ได้เป็นเรื่องยากอีกต่อไป

 

 

การอ่านหนังสือ แท้จริงเราคือการเรียนรู้ และเข้าใจในตัวตนของเราผ่านหนังสือที่เราอ่าน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางที่ช่วยพัฒนาทักษะในการดำเนินชีวิตของเรา เพราะการอ่านหนังสือต้องใช้ทั้งสมาธิ และการประมวลผลที่เป็นระบบทำให้เราสามารถผ่อนคลายจากปัญหาที่เราพบเจอมาในแต่ละวันได้ อีกทั้งการอ่านหนังสือยังไปกระตุ้นการทำงานของสมอง ที่ชะลอและป้องกันการเป็นโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย

 

Author : NUTTANON.S

related HEALTHY LIFESTYLE

ยีนส์ทรงนี้ ดีกับหุ่นไหมนะ

10 เม.ย. 2024

ยีนส์ทรงนี้ ดีกับหุ่นไหมนะ

สวัสดีสาว ๆ วันนี้เราจะมาพูดถึงกางเกงยอดฮิตที่ทุกบ้านต้องมี นั่นก็คือ “กางเกงยีนส์”เชื่อว่าทุกคนต้องมีกางเกงยีนส์กันอยู่แล้ว แต่บางคนคงเลือกที่จะพับเก็บเข้าตู้ไปเพราะอาจจะคิดว่าหุ่นเราไม่เหมาะกับกางเกงยีนส์ ใส่แล้วไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง หรือบางคนอยากใส่กางเกงยีนส์แต่ไม่รู้ว่ากางเกงยีนส์แบบไหนจะเหมาะกับเรานะ วันนี้เรามีคำตอบมาให้เรามาเริ่มกันที่เช็ครูปร่างตัวเองกันว่าหุ่นเราเป็นทรงไหนกันนะขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์ : https://i.pinimg.com1.หุ่นทรงแอปเปิ้ล ( Apple Shape ) ลักษณะคือมีรูปร่างเป็นทรงกว้าง หน้าอก เอว สะโพกมีขนาดเท่ากัน2.หุ่นทรงลูกแพร์ ( Pear Shape ) ลักษณะคือช่วงบนเล็กกว่าช่วงล่าง เอวเล็ก แต่มีสะโพกและต้นขา3.หุ่นทรงสามเหลี่ยมคว่ำ (Triangle Shape) ลักษณะคือช่วงบนใหญ่กว่าช่วงล่าง ไหล่กว้าง แต่ช่วงสะโพกจะมีขนาดเล็ก4.หุ่นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangle Shape) ลักษณะคือช่วงบนและล่างมีขนาดเท่ากันไม่มีเอว รูปร่างตรง5.หุ่นทรงนาฬิกาทราย (Hourglass Shape) ลักษณะคือมีความสมดุลระหว่างช่วงบนและช่วงล่าง เอวคอด ดูมีอก มีสะโพกเมื่อทุกคนรู้จักรูปร่างตัวเองแล้วต่อไปเรามาเลือกกางเกงยีนส์กันดีกว่ากางเกงยีนส์ที่เหมาะสำหรับหุ่นแอปเปิ้ลทรงขากระบอกใหญ่ , ทรงขาบาน,ทรงขาม้า-ควรเน้นกางเกงยีนส์เอวสูงหรือกางเกงยีนส์ที่มีช่วงขอบเอวกว้าง เพราะขอบเอวกว้างๆนั้นจะช่วยในการเก็บหน้าท้องให้เข้ารูปได้ดีมากขึ้น-ไม่ควรกางเกงยีนส์ที่บีบช่วงขามาก