สิ้นปีตั๋วกลับใต้แพงมาก เดินทางวิธีไหนก็ลำบาก แต่ประเด็นคือ รักแรกที่เราเคยแอบชอบมา 5 ปี ทักชวนเรากลับบ้านด้วยกันไหม ใจนึงก็อยาก แต่อีกใจนึงก็กลัวใจตัวเองจะหวั่นไหว เพราะเราทั้งคู่ต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นทุกคน จะตัดสินใจยังไงกันคะ ??

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

สิ้นปีตั๋วกลับใต้แพงมาก เดินทางวิธีไหนก็ลำบาก แต่ประเด็นคือ รักแรกที่เราเคยแอบชอบมา 5 ปี ทักชวนเรากลับบ้านด้วยกันไหม ใจนึงก็อยาก แต่อีกใจนึงก็กลัวใจตัวเองจะหวั่นไหว เพราะเราทั้งคู่ต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นทุกคน จะตัดสินใจยังไงกันคะ ??

16 ธ.ค. 2024

          “คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคือวันพุธที่ [11 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาปีใหม่นี้คนที่เราเคยแอบชอบ ทักมาชวนกลับบ้านด้วย

          โดย “คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ปัญหาที่ตัวเองเจอคือ ‘เพื่อนที่เป็นรักแรกของหนูตอนม.2 ชวนกลับบ้านที่ต่างจังหวัดด้วยกัน’ แต่หนูไม่รู้ว่าต้องตัดสินใจไป หรือไม่ไปดี? เพราะว่าต่างคนก็ต่างมีแฟนกันอยู่แล้วทั้งคู่ ซึ่งตอนนี้หนูกับเขาอยู่โซนภาคกลางเหมือนกัน หนูอยู่กรุงเทพฯ แล้วเขาอยู่อีกจังหวัดนึง หนูกับเขาคุยกันผ่านแอปพลิเคชันนึง เขาก็บอกว่า ‘เอองั้นเธอก็กลับกับเราสิ’ ค่าเครื่องจะได้ไม่ต้องจ่ายเพราะช่วงปีใหม่มันแพง แล้วเราก็แบบใจฟูเนอะ ตั้งแต่ม.2 อ่ะ หนูชอบเขา แต่มันก็มีส่วนที่ตะขิดตะขวงใจอย่างนึงก็คือหนูก็มีแฟน เขาก็มีแฟน ถามว่าหนูอยากไปไหม? หนูก็อยากไปนะ หนูไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับหนูไหม แต่เขาก็บอกคิดถึงหนูอยู่นะ ‘ตอนเด็ก ๆ เราจีบกันเลยค่ะ’ คือหนูชอบเขาแล้วก็มีการกุ๊กกิ๊กกันอยู่ตลอด 5 ปี ตั้งแต่ ม.2 จนถึงปี 1 แต่มันเป็นอดีตนะ คำถามที่อยากจะถามพี่ดีเจคือ ‘ควรไปกับเขาดีไหม?’ คือเราอยากกลับบ้าน อยากเจอแม่ด้วย

          ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ไปกับใครก็ได้ แต่ไปกับเขาไม่ได้’ ที่เหลือไปหาทางกลับเอาเอง เพราะมีแฟนกันแล้ว ถ้าสมัยก่อนยังกลับบ้านเองได้อันนี้ กุ๊บกิ๊บกำลังจะหาเหตุ กำลังหาข้ออ้างที่จะไปกับกิ๊กเก่า ซึ่งแฟนเรามีอยู่แฟนเขาก็มีอยู่

          “คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)”  ทิ้งท้ายต่อว่า มันก็จะมีอีกคำถามนึงตอนแรกหนูก็พยามยื้อว่า เราไม่อยากไปเรากลัวแฟนเราด้วย แล้วก็กลัวแฟนเขาเสียใจด้วย แล้วเหมือนเขาก็ตัดพ้อกลับมาว่า ‘อะไรอะ เราแค่ไปเราเป็นเพื่อนกันนะ’ หนูเลยบอกว่า เราก็เกรงใจแฟนเธอนะ เธอก็มีแฟนอยู่แล้วถ้าแฟนเสียใจขึ้นมาทำยังไง? เขาก็บอกว่าแฟนเราไม่ได้งี่เง้าขนาดนั้นหรอก ทาง ‘ดีเจเติ้ล’ เลยให้คำปรึกมาว่าเนี่ยมันดูเหมือนอ่อยอ่ะ เหมือนอ่อยให้ไปเจอกันอ่ะ

          สุดท้ายนี้ทั้งสามดีเจ ได้ให้คำปรึกษาต่อว่า ‘ใจเราไม่บริสุทธ์ไปแล้ว เราคิดไปแล้ว ‘คนบางคนก็ไม่เหมาะเป็นเพื่อน’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เอือมทั้งบริษัทแต่พูดอะไรไม่ได้! เจ้าของบริษัท มีลูกเมียแล้วแต่ชอบลวนลามพนักงานสาว แต่อ้างว่าทำเพราะเอ็นดู ทั้งจับขา เอามือล้วงเข้ามาในแมสก์แล้วหยิกแก้ม เคยทำท่าทีเล่นๆ ดึงคอพนักงานผู้หญิงให้เอาหน้ามาแนบตรงพุงเขา ตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย จะทำยังไงดี?

