เกิดมาเพิ่งเคยเจอ... หนูไปเจอกับเพื่อนของเพื่อนมา ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พอเขาได้ยินว่าหนูคุยกับเพื่อน หนูเรียกมอเตอร์เวย์ว่า ทางด่วน เค้ารีบพูดแทรกขึ้นมาว่า ไม่ถูกต้องมอเตอร์เวย์ไม่ใช่ทางด่วน หนูเลยตอบกลับว่า...

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เกิดมาเพิ่งเคยเจอ... หนูไปเจอกับเพื่อนของเพื่อนมา ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พอเขาได้ยินว่าหนูคุยกับเพื่อน หนูเรียกมอเตอร์เวย์ว่า ทางด่วน เค้ารีบพูดแทรกขึ้นมาว่า ไม่ถูกต้องมอเตอร์เวย์ไม่ใช่ทางด่วน หนูเลยตอบกลับว่า...

26 ก.ค. 2024

เกิดมาเพิ่งเคยเจอ... หนูไปเจอกับเพื่อนของเพื่อนมา ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

พอเขาได้ยินว่าหนูคุยกับเพื่อน หนูเรียกมอเตอร์เวย์ว่า ทางด่วน เค้ารีบพูดแทรกขึ้นมาว่า

ไม่ถูกต้องมอเตอร์เวย์ไม่ใช่ทางด่วน หนูเลยตอบกลับว่า เราน่าจะมาจากคนละถิ่นกัน

เขาโกรธจนตัวสั่น เสียงดังใส่ หนูผิด?

            “คุณอัย (นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (24 ก.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาทะเลาะกับเพื่อนของเพื่อนเรื่องที่เราเรียกมอเตอร์เวย์ว่าทางด่วน

            โดย “คุณอัย (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ก่อนหน้านี้เราขับรถไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน ก่อนที่จะถึงร้านอาหารเราก็ขึ้นทางด่วน แล้วเราก็คุยกับเพื่อนเราแต่ด้วยความที่งานวันเกิดเพื่อนไม่ได้มีแค่เรา มีเพื่อนของเพื่อนที่เราไม่ได้รู้จัก ชื่อเปรี้ยว (นามสมมติ) น่าจะโตกว่าเรา เราคุยกับเพื่อนว่าตอนขับรถมาเปิด Google map มา มันให้ขึ้นมางด่วน เปรี้ยวก็โพร่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แบบว่าทำไมเราไม่รู้ “ไอที่เรียกว่าทางด่วน มันไม่ใช่” เราคิดว่า ไม่ใช่ได้ไง เราเรียกว่าทางด่วนมาตลอด เลยตอบว่า “ไม่ค่ะ เราก็เรียกทางด่วนมาตลอดนะคะ” เขาก็ยังยืนยันด้วยน้ำเสียงโกรธว่า “ไม่ใช่ ไอที่เราเรียกอยู่มันคือ มอเตอร์เวย์ ทางด่วนคืออันที่ลอยฟ้า” เราเลยตอบว่า “ก็เราไม่ได้เรียกแบบนี้ เราเรียกของเรามาแบบนี้” แล้วเขาก็บอกว่า “สมัยก่อนมันใช้บัตรคนละใบกันด้วยนะ ทางด่วนกับมอเตอร์เวย์” เราก็บอกว่า “แต่สมัยนี้ใช่ Easy Pass ได้ทั่วราชอาณาจักรนะ” เขาก็ยังไม่ยอม เราก็เลยบอกว่า “งั้นไม่เป็นไร พี่จะเรียกแบบนั้นก็เรียกของพี่ หนูก็เรียกแบบนี้ เราอาจจะมาจากคนละจังหวัด ถิ่นหนูอาจจะเรียกแบบนี้ ถิ่นพี่อาจจะเรียกอีกแบบ” เหมือนเขาโกรธมากที่เราพูดแบบนั้น แล้วเขาก็เงียบไปประมาณ 1 นาที

            ตอนนี้ใจเราก็เริ่มอยากกลับบ้านละ เลยหันไปคุยกับเพื่อนว่าเราจะกลับทางไหนดี ระหว่างมอเตอร์เวย์ กับบูรพาวิถี ซึ่ง 2 เส้นนี้เราเรียกว่าทางด่วน แต่รอบนี้เราต้องพูดชื่อ เพราะถ้าไม่พูดชื่อแล้วเรียกแค่ทางด่วน เพื่อนก็จะไม่รู้ว่าทางด่วนไหน แล้วเราก็ดูใน Google map มันให้เราขึ้นมอเตอร์เวย์ แต่เราอยากไปทางบูรพาวิถี เราเลยพูดว่า “Google map มันให้เราไปมอเตอร์เวย์” ทีนี้เปรี้ยวก็หันมาโวย “ทำไมรอบนี้เรียกมอเตอร์เวย์ เมื่อกี้เรียกว่าทางด่วนไม่ใช่หรอ” เราก็บอกว่า “ก็รอบนี้มันมี 2 ทางเราเลยต้องเรียกชื่อทางด่วน จะได้รู้ว่าไปทางไหน” แต่คือเขาเหมือนไม่ฟังเรา แล้วเขาโกรธ โวยวายขึ้นมา “มึงเรียกแบบนี้ทำไมๆ ทำไมมึงไม่เรียกทางด่วน มึงเรียกไม่ได้” เขาเสียงดังมาก แต่ในร้านคือบรรยากาศร้านเหล้า เราก็เสียงดังเหมือนกัน เราก็ไม่พอใจ ทำไมเขามาพูดกับเราแบบนี้ ตอนแรกก็นึกว่าเขาเป็นคนห้าวๆ แล้วเขาก็จับแขนเรา ส่วนแฟนเขาก็ไม่ห้ามนั่งเล่นเกม เพื่อนก็นั่งอึ้งอยู่  แล้วเขาก็พูดว่า “มึงต้องเรียกทางด่วน เรียกมอเตอร์เวย์ไม่ได้ เมื่อกี้มึงเรียกทางด่วน มึงต้องเรียกแบบนี้” คือเขาโกรธมากๆ เราก็เลยสบัดแขนออก คือไม่โอเคเเล้วเราก็จะกลับ พอเราลุกจะกลับ แล้วเราก็ดันเก้าอี้กลับแต่มันดันเสียงดัง เปรี้ยวก็เลยเข้าใจว่า ประชดเขา เขาก็เลยดันเก้าอี้ว่างข้างๆเขาเสียงดังบ้าง แล้วเราก็หนีกลับบ้านเลย แล้วมารู้จากเพื่อนว่า คนที่เป็นเพื่อนของเพื่อนเรา คือแฟนเปรี้ยว ไม่ใช่เปรี้ยว อยากถามพี่ๆดีเจว่า การเรียกทางด่วนคือเราเรียกผิดหรอ กับ จริงๆแล้วเราทำอะไรไม่ดีรึป่าวเขาถึงได้โกรธ หรือเป็นเพราะพูดว่า “เราอาจจะมาจากคนละจังหวัด ถิ่นหนูอาจจะเรียกแบบนี้ ถิ่นพี่อาจจะเรียกอีกแบบ” เขาเลยโกรธ’

            ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ทางมอเตอร์เวย์สำหรับผมคือเรามาจากพระราม 9 ข้ามศรีนครินทร์พอลงแตะพื้นปุ้ป ผมนับว่าเป็น มอเตอร์เวย์ยาวไปสุวรรณภูมิ-ชลบุรี-พัทยาเลย แต่ทางยกระดับที่ไปชลบุรี คือ บูรพาวิถี ส่วนประโยคจุดระเบิดเนี่ย บางทีมันอยู่ที่คนรับสาร ว่ามีวุฒิภาวะ อารมณ์ เราไม่รู้เจอคนแบบไหน ก็เป็นไปได้ที่จะจุดประกายความโกรธ แต่เขาเองก็ควบคุมอารมณ์ได้น้อยไปหน่อย มันใช่เรื่องมั้ยที่จะมาชี้ว่าใครเรียกอะไร ถ้าเรียกต่างกันเเต่ก็ไปเหมือนกันก็ช่างมันไปเถอะ’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาต่อว่า ‘สำหรับพี่ พี่ไม่เรียกมอเตอร์เวย์ว่าทางด่วน บูรพาวิถีก็อาจจะไม่ด่วนนะ เพราะพี่ไว้ใช้ออกจากเมือง ทางด่วนสำหรับพี่คือทางด่วนที่ไม่ต้องลงไปด้านล่าง แบบด่วนวิภาวดี ด่วนบ่อนไก่ บูรพาน่าจะด่วนแหล่ะ แต่มอเตอร์เวย์คนเขาจะไม่ค่อยเรียกว่าด่วนก่อน แล้วประเด็นที่พูดคือด้วยรูปประโยคมันก็เหมือนเราด่าเขานั่นแหล่ะ แต่มันเหมาะสมในกรณีนี้ เพราะว่าเขาเสือก ไม่ใช่เรื่องของมึงเลย 1.มึงไม่ใช่เพื่อนกู 2.คือก็จะขึ้นทางด่วนไหนก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมึงเลย แล้วก็ที่อยู่ๆก็พูดมาแบบนั้นคือมันเสียมารยาท คนเสือกเท่านั้นที่จะทำแบบนี้ เป็นคนอื่นอาจจะด่าแรงกว่านี้ด้วย’

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าอีเปรี้ยวมันแหลมเข้ามาปุ้ป กูเรียกทุกเส้นคือทางด่วน เพราะกูรีบ! นี่คือวิธีตอบ จะไม่มีว่าถิ่นหนูถิ่นใคร แล้วที่ไปพูดกับเขาเรื่องถิ่นเหมาะสมไหม ไม่เหมาะสม อันนี้ไม่เห็นด้วย เพราะหนูพูดเบาไป หลังเขาบ้านมึงตัดถนนเส้นอะไรมาอธิบายซิ้ หลังจากนั้นก็ตบกัน พูดจบอย่าปล่อยให้มือถึงเราก่อน ใครล้มก่อนแพ้ สู้ ใจอย่าไปกลัวมัน อย่างน้อยอีเปรี้ยวจะไม่กล้าพูดแบบนี้กับใครอีก ทั้งสองคำถามสรุปได้ในคำเดียว เสือก!!!’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เสียความมั่นใจไปเลย... สาวโทรแชร์ประสบการณ์กับ 3 ดีเจ เพิ่งไปนัด One Night Stand ครั้งแรกกับหนุ่มในแอปหาคู่ ตอนเจอกัน เขินมาก ทำตัวไม่ถูกเลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยๆ จนเขาพูดว่า "เธออย่าล่กดิ" โยนเสื้อใส่อกเรา แล้วออกจากห้องไปเลย

16 ส.ค. 2023

เสียความมั่นใจไปเลย... สาวโทรแชร์ประสบการณ์กับ 3 ดีเจ เพิ่งไปนัด One Night Stand ครั้งแรกกับหนุ่มในแอปหาคู่ ตอนเจอกัน เขินมาก ทำตัวไม่ถูกเลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยๆ จนเขาพูดว่า "เธออย่าล่กดิ" โยนเสื้อใส่อกเรา แล้วออกจากห้องไปเลย

เสียความมั่นใจไปเลย... สาวโทรแชร์ประสบการณ์กับ 3 ดีเจเพิ่งไปนัด One Night Stand ครั้งแรกกับหนุ่มในแอปหาคู่ตอนเจอกัน เขินมาก ทำตัวไม่ถูกเลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยๆจนเขาพูดว่า "เธออย่าล่กดิ" โยนเสื้อใส่อกเรา แล้วออกจากห้องไปเลยตอนนี้ไม่มั่นใจในตัวเองเลย ทำยังไงให้เอาความรู้สึกพวกนี้หมดไปสักที “คุณอิง (นามสมมุติ)” อายุ 21 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (9 ส.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมเกี่ยวกับปัญหานัด One Night Stand ครั้งแรก ยังไม่ทันเริ่ม ก็โดนเขาบอกว่าอย่าล่ก แล้วก็ออกจากห้องไปเลย โดย “คุณอิง (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘เหตุการณ์ที่หนูเจอ ทำให้หนูเสียความมั่นใจจากการนัด ONS (One Night Stand) หนูขอเกริ่นก่อนว่า... ครั้งนี้คือการนัด ONS ครั้งแรกของหนู คิดว่าเรียนมหาลัยมา 4ปีแล้ว หนูก็อยากลองสักครั้งนึง เราเจอกันทางแอปหาคู่ ส่วนรูปที่ใช้ในโปรไฟล์กับตัวจริงก็ใกล้เคียงกัน ใส่ฟิลเตอร์นิดหน่อย ซึ่งเขาอายุพอๆกับหนู เราคุยกันและตกลงนัดกันคืนนั้นเลย เพราะอยู่ใกล้กันมาก หลังจากนั้นเขาก็มาที่ห้องหนู คือตอนนั้น ยอมรับเลยว่าเขินมากไม่รู้จะเริ่มยังไง หนูก็เลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยนู่น นั่น นี่ ช่วงแรกๆเขาก็ตอบหนูปกติ ดูจอยกับเรามาก สักพักนึงเขาก็เริ่มตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง นั่งเล่นโทรศัพท์บ้าง เริ่มไม่จอยแล้ว ซึ่งในระหว่างที่หนูชวนเขาคุย เขาจะพูดขึ้นมาตลอดเลยว่า เธออย่าล่กดิว่ะ อย่าล่กได้ปะ พอเห็นเขาพูดบ่อย ๆ หนูก็เลยเลิกถามเขา มันก็เลยกลายเป็นการเงียบใส่กัน แต่หนูว่า หนูก็ไม่ได้มีแสดงอาการตัวสั่น ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น หนูคิดว่าอาจจะชวนเขาคุยเยอะเกินไปกว่าที่หนูคิด ตอนคุยกันก็ถามประมาณ เธอเคยนัดหรือป่าว นัดมากี่คนแล้ว เรียนที่ไหน คณะอะไร คำถามประมาณนี้... หลังจากนั้นเขาก็พูดย้ำอีกรอบ เธอดูล่กจัง ถ้าไม่อยากทำ เดี๋ยวกลับก็ได้นะ หนูก็เลยถามเขาไปตรงๆว่า จะเริ่มเลยไหมหละ? เขาก็พยักหน้า แล้วเหมือนแบบสถานการณ์ตอนนั้นเขาดูแฮปปี้ขึ้นมาเลย ต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขาตึงใส่หนู แล้วทีนี้ก็ตามสเต็ปเลย เล้าโลมกันปกติ แล้วหนูก็เหมือนอยากจูบเขา ก็เลยถามเขาว่า ไม่ Kiss กันหน่อยหรอ เขาก็นิ่งใส่หนูไปแป๊ปนึง แล้วก็ตอบกลับมาว่า เราไม่ค่อยชอบจูบอะ หลังจากนั้นเขาก็หยุดทำทุกอย่าง แล้วก็พูดต่ออีกว่า เธอดูล่กว่ะ ไม่ธรรมชาติเลย แล้วเขาก็โยนเสื้อมาปิดหน้าอกหนูไว้ แล้วก็ลุกขึ้น บอกกับหนูอีกรอบว่า เธอดูล่กอะ ไม่ธรรมชาติ แล้วก็ออกจากห้องหนูไปเลย ตอนนั้นคือหนูนั่งเอ๋อเลย หนูตั้งตัวไม่ทันว่าหนูผิดอะไร ที่หนูโทรเข้ามาวันนี้ก็เพราะ มันเสียความมั่นใจไปแล้ว คืนนั้นหนูนอนไม่หลับ รู้สึกดาวน์มาก ไม่มั่นใจในตัวเอง หนูอยากรู้วิธีเอาความรู้สึกนี้ออกไป แล้วก็อยากรู้ว่าที่หนูทำออกไปคืนนั้นมันดูล่กจริงๆหรอ? หนูค้างคาใจมากที่อยู่ดีๆเขาก็ไปเลย ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” เริ่มให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับคนบางคนที่เขาจะนัดมาเพื่อมีเพศสัมพันธ์ เขาไม่ต้องการการพูดคุยนะ เขามาเพื่อต้องการทำสิ่งนั้นแล้วจบ แล้วก็กลับ มันไม่ใช่การมาเดท เขาไม่ได้ต้องการมาอารัมภบท ไม่ต้องการจะรู้จัก บางคนไม่สนใจชื่อด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร มันคือการนัดมาเพื่อทำกิจกรรมนั้นอย่างเดียว เรารู้สึกการที่น้องพยายามพูดคุย พยายามไปถามอย่าง “อยากจูบ” คือถ้าธรรมชาติคนที่เขาทำอะไรแบบนี้ เขาจะไม่ถาม ถ้าอยากทำเขาทำเลย พี่เลยรู้สึกว่าเนี่ยคือสาเหตุที่เขาทำแบบนั้นกับอิง แต่เอาจริง ๆ มันมีสาเหตุอีกมากมาย ที่พี่พูดคือพี่เดาจากสถานการณ์ที่อิงเล่ามานะ ต่อมาที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ไม่รู้ธรรมชาติของการนัดมีอะไรกันผ่านแอป เพราะเท่าที่พี่ฟัง พี่ไม่ได้รู้สึกมันล่ก หรืออะไรนะ พี่ก็รู้สึกมันคือการทำความรู้จักกันก่อน แบบเปิดประตูมาจะให้จุดระเบิด ปั้ง โป้ง เป้ง แล้วแยกย้าย มันก็ตลกนะ หรือเอาแบบนี้ คิดในมุมพี่ อิงดันไปเจอคนที่เขาโผงผาง คนละสไตล์กับเรา ทั้งสองคนอาจต้องการเซ็กส์เหมือนกัน แต่คนนึงไม่อยากคุย อีกคนอาจจะเออเราคุยกันก่อนสิ แล้วดันไปเจอคนที่ไม่รักษาน้ำใจ ขี้รำคาญ มันก็หงุดหงิดอะไรมาด้วยหรือเปล่า แต่พอพี่ฟังจบ พี่กลับรู้สึกโชคดีจังเลย เหมือนเป็นโชคดีของอิงที่ไม่ได้อะไรมากกว่านี้กับคนนี้ เพราะไม่รู้ว่าถ้ามีอะไรกันจริงๆ แล้วพอแยกย้าย บรรยากาศตอนนั้นอาจจะทำให้อิงรู้สึกยิ่งด้อยค่าตัวเองลงไปอีกหรือเปล่า เราอาจจะมาลงในสนามที่เราไม่เคย แล้วเราก็ไม่รู้ธรรมชาติของคนในแอปนี้ ว่าเขาต้องแนะนำตัวไหม คุยกันแค่ไหน หลายครั้งที่คนโทรเข้าพุธทอล์ค พุธโทร แล้วเล่าว่าไปเล่นผิดสนาม มือใหม่ เข้าไปเขาอาจจะมีทำเนียมของเขาที่เราอาจไม่รู้ เพราะฉะนั้นพี่ว่าเรื่องนี้ไม่อยากให้เอาไปผูกกับความมั่นใจ หรือคุณค่าในตัวเอง พยายามคิดไว้ว่าในโลกที่เขานัดเจอกันผ่านแอป มันก็ไม่ต้องมานั่งประดิดประดอยกันมาก ถ้าเราอยากประดิดประดอย อยากคุยก็ต้องลองช่องทางอื่น เอาเป็นว่า รสนิยม สไตล์มันดันไม่ตรงกัน แล้วดันไปเจอคนไม่แคร์อะไรด้วย จะไปก็ไปเลย มันเลยทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราอยู่ถูกที่ ถูกเวลา แล้วก็ถูกคน มันก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทั้งหลายทั้งมวลถ้าต้องการอะไรที่สวยงามก็หาช่องทางที่เหมาะสมกับเรา และกลับไปถามกับตัวเองว่า “ฉันเหมาะกับ One Night Stand หรือเปล่า” ปิดจบกันที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า “ไม่ต้องไปเสียความมั่นใจ คนนั้นก็อ่อนด้อยเหมือนกันแหละ ทำไมไม่เริ่มก่อนหละ มาว่าอิงล่ก ก็เปิดมาก่อนสิ ถ้าเปิดเราก็พร้อมตามอยู่แล้ว เป็นผู้ชายก็ลุกมากก่อนสิ งี้ก็มือใหม่เหมือนกันนั้นแหละ เข้าไม่ถูกไง” ‘เอาแบบนี้ถ้าอยากได้คนที่มีชั้นเชิง เป็นงานก็อาจจะต้องหาคนที่อายุมากกว่านี้ แล้วอิงเป็นคนชอบแบบมีเรื่องราวก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ ถ้าแบบนี้เวลาหนูเข้าในแอป มันจะมีให้เลือกหลายประเภท มันมีโอกาสที่หนูจะเจอคนแบบจู่โจม หนูลองเปลี่ยนสนามไปร้านเหล้า มีคนแนะนำ เราดีลกันหน้างาน หนูยังเลือกคนได้ ยังสนทนากันได้นิดนึง ยังพอได้จีบกันหน่อย…..’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูชอบหนุ่มเทสเด็กสยาม แต่รู้สึกว่าตัวเองเหมือนสาวภูธรธรรมดาๆ ปัดแอปหาคู่ แมตซ์แล้วก็ไม่มั่นใจ แต่งตัวทั้งวันกว่าจะไปเดตกับเขาได้ เฟลสุดเคยโดน Unmatched อยากได้วิธีสร้างความมั่นใจให้สาวภูธรคนนี้หน่อยค่ะ

