คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

22 พ.ย. 2023

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ

เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน

บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม

ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

ตอนนี้แม่รู้สึกกังวลและเป็นห่วงมาก ควรพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ดีไหม?

                “คุณแม่เหมียว (นามสมมติ)” อายุ 48 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับเรื่องของลูกสาวอายุ 11 ขวบ รู้สึกกังวลและเป็นห่วง เพราะเขาเครียดเกินวัย

                โดยสายนี้ “คุณแม่เหมียว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ลูกสาวค่อนข้างมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเลยเวลาที่ลูกสาวอยู่ในโรงเรียน ต้องบอกว่าลูกสาวส่วนตัวเป็นคน Perfectionist มาก ทำอะไรก็ต้องดีทุกอย่าง เขาเป็นคนที่ลายมือสวย ระบายสีสวย แม้กระทั่งการเรียนก็ต้องดีที่สุด เขาจะสร้างบรรทัดฐานของตัวเองให้เป็นคนที่ดีมาตลอด จนทำให้เขาเริ่มมีความเครียดสะสม

                พอลูกสาวเราขึ้น ป.5 การเรียนของเขาก็เริ่มเข้มข้นขึ้น ครูที่สอนก็ไม่ได้ใจดีเหมือนเมื่อก่อน จะมีดุบ้าง ด่าบ้าง แต่ไม่ได้ดุหรือด่าลูกสาวเราคนเดียว หมายถึงว่าเขาก็พูดถึงโดยรวม แต่ลูกสาวเราก็จะเก็บมาคิดมาก เวลามีการบ้านเขาก็จะนั่งทำจนดึกดื่น ยิ่งช่วงสอบเขาจะนั่งติวหรืออ่านหนังสือดึกมาก บางทีอ่านไม่เข้าใจ เขาก็จะร้องไห้ หรือให้เราปลุกเขาตั้งแต่ตี 5 เรารู้สึกว่ามันเครียดเกินกว่าที่เด็กวัยนี้ควรจะเป็น

                ซึ่งเขาก็เป็นคนที่มีภาวะเครียดมาหลายปีอยู่แล้ว เคยมีเหตุการณ์หนึ่ง สมัยที่ลูกสาวเราเรียนอยู่ที่โรงเรียนเก่า เขามีภาวะเครียดเกี่ยวกับครูผู้สอน แม่ก็แก้ปัญหา โดยการพาเขาย้ายโรงเรียนไป ซึ่งเราก็มีการคุยกับครูไว้ว่าให้ดูแลเขาเป็นพิเศษ ตอนที่ลูกสาวขึ้น ป.5 คุณครูที่สอนแต่ละวิชาก็มีหลากหลายขึ้น แม่ก็เข้าใจ เพราะว่าแม่ก็อยากให้เขาเจอกับสังคมที่มันหลากหลายอยู่เหมือนกัน เพราะโตไปเขาก็ต้องเจออะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่เหมือนว่าลูกสาวยังคงเครียดอยู่เหมือนเดิม

                วันนี้เลยอยากปรึกษาว่า แม่ควรพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ไหม? เพราะว่าคุยกับหลาย ๆ บอกเราคิดไปเอง บางคนก็บอกว่ามันคือธรรมชาติของเด็ก ดีแล้วที่ลูกสาวเรามีความขยันมุ่งมั่นดี แต่เราก็รู้สึกว่ามันหนักเกินไปอยู่ดี หรืออีกอย่างที่อยากสอบถามคือ เราเองหรือเปล่าที่ต้องไปพบจิตแพทย์เอง เพราะรู้สึกว่าเราจะห่วงลูกมากเกินไป

                ซึ่งดีเจทั้ง 3 คน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน ว่า ‘สำหรับพวกเรา สิ่งที่เกิดกับลูกเป็นสิ่งที่ต้องคิดมาก ต้องใส่ใจอยู่แล้ว มันต้องคอยสังเกต สิ่งแบบนี้มันเป็นอะไรที่น่ากังวลมาก อะไรที่มันแพ้ไม่ได้ ยอมรับความผิดหวังไม่ได้ เราควรที่จะพาเขาไปพบจิตแพทย์เลยตอนนี้ เพราะว่าเด็กวัยนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว ตอนนี้เรายังควบคุมเขาได้ ควรที่จะพาเขาไปให้เร็วที่สุด มันเครียดเกินไป เหมือนว่าเขาไม่ได้ใช้ชีวิตวัยเด็กเลย ได้วิ่งเล่นหมือนเด็กคนอื่น ๆ เลย

                ถ้าคุณแม่รู้สึกว่าตัวเองเลี้ยงลูกแล้วมันเครียด มันมีปัญหา ก็ไปพบจิตแพทย์ได้ เพราะเขาจะบอกเลยว่าคุณแม่ควรที่จะทำตัวยังไงเพราะว่าเราเป็น Effect สำหรับเขาอยู่แล้ว มันต้องเริ่มที่คุณแม่ เดี๋ยวลูกก็จะปรับไปตามนั้น การมีลูกเราคิดน้อยไม่ได้ มันควรมีความบาลานซ์กัน

                ในระหว่างรอที่จะไปพบแพทย์ เราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกในเน็ตดูก่อน มันจะมีข้อมูลมากมาย ทั้งเทคนิคต่าง ๆ หรือคลิปวิดีโอที่มันจะพอเป็นแนวทางสำหรับคุณแม่ได้ หรือหากิจกรรมระหว่างครอบครัวให้เขารู้สึกได้ผ่อนคลาย รวมถึงการศึกษาที่มันเข้มข้นมากเกินไปอาจจะยังไม่เหมาะ ถ้ามันจะทำให้เด็กคนนึงต้องมีภาวะเครียดขนาดนี้ โรงเรียนทางเลือกอาจจะเป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งก็ได้’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูมาทำงานต่างประเทศ สามีบอกเดี๋ยวจะตามมา หนูส่งเงินค่ากิน ค่าใช้ ค่าเช่าบ้าน ค่ารถให้เขามา 8 เดือนกว่า เขาไม่ทำงานเลย จนมารู้ทีหลังว่ามีผู้หญิงอีกคน ตอนนี้สามีขอคบ 2 คน ถ้าไม่ยอมก็ท้าให้เราฟ้องเอา หาหลักฐานมาให้ได้สิ หนูเสียใจที่สุด...

01 พ.ย. 2024

หนูมาทำงานต่างประเทศ สามีบอกเดี๋ยวจะตามมา หนูส่งเงินค่ากิน ค่าใช้ ค่าเช่าบ้าน ค่ารถให้เขามา 8 เดือนกว่า เขาไม่ทำงานเลย จนมารู้ทีหลังว่ามีผู้หญิงอีกคน ตอนนี้สามีขอคบ 2 คน ถ้าไม่ยอมก็ท้าให้เราฟ้องเอา หาหลักฐานมาให้ได้สิ หนูเสียใจที่สุด...

