จะทำยังไงกับน้องสาวอายุ 14 ดีคะ? น้องไม่ค่อยกลับบ้าน เปลี่ยนแฟนไม่ซ้ำหน้า อยู่บ้านเพื่อนจนครูที่โรงเรียนมาตามที่บ้าน คุณแม่ก็เอาน้องไม่อยู่ น้องบอกจะดีขึ้นถ้าซื้อมอไซค์ให้คัน ละแสน แม่ก็ซื้อให้ สรุป น้องก็เหมือนเดิม

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

จะทำยังไงกับน้องสาวอายุ 14 ดีคะ? น้องไม่ค่อยกลับบ้าน เปลี่ยนแฟนไม่ซ้ำหน้า อยู่บ้านเพื่อนจนครูที่โรงเรียนมาตามที่บ้าน คุณแม่ก็เอาน้องไม่อยู่ น้องบอกจะดีขึ้นถ้าซื้อมอไซค์ให้คัน ละแสน แม่ก็ซื้อให้ สรุป น้องก็เหมือนเดิม

18 พ.ย. 2024

จะทำยังไงกับน้องสาวอายุ 14 ดีคะ? น้องไม่ค่อยกลับบ้าน เปลี่ยนแฟนไม่ซ้ำหน้า

อยู่บ้านเพื่อนจนครูที่โรงเรียนมาตามที่บ้าน คุณแม่ก็เอาน้องไม่อยู่ น้องบอกจะดีขึ้นถ้าซื้อมอไซค์ให้คัน

ละแสน แม่ก็ซื้อให้ สรุป น้องก็เหมือนเดิม แล้วน้องเคยพูดกับแม่ว่า "หนูสวย หนูหาผัวรวยๆเลี้ยงได้"

               “คุณเค (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (13 พ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม – ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาครอบครัว

            โดย “คุณเค (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้น้องสาวอยู่กำลังอยู่ในวัยอายุ 14-15 เป็นวัยที่เราก็รู้กันอยู่ว่าเขาก็กำลังโตเป็นสาว ปัญหาก็คือน้องตอนนี้เริ่มติดเพื่อนมาก ติดแฟนมากจนไม่เข้าบ้าน ไม่ไปเรียนหนังสือ ทางที่บ้านก็ไม่รู้จะพูดกับน้องยังไง เพราะตอนแรกคุณแม่ก็ถามว่าเราจะเอายังไงกันดี? ปล่อยให้ไปเที่ยวกับเพื่อนแม่ก็ไม่ว่า คือคุณแม่ก็ไม่อยากจะด่าน้องด้วย เหมือนแบบวัยนี้มันพูดแรงมากไม่ได้ พูดแรงปุ๊ปก็แบบยิ่งเตลิด อันนี้คือสิ่งที่คุณแม่บอกมา ซึ่งน้องก็ยังทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนตอนนี้ปัญหามันเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ

           ทางโรงเรียนก็เริ่มโทรมาบอกว่า “น้องไม่ไปโรงเรียนเลย อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไปแค่วันสองวันเอง” คุณแม่ก็ไม่กล้าบอกกับทางโรงเรียนเพราะว่าน้องก็มีพฤติกรรมบางอย่างที่เราแบบไม่ค่อยโอเคด้วย เช่น สมมติมาถึงบ้านก็มาด่าคุณครูให้เราฟังว่าคุณครูเป็นอย่างงั้นเป็นอย่างงี้ ทำให้เรารู้สึกว่าเอ๊ะ! การที่เราบอกกับคุณครูจะทำให้น้องยิ่งเกลียดการไปโรงเรียนอีกหรือเปล่า? เลยเลือกที่จะไม่บอกคุณครูให้ทราบ ทีนี้เราก็เลยคุยกันว่าเราจะทำยังไงดีให้น้องกลับมาบ้าน ก็เลยยื่นข้อเสนอไปว่าอยากได้อะไรลองร้องขอมา น้องก็เลยร้องขอเป็นมอเตอร์ไซค์ราคาเกือบแสน คุณแม่ก็ตัดสินใจซื้อให้เพราะอยากจะให้น้องกลับมาเลยลองซื้อให้ กลายเป็นว่าการที่ซื้อไปน้องยิ่งเตลิดไปอีก เพื่อนเขาก็แบบเป็นฟีลสก๊อย ไม่เรียนหนังสือ เราก็ไปตามหาที่บ้านเพื่อนของเขาบ้าง บ้านแฟนบ้าง แต่คือตอนนี้เขาเริ่มมีแนวคิดที่แบบเราไม่รู้จะแก้ไขยังไง เขาบอกกับเราว่า เรียนหนังสือไปปวดหัว มีผัวดีกว่า คือความคิดนี้มาจากไหน เราก็ไม่รู้แต่ว่าเขามีความรู้สึกว่าเขาแบบสวย รู้สึกว่าความสวยของเขาสามารถทำให้ชีวิตเขาดีได้แน่นอน เราก็เลยไม่รู้จะกู้เขายังไงแล้วตอนนี้

