เสียใจแล้วเสียใจอีก... สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ โดนพ่อแม่ทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เกิด ยายเป็นคนรับมาเลี้ยง ตั้งแต่เด็กจนโตพ่อแม่ไม่เคยดูแล ติดต่อมาเฉพาะตอนเดือดร้อน จนตอนนี้ไม่มีให้ เอาแหวนไปขาย เอารถไปจำนำ หาเงินให้พ่อแม่...

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เสียใจแล้วเสียใจอีก... สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ โดนพ่อแม่ทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เกิด ยายเป็นคนรับมาเลี้ยง ตั้งแต่เด็กจนโตพ่อแม่ไม่เคยดูแล ติดต่อมาเฉพาะตอนเดือดร้อน จนตอนนี้ไม่มีให้ เอาแหวนไปขาย เอารถไปจำนำ หาเงินให้พ่อแม่...

08 ส.ค. 2023

                เสียใจแล้วเสียใจอีก... สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ

โดนพ่อแม่ทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เกิด ยายเป็นคนรับมาเลี้ยง

ตั้งแต่เด็กจนโตพ่อแม่ไม่เคยดูแล ติดต่อมาเฉพาะตอนเดือดร้อน

จนตอนนี้ไม่มีให้ เอาแหวนไปขาย เอารถไปจำนำ หาเงินให้พ่อแม่

สุดท้ายเงินหมดแล้วจริงๆ ยายกลับบอกว่า ทำไมถึงเป็นลูกที่อกตัญญู?

                 “คุณแมว (นามสมมุติ)” อายุ 28 ปี สายที่สองของรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่าน (19 ก.ค. 66) ได้โทรเข้าเข้ามาปรึกษา ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น เกี่ยวกับปัญหาชีวิตที่ถูกว่าเป็นลูกอกตัญญูกับพ่อแม่ทั้งๆที่ถูกทิ้งมาตั้งเเต่เกิด

                โดย “คุณแมว (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เกิด คุณยายแท้ๆไปรับหนูมาเลี้ยง และถูกเลี้ยงดูเติบโตจากยาย หนูอยู่กับคุณตาคุณยายมาตลอด จนได้ทุนเรียนจบปริญญาตรี พร้อมกับส่งตัวเองเรียน พอเรียนจบก็ได้ซื้อบ้านซื้อรถให้ตากับยายเพราะอยู่กันมา 3 คนตลอด ตอนที่หนูอายุ 25 ปี คุณพ่อเขาก็กลับมา ทักมาบอกว่า คิดถึงนะ เป็นไงบ้าง เเล้วก็มาเล่าปัญหาชีวิตให้ฟังว่าได้ไปทำผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันกับหนูท้อง แล้วคนนั้นมีภาวะจะเเท้งลูก ต้องการเงินด่วนเลย แต่ด้วยความที่เขาเป็นพ่อหนู หนูก็เลยหาทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาให้เขา เอารถไปจำนำ เอาแหวนไปขาย เพื่อเอาเงินมาให้พ่อ จนวันหนึ่งทางญาติของฝั่งพ่อก็โทรมาหาหนู แล้วบอกว่า พ่อไปติดหนี้คนนู้นคนนี้ไว้ และก็มีคนโทรมาทวงเงินจากหนู ส่วนเรื่องที่เขาทำผู้หญิงท้องมีคนบอกหนูว่าเขาโกหก หนูเลยถามพ่อว่าโกหกทำไม เขาเลยบอกว่าหนูไม่ใช่ลูกเขา... พอผ่านไปหนูก็ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณ อย่างน้อยได้ยินคำว่ารักจากเขาครั้งเเรกในชีวิต

                จนเรื่องนี้ผ่านไป 2-3 ปี ธุรกิจของแม่เริ่มไม่ค่อยดี เริ่มมีหนี้สิน แม่หนูก็ติดโซเชียล จากที่เคยติดต่อกันนิดๆหน่อยๆ เขาก็เริ่มหายไป เเม่เป็นหนี้เพราะไปเปย์เงินให้คนในโซเชียล เเล้วก็ไปกู้เงินนอกระบบมา และเริ่มมาขอเงินหนูเรื่อยๆ หนูก็กลับไปวนลูปเดิมเหมือนตอนที่พ่อกลับมา พอหนูช่วยไปช่วยมาเขาก็ขอเงินมากขึ้น แล้วก็มีทักไปขอเงินจากแฟนหนู จนแฟนหนูมาถามหาเหตุผล ถ้าช่วงไหนที่หนูไม่มีให้เขา เขาก็จะไปขอตากับยาย ด้วยความที่ยายเป็นแม่ ยายก็เลยให้เงินไป แต่พอยายไม่มีเงินกินข้าว เขาก็มานั่งเครียดเเล้วก็ร้องไห้ เริ่มทะเลาะกับคนอื่นอารมณ์น้อยใจที่ลูกไม่รัก พอหนูหาเงินให้เเม่ไม่ได้ เขาก็ตอบกลับหนูมาว่า ถ้าต่อไปนี้รบกวนไม่ได้ก็จะไม่ยุ่งจะไม่มาวุ่นวายอีกแล้ว เหมือนเขาจะตัดหนูไปเหมือนที่พ่อทำ สุดท้ายยายบอกกับหนูว่า หนูเป็นลูกอกตัญญูหนูไม่ช่วยแม่ หนูไม่น่าเกิดมา หนูเป็นหลานเนรคุณ  คุณแมวก็เลยมาปรึกษพี่ๆดีเจว่า หนูทำแบบนี้หนูอกตัญญูกับพ่อแม่หรือเปล่า?’

                ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ความกตัญญูของพี่มาจากการกระทำ เขาไม่เลี้ยงคุณแมวแล้ว ยังมาขอเงิน สิ่งที่คุณแมวช่วยไปมันเยอะเเล้วด้วยซ้ำ แม่ที่ดีเขาควรที่จะเเคร์ความสุขของลูก แมวอายุ 28 แล้ว แมวมองออกว่าใครรักเราหรือไม่รักเรา ภาระทุกอย่างมันเลยตกอยู่ที่ยายแต่มันลามมาหาคุณแมวด้วย สำหรับยายให้บอกยายเลยว่าจะให้เงินเดือนแค่นี้ ถ้ายายเอาไปให้ลูกๆอีกก็จะไม่ให้เเล้ว ถ้าแมวเหนื่อยก็คือหยุด แฟนคือกำลังใจของแมว สุดท้ายเเล้วชีวิตของเราไม่เอาไปฝากใครนะ เราต้องรักตัวเองให้ได้นะความรักที่แมวขาดทั้งหมดเอาให้กับตัวเอง ไม่มีคำว่าอกตัญญูเพราะว่าไม่มีความกตัญญูเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว มันหมดไปตั้งเเต่พ่อ-แม่ทิ้งคุณแมวไว้ตั้งเเต่โรงพยาบาลเเล้ว

                ทางด้าน “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณแมวไม่ได้เนรคุณหรืออกตัญญูเลย คุณแมวลองไปหาคุณหมอเพื่อปรึกษาดูเพราะในระยะยาวมันไม่ดีกับคุณแมวแน่ๆ พ่อกับแม่คนสองคนนี้ไม่ได้มีอะไรที่คุณแมวจะต้องไปกตัญญู ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ แล้วแฟนจะต้องมาซัพพอร์ตเราเรื่อยๆอาจจะเป็นปัญหาในอนาคตก็ได้ คุณแมวต้องยอมรับว่ามันไม่สมบูรณ์ถ้าเอาเรื่องใน 28 ปี มาทำร้ายตัวเองซ้ำๆ มีชีวิตที่ต่อไปที่มันดีกว่านี้ดีกว่า เลยอยากให้คุณแมวไปปรึกษาคุณหมอดีกว่าด้วยความหวังดีนะ’

                ส่วน “ดีเจอั๋น” ให้คำปรึกษาว่า ‘กับสิ่งที่คุณแมวเจอไม่แปลกที่จะรู้สึกว่าคุณแมวมีปม พยายามค่อยๆแก้ปมให้กับตัวเอง เรามีความอยากได้การยอมรับจากคนเหล่านี้แต่มันดันเป็นคนที่ไม่ควร สิ่งที่เราเป็นมันน่าภูมิใจแต่คนเหล่านี้ไม่ภูมิใจ เหมือนคุณเเมวกำลังคิดว่า คุณแมวจะดีหรือไม่ดี ทุกอย่างมันอยู่ที่คนเหล่านี้หมดเลย เพราะฉะนั้นโฟกัสที่ตัวเองดีกว่า คุณแมวมีหัวใจสวยงามมาก ดูแลคนที่ควรดูแลเท่าที่จะทำได้ คุณแมวไม่มีความผิดอะไรเลย ส่วนคุณยายให้มองด้วยความเมตตา สำคัญที่สุดเมตตาตัวเองด้วย รักตัวเองก่อนเเล้วค่อยไปรักคนอื่น ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องรักตัวเองก่อนเสมอนะ

                สุดท้ายพี่ๆดีเจทุกคนส่งกำลังใจให้คุณเเมวให้ผ่านนี้ไปได้และรักตัวเองให้มากๆเเละรักตัวเองก่อนเสมอ

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

บ้านอื่นเป็นเหมือนกันไหม... มีพี่น้อง 3 คน ผู้ชายหมด อยู่บ้าน อยู่ด้วยกันไม่ค่อยพูดอะไรกันเลย ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง จนคนแถวบ้านถามทำไมไม่พูดอะไรกันเลยพี่น้องบ้านนี้ ผมอยากรู้มันแปลกไหมครับ?

21 พ.ค. 2024

บ้านอื่นเป็นเหมือนกันไหม... มีพี่น้อง 3 คน ผู้ชายหมด อยู่บ้าน อยู่ด้วยกันไม่ค่อยพูดอะไรกันเลย ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง จนคนแถวบ้านถามทำไมไม่พูดอะไรกันเลยพี่น้องบ้านนี้ ผมอยากรู้มันแปลกไหมครับ?