10 มิ.ย. 2024

เอือมทั้งบริษัทแต่พูดอะไรไม่ได้! เจ้าของบริษัท มีลูกเมียแล้วแต่ชอบลวนลามพนักงานสาว แต่อ้างว่าทำเพราะเอ็นดู ทั้งจับขา เอามือล้วงเข้ามาในแมสก์แล้วหยิกแก้ม เคยทำท่าทีเล่นๆ ดึงคอพนักงานผู้หญิงให้เอาหน้ามาแนบตรงพุงเขา ตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย จะทำยังไงดี?

“คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 20 ปลายๆ สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (5 มิ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาโดนคุกคามทางเพศในที่ทำงาน ซึ่ง “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูไม่ใช่เหยื่อ แต่เห็นเหตุการณ์ และเพื่อนมาปรึกษา ซึ่งเหยื่อคือเพื่อนในที่ทำงาน เหตุการณ์ คือ เพื่อนถูก CEO ที่เป็นผู้ชายมีอายุมากแล้ว เขาเป็นเจ้าของบริษัทเอกชนมาลวนลาม เช่น เดินเข้ามาจับเอว , เอามือสอดเข้ามาในแมสแล้วจับแก้ม , โอบไหล่ , ตอนที่พนักงานนั่งอยู่ก็ดึงมาซบพุง , เวลาเดินผ่านไปผ่านมาก็จับต้นคอ , ไปงานกินเลี้ยงก็แอบมาจับต้นขาแบบเนียนๆ สุดท้ายคนที่โดนลวนลามก็จะออกจากวงสนทนา หรือไม่ก็เดินหนี ซึ่งหนูเคยคิดกับเพื่อนที่ทำงานและเพื่อนที่โดนลวนลามว่า ควรพูดตรงๆไหม แต่สุดท้ายเขาก็จะมีข้ออ้างเสมอว่าที่ทำไปคือแค่ เอ็นดู และเหตุการณ์ที่เล่าไปข้างต้น ไม่ได้มีเหยื่อคนเดียว แต่มีเหยื่อหลายคน แล้วเหยื่อที่โดนก็ไม่ได้อยากหางานใหม่ เพราะถ้าตัดเรื่องนี้ออก สังคมในที่ทำงานก็คือดี อยากขอคำแนะนำจากพี่ๆดีเจว่าควรทำยังไงดี? ซึ่งดีเจทั้ง 3 ท่าน ให้คำแนะนำว่า ‘ทำอะไรไม่ได้ เขาเป็นเจ้าของบริษัท เพราะถ้าเราทำอะไรขึ้นมา ก็คงเป็นเราที่โดนไล่ออก แถมคนที่โดนก็ไม่อยากลาออกอีก งั้นก็ต้องอดทน จะแอบถ่ายคลิปไปฟ้อง เราก็จะโดนไล่ออกอยู่ดี ถ้าอยากแก้เผ็ดแบบมีศักดิ์ศรี ลองลาออกพร้อมกันทุกคนในทีม แล้วปล่อยคลิปที่ถูกลวนลามในโซเชียล ซึ่งคนที่พร้อมจะลาออกก็คงไม่ใช่ทุกคน ในตอนนี้เงื่อนไขคือ ไม่ลาออก ไม่ทน หรือจะลองสู้ดูมั้ย แต่ถ้าสู้ก็ต้องวนกลับมาที่ลาออกอยู่ดี ถ้าจะแจ้งตำรวจก็ต้องให้คลิปชัดเจน ถึงจะโดนตำรวจจับ บริษัทก็ต้องปิดตัวอยู่ดี เงื่อนไขเยอะขนาดนี้ ก็คือ ต้องเลี่ยง และให้ทุกคนรวมตัวรีแอ็คว่า ไม่ได้นะคะ ห้ามจับตัว หรือลองจัดงาน เอาท์ติ้งบริษัท ในธีม ห้าม Sexual Harassment สุดท้ายดีเจทั้ง 3 ท่าน ก็แนะนำว่าไม่อยากให้ทนกับการโดนลวนลามล่วงละเมิดสิทธิ์แบบนี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สายสุดท้าย #พุธทอล์คพุธโทร ดีเจต้นหอมขอปรึกษาเอง! ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย? มันเป็นเรื่องที่หนูเคลียร์หมดแล้ว ชัดเจนไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน พิสูจน์หมดแล้วว่าหนูไม่ผิด ตอนนี้เจอลูกค้าแคนเซิลงาน โดนผลกระทบแบบนี้ แฟร์แล้วหรอคะ?

