สามีของเพื่อนเรา ทักมาตื๊อ ขอมีอะไรด้วย เพราะภรรยาเขากำลังท้องอยู่ เราปฏิเสธไปแล้วหลายรอบ เค้าก็ทักมาไม่หยุด ตอนนี้กำลังลังเลว่าควรเอาแชทไปให้เพื่อนดู หรือ บอกเพื่อนดีไหม? แต่เขาก็กำลังท้องแก่อยู่ แล้วเราก็ไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนนี้ด้วย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

สามีของเพื่อนเรา ทักมาตื๊อ ขอมีอะไรด้วย เพราะภรรยาเขากำลังท้องอยู่ เราปฏิเสธไปแล้วหลายรอบ เค้าก็ทักมาไม่หยุด ตอนนี้กำลังลังเลว่าควรเอาแชทไปให้เพื่อนดู หรือ บอกเพื่อนดีไหม? แต่เขาก็กำลังท้องแก่อยู่ แล้วเราก็ไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนนี้ด้วย

12 ก.ค. 2024

            “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (10 ก.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแฟนเพื่อนทักมาขอมีอะไรด้วย ทั้งๆที่เพื่อนเราท้องอยู่!

            โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูรู้จักรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ เอ (นามสมมุติ) ตั้งแต่มัธยม จนมหาลัยได้เรียนคณะเดียวกัน แต่คนละสาขา ซึ่งพี่เอเป็นรุ่นพี่ที่คอยรับน้อง หนูได้มีโอกาสเป็นคนคุยกับพี่เอตั้งแต่รับน้องจนถึงปี 2 ก็เลิกคุยกัน แล้วพี่เอก็ได้ไปคบกับเพื่อนร่วมรุ่นของหนู ชื่อว่า บี (นามสมมุติ) หนูไม่ได้สนิทกับบีมาก แต่ก็ได้ร่วมกิจกรรมกันหลายอย่าง จนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

            หลังจากเรียนจบ พี่เอ กับบี ก็แต่งงานกัน ทำธุรกิจร่วมกัน แล้วบีก็ได้ตั้งท้อง ซึ่งใครหลายๆคนอิจฉาคู่รักพี่เอและบีมาก เพราะพี่เอดูแลบีดีมากๆ พ่อแม่ของทั้ง 2 ฝ่ายก็ดีมากๆเหมือนกัน จนเมื่อต้นปีหนูมีโอกาสได้เจอพี่เออีกครั้ง เพราะเปิดธุรกิจใกล้ๆกัน หนูไปร้านพี่เอค่อนข้างบ่อยเพราะว่าเขาขายของกิน ทำให้ได้เจอทั้งพี่เอ บี และครอบครัวเขา จนพี่เอน่าจะเห็นหนูบ่อยๆก็เริ่มทักมาว่าเป็นยังไงว่าง ธุรกิจไปได้ดีไหม? จนเข้าสู่ช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา เขาก็อยากปรึกษากับเรา ทักมาทางเฟซบุ๊ก แล้วก็ขอไลน์เราไป เขาบอกว่า “อยากปรึกษาเรื่องนี้กับเรา แต่คุยในเฟสไม่ได้ เดี๋ยวบีจะหึง” หนูไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเขาคงไม่อยากให้แฟนเข้าใจผิด

            วันนั้นที่เขาทักมาคุย คือ วันที่หนูนัดกับเพื่อนไปเที่ยวร้านเหล้า แล้วหนูก็ถ่ายลงสตอรี่ เขาก็ทักมาว่า “เมามั้ย กลับยังไง?” หนูตอบว่า “ไม่เมา ถึงเมาก็มีเพื่อนกลับ” เขาก็ดึงดันว่าอยากจะพากลับให้ได้ ก็เลยรู้สึกว่าดูแปลกๆ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนดีมากๆเลยไม่ได้คิดอะไร คงจะเเค่เป็นห่วง จนไม่กี่วันต่อมาเขาก็ทักมาคุยเรื่องธุรกิจอีก แล้วก็เริ่มลากเข้าเรื่อง 18+ ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะมานัดกับเรา เขาถามแบบกว้างๆ หนูก็ตอบทั่วๆไป ไม่ได้พิเศษอะไรแบบนั้น แต่พอเริ่มรู้สึกว่ามันเยอะ หนูก็บ่ายเบี่ยงไม่ตอบ พอเวลาผ่านไป เขาก็ขอนัดเพื่อจะมีอะไรกับเรา แต่เราปฏิเสธเพราะเขาก็มีภรรยาแล้ว แถมตั้งท้องใกล้คลอดแล้วด้วย แล้วก็เป็นเพื่อนเราอีก หลังจากนั้นก็ทักมาเดือนละ 1-2 ครั้ง ทั้งๆที่ลงโซเชียลรักแฟน เตรียมตัวเจอลูกที่กำลังจะคลอด ก็ยังทักมาหาหนูเรื่อยๆ แต่หนูไม่ตอบเขาเลย ก็จะมีเจอกันบ้างนานๆที ส่วนในโซเชียลเขาก็มาส่อง เข้ามาอะไรกับเราตลอด แต่กับแฟนเขาหนูไม่ค่อยได้คุยกัน แค่เป็นเพื่อนที่รู้จัก ไม่ได้สนิทมาก

            จริงๆแล้วหนูเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ One night stand (ONS) หรือ Friend with benefits (FWB) บ่อยอยู่แล้ว ผ่านแอปพลิเคชั่นแต่ไม่ได้เปิดรูปตัวเอง หนูเลยสงสัยว่าเขารู้ได้ไง? เพราะเราไม่เคยคุยกับเขาหรือคนทั่วไปเลย หนูอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรบอกบีดีไหมว่าแฟนเขาเป็นแบบนี้? มันจะไปกระทบลูกในท้องมั้ย? บอกไปจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? เพราะเขาแต่งงานกันแล้ว ผู้หญิงไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้’

            โดย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าไม่สนิท พี่ไม่บอก เพราะเราไม่รู้ว่าฝันเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า เขาอาจจะทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วโดยที่ภรรยาของเขาอาจจะรู้หรือไม่รู้ อาจจะเป็นกรณีที่ภรรยาท้องไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ด้วยได้ ก็เลยออกไปแรดช่วงนี้ พี่ว่าไม่สนิทกัน พี่ว่าอยู่แยๆดีกว่า ถ้าเขาไปบอกด้วยความคาดเดาไม่ได้อย่างเช่นบอกแล้วจะยังไง เขาจะเครียดจนมีผลต่อลูกมั้ย แต่ถ้าตอนนี้ไม่ยุ่งกับผู้ชายแล้วอยู่ของเราเองมันก็จะควบคุมปัญหาที่หนูกังวลได้ แต่ถ้าอยากช่วยด้วยวิธีนี้ แล้วยอมรับผลที่ตามมาก็สิทธ์ของหนู แต่ถ้าไม่บอก แล้วสามียังคงเป็นแบบนี้ สักวันภรรยาก็ต้องรู้อยู่ดีแหล่ะ’