“คุณวอ (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [15 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาพี่น้องในครอบครัว โดย ​“คุณวอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมมีพี่น้อง 3 คนเป็นผู้ชายทุกคน ซึ่งผมเป็นพี่ชายคนโตอายุ 30 ปี น้องคนกลางอายุ 25 ปี และน้องคนเล็กอายุ 21 ปี โดยเมื่อก่อนเราทั้ง 3 คน เคยเช่าห้องอาศัยอยู่ด้วยกัน เราก็สนิทกัน พูดคุยกันเหมือนกับครอบครัวอื่น เพราะเราถูกเลี้ยงมาด้วยกัน เรียกได้ว่า เติบโตมาพร้อมกัน แต่เมื่อพวกเราโตขึ้น ต่างคนก็ต่างแยกย้ายออกไปใช้ชีวิตของตนเอง ซึ่งนับตั้งแต่ตอนนั้น พวกผมทั้ง 3 คนก็ไม่ได้ติดต่อ เพื่อพูดคุยหรือไตร่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเลย จนญาติพี่น้องของผมก็เกิดความสงสัยว่า ทำไมพวกแกถึงไม่คุยกัน? ทำไมถึงโทรหากัน? ทำไมถึงไม่ติดต่อหากัน? ซึ่งผมก็เข้าใจ เพราะต่างคนก็ ต่างย้ายไปอยู่กันคนละที่ และด้วยความที่เราทั้ง 3 คนก็เป็นผู้ชายทั้งหมด ผมเลยไม่รู้ว่าเราจะโทรคุยอะไรกัน ? แต่ถึงอย่างนั้น พวกผมก็จะกลับมาเจอกันในช่วงงานเทศกาล เช่น งานปีใหม่ งานสงกรานต์ หรืองานรวมญาติ แค่ว่าพวกผมไม่ได้โทรคุยกันเท่านั้น แต่ญาติของผมก็ยังชอบพูดกรอกหูผม อยู่ตลอดเลยว่า เป็นพี่คนโต ทำไมไม่โทรหาน้องมันบ้าง ? ผมเลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า การที่ผมไม่ติดต่อกับน้อง ไม่โทรคุยกัน ถือว่าแปลกมั้ยครับ ?’ ซึ่ง “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เข้าใจว่า ญาติคงจะปรารถนาดี แต่วิธีแก้ง่ายที่ง่ายที่สุด คือ การสร้าง LINE GROUP สำหรับ 3 พี่น้อง ในฐานะที่เราเป็นพี่คนโต เราก็บอกกับน้อง ๆ เลยว่า เรามาสร้างกลุ่ม เพื่อไว้คุยเรื่องครอบครัวดีกันกว่า หรือมีไว้เพื่อ จะได้ติดต่อกันแบบรวดเร็ว เพราะบางครั้งการที่เราโทรคุยกัน เราก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แต่การพิมพ์ข้อความ มันสามารถทำให้เราสื่อสารกันง่ายขึ้น ซึ่งถ้าญาติมาพูดอะไรอีก เราก็ไม่ต้องไปให้ความสำคัญกับทุกประโยค แต่ถ้าอยากทำให้ญาติสบายใจ คุณวอก็พูดว่า เดี๋ยวผมโทรให้เดี๋ยวนี้เลย แล้วก็ยื่นโทรศัพท์ให้คุยกัน’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่แปลก คุณวอไม่แปลกเลย แทบจะเป็นเรื่องปกติเลย เพราะการที่เราไม่ได้โทรคุย แต่มาเจอกันในงานเทศกาล หรือวันสำคัญ และก็มีการพูดคุยกัน มันเรื่องปกติมาก ๆ เพราะสิ่งที่แปลกไม่ใช่คุณวอ แต่เป็นญาติ ซึ่งเอาจริงเขาก็อาจจะหวังดี ส่งสติกเกอร์สวัสดีวันจันทร์ก็ได้! หรือไม่ก็เอาญาติคนนั้น เข้า LINE GROUP ด้วย เพราะถ้าเขาคุยคนเดียวเขาก็จะเข้าใจว่า ทุกคนไม่ได้ว่าง ต้องทำงาน ทำการ ญาติถามอีกก็ตอบว่า ไม่มีใครมีปัญหาอะไรกัน’ และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ปกติครับคุณวอ เราเจอกันในงานเทศกาล มาร่วมสังสรรค์กัน แล้วก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต ละนาน ๆ ก็เจอกันที มันปกติมาก ๆ เพราะน้อง ๆ ของคุณวอก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ญาติเขาก็อาจจะแค่ถามแทน ซึ่งวันหลังหากว่าญาติถามอีกก็ตอบว่า ไม่แปลก ปกติเลยครับ เพราะตอนที่เจอก็คุยกันปกติ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูคบกับแฟนคนนี้มา 7 ปี ครอบครัวเรายังไม่เคยเจอกันเลย ครอบครัวฝั่งหนูเริ่มถามแล้วว่าเมื่อไหร่จะแต่ง เมื่อไหร่จะมีหลาน เราก็แก่ขึ้นทุกวัน ผู้ชายก็ไม่พูดถึงเรื่องขอแต่งงานอะไรเลย บอกว่ารอพร้อมก่อน จนตอนนี้เรารู้สึกอยากมั่นคงแล้ว ควรรออยู่ไหม?

26 ก.ค. 2024

หนูคบกับแฟนคนนี้มา 7 ปี ครอบครัวเรายังไม่เคยเจอกันเลย ครอบครัวฝั่งหนูเริ่มถามแล้วว่าเมื่อไหร่จะแต่ง เมื่อไหร่จะมีหลาน เราก็แก่ขึ้นทุกวัน ผู้ชายก็ไม่พูดถึงเรื่องขอแต่งงานอะไรเลย บอกว่ารอพร้อมก่อน จนตอนนี้เรารู้สึกอยากมั่นคงแล้ว ควรรออยู่ไหม?

