ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

12 ก.ย. 2023

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ

เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที

กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน

ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

อยากได้วิธีการจากทุกคนว่าควรทำยังไงดี ถ้าเจอแบบนี้??

        “คุณนิ (นามสมมุติ)” สายสุดท้ายของรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ก.ย.66] ได้โทรเข้ามาปรึกษาพี่ๆดีเจ ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก เกี่ยวกับปัญหาอยากรู้ว่าทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลท

        โดย “คุณนิ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ที่มหาวิทยาลัยจะให้เรียนคาบละ 50 นาที แล้วก็จะมีให้เดินทาง 10 นาที เพื่อที่จะไปเรียนวิชาใหม่ แต่จะมีอาจารย์คนหนึ่งก็คือสอนครบ 60 นาทีเลย  แล้วตัวอาจารย์เขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะดุมาก อาจารย์เขาก็จะเข้าสอนก่อนเวลา ที่เขาปล่อยช้าบางทีก็ชอบเม้าท์ บางทีก็สอนบ้าง มันก็จะมีบางทีที่เขาสอนไม่ทันค่ะ หรือบางทีเขาก็สอนเสร็จเเล้วแต่ก็พูดเรื่องอื่นต่อ วิชานี้เป็นวิชาที่สาขาวิชาที่จะต้องเจอตลอด ๆ เลย

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

อากง อาม่า ให้เราออกจากงานประจำมาเป็น CEO ดูแลธุรกิจกงสี เราต้องวางระบบใหม่ทั้งหมด ทั้งๆที่เราเป็นลูกคนกลาง พี่ชาย น้องชาย ไม่เห็นต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย พี่ชาย กับ น้องชายเรา เอาเงินกงสีออกมาใช้ซื้อรถหรูไปใช้

01 ส.ค. 2025

อากง อาม่า ให้เราออกจากงานประจำมาเป็น CEO ดูแลธุรกิจกงสี เราต้องวางระบบใหม่ทั้งหมด ทั้งๆที่เราเป็นลูกคนกลาง พี่ชาย น้องชาย ไม่เห็นต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย พี่ชาย กับ น้องชายเรา เอาเงินกงสีออกมาใช้ซื้อรถหรูไปใช้

