คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

22 พ.ย. 2023

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ

เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน

บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม

ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

ตอนนี้แม่รู้สึกกังวลและเป็นห่วงมาก ควรพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ดีไหม?

                “คุณแม่เหมียว (นามสมมติ)” อายุ 48 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับเรื่องของลูกสาวอายุ 11 ขวบ รู้สึกกังวลและเป็นห่วง เพราะเขาเครียดเกินวัย

                โดยสายนี้ “คุณแม่เหมียว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ลูกสาวค่อนข้างมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเลยเวลาที่ลูกสาวอยู่ในโรงเรียน ต้องบอกว่าลูกสาวส่วนตัวเป็นคน Perfectionist มาก ทำอะไรก็ต้องดีทุกอย่าง เขาเป็นคนที่ลายมือสวย ระบายสีสวย แม้กระทั่งการเรียนก็ต้องดีที่สุด เขาจะสร้างบรรทัดฐานของตัวเองให้เป็นคนที่ดีมาตลอด จนทำให้เขาเริ่มมีความเครียดสะสม

                พอลูกสาวเราขึ้น ป.5 การเรียนของเขาก็เริ่มเข้มข้นขึ้น ครูที่สอนก็ไม่ได้ใจดีเหมือนเมื่อก่อน จะมีดุบ้าง ด่าบ้าง แต่ไม่ได้ดุหรือด่าลูกสาวเราคนเดียว หมายถึงว่าเขาก็พูดถึงโดยรวม แต่ลูกสาวเราก็จะเก็บมาคิดมาก เวลามีการบ้านเขาก็จะนั่งทำจนดึกดื่น ยิ่งช่วงสอบเขาจะนั่งติวหรืออ่านหนังสือดึกมาก บางทีอ่านไม่เข้าใจ เขาก็จะร้องไห้ หรือให้เราปลุกเขาตั้งแต่ตี 5 เรารู้สึกว่ามันเครียดเกินกว่าที่เด็กวัยนี้ควรจะเป็น

                ซึ่งเขาก็เป็นคนที่มีภาวะเครียดมาหลายปีอยู่แล้ว เคยมีเหตุการณ์หนึ่ง สมัยที่ลูกสาวเราเรียนอยู่ที่โรงเรียนเก่า เขามีภาวะเครียดเกี่ยวกับครูผู้สอน แม่ก็แก้ปัญหา โดยการพาเขาย้ายโรงเรียนไป ซึ่งเราก็มีการคุยกับครูไว้ว่าให้ดูแลเขาเป็นพิเศษ ตอนที่ลูกสาวขึ้น ป.5 คุณครูที่สอนแต่ละวิชาก็มีหลากหลายขึ้น แม่ก็เข้าใจ เพราะว่าแม่ก็อยากให้เขาเจอกับสังคมที่มันหลากหลายอยู่เหมือนกัน เพราะโตไปเขาก็ต้องเจออะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่เหมือนว่าลูกสาวยังคงเครียดอยู่เหมือนเดิม

                วันนี้เลยอยากปรึกษาว่า แม่ควรพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ไหม? เพราะว่าคุยกับหลาย ๆ บอกเราคิดไปเอง บางคนก็บอกว่ามันคือธรรมชาติของเด็ก ดีแล้วที่ลูกสาวเรามีความขยันมุ่งมั่นดี แต่เราก็รู้สึกว่ามันหนักเกินไปอยู่ดี หรืออีกอย่างที่อยากสอบถามคือ เราเองหรือเปล่าที่ต้องไปพบจิตแพทย์เอง เพราะรู้สึกว่าเราจะห่วงลูกมากเกินไป

                ซึ่งดีเจทั้ง 3 คน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน ว่า ‘สำหรับพวกเรา สิ่งที่เกิดกับลูกเป็นสิ่งที่ต้องคิดมาก ต้องใส่ใจอยู่แล้ว มันต้องคอยสังเกต สิ่งแบบนี้มันเป็นอะไรที่น่ากังวลมาก อะไรที่มันแพ้ไม่ได้ ยอมรับความผิดหวังไม่ได้ เราควรที่จะพาเขาไปพบจิตแพทย์เลยตอนนี้ เพราะว่าเด็กวัยนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว ตอนนี้เรายังควบคุมเขาได้ ควรที่จะพาเขาไปให้เร็วที่สุด มันเครียดเกินไป เหมือนว่าเขาไม่ได้ใช้ชีวิตวัยเด็กเลย ได้วิ่งเล่นหมือนเด็กคนอื่น ๆ เลย

                ถ้าคุณแม่รู้สึกว่าตัวเองเลี้ยงลูกแล้วมันเครียด มันมีปัญหา ก็ไปพบจิตแพทย์ได้ เพราะเขาจะบอกเลยว่าคุณแม่ควรที่จะทำตัวยังไงเพราะว่าเราเป็น Effect สำหรับเขาอยู่แล้ว มันต้องเริ่มที่คุณแม่ เดี๋ยวลูกก็จะปรับไปตามนั้น การมีลูกเราคิดน้อยไม่ได้ มันควรมีความบาลานซ์กัน

