สามีของเพื่อนเรา ทักมาตื๊อ ขอมีอะไรด้วย เพราะภรรยาเขากำลังท้องอยู่ เราปฏิเสธไปแล้วหลายรอบ เค้าก็ทักมาไม่หยุด ตอนนี้กำลังลังเลว่าควรเอาแชทไปให้เพื่อนดู หรือ บอกเพื่อนดีไหม? แต่เขาก็กำลังท้องแก่อยู่ แล้วเราก็ไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนนี้ด้วย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

สามีของเพื่อนเรา ทักมาตื๊อ ขอมีอะไรด้วย เพราะภรรยาเขากำลังท้องอยู่ เราปฏิเสธไปแล้วหลายรอบ เค้าก็ทักมาไม่หยุด ตอนนี้กำลังลังเลว่าควรเอาแชทไปให้เพื่อนดู หรือ บอกเพื่อนดีไหม? แต่เขาก็กำลังท้องแก่อยู่ แล้วเราก็ไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนนี้ด้วย

12 ก.ค. 2024

            “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (10 ก.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแฟนเพื่อนทักมาขอมีอะไรด้วย ทั้งๆที่เพื่อนเราท้องอยู่!

            โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูรู้จักรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ เอ (นามสมมุติ) ตั้งแต่มัธยม จนมหาลัยได้เรียนคณะเดียวกัน แต่คนละสาขา ซึ่งพี่เอเป็นรุ่นพี่ที่คอยรับน้อง หนูได้มีโอกาสเป็นคนคุยกับพี่เอตั้งแต่รับน้องจนถึงปี 2 ก็เลิกคุยกัน แล้วพี่เอก็ได้ไปคบกับเพื่อนร่วมรุ่นของหนู ชื่อว่า บี (นามสมมุติ) หนูไม่ได้สนิทกับบีมาก แต่ก็ได้ร่วมกิจกรรมกันหลายอย่าง จนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

            หลังจากเรียนจบ พี่เอ กับบี ก็แต่งงานกัน ทำธุรกิจร่วมกัน แล้วบีก็ได้ตั้งท้อง ซึ่งใครหลายๆคนอิจฉาคู่รักพี่เอและบีมาก เพราะพี่เอดูแลบีดีมากๆ พ่อแม่ของทั้ง 2 ฝ่ายก็ดีมากๆเหมือนกัน จนเมื่อต้นปีหนูมีโอกาสได้เจอพี่เออีกครั้ง เพราะเปิดธุรกิจใกล้ๆกัน หนูไปร้านพี่เอค่อนข้างบ่อยเพราะว่าเขาขายของกิน ทำให้ได้เจอทั้งพี่เอ บี และครอบครัวเขา จนพี่เอน่าจะเห็นหนูบ่อยๆก็เริ่มทักมาว่าเป็นยังไงว่าง ธุรกิจไปได้ดีไหม? จนเข้าสู่ช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา เขาก็อยากปรึกษากับเรา ทักมาทางเฟซบุ๊ก แล้วก็ขอไลน์เราไป เขาบอกว่า “อยากปรึกษาเรื่องนี้กับเรา แต่คุยในเฟสไม่ได้ เดี๋ยวบีจะหึง” หนูไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเขาคงไม่อยากให้แฟนเข้าใจผิด

            วันนั้นที่เขาทักมาคุย คือ วันที่หนูนัดกับเพื่อนไปเที่ยวร้านเหล้า แล้วหนูก็ถ่ายลงสตอรี่ เขาก็ทักมาว่า “เมามั้ย กลับยังไง?” หนูตอบว่า “ไม่เมา ถึงเมาก็มีเพื่อนกลับ” เขาก็ดึงดันว่าอยากจะพากลับให้ได้ ก็เลยรู้สึกว่าดูแปลกๆ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนดีมากๆเลยไม่ได้คิดอะไร คงจะเเค่เป็นห่วง จนไม่กี่วันต่อมาเขาก็ทักมาคุยเรื่องธุรกิจอีก แล้วก็เริ่มลากเข้าเรื่อง 18+ ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะมานัดกับเรา เขาถามแบบกว้างๆ หนูก็ตอบทั่วๆไป ไม่ได้พิเศษอะไรแบบนั้น แต่พอเริ่มรู้สึกว่ามันเยอะ หนูก็บ่ายเบี่ยงไม่ตอบ พอเวลาผ่านไป เขาก็ขอนัดเพื่อจะมีอะไรกับเรา แต่เราปฏิเสธเพราะเขาก็มีภรรยาแล้ว แถมตั้งท้องใกล้คลอดแล้วด้วย แล้วก็เป็นเพื่อนเราอีก หลังจากนั้นก็ทักมาเดือนละ 1-2 ครั้ง ทั้งๆที่ลงโซเชียลรักแฟน เตรียมตัวเจอลูกที่กำลังจะคลอด ก็ยังทักมาหาหนูเรื่อยๆ แต่หนูไม่ตอบเขาเลย ก็จะมีเจอกันบ้างนานๆที ส่วนในโซเชียลเขาก็มาส่อง เข้ามาอะไรกับเราตลอด แต่กับแฟนเขาหนูไม่ค่อยได้คุยกัน แค่เป็นเพื่อนที่รู้จัก ไม่ได้สนิทมาก