24 ต.ค. 2024

สายสุดท้าย #พุธทอล์คพุธโทร ดีเจต้นหอมขอปรึกษาเอง! ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย? มันเป็นเรื่องที่หนูเคลียร์หมดแล้ว ชัดเจนไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน พิสูจน์หมดแล้วว่าหนูไม่ผิด ตอนนี้เจอลูกค้าแคนเซิลงาน โดนผลกระทบแบบนี้ แฟร์แล้วหรอคะ?

สายสุดท้าย #พุธทอล์คพุธโทร ดีเจต้นหอมขอปรึกษาเอง! ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย?มันเป็นเรื่องที่หนูเคลียร์หมดแล้ว ชัดเจนไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน พิสูจน์หมดแล้วว่าหนูไม่ผิดตอนนี้เจอลูกค้าแคนเซิลงาน โดนผลกระทบแบบนี้ แฟร์แล้วหรอคะ?ต้นหอมขอพูดบ้างที่รายการแฉ GMM25 คืนนี้!! “ดีเจต้นหอม” สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 ต.ค.67] ได้ปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล’ ในรายการแบบสดๆ เกี่ยวกับปัญหาได้รับผลกระทบกับงานและเงิน โดย “ดีเจต้นหอม” ได้เล่าว่า ‘ลูกค้าแคนเซิลงานเรา กลัวไปทำภาพลักษณ์เเบรนด์เสียหาย ซึ่งเราไม่ได้เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ พิสูจน์เเล้วเรื่องนี้หนูไม่ได้ผิดเเต่ก็ได้รับผลกระทบจนต้องเสียงานเสียเงิน ก็ไม่ใช่ที่เราเป็นต้นเหตุเลย เราไม่ได้สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ต่อให้หนูเคลียร์เเล้วเเต่มันก็มีผลกระทบอยู่ดี เเล้วแบบนี้ใครต้องรับผิดชอบชีวิตหนู การงานการเงินหนู รายได้หนูที่จะเข้ามา นาน ๆ ทีหนูจะมีอีเว้นท์ซักทีนึง เเล้วเนี่ยพรีเซ็นเตอร์อีก 1 ตัวก็ยังลุ้นอยู่ว่าลูกค้าขอประชุมกันก่อนว่ายังไง เเล้วมันถูกพิสูจน์แล้วว่าหนูไม่ได้ผิด คนอื่นสร้างเรื่องขึ้นมา เเต่หนูได้รับผลกระทบ ก็เลยอยากจะปรึกษาพี่ๆดีเจทั้ง 2 คนว่าหนูโดนเเบบนี้มันแฟร์เเล้วหรอคะ?’ โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็เห็นใจ เป็นยุคที่ทำให้ทุกอย่างมันชัดเจน ซึ่งวันนี้ต้องยอมรับว่าคุณต้นหอมก็ตอบได้ค่อนข้างชัดเจน อาจจะต้องใช้ความเชื่อมั่นในตัวเอง รวมถึงต้องภาวนาให้ลูกค้าเขาเชื่อมั่นด้วย เราก็คาดเดาไม่ได้เพราะลูกค้าอาจจะไม่ได้หมายถึงองค์รวมประชุม อาจจะหมายถึงคนที่สิทธิ์ในการตัดสินใจเพียงเเค่ 1-2 คนที่เขาติด อย่าไปเสียความมั่นใจในตัวเอง ถ้าของไหนเป็นของเรามันก็จะมา’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องมั่นใจในตัวเองว่าเราคือทองเเท้ ถ้าที่ชี้เเจงเมื่อ 5 ปีที่แล้วมันเหมือนในตอนนี้เเสดงว่ามันคือสัจจะ มันคือความจริง ระยะเวลามันจะพิสูจน์เอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเป็น LGBTQ+ โดนคดีแล้วได้เจอกับผู้ชายคนนึงในเรือนจำ รู้จักกัน จนรู้สึกดีต่อกัน ตกลงกันว่าในนี้เราจะคบกัน แต่ตอนนี้หนูออกมาแล้ว เพราะเขาช่วยหาทนาย สู้คดีให้ เขาบอกอยากให้หนูออกไปใช้ชีวิต