            “ดีเจเผือก” ให้คำแนะนำในมุมมองของผู้ชายว่า ‘ยื่นคำขาดกับผู้ขายคนนี้ว่า “พอแล้ว ไม่ต้องส่งอะไรมาแล้ว ถ้ามีอีกเรื่องนี้ถึงหูภรรยาเธอเเน่” เราเตือนไปก่อน’

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘เห็นด้วยกับพี่เผือก ถ้าไม่หยุดก็บอกเขาว่า “พี่หยุดพูดอะไรแบบนี้นะ หนูว่ามันไม่สมควร และมันอึดอัด คิดซะว่าที่ผ่านมาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ เดี๋ยวเราต้องเจอกันอีก ถ้าเป็นอย่างนี้อีกก็คงต้องบอกแฟนพี่จริงๆ” และเห็นด้วยกับพี่เติ้ลว่าถ้าไม่สนิทก็คงไม่บอก พอผู้หญิงท้องแล้ว จะยิ่งคิดมากเพราะฮอร์โมนด้วย มันก็เป็นที่ความซวยของเขาที่ได้ผัวแบบนี้ไป ผู้ชายมันไม่ได้ระบายอะเนอะ มันอยู่ที่สันดานคนแล้วแหล่ะ’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เพื่อนสนิทเรา ดูดีขึ้น หุ่นดีขึ้น เลยทักไปถาม ปรากฏเพื่อนบอกเดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไว้นัด Zoom กัน หลังจากนั้นก็เริ่มขายของ ขายผลิตภัณฑ์ ชวนเข้าเครือข่าย บทสนทนาที่เคยคุยกันเริ่มหายไป กลายเป็น "ว่างวันไหน? ว่างเมื่อไหร่? พร้อมรึยัง?" เข้ามาแทน จะทำไงดีคะ?

08 มี.ค. 2024

เพื่อนสนิทเรา ดูดีขึ้น หุ่นดีขึ้น เลยทักไปถาม ปรากฏเพื่อนบอกเดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไว้นัด Zoom กัน หลังจากนั้นก็เริ่มขายของ ขายผลิตภัณฑ์ ชวนเข้าเครือข่าย บทสนทนาที่เคยคุยกันเริ่มหายไป กลายเป็น "ว่างวันไหน? ว่างเมื่อไหร่? พร้อมรึยัง?" เข้ามาแทน จะทำไงดีคะ?