23 ธ.ค. 2024

หนูชอบหนุ่มเทสเด็กสยาม แต่รู้สึกว่าตัวเองเหมือนสาวภูธรธรรมดาๆ ปัดแอปหาคู่ แมตซ์แล้วก็ไม่มั่นใจ แต่งตัวทั้งวันกว่าจะไปเดตกับเขาได้ เฟลสุดเคยโดน Unmatched อยากได้วิธีสร้างความมั่นใจให้สาวภูธรคนนี้หน่อยค่ะ

“คุณเบสท์ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคือวันพุธที่ [18 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเราเป็นสาวภูธร แต่ชอบหนุ่มเทสสยาม โดย “คุณเบสท์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูไม่มีแฟนมานานแล้ว หนูก็อยากมีแฟนสักที เพื่อนรอบข้าง มีแฟนกันหมดแล้ว เราก็อยากมีบ้าง แต่ด้วยความที่หนูเป็นสาวภูธร ชอบหนุ่มเชิ้ต กางเกงสแล็ค และหนูไม่ค่อยได้เจอใครทั้งเรียน ทั้งทำงานด้วย เจอคนน้อยมากหนูก็เลยไปโหลดแอปพลิเคชันนึงที่เป็นแอปหาคู่ หนูก็เลยไปโหลดมา ซึ่งตัวหนูเป็นคนที่ถ่ายรูปมีเทสนิดนึง แต่หนูไม่มีความมั่นใจ หนูไม่ได้เป็นคนเทสดีขนาดนั้น หนูจะมอมมากเลยบางวัน แต่ในโซเซียลจะแต่งตัวไปถ่ายรูปปกติเหมือนแบบ “เทสที่สร้างกับร่างที่เป็น” หนูเป็นคนที่แบ่งเวลาชัดเจน แล้วเวลาที่หนูทำอะไร หนูไม่มีเวลามานั่งแต่งตัว แต่ละวันขนาดหนูไปเรียน ไปทำงานหนูก็หน้าสด แล้วเวลาหนูไปเดตหนูก็จะไม่มีเวลาเตรียมตัว เพราะเลือกเครื่องสำอาง กระเป๋า รองเท้า นานมาก แล้วทีนี้เวลาหนูไปเดต กลับมาหนูจะได้เพื่อนพี่น้อง ไม่ได้แฟนสักคนและยิ่งกว่าทำให้หนูไม่มั่นใจกว่าเดิม คือบางคนเขา Unmatched หนูเลยนะ เวลาที่ไปเดตจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดเลย เป็นคนที่ชวนคุยไม่เก่งแล้วหนูไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่นั่งยิ้ม รอให้ผู้ชายชวนพูดก่อน เลยอยากจะขอคำปรึกษาจากพี่ๆดีเจว่า “หนูไม่มีความมั่นใจ เลยอยากขอความมั่นใจในการเดต” ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” หลังจากที่ได้พูดคุย และได้ดูรูปภาพของคุณเบสท์ ดีเจทั้งสาม ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ไม่ภูธร ออกจะเป็นแนวเด็กศิลปะด้วยซ้ำเธอดูมีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเอง ไม่มอมถือว่าเป็นคนที่จัดจ้านปกติ ให้ตัดเรื่องความภูธรออกไปได้เลย คิดว่าภายนอกไม่เกี่ยว คิดว่าอาจจะต้องหานิสัยคนคุยที่เข้ากัน และประเด็นมันอยู่ตรงที่เราพูดไม่เก่ง ทำให้เราไม่มีเสน่ห์ ไปเดตกันแล้วให้เขาต้องพูดอยู่ฝ่ายเดียวเขาก็เหนื่อยนะ ตอนนี้มันอยู่ที่จังหวะกันเดตแล้วล่ะ คุยอะไรให้เขาเห็นแบบไหน? คิดว่าก็ต้องไปเจอคนที่เขาชอบแบบเรา แล้วต้องดูเรื่องของการพูดคุย ต่อให้เราคุยไม่เก่งมันก็ต้องมีคนที่ชอบเราในแบบที่เราเป็น ลองเป็นตัวของตัวเองดู อย่าท้อมันแค่อาจจะยังไม่เจอ ถ้าคิดรักทางออนไลน์แล้วต้องอดทน แล้วก็อาศัยการนัดเดตในการพัฒนาตัวเองทำให้เราคุยเก่งขึ้น แล้วเวลาไปเดตต้องอยากรู้จักเรื่องของเขาบ้างเรียนรู้ในตัวเขา ใส่ใจเรื่องของเขาให้มากว่าของเรา จะทำให้คุยสนุกกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แม่โทรหาพ่อ พ่อออกไปสังสรรค์กับเพื่อน พ่อลืมกดวางสาย แม่นั่งฟังต่อ 1 ชั่วโมงกว่า ได้ยินตั้งแต่พ่อเมากับเพื่อน จนพาผู้หญิงอีกคนไปนอนด้วยกัน ตอนมีอะไรกัน แม่ได้ยินทุกอย่าง พีคสุดผู้หญิงคนนั้นคือคนแถวบ้านที่รู้จักด้วย

08 มี.ค. 2024

แม่โทรหาพ่อ พ่อออกไปสังสรรค์กับเพื่อน พ่อลืมกดวางสาย แม่นั่งฟังต่อ 1 ชั่วโมงกว่า ได้ยินตั้งแต่พ่อเมากับเพื่อน จนพาผู้หญิงอีกคนไปนอนด้วยกัน ตอนมีอะไรกัน แม่ได้ยินทุกอย่าง พีคสุดผู้หญิงคนนั้นคือคนแถวบ้านที่รู้จักด้วย