อากง อาม่า ให้เราออกจากงานประจำมาเป็น CEO ดูแลธุรกิจกงสี เราต้องวางระบบใหม่ทั้งหมดทั้งๆที่เราเป็นลูกคนกลาง พี่ชาย น้องชาย ไม่เห็นต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย พี่ชาย กับ น้องชายเราเอาเงินกงสีออกมาใช้ซื้อรถหรูไปใช้ หลายครั้งที่รู้สึกว่า ได้รับการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมน้อยใจกับสิ่งที่เจอมาก ล่าสุดเราไปช่วยอากงขายที่ดินได้แต่อากงกลับบอกว่าให้หารพี่น้องเท่าๆกันทุกคน “คุณสอง (นามสมมติ)” สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 ก.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเป็นลูกสาวคนกลางในครอบครัวเชื้อสายจีน ทำทุกอย่างมากกว่าลูกชายสุดท้ายได้ผลตอบรับไม่เท่ากัน โดย “คุณสอง (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วอาม่าหนูเสีย แต่ก่อนจะเสียได้มีการเรียกลูกหลานทุกคนกลับมารวมตัวกันแล้วประกาศว่าจะยกกิจการกงสีของบ้านที่ต่างจังหวัดให้กับหนู ทำให้หนูต้องลาออกจากงานประจำที่กรุงเทพเพื่อมาดูแลต่อ ตั้งแต่มาอยู่ก็รู้สึกว่าเหนื่อยจังเลย เรารู้ว่าอากงรักเราแต่มันดันเป็นความรักแบบ Tough Love ไม่ว่าจะทำอะไร ก็รู้สึกว่าดีไม่พอ อากงก็จะชอบพูดว่า “เนี่ย ทำไมยอดขายได้เท่านี้เอง ทำไมทำได้แค่นี้ มันไปไหนหมด!” ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกที่มาทำมันเครียดมากเลย การเงินก็สะเปะสะปะไปหมด อากงมักจะคิดว่าหนูเอาเงินไปใช้คนเดียว พอหนูเริ่มเข้ามาเคลียร์ว่าเงินไหนใช้ในกงสี เงินไหนไว้ใช้จ่ายในบ้าน ก็ได้รู้ว่าไม่ใช่เราหนิที่ใช้เงิน เงินจากกงสีก็ถูกคนในบ้านดึงไปใช้เยอะมาก พี่ชายกับน้องชายก็ได้รถหรูไปคนละคัน ในขณะที่หนูยังต้องซื้อรถใช้เองอยู่เลย ก็เลยเริ่มมีความน้อยใจ เพราะหนูทั้งลาออกจากงาน ทั้งยอมห่างกับแฟน แต่ที่สำคัญที่บ้านก็ไม่ชอบให้คบกับแฟนคนนี้อีกเพราะเขามองว่าแฟนเรามีที่ติ พ่อแม่แยกทางกันแถมแม่ก็เสียแล้ว เขากลัวแต่งแล้วจะไม่มีญาติมา เขาอยากให้หนูไปแต่งกับกงสีชาวจีนด้วยกันมากกว่า ส่วนตัวด้านการทำงานไม่มีปัญหาเลยเพราะมันคล้ายกับงานประจำที่เคยทำมาแต่จะมีปัญหาจิตใจมากกว่าที่เขากดดันหนู แล้วเป็น Tough Love แบบคนจีนเลยจริง ๆ ทำอะไรก็ดีไม่พอ ล่าสุดหนูช่วยขายที่ดินให้จนได้ แต่อากงกลับบอกว่าให้หารเงินเท่ากันทุกคน ทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนพาไป โดยเขาก็บอกอีกว่าหนูไม่ต้องเอาหรอก ได้จากเงินกงสีไปแล้ว แถมได้เยอะกว่าเพื่อนเลย แต่บางทีหนูก็รู้สึกว่าน้อยใจจัง หนูกับพี่น้องไม่ได้มีปัญหากันแค่เป็นความรู้สึกของคนที่ทำมากกว่าว่าเราควรได้มากกว่าหรือเปล่า หนูไม่รู้ว่าหนูคิดไปคนเดียวหรือเปล่าว่า หรือเพราะหนูเป็นลูกสาวคนเดียวแถมเป็นคนกลางด้วย