“คุณไอ (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 มี.ค. 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ทักไปหาเพื่อนสนิทปรึกษาเรื่องลดน้ำหนัก แต่ดันเจอเพื่อนขายคอร์ส โดย “คุณไอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีเพื่อนสนิทคนนึง สนิทกันมา 4 - 5 ปีแล้ว หนูคุยกับเพื่อนทุกเรื่อง เวลาคุยกันบางทีก็พิมพ์แชท หรือ voice คุยกัน ส่วนน้อยมากที่จะโทรคุยกัน ซึ่งเพื่อนหนูเป็นคนที่ค่อนข้างอ้วน แต่วันนึงเขาเริ่มลงสตอรี่ IG ว่าออกกำลังกาย ตัวหนูเองไม่ได้อ้วนแต่แค่ไม่ค่อยเฟิร์ม หนูก็เลย reply สตอรี่ไปว่า ทำไมอยู่ดี ๆ ออกกำลังกาย เพื่อนหนูก็ตอบกลับมาว่า มีเวลาว่างไหม? เดี๋ยวโทรหา หนูก็คิดแค่ว่าเขาคงอยากบอกเรื่องราวในชีวิตเขาว่า ทำไมถึงอยากทำ พอหนูได้คุยกับเพื่อน เขาก็เริ่มพูดว่า อยากให้หนูเข้า Zoom ไปคุยกับอินฟลูคนนึง เขาจะมาช่วยดูแลการออกกำลังกาย การคุมอาหาร หนูก็เลยเข้าไป แต่มันเหมือนการขายตรงมากกว่า หลังจากที่หนูเข้าไปใน Zoom หนูก็มาถามเพื่อนว่า สรุปแกต้องการอะไร? แล้วพี่คนที่เป็นอินฟลูเขาต้องการอะไร? เพื่อนก็พูดกลับมาประมาณว่า ถามทำไม แล้วแกว่างไหม เดี๋ยวโทรไปนะ หนูก็เลยบอกกับเพื่อนไปว่า ตอนนี้ไม่ว่างเลย แต่จริง ๆ ตอนนั้นหนูว่าง หนูอยากให้เขาพิมพ์มา หนูไม่อยากโทรคุยเพราะหนูกลัวเสียความรู้สึก เขาก็พยายามคะยั้นคะยอว่า โทรแป๊บเดียว เดี๋ยวเล่าให้ฟัง หนูก็เลยโกหกไปว่า ไม่สะดวก ตอนนี้กูอยู่งานศพ แล้วเพื่อนก็อัดเสียงส่งมา 10 กว่าอัน หนูกดฟังที่เขาส่งมาประมาณว่า มึงกลัวพี่เขาหลอกหรอ พี่เขาไม่หลอกหรอก เขารวยกว่ามึงตั้งเยอะนะ กูอยากให้มึงลองเปิดใจนะ อยากให้ลองเข้า Zoom อีกวันนึงที่พี่เขานัด หนูก็เลยบอกไปว่า หนูไม่โอเคมาก ทำไมต้องให้หนูมาเข้าอะไรแบบนี้ หนูแค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าแบ่งเวลาออกกำลังกายยังไง? ไม่ได้อยากรู้เรื่องธุรกิจหรือเรื่องอาหารเสริม แล้วเพื่อนก็เหมือนหงุดหงิดและบอกมาประมาณว่า งั้นถ้ามึงไม่คุยก็ไม่ต้องคุยกันเลยแล้วกัน แต่อย่างที่บอกว่า พวกหนูสนิทกันมากและไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไป หนูเลยตัดสินใจเข้าก็ได้ พอเข้าไปเขาก็พูดแต่เรื่องธุรกิจไม่เกี่ยวกับการออกกำลังกายเลย หนูก็เลยทักไปบอกเพื่อนอีกว่า กูไม่โอเคนะ ไม่เอาได้ไหม เพื่อนก็บอกว่า เออ ก็แล้วแต่แล้วกัน แต่หลังจากนั้นมันหนักกว่าอีก หนูก็ reply สตอรี่เพื่อนคนนี้ไปอีกแต่เป็นเรื่องอื่น ๆ เพื่อนก็ยังโยงไปเรื่องนั้นอีก ประมาณว่า มึงว่างแล้วหรอ ลองไปฟังพี่เขาอีกรอบไหมละ? ปัญหาก็คือหนูอึดอัด หนูรู้สึกว่ามันไม่เป็นส่วนตัวมาก ตรงที่เขาทักมาประมาณ 3 นาทีแล้วหนูไม่ตอบ เขาก็จะโทรมาเลย หนูก็บอกเพื่อนไปตรง ๆ เลยว่า เราไม่อยากคุยเรื่องนี้ แต่พอทุกครั้งหนูมีเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตที่อยากระบายเขาก็จะบอกว่า ถ้าโอเคแล้วก็ลองเปิดใจเรื่องนั้นดูก็ได้นะ หนูก็ลองถามเพื่อนคนอื่น ๆ เขาก็บอกว่า มึงก็บล็อกไปเลย ไม่ต้องแคร์หรอก แต่ด้วยที่หนูสนิทกับมันมานาน คุยกันมาทุกเรื่อง ไม่เคยคาดหวังประโยชน์อะไรจากกันเลยทั้งคู่ จนมาถึงเรื่องนี้จากเรื่องการออกกำลังกาย เพื่อนก็ลากไปถึงเรื่องการทำธุรกิจเรื่องอาหารเสริม หนูอยากปรึกษาพี่ ๆ ว่า จะแก้ไขตรงนี้ยังไง ไม่ให้เราเสียเพื่อน แล้วก็ไม่ทำให้เรารู้สึกแย่ไปด้วย’ โดยเริ่มให้คำปรึกษาจาก “ดีเจต้นหอม” ว่า ‘ไม่เอา ไม่กิน ฉันจะเป็นหมูที่แข็งแรง ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มก็เสิร์ชในอินเทอร์เน็ต TikTok มีหมดเลย เรื่องของทริคในการลดน้ำหนักพี่ก็ได้จากตรงนั้นเยอะมาก อาหารเสริมเป็นตัวช่วย ไม่ใช่หลัก คือ อาหารเสริมช่วยให้เราไม่กินจุกจิก แต่พี่รู้สึกว่าอายุ 19 ก็ยังไม่ควรจะต้องใช้อาหารเสริมอะไรพวกนั้นอยู่แล้วนะ เพราะว่ายังเป็นวัยที่หนูมีเอนเนอร์จี้ มีพลังงาน แล้วหนูก็ใช้ร่างกายได้เยอะมาก พี่คิดว่าอาหารเสริมประเภทนั้นไม่เหมาะ แต่พี่ว่าถ้าเราเป็นเพื่อนสนิทก็น่าจะพูดกันตรง ๆ ก็ได้นะ ประมาณว่า ชวนทำอะไร ไปฟังพี่เขา ไม่ฟังๆ เสียเวลา คือ ถ้าเขาบอกว่า เขาเห็นผลก็เขาเห็นผลกับสิ่งนี้ไง เราต้องไม่อยากรู้เรื่องของเขาเลย ไม่ได้อยากรู้การลดน้ำหนักของมึงเลย