“คุณแจง (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [17 ก.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจอั๋น - ดีเจเติ้ล’ เกี่ยวกับปัญหาเราอยากแต่งงาน แต่แฟนเราไม่พร้อมสักที โดย “คุณแจง (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมา 7 ปี ปัญหาเรื่องเดียวที่มีตอนนี้คือเรื่องแต่งงาน เริ่มแรกที่มาคบกับแฟนคนนี้ หนูก็ถามเค้าและเช็คว่าเค้าอยากจะมีครอบครัวหรือแต่งงานไหม? ซึ่งแฟนหนูก็มีความคิดอยากจะแต่งงาน ทีนี้พ่อกับแม่หนูเป็นคนมีอายุ เค้าเลยจะเป็นคนหัวโบราณ พอคบกันได้ประมาณ 2 - 3 ปี แม่หนูก็อยากจะให้แต่งงาน แต่ช่วงนั้นหนูกับแฟนยังศึกษาดูใจกันอยู่ หนูก็เลยขอให้พ่อกับแม่รอก่อน หลังจากนั้นช่วงปีที่ 4 - 5 พ่อกับแม่ก็รู้สึกว่ามันนานสำหรับเค้า บวกกับอายุหนูที่ตอนนี้อายุ 33 และแฟนอายุ 35 ค่ะ พ่อกับแม่เลยอยากให้ครอบครัวของแฟนหนูเข้ามาคุยเรื่องแต่งงาน แต่ ณ ช่วงนั้นเกิดปัญหาคือแฟนหนูป่วย ไม่สามารถไปทำงานได้ปกติ ต้องรักษาถึงกลับมาปกติได้ ทางครอบครัวแฟนหนูเค้ามีฐานะและสามารถซัพพอร์ตแฟนหนูได้ แต่แฟนหนูรู้สึกว่าตัวเค้าหยุดชะงักลง เลยยังไม่แต่งงาน ณ เวลานั้น หนูใช้เวลา 2 ปีหลังจากนั้นรวมเป็น 7 ปีในการช่วยแฟนหนูดีขึ้น จนสามารถกลับมาทำงานได้เป็นปกติ และเริ่มกลับมาทำงานได้แล้ว ซึ่งในช่วง 2 ปีหลังนี้มันหนักมากเพราะหนูโดนกดดันทั้งทางครอบครัว และสังคมรอบข้าง ว่าคบกันมาตั้งนานแล้วทำไมยังไม่แต่งงานกันอีก หนูเป็นคนกลางที่เข้าใจทั้งแฟนและฝั่งพ่อแม่ และในระยะเวลาที่ยังไม่แต่งงานกัน แล้วหนูจะไปเจอแฟน หนูต้องโกหกพ่อกับแม่ตลอดว่าหนูไปทำงานพิเศษ แต่จริง ๆ แล้วเวลาวันหยุดของหนู หนูจะไปหาแฟน หนูไม่สามารถบอกพ่อกับแม่ได้เลยว่าหนูไปเจอแฟน เพราะว่าพ่อกับแม่หนูรับไม่ได้เรื่องอยู่ก่อนแต่ง มันทำให้หนูรู้สึกผิดมาก ๆ เพราะพ่อแม่หนูไม่ได้มีเงิน แม่หนูต้องทำงานหนักมาก ๆ เพื่อจะส่งเสียหนูเรียน หนูก็ต้องเรียนดี ๆ เพื่อที่จะได้งานดี ๆ แล้วหนูก็เป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่มาตลอด ถ้าหนูไม่ได้ทำตามความตั้งใจของพ่อแม่ มันทำให้หนูรู้สึกผิดที่หนูเหมือนเป็นลูกที่ไม่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจ จนมาวันนึงที่แม่หนูป่วยกะทันหันจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นทำให้หนูมีความคิดขึ้นมาว่าพ่อแม่หนูไม่ได้มีเวลาที่จะอยู่ตรงนี้อีกนาน แล้วถ้าวันนึงหนูแต่งงานแล้วพ่อแม่ไม่อยู่ มันจะมีประโยชน์อะไร? เพราะงานแต่งงานครั้งนี้หนูกับแฟนไม่ได้มีความคิดที่จะแต่งเพื่อมีหน้า มีตา แต่ที่แต่งเพราะพ่อแม่หนูอยากให้แต่งเพื่อให้ได้รับเกียรติจากครอบครัวฝั่งแฟนที่เค้าจะมาให้เกียรติทางบ้านเรา พอมันเกิดเหตุการณ์นี้มันทำให้ใจหนูมีนาฬิกานับถอยหลังเกิดขึ้น แล้วมันก็มีความคิดด้านดำกับขาวเกิดขึ้นกับหนู ด้านดำคือหนูก็คิดว่าหนูควรเลิกเสียเวลามั้ย? หนูควรหยุดแล้วไปเจอโอกาสที่ดีมั้ย? ส่วนด้านขาวก็คิดว่าหนูรักเค้านะ แฟนหนูก็เป็นความรักที่ดีของหนู เค้าไม่เคยนอกใจ ไม่เที่ยว ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า เวลาหนูทุกข์หรือลำบากเค้าก็อยู่ข้างหนูตลอด ทำไมหนูถึงจะทิ้งเค้าไป ทั้งสองความคิดนี้มันทำให้หนูเป็นทุกข์ว่าหนูจะทำยังไงดี... หนูเคยถามตัวเองว่าถ้าไม่มีงานแต่งหนูจะมีชีวิตที่รักกับแฟนได้มั้ย ซึ่งหนูทำได้ แต่เวลาหนูมองอนาคต หนูก็เจ็บปวดเวลาที่มองเห็นคนอื่นแต่งงานเพราะมันไม่เกิดขึ้นกับหนู หนูก็ถามเรื่องงานแต่งกับแฟน แฟนก็บอกว่าตัวเค้าพึ่งจะหายป่วย เค้ายังไม่พร้อม หรือบางทีก็ไม่มีคำตอบอะไรให้หนูเลย หรือแม้กระทั่งเมื่อ 3 วันก่อนหนูยื่นคำขาดว่าหนูไม่ไหวแล้วนะ หนูจะไม่โกหกพ่อแม่แล้ว ถ้ามันไปต่อไม่ได้ก็จะยอมรับความจริง เค้าก็นิ่งไปประมาณ 2-3 วัน เหมือนแฟนตัดสินใจว่าอยากจะเลิกกับหนู แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ก็เลิกกันไม่ได้เพราะว่ารักกัน และพ่อแม่หนูกับพ่อแม่แฟนก็ไม่เคยเจอกันเลยตลอดระยะเวลา7ปีที่ผ่านมา ประมาณปีที่ 5-6 หนูเคยบอกแฟนว่า เราแก้การปัญหาที่ต้องโกหกพ่อแม่ด้วยการนัดเจอกันมั้ย ให้มีการคุยกันว่าจะเกี่ยวดองกัน เวลาเจอกันจะได้ง่ายขึ้น เพราะพ่อแม่หนูก็เริ่มเปิดใจหลังจากที่หนูคุยกับเค้ามากขึ้น พ่อแม่หนูก็เลยเริ่มที่จะไม่กดดันเรื่องแต่งงานในช่วงปีหลัง ๆ ที่ผ่านมา เพราะเหมือนพ่อกับแม่ก็รู้ว่าพวกหนูเครียดกันทั้งคู่ แต่หนูรู้ว่าพ่อกับแม่เค้ารู้สึกเสียใจที่ทำไมครอบครัวแฟนถึงไม่มาคุยหรือมาให้เกียรติหนูเลย หรือเวลาหนูไปหาแฟนไปใช้ชีวิตด้วยกัน พ่อแม่แฟนหนูก็ไม่เคยพูดเรื่องแต่งงานเลยค่ะ และบ้านแฟนหนูในครอบครัวเค้าไม่เคยมีพิธีแต่งงานเลย ลูกเค้าบางคนก็โสด หนูอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ควรจะเลือกด้านไหนดี ระหว่างยอมรับความจริงและไปมีชีวิตต่อไป หรือพอแค่นี้ดี? โดย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าพี่เป็นแจง ถ้าถึงจุด 7 ปีแล้ว พี่จะถามเค้าตรง ๆ อย่างชัดเจนว่า “เธออยากแต่งกับเราไหม เพราะสำหรับเรางานครั้งนี้มันแค่งานที่จะบอกว่าเราสองคนจะอยู่เป็นสามีคู่รักกันต่อไป” มันแค่เป็นสิ่งที่จะทำให้ฉันมั่นใจกับเธอว่าเราจะอยู่กันไปตลอดแค่นั้นเอง เพราถ้างานแต่งนี้เกิดขึ้นฉันและเธอจะอยู่ด้วยกันได้อย่างสบายใจ ไปมาหาสู่กันในฐานะสามีภรรยาโดยไม่ต้องบอกข้ออ้างกับพ่อแม่อีกต่อไปว่าไปทำงานพิเศษ และจะทำให้พ่อแม่ฉันและตัวฉันเองที่อยากมีความสุขกับสิ่งนี้ พี่รู้สึกว่าการขอครั้งนี้ของแจงถ้าคนรักกันพี่ว่ามันให้ได้นะ พี่ว่ามันไม่ได้มีอะไรที่ทำให้คนรักกันมันแย่ลง มีแต่จะดีขึ้น นอกเสียจากว่าเค้าไม่อยากแต่ง พี่ว่า 7 ปีมันยาวนานมากพอแล้ว’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คนรักกันมันก็เลิกกันได้เพราะปัญหาเรื่องแต่งงาน คน ๆ นึงไม่ได้คิดจะมีอนาคตกับเรา พ่อแม่ไม่เคยเจอกันมันก็แปลกละ ไม่ได้อยากจะรู้จักครอบครัวนี้หน่อยหรอ ส่วนเรื่องแต่งงานคือเป็นอะไรกับที่มันไม่ได้ลำบากอะไรเลย หรือเค้าแต่งไปแล้วละจะไม่จดทะเบียนซ้อน ไปเช็คดี ๆ เพราะมันผิดปกติเกิน