            จริงๆแล้วหนูเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ One night stand (ONS) หรือ Friend with benefits (FWB) บ่อยอยู่แล้ว ผ่านแอปพลิเคชั่นแต่ไม่ได้เปิดรูปตัวเอง หนูเลยสงสัยว่าเขารู้ได้ไง? เพราะเราไม่เคยคุยกับเขาหรือคนทั่วไปเลย หนูอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรบอกบีดีไหมว่าแฟนเขาเป็นแบบนี้? มันจะไปกระทบลูกในท้องมั้ย? บอกไปจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? เพราะเขาแต่งงานกันแล้ว ผู้หญิงไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้’

            โดย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าไม่สนิท พี่ไม่บอก เพราะเราไม่รู้ว่าฝันเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า เขาอาจจะทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วโดยที่ภรรยาของเขาอาจจะรู้หรือไม่รู้ อาจจะเป็นกรณีที่ภรรยาท้องไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ด้วยได้ ก็เลยออกไปแรดช่วงนี้ พี่ว่าไม่สนิทกัน พี่ว่าอยู่แยๆดีกว่า ถ้าเขาไปบอกด้วยความคาดเดาไม่ได้อย่างเช่นบอกแล้วจะยังไง เขาจะเครียดจนมีผลต่อลูกมั้ย แต่ถ้าตอนนี้ไม่ยุ่งกับผู้ชายแล้วอยู่ของเราเองมันก็จะควบคุมปัญหาที่หนูกังวลได้ แต่ถ้าอยากช่วยด้วยวิธีนี้ แล้วยอมรับผลที่ตามมาก็สิทธ์ของหนู แต่ถ้าไม่บอก แล้วสามียังคงเป็นแบบนี้ สักวันภรรยาก็ต้องรู้อยู่ดีแหล่ะ’

            “ดีเจเผือก” ให้คำแนะนำในมุมมองของผู้ชายว่า ‘ยื่นคำขาดกับผู้ขายคนนี้ว่า “พอแล้ว ไม่ต้องส่งอะไรมาแล้ว ถ้ามีอีกเรื่องนี้ถึงหูภรรยาเธอเเน่” เราเตือนไปก่อน’

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘เห็นด้วยกับพี่เผือก ถ้าไม่หยุดก็บอกเขาว่า “พี่หยุดพูดอะไรแบบนี้นะ หนูว่ามันไม่สมควร และมันอึดอัด คิดซะว่าที่ผ่านมาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ เดี๋ยวเราต้องเจอกันอีก ถ้าเป็นอย่างนี้อีกก็คงต้องบอกแฟนพี่จริงๆ” และเห็นด้วยกับพี่เติ้ลว่าถ้าไม่สนิทก็คงไม่บอก พอผู้หญิงท้องแล้ว จะยิ่งคิดมากเพราะฮอร์โมนด้วย มันก็เป็นที่ความซวยของเขาที่ได้ผัวแบบนี้ไป ผู้ชายมันไม่ได้ระบายอะเนอะ มันอยู่ที่สันดานคนแล้วแหล่ะ’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

การที่หนู ทักคนคุยเก่าไปอวยพรวันเกิด สวัสดีปีใหม่ แล้วแฟนมาเห็น โกรธทะเลาะกันบ้านแทบแตก หนูผิดหรอคะ? แค่ทักไปไม่ได้คิดอะไร เพราะมองเขาเป็นเพื่อนคนนึง ถึงแม้จะไม่ได้คุยกันไปแล้ว

31 ม.ค. 2025

การที่หนู ทักคนคุยเก่าไปอวยพรวันเกิด สวัสดีปีใหม่ แล้วแฟนมาเห็น โกรธทะเลาะกันบ้านแทบแตก หนูผิดหรอคะ? แค่ทักไปไม่ได้คิดอะไร เพราะมองเขาเป็นเพื่อนคนนึง ถึงแม้จะไม่ได้คุยกันไปแล้ว