เราก็ต้องเริ่มจากที่ตัวเราก่อนในการบอกว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราไม่ได้สนใจ แล้วเรารู้สึกว่าการที่เราไปทำมันเสียเวลา เพราะกูไม่ได้สนใจมึง ถ้าเพื่อนสนิทพูดตรงๆ เลยแต่ว่าเราอย่าเปิดช่องให้เขาแค่นั้นเลย แล้วก็พูดตัดบทไปว่า มึงเสียเวลา ถ้ายังตื้อกูอยู่’ ต่อไป ดีเจเผือก ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนนี้หนูอายุ 19 สนิทกันมา 3-4 ปี มันก็คือ 1 ใน 5 ประมาณนั้นของชีวิตหนู แต่ถ้าหนูใช้ชีวิตต่อไปอีก 5-10 ปี เขาก็จะไม่ใช่ 1 ใน 5 ในชีวิตหนูละ เขาอาจจะเป็น 1 ใน 7 หรือ 1 ใน 8 เพราะฉะนั้นก็อย่าไปยึดติดกับใครคนนึงที่เรารู้สึกว่าคนนี้คือเพื่อนสนิท แล้วเราจะไม่มีวันเลิกคบกับเขาได้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีก็ตาม อันนี้มันก็ไม่ใช่ โตไปหนูก็อาจจะต้องเลิกคบกับเพื่อนสนิทบ้างถ้ามันเป็นคนไม่ดี หนูจะได้เจอกับเหตุการณ์วัดใจแบบนี้แหละ บางครั้งหนูอาจจะไม่ต้องโทรถามพี่เลยก็ได้ หนูอาจจะได้เจอเหตุการณ์ที่ต้องเลิกคบกับเพื่อนสนิทโดยที่ไม่ต้องปรึกษาใครเลย คนที่เราเคยสนิทมันก็คือคนที่เราเคยสนิทหรือคนที่เราสนิทอยู่ก็คือคนที่เราสนิทอยู่ แต่มันก็ไม่ได้บอกว่าเราจะต้องสนิทกับเขาไปจนวันตาย ถ้าถามว่าเพื่อนเขาเลวร้ายไหมก็คงไม่เขาก็แค่คงทำมาหากิน แต่เขาแค่ไม่มีศิลปะในการขาย ทุกอย่างมันมีทั้งคนขายที่ดีและคนที่ขายไม่เป็น คนที่เอาแต่ขายจนเสียเพื่อนรอบตัวมันก็ไม่ใช่ คนที่เขาขายอย่างมีจรรยาบรรณมันก็มี แค่เพื่อนเราเพิ่งเข้ามาในวงการนี้แล้วขายไม่เป็นแต่อยากมียอด เพราะฉะนั้นก็ถ้าเรื่องนี้ไอเข้าใจได้ก็ไม่ต้องเลิกคบกับเขา แล้วดูว่าเขาจะขายอีกยาวไหม? ไม่รู้ว่าโปรดักส์ออกกำลังกายจะอยู่ได้นานหรือเปล่า อาจจะเป็นช่วงแรก ๆ ที่เขากำลังทำยอดอยู่แหละ ก็อย่างที่บอก คุยกันไปตรง ๆ เป็นเพื่อนสนิทก็น่าจะคุยกันได้ ก็คุยกันไปเลยว่า มึงไม่ต้องมาวุ่นวายกับกูแล้วแหละ กูไม่มีวันซื้อแน่ ๆ ทุกวันนี้เงินจะกินข้าวยังไม่มีเลย คือถ้าเขาเป็นคนขายที่เก่งจริง ๆ เขาต้องรู้ว่ารายนี้ตื้อให้ตายก็ไม่ซื้อ เสียเวลาไปหาคนอื่นดีกว่า ถ้าอยากออกกำลังกายจริง ๆ เสิร์ชเอาใน Google , TikTok เยอะแยะ ถ้าเพื่อนคนนี้ตัดเรื่องขายออกไปแล้ว เขาจะกลับมาเป็นคนเดิมก็ลองดู แล้วก็แสดงออกให้ชัดเจนว่าเราจะไม่ร่วมธุรกิจกัน แล้วหลังจากนั้นดูว่าเขายังจะเป็นเพื่อนสนิทกับเราอยู่หรือเปล่า? ยังเม้าท์เรื่องอื่น ๆ กันอยู่หรือเปล่า? ซึ่งถ้าเขาเปลี่ยนไปเพียงแค่เราไม่ซื้อของของเขา ไอควรคิดดี ๆ ว่าคนนี้ควรจะเป็นเพื่อนสนิทเราจริงหรือเปล่า เขาเหมาะกับจะเป็นเพื่อนรักเราจริงไหม ถ้าขายของให้ฉันไม่ได้แล้วเลิกคบเราไป เขาควรจะเป็นเพื่อนแท้เราหรือเปล่า ไอลองไปคิดดูนะ’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก่อนอื่นหนูต้องปิดประตูตายก่อน เรื่องออกกำลังกายหรือเรื่องหุ่น อย่าไปเปิดประตูให้เขาเข้าหาเราได้จากเรื่องนี้ เพื่อให้เขาชัดเจนไปเลยว่าเราไม่ได้สนใจเรื่องนี้จริง ๆ ต้องทำให้เขารับรู้ก่อน ตอนนี้ไปอยู่กับคนที่สนิทคนอื่น ๆ ก่อน พี่รู้สึกว่าน้องไอกำลังคาดหวังให้เขามาสนิทเหมือนเดิม แต่ตอนนี้มันไม่ได้แล้วไง เพราะว่าสิ่งที่เขาโฟกัสมันไม่ใช่ไอแล้ว เขาโฟกัสกับสิ่งที่เขากำลังทำตอนนี้ คือการทำกิจการให้มันดีขึ้น เขาอาจจะไปร่วมมือกับโค้ชคนนั้นหรืออะไรก็ตาม แต่ตอนนี้เขาไม่ได้โฟกัสหนู หนูอย่าไปสำคัญตัวผิด เพราะถ้าหนูสำคัญตัวผิด หนูจะผิดหวัง เราต้องเลิกคาดหวังกับเขาก่อนให้เขาไปอยู่ในที่ที่เขาอยากทำ ไม่ต้องไปขัดเขา แล้วถ้าเขาทำสำเร็จก็ยินดีกับเขาไป แต่ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ แล้ววันไหนเขากลับมาหาเรา เราก็ยังเป็นเพื่อนเขาอยู่ได้เหมือนเดิม ซึ่งถ้าถึงวันนั้นไออาจจะไม่อยากเป็นเพื่อนเขาแล้วก็ได้ หรือถ้าเขากลับมาแล้ว ถ้ามันเป็นเพื่อนกันจริง ๆ มันต่อกันติดเราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ แต่ตอนนี้หยุดคาดหวังก่อนเพราะตอนนี้เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แฟนหนูไม่กลับบ้านมาเกือบเดือนแล้ว เพราะเขาไปอยู่กับเจ๊โมเดลลิ่ง หาเด็ก N ให้ลูกค้า ล่าสุดเจ๊ให้รถแฟนหนูใช้ 1 คัน พอแฟนกลับมาเอาของที่บ้านแต่ละที ทำหน้าเหมือนไม่อยากอยู่ตรงนี้ อยากให้เขาชัดเจน หนูนอนรอเค้ามาทุกคืน