ถ้ารักกันมากขนาดนี้แล้วก็แค่จัดงานที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย เราภาวนาให้จบปัญหานี้ซึ่งปัญหานี้คือการแต่งงานก็แค่ไปแต่งสิ เมื่อไม่แต่งแล้วอนคตจะยังไง 7 ปีแบ้วจะรออะไรอีก รอให้ 8 ปี 10 ปี แล้วค่อนเออมันไม่ใช่อย่างงี้หรอ ให้เวลา 6 เดือนเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน ถ้าไม่มีหนูไปเลย ที่เค้าเงียบ ๆ อาจจะไปคิดงานเซอไพรซ์อยู่ แต่ 6 เดือนนานไป 3 เดือนพอ และถ้า 3 เดือนนี้ไม่มีความคืบหน้า แปลว่า การคบกันระหว่างเรามันมีอยู่แค่นี้ นี่มันคือปลานทางแล้ว ไม่มีไปต่ไม่สร้างอนาคต อยู่ที่แจงแล้วว่าจะโอเคกับสถานะแบบนี้ไปตลอดมั้ย หรือถ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ฉันต้องการอนาคต ฉันต้องการมีลูก เมื่อไม่ไปต่อ เธอก็ต้องสละเรือ ฉันต้องไปหาคนอื่น วันนันไม่ต้องถามอะไรละ แค่เดินไปบอกว่า “เธอฉันจะไปแล้ว ไม่ยื้อแล้วนะ เพราะมัน 7 ปีแล้ว” ยิ่งถ้าเค้ามีความคิดที่อยากจะเลิกกับเรา อยากให้เราไปเจอคนที่ดีกว่านี้ แปลว่าเค้าดีกว่านี้ไม่ได้ละ มันเป็นความรัก มันไม่มีอนาคต’ สุดท้าย “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ปัญหาพี่อั๋นคล้ายกับแจงมากเลย คือพี่อั๋นคบกับพี่จ๋าแล้วพี่จ๋าไม่ยอมแต่งงาน พี่คบเค้า 9 ปี ขอแต่งงานทุกปี เค้าปฏิเสธพี่เกิน 9 ครั้ง แล้วในที่สุดพี่กับเค้าก็เลิกกัน แต่ตลอดทางที่พี่ยังอยู่เพราะพี่รู้ว่าเค้ารัก และ 7-8 ปี พี่อั๋นไม่เคยเข้าบ้านเค้า และทุกครั้งที่พี่ขอเลิกพี่ไม่เคยเอาการเลิกเป็นการต่อรอง แต่พี่จะให้เวลาและพี่จะมาขอคำตอบทุกวันคริสต์มาส และสุดท้ายเลิกกันไป 2 ปี และเค้ากลับมาและเปลี่ยนใจปัญหาเลยจบ เพราะฉะนั้นคุณควรคุยกันให้ชัด ไม่ต้องคาดคั้นแบบเอาเป็นเอาตาย เราไม่สงสัยในรักของกันและกัน ตอนนี้มีแค่เราจะเดินต่อหรือไม่เดินต่อเท่านั้นเอง ถ้าเธอคิดจะอยากมีฉัน การแต่งงานเป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับการเป็นครอบครัวกับฉัน และไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่เลยที่เค้าต้องการสิ่งนี้ บอกเค้าว่าไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ แต่รู้เงื่อนไขและจุดยืนที่ชัดเจนแล้วนะ และในระหว่างนี้เราดูซิว่า เราสามารถเป็นคนสองคนเต็ม ๆ ที่อยู่โดยไม่มีกันแล้วชีวิตยังเต็มรึเปล่า หรือถ้าอยู่ด้วยแล้วสุขมากกว่า มันเต็มกว่า เราก็ควรมีกัน ฉันจะให้เวลาเธอจะวันเกิดเธอหรือฉันก็ได้ วานเลนไทน์ที่จะถึงก็ได้ จะเป็นไฟนอลนะ และ ณ วันนั้นไม่มีความสับสนอะไรแล้วนะ จะมีแค่แต่งหรือไม่แต่ง โดยที่ไม่ต้องมีคำอธิบายหรือเหตุผลอะไรต่อจากนี้ และฉันก็ให้สิทธิ์เธอเลือกแล้ว ทั้ง ๆ ที่ฉันก็เป็นคนเลือกได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูอยู่โซนยุโรป คบกับสามีต่างชาติ รักกันปกติดีทุกอย่าง แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่เป็นปัญหา เพิ่งรู้ตอนย้ายเข้าไปที่บ้านเขา เขาเป็นคนหลับยากมาก เราหลับง่ายสุดๆ แล้วสามีจะไม่เปิดแอร์ ไม่เปิดพัดลมใดๆที่มีเสียง เพราะ ทำให้เขานอนไม่หลับ