“คุณฟาง (นามสมมติ)” อายุ 32 ปี เป็นสายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล’ เกี่ยวกับปัญหาทักไปอวยพรวันเกิดแฟนเก่าหรือคนคุยเก่า โดย “คุณฟาง (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ปัจจุบันเรามีเเฟนอยู่เเล้ว แต่เราก็เล่นโซเชียล เเล้วเราไปเห็นแฟนเก่าหรือคนคุยเก่าลงวันเกิดเขาเอง เราก็เลยตอบกลับสตอรี่เขาไปว่า Happy Birthday เเค่นั้นเลย เเต่ปกติเราก็ไม่ได้คุยกับเขาในเเชทเป็นการส่วนตัวอยุู่เเล้ว สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาคือตอนนั้นเเฟนปัจจุบันของเรา เข้าไปดูในเเชทพอดี อาจจะเพราะเหมือนเขาตะหงิดใจเลยกดเข้าไปดู เเล้วเขาก็เห็นเเชทว่าเราไป เเฮปปี้เบิร์ดเดย์ คนคุยเก่า เลยมีปัญหากันแบบบ้านเเตกเลย ส่วนที่เราทักไปเเฮปปี้เบิร์ดเดย์เขาเพราะว่าเราเห็นถึงความเป็นมิตรภาพที่จบกันไปเเล้ว เพราะคนที่เรายังติดตามกันอยู่ ส่วนมากก็จบกันด้วยดี เลยเป็นเเบบพี่น้องกัน สำหรับเรา เราก็ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ หลังจากเราทักไปอวยพรวันเกิด ก็ไม่ได้มีประโยคสนทนาอะไรกันต่อ ก็เลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า เราควรทักไป Happy new year หรือ Happy birthday กับเเฟนเก่าหรือคนคุยเก่าไหม แล้วถ้าทำผิดไหม? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้ความคิดเห็นว่า ‘สำหรับมุมผมเลยนะ มันก็มีความสุ่มเสี่ยงกับการทัก เเต่เคสของเเฟนเก่าเนี่ยถ้าเเบบยังรู้สึกว่าโอเค สายสัมพันธ์ยังมีอยู่ กับการ Happy birthday หรือเหตุการณ์วันสำคัญของปีอันนี้โอเค เเต่กับคนคุยอันนี้รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน เพราะว่ามันมีความสำคัญขนาดที่เราจะต้องเเฮปปี้เบิร์ดเดย์หรอ? ซึ่งในมุมของพี่ ในเรื่องของคนคุยเก่า พี่ก็ไม่โอเค เเต่ถ้าเป็นเเฟนเก่าที่จบกันไปแล้วจริงๆ อันนี้ก็ยังพอสามารถเข้าใจได้อยู่’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้ความคิดเห็นว่า ‘อันนี้คือฟางหาเรื่องให้ตัวเองเพราะฝั่งนั้น เขาก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากฟางเลย เเละมันก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลยนอกจากคำว่าหาเรื่องให้ตัวเอง ซึ่งการที่เเฟนของฟางจะโกรธก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เเละหนูก็ควรรู้ไว้ว่าไม่ต้องทำ มันไม่มีประโยชน์อะไรกับทุกฝ่ายเลย เพราะฉะนั้นถ้าอยากอยู่อย่างสงบๆก็เลิกทำ’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้ความคิดเห็นว่า ‘สำหรับหอมเองไม่ใช่เเค่คนคุยเก่าอย่างเดียว เเฟนเก่าก็ไม่ได้ ถ้าเป็นเเฟนเก่าต้องเป็นคนที่รู้ว่าเราคือเเฟนใหม่ของคนปัจจุบัน เเละเราก็ต้องเคยเจอ ตอนนี้ฟางเหมือนอยู่ในภาวะบุคคลสุ่มเสี่ยง ซึ่งถ้ารู้ว่ามันสุ่มเสี่ยงก็ไม่ควรไปหาเรื่อง ลองชั่งน้ำหนักดูว่าทำเเล้ว มันได้ประโยชน์อะไร เพราะความสุ่มเสี่ยงมันสูงกว่าเยอะ เพราะบางเรื่องมันทำไม่ได้ก็ไม่ควรทำ ชีวิตอยู่กับเเฟนดีๆอยู่เเล้ว ไปหาเรื่องให้ตัวเองทำไม ถ้าบอกว่าเราเเค่เเฮปปี้เบิร์ดเดย์ มันก็จะมีคำถามในหัวว่าทำไปทำไม เพราะฉะนั้นอย่าทำเรื่องเเบบนี้ให้มันกระทบกับความสัมพันธ์ของฟางอีก’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำงานขายของฝาก เฝ้าร้านกันอยู่สองคน หนูกับพี่ที่อายุ 30 แล้ว แต่พอเค้าเจอลูกค้าต่างชาติ เค้าวิ่งหนีมาหาหนู ให้หนูพูดอยู่คนเดียว เค้าเคยหาคอร์สภาษาบอกให้หนูไปเรียน แต่เค้าไม่กระตือรือร้นเลย พี่เจ้าของร้านก็ยังเก็บเขาไว้ เพราะเขาขายคนไทยได้

28 ต.ค. 2024

ทำงานขายของฝาก เฝ้าร้านกันอยู่สองคน หนูกับพี่ที่อายุ 30 แล้ว แต่พอเค้าเจอลูกค้าต่างชาติ เค้าวิ่งหนีมาหาหนู ให้หนูพูดอยู่คนเดียว เค้าเคยหาคอร์สภาษาบอกให้หนูไปเรียน แต่เค้าไม่กระตือรือร้นเลย พี่เจ้าของร้านก็ยังเก็บเขาไว้ เพราะเขาขายคนไทยได้