          ส่วนเรื่องเงินก็ได้คุยกับคุณแม่ดูว่าถ้าสมมติเราลองไม่ให้เงินเขาดีไหม เขาจะได้กลับบ้าน พอไม่ให้เงินปุ๊ปเขาก็กลับมาบ้าน มาขนเสื้อผ้า ขนของไปขายหมด เอาเงินไปใช้ แล้วเขาก็บอกคุณแม่ว่า ไม่มีแม่ก็หาเงินเองได้ ถามว่าเขาเอาตัวรอดได้ไหม? ก็ได้ แต่หนูว่าคำว่าเอาตัวรอด คือ เขาต้องไม่มีปัญหามาให้เรา ตอนนี้ครูก็โทรมาแจ้งเราเรื่อย ๆ พอครูโทรคุยกับน้อง น้องก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก แก้ ๆ เอาก็จบแล้ว เราก็แบบโอโห้ จากเมื่อก่อนเขาเป็นคนเรียนดีเลย แต่ไม่รู้เพราะอะไรจริง ๆ  ให้เขาเกิดความคิดแบบนี้ทั้ง ๆ  ที่ความจริงเขาเกิดมาโชคดีกว่าเรามาก พ่อก็ตามใจ แม่ก็ไม่ค่อยว่าอะไร กลับบ้านจากไปเที่ยว 4 ทุ่ม 5 ทุ่มทุกวัน คุณแม่ก็ไม่สามารถว่าได้เรื่องนี้ ตอนนี้เขาก็น่าจะไม่ฟังใครในครอบครัวแล้ว เพราะในความคิดเขา เพื่อนคนรอบข้างเขาที่ไม่ใช่ครอบครัวคือสำคัญที่สุดของเขาไปแล้วตอนนี้

          ส่วนทางพ่อแม่แฟนน้อง ทางเราก็ไม่ได้รู้จักพ่อแม่แฟนน้องเป็นการส่วนตัว แทบไม่เคยเจอหน้ากับแฟนเขาเลย เพราะว่าเวลาเขาไปไหนมาไหนเขาชอบหลบหน้าเรา สิ่งที่เราเป็นห่วงคือเรื่องยาเสพติด เรื่องท้องด้วย เพราะเราก็พูดตามความจริง เพื่อนเขาในมุมมองเรารู้สึกว่ามันไม่นำพาไปในสิ่งที่ดี คือน้องดันพอใจกับชีวิตที่น้องเป็นอยู่ แต่มันจะไม่แย่เลยถ้าสมมติมันไม่เกิดในสภาวะที่คุณแม่ก็ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูคุณพ่อที่ติดเตียง แล้วยังจะมาซื้อรถให้น้องเป็นแสนเพื่อหวังให้น้องกลับบ้าน แต่ผลตรงกันข้ามไปหมดเลย ทุกวันนี้น้องกลับบ้านเดือนนึงนับได้เลยว่ากี่ครั้ง เขาบอกเขาไปนอนบ้านเพื่อนแต่ว่าเราไปตามเขาทีไร คือ ครอบครัวของเพื่อนเขาก็จะบอกว่าเอาลูกกลับไปเถอะ เพราะเขาเหมือนแอบมองว่าเหมือนจะเป็นแหล่งซ่องสุม เพราะเวลาเขานัดปาร์ตี้กันมันก็หลาย ๆ คน ไม่ไปเรียนหนังสือกัน ผู้ปกครองเขาก็เป็นห่วงกันว่าเอ๊ะจะพาไปปาร์ตี้เหล้ายากันหรือเปล่า แล้วไปอยู่บ้านแฟนก็ไม่รู้ว่าใครคนไหน เพราะน้องเปลี่ยนแฟนบ่อย ทำให้เราไม่รู้เลยว่าคนไหน ก็เลยอยากจะมาปรึกษาว่า เราควรจะแก้ปัญหานี้กันยังไงดี?’

           เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ก็คือว่าคุยกับแม่ให้เรียบร้อยว่าเราต้องตัดท่อน้ำเลี้ยงเขา แล้วถ้าคุยกับแม่เรียบร้อยแล้ว เราเรียกเขามาคุยเลยว่าถ้าไม่เรียนพี่จะพาไปลาออกให้ เพราะตอนนี้มันคาราคาซังครูจะได้ไม่ต้องโทรมาตาม ให้เขารู้เลยว่าตอนนี้เราจะปล่อยเขาแล้ว แล้วก็ไปหางานทำเองนะ เพราะโตแล้วไม่อยากเรียนใช่ไหมงั้นก็ถือว่าโตแล้วรับผิดชอบตัวเองได้แล้วงั้นก็ออกไปทำงานนะ ตอนนี้เขาฟังคนข้างนอก เพื่อน เขารู้สึกว่าคนพวกนี้คือคนที่เข้าใจเขามาก ๆ ส่วนเรื่องแฟนย้ำน้องเลยว่าป้องกันเพราะถ้ามีลูกทำแทงค์อย่างเดียวเลยนะ ไม่มีใครเอาต้องคุยกัยเด็ดขาดนะ แล้วส่วนหนึ่งที่น้องเป็นแบบนี้เพราะแม่ตามใจแม่แก้ไขด้วย เริ่มทำวันนี้มันยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแล้วปล่อยให้มันวินาศสันตโล’