                ในระหว่างรอที่จะไปพบแพทย์ เราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกในเน็ตดูก่อน มันจะมีข้อมูลมากมาย ทั้งเทคนิคต่าง ๆ หรือคลิปวิดีโอที่มันจะพอเป็นแนวทางสำหรับคุณแม่ได้ หรือหากิจกรรมระหว่างครอบครัวให้เขารู้สึกได้ผ่อนคลาย รวมถึงการศึกษาที่มันเข้มข้นมากเกินไปอาจจะยังไม่เหมาะ ถ้ามันจะทำให้เด็กคนนึงต้องมีภาวะเครียดขนาดนี้ โรงเรียนทางเลือกอาจจะเป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งก็ได้’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เพื่อนในกลุ่มเป็น VJ ในแอปกันหมด เพื่อนบอกไม่ต้องทำไรมาก ไลฟ์วันละ 2 ชั่วโมง เดือนนึงได้หลักหมื่น โชคดีก็จะมีลูกค้าขอแอดไลน์นอกรอบ อยากได้อะไรขอให้บอก ซื้อให้หมด ไม่ต้องการอะไรเลย หนูอยากทำแต่แฟนขอไว้ว่าอย่าทำได้ไหม?

15 มี.ค. 2024

เพื่อนในกลุ่มเป็น VJ ในแอปกันหมด เพื่อนบอกไม่ต้องทำไรมาก ไลฟ์วันละ 2 ชั่วโมง เดือนนึงได้หลักหมื่น โชคดีก็จะมีลูกค้าขอแอดไลน์นอกรอบ อยากได้อะไรขอให้บอก ซื้อให้หมด ไม่ต้องการอะไรเลย หนูอยากทำแต่แฟนขอไว้ว่าอย่าทำได้ไหม?