ทำงานขายของฝาก เฝ้าร้านกันอยู่สองคน หนูกับพี่ที่อายุ 30 แล้ว แต่พอเค้าเจอลูกค้าต่างชาติเค้าวิ่งหนีมาหาหนู ให้หนูพูดอยู่คนเดียว เค้าเคยหาคอร์สภาษาบอกให้หนูไปเรียน แต่เค้าไม่กระตือรือร้นเลยพี่เจ้าของร้านก็ยังเก็บเขาไว้ เพราะเขาขายคนไทยได้ ใกล้ high season แล้วทำไงดีคะ? “คุณนก (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [23 ต.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาพี่ที่ทำงานไม่ยอมใช้ภาษาอังกฤษ โดย “คุณนก (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘งานที่หนูทำคือเป็นงานค้าขาย/ขายของโซนทะเล ภาคตะวันออก ซึ่งจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ แล้วช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ฝรั่งเข้ามาเยอะมาก เวลาที่ลูกค้าชาวต่างชาติเข้ามา พี่ที่ทำงานอายุ 30 กว่าๆ เขาไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษ เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ซึ่งเขาจะเลี่ยงให้หนูไปขายของ ไปคุยกับฝรั่งแทน แต่พอลูกค้าคนไทยเข้ามาซื้อ เขาก็ขายปกติ แต่เขาก็ไม่ได้ดูเป็นคนขี้เกียจ หนูก็เคยแนะนำให้เขาใช้มือถือ ใช้ Google หรือไปซื้อหนังสือมาอ่าน เขาก็ไม่เอา ส่วนเจ้านายก็เคยแนะนำเขาแล้วเหมือนกัน เลยทำให้หนูรับภาระมากขึ้นประมาณนึง และก็มีฝรั่งบางคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ต้องแปลเป็นภาษาอื่น เคยมีเหตุการณ์นึงมีฝรั่งมาซื้อของแล้วถามว่าชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่? เขาก็เดินมาตามหนู และบอกให้หนูแปลให้หน่อย เขาฟังไม่ออก แต่ก็มีครั้งนึง เพิ่งผ่านมาได้ไม่ถึงเดือนพี่เขาแนะนำแอปพลิเคชันเรียนภาษาอังกฤษให้หนู เขาบอกว่าไปเจอมาจากใน Facebook / Tiktok มันเป็นแบบทดลองเรียนฟรี หนูก็เลยลองไปทดลองเรียนตามที่เขาบอก แล้วหนูก็ไปบอกเขาว่าหนูเรียนมาแล้วนะ มันเป็นแบบนี้ มันดีมากเลยนะ ได้คุยกับฝรั่งด้วย เขาบอกเขาไม่เอา เขาไม่กล้าลอง สำหรับหนู ถามว่าคุยกับฝรั่งได้ไหม? ก็พอคุยได้ แบบเบสิคๆ สามารถสื่อสารในการขายของได้ แต่ถ้าเป็นคำถามที่ยากเกินไปหนูไม่เข้าใจ หนูก็ยังพยายามเปิด Translate แต่ทำไมพี่คนนี้เขาไม่เอาภาษาเลย ส่วนเงินเดือนเราก็เท่ากัน หนูทำงานก่อนเขา ได้ทำงานด้วยกันประมาณปีนึง เลยอยากจะถามพี่ๆดีเจว่าหนูอยากให้เขาไปเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบเบสิค ง่ายๆ เพื่อเอาไว้ใช้ขายของ หนูจะทำยังไงดี?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สามีเลี้ยงลูกคนละแบบกับเรา เราอยากเลี้ยงแบบให้ลูกสนิทเหมือนเพื่อน มีอะไรก็พูด แต่สามีระเบียบจัด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จนตอนนี้ ลูกคนโต อายุ 12 เริ่มเลียนแบบ พูดจารุนแรง และ คนเล็ก อายุ 5 ขวบ

05 ก.ค. 2024

สามีเลี้ยงลูกคนละแบบกับเรา เราอยากเลี้ยงแบบให้ลูกสนิทเหมือนเพื่อน มีอะไรก็พูด แต่สามีระเบียบจัด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จนตอนนี้ ลูกคนโต อายุ 12 เริ่มเลียนแบบ พูดจารุนแรง และ คนเล็ก อายุ 5 ขวบ