“คุณมิวสิค (นามสมมติ)” สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาทำงานอยู่ต่างประเทศ ส่งเงินให้แฟนที่ไทยตลอด แต่ตอนนี้เขาไปกับคนอื่น โดย “คุณมิวสิค (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘พอดีเรามาทำงานตามความฝันที่ต่างประเทศก่อนแฟน แล้วก็ส่งเงินให้เขาใช้จ่ายส่วนตัว พร้อมกับจ่ายค่าธุรกิจของเขาตลอดเลย แต่ตอนนี้เขาไปกับอีกคนนึง หนูมาอยู่ที่นี่ได้ประมาณปีกว่าๆ เราทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่มีการจดทะเบียนกันเพื่อจะไปทำงานที่ต่างประเทศ หนูคบกับแฟนคนนี้มาประมาณ 10 ปี คบกันตั้งแต่เรียนอยู่ ซึ่งเขาเป็นคนที่เจ้าชู้มากๆ ตั้งแต่คบกันมาเขามีคนอื่นมาตลอด จับได้ตลอด นิ้วมือนิ้วเท้าหนูนับไม่ได้เลย บางคนหนูก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่หนูก็ให้อภัยเขามาตลอด บวกกับพอเราทำงาน เขาก็จะมีช่วงที่ทำงานไม่ได้ ทำงานได้บ้าง หนูก็จะเป็นคนที่ซัพพอร์ตเขามาตลอด จนมีช่วงนึงที่เขาป่วย แทบจะเดินไม่ได้เลย หนูก็ยังอยู่กับเขา พอเขาหายดีขึ้น เขาก็กลับมาเป็นคนเดิมที่ก็ยังแอบนอกลู่นอกทางมาตลอด แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหน ยังอยู่กับหนู แล้วหนูก็ให้อภัยเขา จนพอเราอายุมากขึ้น เรามีการพูดถึงอนาคตมากขึ้นว่าจะทำยังไง? ด้วยความที่เขาไม่ได้มีการงานที่มั่นคง เราจึงคุยกันว่าเราจะมาทำงานที่ต่างประเทศ มีการเลือกหลายๆประเทศ แต่ก็มาจบที่ออสเตรเลีย ซึ่งคุณสมบัติการมาที่นี่ของเขามันยากกว่าของหนู ด้วยวุฒิการศึกษา หน้าที่การงานของหนูดีกว่าเขา จึงทำให้เขาไม่สามารถมาพร้อมกับหนูได้ หนูเลยต้องมาคนเดียว และเราก็มีการตกลง สัญญากันว่าถ้าหนูมาครบ 1 ปีแล้วเขาจะตามหนูมาที่นี่ แต่พอหนูมาจริงๆ เขาก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นที่จะมาที่นี่ ตลอดระยะเวลาประมาณ 8 – 9 เดือนที่ผ่านมาเขาไม่ทำงานเลย แล้วเขาก็ต้องมีรถยนต์ที่ต้องผ่อนเดือนละ 9 พัน บวกกับค่าใช้จ่ายของเขา ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเดินทาง เหมือนบางวันเขาก็บอกจะไปหางานทำ แต่ก็ไปแล้วไม่ได้ ไปแล้วไม่เอา จริงๆก่อนหน้านี้ตัวหนูเองอยากแต่งงานมาตลอด แต่ด้วยความที่มันไม่พร้อมอะไรเลย มันทำให้ไม่มีการได้แต่งงานกัน แต่พอวีซ่าหนูผ่านปุ๊บ เขาก็ขอหนูแต่งงาน พอวันเกิดหนูเขาก็พาไปจดทะเบียนสมรส แล้วหนูก็ถามเขาว่ามั่นใจหรอว่าจะอยู่กับคนแบบเราได้ ซึ่งหนูก็ถามตัวเองเหมือนกันว่าหนูจะอยู่กับเขาได้มั้ย? หนูก็คิดว่าเราไม่น่าจะอยู่กับคนแบบนี้ได้ แต่เหมือนเราคบกันมานาน แล้วเขาก็เป็นแฟนคนแรกของหนู มันมีความไม่กล้าเดินออกมา หนูคิดข้อดีของเขาไม่ออกเลย พอหนูมาอยู่ที่นี่ ด้วยความที่หนูอยากให้เขามาที่นี่ด้วย หนูก็ช่วยเขา เพราะเขาต้องทำตัวเองให้มีคุณสมบัติที่ดีเหมือนซัพพอร์ตเราได้ มีการมีงานที่ดีทำถึงจะติดตามมาที่นี่ได้ พอเขาไม่ทำงาน ไม่ทำอะไรเลยเป็นเวลาเกือบปี หนูก็รู้สึกว่าทำไมเขาไม่มีความกระตือรือร้น พยายามพูดแล้ว แต่พอพูดเราก็จะทะเลาะกัน หนูเลยเสนอเขาไปว่าถ้าเขาไม่อยากทำงานประจำ ไม่อยากเป็นลูกน้องคนอื่น งั้นเราเปิดธุรกิจกันมั้ย? เราเปิดร้านอาหารเล็กๆให้เธอ เพื่อทำสเตจเม้นแล้วให้เธอได้มาที่นี่ แล้วหนูก็เป็นคนลงทุนให้เขา ตอนแรกเขาไม่อยากทำเลย แต่พอหนูพูดให้เขาทำ เขาก็ไปทำจริงๆ ซึ่งตอนนี้ก็ยังทำอยู่ 3 เดือนแรกหลังจากเปิดร้านอาหารก็ดูโอเค เขายังคุยกับหนูปกติ แต่หนูเป็นคนที่ติดเขา หนูเลิกเรียนหนูโทรหาเขา หลังเลิกงานหนูโทรหาเขา แต่หลังๆมานี้ทุกอย่างที่หนูทำคือเขารำคาญหนู เขาทำให้หนูร้องไห้ตลอดเวลา ตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางปีนี้ หนูไม่รู้สาเหตุด้วย หนูพยายามถามเขาว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมดูเหมือนไม่รัก ไม่คิดถึง ไม่โหยหา ทั้งๆที่หนูดูแล้วว่าโอกาสที่เขามาที่นี่ไม่ได้ หนูพยายามกลับไปหาเขามากๆ หนูพยายามพูดว่าถ้างั้นไม่เป็นไร ขอกลับบ้านไปอยู่กับเขาได้มั้ย? ซึ่งเขาจะพูดประมาณว่ากว่าจะได้มา มันยากนะ อยู่ต่ออีกหน่อยสิ เหมือนพูดเกลี่ยกล่อมให้เราอยู่ต่อ มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า เรามาทำเพื่อความฝันของเรา เอาจริงหนูไม่ได้มีความฝันอะไรมากเลย หนูแค่อยากอยู่กับเขา แต่ความฝันของเขา เขาอยากมีนู้นมีนี่ ซึ่งหนูคิดว่าเขาทำคนเดียวไม่ได้ หนูต้องช่วยเขา เพราะฉะนั้นหนูเลยต้องอยู่ต่อ จนความรู้สึกนั้นมันมากเลยทำให้หนูน้อยใจ แล้วเวลาที่ไทยกับออสเตรเลียต่างกัน 3 – 4 ชั่วโมง หนูยอมนอนดึกทุกวัน เพื่อรอคุยกับเขาหลังจากที่เขาเก็บร้านเสร็จ แต่เขาบอกหนูว่า รอเขาทำไม? จากที่เราเคยคอลกัน เขาเริ่มไม่อยากคอล ไม่อยากคุย เขาบอกว่าหนูทำแบบนี้ เขาเหนื่อย แค่ทำงานเขาก็เหนื่อยแล้ว ทำไมเขาต้องมาเหนื่อยกับหนูอีก จนหนูเลยลองไม่ตามเขาบ้าง แล้วเขาก็บอกเลิกหนู แต่เขากลับมาแอดเฟซบุ๊กหนู ตอนนั้นหนูดีใจมาก แต่หนูไปเห็นว่ามีผู้หญิงคนนึงคอมเมนต์เขาทุกโพสต์ หนูก็เอะใจเพราะเป็นพี่ที่หนูรู้จัก แล้วคุณแม่ของเขาเป็นคนบอกหนูเองว่าเขามีคนอื่นมาตลอด ผู้หญิงคนนั้นก็บอกหนูว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้นปี แต่ผู้ชายไม่ยอมรับ แล้วบอกหนูว่าเขาขอมี 2 คนได้มั้ย? เพราะเขาขาดใครไปไม่ได้สักคน เลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูอยากหย่ากับเขา แต่เขาไม่ยอมหย่า หนูต้องทำไงดี?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมตาม Onlyfans อยู่ช่องนึง เค้าลงคลิป Collab กับอีก Channel เห็นภาพปกคลิปแล้ว เอ๊ะ... หน้าคุ้นๆ จมูกเอย ทรงผมเอย ทำไมเหมือนหัวหน้าเลย พอเขาหันหน้ามา สรุปใช่เลย! เลื่อนๆดูจนจบแล้วรีบปิด ตอนนี้กลัวเจอหน้าหัวหน้าแล้วจะโป๊ะ ทำตัวเลิ่กลัก