“คุณเตย (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [13 มีนาคม 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาอยากทำ VJ ในแอปพลิเคชันแต่แฟนหวงไม่อยากให้เราทำ โดย “คุณเตย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีเพื่อนในกลุ่มที่ทำวีเจด้วยกันหลายคน บางคนเขาทำ 2-3 แอป แต่แอปที่เพื่อนทำก็มีหลายเรท เริ่มตั้งแต่การชวนคุย ไปจนถึงเรื่อง 18+ เพื่อนส่วนใหญ่ก็ทำเรทชวนคุย แต่งหน้า แต่งตัวสวย ๆ ชวนคนในแอปคุย พูดอ้อน ให้คนในแอปเปย์ของขวัญ พอหนูอยู่ในกลุ่มเพื่อนแบบนี้ เพื่อนก็จะคุยกันประมาณว่า ได้เงินเยอะ บางคนที่โชคดีก็มีคนเปย์นอกแอป คือ ถ้ามี User ที่อยากได้ไลน์หรืออยากได้อินสตาแกรมส่วนตัวของเรา เราสามารถตั้งเรทราคาเองได้ ก็จะมีการทักมาเปย์หลังไมค์ เพราะถ้าเปย์ในแอปก็จะมีการหักส่วนต่าง บางคนได้เดือนละหลาย ๆ หมื่น พอหนูได้ยินบ่อย ๆ ก็เกิดกิเลส อยากได้เงินบ้าง... ต่อมาหนูได้ไปปรึกษาแฟน ซึ่งแฟนอายุน้อยกว่าหนู 2 ปี และกำลังเรียนอยู่ แฟนก็ไม่ได้ห้ามแต่ขอว่าไม่ทำได้ไหม? แฟนให้เหตุผลว่า ถ้าหนูทำเขาจะรู้สึกแย่ที่ไม่มีปัญญาเลี้ยง จนต้องให้คนอื่นมาเปย์แฟนตัวเอง หนูก็บอกว่ากับเขาว่า ไม่ใช่ให้คนอื่นมาเลี้ยง หนูก็ทำงานเลี้ยงตัวเองได้ แต่หนูแค่อยากมีรายได้เสริม อยากเอาเงินส่วนนี้ไปเสริมความงาม เข้าคลินิกทำหน้า เพราะเห็นว่าได้รายได้ดี ทำแค่วันละ 2 ชั่วโมงอยู่ที่บ้านก็ได้ แฟนก็บอกว่า ได้เงินก็จริง แต่แฟนคงเสียความรู้สึก และถ้าได้เงินง่าย ได้เยอะ มันจะทำให้เราติดสบายหรือเปล่า แต่ถ้าอยากทำจริง ๆ ก็ทำได้ แต่ไม่อยากให้ทำดีกว่า แฟนก็ถามหนูว่า เขาจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า? ซึ่งหนูก็ได้ไปเสิร์ชและอ่านในพันทิป มีหลายคู่ที่มีปัญหากันเพราะแฟนไปทำวีเจ อีกใจหนึ่งหนูก็อยากได้เงิน แต่อีกใจหนึ่งหนูก็แคร์ความรู้สึกแฟน ก็เลยมีคำถามอยากถามพวกพี่ ๆ ดีเจ 3 คำถาม คำถามละคนเพราะอยากเห็นมุมมองของพี่ ๆ ดีเจแต่ละคน ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้คำถามที่ 1 คือ ถ้าแฟนพี่มาขอทำวีเจ จะให้ทำไหมและเหตุผลคืออะไร? โดยให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องดูก่อนว่าในโลกสมมตินั้น ข้อจำกัดในการใช้ชีวิตของพี่เดือดร้อนขนาดไหน ถ้าไม่ได้เดือดร้อนพี่ก็ไม่อยากให้ทำ แอปวีเจก็เป็นการไลฟ์สดอีกแบบหนึ่ง หรือไลฟ์สดทำอาหารในอีกแพลตฟอร์มก็มี อย่างแอปที่พี่สตรีมเกมก็มีคนมาไลฟ์แบบพูดคุย ไลฟ์ประดิษฐ์ของ พี่คงอยากให้แฟนพี่ไปทำในแพลตฟอร์มที่พี่สบายใจและแฟนก็ยังหารายได้เสริมได้ด้วย พี่มองว่าถ้ามีทางเลือกอื่นที่สามารถสร้างรายได้เสริม พี่ก็อยากให้ทำทางเลือกอื่นที่สร้างรายได้มากกว่า พี่ก็จะช่วยหาด้วย’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้คำถามที่ 2 คือ ยังไงกับคนที่ทำงานแบบนี้ แล้วคิดว่าคนทำงานแบบนี้ติดสบายไหม? โดยให้คำปรึกษาว่า ‘พี่รู้สึกว่างานนี้ไม่ได้สบายและยากมาก คือ 1. ต้องมีรูปร่างหน้าตาที่ดี ที่จะดึงให้คนมาดูได้ 2. ต้องมีลูกล่อลูกชนที่จะดึงคนให้กดหัวใจ และส่งของขวัญเปย์ตลอดทั้งชั่วโมง สำหรับพี่ มันไม่ใช่งานสบายที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แล้วพี่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าคนที่ทำงานนี้ติดสบาย ต้องอาศัยความตั้งใจ ลงแรงกาย ใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ พี่อยากจะบอกเตยอีกว่า อย่าพึ่งคิดว่าการทำวีเจมันทำง่าย ๆ แล้วจะได้เงิน ถ้าเรายังไม่ได้ทำ มันอาจจะมีรายละเอียดอีกหลายอย่าง ที่พอเราทำแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เตยต้องถามตัวเองให้ดี ๆ ก่อน’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้คำถามที่ 3 คือ ถ้าแฟนพี่มาพูดแบบนี้พี่ยังจะทำงานวีเจอยู่ไหม? โดยให้คำปรึกษาว่า ‘พี่จะดูว่าพี่ต้องทำอะไรบ้าง ถ้าให้พี่ไปเต้น พี่ก็ไม่ทำเพราะไม่ใช่ทาง พี่เป็นสายขายความสามารถ พี่ว่าเตยควรหาตรงกลางระหว่างแฟน เช่น ทำคอนเทนต์แต่งหน้า คอนเทนต์นั่งคุยไปเรื่อย ๆ หรือ NPC แต่ถ้าเตยเลือกแฟนคนนี้ เตยต้องเลือกคอนเทนต์ที่ไม่ทำร้ายจิตใจแฟน แต่ถ้าเตยเลือกทางวีเจ พูดอ้อน ขายเซ็กซี่ เตยก็ต้องไม่มีแฟน หรือต้องมีแฟนที่ยอมรับได้ ทุกวันนี้มีวิธีหาเงินทางออนไลน์หลายวิธีมาก ขายของออนไลน์ การทำ Affiliate เตยต้องไปหาความสามารถของตัวเองให้เจอก่อน มันจะดีกว่าการแก้ผ้าแล้วได้เงิน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แต่งงานกับสามีต่างชาติ เขาบังคับให้หนูออกจากงาน อยู่บ้านกับเขา 24 ชั่วโมง เขาเริ่มควบคุมหลายๆอย่าง ห้ามเราทาครีม ให้เรากินข้าววันละ 1 มื้อ เจอเพื่อนได้เฉพาะวันสำคัญๆ ตอนนี้เราแยกทางกันเขาให้เงินมาก้อนนึง แล้วกลับประเทศไปแล้ว ยังไม่ทันได้หย่าเลย

10 ม.ค. 2025

แต่งงานกับสามีต่างชาติ เขาบังคับให้หนูออกจากงาน อยู่บ้านกับเขา 24 ชั่วโมง เขาเริ่มควบคุมหลายๆอย่าง ห้ามเราทาครีม ให้เรากินข้าววันละ 1 มื้อ เจอเพื่อนได้เฉพาะวันสำคัญๆ ตอนนี้เราแยกทางกันเขาให้เงินมาก้อนนึง แล้วกลับประเทศไปแล้ว ยังไม่ทันได้หย่าเลย