31 พ.ค. 2024

หนูเป็น LGBTQ+ โดนคดีแล้วได้เจอกับผู้ชายคนนึงในเรือนจำ รู้จักกัน จนรู้สึกดีต่อกัน ตกลงกันว่าในนี้เราจะคบกัน แต่ตอนนี้หนูออกมาแล้ว เพราะเขาช่วยหาทนาย สู้คดีให้ เขาบอกอยากให้หนูออกไปใช้ชีวิต

หนูเป็น LGBTQ+ โดนคดีแล้วได้เจอกับผู้ชายคนนึงในเรือนจำ รู้จักกัน จนรู้สึกดีต่อกันตกลงกันว่าในนี้เราจะคบกัน แต่ตอนนี้หนูออกมาแล้ว เพราะเขาช่วยหาทนาย สู้คดีให้เขาบอกอยากให้หนูออกไปใช้ชีวิต เจอคนใหม่ เริ่มต้นใหม่ เขาบอกอนาคตถ้าออกไปข้างนอกเราจะเป็นพี่น้องกัน “คุณแคลร์ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรักกับคนในเรือนจำ โดย ​“คุณแคลร์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน เราประกอบอาชีพเป็นสตรีมเมอร์ และได้สิ้นสุดการประกอบอาชีพ เมื่อปลาย ปี 65 ที่ผ่านมา เพราะเราถูกฟ้องด้วยความเข้าใจผิด ในข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา และเราก็สู้คดีมาจนถึงกลางปี 66 ซึ่งเป็นการสู้ที่เสียเปรียบมาโดยตลอด เพราะเราไม่มีกำลังทรัพย์มากพอ จึงได้ขอให้เป็นทนายขอแรงมาช่วย เขาก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้เท่านั้น จนเมื่อ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ศาลมีคำสั่งฝากขัง ในทางปฏิบัติเราสามารถที่จะประกันตัวได้ แต่ว่าเราไม่มีเงินประกันตัว แม้กระทั่งครอบครัวที่มีคุณแม่เพียงคนเดียวก็ไม่สามารถช่วยตรงนี้ได้ จึงจำใจต้องเข้าฝากขังที่เรือนจำแห่งหนึ่ง เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งระหว่างที่อยู่ข้างใน เราได้มีโอกาส เจอกับพี่ผู้ต้องขังคนหนึ่ง เขามักจะฝากความเป็นห่วงผ่านเพื่อนผู้ต้องขังอีกคนมาถึงเรา เราก็สงสัยว่า เขาเป็นใคร ? ต่อมาเราจึงได้ไปเจอกับเขาและได้พูดคุยกัน จนทราบว่าเขาบังเอิญเป็นคนที่อยู่ใกล้บ้านเรา แต่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ซึ่งพี่เขาอายุ 40 ปีแล้ว หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ ก็มีพูดคุยกัน มีการดูแลกันมากขึ้น เริ่มจากการแบ่งอาหารเช้าให้ ชวนมานั่งคุยปรับทุกข์กัน จนกระทั่งตกลงคบกัน ซึ่งเขาก็จะบอกตลอดว่า แคลร์ไม่จำเป็นต้องรักเขา ขอให้เขาได้รักแคลร์ก็พอ ส่วนตัวเราเองไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไปเจอ หรือไปหาความสัมพันธ์แบบนี้ เพราะเราเองก็รู้สึกผิดกับตัวเองว่า ทำไมต้องมาเสียเวลาในที่แบบนี้ด้วย ซึ่งจากการสังเกตพฤติกรรมของเขาในการวางตัวในฐานะคนรัก เราก็เริ่มรู้สึกดีและเข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น จากที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะตลอดเวลา 23 ปี แคลร์ไม่เคยมีแฟน จนกระทั่งมาเจอคนนี้ ซึ่งระหว่างที่อยู่ด้วยกัน เขาจะหาทางช่วยเหลือเราตลอด เช่น เรื่องของการอัพเดทคดีจากข้างนอก เรื่องการยื่นเรื่องส่งสภาทนายความ ให้เข้ามาช่วยตรวจสอบรูปคดี หรือการส่งคำร้องให้ศาลเร่งพิจารณาคดี เพราะว่าตอนนั้นที่เข้าไปเป็นเดือนสิงหาปีที่แล้ว และจะมีการนัดพิจารณาคดีอีกทีคือ เมษายนปี 67 ถ้าให้นับมันจะเป็นการอยู่แบบเสียเปล่าไปเลย 1 ปี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปี 66 เขาก็มาบอกกับเราว่า แคลร์พี่คุยกับทนายให้แล้วนะ ซึ่งเราก็ตกใจว่า พี่คุยกับทนายที่ไหนมา ทนายของแคร์เหรอ ? เขาก็บอกว่า เป็นทนายส่วนตัวของเขา เขาบอกทนายว่า ให้ยื่นประกันตัวให้แคลร์ เป็นการจ่ายเงินให้เราเพื่อการประกันตัว เราก็ตกใจมากว่า