               ต่อมา “ดีเจอั้น” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘บางทีอาจจะต้องบอกสถานการณ์ของครอบครัวเราว่าตอนนี้เป็นยังไง ซึ่งก็อาจจะไม่ต้องพูดความจริงทั้งหมด อย่างเช่น แม่กำลังจะเกษียณตอนนี้เรามีเงินแค่นี้นะแม่ดูแล้วแม่ไม่สามารถที่จะซัพพอร์ตได้แล้ว คือผมจะไม่โทษคุณแม่ที่น้องเติบโตมาในบ้านที่คุณแม่ตามใจแบบทุกอย่างแบบขั้นสุดเลย แต่ว่าถึงที่สุดของที่สุดแล้วมันก็จะมีขอบเขตที่เราจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อไม่ให้ความรักของเรามันเกินขอบเขตจนกลายเป็นความรักที่ไปทำลายเขา’

         สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ขอเสริมหรืออาจจะต้องไปทางบ้านแฟนหน่อยไปให้รู้ไปให้เห็น แฟนคือใคร ที่อยู่ยังไง แฟนยังดีนู้นนี่นะ ไม่ใช่แบบไม่รู้อะไรเลย เป็นกำลังใจให้เคและคุณแม่นะ’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เรากับแฟนเริ่มต้นคบกันแบบต่างคนต่างมีแฟน แอบแซ่บกันแล้วไปเลิกคนของตัวเอง เราตั้งท้อง แฟนขอให้ยุติการตั้งครรภ์ เราก็ไปยุติเพราะท้องไม่พร้อม คบกันมา 4 ปี เขาขอกลับไปหาแฟนเก่าที่นอกใจมาตอนนั้น เหมือนเราไม่เหลืออะไรเลย

16 ส.ค. 2024

เรากับแฟนเริ่มต้นคบกันแบบต่างคนต่างมีแฟน แอบแซ่บกันแล้วไปเลิกคนของตัวเอง เราตั้งท้อง แฟนขอให้ยุติการตั้งครรภ์ เราก็ไปยุติเพราะท้องไม่พร้อม คบกันมา 4 ปี เขาขอกลับไปหาแฟนเก่าที่นอกใจมาตอนนั้น เหมือนเราไม่เหลืออะไรเลย