“คุณมิ้น (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายแรกของ ปี 2025 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [8 มกราคม 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล -ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาชีวิตคู่กับสามี แล้วพฤติกรรมสามีเริ่มเปลี่ยนไป จนแอบน่ากลัว โดย “คุณมิ้น” (นามสมมติ) ได้เล่าว่า ‘แต่งงานกับสามีมา 3ปี แต่มีปัญหาพึ่งจะเลิกรากันไป แต่ก็ยังไม่เลิกขาด ต้องเกริ่นก่อนว่า สามีเราไม่ใช่คนไทย ก่อนแต่งงานเขาดีมาโดยตลอด แต่พอเราแต่งงานกัน เขาก็ขอให้เราออกจากงาน ไม่ต้องทำงาน มาอยู่ดูแลเขาแทน ซึ่งตอนนั้นเราก็มองว่าก็โอเค ดูแล้วเขาน่าจะดูแลเราได้ เราก็ออกจากงาน หลังจากที่เราแต่งงานกัน จนผ่านมาสักประมาณ 2ปีเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มที่จะควบคุมชีวิตเราเยอะเกิน และพฤติกรรมของเขาก็เริ่มแปลกจนไม่ปกติ เช่น เขาจะไม่ให้เราใช้ในกลิ่นที่เขาไม่ชอบ ทั้งครีมทาผิว และครีมอาบน้ำ แล้วก็หลังๆมาก็คือจะไม่ให้ใช้โลชั่นเลย เขาบอกว่าไม่ชอบเพราะกลิ่นและมันก็เหนียวเหนอะหนะ จนมันก็เริ่มหนักขึ้นถึงขนาดที่ ไม่ให้เรากินข้าวเลย ให้กินข้าวแค่วันละครั้ง เขาบอกว่ามันไม่มีทฤษฎีไหนที่บอกว่ามนุษย์ต้องกินข้าววันละ 3 มื้อเลย ซึ่งตอนนั้นเราก็รักเขา เราก็เลยลองอดทนดู แต่ก็มีในช่วงแรกที่หิวมาก เราก็โกหกเขาว่าไปร้านสะดวกซื้อ แต่จริงๆ คือแอบไปยืนกินขนม เพราะเวลาปกติเขาก็ไม่กินอะไรเลย เขาจะกินแค่มื้อเย็น และก็เขาเป็นคนแบบเฮลตี้ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ อันนี้เราก็พอจะโอเค ก็ลองปรับให้เขาได้ แต่หลังๆมามันก็เริ่มที่จะหนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดว่าเข้าห้องน้ำห้ามปิดประตู เพราะเขาแค่ต้องการให้เขามองเห็นว่าเราอยู่ตรงนี้ และถ้าไม่ทำตามเขาก็จะเคาะประตูให้เราเปิด ต่อให้ถ่ายหนักเขาก็จะให้เปิดให้ได้ แต่พอช่วงที่มีปัญหาจนเราเริ่มคิดว่ามันไม่ไหวแล้ว คือตอนที่เขาเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆแบบ พูดคนเดียว หรือ นั่งอยู่เฉยๆก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา และก็ยังมีตอนที่เขาเข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำ หรือทำอะไรเขาก็จะพูดคนเดียวเป็นเรื่องเป็นราวเลย ส่วนมากเขาจะพูดเรื่องชีวิตตัวเองอะไรแบบนั้น อีกอย่างหนูกับเขาก็อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง เพราะเขาอยู่บ้าน เทรดพวกทองคำ เวลาที่เพื่อนหนูโทรเข้ามาถ้าคุยนานๆ เขาก็จะเริ่มหงุดหงิด เริ่มโมโห ต้องการให้ชีวิตหนูมีแค่เขาคนเดียว ไม่ว่าจะโทรคุยกับแม่ หรือไปเจอกับครอบครัวก็ไม่ยอมให้ไป แต่ก่อนแต่งงานเราก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ใช้การไป ๆ มา ๆ มากกว่า เพราะเขาก็ไม่ได้อยู่ไทยตลอด แต่สาเหตุที่ทำให้หนูแยกทางเพราะ เขาเริ่มมีความคิดไม่ค่อยเห็นอกเห็นใจคนอื่น และก็เริ่มมีพฤติกรรมที่น่ากลัว คือตอนนั้นเหมือนจะมีข่าวที่มีเด็กจมน้ำเสียชีวิต แล้วคุณแม่เขาร้องไห้ออกมา สามีที่นั่งดูอยู่มองดูแล้วก็หัวเราะ เขาบอกเหตุผลเพราะผู้หญิงร้องไห้เหมือนคนบ้า เขาเข้าใจข่าว เข้าใจภาษาไทย แต่หนูก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงอยู่? หนูเลยรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยเห็นอกเห็นใจคนอื่นเลย หนูก็เลยตัดสินใจเลิกไป แต่คือที่ติดอยู่ตอนนี้คือเรายังไม่ได้หย่ากัน แล้วตอนนี้เราก็ยังมองว่าเขาก็มีส่วนดีอยู่ หนูกลัวว่าเขาจะกลับมาในช่วงที่เราทำใจไม่ได้ หนูกลัวตัวเองกลับไปหาเขาอีกรอบ หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูจะทำยังไงทำให้ตัวเองเข้มแข็ง ในวันที่ต้องเจอเขาอีกครั้ง ไม่ให้ตัวเองกลับไปหาเขา’ โดย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ให้เราลองมองดูสิ่งที่เราไม่โอเคกับนิสัยของเขาแล้วจดเอาไว้ พอในวันที่เราเจอเขาอีกครั้งให้เราหยิบขึ้นมา แล้วคิดว่าถ้าเรากลับไปเราจะยอมรับสิ่งเหล่านี้ได้ไหม? ถ้าเรารับไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับความเป็นจริง’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘แค่การที่เขาบังคับไม่ให้เราทาครีมหรือการที่เขาให้กินข้าววันละมื้อ พี่ก็ไม่กลับไปแล้ว’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เท่าที่ฟังเหมือน เขาป่วย และ ก็เกี่ยวกับสารเคมีในสมอง สุดท้ายถ้าเรามั่นใจว่าไม่อยากกลับไป เราก็แค่หนักแน่นกับการตัดสินใจแค่นั้นเอง แล้วก็โฟกัสกับการใช้ชีวิตของเราเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