สามีเลี้ยงลูกคนละแบบกับเรา เราอยากเลี้ยงแบบให้ลูกสนิทเหมือนเพื่อนมีอะไรก็พูด แต่สามีระเบียบจัด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้จนตอนนี้ ลูกคนโต อายุ 12 เริ่มเลียนแบบ พูดจารุนแรง และ คนเล็ก อายุ 5 ขวบเริ่มกลายเป็น Perfectionist ไม่กล้าทำอะไรผิด ตอนนี้เราเครียดมาก “คุณเกด (นามสมมติ)” อายุ 38 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (26 มิ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับสามีเลี้ยงลูกด้วยอารมณ์รุนแรงจนลูกคนโตเริ่มทำตาม ส่วนลูกคนเล็กไม่กล้าทำผิด โดย “คุณเกด (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ตอนนี้มีปัญหากับสามี เพราะเรื่องวิธีการดูแลลูกต่างกันมาก สามีอายุ 48 ปีเรามีลูก 2 คน คนโตอายุ 12 ขวบและคนเล็ก 5 ขวบ คือเราจะเลี้ยงลูกเป็นเพื่อน เป็น Safe zone ให้เขา แต่สามีเวลาอยู่บ้านจะหงุดหงิด ฉุนเฉียว จนตอนนี้ลูกคนโตเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ก็ซึมซับพฤติกรรมมาจากพ่อ มีอาการฉุนเฉียวกับเราและน้อง คือถอนหายใจใส่ ขึ้นเสียง ดุน้องด้วยประโยคที่เขาที่โดนพ่อดุ แต่ถ้าพ่ออยู่เขาจะเรียบร้อย เพราะเขากลัวพ่อมาก ส่วนคนเล็กเริ่มติดนิสัยต้องสมบูรณ์แบบเพราะเวลาเขาทำการบ้านนาน อ่านหนังสือผิดเขาก็จะโดนพ่อดุ จนครูมี Feedback กลับมาว่าเวลาที่เขาทำผิดหรือทำไม่ทันเพื่อน เขาจะร้องไห้ ผิดหวังในตัวเอง แล้วก็จะกลายเป็นว่าเขาไม่อยากทำอะไรเลย เพราะกลัวว่าจะทำผิด หรือเวลาครูเข้าไปทักเรื่องนี้ หรือตอนที่เขาไม่ทันเพื่อน ก็จะร้องไห้เลย เราเคยพยายามลองคุยเรื่องการเลี้ยงลูกหลายครั้ง แต่เขาก็จะว่าเรากลับว่าเราเลี้ยงลูกตามใจ แล้วก็ทะเลาะกันทุกครั้ง จนตอนหลังเวลาเขาเริ่มหงุดหงิดเราจะใช้วิธีดึงลูกออกมาแล้วไปที่อื่น สามีเขาทำงานตำแหน่งระดับผู้บริหาร เขาจะสั่งทุกคน อยากให้ทุกคนทำตามที่เขาคิด เรารู้สึกว่าเขาเอานิสัยที่ทำงานมาใช้ที่บ้าน ยกตัวอย่าง ลูกคนโตเขายกนมแกลลอนกระดกกิน (ไม่ใช้แก้ว) พ่อก็จะว่าเลยว่าทำแบบนี้ไม่ได้ นมจะบูด แล้วบังคับให้ลูกนั่งกินนมให้หมดตรงนั้นวันนั้น เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น เราเห็นแค่ทำไมลูกไปอยู่ตรงนั้น เลยไปเปิดกล้องดูแล้วได้ยินบทสนทนา เราเลยไปปลอบลูกแล้วก็เอานมไปเก็บ แล้วเราก็ไปคุยกับสามีที่หลัง หลังจากส่งลูกเข้านอน จนตอนนี้เราแทบไม่กล้าปล่อยให้ลูกอยู่กับสามีตามลำพังโดยที่เราไม่อยู่บ้านเลย เวลาเสาร์อาทิตย์เราพยายามลูกไปเรียนพิเศษข้างนอก เช่นดนตรี กีฬา แต่พ่อเขามองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ มีอยู่วันหนึ่งพ่อเขาอยู่ที่โรงเรียนสอนพิเศษด้วย แล้วมีคุณครูมา Feedback ว่าวันนี้น้องทำอย่างนี้อย่างนั้น เขาก็บอกว่า “กลับไปบ้านผมไม่รู้หรอกนะ ว่าลูกผมได้หรือไม่ได้ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าเรียนยังไง เล่นยังไง” แถมลูกก็อยู่ตรงนั้น พอกลับมาบ้านลูกมาพูดกับเราว่า เขาไม่อยากทำแล้ว เขาไม่อยากเล่นแล้ว เพราะกลัวพ่อ คือตอนที่มีลูกคนแรกคนเดียวสามีไม่ได้เป็นขนาดนี้ ซึ่งเราก็มองว่ามันก็ดีนะ คนนึงเป็นระเบียบ อีกคนนึงคอยดูลูก มันจะได้บาลานซ์กัน อีกมุมนึงเราก็ไม่รู้ว่าวัยทองของเขาหรือป่าว ตอนเป็นแฟนกัน เขาก็มีหงุดหงิดบ้าง