แม่โทรหาพ่อ พ่อออกไปสังสรรค์กับเพื่อน พ่อลืมกดวางสายแม่นั่งฟังต่อ 1 ชั่วโมงกว่า ได้ยินตั้งแต่พ่อเมากับเพื่อนจนพาผู้หญิงอีกคนไปนอนด้วยกัน ตอนมีอะไรกัน แม่ได้ยินทุกอย่างพีคสุดผู้หญิงคนนั้นคือคนแถวบ้านที่รู้จักด้วย ตอนนี้แม่เศร้ามา 2-3 แล้ว หนูจะทำยังไงดีคะ? “คุณนิค(นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 มี.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาที่คุณแม่ได้ยินเสียงคุณพ่อกับชู้กำลังมีอะไรกันในโทรศัพท์ โดย ​“คุณนิค(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คุณแม่คุยโทรศัพท์กับคุณพ่อ ได้ยินเสียงคุณพ่อสังสรรค์กับเพื่อนๆ และมีอะไรกับผู้หญิงอีกคนนึง เพราะคุณพ่อเมาแล้วลืมกดวาง แต่คุณแม่ไม่วางสาย เพราะอยากรู้ว่าในวงนั้นเขาคุยอะไรกันบ้าง? จนมันลามไปถึงตรงนั้น คุณแม่อายุ 69 ปี ส่วนคุณพ่ออายุ 58 ปี จะอายุน้อยกว่าคุณแม่ วันเกิดเหตุ คือคืนวันเสาร์ จากที่คุณแม่เล่าให้ฟัง คุณพ่อขอไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ตามปกติ คุณแม่เป็นคนไม่โทรจิก ไม่โทรตาม แค่จะถามว่าอยู่ไหน เมื่อไหร่จะกลับแค่นั้น คุณพ่อเป็นคนที่ชอบสังสรรค์กับเพื่อนอยู่ตลอด แต่คุณแม่ก็เข้าใจในส่วนนี้ วันนั้นเหตุการณ์คือ คุณพ่อไปสังสรรค์ คุณแม่ก็โทรตามปกติ คุณพ่อบอกว่า เดี๋ยวกลับแล้ว คุณพ่อก็คิดว่าคุณแม่วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว แต่หลังจากนั้นคุณแม่ก็แอบฟังว่าเขาคุยอะไรกัน ก็ฟังไปเรื่อย ๆ จนถึงจุด ๆ หนึ่ง เขาได้ยินเสียงคุณพ่อกับผู้หญิงคนนึงมีอะไรกัน มีการบอกว่าต้องทำยังไง และเสียงผู้หญิงตอนมีอะไรกันมันออกมาด้วย ซึ่งคุณพ่อน่าจะเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงและเมาในระดับหนึ่ง คุณแม่ก็ฟังจนเขาเสร็จภารกิจ ไปส่งกันแต่ไม่ถึงหน้าบ้าน เพราะเขาตกลงกันว่าจะส่งแค่ครึ่งทาง หลังจากที่กลับมาบ้าน คุณแม่ก็เคลียร์ตรงนั้นเลย คุณแม่มีสติ แต่ไม่รู้ว่าคุณพ่อพูดอะไรออกไปบ้าง เช้ามาคุณแม่ก็โทรหานิคเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ส่วนนิคก็โทรถามคุณพ่อว่า เหตุการณ์มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงทำแบบนั้นลงไป คุณพ่อก็ไม่ปฏิเสธ เขาบอกว่า เขาเมา อารมณ์ชั่ววูบ และไม่ได้ป้องกันด้วย ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนกับผู้ชายอีกคนหนึ่งในงาน เขาก็ไม่ใช่คนไกล อยู่หมู่บ้านข้าง ๆ คุณพ่อบอกคุณแม่ว่าเขามีครอบครัว มีสามี มีลูกแล้ว แต่สามีของผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด คุณแม่บอกว่าไม่ได้นอนเลย 2 - 3 วัน หนูกับคุณแม่อยู่คนละจังหวัด แต่อยู่จังหวัดใกล้ ๆ กัน หนูก็ได้แต่โทรไปถามว่า โอเคใช่ไหม จะทำยังไงกันดี คุณแม่ก็บอกว่า ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกเลย คุณแม่ค่อนข้างช็อคเพราะได้ยินทุกอย่าง หนูอยากถามว่า หนูจะปลอบใจแม่ยังไงดี เพราะไม่รู้ว่าแบบไหนจะช่วยให้ดีขึ้น?’ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ช่วงนี้ก็วิดีโอคอลหาคุณแม่บ่อย ๆ ปลอบใจกัน เวลาเห็นหน้าอาจจะส่งผลดีมากขึ้น สุดท้ายแล้วถึงแม่จะร้องไห้ ก็จะค่อย ๆ เยียวยาในตัวของมันเอง ได้เห็นหน้าลูก ได้เห็นหน้าหลาน อาจจะพอช่วยเยียวยาในช่วงนี้ไปได้บ้าง เรื่องราวมันค่อนข้างจะแรงมาก สิ่งที่ได้ยินมันเป็นซีนที่ทำร้ายจิตใจแบบมหาศาล ถ้าเราจะปลอบแม่ เราก็ต้องเชื่อก่อนว่า มันคือความผิดพลาด สิ่งที่เกิดขึ้นจากความมึนเมาแค่ครั้งเดียว คืนเดียวของพ่อ ก็คงต้องบอกว่า พ่อไม่เคยมีประวัติ มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะเมาแล้วขาดสติ ชั่ววินาทีเดียวอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ แต่เชื่อว่าไปนั่งพร่ำบอกว่าพ่อเป็นยังไง มันก็คงช่วยลำบากเพราะเหตุการณ์พึ่งเกิด ก็ทำได้แต่ชวนคุณแม่คุยเรื่องอื่น ชวนดูหลาน เลี้ยงหลาน ส่งรูปหลานให้ดูเยอะ ๆ ก็จะช่วยเยียวยาคนแก่ได้มาก เอาลูกของเราเป็นตัวช่วยสมานแผลให้กับคุณยาย’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าทำได้อยากให้คุณนิคจับเขาแยกกันก่อน เพราะว่าเขาอยู่ด้วยกัน 2 คน ถ้าคุณแม่ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยระแคะระคาย แล้วมาเจอตอนอายุ 69 ปี พี่ว่าก็ช็อค แล้วมาเจอเหมือนอยู่ในไลฟ์สด ต้องฟังไปเรื่อย ๆ จนจบ ก็ไม่แปลกที่คุณแม่จะมีอาการอย่างนี้ อาจจะให้มาอยู่กับทางหนูก่อน เพื่อไม่ให้ว่างหรือฟุ้งซ่าน เพราะตอนนี้พี่ว่าถ้าเขาอยู่คนเดียว ไม่มีอะไรมาดึงความสนใจ เขาก็ต้องคิดแต่เรื่องนี้ คล้าย ๆ กับพี่เผือกว่า เอาอย่างอื่นมาดึงความสนใจเขาก่อน พี่ว่ามันต้องใช้เวลาสักพักกับเรื่องนี้ จนเขาตกตะกอน ซึ่งพอเขาแยกออกมามันอาจจะเป็นได้ 2 ทางเลยคือ เขาตัดสินใจให้อภัยคุณพ่อ หรือเลิกกัน ซึ่งไม่ว่าจะยังไง พี่ว่าการที่นิคจะทำได้ดีที่สุดคือ น่าจะทำให้เขาเห็นว่า ไม่ว่ามันจะหัวหรือก้อย อยู่ต่อหรือเลิก คุณแม่จะมีคุณนิคอยู่ด้วย พร้อมซัพพอร์ตคุณแม่’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ตัวต้นเหตุคือคุณพ่อ สร้างความกลัวให้คุณพ่อเรื่องการที่ไม่ป้องกัน พ่อรู้ไหมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? แชร์ตัวอย่างต่าง ๆ ที่ผิดพลาดในครั้งเดียว แล้วชีวิตเปลี่ยนไปทั้งชีวิต บอกพ่อเลยว่าอีก 3 เดือนพ่อต้องไปตรวจ ถ้าเกิดว่าพ่อไม่เป็น ถือว่าพ่อโชคดีมาก ๆ ฉะนั้นพ่อจงรักษาความโชคดีนี้เอาไว้ เพราะวันนี้ถ้าพ่อเป็นอะไรขึ้นมา พ่ออาจจะเสียแม่ไปด้วย การแยกตอนนี้มันยากมาก ความผูกพันที่แม่มีกับพ่อมันยาวนานมากแหละ แต่คนที่ตัดสินใจคือคุณแม่ว่าจะอยู่หรือจะไป เพียงแต่ ณ ตอนนี้เราดึงคุณแม่ออกมาก่อน ให้คุณแม่ตกตะกอนทางด้านความคิด ความรู้สึก ตอนนี้ฮีลใจคุณแม่ สร้างความกลัวให้คุณพ่อเพื่อไม่ให้ทำผิดอีก’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทุกคนคิดว่า "งานข้าราชการ" มั่นคงกันไหมครับ? ผมเป็นครูอัตราจ้างมาหลายปี แต่โดนคนรอบข้าง และ คนในครอบครัวดูถูกมาว่า "ทำงานมาหลายปี ไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน"