02 ก.ย. 2024

หนูอยู่โซนยุโรป คบกับสามีต่างชาติ รักกันปกติดีทุกอย่าง แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่เป็นปัญหา เพิ่งรู้ตอนย้ายเข้าไปที่บ้านเขา เขาเป็นคนหลับยากมาก เราหลับง่ายสุดๆ แล้วสามีจะไม่เปิดแอร์ ไม่เปิดพัดลมใดๆที่มีเสียง เพราะ ทำให้เขานอนไม่หลับ

หนูอยู่โซนยุโรป คบกับสามีต่างชาติ รักกันปกติดีทุกอย่าง แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่เป็นปัญหาเพิ่งรู้ตอนย้ายเข้าไปที่บ้านเขา เขาเป็นคนหลับยากมาก เราหลับง่ายสุดๆ แล้วสามีจะไม่เปิดแอร์ไม่เปิดพัดลมใดๆที่มีเสียง เพราะ ทำให้เขานอนไม่หลับ แต่เราขี้ร้อน แยกนอนเขาก็งอนอีก ทำไงดีคะ?“คุณเรน (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่ 4 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (28 ส.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม- ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาเราหลับง่ายสุดๆ แต่สามีนอนหลับยากมาก ตอนนี้กลายเป็นปัญหาการนอนของเรา!โดย “คุณเรน (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูเพิ่งแต่งงานกับสามีมาได้ 1 เดือน แต่คบกันมา 5 ปีแล้ว อยู่กินกันมา 1 ปี ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันจะมีปัญหามากๆเลยก็คือ เขาเป็นคนที่นอนหลับยาก ยากมากๆ ต่างจากเรา คือ เวลาเราหัวถึงหมอนก็หลับไปเลย เลยทำให้เราไม่เข้าใจว่านอนหลับยากมันเป็นยังไง? มันขนาดนั้นเลยหรอ? เพราะสภาพแวดล้อมที่โตมา ทั้งพ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง แม้กระทั่งรูมเมท นอนกันเปิดทีวีกันทั้งคืนก็ไม่เคยตื่นเลยพอเรามาแต่งงานกับเขา ก็มาอยู่ที่ต่างประเทศ ช่วงหน้าหนาวจะไม่มีปัญหาเพราะอากาศเย็นอยู่แล้ว นอนหลับสบาย แต่พอหน้าร้อน เขาจะบังคับเราว่าห้ามเปิดพัดลม ห้ามเปิดแอร์ เพราะเขาจะได้ยินเสียงแล้วทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน ซึ่งอุณหภูมิตอนกลางวัน 40 กว่าๆองศา ส่วนตอนกลางคืนก็ประมาณ 39 องศา แถมอากาศแห้ง หนูหลังเปียก หนูเคยตื่นมาแล้วเลือดกำดาวไหล ไม่รู้ว่าเขาจะยอมใส่ที่อุดหูไหมเวลานอน แต่เวลาขึ้นเครื่องบินเขาจะใส่ เขามีอุปกรณ์พวกนี้อยู่แล้ว พอเราจะแยกกันนอนก็ไม่ได้อีก เพราะเขาจะงอน หนูเคยลองใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นนอนแล้ว ก็ยังร้อนอยู่ดี เขา Sensitive มากๆเลย แล้วหนูก็เล่นโทรศัพท์ไม่ได้เลยเพราะแสงจากโทรศัพท์จะแยงตาเขาจนนอนไม่หลับ ลองให้กินเมลาโทนินทุกคืน บางคืนก็ยังไม่นอน อาจจะเกี่ยวที่เขาเป็นคนเครียดประมาณนึงด้วย หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า ควรแก้ที่เราหรือแก้ที่เขา เพราะเราพยายามพูด แต่เขาก็บอกว่า มันปกติสำหรับเขาที่จะไม่เปิดแอร์หรือพัดลมนอน เพราะพ่อแม่เขาก็ปิดทั้งหมดเหมือนกัน’ซึ่งทาง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้ากรณีนี้ เรานอนด้วยกันไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่เขาต้องยอมรับคือ เขามีปัญหา แต่ถ้าจะนอนด้วยกัน เงื่อไขของเราคือต้องเปิดแอร์ ถ้าเธอไม่เปิดแอร์ ปิดทุกอย่าง มันจะกลางเป็นคนนอนไม่หลับ 2 คน แต่ถ้าเปิดแอร์ จะมีคนหลับ 1 คน คือเราหลับเขาไม่หลับ แต่จริงๆแล้วหอมจะพูดทุกอย่างเพื่อให้เปิดแอร์ หรือพัดลม ถ้าเสียงจะกวนเขา ให้แก้ที่เขาเพราะเขาผิดปกติ ถ้าเรานอนเหงื่อออกทั้ง 2 คนก็จะนอนไม่หลับ ต้องแก้เรื่องเสียง เช่น Air pod เปิดโหมดตัดเสียงรบกวนเลย เราเคยใช้วิธีนี้ กับอีกวิธีที่ทพให้นอนหลับง่ายคือ เขาต้องไปหาจิตแพทย์ เพราะมีความเครียด หรือลองนั่งสมาธิจะช่วยได้ ปล่อยให้ร้อนแล้วนอนมันไม่ดี ร่างกายเราขาดน้ำ เราสามารถไหลตายได้เลยนะ มันอันตราย พูดให้เขากลัวเยอะๆ’ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำแนะนำว่า ‘ลองพัดลมไฮโซที่มันเงียบมากๆ แต่ราคาแพง เช่นแอร์ที่เงียบที่สุดคือแอร์ในสตูดิโอ เพราะต้องให้เงียบที่สุดเวลาอัดเสียง พี่รู้สึกว่ามันคือห้องนอนของเรา 2 คนเพราะถึงขนาดที่เลือดกำดาวไหลพี่ว่าไม่ใช่แล้ว เขาต้องยอมใส่ที่อุดหู เพราะถ้าใช้ที่อุดหูบนเครื่องได้ นอนที่นี่ก็น่าจะใช้ได้ ให้เขาลองพยายามก่อน เราต้องหาตรงกลางอยูาด้วยกัน ไม่ได้แปลว่าต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเสียสละ 100%’และ “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องนอนเป็นเรื่องใหญ่มาก ฟังดูไร้สาระ แต่มันไม่ไร้สาระ พี่มีเพื่อนที่หย่ากับสามี เพราะทั้งคู่เป็นคนนอนฝั่งซ้ายของเตียง ถ้าย้ายไปฝั่งขวาจะนอนไม่หลับ แล้วเขามารู้ตอนที่แต่งแล้ว กลับมาที่เรื่องของเรา ถ้าเขานอนไม่หลับขนาดนั้น พี่ว่าการไปพบผู้เชี่ยวชาญเรื่องการนอน ไปทำ Sleep Test เขาจะได้รู้จักตัวเอง แล้ะเราก็ควรไปเพราะมันคือการแก้ปัญหาของทั้งคู่ เขาจะได้มีการนอนที่ดีขึ้น และการนอนที่ดีขึ้นของเขา ก็จะทำให้เรามีการนอนที่ดีขึ้นด้วย ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีในโลกมีอะไรเอามาใช้ให้หมด ไม่ว่าจะที่อุดหู พัลม แอร์แบบเงียบที่สุดก็มี ถ้าไม่งั้นก็คือ เธอเขาไปนอนก่อน เธอหลับเดี๋ยวฉันค่อยตาม แต่ก็คือไม่ได้นอนพร้อมกันอยู่ดี’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมีพี่ที่ทำงานคนนึง กลิ่นปากแรงมากกกกกกกก แล้วเค้าพูดกับหนูเยอะที่สุด ตอนนี้เจอยาอมตัวนึงอยากลองสั่งซื้อให้พี่เขา แต่จะให้ยังไงให้ดูไม่น่าเกลียดดีคะ?? ขอวิธีแบบเนียนๆ