แต่ไม่ได้ขนาดนี้ เรารู้สึกว่าเขาจะเคร่งกับลูกมาก อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นพี่คนโต แล้วเป็นครอบครัวคนจีน มีครั้งหนึ่งเขาพูดกับลูกคนโตว่า “ถ้าเรียนจบก็หาเงินส่งน้องเรียนด้วยนะ” ตอนนั้นเราโกรธมาก เราโพล่งออกมาว่า “จะปลูกฝังความคิดแบบนี้กับลูกไม่ได้ เรามีลูกเองเราอย่าไปฝากภาระให้ลูก” เขาก็สวนมาว่า “ก็เขาเป็นแบบนั้น ถูกเลี้ยงมาแบบนั้น” จริงๆเขาแทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับลูกเลย ปกติจะเป็นหน้าที่หลักของเรา ที่จะจัดการเรื่องลูก ส่วนเขามีหน้าที่แค่หาเงิน ช่วยรับส่งลูก เราเลยคิดว่าถ้ามีหน้าที่แค่นี้แล้วทำให้สภาพแวดล้อมลูกแย่ลง มันไม่มีดีกว่าไหม เราอยากปรึกษาว่า อย่างแรกเราจะปรับความคิด พฤติกรรมลูกยังไงดี เพราะในมุมเรา ปรับกับสามีคงยากเกินไปแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าเราแยกกันอยู่มันจะดีกับลูกมากกว่าไหม’ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เด็กในช่วงอายุ 3-5 ขวบ คือช่วงที่หล่อหลอมเลย เพราะยิ่งอยู่ในวับที่มีพฤติกรรมเลียนแบบ เห็นพ่อแม่ทำยังไง เขาก็จะทำแบบนั้น ถ้าพ่อแม่อารมณ์รุนแรงทะเลาะกัน เขาจะมีพฤติกรรมตวาด อาละวาดแน่นอน ต่อให้พ่อแม่ไม่ทะเลาะกัน เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ เขาก็ยังอยู่ในวัยที่จะปลดปลอล่อยอารมณ์ของเขา โรวเรียนที่ลูกผมอยู่เขาสอนว่า “คุณต้องยอมรับอารมณืตัวเอว และรู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ถ้าเสียใจบอกว่าเสียใจ ถ้าโมโหบอกว่าโมโห” เขาอยู่ในวัยที่กำลังแสดงออกทางอารมณ์ของเขามันคือวัยที่บ่งบอกตัวตน ส่วนสามีผมว่าเปลี่ยนเขายาก แต่ทางนึงที่ผมคิดออกคือพากันไปหาจิตแพทย์เด็ก ไม่รู้ว่าสามีจะเปิดใจยอมรับหรือป่าว เพราะแม้กระทั่งกับครู่สอนพิเศษยังพูดแบบนั้น ผมว่ามันเป็น Mindset ที่อาละวาดทุกคนรอบตัวไปหมด ถ้าเป็นเมืองนอกจะเรียกว่า ”Karen “คืออยู่ดีๆก็เดินมาด่าแบบไม่มีเหตุผล ถ้าเป็นเมืองไทย ก็ “มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง” มองลบทุกอย่าง ด่า มีปัญหา การไปพบจิตแพทย์เด็กคือ เขาจะให้คำแนะนำจี้จุด แล้วให้พ่อแม่ไปแก้ไข พฤติกรรมลูกก็จะเปลี่ยน เพราะหายทัน 4-5 ขวบ แต่ลูกที่อายุ 12 ขวบแล้ว ก็พอจะมีวิธีเปลี่ยน ถ้าคุณพ่อไม่ให้ความร่วมมือ คุณแม่ก็จะเหนื่อนิดนึง ต้องคอยอธิบายกับลูก เช่น ”พ่อเขาเหนื่อย เวลาคนเราเหนื่อยก็จะหงุดหงิดง่ายก็เลยเสียงดังออกมา การที่คุณพ่อเหนื่อยเป็นเพราะเขาพยายามหาเงินมาให้ลูกเรียน“ นี่คือวิธีการที่จะประคับประคองอีกฝ่ายหนึ่ง หรือใช้วิธี Good cop - Bad cop คอยช่วยเหลือกัน ถ้าคุณแม่ดุ พ่อก็คุยกับลูกว่า “รู้มั้ยว่าคุณเเม่เขารัก ทำไมเขาถึงดุ“ ถ้าพ่อดุ คุณแม่ก็ต้องทำเหมือนกัน ต้องช่วยกันแบบมากๆ แล้วที่คุณเกดถามว่ายังต้องมีสามีอยู่มั้ย ผมตอบไม่ได้จริงๆ ว่าการที่มีหรือไม่มี สุดท้าย ปลายทางมันจะดีหรือไม่ดี แต่อยู่ที่ว่า คุณเกดต้องการพาครอบครัวไปที่ปลายทางจำนวนเท่าไหร่ ถึงแม้เราจะรู้ว่าที่พ่อทำไปมันแค่หงุดหงิดและอยากระบายอารมณ์ใส่ลูก แต่เราก็ยังพอมีวิธีที่จะช่วยกันให้กลายมาเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกได้ อย่างบ้านของผม จะไม่คุยกันต่อหน้าลูกทั้งสิ้น