เรากับแฟนเริ่มต้นคบกันแบบต่างคนต่างมีแฟน แอบแซ่บกันแล้วไปเลิกคนของตัวเองเราตั้งท้อง แฟนขอให้ยุติการตั้งครรภ์ เราก็ไปยุติเพราะท้องไม่พร้อม คบกันมา 4 ปีเขาขอกลับไปหาแฟนเก่าที่นอกใจมาตอนนั้น เหมือนเราไม่เหลืออะไรเลยเขาพูดให้ความหวังว่าอนาคตอาจจะกลับมาคบกันอีกก็ได้... “คุณเม (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (7 ส.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับแฟนคนล่าสุดที่มีจุดเริ่มต้นจากการแอบแฟนมาแซ่บกัน โดย “คุณเม (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้เริ่มต้นที่หนูมีแฟนอยู่แล้ว คบกันมา 3 ปี แล้วหนูไปเจอกับผู้ชายคนนี้จากแอปพลิเคชันหาคู่ แล้วก็นัดกันแอบแซ่บ หลังจากนั้นเขาน่าจะติดใจหนู เลยขอหนูเป็นแฟน หนูก็เลยตอบว่า “ลองคบก็ได้” เลยกลายเป็นความสัมพันธ์แบบ 4 คน หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น หนูพลาดท้องกับเขาในวันที่แอบแซ่บกัน แล้วต่างคนก็รู้ความจริงที่ว่าหนูมีแฟนแล้ว และเขาก็มีแฟนแล้วเช่นกัน โดยที่แฟนของหนู แล้วแฟนของเขาไม่รู้ พอหลังจากที่หนูรู้ว่าหนูท้องกับเขา หนูจึงไปเลิกกับแฟนที่คบกันมา 3 ปี แต่คนที่หนูแอบแซ่บเขายังไม่เลิกกับแฟนของเขา เขาบอกแค่ว่า “เขายังไม่พร้อมจริงๆ” ซึ่งหนูก็ยังไม่พร้อมเพราะเป็นช่วงที่เรียนใกล้จะจบแล้ว จึงตกลงกันที่จะยุติการตั้งครรภ์ เวลาผ่านไปหลายเดือนกว่า เขาไปเลิกกับแฟนเขาแบบตัดขาด แล้วเขาก็มาคบกับหนูแบบจริงจัง จนตอนนี้คบกันมา 4 ปี จนล่าสุดเมื่อวานนี้ เขาบอกเลิกหนูด้วยเหตุผลที่ว่าหมดรักแล้ว บางทีที่ทะเลาะกัน เราพยายามปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้ พอจะดีขึ้นก็กลับมาทะเลาะเรื่องเดิมๆอีก และตอนนี้เขาก็กลับไปคุยกับแฟนเก่า และแฟนเก่าเขาไม่เคยรู้เรื่องหนูมาก่อน เขาขอให้เขาได้ไปลองใช้ชีวิต ไปจัดการกับชีวิตตัวเองก่อน ถ้ามันจะกลับมาหรือไม่ ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้หนูฝังใจตอนเรื่องที่ยุติการตั้งครรภ์กับเขา หนูยังคงอยากให้เขาเป็นพ่อของลูก ล่าสุดที่คุยกับเขาก็ยังคงเหมือนเดิมอยู่ หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรมูฟออนจากเรื่องนี้ยังไง? ควรรอเขาไหม? แล้วเรื่องที่ยังติดใจหนูอยู่ หนูควรจัดการยังไงดี?’ ซึ่งทาง “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อั๋นยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังติดใจอยู่ในเรื่องของการยุติการตั้งครรภ์ ในเมื่อเรื่องมันจบไปแล้ว หรือยังติดใจที่เขาเคยเป็นพ่อเด็ก เลยอยากให้เขาเป็นพ่ออยู่หรอ เป็นการติดใจที่แปลกอยู่นะ ถ้าตอบสั้นๆเลยคือ หนูไม่ต้องถามเลยว่าควรมูฟออนหรือเปล่า เพราะเขามูฟออนไปแล้ว ถ้าเรายืนก็แค่ยืนเฉยๆของเรา ไม่ต้องมูฟออนก็ได้ อยากยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้ แต่เขาไปแล้วนะ มันคือความจริง และทุกๆเหตุผลที่เขาตอบ ไม่ต้องเป็นหรือจดจำรายละเอียดก็ได้ สรุปแล้วคือเขาจะกลับไปอยู่ที่เดิม กลับไปหาคนเก่า เราอาจจะต้องยอมรับว่าทั้ง 2 คนเริ่มต้นจากความไม่ซื่อสัตย์ทั้งคู่ ซึ่งแปลว่าเราทั้ง 2 คนคาดหวังความซื่อสัตย์จากกันและกันมันไม่ถูกต้อง เราควรมาเริ่มต้นกับตัวเอง ทบทวนว่าเราควรจะเริ่มต้นจากความสัมพันธ์แบบไหน แล้วรักตัวเองให้มากพอที่จะดูแลตัวเองด้วย เพราะว่าหนูไม่มีความปลดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ และตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าวันนั้นหนูติดโรคหรือเชื้ออะไร มันก็ไม่แฟร์กับแฟนเก่าหนูด้วย เริ่มจากรักตัวเอง แล้วค่อยคิดว่าอยากได้คนนี้กลับมาเป็นพ่ออีกครั้ง พี่ว่าหนูยัวไม่พร้อมที่จะเป็นเมีย หรือยังไม่พร้อมจะเป็นแม่นะ’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาเพิ่มต่อว่า ‘พี่พูดเพื่อหวังว่าจะให้หนูมูฟออนเลยแล้วกัน พี่แค่จะถามว่า “ผู้ชายคนนี้มีคุณสมบัติอะไรหรอ? หนูถึงจะให้เขามาเป็นสามี และพ่อของลูก” 1. เขามีเมียแล้วแต่ยังไม่ยุ่งกับเราโดยที่เมียเขายังไม่รู้เรื่องเลย นี่คือคุณสมบัติของผู้ชายที่ดีหรอ 2. พี่งงกับตรรกะหนูว่า หนูมีลูก แต่เขาไม่รับผิดชอบ จึงต้องยุติการตั้งครรภ์ คุณสมบัตินี้หรอที่ทำให้หนูจะให้เขามาเป็นพ่อของลูก เขาดูแลหนูมั้ยในตอนที่หนูยุติการตั้งครรภ์’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่มันเดินไปแล้วก็คือเดินไปแล้ว ผู้ชายมันเริ่มต้นกับคนใหม่แล้ว โอกาศที่นะกลับมาก็ยาก แบ้วมันเป็นเรื่องอะไรที่เราต้องรอ สำหรับพี่ใครเดินไปจากชีวิตพี่คือพี่เป็นอิสระแล้ว พี่ลั้นลาได้แล้ว แต่พี่ไม่ยิงสด และก็ไม่นอกใจแฟนนะ ตอนนี้หนูจะลั้นลาก็ทำได้ เพราะหนูโสด แต่ต้องรู้จักป้องกันตัวเอง แต่ถ้ามีแฟนแล้วต้องเลิกลั้นลานะเม กลับไปเป็นเมที่รับผิดชอบและรักตัวเอง ตอนนี้อายุเพิ่งจะ 26 เริ่มต้นใหม่ได้ แต่ถ้ารู้สึกว่า ยังไม่อยากลั้นลา อยากรอเขาอยู่ ถ้ามีความสุขอยากทำแบบนั้นก็ได้ แต่อย่าถึงขั้นที่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุข ทำงานไม่ได้ กินไม่ได้ ผู้ชายคือมายา ข้าวปลาคือของจริงนะ แฟนเป็นใครก็ได้ แต่พ่อของลูกไม่ใช่ใครก็ได้นะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมีลูกอายุ 6 ขวบ ให้เขาเรียนเทควันโด 5 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4 ชั่วโมง กว่าลูกจะได้นอนก็ 4-5 ทุ่ม อยากให้ลูกป้องกันตัวและสร้างพอร์ตเรียนต่อได้ด้วย จนหลังๆลูกเริ่มเพลีย ไปนอนหลับตอนเรียนในสนาม เราผู้เป็นแม่ เห็นก็อดห่วงไม่ได้

16 ส.ค. 2024

หนูมีลูกอายุ 6 ขวบ ให้เขาเรียนเทควันโด 5 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4 ชั่วโมง กว่าลูกจะได้นอนก็ 4-5 ทุ่ม อยากให้ลูกป้องกันตัวและสร้างพอร์ตเรียนต่อได้ด้วย จนหลังๆลูกเริ่มเพลีย ไปนอนหลับตอนเรียนในสนาม เราผู้เป็นแม่ เห็นก็อดห่วงไม่ได้