ๆ อย่างเช่นกางเกงยีนส์ทรงสกินนี่ เพราะการที่ใส่กางเกงยีนส์ที่บีบช่วงขา จะทำให้ลำตัวดูใหญ่ขึ้นกางเกงยีนส์ที่เหมาะสำหรับหุ่นลูกแพร์ทรงขากระบอกใหญ่ , ทรงขาบาน,ทรงขาม้า-ควรเน้นกางเกงยีนส์สีทึบหรือสีเข้ม เพราะจะช่วยอำพรางสะโพกและเลือกกางเกงยีนส์ที่ช่วยกระชับสะโพกได้ดี อย่างกางเกงยีนส์เอวปกติหรือเอวสูง เพราะเก็บสะโพกได้ดีและเอวดูเล็กลง-ไม่ควรเลือกกางเกงยีนส์ที่รัดต้นขาหรือรัดรูปร่าง เช่น ทรงสกินนี่ เพราะจะทำให้ต้นขาและสะโพกชัดเกินไปกางเกงยีนส์ที่เหมาะสำหรับหุ่นสามเหลี่ยมคว่ำทรงขาม้า,ทรงบอย,ทรงขาบาน,ทรงขากระดิ่ง-ควรเลือกกางเกงยีนส์ที่มีสีอ่อนกว่าเสื้อ เพราะจะช่วยทำให้สะโพกออกมาดูเด่นมากขึ้น และสวมเสื้อที่สีเข้มเพราะว่าจะช่วยอำพรางไหล่ที่กว้างของเราได้-ไม่ควรเลือกกางเกงยีนส์ทรงสกินนี่เพราะจะทำให้สะโพกดูแคบกว่าเดิมกางเกงยีนส์ที่เหมาะสำหรับหุ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงสกินนี่, ทรงขาม้า, ทรงกระบอกเล็ก, ทรงขาบาน-ควรเลือกกางเกงยีนส์เอวปกติหรือเอวต่ำและกางเกงยีนส์ควรมีลูกเล่นตรงช่วงสะโพกเพราะจะช่วยเพิ่ม volume ให้กับสะโพก ทำให้เราดูมีสะโพกมากขึ้น-ไม่ควรใส่กางเกงยีนส์เอวสูง จะทำให้เอวเด่นเกิน และทำให้เราดูไม่มีส่วนเว้าโค้งกางเกงยีนส์ที่เหมาะสำหรับหุ่นนาฬิกาทรายทรงสกินนี่,ทรงขาม้า,ทรงกระบอกเล็ก,ทรงขาบาน,ทรงกระบอกใหญ่-ควรใส่กางเกงยีนส์เอวปกติหรือเอวสูง จะช่วยทำให้ขาดูยาวสวยขึ้น และกางเกงยีนส์เอวสูงจะช่วยให้ช่วงเอวเห็นชัดขึ้น จากที่เอวคอดอยู่แล้วก็จะทำให้เอวเราชัดกว่าเดิม-ไม่ควรสวมกางเกงยีนส์เอวต่ำ เพราะจะทำให้สะโพกดูใหญ่และทำให้ขาสั้นลงอีกด้วย...............................................................................ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วลิสต์กันไว้หรือยังว่ากางเกงยีนส์ทรงไหนเหมาะกับเราบ้าง นอกจากจะได้กางเกงที่เหมาะกับแล้วเรายังได้เช็ครูปร่างตัวเองอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าเราจะมีรูปร่างแบบไหน ชอบเสื้อผ้าแบบไหน ขอแค่เรามั่นใจในตัวเองมั่นใจกับสิ่งที่เสื้อผ้าที่เราใส่แค่นี้ก็พอแล้วว Have a good day นะคะ :)