ลูกขึ้นนอนแล้วเราจะมาทบทวนกัน ปรึกษากัน ในสิ่งที่เราปฏิบัติต่อลูก ต้องบาลานซ์ทุกวัน และที่สำคัญคือต้องฟังกันและกัน วิธีการเลี้ยงลูกในทุกวันนี้ เราต้องรู้ว่าเด็กโตมาในสังคมที่ไม่เหมือนกับตอนที่เราโต เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะใช้วิธีการแบบที่คุณโตมา เพราะสังคมมันเปลี่ยนไปเเล้วจากหน้ามือเป็นหลังมือ มีคนบอกว่าการเลี้ยงลูกคืองานศิลปะที่ต้องค่อยปั้นช้าๆตั้งแต่เป็นดิน มันจึงต้องให้ความร่วมมือกันมากๆระหว่างพ่อและแม่ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือ ผมก็เห็นด้วยกับคำที่ว่า “ไม่มีน่าจะดีกว่า” ในบางครั้งมันก็อาจจะเป็นจริง ถ้าเขาเปิดใจรับทุกอย่างยังพอช่วยได้ แต่ถ้าไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเกด’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำต่อว่า ‘หอมจะเรียกสามีมาคุย แล้วก็บอกว่าลูกคนโตมีพฤติกรรมแบบนี้ แล้วคุยครูก็บอกอีกว่าลูกคนเล็กมีพฟติกรรมแบบนี้ทนั่นแปลว่าตอนนี้มีปัญหา แล้วปัญหาจะมาจากพ่อแม่ ฉนั้นวันนี้เราจะจูงมือกันไปหาจิตแพทย์เด็ก แต่ถ้าเขาไม่ไป หอมก็จะปกป้องลูกทุกวิธี บอกเขาไปว่า ถ้าไม่ไปก็ต้องเปลี่ยนตัวเอง แล้วเราจะไม่ทะเลาะต่อหน้าลูก เวลาอยู่ต่อหน้าลูกเราจะพูดถึงพ่อในทางที่ดี ไม่ว่าพ่อจะดุ หรือหงุดหงิด เราจะบอกกับลูกว่า “ลูก วันนี้พ่อทำงานเหนื่อยนะเลยเป็นแบบนี้” แล้วเราจะมาด่าพ่อทีหลัง พอมาอยู่ในห้องสองคน พูดไปเลยว่า “คุณไม่ควรพูดกับติวเตอร์แบบนี้” จะทะเลาะก็ทะเลาะ เราจะทะเลาะจนกว่าคุณจะรำคาญ วันนึงเขาจะรำคาญ เขาจะไม่อยากทะเลาะกับเรา เพราะฉะนั้นจะมีทางเลือก 2 ทาง 1. คุณเปลี่ยนตัวเอง หรือ 2.ให้ฉันเปลี่ยนคุณ แล้วถ้าเขาไม่เปิดใจที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ กับความคิดเด็กชุดใหม่ของเด็กยุคนี้ ปกป้องลูก โดยการเปลี่ยนพ่อ บอกเขาไปแบบนี้เลย ว่าเราไม่อยากให้ลูกเหมือนเขา แล้วถ้าเขาบอกว่าเราเลี้ยงลูกตามใจเกินไป เราก็บอกไปเลยว่า “งั้นไปพบจิตแพทย์ด้วยกัน ไปดูว่าวิธีเลี้ยงลูกที่ถูกต้องเลี้ยงยังไง ฉันยินดีจะปรับตัว แล้วคุณยินดีจะปรับตัวหรือป่าว” ถ้าเขาบอกว่าเขาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว งั้นก็แปลว่าลูกไม่ได้เหมาะกับคุณ คุณไม่เหมาจะมีลูก อย่ามีลูกเลย ไปคุมลูกน้องนั่นแหล่ะดีแล้ว’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องหาคนกลางมาตัดสิน เพราะเถียงกันไปเกียงกันมา เขาไม่ฟังเราหรอก ให้หมอบอกตัดสินว่าอะไหนทำถูกหรือผิด ถ้าเขายอมฟัง สิ่งที่เขาทำผิด คือต้องปรับตัว แต่ถ้าไม่ปรับตัว งั้นก็ไม่ต้องยุ่งกับการเลี้ยงลูก เดี๋ยวฉันทำหน้าที่นี้แทน แล้วถ้ายังมายุ่งกับลูกอีก ก็จะส่งลูกไปโรงเรียนประจำ คือทำยังไงก็ได้ให้ลูกไม่ต้องอยู่กับเขา เพราะเห็นใจ มันยากมากถ้าใช้วิธีอธิบายว่าทำไมพ่อถึงหงุดหงิดใส่ แล้วก็ไม่ได้การันตีว่าลูกจะเข้าใจในสิ่งที่เราพูด’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมาทำงานที่ใหม่ได้ปีกว่าๆ ปัญหาที่เจอทุกวัน คือตอนนี้หนูมีหัวหน้า 2 คน แต่หัวหน้า 2 คนนี้เขาไม่ถูกกัน ความคิดไปกันคนละทางเลย แต่เขาสองคนทำงานเก่งทั้งคู่ คนนึงไม่พอใจอะไร ก็จะฝากหนูไปบอกอีกคนนึง อีกคนนึงไม่ยอมมาคุยด้วยอีก ให้หนูเป็นคนกลางทุกเรื่อง