หนูมีลูกอายุ 6 ขวบ ให้เขาเรียนเทควันโด 5 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4 ชั่วโมงกว่าลูกจะได้นอนก็ 4-5 ทุ่ม อยากให้ลูกป้องกันตัวและสร้างพอร์ตเรียนต่อได้ด้วยจนหลังๆลูกเริ่มเพลีย ไปนอนหลับตอนเรียนในสนาม เราผู้เป็นแม่ เห็นก็อดห่วงไม่ได้อยากรู้ว่ามันหนักเกินไปไหมสำหรับเด็ก 6 ขวบ “คุณพลอย (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [14 ส.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาอยากให้ลูกเรียนเทควันโด เเต่ลูกเริ่มงอแงไม่อยากเรียน โดย “คุณพลอย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้น้องอายุ 6 ขวบ เป็นผู้หญิง คุณเเม่ให้น้องเรียนเทควันโด น้องเรียนมาได้ 8 เดือน เเล้วน้องเริ่มบ่นว่าเหนื่อย ไม่อยากเรียนเเล้ว ด้วยความที่คุณแม่อยากให้น้องออกกำลังกาย เเล้วด้วยสภาพเเวดล้อมสังคมปัจจุบันมันน่ากลัว เราก็อยากให้ลูกมีวิชาป้องกันตัว มีวันหนึ่งที่น้องรู้สึกเหนื่อยเเล้วหลับในคลาสเรียนเทควันโด น้องเรียนประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งเเต่วันพุธถึงวันอาทิตย์ เรียนหลังเลิกเรียนตั้งเเต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม น้องเคยไปเรียนที่หนึ่งเเต่เรียนเเค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเเม่มองว่ามันเรียนเเล้วไม่ค่อยได้อะไร เหมือนไม่ได้ออกกำลังกายจริง ๆ ถ้าน้องขาดเรียนไม่ได้เรียนทุกวันเเล้ว เรียนแค่เสาร์-อาทิตย์เขาจะเริ่มปวดตัว ถ้าเขาไม่ได้ออกกำลังกายหรือไปยืดเส้น คือเรียนเทควันโดมันจะมี 2 รอบ รอบแรกเรียนธรรมดาเพื่อปรับสายเลื่อนสายปกติ เเล้วรอบที่ 2 มันจะเป็นรอบนักกีฬา แม่กะจะให้ลูกเรียนยาว ๆ เเล้วเราก็เพิ่งรู้ว่าทุกวันนี้เวลาสมัครสอบเข้ามหาลัย หรือมัธยมบางที่มันต้องใช้พอร์ต บางทีอาจจะได้โควต้า ก็คิดว่าถ้าลูกสอบไม่ติด พอร์ตมันสามารถช่วยในการเข้าเรียนมหาลัยได้ พอกลับมาบ้าน น้องก็จะอาบน้ำเเล้วก็เข้านอนเลย เพราะน้องทานอะไรมาเรียบร้อยเเล้ว น้องจะนอนประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง บางทีก็เกือบ 5 ทุ่มเเล้วตื่นประมาณ 6 โมง แม่ก็มีคุยกับหมอ หมอก็แนะนำว่าให้น้องนอนเร็ว เเต่ก็มองว่าเด็กที่เรียนเทควันโดส่วนมากเขาก็ตัวสูงหมดเลย เขาก็เรียนเหมือนกันหมดกับน้อง เด็กที่เรียนด้วยเขาก็ตัวสูงทุกคนเเล้วเหมือนกับได้โควต้านักกีฬาเยอะ เราก็มองว่ามันก็เป็นใบเบิกทางนะ ถึงลูกเราจะไม่เก่งขนาดนั้นเเต่ว่ายังไงมันก็มีประสบการณ์ เคยให้น้องไปเทสเปียโน เเต่น้องก็เลือกเทควันโด ก็อยากให้น้องเป็นกีฬา เเต่ไม่ได้คาดหวังว่าต้องเก่งขนาดนั้น ที่เรียนจะมีการส่งเด็กไปแข่งในแมตซ์เล็ก ๆ เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า เราให้ลูกเรียนหนักเกินไปมั้ย? เพราะลูกเริ่มงอแงว่าเหนื่อย ไม่อยากไป โดยเริ่มให้คำปรึกษาที่ “ดีเจอั๋น” ว่า ‘สำหรับพี่ ในวัยนี้พี่ยังเน้นให้เขามีความสุขกับชีวิต เเละเปิดโอกาสให้เขาเลือก ให้ Play กับ Learn ให้มันมาคู่กัน เเละรู้สึกว่าในวัยนี้ Play เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก การที่เขาเลือกเทควันโดเอง เขาเลือกโดยที่เขาอาจจะไม่เข้าใจก็ได้ว่าในชีวิตเขามีทางเลือกอะไรบ้าง ผมไม่แน่ใจถ้าเราพยายามยัดเยียดแบบนี้ ถึงจุด ๆ หนึ่งที่เขาเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง กล้าพอที่จะเเสดงออกมากขึ้น เขาอาจจะเกิดพฤติกรรมต่อต้าน ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เขาอาจจะไม่ได้เกลียดเทควันโดก็ได้ เเต่เขารู้สึกว่ามันมากเกินไป’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่ามันเร็วเกินไปเเละยังไม่จำเป็นสำหรับเด็ก 6 ขวบ มันยังมีวิธีอื่นอีกมาก ถ้า ณ ตอนนี้ลูกเริ่มไม่มีรวามสุขกับเทควันโดในปริมาณที่มันมากขนาดนี้เเล้ว พี่ว่ามันยังกิจกรรมอื่น ๆ ที่จะพาเขาไปลองดูเผื่อเขาอาจจะชอบ อาจจะทำได้ดี ทั้งร่างกายเเละจิตใจตอนนี้สำหรับเด็ก 6 ขวบมันอาจจะไม่ดีสำหรับเขา สำหรับเรื่องป้องกันตัวมันยังมีอีกวิธีอื่นอีกมากมาย เทควันโดก็ได้เเต่ไม่ใช่ปริมาณที่เยอะขนาดนี้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าความสุขของลูกสำคัญ ไม่ต้องการที่ลูกจะเข้ามหาลัยเลยค่ะ นั่นคือสิ่งที่คุณพลอยวางไว้ให้ลูกโดยที่ลูกไม่ได้เลือกด้วยซ้ำ วันนี้ลูกอยากเรียนให้เรียน เเต่ถ้าไม่อยากเรียน ลูกเหนื่อย จบเลยค่ะ หยุดการเรียนทั้งหมดเลย เวลาที่เด็กนอนน้อยนอนไม่พอ ตื่นมาเขาจะเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งเเล้ว เวลาที่ลูกอยากจะทำอะไรให้คุณเเม่ถามทุกครั้งว่านี่คือสิ่งที่หนูอยากทำมั้ย? ทั้งนี้ทั้งนั้นให้ถามลูกทุกครั้ง การเสนอหรือการตัดสินใจอะไรให้ลูกเป็นคนร่วมตัดสินใจกับเรา ให้เขาได้ทำหรือได้ใช้ชีวิตในสิ่งที่เขาเลือก ถ้ามันไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง อยากให้อะรุ่มอะร่วยเรื่องความสุขของลูก เอาความสุขกับความเเข็งแรงทางด้านร่างกาย การที่ลูกได้เล่นได้ใช้ชีวิตอยากมีความสุข เขาจะเติบโตมาในสังคมที่เขามีทัศนคติที่ดี มีพัฒนาการทางอารมณืที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันอาจจะไม่ถูกสอนในโรงเรียนด้วยซ้ำ‘ และดีเจทั้งสามคน ก็มีความคิดเห็นที่ไปในทิศทางเดียวกันก็คือ ‘ในเรื่องของจำนวนเวลาในการเรียนมันมากเกินไปสำหรับเด็ก 6 ขวบ ลองจำนวนวันเเละเวลาเรียนของเขามั้ย เป็นเรียนเเค่เสาร์อาทิตย์ก็ได้ เเล้วไปเพิ่มเวลาเล่นกับเวลานอนให้เขาดีกว่า ตอนนี้รู้สึกว่ามันมากเกินไปสำหรับเขา เเล้วคุณเเม่ส่วนก็ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการเรียนต่อมากขนาดนั้นหรอก เพราะยังไม่รู้เลยว่าเขาอยากจะเรียนอะไร ตอนเขาโตการศึกษามันก็จะเปลี่ยนไปอีกนะ ไม่ได้บอกว่าไม่ต้องเรียนมหาลัย เเต่เราไม่รู้ว่ามหาลัยในยุคนั้นจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องกังวลสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคต ปล่อยให้เขาเติบโตตามธรรมชาติเเล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถ้าตอนนี้มีทางเลือก การได้อยู่กับลูก ใช้เวลาด้วยกันที่ไม่ใช่อยู่เเต่คลาสเทควันโด มันอาจจะดีกว่าก็ได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เพิ่งเสียคุณแม่ไป แล้วมีทรัพย์สินแม่ เป็นชื่อพ่อ ทั้งบ้าน ทั้งที่ดิน ญาติก็มาเตือนให้ดูพ่อดีๆ จนมารู้ว่าพ่อกำลังจะไปผูกข้อมือ แต่งงาน กับ ผู้หญิงรุ่นน้องพ่อ 10 ปี จะพูดยังไงให้พ่อโอนมาเป็นชื่อลูกก่อนดีคะ? เพราะกลัวว่าพ่อจะจดทะเบียนสมรสเลย