24 พ.ค. 2024

ผมตาม Onlyfans อยู่ช่องนึง เค้าลงคลิป Collab กับอีก Channel เห็นภาพปกคลิปแล้ว เอ๊ะ... หน้าคุ้นๆ จมูกเอย ทรงผมเอย ทำไมเหมือนหัวหน้าเลย พอเขาหันหน้ามา สรุปใช่เลย! เลื่อนๆดูจนจบแล้วรีบปิด ตอนนี้กลัวเจอหน้าหัวหน้าแล้วจะโป๊ะ ทำตัวเลิ่กลัก

“คุณเบล (นามสมมติ)” อายุ 38 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [22 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเจอคลิป OnlyFans ของหัวหน้าโดยบังเอิญ โดย “คุณเบล (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมพึ่งย้ายที่ทำงานมา ตอนนี้กำลังฝึกงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งอยู่ และทางบริษัทก็ให้หยุดงาน 2 วัน ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้หยุด ผมเป็นคนที่ชอบเล่นแอป x มาก ก็คือจะเล่นเป็นประจำ ชอบดูชอบเสพคลิป 18+ ในแอปนี้นิดนึง ผมจะมีหลายแอคเค้าท์ที่ชื่นชอบ แต่ก็จะมีแอคเคาท์หนึ่งที่จะชื่นชอบมากเป็นพิเศษ ผมติดตามผลงานของแอคเค้าท์นี้มาตลอด แต่ว่าล่าสุด แอคเค้าท์นี้ได้ปล่อยคลิปวิดีโอ 18+ คลิปหนึ่ง ลงแอป x สิ่งที่ผมเห็น ณ ตอนนั้นก็คือเป็นภาพนิ่ง เพราะยังไม่ได้กดให้คลิปวิดีโอเล่น จะเรียกว่าเป็นปกคลิปวิดีโอก็ได้ แล้วก็จะมีคำบรรยายข้างบน ตาสองข้างของผมได้ไปสะดุดตากับผู้ชายคนหนึ่ง ที่อยู่ในรูปปกคลิปวิดีโอนั้น ผมก็รู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนั้นมากๆ ทรงผมก็ใช่ จมูกก็ใช่ มันเหมือนกับคนๆ หนึ่งที่ผมรู้จัก ผมก็เลยกดเข้าไปดูที่คลิปวิดีโอนั้น พอเปิดดูคลิปเท่านั้นแหล่ะ!! ผู้ชายที่อยู่ในคลิปนั้นคือ “หัวหน้าผม” ซึ่งหัวหน้าผมเขามี OnlyFans อีกอันหนึ่ง แต่คลิปวิดีโอนี้หัวหน้าผมน่าจะมา Collabs กับคนที่ผมชื่นชอบและติดตามอยู่ ต้องขอบอกเลยว่า ผมดูคลิปวิดีโอนั้นจนจบแต่เป็นการดูแบบ เขยิบๆ ปกติเวลาดูคลิปพวกนี้ผมก็จะมีการทำกิจกรรมบนเตียงต่อ แต่พอดูคลิปนี้เสร็จผมงงมาก จนถึงเมื่อเช้าทำให้กิจกรรมบนเตียงของผมไม่เคลื่อนที่เลย ซึ่งผมก็เข้าใจเพราะมันเป็นเรื่องปกติมาก แล้วมันก็เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ผมแค่รู้สึกไม่มั่นใจว่า ถ้าพรุ่งนี้ผมเจอเขาหลังจากที่หยุดงานมา 2 วัน กลัวว่าตัวเองจะทำหน้าเลิ่กลั่ก และกลัวตัวเองไม่เหมือนเดิม เพราะว่าผมเคยมีประสบการณ์คลิปวิดีโอหลุดของเพื่อนเมื่อสมัยเรียน พอผมได้เห็นผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่เราเคย มองคนๆ หนึ่งไว้ ก็คือคนนี้เป็นเพื่อนเรา คนนี้เป็นหัวหน้างานเรา พอเราไปเห็นมุมมืดของเขา เราก็เลยรู้สึกดิ่งกลัวว่าตัวเองจะมีอาการเปลี่ยนไป? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าต้องถามตัวเบลเอง ว่าเบลรู้สึกยังไง เหมือนเบลก็ยังตอบไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกยังไง พี่ว่า ไม่ควรรู้สึกอะไรมากมาย แล้วไอ่ความตกใจ! ไอ่ความเฮ้ยยย! มันก็คงจะมีบ้าง เวลาเจอกันก็ทำตัวปกติ นิ่งๆ ไว้ เพราะเราก็ดันดูคลิปวิดีโอนั้นจนจบด้วย คือถ้าช็อกตกใจจริงก็คงไม่ดูจนจบหรอก’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ปีนี้ 2024 แล้ว เบลไม่ต้องอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าถ้าเบลบอกว่าเห็นคลิปวิดีโอนั้น แล้วมันจะทำให้เบลรู้สึกว่า เฮ้ยยยย! คุณค่าของเขาลดลงมันก็ไม่เกี่ยวกัน อันนี้พี่บอกในบริบทที่มันเป็นปี 2024 แล้ว มันไม่เกี่ยวแล้วอ่ะ แล้วพี่ก็รู้สึกว่า ถึงแม้ว่าเบลจะเก็บอาการไม่อยู่ ทำหน้าเลิ่กลั่ก เขาก็ไม่มีปัญหาหรอก เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าฟีดแบคจะเป็นยังไงถ้ามีคนไปเห็น อันนี้มันคือ OnlyFans เขายินดีที่จะให้คนเห็น เพราะฉะนั้นเบลจะเป็นยังไงมันก็เป็นเรื่องของเบล เขาไม่แคร์อยู่แล้วพี่ว่า’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เผือก พี่เติ้ล พูดเหมือนกันไปหมดแล้ว ว่าเฉยๆ ไม่มีผลอะไรทั้งนั้น แต่ขอไว้อย่างหนึ่งนะเบล อย่าเอาเขาไปจินตนาการแล้วไปทำกิจกรรมบนเตียงมันใกล้ตัวเกินไป อันนี้มันจะทำให้มองหน้ากันไม่ติดยิ่งกว่าเดิมอีก’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผิดหรอครับที่ผม Move on จากความเศร้าได้ไว... คุณพ่อเพิ่งเสียชีวิต ผมร้องไห้หนักชั่วโมงเดียว แล้วบอกตัวเองเดินหน้าต่อ แต่ญาติไปบอกแม่ว่า "ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อเลย หวังแค่สมบัติพ่อรึเปล่า?"