โบกเท่าไหร่ ก็ไม่จอด!! หนูเลิกงานมา โบกรถเมล์กลับบ้าน ยืนตรงป้าย ยื่นแขนตรง แล้วหันหน้าไปทางรถวิ่ง รถเมล์ไม่จอดเลย จนมีคันนึงจอด ก็เลยเปิดใจถามกระเป๋า กระเป๋าบอก "ถ้ายื่นแขนแล้วต้องโบกขึ้นลงด้วย บางทีคนขับไม่รู้ว่ายื่นแขนมาโบกรถ"

14 มิ.ย. 2024

โบกเท่าไหร่ ก็ไม่จอด!! หนูเลิกงานมา โบกรถเมล์กลับบ้าน ยืนตรงป้าย ยื่นแขนตรง แล้วหันหน้าไปทางรถวิ่ง รถเมล์ไม่จอดเลย จนมีคันนึงจอด ก็เลยเปิดใจถามกระเป๋า กระเป๋าบอก "ถ้ายื่นแขนแล้วต้องโบกขึ้นลงด้วย บางทีคนขับไม่รู้ว่ายื่นแขนมาโบกรถ"

โบกเท่าไหร่ ก็ไม่จอด!! หนูเลิกงานมา โบกรถเมล์กลับบ้านยืนตรงป้าย ยื่นแขนตรง แล้วหันหน้าไปทางรถวิ่ง รถเมล์ไม่จอดเลยจนมีคันนึงจอด ก็เลยเปิดใจถามกระเป๋า กระเป๋าบอก "ถ้ายื่นแขนแล้วต้องโบกขึ้นลงด้วยบางทีคนขับไม่รู้ว่ายื่นแขนมาโบกรถ" ทุกคนโบกรถเมล์ท่าไหนกันคะ? “คุณรถเมล์ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปีปลายๆ สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาต้องโบกรถเมล์ท่าไหน คนขับถึงจะจอดรับ โดย “คุณรถเมล์ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘เนื่องจาก BTS ส่วนต่อขยาย มีการปรับขึ้นราคาเหมาเป็น 15 บาท แล้วทีนี้หนูจะอยู่ในช่วงสถานีที่ต่อขยายเลยต้องจ่าย 15 บาท ซึ่งดูจากเงินของตัวเองแล้ว มันมีทางที่จะประหยัดได้ ก็เลยตัดสินใจไม่ขึ้น BTS เปลี่ยนมาลองขึ้นรถเมล์ดู ซึ่งปัญหาคือวันนั้นหนูเลิกงานประมาณ 4 โมงเย็น หนูก็โบกรถเมล์สายหนึ่ง คือ รถเมล์สายนี้บางทีเขาก็จอด แต่บางทีเขาก็ไม่จอด หนูก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วหนูเจอเหตุการณ์นี้ประจำ จนหลายครั้งเข้าหนูก็ทนไม่ไหว ก็ได้มีการโทรไปร้องเรียนบ้าง แล้วล่าสุดหนูก็โบกรถเมล์สายเดิมแต่เขาไม่จอดรับหนูอีกแล้ว ซึ่งคันถัดไปมาพอดี หนูก็โบก แต่คันนี้เขาจอดรับ พอขึ้นรถเมล์ไป หนูก็เลยแกล้งๆ ถามพี่กระเป๋ารถเมล์ว่า “พี่คะคือหนูสงสัยอ่ะ ก่อนหน้าคันพี่ หนูก็โบกแต่เขาไม่จอดเลย” พี่กระเป๋ารถเมล์ก็ตอบมาว่า “หรอเขาไม่จอดหรอ เขาไม่เห็นรึป่าว หนูโบกยังไง” หนูก็อธิบายท่าโบกให้พี่กระเป๋ารถเมล์ฟัง คือ หนูยกแขนขนานกับถนน ส่วนฝ่ามือก็คว่ำลง แล้วก็ยกตรงๆ ไม่ได้มีการขยับแขนโบกขึ้นลงหรืออะไร เพราะหนูคิดว่ามันน่าจะเป็นท่าปกติ เป็นสัญลักษณ์ที่ใครๆ ก็รู้ หนูคิดแบบนั้น แล้วหนูก็ยืนท่านั้นอยู่นานมากๆ เพราะคิดว่าเขาต้องเปลี่ยนเลนมาเพื่อจอดรับ พี่กระเป๋ารถเมล์ก็บอกว่า “ตอนที่พี่เห็นหนูเมื่อกี้ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหนูจะโบกรถเมล์รึป่าว” พี่เขาก็แนะนำว่า รอบหน้าให้โบกขึ้นลง ก็เลยจะอยากจะปรึกษาพี่ๆ ว่าหนูควรทำยังไงดี’ โดย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ของหนูมันเหมือนคนที่ยืน แล้วแค่ยื่นแขนขนานกับถนนตรงๆ โดยไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไร คือการที่ยืนแบบนี้มันก็อาจจะดูแปลก แล้วคนขับอาจจะคิดว่าสรุป โบกมั้ย หนูโบกขึ้นลงเลยเคลื่อนไหวให้เขาเห็น ซึ่งรถเมล์เขาทำเวลารึป่าวอันนี้ไม่รู้นะ แต่เขาขับเร็วเป็นเรื่องปกติ สมมุติเขาขับเร็วแล้วมันไม่มีอะไรเคลื่อนไหว เขาอาจจะมองเป็นถังขยะ หรือคนถือป้ายโฆษณาข้างทาง อะไรแบบนี้รึป่าว แต่ถ้าโบกขึ้นลงแบบ “เห้ยยยยยย จอดดดด!” ถ้าแบบนี้อ่ะมันเห็น ลองเพิ่มการเคลื่อนไหวดู บางทีคนขับเขาไม่ได้ใส่ใจกับป้ายเท่าไหร่ไง เผลอๆ ไม่ทันเห็น ขับเลยไปแล้วก็ทำไรไม่ได้ เราต้องเรียกให้จิตเขาอยู่กับเราให้ได้’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ใครมันจะมายืนท่านี้ขนานกับถนนอ่ะ ถ้าไม่ใช่โบกรถ พี่ว่ามันไม่เกี่ยวกับท่าโบกรถของหนูหรอก คือ คนขับรถอ่ะขี้เกียจเราต้องยอมรับว่ารถเมล์ในกรุงเทพมีหลายคันหลายสายมาก ที่บางทีเขาก็ไม่จอดเพราะเขาแค่ไม่อยากรับ อันนี้คือเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ เขาก็แค่ไม่เข้ามารับ มันขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของคนขับคันนั้น ซึ่งมันก็มีคันดีๆ ที่จอดรับผู้โดยสารทุกป้าย แต่มันก็มีคันที่ผ่านไปเลย มันก็มีเยอะเช่นกัน พี่โดนประจำตอนสมัยเรียน ถ้ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ลองเคลื่อนไหวดู แต่พี่จะบอกว่า อย่าไปโทษตัวเอง มันเป็นที่คนขับ’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คือท่านี้มันคือท่าโบกรถ มันจะมีอย่างงี้นะ สมมติถ้ารถเมล์สายเดียวกัน แล้วมันขับตีคู่กันมา คันแรกมันจะไม่จอด มันจะให้คันหลังจอด ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของคนขับอย่างที่พี่เติ้ลบอก คราวหลังนะโบกขึ้นลงเลยแรงๆ เลย ฟีลแบบ “กูอยู่นี่!!!!” ซึ่งคนส่วนใหญ่เวลาโบกรถเมล์เขาก็จะยืนค่อมไปอีกเลนเลย แล้วโบกขึ้นลงแรงๆ หนูลองเคลื่อนไหวดู ซึ่งคนขับก็ร้อยพ่อพันแม่ บางคนก็รับ บางคนก็ไม่รับ ดีชั่วก็อยู่ในนั้นอ่ะ คือคนขับอาจจะคิดแบบนี้ก็ได้ถ้า โบกแรงๆ แสดงว่าอยากกลับบ้านมาก แต่ถ้าโบกแบบนิ่งๆ แสดว่าไม่ค่อยอยากกลับบ้านเท่าไหร่ รอคันถัดไปละกัน แต่ถ้าผู้โดยสารโบกส่วนใหญ่เขาก็จะจอดรับนะ เพราะมันเป็นหน้าที่เขา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