Fit check เลือกสูทแบบไหนคือ ใช่ สำหรับคุณผู้ชาย

03 พ.ค. 2024

Fit check เลือกสูทแบบไหนคือ ใช่ สำหรับคุณผู้ชาย

SUITSสูท หรือ ชุดสูท หากเรานึกถึงคำนี้กันแล้ว หลายคนอาจคิดถึงเสื้อผ้าที่มีดีไซต์ที่เอกลักษณ์เฉพาะตัว มักสวมใส่ ใช้กันในการทำงาน หรือวันสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะในงานรื่นเริงอย่าง งานแต่ง หรือจะจริงจังอย่าง งานพิธี ผู้คนก็มักสวมใส่ชุดสูทกันอยู่เสมอ ๆ แล้วเคยสงสัยกันไหมว่าทำไม ต้อง “ชุดสูท”Suit (สูท) คือเครื่องแต่งกายแบบที่หลากสไตล์ สากล ที่ต้องประกอบไปด้วย Suit Jacket (แจ๊คเก็ตสูท) ใส่คู่กับ Suit Trousers (กางเกงสูทขายาว) โดยใช้เนื้อผ้าและโทนสีที่เหมือนกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือพูดกันง่ายๆว่า สูท คือ ชุดที่ตัดมาจากผ้าผืนเดียวกันนั้นเอง ประวัติศาสตร์ของสูทนั้นมีมานานตั้งแต่สมัยตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เลยทีเดียว ในยุคสมัยนั้น สูท เป็นดั่งตัวแทนความมีอารยะ ความหรูหราฟู่ฟ่า และเสริมความสง่างาม ให้ผู้สวมใส่มี บุคลิกภาพที่ดี ดูภูมิฐานทางปัญญาด้วยความเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่แปลกเลยที่ สูท จะกลายเป็นเครื่องแต่งกายยอดนิยมตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 จนถึงยุคสมัยปัจจุบันเราจะมาแนะนำกับรูปแบบ สูท ยอดฮิต มีอะไรกันบ้าง และเหมาะกับใครSingle-Vent หรือ สูท แบบกระดุม แถวเดียว เหมาะกับทุกรูปร่าง มีแบบ 1 / 2 / 3 กระดุม1 กระดุมเอกลักษณ์ แฟชั่นสูทแนวแคชชวล สมัยใหม่ ใส่สบาย เหมาะสำหรับผู้ชายรูปร่างเล็ก ใส่แล้วดูหุ่นดี เน้นรัดช่วงเอวให้ดูเข้ารูปเข้าทรงมากขึ้น ช่วยให้ดูหุ่นเพรียวขึ้นข้อแนะนำ สามารถเลือกติดหรือไม่ติดกระดุมก็ได้ หากอยู่ในงานทางการควรติดกระดุมตลอดเวลา ปลดกระดุมเมื่อต้องการนั่ง2 กระดุมเอกลักษณ์ แฟชั่นสูทสุภาพ ทางการระดับสุด มาตรฐานสูทสากลนิยมใช้ในปัจุบัน เหมาะสำหรับผู้ชายทุกรูปร่าง / รูปร่างใหญ่ข้อแนะนำ เมื่อติดกระดุมให้ติดเม็ดบนสุดเม็ดเดียวเท่านั้น ปลดกระดุมเมื่อต้องการนั่ง3 กระดุมเอกลักษณ์ ลุคทางการ สูทสไตล์วินเทจย้อนยุค สูทสไตล์คลาสสิค เหมาะสำหรับ ผู้ชายสูงช่วงตัวยาว ช่วยบาลานซ์ส่วนสูงได้ดี ใส่แล้วช่วยเพิ่มความโดดเด่น เพิ่มแฟชั่นให้ดูมีมิติข้อแนะนำ หากติดกระดุม ให้เลือกติด สองเม็ดบน หรือติดแค่เม็ดกลางอย่างเดียว เท่านั้นปลดกระดุมเมื่อต้องการนั่งเสมอDouble-Vent หรือ สูท แบบกระดุม สองแถว เหมาะกับรูปร่างสมส่วนและ รูปร่างใหญ่ มักมี 4 / 6 / 8 กระดุม4 กระดุมเอกลักษณ์ สไตล์ที่ให้ความวินเทจสูง สามารถออกงานทางการ หรือลำลอง ใส่คู่กับกางเกงชิโน่ หรือกางเกงยีนส์เพื่อให้ดูลำลองมากขึ้น เหมาะกับผู้ชายรูปร่างสมส่วน / รูปร่างใหญ่ ช่วยปกปิดช่วงลำตัวทำให้ดูสูงโปร่งขึ้นได้ข้อแนะนำ เลือกติดกระดุมเพียง สองเม็ดแถบบนสุด ไม่นิยมติดกระดุมเม็ดล่าง ไม่ต้องปลดกระดุมเมื่อนั่ง เพราะออกแบบช่วงตัวให้กว้างกว่าแบบมาฐาน6 กระดุมเอกลักษณ์ สไตล์ที่ให้ความวินเทจ คลาสสิก โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ออกแบบช่วง อก กว้าง และมีความยาวสูท มากกว่าแบบมารฐานข้อแนะนำ เลือกติดกระดุมเพียง สองเม็ดแถบบนสุด และเม็ดซ่อนไม่นิยมติดกระดุมเม็ดล่าง ไม่นิยมปลดกระดุมเมื่อนั่ง เพราะออกแบบช่วงตัวกว้างกว่าแบบมาฐานCredits :https://www.dgrie.com/blog/double-breasted-single-brested-suit/https://www.dgrie.com/blog/big-size-suit-guide/https://www.suitcube.com/double-breasted-suit/https://www.dgrie.com/blog/how-to-pick-buttons-for-a-suit/https://www.kaidee.com/blog/how-to-choose-suit/Author : MIK_MIKAZUKI