01 เม.ย. 2024

ผิดหรอครับที่ผม Move on จากความเศร้าได้ไว... คุณพ่อเพิ่งเสียชีวิต ผมร้องไห้หนักชั่วโมงเดียว แล้วบอกตัวเองเดินหน้าต่อ แต่ญาติไปบอกแม่ว่า "ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อเลย หวังแค่สมบัติพ่อรึเปล่า?"

ผิดหรอครับที่ผม Move on จากความเศร้าได้ไว... คุณพ่อเพิ่งเสียชีวิต ผมร้องไห้หนักชั่วโมงเดียวแล้วบอกตัวเองเดินหน้าต่อ แต่ญาติไปบอกแม่ว่า "ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อเลย หวังแค่สมบัติพ่อรึเปล่า?"คุณแม่ก็ฟังคำพวกเขา ตอนนี้ทุกคนในบ้านยังเสียใจร้องไห้ไม่หยุด ผมจะทำยังไงดี “คุณมิน(นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายที่ 4 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [27 มี.ค. 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล และ ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับมูฟออนจากการเสียคุณพ่อเร็วเกินไป จนที่บ้านคิดว่าไม่เสียใจเลยหรอ... โดย “คุณมิน(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมมูฟออนไวจากการเสียคุณพ่อ ผมผิดหรือเปล่า? คือคุณพ่อของผมเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว และผมสนิทกับพ่อมาก พ่อผมเสียชีวิตที่กรุงเทพแต่ผมนั่งรถขนศพคุณพ่อ มาทำพิธีที่บ้านเกิดของพ่อ ที่บ้านก็เตรียมไว้เรียบร้อยและจัดการทุกอย่าง หลังจากเอาศพของพ่อไปไว้ที่วัด ผมก็กลับมาที่บ้าน พอมาที่บ้านก็เห็นบรรยากาศและนึกถึงพ่อว่า... ต่อไปนี้บ้านที่พ่อสร้างจะไม่มีพ่อตลอดไปแล้วนะ ผมก็ร้องไห้ชั่วโมงเดียว แล้วก็จบนั่นคือการร้องไห้ครั้งเดียวตอนที่ผมสูญเสียคุณพ่อ ผมก็ไปช่วยงานศพปกติ แต่อยู่ๆก็มีญาติของแม่บอกว่าไม่คิดจะร้องไห้ให้พ่อหน่อยหรอ? ผมก็บอกว่าผมร้องไปแล้ว ผมทำใจได้แล้ว จะร้องทำไมเยอะแยะ เขาก็พูดกับมาว่า ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อจริงนะ ส่วนแม่ผมก็ร้องไห้เหมือนขาดสติก็มีญาติคนนี้แหละที่คอยปลอบเขา คอยให้กำลังใจ ผมเป็นคนที่ปลอบคนไม่เก่ง เพราะผมเป็นคนที่สนิทกับพ่อและมูฟออนไวไม่ยึดติดอะไรมาก น้าเค้าก็บอกว่าเนี้ยไม่รักพ่อจริงนี่น่า ถ้ารักจริงก็ต้องร้องไห้มากกว่านี้สิ อย่างนี้ก็ดูออกว่าไม่รัก หวังสมบัติ เขาก็ไปบอกแม่ผม ซึ่งแม่ก็สนิทกับเขาอยู่แล้ว แม่ผมก็เชื่อเขา แม่ผมก็มาต่อว่าผมด้วยทำนองเดียวกันว่าทำไมถึงไม่ร้องไห้เลย ระหว่างช่วงงานศพเวลากลางวันผมก็มีการเข้ายิมปั้นหุ่น เพราะนอกจากงานประจำผมรับงานนายแบบด้วย ผมมีถ่ายงานช่วงก่อนสงกรานต์ที่ต้องใช้รูปร่างเลยไปเข้าฟิตเนส เขาเลยบอกว่า เนี่ยช่วงงานศพพ่ออยู่ยังมีอารมณ์ไปเล่นฟิตเนส เข้ายิมอีกหรอ? พอหลังจากจบงานศพจากพระสวดเสร็จ ผมก็กลับมาที่บ้าน และผมเป็นคนที่ชอบเต้นตามเทรน ผมก็เต้นอยู่ในห้องของผมในจังหวะเดียวกัน แม่เปิดประตูมาเจอและบอกว่าทำไมอารมณ์ดีในช่วงงานศพพ่อ แต่ผมก็เต้นในห้องของผมไม่ได้ไปเต้นในวัดผมก็รู้กาลเทศะ แค่บรรยากาศในบ้านก็อึมครึมพอแล้ว เพราะว่าทุกคนก็มานอนกันอยู่ที่บ้านและมีแต่เสียงร้องไห้ แล้วผมเป็นคนเดียวที่มูฟออนอยู่คนเดียวในบ้าน ผมก็ฟังเพลง เต้นของผมอยู่คนเดียวในบ้าน ผมก็โดนด่า แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักพ่อนะ ถ้าพ่อยังอยู่พ่อก็คงโอเคกับการที่ผมทำอย่างนี้ด้วยซ้ำ แต่ในมุมมองของคนอื่นเขาอาจจะไม่โอเค แล้วแม่ก็จะเชื่อคำพูดของญาติ ๆ มาก ตอนนี้ก็เหลือผมที่ Work form home อยู่ที่บ้านกับแม่แค่ 2 คน แม่ก็เอาแต่โทษผมว่าผมไม่รักพ่อ ผมก็พูดกับแม่แบบจริงใจสุด ๆ แล้วว่าที่ผมไม่เศร้าไม่ใช่ว่าผมไม่รักนะ ผมอยากกลับ กทม. มากเลยแต่ผมก็เป็นห่วงแม่ อยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมจะ Work form home ต่อดีไหม? หรือจะหนีความ toxic ไปเลย ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าถามว่าพี่รู้สึกยังไงถ้าสมมุติพี่เป็นญาตินั่งอยู่ตรงนั้น เรื่องร้องไห้ตัดไปเลยเพราะมันไม่เกี่ยวการร้องไห้ไม่ได้แสดงรักหรือไม่รัก การร้องไห้คือการแสดงออกของอารมณ์ ณ ตอนนั้น บวกกับใครที่สามารถควบคุมและกลั้น คนบางคนที่เขาไม่ร้องเขาอาจจะกลั้นมันอยู่มือเค้าอาจจะกำ แทบจะจิกเข้าไปในเนื้อแต่แค่ว่าน้ำตาเขาไม่ได้อยากให้ไหลออกมาด้วยหลากหลายสาเหตุ เพราะฉะนั้นอย่าเอาการที่ว่าร้องไห้เยอะหรือร้องไห้น้อยมาวัดว่ารักหรือไม่รัก ถ้ามีญาติมาคุยกับพี่แบบนี้พี่ด่า อันนี้พี่มองว่ามันไม่เกี่ยว แต่พี่มาสะดุ้งนิดนึงตอนเต้นอันนี้พี่ตกใจพี่พูดตรง ๆ แต่พี่ก็จะแค่ตกใจที่เต้นพี่ก็คงจะไม่ไปผูกกับเรื่องที่ว่าไอ้นี่ไม่รักพ่อถึงเต้น อย่างมากพี่ก็จะคิดแค่ว่า อ๋อ มันทำใจได้เร็ว เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเวลานี้แล้วเอายังไงต่อ ก็ถ้าที่บ้านเขาอยู่กันได้แล้วเราก็สามารถ Work form home ได้ก็อยู่ดูอีกสักหน่อย ให้เขาค่อย ๆ ทำใจกันได้ เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งในครอบครัวเสียชีวิตบรรยากาศความเศร้ามันก็ตลบอบอวลอบอยู่ในนั้นสักพักนึง แต่สุดท้ายแล้วทุกชีวิตมันก็จะค่อย ๆ เดินต่อตามความจำเป็นของแต่ละคน บางคนชีวิตเขาไม่ต้องมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากหรือไม่ได้มีสิ่งที่จะต้องลุกขึ้นและเดินต่อ เขาก็สามารถปล่อยให้มันจมอยู่กับความเศร้าได้เต็มที่ แต่สำหรับคนที่พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงาน มันก็ต้องตื่นก็ต้องหยุดร้องไห้ เพราะฉะนั้นเราก็คงไม่ตัดสินว่าใครจะร้องมากร้องน้อย ชีวิตแล้วสุดท้ายจะ ช้าหรือเร็วมันก็ต้องเดินต่อ และถ้ามินถามว่ามินจะต้องอยู่ต่อไหมก็กลับมาที่พี่พูดเมื่อกี้ แล้วชีวิตมินจำเป็นที่จะต้องเดินต่อหรือยัง งานการมันต้องลุยเลยไหม ถ้ามีก็ไปทำแต่ถ้ามันยังอยู่ดูแลกันได้ใช้เวลาตรงนี้ได้ ก็ลองอยู่อีกสักหน่อย สุดท้ายชีวิตมันก็ต้องเดิน’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แยกก่อนนะเรื่องร้องไห้ พี่ว่าหลายคนเป็นบางทีเจอเรื่องเศร้าแล้วมันไม่ร้อง พี่เองก็เป็นพี่เสียน้ำตาให้เรื่องที่ตัวเองมีความสุข แต่คนตายหรืออะไรอย่างเงี้ยไม่ร้อง ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่ว่าพี่เป็นนิสัยอย่างเงี้ย ซึ่งพี่ว่าหลาย ๆ คนเป็น บางทีเราอาจจะรู้สึกเสียใจข้างในแต่แค่ว่ามันไม่ร้องออกมา อีกเรื่องหนึ่งเท่าที่พี่ฟังมินมาพี่ว่ามินเป็นคนสุขนิยมจริง ๆ หมายถึงว่าพร้อมที่จะบล็อกเรื่องที่ไม่สบายใจได้เลย แล้วก็มีความสุขกับตัวเองได้เลย กับอีกแบบนึงมินเป็นคนที่ ถ้าบรรยากาศรอบข้างมันทำให้มินไม่มีความสุข มันจะทำอะไรบางอย่างเพื่อที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกว่า ไม่อยากเป็นแบบนั้นมันก็เลยเกิดอาการเต้นออกมาถ้าให้เราวิเคราะห์ แต่ไม่ว่าอย่างไรพี่รู้สึกว่าเหมือนมินจะลืมนึกถึงความรู้สึกคนรอบข้างไปหน่อยในกรณีนี้ สำหรับพี่นะคือมินรู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าคนรอบข้างบ้านมินเขาเป็นแบบนี้กันหมด เหมือนเขาต้องการให้เราอยู่ฝั่งเดียวกับเขา ด้วยการแสดงออกหรืออะไรก็ได้ พี่ไม่ได้หมายความว่าให้มินไปร้องห่มร้องไห้กับเขานะ แต่พี่รู้สึกว่าถ้าบางอย่างทำได้เช่นเรารู้อยู่แล้วว่าเขาจับตามองเราแล้วการเต้นของมินอาจจะรู้ว่าเค้าจะเห็นเราก็ต้องห้ามตัวเอง ซึ่งมินต้องนึกถึงแม่ด้วยว่าตอนนี้เขาเศร้าอยู่ เราอ่ะไม่อยากเศร้าอยากมูฟออนนั่นมันไม่ผิด แต่ ณ ตอนนี้เขายังไปไหนไม่ได้ ณ ตอนนี้เขายังไม่มีใคร เพราะฉะนั้นมินอาจจะต้องบังคับตัวเองอยู่เป็นเพื่อนเขาก่อนนะตอนนี้ ในฐานะลูก ที่จะทำให้แม่ได้ พี่รู้สึกว่าถ้ามินแบบไม่เอาแล้วว่ะไม่อยากเศร้าแล้ว พี่ว่าอันนี้มันก็สนใจแต่เรื่องเราเกินไป มันก็ต้องฝืนใจตัวเองแหละพี่รู้ว่ามินไม่อยากเศร้าอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ทำยังไงได้ถ้าแม่ที่เขารักเราแล้วเขายังเศร้าอยู่ เราก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนเขาก่อน แล้วรอเวลาที่เขาดีขึ้นเราก็กลับมา ใช้ชีวิตของเราได้’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยว่าตอนนี้ควรอยู่ดูใจแม่ เพราะบรรยากาศในบ้านตอนนี้แม่เขาดูเจ็บมากถ้าเราทิ้งไปอีกคนนึงแม่ก็ไม่เหลือใคร อยากให้มินมองภาพรวมของบ้านมากกว่าเรื่องราวของตัวเอง การมูฟออนได้เป็นสิ่งที่ไม่ได้ดูแย่อะไรเลยเพียงแต่ว่าบรรยากาศในบ้านเราต้องไม่สวนทางกับเขา เราอาจจะต้องสำรวมสักนิดนึงแต่การที่เราไม่ร้องไห้มันไม่ผิดเลยแล้วญาติคือผิด ส่วนมินพี่ว่าอยู่ที่นั่นก็ปั้นหุ่นได้นะ จะเข้ายิมหรือเล่นฟิตเนสไปได้เลย เพราะว่าเราต้องทำงานแล้วเมษาเรามีงานเราก็กลับไปทำงานเท่านั้นเอง แต่พี่ว่าเวลานี้เราไม่ควรทิ้งคุณแม่ เพราะว่าสภาพจิตใจเขาแย่ถ้าเราไม่ดูเขาก็ไม่มีใครดูเขา แล้วสภาพจิตใจเขาตอนนี้คือแกว่งมาก เหมือนลอยอยู่กลางน้ำ มินอาจจะต้องทำอะไรที่ไม่ขัดหูขัดตาเพิ่ม เราบอกตัวเองเลยว่าเรามีหน้าที่เป็นยารักษาเขา เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นพิษต่อเขามินเลี่ยงแค่ช่วงนี้ที่เขาจะหนัก อดทนหน่อยเพราะตอนนี้เราคือที่พึ่ง เวลานี้เขาต้องการเราก็มีมินนั่นแหละที่ต้องอยู่ตรงนี้กับเขา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมาก แค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ

07 มิ.ย. 2024

คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมาก แค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ

คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมากแค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ จัดการความรู้สึกยังไงหรอคะ? “คุณแพท (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรัก แฟนทำเหมือนเดิมทุกอย่างดูแลเทคแคร์ดี แต่เรากลับรู้สึกเนือยๆ เบื่อๆ หรือว่ามันถึงจุดอิ่มตัวของความรักครั้งนี้แล้ว โดย “คุณแพท (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘เป็นปัญหาเรื่องความรัก หนูมีแฟนที่คบกันมา 3 ปี จะ 4 ปี เขาอายุ 21 ปี หนูทำงาน ส่วนเขายังเรียนอยู่แต่ก็จะมีรับพาร์ทไทม์บ้าง เราไม่ได้อยู่กินด้วยกัน แต่อยู่จังหวัดเดียวกัน ซึ่งไม่ได้อยู่ไกลกันมาก แล้วก็ไม่ได้เจอกันทุกวันด้วย ส่วนใหญ่จะเจอกันแค่วันเสาร์ เดือนหนึ่งจะไปเที่ยวกัน 2 - 3 ครั้ง แล้วแต่โอกาสและเวลาว่างของทั้งคู่ แต่เราก็โทรคุยกันทุกวัน ซึ่งเราทั้งคู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เขาดีทุกอย่าง ไม่มีเรื่องนอกใจ เรื่องเที่ยวตอนกลางคืน คือไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเลย แต่พอดีหนูเกิดความรู้สึกหนึ่งกับตัวเอง มันเป็นความรู้สึกแบบ เนือยๆ เบื่อๆ แบบว่าเหมือนอยากอยู่เงียบๆ เป็นบางที ซึ่งความรู้สึกแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นครั้งแรกตอนที่คบกันได้ 1 ปี หรือ 2 ปี แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เป็นอีกเลย พึ่งกลับมาเป็นอีกครั้งเมื่อตอนต้นปี แล้วก็เป็นถี่ขึ้นด้วย เกือบจะทุกเดือนเลยก็ว่าได้ ส่วนแฟนก็เหมือนเดิมทุกอย่าง ดูแลหนูดีทุกอย่าง แต่ว่าหนูมีภาระงาน ต้องทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ หนูแทบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย แค่เดินทางไป - กลับ จากที่ทำงานก็เหนื่อยมากพอแล้ว เพราะที่ทำงานกับบ้านค่อนข้างอยู่ไกลกัน ซึ่งพอมีเวลาว่างก็จะทุ่มเวลาตรงนั้นให้กับเขาได้มากที่สุด อย่างเช่นวันนี้เลิกเร็วก็จะโทรหาเขา ชวนเขาเล่นเกม เหมือนว่าเป็นหน้าที่ไปแล้ว บางทีเขาถามหนูว่า “เราคอลกันมั้ย” แต่ตอนนั้นหนูใช้เวลานั่งพักของตัวเองอยู่ เลยรู้สึกไม่อยากคอลเลย แต่ก็ต้องหยุดสิ่งที่ทำอยู่เพื่อไปให้เวลาเขาก่อน แล้วก็มีเรื่องที่บ้านที่ต้องรับผิดชอบหลายเรื่อง ก็เลยไม่มั่นใจว่าตรงส่วนนี้ มันมาเกี่ยวด้วยรึเปล่า เพราะทุกครั้งที่มีอาการแบบนี้ หนูก็จะเนือยกับตัวเองแบบ “เฮ้ยเป็นอีกแล้วหรอ” อะไรอย่างเงี้ย และหนูก็กลัวว่า หนูจะพาให้เขาเครียดไปด้วย โดยตัวหนูเองก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับเขาอยู่แล้ว เราทั้งคู่ก็มีคุยเรื่องนี้กันเพื่อหาทางแก้ แต่ก็ไม่รู้จะแก้ยังไง เพราะตัวหนูก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร และเขาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยหนูได้ยังไง เคยลองห่างกันไป ไม่เชิงว่าเลิกกัน แค่แยกย้ายกันไปทำกิจวัตรของตัวเอง เขาโฟกัสเรื่องอ่านหนังสือ หนูก็โฟกัสเรื่องงาน พอทำแบบนี้มันก็เหมือนจะดีขึ้นมานิดนึง อย่างเมื่อก่อนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน สมมุติมาตรวัดมันอยู่ที่ 150 แต่ว่าหลังๆ มามันเหลือ 100 มันไม่ได้ลดลงมาแต่มันเนิ่บๆ นิ่งๆ แล้วหนูก็ไม่เคยมีแฟนที่คบมานานขนาดนี้ด้วย ก็เลยไม่มั่นใจว่าตัวเอง เป็นอะไร เคยคิดจะไปหาจิตแพทย์ด้วย เผื่อมันเกี่ยวกับเรื่องลึกๆ ภายใต้จิตใจ พอหนูเป็นแบบนี้ หนูก็ลองไปหาข้อมูลในเน็ต ในเน็ตเขาบอกว่า เวลาคนคบกันมานานส่วนใหญ่เขาก็จะมาตายกันตรงนี้ หนูก็เลยหาต่อว่ามันเป็นอาการหมดรัก อิ่มตัว อะไรอย่างงี้รึป่าว ไปหาดูหลายที่มาก หนูก็พยายามคิดว่าตัวเองคงไม่ได้หมดรักแฟนหรอก