30 ก.ย. 2024

แฟนหนูไม่กลับบ้านมาเกือบเดือนแล้ว เพราะเขาไปอยู่กับเจ๊โมเดลลิ่ง หาเด็ก N ให้ลูกค้า ล่าสุดเจ๊ให้รถแฟนหนูใช้ 1 คัน พอแฟนกลับมาเอาของที่บ้านแต่ละที ทำหน้าเหมือนไม่อยากอยู่ตรงนี้ อยากให้เขาชัดเจน หนูนอนรอเค้ามาทุกคืน

แฟนหนูไม่กลับบ้านมาเกือบเดือนแล้ว เพราะเขาไปอยู่กับเจ๊โมเดลลิ่งหาเด็ก N ให้ลูกค้า ล่าสุดเจ๊ให้รถแฟนหนูใช้ 1 คัน พอแฟนกลับมาเอาของที่บ้านแต่ละทีทำหน้าเหมือนไม่อยากอยู่ตรงนี้ อยากให้เขาชัดเจน หนูนอนรอเค้ามาทุกคืน จะเดินออกไปแต่เค้าก็บอกยังแคร์หนูอยู่ ให้เชื่อใจ “คุณมิว (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [25 ก.ย.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแฟนติดเจ๊ที่เป็นโมเดลลิ่งหาเด็กเอ็น ไม่กลับบ้านเลย โดย “คุณมิว(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้แฟนหนูเขาอายุ 29 ปี เราคบกันมาเข้าปีที่ 3 เเล้ว ปัญหาที่อยากมาปรึกษาพี่ๆวันนี้ คือเหมือนแฟนหนูไปติดเจ๊คนนึงที่เป็นโมเดลลิ่งหาเด็กเอ็น เจ๊อายุประมาณ 35-36 ปี ซึ่งเจ๊เขามีแฟนอยู่เเล้วด้วย เเล้วเขาไม่กลับบ้านเลย ก่อนที่เขาจะรู้จักเจ๊คนนี้ก็รู้จักจากรุ่นพี่คนนี้ เพราะรุ่นพี่คนนี้เขาฝากงานให้ ตั้งเเต่ที่เขาไปรู้จักรุ่นพี่คนนี้ เขาเปลี่ยนไปมากเลยทั้งนิสัย การใช้ชีวิต ทุกอย่างเขาทุ่มให้ทางนู้นหมดเลย คือเหมือนเขาลืมไปเลยว่าเขามีหนูอยู่ที่บ้าน เวลาเขาเข้าบ้าน สายตาหรือหน้าตาเขา เหมือนไม่อยากจะอยู่บ้าน ใจเขาเหมือนอยากจะไปอยู่เเต่ตรงนั้น พอเเม่เขาโทรหาเขาบอกเเม่ว่า ตอนนี้เขาอยู่ กทม.เขามากับรุ่นพี่เขา หนูเลยโทรหาเขาเเต่เขาไม่รับสายหนูเลย ไม่ตอบ ไม่ทักหาหนูเลย หายไปจะเป็นเดือนเเล้ว เเต่เขาจะมีการเเวะมาบ้าน มาแปป ๆ เเล้วก็ออกไป หนูรู้เพราะว่าตอนแรกเจ๊คนนี้เขาไลน์มาหาเเฟนหนูในโทรศัพท์อีกเครื่องนึง เขาบอกว่าอยู่ไหน เเล้ววันนั้นเป็นวันที่รุ่นพี่เขาโทรมาตอนเที่ยงคืนว่าให้พาไปทำธุระที่ประจวบหน่อย เเล้วเป็นจังหวะตรงกันที่เจ๊คนนั้นเขาทักมาพอดี พอเขาออกไปหนูก็เลยลองโทร ลองทักหา เขาก็ไม่ตอบไม่อ่านจนเช้าถึงโทรมาหาเเล้วบอกว่า ไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกไป เอาไว้ในรถ เเต่ตอนนั้นหนูก็ไม่ได้เอะใจ มีวันนึงเขาขับรถเจ๊มารับหนูไปส่งที่ทำงาน หนูรู้เพราะว่าไปส่องเฟซเจ๊เขา หนูเข้าไปส่องก็งงว่าแฟนไปติดอะไรเขา เขาก็เหมือนคนบ้าน ๆ ไม่ได้มีเยอะมีมาก เเล้วหน้าเฟซบุ๊กเขาเขียนว่าจัดหาเด็กเอ็น , PR , จัดเลี้ยงงี้ เเต่พอเขาเข้าบ้านก็จะชอบมีเเว่น วันต่อไปมีเสื้อ มีรองเท้าเเต่ไม่ใช่รุ่นเเบรนด์อะไร พอหนูถามเขาว่าได้มาจากไหน เขาบอกเอามาจากรุ่นพี่ให้มา วันนั้นที่เขาเอารถเจ๊มารับหนู เขาบอกว่าเขาจะไปนั่งเล่นที่ห้องรุ่นพี่คนนี้ เเต่พอตอนเช้ามาเขาดันเอารถเจ๊มารับหนู หนูเลยคาใจ วันที่เจ๊ให้รถมาใช้ เขาก็ทักหาเจ๊ว่าผมสัญญาว่าผมจะไม่ดื้อ เเล้วก็อ้อน ๆ ไป เเล้วเจ๊ก็เรียกเเฟนหนูว่า “อ้วน” เขาก็คอลหาเเฟนหนูด้วย เเล้วถามแฟนหนูว่าจะกินอะไรมั้ย? แฟนหนูก็ตอบว่าพี่ก็รู้ ผมกินอะไรที่พี่ชอบ วันนั้นหนูทะเลาะกันหนักมาก เเต่เเฟนหนูเขาไม่ยอมรับ บอกว่าไม่มีอะไร เขาบอกว่าถ้าจะได้งานจากเขาก็ต้องอ้อนเขาหน่อย เขาไม่ได้ทำงานเอ็น เขาเเค่แบบรับส่งเด็กเอ็นเเล้วก็หาเด็กเอ็นให้ลูกค้า เขาก็ได้ค่าหัวจากเจ๊คนนี้ ก่อนหน้านี้หนูเเอบถ่ายรถเจ๊ไว้ เลยแกล้งบอกแฟนว่า งั้นหนูจะส่งข้อความหาแฟนเจ๊ว่าเขารับรู้ใช่มั้ยว่าเจ๊ให้เอารถมาใช้? เเล้วเขาก็โวยวายใหญ่เลย บอกว่า ถ้าอย่างงี้ ก็เหมือนทำชีวิตเขาพัง ทำงานเขาพัง ทุกสถานการณ์มีเจ๊ตลอดเลย ขนาดไปคอนเสิร์ตเขาบอกหนูว่าไม่ได้ไปด้วยกัน เเต่หนูเห็นเจ๊เขาลง TikTok อยู่คอนเสิร์ตเดียวกัน เจ๊เขารู้ว่าแฟนหนูมีแฟนอยู่เเล้วเพราะหนูเคยทักไปหาเจ๊ เจ๊เขาก็บอกว่า “ก็คุยเเค่เรื่องงาน ถ้าข้องใจหรือไม่สบายใจอะไร ออกมาคุยกันมั้ย จะได้สบายใจ” หนูไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะหนูไม่มีใคร เพื่อนก็ไม่มี หนูอยากออกไปเที่ยวหรือทำไรก็ไม่ได้เลย เพราะหนูมาจากต่างจังหวัด มาทำงานที่หัวหิน เลยมาอยู่กับเขา หนูก็รักเขานะ หนูก็คุยกับเขาดี ๆ เพื่อที่อยากจะให้เขามาคุยกับหนู เเล้วเขาบอกว่า เชื่อใจเขาเถอะ ว่าเขาไม่มีอะไรจริง ๆ เขาบอกให้เชื่อเขาเเต่เขาไม่ยอมกลับมาคุยที่บ้านเลย คำพูดกับการกระทำเขามันสวนกันมาก ๆ เลย หนูก็เลยบอกว่า มีเรื่องอยากจะคุยกับเขาเหมือนกัน เขาก็ตอบว่า อะไร สงสัยน่าจะไม่อยากอยู่ หนูก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า หนูควรทำยังไงต่อดีคะ?’ ซึ่งดีเจทั้งสามคน (ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม) ก็ได้ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘ไม่ต้องหาคำตอบว่าเขาจะมีหรือไม่มี เพราะปัจจุบันอยู่แล้วไม่มีความสุข ตัดสินคนที่ปัจจุบันเเละการกระทำที่เขาทำกับเรา ไม่ต้องหาคำตอบว่าต้องรอให้เขามีคนเเล้วเราจะเลิกกัน คนเราสามารถเลิกกันได้หลายเหตุผลเลย การที่เราอยู่เป็นฝ่ายรอให้เขากระทำอย่างเดียว ชีวิตเรามันไม่น่าสงสารหน่อยหรอ ชีวิตเราเราน่าจะเป็นฝ่ายเลือกได้เองบ้างนะ เราเลือกตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีความสุขสิ รักตัวเองหน่อย กอดตัวเองหน่อย อายุเเค่นี้เองต้องมีความสุขกับชีวิตสิ เเล้วถ้าเขารักหนูเขาจะพยายามทำทุกอย่างให้หนูกลับมาเอง เเต่กลับมาเเล้วต้องไม่ใช่เเบบเดิมนะ ชีวิตเราเรามีสิทธิ์เลือก ถ้ากลับบ้านได้กลับไปเเล้วสร้างตัว หาคนที่เขาเห็นค่าในตัวเรา เป็นกำลังใจให้นะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบกับแฟนมา ไม่เคยเจอคุณแม่ แต่คุณแม่แฟนเอา วัน เดือน ปีเกิดเราไปเช็คดวง แล้วบอกกับลูกสาวว่า ดวงไม่สมพงษ์กัน แล้วหมอดูก็ยังบอกมาอีกว่า ผู้ชายคนนี้ มีครอบครัวแล้วให้ระวัง ซึ่งผมไม่มี

31 พ.ค. 2024

คบกับแฟนมา ไม่เคยเจอคุณแม่ แต่คุณแม่แฟนเอา วัน เดือน ปีเกิดเราไปเช็คดวง แล้วบอกกับลูกสาวว่า ดวงไม่สมพงษ์กัน แล้วหมอดูก็ยังบอกมาอีกว่า ผู้ชายคนนี้ มีครอบครัวแล้วให้ระวัง ซึ่งผมไม่มี