21 มิ.ย. 2024

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขาผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย”แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อนกลับไปหาคนเก่าเขาบอก “เราพูดเองนะว่าไม่ต้องรอ ตอนนี้มีคนใหม่แล้ว” “คุณบิว (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มิ.ย.67] ได้โทรเข้ามาขอคำปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา Position เรื่องเซ็กส์ที่ไม่ตรงกับแฟนเก่า โดย “คุณบิว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ผมตัดสินใจบอกเลิกแฟนเก่าไป ซึ่งเหตุผลที่ผมบอกเลิกเค้า มันเป็นเหตุผลที่ไม่น่าเอามาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิก ผมกับแฟนเราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ และ Position ของเราคือเราเป็นรุกด้วยกันทั้งคู่ เวลาที่เค้าขอมีอะไรด้วยผมก็จะรู้สึกอึดอัดและไม่อยากมีอะไรด้วย ผมก็เลยคิดว่าถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปเราจะไปด้วยกันได้มั้ย ผมก็เลยตัดสินใจบอกเลิกเค้าไปทั้ง ๆ ที่เค้ายังรักผมมาก ตัวเค้าเองก็งงว่าเพราะอะไร แล้วเค้าก็ยื้อผมและว่าจะไม่ทำแล้วก็ได้ แต่ ณ ตอนนั้นผมเองก็มั่นใจว่าจะเลิก ผมก็เลยบอกเลิกเค้าไป จนผ่านมา 1 เดือน ผมก็ไปคุยกับคนใหม่ที่ Position ตรงข้ามกัน ซึ่งในส่วนนี้ผมก็โอเคแล้ว แต่ในเรื่องของความรัก การเอาใจใส่ การดูแล ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ และไม่เหมือนกับคนเก่า ผมก็รู้สึกว่าไม่ใช่ และบอกเลิกกับคนใหม่ เลยทำใจอยู่พักหนึ่งและทักไปหาคนเก่าเพื่อบอกขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น และขอโอกาสในการกลับไปคบกันได้มั้ย แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือเค้ามีคนคุยใหม่ไปแล้ว เพราะตอนนั้นผมบอกเค้าว่าไม่ต้องรอ ยังไงผมก็ไม่กลับ ซึ่งตอนที่เค้าบอกว่ามีคนใหม่ไปแล้วผมรู้สึกจุกมาก ทำอะไรไม่ถูก นึกสงสารเค้าตอนที่เราไปทำกับเค้า คือการไปมีคนใหม่ ตอนที่เค้ารู้ เค้าต้องเสียใจมากกว่าเราอีกกี่เท่า เค้าต้องนั่งร้องไห้คนเดียว พอเรามาเจอเองเลยรู้สึกอยากกลับไปรักเค้าอีกสักครั้ง ผมยอมที่จะเปลี่ยนตัวเองในเรื่องของ Position เพราะผมพึ่งมาตระหนักได้ว่าสิ่งที่เค้าทำมันมีค่ามากแค่ไหน ณ ตอนนั้นผมเอาเรื่อง Position มาตัดสินความรักที่เค้ามีให้ผม ซึ่งมันไม่ควรเลย และตอนที่เค้ามีคนใหม่ไปแล้วเค้าบอกกับผมว่า “ถ้าวันไหนที่เราและเค้าโสด เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” ผมเลยบอกเค้าว่าจะรอ แต่ผมก็คิดในใจว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่น่าให้อภัยเลย ผมอยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมควรจะรอเค้าหรือหายไปจากเค้าดี...?’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อกหักครั้งแรกมันจะเจ็บมากอยู่แล้ว ตอนนี้บิวแค่ต้องยอมรับความจริง พี่มองว่าบางอย่างมันเกิดขึ้นก็เพื่อให้เรารู้ตัว หรือทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง และบางครั้งการที่คนเราจะเรียนรู้อะไรบางอย่างมันจะต้องเสียไปก่อน บางครั้งเราต้องเก็บมันเป็นประสบการณ์ และยอมรับความจริง บางอย่างไปแล้วไปเลย ไม่ใช่ว่าเราจะฟูมฟาย โวยวาย เพื่อเรียกร้องโอกาสกลับมา และถ้าเรารักเค้าจริง สิ่งที่เราควรจะคิดคืออย่างที่พี่เติ้ลบอกว่าชีวิตของเค้าไม่ได้ต้องการการรักษาอะไร เค้าอาจจะได้ไปพบกับความรักที่ดีและเหมาะสมกับเค้า แล้วที่เค้าบอกว่า “ถ้าวันใดวันหนึ่งเราโสดทั้งคู่ เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” พี่ไม่อยากดับฝันนะบิว ประโยคนี้คือประโยคพื้นฐานในการบอกเลิกสำหรับวัยรุ่น แล้วอยากให้การเลิกกันครั้งนี้มันไม่ทำร้ายจิตใจกันมาก สิ่งที่บิวต้องทำตอนนี้คือยอมรับความจริง ว่าตัวเราเคยเสียคนรักไปคนหนึ่งไปด้วยเรื่องนี้นะ เอาไว้เป็นประสบการณ์ และถ้าจะรอ รอได้ครับ แต่ต้องรอเงียบ ๆ รอแบบที่ไม่ได้ไปวุ่นวายกับเค้า ซึ่งบิวจะทำได้จริงรึป่าว มันทรมาน เพราะงั้นถ้าบิวเอาเรื่องนี้เป็นประสบการณ์แล้วไปหาคนรักที่เหมาะสมกับบิวจริง ๆ ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้จะไม่เจอใครอีก เพราะบิวพึ่ง 19 และนี้มันคือการอกหักครั้งแรก ซึ่งครั้งแรกมันเจ็บเสมอ’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยความที่ประสบการณ์บิวน้อยมากในการมีแฟน