24 ก.ค. 2024

เพิ่งเสียคุณแม่ไป แล้วมีทรัพย์สินแม่ เป็นชื่อพ่อ ทั้งบ้าน ทั้งที่ดิน ญาติก็มาเตือนให้ดูพ่อดีๆ จนมารู้ว่าพ่อกำลังจะไปผูกข้อมือ แต่งงาน กับ ผู้หญิงรุ่นน้องพ่อ 10 ปี จะพูดยังไงให้พ่อโอนมาเป็นชื่อลูกก่อนดีคะ? เพราะกลัวว่าพ่อจะจดทะเบียนสมรสเลย

“คุณมิ้น (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [16 ก.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับเรื่องมรดกของเเม่หลังจากที่คุณเเม่เสีย โดย “คุณมิ้น (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คุณเเม่เสียเมื่อประมาณปี 64 ด้วยโรคประจำตัว ซึ่งก่อนหน้านั้นครอบครัวอบอุ่นมาก ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย เเล้วคุณเเม่เป็นหญิงแกร่ง หญิงเก่ง เรียนมาน้อยเเต่เขาก็ขยันทำงานจนก่อร่างสร้างตัว ซื้อรถ ซื้อบ้านได้ จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง มีคุณพ่อช่วยด้วย เเต่คุณพ่อมีรายได้น้อยกว่าคุณเเม่ เพราะเเม่ประกอบธุรกิจส่วนตัว ทำให้เขาผ่อนบ้าน ผ่อนรถหมดเร็ว เเล้วกะว่าจะเก็บไว้เป็นมรดกให้กับลูกทั้ง 2 คน พอคุณเเม่เสีย ตอนนั้นก็ค่อนข้างเคว้งว่าจะทำยังไงต่อ เเล้วก็มีญาติ ๆ ฝั่งเเม่เข้ามาเตือนว่า ‘ให้ระวังพ่อไปแต่งงานใหม่นะ’ ตอนนั้นก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เรามั่นใจในตัวคุณพ่อเพราะไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลย ไม่ค่อยได้ข่าวมีกิ๊กกั๊กหรือเจ้าชู้ เราก็เลยไว้ใจ เเต่พอคุณเเม่เสียได้ปีกว่า ๆ คุณพ่อก็ยอมรับกับเราว่ามีคุยกับผู้หญิงประปรายนะ อยากหาเพื่อนมาอยู่ด้วยช่วงบั้นปลาย เรากับพี่ชายก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าเจอคนดีก็เเล้วเเต่ เเต่เราไม่ได้คิดว่าคุณพ่อจะเเต่งงาน จนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณพ่อก็โทรมาบอกว่า ‘จะจัดงานเเต่งเล็ก ๆ นะ’ กับผู้หญิงคนหนึ่งมีอายุน้อยกว่าคุณพ่อ 10 ปี ซึ่งตอนนี้คุณพ่ออายุ 63 ปี ตอนรู้เรื่องเราก็ค่อนข้างช็อก ก็เลยโทรหาพี่ชายว่า ‘คุณพ่อได้บอกหรือยังว่าเขาจะเเต่งงาน’ พี่ชายก็ตอบกลับว่า ‘บอกแล้ว’ ตอนแรกเหมือนคุณพ่อไม่ได้ตั้งใจจะบอกพี่ชายด้วย เหมือนพี่ชายเขาเป็นคนไปจี้ถามคุณพ่อก่อน เราก็เคยได้ยินมาว่าเขาคงคุย ๆ กันมา เจอกัน 2-3 ครั้ง เเต่เราไม่ได้รู้สึกโอเคขนาดนั้น รู้สึกเฉย ๆ คิดว่าคุณพ่อจะคบกันไปก่อน ดูกันไปก่อน ไม่คิดว่าจะตกล่องปล่องชิ้น แล้วเราก็กลัวว่าเขาจะมาปอกลอก เรากังวลไว้ก่อนเพราะเรายังไม่ได้รู้จักเขาดี เเล้วเราก็รู้สึกว่าคุณเเม่สร้างทรัพย์สมบัติไว้ให้ลูก เคยถามคุณพ่ออ้อม ๆ ว่า ‘ถ้าผู้หญิงให้จดทะเบียนสมรสจะจดมั้ย?’ คุณพ่อก็ตอบเเบบอ้อม ๆ ว่า ‘ก็ไม่อยากจด’ เเต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธว่าไม่จด ก่อนที่คุณเเม่จะเสียไปก็ไม่ได้จดพินัยกรรมไว้ เราเลยกลัวว่า ถ้าเกิดคุณพ่อลังเลเหมือนหลงคารมขึ้นมาเเล้วสุดท้ายยอมไปจด เเล้วทรัพย์สมบัติที่คุณเเม่สร้างมามันจะกลายเป็นสินสมรส เเล้วก็ต้องแบ่งให้คู่สมรสกับลูกในสัดส่วนที่เท่ากัน ซึ่งเรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเราและพี่ชาย เรารู้สึกว่าคุณเเม่เขาตั้งใจสร้างมาให้ลูกจริง ๆ เขาก็อาจจะไม่โอเคที่ตกไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นของคุณพ่อ แต่เรายังไม่ได้คุยกับคุณพ่อเป็นกิจจะลักษณะว่าจะมาโอนเป็นชื่อลูกได้เเล้ว มิ้นก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า จะมีวิธีพูดยังไง? ให้คุณพ่อไม่รู้สึกว่าเราเหมือนเป็นลูกที่จ้องจะฮุบสมบัติ เราเเค่อยากจะรักษาสมบัติของคุณเเม่เอาไว้ ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะเปลี่ยนใจมั้ย จะเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อลูกไปให้ภรรยาใหม่?’ ซึ่งดีเจทั้ง 3 คน (ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น) ก็ได้ให้คำปรึกษาไปในทางเดียวกันว่า ‘ให้คุยพร้อมกันตรง ๆ ทั้งครอบครัว มีอะไรในใจพูดเลย ต้องการมั่นใจว่ายังคงเป็นไปตามเจตนาของคุณเเม่ที่ได้คุยกันไว้อยู่ อยากให้จดพินัยกรรมจัดการเรื่องสมบัติ จัดการเรื่องภายในครอบครัวให้เสร็จ เพื่อความสบายใจของทุกคนก่อนที่จะต้อนรับคนใหม่เข้ามา ไม่ได้เกลียดที่คุณพ่อจะมีคนใหม่ เเต่อยากป้องกันปัญหาที่มันอาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตถ้าคุณพ่อไม่อยู่ เราไม่รู้หรอกว่าในอนาคตเขาจะเป็นยังไง ถ้าไม่มีคนนอกเข้ามาเราอยู่อย่างงี้คุณพ่อจะไม่โอนก็ได้ เเต่พอมีคนนอกเข้ามา ก็อยากจะทำให้มันสบายใจว่าเจตนารมณ์ของคุณเเม่ยังคงอยู่เหมือนเดิม‘เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เจอผู้ชายผ่านแอป รู้จักกันมาเดือนสองเดือน ไม่มีโอกาสบอกเขาเลยว่า เรามีลูกติด จะบอกเขาก็ติดงานใหญ่ พอจะรองานใหญ่เขาจบ แม่เขาก็เข้า ICU อีก เราอยากจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ ถ้าบอกเขาช้าไปกว่านี้ กลัวเขาจะคิดว่าเรามาหลอกรึเปล่าคะ??