พี่ชายรับราชการ น้องชายก็เล่นหุ้นออกงานสังคม อากงเลยบอกว่าอย่าไปยุ่งกับพี่น้องนะเพราะเขามีหน้ามีตาในสังคมแล้ว หนูก็เลยแอบรู้สึกว่าทำไมต้องเป็นหนูที่ต้องคอยเสียสละทุกอย่าง ต้องคอยดูแลคนในบ้านซึ่งก็มีแต่ผู้สูงอายุที่เอาใจยากมากเลย ตอนอยู่กรุงเทพต่างคนต่างใช้ชีวิตของตนเองไม่มีปัญหาเลย หนูอยู่กับแฟน คบกันมา 4 ปี จนมีการวางแผนแต่งงานกัน หนูรักแฟนคนนี้มาก แฟนก็น่ารักกับหนูมาก เขาพร้อมที่จะแต่งเข้าในบ้านหนูด้วย ขนาดเราเองยังอยากออก แต่เขาเต็มใจที่จะแต่งเข้าเพราะเห็นว่าหนูเหนื่อย ผู้ชายแบบนี้คือมันหาไม่ได้แล้ว หนูเคยพูดคุยกับพ่อแม่แล้วแต่ก็เหมือนไม่มีใครอยู่ข้างหนูเลย เขาก็ไม่ชอบแฟนหนู เวลาพาแฟนมาเจอเขาก็จะทำหน้าขรึม ๆ ไม่ยิ้ม ไม่ต้อนรับ อาม่าอากงเลยชอบแนะนำว่าบ้านนั้นดีมากเป็นเพื่อนในวงกันเอง อารมณ์อยากให้ดองกัน เขาคงคิดว่าถ้าได้แต่งงานกับคนที่รวยกว่าอาจจะสบายขึ้นก็ได้ หนูว่าการที่หนูเข้ามาทำในสิ่งที่รุ่นอากงอาม่าเขาไม่ทำ หนูเข้มงวดขึ้น ทุกคนก็คงจะคิดว่าเขาได้ผลประโยชน์น้อยลงด้วย หนูก็เลยอยากได้กำลังใจจากพี่ ๆ รวมถึงอยากได้ความคิดเห็นจากพี่ ๆ ว่าทำยังไงดีให้เรา compromise อยู่ได้ แล้วในอนาคตถ้าอยากแต่งงานกับคนนี้จะทำยังไงดี มีวิธีการไหม?’ เริ่มจาก “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องขอส่งกำลังใจให้เพราะไม่ใช่แค่เราที่เจอปัญหาแบบนี้แน่ ๆ เวลาดูหนังมาแล้วรู้สึกตรงกับชีวิตตัวเองแปลว่าหนังก็เขียนมาจากเรื่องชีวิตจริงของเขาเหมือนกัน มันเป็นเรื่องที่คนไทยเชื้อสายจีนเจอกันหมดทุกแซ่ ทุกตระกูลอย่างไม่น่าเชื่อ คงต้องรอให้เกิดการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยไปก่อน ให้มันค่อย ๆ คลายความคิดและวัฒนธรรมนี้ไป ซึ่งมันกำลังเปลี่ยนแหละแต่เราดันมาเจอช่วงเปลี่ยนผ่านพอดี แต่ในเมื่อเกิดมาในครอบครัวนี้แล้ว แถมชีวิตตอนนี้เราเป็นคนเลือกเอง ก็คงทำได้แค่ต้องเข้าใจมัน เพราะฉะนั้นถ้ามันจำเป็นต้องอยู่ในเส้นทางที่เหนื่อยใจแบบนี้ก็แนะนำให้มีคนที่เราเลือกเองคอยอยู่ข้าง ๆ ให้เราได้พักบ้าง อย่างน้อยก็เป็นสิทธิ์อย่างหนึ่งของเราที่ต้องได้เลือกคู่ครองด้วยตัวเอง สุดท้ายแล้วคนที่เราเลือกไม่ได้ทำให้กิจการครอบครัวเสียหายหรืออาจจะดีขึ้นด้วยซ้ำ เราก็ควรจะพักผ่อนหัวใจบ้าง และการจะได้แต่งงานกับคนนี้ได้คงต้องใช้เวลาเพราะตลอดเวลาที่คบกับก็ไม่ได้ไปเจอกับที่บ้านบ่อย การเอาชนะใจคงต้องใช้เวลา เพราะจากที่เล่ามาก็ไม่น่าจะถึงขั้นสั่งให้เลิกแล้วจะคลุมถุงชนหรอก สักวันเขาจะรับเขยคนนี้ได้ มันก็อยู่ที่การกระทำของแฟนเราด้วย ถ้าไปแบบเรียบร้อย ใจเย็น เข้ากับผู้ใหญ่ได้ก็ไม่นานหรอก’ ต่อไป “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าจะ compromise ก็ต้องมองเรื่องนี้เป็นเรื่องดีให้ได้ ซึ่งเข้าใจว่ายากแต่ก็ต้องพยายาม พี่เชื่อว่าเราชินแล้วเพราะเราเติบโตมาในครอบครัวนี้ เพียงแค่ตอนนี้มันหนักเกินไปจนอยากหาที่ระบาย ถ้ารู้สึกว่าอันไหนไม่สมเหตุสมผลเรามีสิทธิ์พูดออกมาได้ เฮงซวยก็พูดออกมาได้ พี่ว่าเราต้องทำให้เขาเห็นว่าในเมื่อเลือกเรามาจัดการกงสีนี้แล้ว เขาต้องเคารพในสิ่งที่ตัวเราตัดสินใจ เพราะไม่งั้นให้เอาคนอื่นมาทำแทน พยายามมองในแง่ดีว่าการที่เขาเลือกเราแปลว่าเขาเห็นแล้วว่าเราทำได้ ถ้าให้พี่กับน้องมาทำคงไม่รอด ทำให้เขาเคารพเราให้ได้ แต่ไม่ใช่บ้าอำนาจ แค่ต้องอธิบายว่าที่เราทำคืออะไร เพื่ออะไร แต่ถ้าถึงจุดที่อธิบายแล้วไม่เข้าใจ ไม่มีใครฟัง ก็สามารถพูดออกไปได้ว่างั้นให้คนอื่นทำ ในเมื่อเราขึ้นมารับหน้าที่นี้แล้วก็อย่าให้คนอื่นมาแทรกแซงโดยไม่สนอะไร ส่วนเรื่องการแต่งงานคิดว่าก็ต้องใช้เวลาเพราะเรารู้อยู่แล้วว่าบ้านนี้มันไม่ง่ายมันต้องใช้ความสม่ำเสมอ ใช้เวลาในการพิสูจน์ อีกอย่างถ้าเราทำให้เขารู้สึกได้ว่าขาดเราไปไม่ได้ การต่อรองในอนาคตก็จะง่ายขึ้น เรื่องการเลือกคู่ครองก็จะง่ายขึ้นให้ทุกคนยอมรับว่านี่คือสิ่งที่เราเลือกแล้ว’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่พี่จะบอกคงเป็นตัวเลือกสุดท้ายเพราะคุณสองคงยังไม่กล้าทำคือเรียกทุกคนในบ้านมานั่งคุย ว่าให้เรามาอยู่ตรงนี้จะยื่นคำขาดว่าจะวางทุกอย่างให้เป็นระบบแล้วนะ คนทำงานจะต้องได้เงินมากกว่า ฉะนั้นใครอยากได้ค่าตอบแทนจากกงสีนี้ก็ต้องมาทำงานเพื่ออากงจะได้ไม่พูดกับเราว่ามีปัญหาเรื่องเงิน แต่ถ้าวางระบบแล้วอากงยังมีปัญหาเราก็เปิดแพลตฟอร์มให้ดังกว่าน้องชาย เพราะเขาบอกน้องมีหน้ามีตาในสังคมเราก็ทำคอนเทนต์เลย เรื่องงานจบแล้วก็คุยเรื่องต่อไปเลย ก็แนะนำแฟนให้ทุกคนรู้จักแล้วพูดว่า “เวลาเจอกันทุกครั้งช่วยรักษามารยาทด้วยคนนี้คือพ่อของลูก อันนี้ไม่ได้มาขอ แต่มาบอกให้รับทราบและทั้งหมดนี้ใครมีปัญหาเราจะขายกิจการแล้วก็แบ่งเงินเอาไปตั้งตัวด้วยกันทั้งหมด” พี่เชื่อว่าอากงมีปัญหาแน่ ๆ แต่ก็เน้นว่า “ไม่ได้มาขอ มาแจ้งให้ทราบ” ส่วนถ้าเป็นในชีวิตจริงที่น่าจะกล้าทำ พี่จะแนะนำว่าให้แต่งงานแล้วพาแฟนมาอยู่ด้วย ให้ช่วยทำงาน ให้ทำรายได้หรือทำสิ่งแปลกใหม่ที่บริษัทนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ให้เขารู้ว่าสิ่งนี้มาจากเราและแฟน แล้วอากงก็จะยอมรับเพราะบ้านไหน ๆ ก็หวงเรื่องเงินทั้งนั้น อำนาจอยู่ในมือแล้วหรือถ้าใครไม่โอเคกับแฟนคนนี้ก็เชิญย้ายออกได้เลย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+” หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ? มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?”