คนแรกก็คือคนที่คบกัน 9 เดือน ซึ่ง 9 เดือนยังไม่รู้จักกันดีพอเลย โดยเฉลี่ย 2 ปีที่จะเริ่มเป็นตัวของตัวเอง ความหลงความวาบหวิวมันจะค่อย ๆ ละเลือนหายไป ง่าย ๆ เลยนะคะ มันเหมือนแก้วที่มีฝุ่นอยู่แล้วยังไม่ตกตระกอน และบิวกำลังเปรียบเทียบระหว่างคนเก่ากับคนใหม่แค่ 2 คนเอง คือถ้าพี่มองพี่ก็ไม่รู้ว่ารุก-รับ มันสามารถเปลี่ยนกันได้ไหม และประเด็นคือบิวยังไม่เคยลองมาก่อนบิวจะไม่รู้ว่ามันโอเครึป่าว พี่มองว่าปัญหาเรื่องเซ็กส์เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน คนเก่ากลับมาก็ยังเป็นปัญหาเหมือนเดิม แล้วจะแก้ไขได้รอดไหมก็ยังไม่รู้ ฉะนั้นถ้าเป็นรุกเหมือนกัน พี่ก็จะตอบเลยว่าคนนี้ยังไม่ใช่ แล้วคนที่เลิกกันไปก็ยังไม่ใช่ คือวันนี้ที่คบกันไป 2 คน คือยังไม่ใช่ทั้ง 2 คนเลย บิวแค่เปรียบเทียบว่าคนไหนดีกว่ากัน แต่ถ้าบิวใช้ชีวิตตามหาคนที่ใช่จริง ๆ มันจะไม่มีข้อเสียที่เป็นข้อใหญ่ขนาดนี้ เรื่องเซ็กส์สำหรับเด็ก 19 ไม่เราก็เค้าเดี๋ยวจะต้องมีปัญหาแน่นอน แต่ถ้าอยากจะรอเพราะรู้สึกว่าคนนี้ใช่แล้ว ก็รอได้ไม่เสียหาย เพราะคนที่เจ็บไม่ใช่ใคร มันคือบิว และการรอก็ต้องเผื่อใจว่าถ้ากลับมาแล้วก็อาจจะเลิกกันอีกก็ได้ ถ้าเลิกกันอีกครั้งบิวก็ต้องแข็งแรงขึ้นกว่าครั้งแรก เพราะครั้งนี้บิวดูเจ็บหนักมากด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยอยู่ เหมือนกับโดนมีดบาดครั้งแรกที่มันโคตรจะเจ็บเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าให้พี่แนะนำว่าเราควรจะหายไปจากชีวิตเค้าเลยไหม คือ ณ วันนี้เราไปยุ่งกับเค้าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเค้ามีแฟนแล้ว เราต้องให้เกียรติคนที่เค้าคุยด้วย และการที่เราเข้าไปวุ่นวายกับแฟนเก่ามาก ๆ เราไม่รู้ว่าเค้ารู้สึกยังไง ให้หาใครสักคนคุยไปด้วยหรือตามหาคนที่ใช่ อย่าเสียเวลา และจะได้เรียนรู้ด้วยว่าคนที่ใช่เป็นแบบไหน เข้ากับเราได้ไหม หาไปเรื่อย ๆ มันคือเรื่องของชั่วโมงบิน’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แยกเป็น 2 อย่างนะบิว อย่างแรกเรื่องที่น้องบิวอกหักตอน อายุ 19 พี่เติ้ลว่านี่คือเรื่องปกติ เพราะถ้าอย่างพวกพี่ย้อนกลับไปตอนอายุ 19 พวกพี่ก็ทำอะไรผิดพลาดมาเยอะ พี่ว่าดีที่สุดคือการเอามันมาเป็นบทเรียน ว่าเราเคยเลิกรากับคนหนึ่งไป ในกรณีคนแรกเราอาจจะยังพยายามไม่พอ หรือถ้าเราลองพยายามเปิดใจมากกว่านั้น เราลองดูแล้วมันไม่ใช่แล้วเราเลิกกันก็อาจจะสบายใจกว่า ณ ตอนนี้ ทั้งหมดทั้งมวลพี่ว่าต้องเอามาเป็นบทเรียน ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าพี่ย้อนกลับไปก็อยากไปตบกระบาลตัวเองเหมือนกัน แต่เรื่องบางเรื่องมันผ่านมาแล้ว เราก็แค่ต้องไปต่อ และพี่ไม่อยากให้บิวคิดว่าผู้ชายคนแรกนั้นดีสุด ๆ จนคิดว่าตัวเองไม่สามารถหาได้ดีกว่านี้อีกแล้ว มันไม่จริงหรอกบิว หนูพึ่งผ่านมาแค่ 2 คน พี่เชื่อว่าบิวทนอีกหน่อยรอให้เวลามันผ่านพ้นไป เดี๋ยวมันจะมีคนที่ทั้งดูแลบิวและเค้าก็จะมีรสนิยมเป็นรับที่ดูโอเคมาก ๆ ก็ได้ อันที่สองเรื่องรสนิยมทางเพศ การที่บิวบอกว่าถ้าเค้ากลับมาผมพร้อมที่จะเปลี่ยนทุกอย่าง พี่อยากจะบอกว่าบิวใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเกินไป เพราะ มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าบิวรองเป็นโพซิชั่นรับ แล้วบิวโอเคกับมัน และไปต่อได้อย่างเพอร์เฟค แต่พี่เห็นหลายคู่มากที่มีการพยายามแบบนี้ แต่สุดท้ายมันไม่สามารถไปได้จริง ๆ เพราะถ้าเค้าไม่แฮปปี้แบบสุด ๆ ที่จะทำ สุดท้ายเค้าก็อยากนะกลับไปเป็นแบบเดิมที่เค้าเป็น ซึ่งพี่ว่าเรื่องแบบนี้ในวัยเท่านี้มันค่อนข้างเป็นปัจจัยหนึ่งที่เค้าจะเลือกคู่ของกันและกัน หรือบางคนที่เค้าไม่ต้องการเซ็กส์มันก็จะไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าถ้าเป็นคนที่ยังมีความต้องการทางเพศอยู่ แล้วต้องการให้อีกฝ่ายสนองความต้องการของตัวเอง พี่ว่าเรื่องนี้มันสำคัญ ถ้าเราต้องหักความต้องการของตัวเองขนาดนั้นแล้วเราไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้น พี่ว่ามันจะไม่รอดในระยะยาว ตอนนี้บิวแค่เอาใจไปยึดติดกับคนแรกมาก ๆ จนไม่เหลือพื้นที่ให้กับตัวเองในอนาคตเลย ซึ่งถ้าตอนนี้เค้ามีคนใหม่แล้ว บิวต้องไปมีชีวิตของตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1