Omega Verse หรือ ABO Verse คืออะไร ?

21 ส.ค. 2024

Omega Verse หรือ ABO Verse คืออะไร ?

ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่ามีการทำคอนเทนต์ต่าง ๆ โดยมีการใช้คำว่า Alpha, Beta หรือ Omega ทุกคนอาจสงสัยว่าคำพวกนี้มาจากไหนหรือเป็นอาการยังไง วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกัน ว่าโลกของ Omega Verse มีอะไรบ้าง!Omega Verse คืออะไร ?Omega Verse เป็นแนวเรื่องจักรวาลโลกสมมุติที่ได้รับความนิยมในแวดวงแฟนฟิคชั่นและนิยายแนวโรแมนติก-เหนือธรรมชาติ มีการแบ่งแยกชนชั้นอย่างชัดเจน ในจักรวาลนี้ตัวละครจะถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก ๆ คือ Alpha, Beta และ Omega โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและบทบาทเฉพาะแตกต่างกันไป1. Alpha (A)อัลฟ่า เป็นกลุ่มตัวละครที่มีลักษณะเป็นผู้นำ เป็นชนชั้นที่มีอำนาที่สุดในจักรวาลนี้ มักมีบุคลิกที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการปกครองและปกป้อง ตัวละครที่เป็นอัลฟ่าจะมีพลังที่แข็งแกร่งและมักเป็นฝ่ายที่มีอำนาจในความสัมพันธ์ มีบทบาทในการดูแลและปกป้องดูแลโอเมก้า2. Beta (B)เบต้า เป็นกลุ่มตัวละครที่มีลักษณะธรรมดาในจักรวาล เป็นชนชั้นกลางหรือชนชั้นทั่วไปและมีสัดส่วนมากที่สุด ไม่มีคุณสมบัติพิเศษเหมือนอัลฟ่าหรือโอเมก้า และมักมีบทบาทเป็นตัวละครสนับสนุนในเรื่องราวต่าง ๆ3. Omega (O)โอเมก้า เป็นกลุ่มตัวละครที่โดยส่วนมากมีความอ่อนโยนและถูกมองว่าเป็นฝ่ายที่ต้องการการปกป้อง เป็นชนชั้นที่มีอำนาจน้อยที่สุด โดยส่วนมากจะถูกกดทับจากชนชั้นอื่น ๆ ลักษณะเฉพาะของ Omega Verseกลุ่มจักรวาลประเภทนี้จะมีพฤติกรรมที่คล้ายกับสัตว์ในโลกของเรานั่นเอง1.Pheromone หรือ ฟีโรโมน ในจักวาลนี้อัลฟ่าและโอเมก้ามีกลิ่นติดตัวที่เรียกว่า ฟีโรโมนอยู่ซึ่งกลิ่นจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล2.Soulmate หรือคู่ชีวิต คือการที่อัลฟ่าและโอเมก้าเกิดการจับคู่กันตั้งแต่แรกเจอ เป็นสิ่งที่หากันเจอยากมาก โดยหากเจอกันจะสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าคนนี้คือโซลเมทของกันและกัน โดยทั้งสองฝ่ายจะได้กลิ่นของกันและกันอย่างรุนแรงและแสดงอาการฮีทหรือรัทขึ้นมา3.Heat หรือการฮีท คือการที่โอเมก้ามีอาการอยากผสมพันธุ์ และปล่อยกลิ่นฟีโรโมนออกมาอย่างรุนแรงเพื่อดึงดูดอัลฟ่าที่อยู่ใกล้ ๆ ให้มามีเพศสัมพันธ์ด้วย อาจเกิดจากการที่ได้กลิ่นของโซลเมทหรือเจอฟีโรโมนของอัลฟ่าที่ปล่อยออกมา4.Rut หรือการรัท คือการที่อัลฟ่าเกิดความรู้สึกอยากผสมพันธ์อาจเกิดจากการได้กลิ่นฟีโรโมนในช่วงฮีทของโอเมก้า หรือถึงช่วงฤดูผสมพันธุ์ของตนเอง ฟีโรโมนที่ถูกปล่อยออกมาช่วงนี้สามารถกระตุ้นให้โอเมก้าฮีทได้5.Bond หรือการผูกพันธะ เกิดได้จากการที่อัลฟ่านั้นกัดเข้าที่หลังคอโอเมก้า ถือเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของและอำนาจเหนือโอเมก้าของอัลฟ่า เพื่อให้อีกฝ่ายไม่สามารถมีความสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตนได้6.Nesting หรือการทำรัง เกิดจากการที่โอเมก้าที่มีครรภ์มีอาการติดกลิ่นคู่ของตัวเอง และรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อห่างกัน จึงใช้เสื้อผ้าหรือสิ่งของที่มีกลิ่นอีกฝ่ายติดอยู่มากองรอบตัวหรือ ‘สร้างรัง’ เพื่อให้ถูกโอบล้อมด้วยกลิ่นของคู่ เป็นการเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้ตนเองของโอเมก้ามีครรภ์ทั้งนี้ทั้งนั้นการใช้จักรวาล Omega Verse มาสร้างบทหรือพล็อตสามารถสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงลึกในเรื่องของการกดขี่หรือการมีชนชั้นวรรณะในสังคมได้เป็นอย่างดี ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการเขียน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังสามารถเพิ่มความสนุกให้กับบทได้อีกด้วยAuthor : Warissแหล่งข้อมูล :https://aboth-info.wixsite.com/whatisabohttps://www.phoenixnext.com/guild/omegaversehttps://urbancreature.co/omegaverse-problematic-world/