ก็เลยอยากจะถามว่าพี่ๆ ว่าถ้าเกิดว่าความรู้สึกแบบนั้นมันกลับมาเล่นงานหนูอีก หนูจะทำยังไง หรือว่าทำเหมือนที่เคยทำมาตลอดทุกครั้งดี โดย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ภาวะอย่างงี้ต้องคุยกัน คือ ตอนนี้มันเหมือนกับหน้าที่การงานของหนูมันเยอะมาก และด้วยวัยนี้มันจะมีปัญหาเรื่องการสร้างตัว เพราะเราอยากจะทำงานทุกอย่างที่เราทำได้ เป้าหมายของเรามันคือเงิน แล้วก็บางทีแฟนอาจจะเข้ามาในจังหวะที่ไม่พร้อม ไม่พร้อม หมายความว่า คือการที่มีแฟน นอกจากเราจะทำงานแล้ว เรายังต้องมีเวลาให้เขาด้วย เรามีเวลาส่วนตัวของเรา และเขาก็ต้องมีของเขา และเราต้องมีเวลาร่วมกันอีก ทีนี้ของหนูเนี่ย แม้กระทั่งเวลาของตัวเองหนูยังไม่มีเลย แล้วพอหนูจะต้องแชร์เวลาให้เขาอีก มันกลายเป็นเวลาก้อนเดียวกัน ที่เหมือนต้องเจียดแบ่งกัน มันเลยทำให้หนูรู้สึกอึดอัดว่าทำไมหนูเหนื่อยจังเลย ตอนนี้หนูแบกอะไรไว้เยอะเกินไป ฉะนั้นหอมรู้สึกว่าเราควรต้องคุยกันกับแฟนว่า “เฮ้ยตอนนี้งานมันยุ่งมากเลย แล้วเราแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ช่วงนี้อาจจะขอให้มันยืดหยุ่นหน่อยได้มั้ย อาจจะไม่ได้มีเวลาคอลบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน หรืออาจจะไม่ได้ไปเดทกันทุกวันเสาร์ แต่อยากให้เข้าใจหน่อย ช่วงนี้มันเครียดจริงๆ” หอมคิดว่าการพูดคุยกับเขาน่าจะดีกว่าเพราะว่า เรารักกัน เท่าที่หอมเช็คแล้วเนี่ย แพทไม่ได้เบื่อแฟน ไม่ได้ถึงจุดอิ่มตัว แพทยังรู้สึก ภูมิใจในตัวแฟน ว่าแฟนเป็นคนดีอย่างนู้นอย่างนี้ แต่สิ่งที่แพทขาดมันเป็นเรื่องของเวลา ที่เวลาส่วนตัวกับเวลาของแฟนตอนนี้มันแย่งกันอยู่ แล้วแพทต้องการเวลาส่วนตัว ช่วงนี้มันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ยากนิดนึงสำหรับชีวิตคู่ แต่เรายังจะเดินไปด้วยกัน คือเราต้องวิเคราะห์ตัวเองให้ได้ก่อน ไม่งั้นอีกฝ่ายหนึ่งก็จะเหนื่อยกับเราเหมือนกัน ค่อยๆ ปรับมันจะเป็นอย่างงี้แหล่ะ ช่วงเวลาสร้างตัว’ ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาจากประสบการณ์ที่เคยเจอมาแล้วกัน อยากให้ลองตรวจสอบ “PMS อาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน” บางทีผู้หญิงบางคนไม่รู้ตัวว่ามันเกิดจาก ฮอร์โมน ที่สวิงเร็วมาก คือบางครั้งถ้าเรานอยด์อะไรแบบไม่มีเห็นผล แล้วเป็นทุกเดือน เป็นสักพักหนึ่งในช่วงประจำเดือนมา มันแทบจะใช่เลยนะ เท่าที่พี่เคยสัมผัสมา เพราะฉะนั้นเริ่มจากลงวันที่ประจำเดือนมาก็ได้ ลองบันทึกดูมันอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง สมมุติฮอร์โมนมันเปลี่ยนแบบรวดเร็วมาก บวกกับปัญหาเรื่องงาน ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ฮอร์โมนเราเปลี่ยนก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง แล้วอีก 1 สาเหตุสำคัญคือ การที่เราคบกันมา 3 - 4 ปี พี่ว่ามันเข้าสู่ช่วงนิ่งของความสัมพันธ์พอดีเลย พอสัก 3 ปี อะไรที่มันเคยหวือหวา หรือมันเคย 150 อย่างที่แพทว่า แล้วมันลดลงมาเหลือ 100 พี่ว่ามันก็ปกติ อาจจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่ประกอบกันพอดี แล้วทำให้ทุกอย่างมันผสมรวมกันเป็นอารมณ์เดียวที่แพทสัมผัสได้ เพราะฉะนั้นลอง Checklist ดูทีละอย่าง แล้วก็ถึงแม้ว่าจะคบกันมา 3 - 4 ปี ความหวือหวามันจะลดลง หรือเราจะเริ่มรู้สึกมีความเบื่อ ปรากฎขึ้นมา ซึ่งมันยังปกติ ถ้าสุดท้ายแล้วคำถามที่เราลองถามตัวเองว่า ถ้าเบื่อแล้ววันหนึ่งไม่มีเขาอยู่ในชีวิต เราอยู่ได้มั้ย ลองดูเลยว่าถ้าเราไม่ได้คบกับคนนี้อีกต่อไป ชีวิตเราจะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ถ้าคำตอบคือ “อยู่ไม่ได้” นั่นแปลว่า ความเบื่อที่มันลดลง และความหวือหวาที่มันหายไป พี่ว่ามันคือเรื่องปกติของความสัมพันธ์ ทุกๆ คู่มันจะต้องผ่านจุดนี้ จุดที่เราไม่ได้หวานฉ่ำ ไม่ได้หลงไหลกันเท่ากับตอนที่เราจีบกันปี 2 ปีแรก หรือใดๆ ก็ตาม จะผ่านได้ ไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างที่เขาว่าถ้าคบกันก็จะกลายเป็นเพื่อนกัน แพทคงเคยได้ยินประโยคนี้ แต่พี่ว่า ไม่ใช่ จริงๆ คบกันไปจะกลายเป็นคู่ชีวิตกัน แล้วยิ่งอยู่เป็นคู่ชีวิตแล้ว มันไม่ต้องการความหวือหวาและมานั่งตื่นเต้นอะไรกันแล้ว มันอยู่เพื่อสร้างครอบครัว อยู่กันเพื่ออนาคตมากกว่า มันคือความรักนั่นแหล่ะ แต่แค่เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนเป้าหมาย เปลี่ยนความรู้สึกไปบ้างตามธรรมชาติของมนุษย์’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ทุกอย่างที่พี่จดไว้บนกระดาษ ก็คือพี่หอมและพี่เผือกพูดไปหมดแล้ว เห็นตรงกันหมดเลย พี่ไม่ได้รู้สึกว่าคุณแพทไม่ได้ ไม่รักเขา เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้มันมีเรื่องงานที่พี่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาหลักๆ อันนี้จากที่ฟัง แล้วพี่คิดว่า ที่คุณแพทบอกว่าเหมือนเคยอยากจะไปปรึกษาจิตแพทย์ พี่ว่าลองดูก็ได้นะ เพราะพี่ไม่รู้ว่า ไอความเนือยๆ เบื่อๆ ของคุณแพท บางทีมันส่งผลจริงๆ โดยที่คุณแพทไม่ได้รู้ตัว บางคนพอเวลาเครียดกับงาน เหมือนมันอยู่ในจิตตลอดเวลา ไม่สามารถทำงานหรือเคลียร์งานได้ พะว้าพะวง หรืออะไรก็ตาม แล้วพี่ว่าอายุแบบคุณแพทเรื่องงานมันสำคัญจริงๆ ซึ่งบางครั้ง เวลาที่เราต้องโฟกัส กับงานมากๆ การมีแฟน บางทีมันอาจจะกลายเป็นภาระก็ได้ คือถ้าไม่เจ๋งจริงเอาไม่อยู่เหมือนกันนะ หมายถึงว่าต้องเป็นคนที่มีทักษะประมาณหนึ่งเลย ที่สมมุติเวลามันมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากๆ โดยที่เราก็ยังไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องแฟน มันหาไม่ได้ในทุกคน เราจะเห็นว่าบางคน งานสำเร็จมาก แต่ความรักคือพังพินาศ เพราะว่าเขาไม่สามารถจัดการมันได้จริงๆ พี่ก็รู้สึกว่า ถ้าคุณแพทมีโอกาสก็ลองคุยกับคุณหมอจิตแพทย์ดู บางทีมันอาจจะปลดล็อคก็ได้ หรือจะเป็น PMS อย่างที่พี่เผือกบอกก็เป็นไปได้หมด แต่ถ้าตอนนี้พี่รู้สึกว่า สิ่งหนึ่งที่มันน่าจะเป็นปัญหาเลยคือ ความโหลด ของคุณแพทที่ทำงานหนัก แต่ว่าสุดท้ายทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไปอยู่ที่พี่เผือกพูดว่า ถ้าแพทจะทำงานจนรู้สึกว่า เฮ้ยเราอยู่กับงานแล้วเราอยู่คนเดียวได้ สุดท้ายถ้าวันนั้นแพทรู้สึกว่า เฮ้ยเราทุ่มเทกับงานแล้วได้อยู่กับตัวเองแล้วมันสบาย โดยที่แพทกลับบ้านแล้วไม่มีใครมาถามว่า วันนี้เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยมั้ย ถ้าแพทโอเค มันก็อาจจะเหมาะกับชีวิตของแพทก็ได้ แต่ถ้าแพทรู้ตัวว่า หนูก็ยังเป็นคนที่เวลากลับบ้านมาเหนื่อยๆ แล้วอยากให้มีคนถามไถ่ว่า วันนี้เป็นไงบ้าง เหนื่อยมั้ย ให้มีคนได้พูดได้ปรึกษา แพทก็ต้องช่างน้ำหนักตัวเองดู มันต้องมีคำตอบให้ตัวเองว่า สุดท้ายการอยู่คนเดียวหรือว่ามีเขาอยู่ อะไรมันดีกับชีวิตเรามากกว่ากัน แล้วเรื่องสุดท้ายเช่นกัน พี่ว่าการที่หนูไม่เคยมีแฟนระยะยาวมันเลยยิ่งทำให้หนูงงว่า เฮ้ยก่อนหน้ามันหวือหวาตลอด เพราะหนูเวลาแค่นั้นไง สำหรับพี่ทุกวันนี้นั่งเล่นมือถือหรืออ่านหนังสือแล้วมีแฟนนั่งอยู่ข้างๆ ก็พอ มันก็ไม่ได้มีความหวือหวาใดๆ แล้ว แต่มันก็อาจจะต้องหากิจกรรมทำร่วมกัน ไปเดทกันเพื่อเติมความหวานกันหน่อย ไม่ใช่อยู่กันเฉยๆ ไม่หาอะไรทำด้วยกัน ถ้าในความโรแมนติกมันก็จะหมดกันไปได้ในสักวัน แต่ว่าความหวือหวามันไม่เท่าอยู่แล้วน้องแพท มันไม่มีทางเท่า ใครทำเท่าได้นี่คือ กราบเลยอ่ะ มันลดลงอยู่แล้วตามปกติ เพียงแต่ว่ามันลดลงในปริมาณที่เรารู้สึกว่า เออพอดีอ่ะ มันอยู่ด้วยกันแล้วเราสบายใจที่มีคนอยู่ข้างๆ มากกว่า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1