คบกับแฟนมา ไม่เคยเจอคุณแม่ แต่คุณแม่แฟนเอา วัน เดือน ปีเกิดเราไปเช็คดวงแล้วบอกกับลูกสาวว่า ดวงไม่สมพงษ์กัน แล้วหมอดูก็ยังบอกมาอีกว่า ผู้ชายคนนี้ มีครอบครัวแล้วให้ระวังซึ่งผมไม่มี ตอนนี้ทุกคนในบ้านฟังแม่เขาหมด แล้วแฟนก็ขอห่างกับผม เหมือนผมโดนตัดสินโดยใครก็ไม่รู้... “คุณเอ็กซ์ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแม่แฟนเอาวันเดือนปีเกิดไปดูดวงจนทำให้ต้องเลิกกับแฟน โดย “คุณเอ็กซ์ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมทำงานอยู่ที่บริษัทซอฟแวร์แห่งหนึ่ง ที่บริษัทจะมีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง คือว่าเราสองคนได้รับหน้าที่ให้ทำโปรเจ็คด้วยกัน ทำให้เราสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้น ได้อยู่ด้วยกันตลอดทุกวัน เราก็เริ่มชอบกัน เพราะเราคุยกันถูกคอมากๆ ระบายกันทุกเรื่อง แล้วทีนี้เราก็ได้มีการนัดไปทำงานกันที่ห้างแห่งหนึ่ง เราก็มานั่งทำงานกันพอทำงานเสร็จ เราก็ไปกินข้าวด้วยกัน แล้วพอกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ แต่บ้านผมอยู่ไกลมาก ผมก็ต้องนั่งรถไฟฟ้ากลับ แต่ว่าผมเข้าใจผิดคิดว่าขบวนรถไฟสุดท้ายคือเที่ยงคืน แต่จริงๆ ขบวนสุดท้ายของสายนั้นคือ 5 ทุ่ม ทีนี้ผมก็ไม่มีรถกลับ ผมก็เลยโทรบอกเขา เออเนี่ย…เดี๋ยวจะไปเปิดห้องนอนก่อน แล้วเช้าค่อยกลับ แต่เขาก็บอกว่า ไม่เอาๆ เดี๋ยวเขาวนรถกลับมารับ แล้วก็ไปนอนบ้านเขา ผมก็ตกลง วันนั้นผมก็ได้ไปนอนบ้านเขาและวันนั้นเราสองคนก็ได้ตกลงเป็นแฟนกัน เราก็คบกันมาได้เกือบอาทิตย์ ต้องขอบอกเลยว่าพี่เขาเป็นคนที่เชื่อแม่ และรักแม่มากๆ สำหรับเขาแม่มีอิทธิพลมากพอสมควร ผมก็มองว่าไม่ผิดคนเราต้องรักแม่ถูกแล้ว แล้วทีนี้แม่เขาก็เอาวันเดือนปีเกิดของผมไปดูดวง ว่าดวงผมกับพี่เขาเป็นยังไง แล้วหมอดูทำนายว่า ดวงผมไม่สมพงศ์กับพี่เขา และมีอีกคำนายหนึ่งที่ไม่เป็นความจริงเลยคือ หมอดูทำนายว่า ผมมีครอบครัวแล้ว โดยที่ไม่ถามไถ่ผมเลย ซึ่งแฟนผมก็น่าจะยังไม่ได้บอกแม่เขาว่าผมยังไม่มีครอบครัว เพราะเขาน่าจะดูเชื่อไปด้วย แต่ผมไม่รู้ว่าเชื่อกี่เปอร์เซ็นต์ แต่หลักๆ เลยก็คือแม่เขาก็ไม่อยากให้ไปต่อกับผมนั่นแหล่ะ พี่เขาก็เลยขอลดสถานะความสัมพันธ์กับผม และไม่ขอพัฒนาต่อไปมากกว่านี้แล้ว การขอลดสถานะความสัมพันธ์ครั้งนี้ ผมไม่ติดอยู่แล้ว ผมเคารพการตัดสินใจของเขา เพราะเราเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้ แต่ที่ผมนอยมากๆ เลยก็คือ ผมถูกตัดสินจากใครก็ไม่รู้ ที่รู้แค่ วันเดือนปีเกิดของผมแค่นั้น ซึ่งหลังจากที่เราเลิกกัน ผมก็ลาออก แต่พี่เขาก็ยังมีทักมาหาผมบ้าง มาระบายเรื่องงาน ถามเรื่องโปรเจคที่ผมกับพี่เขาเคยทำร่วมกัน ตอนนี้พี่เขารับหน้าที่ดูแลต่อ แล้วก็มีคุยเรื่องส่วนตัวบ้าง ผมก็มีถามเขาบ้างว่า สบายดีมั้ย เหนื่อยรึเปล่า ผมก็ถามไปปกติ ผมอยากถามพี่ๆดีเจว่า ควรปล่อยเขาไปใช่มั้ย หรือว่าควรจะสู้กับดวงที่หมอดูทำนายมาดี?’ โดย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับหอม ชีวิตเราเป็นคนเลือกเอง หมอดูเป็นแค่สิ่งที่นำทางให้เราเฉยๆ ถ้าหมอดูพูดอะไรแล้วมันซัพพอร์ตกับสิ่งที่อยู่ในใจเรา เราจะมีความมั่นใจในการลุยกับสิ่งนั้นมากขึ้นเท่านั้นเอง แล้วก็ที่ถามว่าเราจะยังไปรอผู้หญิงคนนี้อีกมั้ย หอมบอกเลยว่า ตัดไปเลย ทิ้งไปเลย ให้รู้ซะบ้าง ไม่ใช่ว่าแบบ เธอเลิกกับฉันง่ายๆ เพียงแค่ฟังคำหมอดู ซึ่งมัน Non sense ถ้าเกิดเราคบกันแล้วเธอเจอปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ แล้วแม่เธอพูดอะไรสักอย่างหนึ่ง เราก็เลิกกันได้อยู่ดี เรื่องเล็กๆ เธอยังเลิกกับเราได้ง่ายขนาดนี้เลย ฉะนั้นถ้ามีปัญหาใหญ่เข้ามาในชีวิต เธอจะไม่ปล่อยมือกันง่ายๆ หรอ แล้วก็ไม่ต้องถามเขาว่า สบายดีมั้ย เขาเทเรา ด้วยเหตุผลที่งี่เง่ามาก เขาต้องได้รับบทเรียน เธอกำลังเสียผู้ชายที่ดีที่สุดไป แล้วไปหาคนใหม่เลย หาคนที่เขาเห็นคุณค่าในตัวเราไม่ใช่แค่รู้สึกว่า เราไม่มีคุณค่าอะไรเลยหรอ ถึงได้ตัดสินเรากับเรื่องงี่เง่าแค่นี้ อันนี้คือไร้เหตุผลมากๆ และครอบครัวนี้ไม่เหมาะกับเรา ครอบครัวที่ใช้พ่อแม่บงการทุกอย่างในชีวิต จนไม่เป็นตัวของตัวเอง ก็ให้เขาอยู่กับแม่ไปหรือไม่ก็ให้เขามีแฟนกับคนที่แม่เขาหาให้ แล้วไม่ต้องรอให้มันเสียเวลา เชิ่ด !!!!’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันมี 2 ประเด็นสำหรับพี่นะ เวลาที่พี่เห็นใครที่เขาเชื่อเรื่องอะไรทำนองนี้ เรื่องหมอดู ดวงชะตา โชคชะตา และถ้าเขายึดมันเป็นแกนหลักในการใช้ชีวิตแล้ว พี่รู้สึกว่า อะไรก็เอาเขาไม่อยู่ เพราะเขาเลือกที่จะเชื่อแบบนี้แล้ว ถ้าเขาใช้สิ่งนี้เป็นที่ตั้ง แสดงว่าเขามีแนวคิดที่คิดมาแล้ว หรือว่าประสบการณ์ชีวิตของเขา สิ่งนี้มันพิสูจน์ได้ว่า มันจริงสำหรับเขา พี่ว่าการจะไปสู้กับอะไรแบบนี้ เหมือนเราแพ้ตั้งแต่หน้าประตูแล้ว ซึ่งมันเหนื่อยมากเลยกับการแพ้ ให้กับสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วเราไม่รู้ว่าจะไปพิสูจน์มันยังไง นอกจากเราต้องใช้เวลา เข้าใจมั้ย ซึ่งบางอย่างเขาไม่มารอเรา แล้วเขาตัดสินเราไปแล้ว อันนี้สำหรับเรื่องแรกพี่ว่ามันยาก สำหรับอันที่ 2 พี่เห็นด้วยกับพี่หอมว่า ถ้าคนๆ หนึ่งเลือกเรา ในการคบหาจากการดวงล้วนๆ หรือจากสิ่งที่หมอดูบอก โดยที่ไม่ได้ดูสิ่งที่เราทำ ไม่ดูว่าเรามีพฤติกรรมที่ปฎิบัติกับเขายังไงในฐานะคนรัก พี่ว่าคนแบบนี้ พี่ไม่เลือกเอามาเป็นแฟนนะ ถ้าเขาไม่เอา เราก็ไปหาคนอื่น มันไม่ได้มีคนเดียวบนโลกใบนี้ที่เราจะต้องรักพุ สำหรับพี่มันง่ายแค่นี้’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมมีความเชื่อว่าถ้าเห็นลู่ทางไม่ดี เราอย่าชิงแพ้ให้เละเทะ เราไปแบบเชิ่ดๆ หล่อๆ ก่อนดีกว่า แล้วไปแบบให้เขาเสียดาย ไปแล้วไปลับไม่กลับมา ให้เขาเสียดายว่า ไอความไร้สาระของเขามันเคยทำให้เขาพลาดอะไรไป คือถ้าเรื่องแค่นี้เขามาขอลดความสัมพันธ์กับเรา หมอดูคนนี้จะดูชีวิตคู่ของคุณเอ็กซ์กับเขาเนี่ยไปตลอดเลย จะมีลูกปีไหน จะเกิดเดือนไหน จะให้เรียนโรงเรียนอะไร มันจะวุ่นวายไปหมด แล้วก็นอกจากหมอดูแล้วเนี่ย คิดว่าครอบครัวเขาก็จะมามีอิทธิพลกับชีวิตคู่คุณเอ็กซ์กับเขาไปตลอด ซึ่งถ้าคุณเอ็กซ์ได้ฟังพุธทอล์คพุธโทรมา ปัญหาที่ครอบครัวเข้ามาวุ่นวายในชีวิตคู่เนี่ยโครตปวดหัวเลย เพราะฉะนั้นไปแบบผู้ชนะถึงแม้ว่าใจลึกๆ เราจะรู้สึกว่าโดนเทก็ตาม แต่จงรักษาทรง แล้วเดินออกไปอย่างผู้ที่เหมือนว่าชนะ แบบโดนเทแต่ยังเท่อยู่ ให้เขาเสียดายเราในภายหลัง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำไมกลายเป็นหน้าที่เรา?? พ่อสามีป่วย ตอนแรกไม่มีใครไปดูแลเราเลยอาสาช่วย หลังจากนั้นญาติสามีทุกคนคาดหวังให้เราดูแลทุกครั้ง ถึงขั้นขอให้เราลาออกจากงานประจำไปก่อน แต่เราออกไม่ได้เพราะมีภาระ เจอแบบนี้จะทำยังไงต่อไปดี...