16 ก.พ. 2024

ทุกคนคิดว่า "งานข้าราชการ" มั่นคงกันไหมครับ? ผมเป็นครูอัตราจ้างมาหลายปี แต่โดนคนรอบข้าง และ คนในครอบครัวดูถูกมาว่า "ทำงานมาหลายปี ไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน"

ทุกคนคิดว่า "งานข้าราชการ" มั่นคงกันไหมครับ? ผมเป็นครูอัตราจ้างมาหลายปีแต่โดนคนรอบข้าง และ คนในครอบครัวดูถูกมาว่า "ทำงานมาหลายปี ไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน"คนอื่นมีบ้าน มีรถกันหมดแล้ว ได้ยินบ่อยๆจนตอนนี้เริ่มท้อ คิดอยากเปลี่ยนอาชีพทั้งที่ยังรักการสอนอยู่ “คุณโอ (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [14 ก.พ 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย นภาพร เกี่ยวกับเรื่องการทำงานข้าราชการ โดย “คุณโอ(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมทำงานในสายข้าราชการมาประมาณ 5-6 ปี เมื่องช่วงปี 65 ผมตัดสินใจลาออก เพราะไม่ถูกกับผู้บริหาร เพราะผมเคยทำงานในตำแหน่งงานธุรการมาก่อน แล้วได้เลื่อนมาเป็นครูพิเศษสอน ผู้บริหารมักจะพูดกับผมประมาณว่า “เดี๋ยวให้ลงไปเป็นธุรการเหมือนเดิม” พูดแบบนี้กับผมทุกวัน และที่หนักสุดคือ เขาด่าผมว่า “โง่” ต่อหน้าเด็กนักเรียนกลางหน้าเสาธง จนทำให้ผมตัดสินใจลาออก และไปทำงานบริษัทเอกชนในกรุงเทพ 1-2 เดือนต่อมา ผมได้ข่าวว่าผู้บริหารคนนี้ลาออก คุณครูคนเก่าที่โรงเรียนนี้จึงโทรมาหาผม ถามว่า “ยังอยากกลับมาไหม” เพราะผลงานที่ผมทำให้กับโรงเรียนก็ได้มาตรฐาน คุณครูที่โรงเรียนก็เล็งเห็นเลยอยากให้ผมกลับไป ด้วยความที่ผมก็ทำงานสายข้าราชการมาโดยตลอด และรักในความเป็นครู ผมจึงตัดสินใจกลับไป ตอนที่ผมตัดสินใจลาออก จากบริษัทเอกชน ผมก็ได้ไปปรึกษากับหลายคน เริ่มจากคนในครอบครัว ครอบครัวของผมมีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 5 คน ผมเป็นคนสุดท้อง พี่ทุกคนต่างทำงานบริษัทเอกชนกันหมด ผมก็มีความคิดประมาณว่า “ต้องมีใครสักคนในครอบครัว เป็นข้าราชการ เพื่อจะได้รับสวัสดิการ” ผมก็เอาเหตุผลนี้ไปบอกกับครอบครัว แต่ครอบครัวก็ไม่เข้าใจ ผมพยายามหาหลาย ๆ เหตุผลมาอธิบาย เช่น “อยู่ไปก่อน เดี๋ยวก็ค่อยไล่สอบ ซึ่งไม่ใช่จะต้องเป็นครูอย่างเดียว งานข้าราชการไหนที่เปิดรับสมัครก็จะพยายามลงสอบให้ได้” พอผมอธิบายแบบนี้ไป ครอบครัวก็บอกว่า “ไหวหรอ เงินเดือนก็น้อย อยู่ได้ไม่นาน มีใต้โต๊ะบ้าง มีทุจริตบ้าง” ซึ่งผมก็บอกว่า “มันเป็นเรื่องปกติ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำตัวแบบไหน” และด้วยความที่ว่าอัตราเงินเดือนของผมตอนนี้ มันน้อยกว่าทุกคนในบ้าน เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปม ผมเลยไปปรึกษาเพื่อนที่ทำงานข้าราชการและทำงานเอกชน ผมถามคนที่ทำงานข้าราชการ เขาก็จะบอกข้อดีของการทำงานข้าราชการ ผมไปถามคนที่ทำงานเอกชน เขาก็จะบอกข้อดีของการทำงานเอกชน ย้อนกลับไปตอนที่ผมทำงานบริษัทเอกชน ผมก็ได้มีการเรียนต่อปริญญาโทด้วย พอตอนที่คุณครูที่โรงเรียนตามกลับไปทำงาน ผมก็ลาออกจากการเรียนปริญญาโท แล้วมาเรียนต่อป.บัณฑิต(วิชาชีพครู) และช่วงเดือนธันวาคมผมเรียนจบ ผมก็เลยมีความคิดว่า อยากลาออกแล้วกลับไปทำงานที่บริษัทเอกชนอีก เพราะว่าผมก็อายุ 26 ปี แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ขณะที่พวกพี่ ๆ มีทุกอย่างหมดแล้ว ผมอยากจะถามพี่ ๆ ดีเจว่าผมควรจะเลือกทางไหนดี? สำหรับคนที่อายุเท่านี้ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ที่พี่รู้คือ ตอนนี้คุณโออยากเป็นครู หรืออะไรก็ได้ที่เป็นราชการ ถ้าเรามี Passion กับเรื่องอะไร ก็อยากให้ทำอันนั้น แต่มันจะมีประโยคที่คุณโอพูดว่า “ต้องมีใครสักคนในครอบครัว เป็นข้าราชการ เพื่อจะได้รับสวัสดิการ” ถ้าเป็นเหตุผลนี้พี่ไม่เห็นด้วย เพราะพี่คิดว่ามันไม่ได้เป็นหน้าที่ใครในครอบครัวที่จะมารับผิดชอบชีวิตคนอื่น คุณโอไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปทำงานข้าราชการ ถ้าคุณโอไม่อยากทำ แต่ถ้าคุณโออยากเป็นครูจริง ๆ เพราะรักในการสอนนักเรียน เป็นครูที่ดี อันนี้พี่เชียร์ให้ทำ แต่ต้องขยัน สอบบรรจุเป็นครูประจำให้ได้ เพราะครูอัตราจ้างยังไม่มั่นคง เงินเดือนก็ค่อนข้างน้อย และไม่อยากให้คุณโอเอาชีวิตตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น คุณโออยากเห็นตัวเองเป็นอะไร และมีความสุขกับการทำอะไร อันนี้ต่างหากที่สำคัญ’ ต่อมา “ดีเจพี่อ้อย” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่มองว่าไม่ได้เกี่ยวกับข้าราชการหรือเอกชน พี่รู้สึกว่าชอบอะไร ทำสิ่งนั้น แต่ถ้ายังเป็นครูอัตราจ้างอยู่ ก็ไม่ได้สวัสดิการตามนั้น และถ้าคุณโอทำงานบริษัทเอกชน เรายังมีสวัสดิการเรื่องอื่น ๆ ที่เทียบกันแล้วก็อาจจะใกล้เคียงกับสิทธิ์ข้าราชการก็ได้ หรือแม้แต่พี่ ๆ ของคุณโอที่ทำงานบริษัทเอกชน ก็มีเงินเก็บ มีประกันชีวิต ถ้าเราคิดว่าจะต้องดูแลครอบครัว พี่น้องตั้งหลายคนก็ช่วยกัน เรื่องนี้ก็สามารถทำได้ ไม่อยากล็อกไว้แค่ว่า ตกลงเป็นข้าราชการหรือเอกชนเท่านั้น อันไหนถึงจะดี แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเราว่าเป็นงานที่ชอบ เป็นงานที่เรารัก และเป็นงานที่เราพร้อมจะพัฒนาตัวเอง ในที่สุดแล้วเราก็ต้องเลือกงานที่เราชอบก่อน ‘ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ครอบครัวน่าจะเข้าใจผิด เพราะหลายคนที่เลือกรับข้าราชการ ก็เพราะความมั่นคง เรื่องของรายได้ อาจจะสู้เอกชนไม่ได้ แต่ในระยะยาวมั่นคงกว่า เท่าที่พี่เคยคุยกับคนที่ทำอาชีพครู เขาก็บอกว่าครูเอกชน เงินดีจริง แต่เมื่อไหร่ที่คุณมาตรฐานตก หรือมีครูที่มีชื่อเสียงกว่า คุณมีสิทธิ์โดนแทนได้ทุกเมื่อ แต่การที่จะสอบครูข้าราชการมันยาก รับคนไม่เยอะ การที่คนจะไปเป็นครูอัตราจ้างก่อน เพื่อที่จะมีสนามสอบพิเศษ คุณโอต้องประเมินตัวเองก็ว่า อยากเป็นครูจริง ๆ และทำได้ดีในอาชีพครู ช่วงแรกก็คงต้องอดทนไปก่อน จนกว่าจะสอบบรรจุได้ และอยากจะส่งกำลังใจให้ เพราะหาคนที่มีใจรัก ที่อยากเป็นครูจริง ๆ หายาก แล้วผมก็อยากให้มีครูดี ๆ เยอะ ๆ เพราะการศึกษาไทยจะได้พัฒนาขึ้นไปอีก’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1