06 มิ.ย. 2025

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+” หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ? มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?”

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+”หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ?มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?” พอหนูตอบทุกอย่างตามจริง ผลออกมา ไม่ผ่าน ทั้งๆที่ หนูสอบปฏิบัติ ทดสอบร่างกายหนูทำได้ดีทุกอย่าง คะแนน 200 ได้ 170 คะแนน เหมือนความพยายามทั้งหมดที่หนูฝึกฝนมา 7-8 เดือน สูญเปล่าไปเลยแต่เพื่อนผู้ชายแท้ว่ายน้ำไม่ได้ ทำคะแนนไม่ดี กลับสอบติดตัวจริง ปีหน้าคงหมดหวังแล้วเพราะอายุหนูเกิน “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [4 มิ.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการสอบทหาร ซึ่งทำได้ดีในทุกรอบ แต่ตกรอบสัมภาษณ์เพราะเป็น LGBTQIA+ โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูอยากเป็นทหาร เลยเตรียมตัวฝึกฝนจนสอบผ่าน แต่มาตกเอารอบสัมภาษณ์ เพราะหนูเป็น LGBTQIA+ หนูเคยผ่านการเป็นทหารเกณฑ์มาก่อน รู้สึกว่าระบบการทำงานมันตอบโจทย์กับหนู ถึงจะเป็นแบบนี้ก็จริง แต่หนูไม่ชอบทำงานนั่งสวย ๆ ในออฟฟิศเท่าไหร่ หนูชอบงานท้าทาย ตอนไปสอบก็พยายามแอ๊บแมน และในวันที่สอบสัมภาษณ์ ปกติแล้วคำถามในการสัมภาษณ์มันควรจะถามเกี่ยวกับองค์กรที่เราจะเข้าไปทำงานใช่ไหม? แต่อันนี้เขาไม่ถามเลย เขาถามแค่ว่า เป็นตุ๊ดใช่ไหม มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม เป็นรุกหรือเป็นรับ? เขาถามแค่เรื่องเพศสภาพของหนู เขาไม่ถามเกี่ยวกับทหารเลย หนูคิดว่าเขาคงไม่อคติขนาดนั้น เพราะในส่วนต่าง ๆ หนูทำได้ดีมาก ตอนเทสร่างกายเขาให้ว่ายน้ำ วิ่ง ดันพื้น และดึงข้อ หนูทำได้ดีเกือบทุกสนามจนหนูยังตกใจตัวเอง ขนาดกรรมการยังถามว่า ไปกินอะไรมา แต่คนที่เขาเลือกให้ผ่านเข้าไป กลับเป็นคนที่ได้คะแนนน้อยกว่าหนู ที่หนูรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับหนู คือ เพื่อนที่ไปสอบด้วยกัน เขาเป็นชายแท้ แต่เขาว่ายน้ำไม่ได้ ทำคะแนนได้ไม่ดี ซึ่งคะแนนเต็มทั้งหมด 200 คะแนน หนูทำได้ทั้งหมด 170 คะแนน ตอนนั้นหนูเลยไม่มีความคิดว่าจะไม่ติด เพราะเราเตรียมตัวมาดี ทำให้หนูคิดว่า พอเราเป็นแบบนี้แล้วทำไมไม่ให้โอกาสเราเลย ถ้าคุณบอกว่าการเป็นทหารต้องแข็งแรง หนูก็ทำให้เห็นแล้วว่าหนูทำได้ แล้วทำไมถึงไม่เอาหนูเข้าไป หนูน้อยใจในจุดนี้ หนูใช้เวลาทั้งหมด 8 เดือน ทั้งอ่านหนังสือ ฝึกฝน เตรียมร่างกาย หนูทำไปเพื่ออะไร? หนูออกไปวิ่งทุกเช้าทุกเย็น จริง ๆ หนูเคยไปสอบอีกสนาม หนูก็ไม่ผ่าน ซึ่งสนามนั้นหนูรู้ว่าหนูพลาดอะไร หนูเลยไม่ได้อะไรมาก แล้วในกฏเขาก็ไม่ได้มีเขียนบัญญัติไว้ว่าห้ามรับ LGBTQIA+ แถมตอนสัมภาษณ์หนูยังโดนย้ายไปห้องสอบสัมภาษณ์พิเศษ แต่ก็โดนถามแค่คำถามเดิม ๆ ที่เกี่ยวกับเพศสภาพ หนูแค่สงสัยว่า ทำไมถึงไม่เปิดโอกาสให้หนูตอบคำถามที่หนูควรจะได้ตอบเหมือนคนอื่น ๆ เพื่อที่หนูจะได้โชว์ว่าหนูทำได้ หนูเสียใจเพราะมันเป็นปีสุดท้ายที่หนูจะสมัครได้ เพราะเขารับอายุไม่เกิน 24 ปี แล้วปีนี้หนูกำลังจะครบอายุ 24 ปี เรื่องนี้ผ่านมา 3 เดือนแล้ว แต่หนูไม่สามารถปล่อยวางได้เลย หนูเลยอยากได้คำปลอบใจจากพี่ ๆ ดีเจว่า หนูควรทำยังไงดี?’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ก็เคยเจอแบบหนูเหมือนกัน เคยโดนกีดกันไม่ให้เป็นพิธีกรโรงเรียน แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจ พี่แค่อยากจะบอกเอว่ามันก็ไม่แฟร์จริง ๆ แต่เรื่องแบบนี้มันก็สามารถเกิดขึ้นได้แหละในชีวิตจริง เข้าใจแหละว่าเสียใจ แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้ และไม่มองว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพสุดท้ายที่เอจะทำได้ ถ้าเอเปิดใจมันยังมีทางอื่นให้เอได้ลองทำอีกนะ ไม่อยากให้เอาสิ่งที่เกิดขึ้นไปตัดสินคุณค่าในตัวเอง’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เข้าใจในสิ่งที่เอเจอนะ ไม่อยากให้เอคิดว่ามันเป็นความผิดของเอ เราไม่รู้หรอกว่าเหตุผลจริง ๆ คืออะไร มันยังมีหลายที่ ๆ เขาโอเคกับความเป็นตัวเรา เราเป็นคนมีความสามารถและความตั้งใจ พี่เชื่อว่ามันจะทำให้เอสามารถไปยังอาชีพอื่น ๆ อีกมากมาย’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘เอดีเกินไปที่จะเข้าไปอยู่ในระบบราชการไทย หนูสามารถไปทำอะไรได้เยอะกว่านี้ ถ้าหนูเข้าไปหนูก็อาจจะโดนกลืนกิน เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ และเขาก็ไม่เชื่อว่าหนูจะทำมันได้อยู่แล้ว คนที่มุ่งมั่นขนาดนี้ สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้แน่นอน แค่ที่นั่นไม่ได้เหมาะกับเรา’ และสุดท้าย ดีเจทั้ง 3 คน ได้ให้ความเห็นตรงกันว่า ‘อย่าด้อยค่าตัวเองและอย่าหยุดพยายาม ปล่อยให้ตัวเองไปเจอสิ่งที่ดีกว่าแล้วเราจะใช้ชีวิตแบบมีความสุข’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูจะเลือกทางไหนดี? ครอบครัวอยากให้เรียนภาษาญี่ปุ่น มีงานรองรับให้ แต่ใจหนูอยากเรียนนิเทศศาสตร์ เพราะหนูเคยแคสซีรีส์ และมีผู้ติดตามใน TIKTOK เยอะด้วย ตอนนี้กำลังจะต้องเลือกคณะแล้วยังลังเลอยู่ค่ะ...