16 ส.ค. 2024

เจอผู้ชายผ่านแอป รู้จักกันมาเดือนสองเดือน ไม่มีโอกาสบอกเขาเลยว่า เรามีลูกติด จะบอกเขาก็ติดงานใหญ่ พอจะรองานใหญ่เขาจบ แม่เขาก็เข้า ICU อีก เราอยากจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ ถ้าบอกเขาช้าไปกว่านี้ กลัวเขาจะคิดว่าเรามาหลอกรึเปล่าคะ??

“คุณซี (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [14 ส.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหามีลูกแล้ว แต่ไม่กล้าบอกคนคุยใหม่ โดย “คุณซี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘สถานะของหนูคือหย่ากับสามีเก่าแล้ว และมีลูก 5 ขวบ หนูก็ไปปัดแอปพลิเคชัน แล้วไปเจอผู้ชายที่มาห้องหนูตอนนี้ ซึ่งหนูไม่เคยคุยจริงจังกับคนในแอปพลิเคชัน ก็เลยไม่คิดว่าต้องบอกเรื่องส่วนตัวทุกอย่างรึเปล่า? เพราะเค้าไม่ได้ถามหนู หนูก็ไม่ได้บอกเค้า และตอนนี้มันเดือนกว่าแล้ว มันเริ่มจริงจังขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อนหนูก็ถามว่าหนูบอกเค้าเรื่องมีลูกรึยัง? เดี๋ยวเค้าจะหาว่าหลอกเค้านะ แต่หนูไม่ได้หลอกแค่ไม่ได้บอก เพราะตอนจะบอกเค้าก็ติดงานที่ค่อนข้างเครียด ก็เลยคิดว่ารอเค้าเสร็จงานแล้วค่อยบอก แต่พอเค้าเสร็จงาน แม่เค้าดันเข้า ICU หนูก็เลยไม่รู้จะบอกตอนไหนดี หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูจะพูดยังไงดี หรือว่าควรรอไปก่อน?’ ซึ่งงานนี้ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นพี่พี่ก็จะพูดพี่รู้สึกว่าการมีลูกมันไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ต้องไม่พูด เพราะเราไม่ได้อยากปิดบังเค้าหนิ แค่จังหวะมันไม่ได้เท่านั้นเอง พี่ว่าถ้าวันนี้เค้ามีอารมณ์ขันก็พูดไปเลยแบบธรรมชาติ การมีลูกไม่ได้ค้องทำให้มันซับซ้อนซ่อนเร้นขนาดนั้น แต่ว่าต้องพูดแบบไม่คาดหวังด้วย ถ้าฟาล์วก็ฟาล์ว เพราะว่ามันเป็นเงื่อนไขได้ถ้าเค้าไม่ได้อยากได้เราแบบแพ็คเกจเค้าอยากได้เราตัวคนเดียวนั่นก็คือสิทธิ์เค้าเหมือนกัน พี่ว่าเดือนกว่ามันอยู่ในจังหวะที่พูดได้ ถ้ารับได้ว่าผลจากนั้นจะเป็นยังไง’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นพี่พี่ก็บอกเลยเหมือนกัน แต่ถ้าบอกไปเค้าอยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่แคร์’ และสุดท้าย “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่รู้สึกว่ามันคือความจริงอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วเราก็ต้องบอกแต่เป็นพี่พี่เลือกเร็วตลอด และอีกด้านนึงคือเค้าอาจจะมีอะไรบอกเราเหมือนกันก็ได้ ก็บอกเค้าว่า นาน ๆ ที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตรงนี้เนาะ ฉันก็มีหลายเรื่องอยากบอกเธอ แต่ว่าที่ผ่านมามันยังหาโอกาสไม่ได้สักที ถ้าเราคิดเหมือนกันว่าเราจะไปต่อเราต้องรู้จักกันมากกว่านี้แล้วก็ค่อย ๆ บอกเค้าไป’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1