05 เม.ย. 2024

ทำไมกลายเป็นหน้าที่เรา?? พ่อสามีป่วย ตอนแรกไม่มีใครไปดูแลเราเลยอาสาช่วย หลังจากนั้นญาติสามีทุกคนคาดหวังให้เราดูแลทุกครั้ง ถึงขั้นขอให้เราลาออกจากงานประจำไปก่อน แต่เราออกไม่ได้เพราะมีภาระ เจอแบบนี้จะทำยังไงต่อไปดี...

“คุณเจ(นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [3 เมษายน 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล และ ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับต้องดูแลพ่อแฟนที่ป่วยเป็นโรคร้าย จนตอนนี้กลายเป็นหน้าที่หลักไปแล้ว โดย “คุณเจ(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว พ่อของแฟนตรวจพบว่าเป็นโรคร้าย หน้าที่พาไปหาหมอในช่วงแรกก็เป็นหนูที่พาไป โดยมีพี่ชายแฟนขับรถให้ เพราะแฟนต้องทำธุรกิจในตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันก็จะเป็นเวลานอนของเขาและเขาก็ต้องดูแลลูกด้วย ในช่วงแรก ๆ หนูก็พาไปได้ แต่พักหลังมาหมอนัดเดือนนึงทีละครั้งสองครั้ง หนูก็ต้องไปทำงาน แล้วก็ต้องลางาน บางทีลามาก ๆ ก็เกรงใจหัวหน้า เหมือนหน้าที่ทั้งหมดกลายเป็นหนูที่ต้องทำพอไม่มีใครจะพาไป ญาติแฟนก็ให้หนูลาออกจากงานเพื่อมาดูแลพ่อก่อนแล้วค่อยกลับเข้าไปทำใหม่ แต่หนูก็บอกเขาไปแล้วว่า ถ้าหนูออก หนูก็กลับไปทำไม่ได้ออกแล้วออกเลย เพราะไม่มีใครที่จะสะดวกพาพ่อไปก็คงมีแค่หนู จะจ้างคนดูแลเขาก็ไม่เอา เขาอยากให้ลูกหลานดูแลมากกว่า แต่ถ้าหนูไม่ไปบ้างทีก็ต้องเป็นเมียของพี่ชายที่ต้องลางานมาพาไป เพราะเขาสามารถลางานได้ แต่หนูทำงานแบบรายวัน มันก็ลาลำบาก แต่ถ้าเขาไปไม่ได้ก็จะมีหลานชายพ่อที่ยังสามารถพึ่งพาได้ แต่ถ้าไม่ว่างจริง ๆ ก็ต้องเป็นหนูนี้แหละ เพราะหนูก็ไม่อยากให้ใครมาว่าแฟนหนูว่าดูแลพ่อไม่ได้ บางทีที่พ่อไปนอนโรงพยาบาล แล้วหนูไม่ได้ไป หนูก็จะโทรไปหาเขาวันละ 2 ครั้ง ซึ่งหนูก็ไม่รู้ว่าแฟนหนูกับพี่ชายเขาโทรไปบ้างไหม หนูก็เลยมารู้ทีหลังว่าไม่มีใครโทรไปเลย แล้วพวกอา ๆ ก็มาบอกว่า ลูกในไส้ไม่มีใครโทรไปเลย ก็มีแต่ลูกนอกไส้นั่นแหละที่โทรไป เหมือนแฟนกับพี่ชายเขาก็ไม่ค่อยคุยกัน หนูก็ยังพูดกับเขาว่าเป็นพี่น้องกันยังไง ถ้าหนูไม่ทำงานก็จะมีแค่แฟนที่ทำงานคนเดียวแล้วก็ต้องหาเลี้ยงทั้งบ้าน แถมยังมีลูกอีก 2 คนที่ต้องดูแล ช่วงนี้หมอก็นัดบ่อยด้วย และการไปหาหมอครั้งนึงคือ ต้องไปเจาะเลือดก่อน 1 วัน ถ้าบางทีผลเลือดไม่ดี หมอสั่งให้นอนโรงพยาบาลก็จะนอนยาวเลย หนูอยากถามพวกพี่ๆว่าหนูควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี? โดย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘แบ่งเวรก็ควรที่จะทำ เพราะเดือนนึงก็จะประมาณ 2 - 3 วันต่อเดือน มันก็ไม่ใช่ทุกวัน มันควรจะแบ่งวันกันได้ หรือในกรณีที่ลูกหลานเขาไม่เอาอะไรเลย คือไม่มาแบ่ง ไม่มาช่วย ซึ่งคุณเจน่าจะตอบได้ว่าจริง ๆ เขาทำได้แต่เขาไม่ทำ หรือข้อจำกัดมันไม่ได้จริง ๆ แล้วมันไม่มีใครเลย เหลือคุณเจคนเดียว ถ้าเปลี่ยนกันบ้าง เป็นเดือนละวันก็แบ่งกันไป เพราะว่าการที่เราจะต้องหยุดทำงานไปมันก็มีกระทบรายได้ที่เราต้องเสีย ต่อเดือนมันก็หลายตัง แล้วอยู่ดี ๆ คนหาเงินหายไปคนนึงชีวิตครอบครัวมันก็เป๋นะ เราเองก็ยังต้องรักษาอาชีพเราไว้แหละ ผมคิดว่าเราต้องคุยต้องเคลียร์ว่า ให้แบ่งกันไปพี่ชายครึ่งนึง น้องชายครึ่งนึง ในกรณีที่เคลียร์ไม่ได้แล้วมันก็ยังไม่ให้ออกจากงานอยู่ดี อยากจะให้ลองไปคุยกับฝั่งที่ทำงานดูว่ามันจะพอหาทางออกอะไรกันได้ไหม? เมื่อลูกในไส้ เขาพึ่งไม่ได้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ลูกนอกไส้อย่างหนู ก็ปรึกษาไปแบบนี้ ผมว่าใคร ๆ ก็เห็นใจนะ แล้วอาจจะขอลาแบบไม่รับเงินในช่วงที่ต้องลาไปดูแล เราลองเสนอความรับผิดชอบไปถ้าหัวหน้าเขาเมตตาเรา เขาก็อาจจะบอกว่าไม่เป็นไร คุณเจไปดูแลคุณพ่อเลย เวลาลาเราก็จะได้สบายใจว่าเราไม่ได้เอาเปรียบที่ทำงาน แต่ยังไงก็แล้วแต่ อย่าลาออกเลย ออกมามันมีราคาที่เราต้องจ่ายต้องเสียไป แล้วก็ให้สามีไปคุยแบ่งกับพี่ชายให้ลงตัว’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘เห็นด้วยกับพี่เผือกเรื่องที่ว่าคุณเจต้องให้สามีคุณเจไปคุยกับพี่ชาย เพราะเป็นเรื่องในครอบครัวเขา นี่คือสิ่งที่พี่และน้องต้องรับผิดชอบร่วมกัน คือแบ่งกันคนละ 1 ครั้งในแต่ละบ้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณเจ แฟนคุณเจคือนับ 1 ไม่ใช่ว่าจะผลักภาระมาให้คุณเจทั้งหมดอันนี้ไม่ได้ ในแต่ละบ้านก็ต้องไปบริหารกันเอาเองว่าเขาจะรับผิดชอบหน้าที่นี้ยังไงถ้าเขาเป็นลูกที่อยากดูแลพ่อ สิ่งที่อยากจะบอกกับคุณเจว่า ที่คุณเจเล่ามาเขาก็ยังมีหลานที่ถ้าเขาว่างก็จะมาดูแลได้ มันก็จะใช้คำว่าถ้าเขาว่างไม่ได้เพราะมันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องร่วมทำ เพราะตอนนี้คุณเจก็ไม่ว่าง แต่คุณเจก็ทำให้ทั้ง ๆ ที่คุณเจเป็นสะใภ้ด้วยซ้ำ คือรู้สึกว่าบ้านนี้กำลังอาศัยความใจดี ความเป็นคนดี ความเป็นสะใภ้ที่น่ารักของคุณเจมาเอาเปรียบคุณเจอยู่ เขาทำได้เพียงแต่เขารู้สึกว่า ทำทำไม เจมันทำให้อยู่แล้ว ไปพูดให้มันลาออกสิ เดี๋ยวมันก็ทำให้ สำหรับเติ้ลนะถ้าคุณเจไม่ยืนยันในเสียงของตัวเองว่าเจทำให้ได้ เจจะไม่ลาออก แต่เจจะทำให้ในวันที่สามารถลางานได้ แต่ไม่ใช่คุณเจจะแบกไว้ทั้งหมด ถูกแล้วแหละว่าคุณเจเป็นสะใภ้ที่ดี แต่จริง ๆ เขาไม่ใช่พ่อแม่เราที่เราจะต้องเอาตัวเข้าไปขนาดนั้น จริง ๆ มันก็มีทางเลือกอยู่สำหรับบ้านนั้นในการดูแลแต่แค่เขาผลักภาระมาให้คุณเจเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นคุณเจก็จะต้องให้คุณสามีไปคุย ถ้าสามีไปคุยแล้วเขายังไม่ว่างอยู่แล้วให้เราไปดู เรามีสิทธิ์ที่จะพูดได้ว่าเราไม่ว่างเราทำงาน มันอาจจะดูใจร้ายนะแต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ใจร้ายเลยสิ่งที่คุณเจทำมามันก็ดีมาก ๆ อยู่แล้ว จริง แล้วคุณเจก็รักและอยากดูแลคุณพ่อแต่เราก็มีภาระที่จะต้องดูแล ทั้งดูแลตัวเอง ดูแลสามี ดูแลลูกอีก 2 คนของเราเหมือนกัน’ และ ดีเจต้นหอม ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่มีอะไรเสริมเลย เพราะ 2 คนพูดไปหมดแล้ว ต้องไปคุยกัน ลูกมี 2 คน 2 คนนั้นต้องเป็นคนแบ่งงาน แต่คุณเจก็ไปบอกแฟนหน่อยว่าเรียกพี่ชายมาคุยได้แล้วแค่นั้นเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1