09 พ.ค. 2025

หนูจะเลือกทางไหนดี? ครอบครัวอยากให้เรียนภาษาญี่ปุ่น มีงานรองรับให้ แต่ใจหนูอยากเรียนนิเทศศาสตร์ เพราะหนูเคยแคสซีรีส์ และมีผู้ติดตามใน TIKTOK เยอะด้วย ตอนนี้กำลังจะต้องเลือกคณะแล้วยังลังเลอยู่ค่ะ...

“คุณหนูจี๊ด (นามสมมติ)”อายุ 18 ปี สายที่สามในรายการพุธทอล์ค พุธโทรเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [7 พฤษภาคม 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา“ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม”เกี่ยวกับปัญหาการเรียนต่อว่าจะเลือกสายไหนดี? ระหว่าง เรียนญี่ปุ่น หรือ นิเทศศาสตร์ โดย “คุณหนูจี๊ด (นามสมมติ)”ได้เล่าว่า คุณแม่ของหนูจี๊ดเสียงเมื่อ 3 เดือนก่อน แล้วไม่ได้อยู่กับพ่อ แต่อาศัยอยู่กับน้าสาวเป็นหลัก ช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงของการเปิดเทอมเรียนแล้ว อยากจะปรึกษาว่าควรจะเลือกเรียนอะไรดี? เรียนตามความฝัน หรือ ตามที่ครอบครัวอยากให้เรียน ซึ่งทุกคนในครอบครัวอยากจะให้หนูเรียนภาษาญี่ปุ่น เพราะน้าทำงานบริษัทญี่ปุ่น จะช่วยปูทางเข้าทำงานให้ได้ แต่ใจลึกๆอยากจะเรียนนิเทศศาสตร์ เพราะเคยไปแคสซีรีส์มาแล้ว และ คนติดตามใน TIKTOK ก็ค่อนข้างเยอะ คิดว่าถ้าเรียนนิเทศศาสตร์แล้วอาจจะมีความสุขมากกว่า อยากจะถามพี่ๆว่า ควรจะเลือกทางไหนดี?’ “ดีเจเผือก” ได้ให้ความคิดเห็นว่า ‘ถ้าเทียบกัน อยากให้ดูความจำเป็น ของชีวิตเราเป็นหลัก ว่าเรามีเวลาทำตามความฝันนานแค่ไหน พิสูจน์ตัวเองนานแค่ไหน เรามีเวลาในการต่อสู้ในเส้นทางนี้แค่ไหน ต้องยอมรับว่านิเทศศาสตร์ คู่แข่งเยอะ การที่จะมาอยู่เบื้องหน้า คู่แข่งเยอะมากๆ แต่ถ้ามองว่าจะทำเบื้องหลัง พูดตรงๆว่าจะใช้ชีวิตที่เหนื่อยพอสมควร เช่น กองถ่าย เหมือนทุกวันนี้คนเบื้องหลังอยู่ด้วยแพชชั่น อยู่ด้วยใจรัก ถ้าเทียบกันงานที่บริษัทญี่ปุ่น หรือ บริษัทภาษาอื่นๆมา ถ้าเราเรียนภาษาเหล่านี้ มันมีโอกาสสูงมากที่เราจะได้ทำงานต่อได้ในเวลาอย่างรวดเร็ว หรือมองง่ายๆว่า มีตำแหน่งงานรองรับมากกว่า คิดซะว่า จบมา มีงานบริษัทญี่ปุ่นรออยู่เลย เผลอๆฝั่งนิเทศ เพื่อนที่จบนิเทศมาอาจจะอิจฉาเราด้วยซ้ำ เพราะงานเราที่ทำออฟฟิศต่างชาติมันค่อนข้างสบาย แต่ถ้าเทียบกับฝั่งนิเทศกว่าเราจะไปเป็นเบื้องหน้าได้มันยากกว่า อยากให้หนูจี๊ดกลับไปนั่งเลือกฝั่ง ความจำเป็นในชีวิตเราว่าจะเลือกฝั่งไหนดีนะ? จะเลือกนิเทศแล้วเรียนเสริมญี่ปุ่นก็ได้แล้วแต่เรา แต่ต้องขยันหน่อยนะ ถ้าเราเลือกแบบนี้’ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้าอยากทำเบื้องหน้า อยากให้ไปเรียนญี่ปุ่นเลย เพราะถ้าจะทำเบื้องหน้า ถ้าเรามีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่น สวย เก่ง แล้วได้ภาษาญี่ปุ่นได้ไฟแล่บอีก ยิ่งมีหนทางให้กับตัวเองอีก ไปแคสโฆษณาได้อีก เพราะตอนนี้เท่าที่ดูโปรไฟล์หนู หนูจี๊ดมีแววมาก แต่ถ้าหากอยากเป็นเบื้องหลัง การไปเรียนนิเทศก็จำเป็น แต่เท่าที่ดูโปรไฟล์หนูจี๊ด หนูมาทางสายเบื้องหน้ามากกว่า พูดจากประสบการณ์ก็คือสายนิเทศคนที่เรียนนิเทศแล้วจะจบมาเป็นเบื้องหน้าเลย มันมีน้อย แนะนำว่าอย่าทิ้งภาษาญี่ปุ่น การที่เราเรียนจนพูดได้ฟังได้ มันทำให้เรามีภาษีสูงขึ้น ดูอย่างอย่างดีเจดาว ดีเจดาวสามารถเป็นเบื้องหน้าได้ และ เป็นพิธีกรภาษาญี่ปุ่นได้ ยังไงภาษาญี่ปุ่นก็ได้ใช้อยู่แล้ว ต้องกลับไปถามตัวเองเยอะๆแล้วว่าอยากเป็นเบื้องหน้า หรือ เบื้องหลัง’ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำแนะนำว่า ‘ตัวพี่เองจบเศรษฐศาสตร์มาแล้วก็มาเป็นดารา เพราะพี่ฝันจะเป็นดารา แนะนำว่าจากคาแรคเตอร์เรา หน้าตา บุคลิกเรา มีสไตล์อยู่แล้ว เอาเวลาไปเรียนภาษาญี่ปุ่น แล้วทำ Content เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นควบคู่ไปด้วย ดีเจต้นหอมชื่นชมว่าดูจากคลิปที่โพสแล้วว หนูจี๊ดเต้นสวยมาก เต้นเก่งมาก ทำคาแรคเตอร์ให้เป็นผู้หญิงที่เก่งภาษาญี่ปุ่น และ เต้นด้วยได้ หนูมีของอยู่แล้ว อินเนอร์ของหนูคือดีมาก ดังแล้วอย่าลืมพี่นะ และที่สำคัญหนูสามารถทำชีวิตตัวเองให้มีความสุขได้ โดยที่ไม่ต้องเรียนนิเทศก็ได้’ “ดีเจเผือก” กล่าวเสริมตอนท้ายว่า ‘ถ้าสมมุติเดินทางในสายบันเทิงแล้วไม่โด่งดัง ก็ทำงานสายญี่ปุ่นให้รวยไปเลย ตั้งใจทำงาน ดูแลตัวเองให้ได้ มองง่ายๆเป็นเลขาเจ้านายญี่ปุ่น เงินยังดีมากๆ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบกับแฟนมา ไม่เคยเจอคุณแม่ แต่คุณแม่แฟนเอา วัน เดือน ปีเกิดเราไปเช็คดวง แล้วบอกกับลูกสาวว่า ดวงไม่สมพงษ์กัน แล้วหมอดูก็ยังบอกมาอีกว่า ผู้ชายคนนี้ มีครอบครัวแล้วให้ระวัง ซึ่งผมไม่มี

31 พ.ค. 2024

คบกับแฟนมา ไม่เคยเจอคุณแม่ แต่คุณแม่แฟนเอา วัน เดือน ปีเกิดเราไปเช็คดวง แล้วบอกกับลูกสาวว่า ดวงไม่สมพงษ์กัน แล้วหมอดูก็ยังบอกมาอีกว่า ผู้ชายคนนี้ มีครอบครัวแล้วให้ระวัง ซึ่งผมไม่มี