‘เสียงในหัวตอนอ่านหนังสือ’ มีที่มา…ใครกันนะที่พูดกับเรา?

03 ก.ค. 2024

‘เสียงในหัวตอนอ่านหนังสือ’ มีที่มา…ใครกันนะที่พูดกับเรา?

‘ถ้าเสียงที่พูดอยู่ในหัวคือตัวเราเอง แล้วใครกันล่ะที่เป็นคนฟัง ?’เป็นคำถามเชาว์ปัญญาที่ชวนให้ขบคิดอยู่ไม่น้อย กับการที่ใครหลายคนบนโลกนี้สามารถอ่านออกเสียงในใจได้ และแน่นอนว่าในตอนที่เรากำลังอ่านบทความนี้อยู่ เสียงในหัวก็อาจกำลังทำหน้าที่ของมันเช่นกัน‘Subvocalization’ หรือ การอ่านออกเสียงในใจ เป็นมากกว่า ‘การคิด’ แต่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ตา ริมฝีปาก ลําคอ ลิ้น เส้นเสียง กล่องเสียง และขากรรไกร เชื่อหรือไม่ว่าในตอนที่เรากำลังอ่านออกเสียง ‘ในใจ’ ตัวเราเองก็ยังคงเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ คล้ายกับตอนที่เปล่งเสียงพูดอย่างไม่รู้ตัวในปี 2004 นักวิทยาศาสตร์จากนาซ่า ได้มีการทดลองติดเซ็นเซอร์ขนาดเล็กไว้ที่อวัยวะต่างๆของอาสาสมัคร เช่น บริเวณใต้คางและลูกกระเดือก พบว่า สมองของอาสาสมัครมีการตอบสนองราวกับว่ากำลังพูดอยู่จริงๆ ถึงแม้จะไม่มีการเปล่งเสียงออกมาเลยก็ตาม โดยการอ่านออกเสียงในใจสามารกระตุ้นสมองส่วน Broca ที่มีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวกับการใช้ภาษาทุกรูปแบบให้ทำงานได้การอ่านออกเสียงในใจ คือส่วนหนึ่งในพัฒนาการของเด็กเบธ ไมซิงเกอร์ และ โรเจอร์ เจ. ครอยซ์ รองศาสตราจารย์และอาจารย์สาขาจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัยเม็มฟิส กล่าวไว้ว่า ในตอนเด็กเรามักจะเริ่มอ่านหนังสือด้วย ‘การออกเสียง’ เพราะการฟังเสียงของตัวเองสามารถช่วยให้เราทำความเข้าใจข้อความได้ง่ายมากขึ้น เมื่อโตขึ้นมาหน่อย เราอาจเปลี่ยนเป็น ‘การอ่านพึมพํา’ กระซิบ หรือขยับริมฝีปาก แต่พฤติกรรมนี้จะจางหายไปในตอนที่ทักษะด้านการอ่านพัฒนาขึ้น เราจะสามารถอ่านหนังสืออย่างเงียบๆ ‘ในหัวของตัวเอง’ ได้ และในตอนนั้นเอง คือตอนที่เสียงภายในหัวเข้ามามีบทบาทสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการพัฒนาทักษะการอ่าน ที่เด็กๆจะสามารถทำได้ดีในชั้นประถมสี่หรือห้า โดยการเปลี่ยนจากการอ่านออกเสียงเป็นการอ่านในใจนั้น คล้ายกับวิธีที่เด็กพัฒนาทักษะการคิดและการพูดนั่นเองทั้งนี้ เลฟ วีโกสกีนักจิตวิทยาชาวรัสเซีย ได้นิยามพฤติกรรมนี้ว่า ‘การสนทนาส่วนตัว’ เขากล่าวว่าไม่ใช่แค่เด็กเท่านั้นที่มีพฤติกรรมนี้ แม้แต่ผู้ใหญ่ที่กำลังประกอบเครื่องดูดฝุ่นอันใหม่ บางทีเราอาจได้ยินพวกเขาพึมพํากับตัวเอง ในตอนที่กำลังทําความเข้าใจคําแนะนําในคู่มือดังนั้นเมื่อเด็กๆ กลายเป็นนักคิดที่ดีขึ้น พวกเขาจึงเปลี่ยนไปพูดในหัวแทนที่จะพูดออกมาดังๆ เมื่อเราเป็นนักอ่านที่ดีแล้ว การอ่านออกเสียงในใจจะง่ายยิ่งขึ้น ทั้งยังอาจช่วยให้อ่านได้เร็วขึ้นเพราะไม่จําเป็นต้องพูดออกมา และมีความยืดหยุ่นมากกว่า ช่วยให้เราจดจ่อกับสิ่งที่สําคัญที่สุดได้นั่นเองแล้วเสียงในหัวของเรา คือเสียงของใคร?การได้ยินเสียงตัวเองในหัวนั้นเป็นเรื่องปกติ งานศึกษา Characteristics of inner reading voices โดย Ruvanee P. Vilhauer พบว่าผู้คน4 ใน 5 บอกว่าพวกเขามักจะได้ยินเสียงในหัวตอนอ่านหนังสือในใจ นอกจากนี้เสียงในหัวยังมีหลายประเภทอีกด้วยซึ่งอาจเป็นเสียงพูดปกติของตัวเราเอง หรืออาจเป็นโทนเสียงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงการศึกษาผู้อ่านที่เป็นผู้ใหญ่ พบว่าเสียงที่ได้ยินในหัวอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ตัวเรากําลังอ่าน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อตัวละครในหนังสือกำลังพูดบางอย่างอยู่ เราอาจได้ยินเสียงของตัวละครนั้นในหัวดังนั้นอย่ากังวลไป ถ้าได้ยินเสียงมากมายในหัวตอนที่กำลังดําดิ่งลงไปในหนังสือ มันอาจหมายความได้ว่า คุณกลายเป็นนักอ่านออกเสียงในใจที่มีทักษะแล้ว

album

0
0.8
1