เขาทำเพื่อแคลร์ขนาดนี้เลยเหรอ เพราะเขาก็จะบอกกับเราตลอดว่า ออกไปก็ออกไปใช้ชีวิตนะ และไม่ต้องเป็นห่วงพี่ ลืมเรื่องราวทุกอย่าง ข้างในให้หมด ซึ่งตอนนี้แคลร์ได้ออกมาใช้ชีวิตเรียบร้อยแล้ว แคลร์เคยบอกกับเขาว่า อยากจะคบกับเขาเป็นแฟนจริงจัง แต่เขาบอกว่า เขาให้สัญญาไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้ความหวัง และเขาก็ไม่อยากใช้คำพูดสวยหรู หากเขาได้ออกไปแล้ว เขาทำไม่ได้ แคลร์จะรับได้เหรอ ? เราก็คิดว่า สิ่งที่เขาพูดมันก็เรื่องจริง และเขาก็พูดอีกว่า แคลร์จะเป็นกะเทยคนเดียว ที่เขารักที่สุดในชีวิต และก็จะเป็นน้องที่เขารักตลอดไป ซึ่งเราก็ยังให้ความหวังตัวเองอยู่ในทุก ๆ วันว่า อย่างน้อยถ้าวันหนึ่ง เขาออกมา แล้วเขาเห็นว่าแคลร์ยังรอเขาอยู่ เขาก็อาจจะเปลี่ยนใจ เพราะหนูก็ไม่เคยมีความคิด ที่จะไปมองหาใครคนใหม่ตั้งแต่ออกมา เป็นระยะเวลา 7 เดือนแล้ว ซึ่งในทุกเดือนเราจะกลับไปเยี่ยมเขาเสมอ และปฏิกิริยาของเขาที่แสดงต่อเราก็ปกติทุกอย่าง แต่ทางเรือนจำจะมีการเขียนจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ รายวันถึงผู้ต้องขังด้านใน หนูก็จะเขียนถึงเขาทุกวัน แต่เขาก็จะเขียนตอบกลับมาว่า เขาขี้เกียจที่จะเดินมาหา ตอนที่เรามาเยี่ยม เขาไม่อยากที่จะเขียนจดหมายตอบกลับเรา ซึ่งเขาเป็นแบบนี้กับครอบครัวด้วย เหมือนเขาไม่อยากรับรู้เรื่องภายนอก เขาเลยพยายามกีดกันไม่ให้หนูไปเยี่ยมหรือเขียนอะไรหาเขา แคลร์อยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า พอจะมีวิธีการยังไงที่จะรอเขา แบบให้ใช้ชีวิตที่มีความสุข ไม่เครียด ไม่ห่วงอะไร เพราะเราไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ เราไม่รู้ว่าการที่เขาทำแบบนี้เขาต้องการให้เรามีสถานะไหนกันแน่ และทุกวันนี้เขายังจ้างทนายเพื่อที่จะสู้คดีให้กับเราต่อ ซึ่งเราก็พึ่งทราบเรื่องนี้จากทนายว่า เขายังจัดการ เรื่องค่าใช้จ่ายให้เราทั้งหมดเลย และแม้ว่า เขาจะบอกให้หนูเดินหน้าต่อ แต่ด้วยความที่เขาเป็นแฟนคนแรกของเราด้วย เราเลยรู้สึกผูกพันและรู้สึกขอบคุณในการกระทำของเขา ที่ทำให้เราได้เหมือนมีชีวิตใหม่ เรารู้สึกว่า เราไม่สามารถเดินออกมาจากเขาตอนนี้ได้ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การที่เขาพูดว่า แคลร์เป็นน้องที่เขารัก มันเหมือนกับการที่เขาดับฝัน เพราะหากเขาออกมาข้างนอกเขาจะไม่คบกับแคลร์ แต่หากอยู่ข้างในก็เป็นแฟนกัน เหมือนกับการที่คนเหงามาเจอคนเหงา ซึ่งแคลร์ก็บังเอิญอยู่ใกล้เขา อยู่ในแดนเดียวกันได้ใกล้ชิดกัน แคลร์มีความหวังอยู่นิดหน่อยแต่ก็น้อยมาก ถ้าแคลร์จะรอเขา แคลร์ก็ต้องทรมานอยู่แล้ว แต่ถ้าแคลร์ไม่รอก็จะทรมานแค่ช่วงแรก ไม่ต้องทรมารไปเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าเปรียบเป็นเกมไพ่ โอกาสที่แคลร์จะแพ้สูงมาก แต่ที่พี่ทำหอมรับแขกมา ได้สัมภาษณ์คนในเรือนจำและชีวิตรักในเรือนจำ ทำให้พี่ได้รู้ว่า มันเป็นชีวิตรักที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้น พอเราออกมา เขาก็จะมีคนใหม่เข้าไป ในขณะเดียวกัน คนที่ออกไปก็จะมีแฟนใหม่ มันเป็นวัฏจักรของเขาที่เขาจะรู้กันดีอยู่แล้ว แล้วการที่เขาส่งสัญญาณบอกเราว่า เขาไม่อยากเดินมาหา หรือการที่ เขาไม่อยากรับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ แปลว่าตอนนี้ เขาปฏิเสธเราแล้ว แล้วการที่เราเข้าไปหาเขา ก็เหมือนกับว่า เราไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการพยายามสื่อ การแสดงออกของเขาสุภาพ แต่ก็ชัดเจนว่า เขาต้องการยุติความสัมพันธ์แล้ว ซึ่งแคลร์ก็ยังไม่เข้าใจ และมันก็สร้างความอึดอัดให้กับเขา ฉะนั้นพี่คิดว่า แคลร์ไม่ควรรอ เพราะมันเป็นการรอฝั่งเดียว แคลร์ ควรหยุด เจ็บตอนนี้ให้จบและเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป ทางนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยสถานการณ์ที่แคลร์อยู่ตอนนั้น มันเป็นได้หลายเรื่องเลย ที่เค้าเข้ามาหาแคลร์ และมันอาจจะเป็นไปได้ว่า การที่เขาเข้ามาหาแคลร์ เขาไม่ได้รักแคลร์แบบความสัมพันธ์หนึ่ง แคลร์และเขาต่างเจอกันในช่วงเวลาที่ต้องการคนซัพพอร์ต ซึ่งชีวิตในนั้นมันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่พี่ก็รู้สึกว่า เขาก็เป็นคนดีนะ เขาไม่ได้แค่ใช้แคลร์แก้เหงา เพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังรับผิดชอบชีวิตของแคลร์ต่อ ซึ่งเขาก็ชัดเจนที่บอกกับแคลร์ว่า ถ้าออกจากคุก ก็ให้แคลร์ไปมีชีวิตใหม่เถอะ อย่ายึดติดอยู่กับเขา แต่พี่ก็เข้าใจแคลร์ เพราะเขาคือคนแรกของแคลร์ แคลร์เลยรู้สึกว่า รักครั้งนี้มันยิ่งใหญ่มาก เหมือนว่ามันเป็นพรหมลิขิต และมันคงจะดีมากถ้าเราได้อยู่ด้วยกันต่อไปจากนี้ แต่พี่คาดว่า แคลร์ไม่ใช่คนแรกของเขา แน่นอน และหลังจากแคลร์เขาก็ยังจะมีคนใหม่อีก ซึ่งเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ได้อยากมีอนาคตกับแคลร์ต่อ และเขาก็ไม่ได้ต้องการแคลร์หลังออกจากคุก ซึ่งนี่ก็เป็นคำตอบที่ใหญ่พอที่จะทำให้แคลร์เดินหน้าต่อ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถ้าเต็มที่สุด ๆ แคลร์อาจจะบอกกับเขาว่า แคลร์เข้าใจพี่นะ แต่ถ้าหากวันใดวันนึง ที่พี่ออกมาจากคุกแล้ว แล้วถ้าเราอยากคุยกันโดยที่ยังโสดทั้ง 2 ฝ่าย แคลร์ยังยินดีนะ แคลร์ แต่หากรอตั้งแต่ตอนนี้ มันจะเป็นการทุกข์ใจมากถึงมากที่สุด และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ให้แคลร์ ไปดูรายการที่มีการสัมภาษณ์กลุ่มหนุ่มสาว LGBTQ+ ในเรือนจำ ซึ่งบทสัมภาษณ์ในรายการก็จะให้คำตอบทุกอย่าง เรื่องราวมักจะคล้ายกับสถานการณ์ที่แคลร์เจอมา เรื่องราวในนั้น เกิดขึ้นในนั้น และจบลงในนั้น ถ้าออกมาต่างคนก็ต่างไปใช้ชีวิตของตัวเอง ซึ่งหากแคลร์ได้ดู แคลร์ก็อาจจะเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างมากยิ่งขึ้น และหลังจากที่พี่อ่านแชทมาพี่ได้เข้าใจเลยว่า ความสุขของเขามันเกิดขึ้นแค่ในโลกเรือนจำ พอแคลร์ออกมาเรื่องมันก็จบ ไม่ใช่ว่าเค้าไม่รักในตัวแคลร์ แต่เป็นเพราะว่าสภาพแวดล้อมมันเปลี่ยน เรื่องมันเลยต้องจบลง ซึ่งการที่เขาออกมา มันไม่ได้การันตีเลยว่า เขาต้องสานต่อกับเรื่องราวที่เขาคิดว่ามันจบลงแล้ว ถ้าแคลร์ลองตั้งสติคิดดู แคลร์ก็รู้ว่า เขาอยากให้เรื่องราวนี้มันจบ จากการที่เขาตอบคำถามก็ตามมันก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเขาชัดเจนขนาดนี้ ก็อยู่ที่แคลร์จะยอมความจริงได้เร็วแค่ไหน ช่วงแรกมันก็อาจจะรู้สึกเศร้าบ้าง แต่มันก็ไม่ถึงขั้นทรมานเท่าการรอใครสักคนหนึ่ง ตอนนี้มันก็ต้องทำใจนิดนึง แล้วก็มีชีวิตใหม่ ให้มันกลายเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่จบลงในเรือนจำ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เดินทางรถทัวร์ช่วงเทศกาล!! หนูนั่งท้ายรถ ตอนเที่ยงคืน เบาะข้างหลังหนู เค้ากำลังทำอะไรกัน หันไปเห็นอีกที ผู้หญิงรวบผมพร้อมลุย ตอนแรกไม่คลุมผ้า พอเห็นว่าหนูกับคนข้างๆตื่น เขาก็เอาผ้ามาคลุม