คบกับแฟนมา ไม่เคยเจอคุณแม่ แต่คุณแม่แฟนเอา วัน เดือน ปีเกิดเราไปเช็คดวงแล้วบอกกับลูกสาวว่า ดวงไม่สมพงษ์กัน แล้วหมอดูก็ยังบอกมาอีกว่า ผู้ชายคนนี้ มีครอบครัวแล้วให้ระวังซึ่งผมไม่มี ตอนนี้ทุกคนในบ้านฟังแม่เขาหมด แล้วแฟนก็ขอห่างกับผม เหมือนผมโดนตัดสินโดยใครก็ไม่รู้... “คุณเอ็กซ์ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแม่แฟนเอาวันเดือนปีเกิดไปดูดวงจนทำให้ต้องเลิกกับแฟน โดย “คุณเอ็กซ์ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมทำงานอยู่ที่บริษัทซอฟแวร์แห่งหนึ่ง ที่บริษัทจะมีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง คือว่าเราสองคนได้รับหน้าที่ให้ทำโปรเจ็คด้วยกัน ทำให้เราสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้น ได้อยู่ด้วยกันตลอดทุกวัน เราก็เริ่มชอบกัน เพราะเราคุยกันถูกคอมากๆ ระบายกันทุกเรื่อง แล้วทีนี้เราก็ได้มีการนัดไปทำงานกันที่ห้างแห่งหนึ่ง เราก็มานั่งทำงานกันพอทำงานเสร็จ เราก็ไปกินข้าวด้วยกัน แล้วพอกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ แต่บ้านผมอยู่ไกลมาก ผมก็ต้องนั่งรถไฟฟ้ากลับ แต่ว่าผมเข้าใจผิดคิดว่าขบวนรถไฟสุดท้ายคือเที่ยงคืน แต่จริงๆ ขบวนสุดท้ายของสายนั้นคือ 5 ทุ่ม ทีนี้ผมก็ไม่มีรถกลับ ผมก็เลยโทรบอกเขา เออเนี่ย…เดี๋ยวจะไปเปิดห้องนอนก่อน แล้วเช้าค่อยกลับ แต่เขาก็บอกว่า ไม่เอาๆ เดี๋ยวเขาวนรถกลับมารับ แล้วก็ไปนอนบ้านเขา ผมก็ตกลง วันนั้นผมก็ได้ไปนอนบ้านเขาและวันนั้นเราสองคนก็ได้ตกลงเป็นแฟนกัน เราก็คบกันมาได้เกือบอาทิตย์ ต้องขอบอกเลยว่าพี่เขาเป็นคนที่เชื่อแม่ และรักแม่มากๆ สำหรับเขาแม่มีอิทธิพลมากพอสมควร ผมก็มองว่าไม่ผิดคนเราต้องรักแม่ถูกแล้ว แล้วทีนี้แม่เขาก็เอาวันเดือนปีเกิดของผมไปดูดวง ว่าดวงผมกับพี่เขาเป็นยังไง แล้วหมอดูทำนายว่า ดวงผมไม่สมพงศ์กับพี่เขา และมีอีกคำนายหนึ่งที่ไม่เป็นความจริงเลยคือ หมอดูทำนายว่า ผมมีครอบครัวแล้ว โดยที่ไม่ถามไถ่ผมเลย ซึ่งแฟนผมก็น่าจะยังไม่ได้บอกแม่เขาว่าผมยังไม่มีครอบครัว เพราะเขาน่าจะดูเชื่อไปด้วย แต่ผมไม่รู้ว่าเชื่อกี่เปอร์เซ็นต์ แต่หลักๆ เลยก็คือแม่เขาก็ไม่อยากให้ไปต่อกับผมนั่นแหล่ะ พี่เขาก็เลยขอลดสถานะความสัมพันธ์กับผม และไม่ขอพัฒนาต่อไปมากกว่านี้แล้ว การขอลดสถานะความสัมพันธ์ครั้งนี้ ผมไม่ติดอยู่แล้ว ผมเคารพการตัดสินใจของเขา เพราะเราเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้ แต่ที่ผมนอยมากๆ เลยก็คือ ผมถูกตัดสินจากใครก็ไม่รู้ ที่รู้แค่ วันเดือนปีเกิดของผมแค่นั้น ซึ่งหลังจากที่เราเลิกกัน ผมก็ลาออก แต่พี่เขาก็ยังมีทักมาหาผมบ้าง มาระบายเรื่องงาน ถามเรื่องโปรเจคที่ผมกับพี่เขาเคยทำร่วมกัน ตอนนี้พี่เขารับหน้าที่ดูแลต่อ แล้วก็มีคุยเรื่องส่วนตัวบ้าง ผมก็มีถามเขาบ้างว่า สบายดีมั้ย เหนื่อยรึเปล่า ผมก็ถามไปปกติ ผมอยากถามพี่ๆดีเจว่า ควรปล่อยเขาไปใช่มั้ย หรือว่าควรจะสู้กับดวงที่หมอดูทำนายมาดี?’ โดย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับหอม ชีวิตเราเป็นคนเลือกเอง หมอดูเป็นแค่สิ่งที่นำทางให้เราเฉยๆ ถ้าหมอดูพูดอะไรแล้วมันซัพพอร์ตกับสิ่งที่อยู่ในใจเรา เราจะมีความมั่นใจในการลุยกับสิ่งนั้นมากขึ้นเท่านั้นเอง แล้วก็ที่ถามว่าเราจะยังไปรอผู้หญิงคนนี้อีกมั้ย หอมบอกเลยว่า ตัดไปเลย ทิ้งไปเลย ให้รู้ซะบ้าง ไม่ใช่ว่าแบบ เธอเลิกกับฉันง่ายๆ เพียงแค่ฟังคำหมอดู ซึ่งมัน Non sense ถ้าเกิดเราคบกันแล้วเธอเจอปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ แล้วแม่เธอพูดอะไรสักอย่างหนึ่ง เราก็เลิกกันได้อยู่ดี เรื่องเล็กๆ เธอยังเลิกกับเราได้ง่ายขนาดนี้เลย ฉะนั้นถ้ามีปัญหาใหญ่เข้ามาในชีวิต เธอจะไม่ปล่อยมือกันง่ายๆ หรอ แล้วก็ไม่ต้องถามเขาว่า สบายดีมั้ย เขาเทเรา ด้วยเหตุผลที่งี่เง่ามาก เขาต้องได้รับบทเรียน เธอกำลังเสียผู้ชายที่ดีที่สุดไป แล้วไปหาคนใหม่เลย หาคนที่เขาเห็นคุณค่าในตัวเราไม่ใช่แค่รู้สึกว่า เราไม่มีคุณค่าอะไรเลยหรอ ถึงได้ตัดสินเรากับเรื่องงี่เง่าแค่นี้ อันนี้คือไร้เหตุผลมากๆ และครอบครัวนี้ไม่เหมาะกับเรา ครอบครัวที่ใช้พ่อแม่บงการทุกอย่างในชีวิต จนไม่เป็นตัวของตัวเอง ก็ให้เขาอยู่กับแม่ไปหรือไม่ก็ให้เขามีแฟนกับคนที่แม่เขาหาให้ แล้วไม่ต้องรอให้มันเสียเวลา เชิ่ด !!!!’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันมี 2 ประเด็นสำหรับพี่นะ เวลาที่พี่เห็นใครที่เขาเชื่อเรื่องอะไรทำนองนี้ เรื่องหมอดู ดวงชะตา โชคชะตา และถ้าเขายึดมันเป็นแกนหลักในการใช้ชีวิตแล้ว พี่รู้สึกว่า อะไรก็เอาเขาไม่อยู่ เพราะเขาเลือกที่จะเชื่อแบบนี้แล้ว ถ้าเขาใช้สิ่งนี้เป็นที่ตั้ง แสดงว่าเขามีแนวคิดที่คิดมาแล้ว หรือว่าประสบการณ์ชีวิตของเขา สิ่งนี้มันพิสูจน์ได้ว่า มันจริงสำหรับเขา พี่ว่าการจะไปสู้กับอะไรแบบนี้ เหมือนเราแพ้ตั้งแต่หน้าประตูแล้ว ซึ่งมันเหนื่อยมากเลยกับการแพ้ ให้กับสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วเราไม่รู้ว่าจะไปพิสูจน์มันยังไง นอกจากเราต้องใช้เวลา เข้าใจมั้ย ซึ่งบางอย่างเขาไม่มารอเรา แล้วเขาตัดสินเราไปแล้ว อันนี้สำหรับเรื่องแรกพี่ว่ามันยาก สำหรับอันที่ 2 พี่เห็นด้วยกับพี่หอมว่า ถ้าคนๆ หนึ่งเลือกเรา ในการคบหาจากการดวงล้วนๆ หรือจากสิ่งที่หมอดูบอก โดยที่ไม่ได้ดูสิ่งที่เราทำ ไม่ดูว่าเรามีพฤติกรรมที่ปฎิบัติกับเขายังไงในฐานะคนรัก พี่ว่าคนแบบนี้ พี่ไม่เลือกเอามาเป็นแฟนนะ ถ้าเขาไม่เอา เราก็ไปหาคนอื่น มันไม่ได้มีคนเดียวบนโลกใบนี้ที่เราจะต้องรักพุ สำหรับพี่มันง่ายแค่นี้’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมมีความเชื่อว่าถ้าเห็นลู่ทางไม่ดี เราอย่าชิงแพ้ให้เละเทะ เราไปแบบเชิ่ดๆ หล่อๆ ก่อนดีกว่า แล้วไปแบบให้เขาเสียดาย ไปแล้วไปลับไม่กลับมา ให้เขาเสียดายว่า ไอความไร้สาระของเขามันเคยทำให้เขาพลาดอะไรไป คือถ้าเรื่องแค่นี้เขามาขอลดความสัมพันธ์กับเรา หมอดูคนนี้จะดูชีวิตคู่ของคุณเอ็กซ์กับเขาเนี่ยไปตลอดเลย จะมีลูกปีไหน จะเกิดเดือนไหน จะให้เรียนโรงเรียนอะไร มันจะวุ่นวายไปหมด แล้วก็นอกจากหมอดูแล้วเนี่ย คิดว่าครอบครัวเขาก็จะมามีอิทธิพลกับชีวิตคู่คุณเอ็กซ์กับเขาไปตลอด ซึ่งถ้าคุณเอ็กซ์ได้ฟังพุธทอล์คพุธโทรมา ปัญหาที่ครอบครัวเข้ามาวุ่นวายในชีวิตคู่เนี่ยโครตปวดหัวเลย เพราะฉะนั้นไปแบบผู้ชนะถึงแม้ว่าใจลึกๆ เราจะรู้สึกว่าโดนเทก็ตาม แต่จงรักษาทรง แล้วเดินออกไปอย่างผู้ที่เหมือนว่าชนะ แบบโดนเทแต่ยังเท่อยู่ ให้เขาเสียดายเราในภายหลัง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1