30 พ.ค. 2025

หนูมาทำงานที่ใหม่ได้ปีกว่าๆ ปัญหาที่เจอทุกวัน คือตอนนี้หนูมีหัวหน้า 2 คน แต่หัวหน้า 2 คนนี้เขาไม่ถูกกัน ความคิดไปกันคนละทางเลย แต่เขาสองคนทำงานเก่งทั้งคู่ คนนึงไม่พอใจอะไร ก็จะฝากหนูไปบอกอีกคนนึง อีกคนนึงไม่ยอมมาคุยด้วยอีก ให้หนูเป็นคนกลางทุกเรื่อง

หนูมาทำงานที่ใหม่ได้ปีกว่าๆ ปัญหาที่เจอทุกวัน คือตอนนี้หนูมีหัวหน้า 2 คน แต่หัวหน้า 2 คนนี้เขาไม่ถูกกันความคิดไปกันคนละทางเลย แต่เขาสองคนทำงานเก่งทั้งคู่ คนนึงไม่พอใจอะไร ก็จะฝากหนูไปบอกอีกคนนึงอีกคนนึงไม่ยอมมาคุยด้วยอีก ให้หนูเป็นคนกลางทุกเรื่อง ตอนนี้ Performance การทำงานของหนูไม่คืบหน้าเลยเพราะหลายๆเรื่องโดนขัดโดยการตัดสินใจของหัวหน้าทั้ง 2 เจอแบบนี้ทุกวันบั่นทอนสุดๆ ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไงคะ? “คุณเมย์ (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [28 พ.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาหัวหน้าสองคนมีความเห็นไม่ตรงกัน ไม่คุยกันเลย เราที่เป็นคนกลางก็หนักใจ โดย “คุณเมย์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีหัวหน้าสองคน ซึ่งมี direction ไม่ตรงกัน แต่ที่ต้องมีหัวหน้าสองคนเพราะเริ่มแรกที่เข้ามาทำงานที่นี่ หนูอยู่ภายใต้หัวหน้า A มาตลอด 1 ปี แต่เมื่อบริษัทมีการปรับผังองค์กร ก็เลยได้มาอยู่ภายใต้หัวหน้า B ซึ่งก็จะอยู่ภายใต้หัวหน้า A อีกทีนึง ประเด็นคือเขาไม่คุยกัน จะให้เมย์คุยแทนตลอด เดิมทีหัวหน้าสองคนนี้สนิทกันมาก แต่เคยมีปัญหาเรื่องการทำงานทำให้เกิดจุดแตกหักกันตั้งแต่นั้นมา ปกติหัวหน้า A จะคุยกับหัวหน้าคนอื่น ๆ เยอะมาก แต่กับหัวหน้า B คนนี้ คุยกันนับครั้งได้ ซึ่งก็อาจจะไม่ถึง 20 ครั้ง/ปี เวลาเขามีความเห็นไม่ตรงกัน การตัดสินใจอาจจะมาจากตรรกะของเขาจริง ๆ บ้างหรือบางครั้งก็มีความอคติที่อยากจะค้านในเรื่องนี้ด้วย แต่เขาจะกันไม่ค้านต่อหน้า ถ้าเมย์รู้สึกว่าอยากจะให้เขาไปคุยกันจังเลย เขาก็จะตอบกลับว่า "พี่ไม่คุย เธอไปคุย" งานมันก็เลยจะหนักมากขึ้น ปกติถ้าคนอื่นทำงานเสร็จภายใน 1-2 ชั่วโมง ของหนูจะเป็น 3-4 วันเพื่อให้มันจบ เพราะจะต้องแก้งานไปเรื่อย ๆ จากตอนแรกแก้ผ่าน A พอไป B ก็โดนตีกลับมา พอตีกลับมา A ก็บอกว่าไม่เอา ให้ทำใหม่ มันก็เลยหนักขึ้นมาก ๆ แต่หนูก็ทำงานนี่มา 1 ปีแล้ว ตอนนี้เรื่องราวไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่หัวหน้า A และหัวหน้า B แต่ถึงขั้น C Level แล้วด้วย ซึ่งตัวงานของหนูจะต้องผ่านหัวหน้า B-A-C ตามลำดับ หนูเคยคุยกับ B และ C เรื่องPerform ตก แต่เขาจะมองภาพรวมขององค์กรเป็นหลัก ถ้าเขาเห็นว่าหนูทำไม่ได้เท่าคนอื่น เขาจะไม่ถามถึงเหตุผลแต่เขาจะมองว่าทำไมหนูถึงทำไม่ได้ ซึ่งหนูเคยพยายามบอกไปแล้วว่างานหนูโหลดมากถ้าเทียบกับคนอื่น และงานของหนูก็พิเศษกว่าคนอื่นไปอีกขั้นหนึ่ง ทำให้ปัญหาที่ต้องแก้ก็มีมากกว่าคนอื่น หนูเคยเสนอ solution ไปแล้ว เพราะหนูจะได้ทำงานสะดวกขึ้น แต่ก็ต้องผ่านการ approve กับหัวหน้า B และ A ก็ทำให้หนูไม่ผ่านสักทีเพราะเขารู้สึกว่าเรายังทำได้ หนูก็เลยรู้สึกว่าทำไมอยู่ยากจัง หนูเครียดมากเลยเพราะหนูโดนความคาดหวังที่สูงกว่าคนอื่น เขามองว่าหนูมีความสามารถ ซึ่งจากตำแหน่งเดิมหนูก็ทำได้ดีเลย ไม่ได้แย่ แต่ตรงนี้ถ้าหนูมีพื้นที่ให้ทำงานเหมือนคนอื่นก็พอจะทำได้ พอเขามองว่าทำไม Performance หนูไม่ออกสักที หนูก็เครียด ก็เลยอยากถามว่าพี่ ๆ ว่า ถ้าเป็นพี่ ๆ จะลาออกเลยไหมทั้งที่ยังไม่มีงานรองรับ’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ก่อนจะตัดสินใจออกจากงาน พี่จะต้องให้คนในบริษัทได้รับรู้ก่อนโดยเฉพาะหัวหน้า C ถึงแม้เขาจะมองภาพรวม แต่พี่ก็จะบอกเหตุผลไปว่าทำไม Performance เราถึงร่วงลง แล้วก็จะเล่าปัญหาเรื่องคนสองคนที่ความคิดเห็นไม่ตรงกันให้เขาฟัง เพราะพี่ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องนี้จริง ๆ แต่ถ้าหากถูกเมินเฉย ปัญหายังคงไม่ถูกแก้ไข ทำงานต่อไปพี่ว่าหนูคงจะได้ชาเลนจ์ตัวเองทุกวันเลย และมัน Uncomfort เกินไป พี่ก็ห่วงว่า ถ้าเมย์เจอเรื่องแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ประสิทธิภาพในการทำงานของเมย์ก็จะพินาศเหมือนกัน สุดท้ายพี่ก็จะประเมินตัวเองว่าพี่มั่นใจขนาดไหนที่จะออกไปหางานทำข้างนอก ถ้ามั่นใจว่าเก่งจริงพี่ว่าก็ออกมาเลย’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘บริษัทส่วนใหญ่ก็จะมี HR เอาไว้จัดการปัญหาเหล่านี้ ตอนนี้ HR จะต้องลงมาแก้ไขปัญหานี้แล้วเพราะเขาต้องบริหารทรัพยากรบุคคล แต่ถ้าเมย์บอกว่า HR ที่นี่ไม่แข็งแรงก็ออกมาเถอะ เพราะการที่บริษัทนึงมีบุคคลที่ไม่ดี เรายังมีสิทธิ์ที่จะเติบโตไปแทนได้ แต่ถ้าบริษัทมีโครงสร้างโดยรวมที่ไม่ดี ก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไมเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกงานใหม่ที่ดีกับเราเหมือนกัน ตอนนี้เหมือนอยู่ในโหมดเอาตัวรอดแล้ว เพราะสิ่งที่เมย์แบกไว้มันกำลังกลับมาทำให้เมย์เดือดร้อนเอง พี่มองว่าถ้าจะมีคนไหนมาช่วยเราได้ต้องเป็น HR แต่ถ้า HR ยังช่วยไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าบริษัทนี้จะดูแลคนที่ทำงานให้เขาได้อย่างไร เขาต้องได้รู้ว่า ปัญหาของคนระดับสูงทำให้คนที่อยู่ในส่วนปฎิบัติการทำงานไม่ได้ เขาต้องจัดการบางอย่าง ปล่อยไว้แบบนี้บริษัทก็ตายอยู่ดี สุดท้ายแล้วเมย์ต้องคำนึงถึงตัวเองเป็นหลักเพราะบริษัทถ้าไม่มีเราเขาก็หาคนอื่นมาแทนได้ แต่อนาคตของเรา เราควรเป็นคนที่ต้องดีไซน์ออกมาเอง อยู่ที่ไหนแล้วแย่ลงก็อย่าไปอยู่ อยู่ที่ไหนและเจริญเติบโตก็ไปอยู่ได้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แนะนำวิธี Survival ให้เข้าทาง A แล้วค่อยจัดการ B เพราะ A ใหญ่กว่าเราก็เป็นลูกสมุน A ไปเลย ใช้คำสั่งของ A มาสั่ง B อีกทีนึง ถ้าเกิดปัญหาก็บอกว่า A Approve แล้วให้ไปคุยกับ A เอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1