09 เม.ย. 2024

เดินทางรถทัวร์ช่วงเทศกาล!! หนูนั่งท้ายรถ ตอนเที่ยงคืน เบาะข้างหลังหนู เค้ากำลังทำอะไรกัน หันไปเห็นอีกที ผู้หญิงรวบผมพร้อมลุย ตอนแรกไม่คลุมผ้า พอเห็นว่าหนูกับคนข้างๆตื่น เขาก็เอาผ้ามาคลุม

เดินทางรถทัวร์ช่วงเทศกาล!! หนูนั่งท้ายรถ ตอนเที่ยงคืนเบาะข้างหลังหนู เค้ากำลังทำอะไรกัน หันไปเห็นอีกที ผู้หญิงรวบผมพร้อมลุยตอนแรกไม่คลุมผ้า พอเห็นว่าหนูกับคนข้างๆตื่น เขาก็เอาผ้ามาคลุม เก้าอี้สั่นจนตีสามพอทุกอย่างเสร็จผู้หญิงลงก่อนถึงปลายทาง หนูคิดว่าคงเป็น "รักทางไกล" “คุณสุ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (3 เม.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับการแชร์ประสบการณ์เสียวระหว่างทางบนรถทัวร์! วอนสังคมอย่าหาทำ โดย ​“คุณสุ(นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา หนูลงไปฉลองที่กรุงเทพกับครอบครัว แล้ววันที่ 2 หนูต้องกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ ซึ่งระยะเวลาในการนั่งรถค่อนข้างนาน 8-9 ชั่วโมง หนูก็เลยจองช่วงกลางคืนไว้ แล้วที่นั่งของหนูอยู่ฝั่งซ้ายข้างกระจกเกือบหลังสุด และมีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งข้างหนู อีกฝั่งจะเป็นผู้หญิงกับผู้ชายนั่งข้างกระจกอยู่โซนฝั่งขวา ตอนที่หนูขึ้นรถไปครั้งแรก หนูก็พยายามมองว่าเขามีผ้าห่มให้ไหม แล้วพอหนูเห็นว่า ข้าง ๆ ผ้าห่มของเขาผืนหนามาก หนูก็คิดในใจว่าแอร์น่าจะเย็น หนูก็เตรียมของตัวเองมาซึ่งอยู่ในกระเป๋าข้างล่างเท้า ตอนแรกหนูก็ยังไม่ได้เอาผ้าห่มขึ้นมา เพราะนั่งเม้าท์กับพี่ข้าง ๆ ฉ่ำอยู่ พอมันเริ่มดึกเราก็เลยหยุดคุย แล้วก็นอนกัน แล้วเหมือนหนูเริ่มสะดุ้งตื่นเพราะแอร์เย็นเลยจะก้มลงไปหยิบผ้าห่มใต้เท้า แต่ว่าหนูได้ยินเสียงจ๊วบจ๊าบมาจากฝั่งขวา หนูก็หาที่มาของเสียงว่ามันมาจากไหน หนูหันไปเห็นคู่รักตรงนั้น จังหวะที่ไฟถนนสาดเข้ามา มันชัดมาก คล้องคอนัวฉ่ำ ตอนแรกนอกผ้าห่ม พอเขารู้สึกว่าเริ่มจะเสียงดังกันแล้วก็เลยคลุมผ้าห่ม พอเขาหยุดทำ เขาก็เปลี่ยนจากที่คลุมแค่ตัวมาเป็นคลุมโปง และครั้งนี้เขาทำมากกว่าเดิม ก็คือเขาช่วยผู้หญิง หนูก็ไม่มองและเล่นโทรศัพท์ต่อ พอหนูหันไปอีกทีก็เห็นว่าเขาหยุดทำแล้ว แต่ว่าผู้หญิงกำลังมัดผมอยู่ พอหันไปใหม่เขาก็คลุมโปงทำให้ผู้ชาย หนูก็พิมพ์หาเพื่อนเลยว่าเจอแบบนี้อยู่ เพื่อนก็ไม่เชื่อหนู แล้วหนูก็พิมพ์แชทบอกเพื่อนอีก อันนี้หนูอาจจะเสียมารยาท อาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับเขา หนูก็ถ่ายรูปให้เพื่อนดู แล้วเพื่อนก็บอกว่า เขาอาจจะอยากเปลี่ยนฟีลหรือเปล่า? แต่ ณ ตอนนั้น หนูรู้สึกอึดอัดมาก คือตอนที่เขามัดผม หนูก็พยายามหันไปดูหน้าเขา เพื่อจะดูว่าเป็นคนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับหนูไหม เพราะว่าส่วนใหญ่ในรถคันนี้จะเป็นนักศึกษาประมาณ 90% เลย จากนั้นหนูก็เริ่มไม่สนใจ แล้วหลับต่อ พอช่วงตี 1 พี่ข้าง ๆ สะกิดแล้วก็ถามหนูว่า เนี่ย เขาทำอะไรกันไม่รู้ หนูก็บอกว่า หนูเห็นมาสักพักแล้ว พี่เขาตกใจมาก ไม่นอนต่อ แต่หันไปมองฉ่ำเลย แล้วก็เล่นโทรศัพท์ แวะเข้าห้องน้ำบ้าง เปิดแฟลชหาของบ้าง คือตื่นมาหันไปเมื่อไหร่ก็เจอเขาทำกันทั้งคืน จนช่วงตี 3 ที่หนูตื่นขึ้นมาอีกรอบนึง หนูก็หันไปดูเขายังนัวเนียกันอยู่ เหมือนหนูหันไปได้ยินเสียง ชู่วววว... เขาก็บอกกันเองว่าให้เงียบ หนูก็หันกลับอย่างไวแล้วไม่สนใจ นอนต่อเพราะเริ่มจะเช้า ตื่นมาอีกทีพี่พนักงานก็มาปลุกว่า คุณลูกค้า ใกล้จะลงตรงนี้แล้วนะคะ จังหวะที่พี่พนักงานจะหยิบอาหารจัดเบรคไปให้ฝั่งนู้น หนูก็เห็นว่าผ้าห่มมันคลุมโปงอยู่ พี่พนักงานก็เรียก 2-3 ครั้งไม่ตื่นสักที พี่ข้าง ๆ ก็ช่วยเรียกจนเขาตื่น พอตื่นเขาก็ลนกัน ตอนลงรถหนูก็หันไปมีผู้หญิงลงมากับหนูแค่คนเดียว นั่นแสดงว่ารักทางไกลละ แล้วหนูก็รอจังหวะที่ลงไปเอากระเป๋าข้างล่าง พยายามเล็งดูว่าเป็นคนที่หนูรู้จักหรือเปล่า แต่ดูแล้วก็ไม่รู้จัก หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า เสาร์นี้หนูจะต้องเดินทางกลับไปอีก ถ้าหนูเจอต้องทำตัวยังไงดี? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็หลับ พี่ไม่เคยขึ้นรถทัวร์บ่อย ก็เลยไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยไหม แต่ก็ไม่น่า ถ้าตามสามัญสำนึก ซึ่งต่อให้เขาอะไร เราก็หันซ้ายออกกระจกไป คราวหน้านะสุตะแคงซ้ายแล้วข่มตาหลับไป’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘คงไม่เจอหรอก ถ้าเจอสุต้องไปวัดแล้วแหละพี่ว่า ถ้าอยากจะเตือนเขาก็อาจจะแจ้งพนักงาน’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘เวลาไปถ้าเดินทางคนเดียว พี่ว่าสิ่งตรงนี้ไม่ควรระวัง แต่สิ่งที่น่าระวังคืออย่างที่พี่เจอ ผู้ชายนั่งข้าง ๆ แล้วลวนลาม อันนั้นน่ากลัวกว่า เพราะมันเดินทางยาว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1