19 ก.ค. 2024

หนูมีพี่ที่ทำงานคนนึง กลิ่นปากแรงมากกกกกกกก แล้วเค้าพูดกับหนูเยอะที่สุด ตอนนี้เจอยาอมตัวนึงอยากลองสั่งซื้อให้พี่เขา แต่จะให้ยังไงให้ดูไม่น่าเกลียดดีคะ?? ขอวิธีแบบเนียนๆ

“คุณทิพย์ (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (17 ก.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาพี่ที่ทำงานกลิ่มปากเหม็นมากกกก! “คุณทิพย์ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูย้ายที่ทำงานมาเกือบปีแล้ว ในแผนกจะมีพี่เลี้ยงคนหนึ่งคอยดูแลอยู่ตลอด เป็นคนที่คุยกับหนูเยอะที่สุดเพราะเวลามีงานใหม่ หรือเวลามีปัญหาก็ต้องถามเขา จึงต้องคุยกันตลอด แล้วพี่เขาปากเหม็นมาก แต่หนูก็ไม่กล้าบอกพี่เขาเพราะยังทำงานไม่ถึงปี แล้วก็ยังไม่สนิทถึงขั้นที่จะพูดว่าเขาปากเหม็นได้ หนูเลยต้องพยายามถามเขาให้น้อยที่สุด แต่บางทีพี่เขาคุยโทรศัพท์อยู่โต๊ะข้างๆหนู กลิ่นมันก็ลอยมา แล้วหนูก็พยายามเอาพัดลมมาเป่ากลิ่นไป พยายามชวนเขากินลูกอม แต่เขาก็ไม่กินเพราะลดน้ำตาล หรือบางทีหนูก็เอาแมสมาใส่เวลาเขามาคุยด้วย ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ไหม หนูก็พยายามดูคนอื่นว่ามีปฏิกริยาแบบหนูไหม ปรากฎว่าไม่มีเลยสักคน หนูจึงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามาเรื่อยๆ จนเมื่อไม่นานมานี้หนูไปเจอทวิตหนึ่ง เขาพูดถึงยาที่ช่วยดับกลิ่นมาจากข้างในเหงื่ออกก็หอม แต่หลักๆคือช่วยเรื่องกลิ่นปาก ซึ่งไม่ใช่ลูกอม แต่เป็นยาที่ต้องกลืนเข้าไป ซึ่งหนูอยากซื้อให้พี่เขา เลยอยากรู้ว่าจะให้ยังไงดีที่จะไม่กระอักกระอ่วน?’ โดยพี่ๆดีเจได้ให้คำปรึกษาไปในทางเดียวกันว่า ‘ลองใช้ลูกอมดับกลิ่นปากแบบไม่มีน้ำตาลก่อน เวลาเขามาคุยให้หนูทำเป็นกินลูกอมแล้วยื่นให้เขา พี่ว่าน่าจะเบากว่ายาดับกลิ่นปากที่หนูบอกนะ เพราะถ้าให้ยาอันนั้น ก็เท่ากับหนูพูดแล้วว่าเขาปากเหม็น ซึ่งพูดเลยอาจจะดูดีกว่าเอายาให้เขากิน ยาอันนี้มันเหมือนลรักษาถึงรากข้างในเลย จริงๆกลิ่นปากสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนในโลกเลย แต่ต่อให้เขากิน แล้วเขากินวันเดียว หายวันเดียว มันก็เท่านั้นมันไม่ได้แก้ปัญหา พี่ว่าเขาต้องรู้ว่าเขามีปัญหาเรื่องกลิ่นปากแล้วให้เขาไปแก้ เช่น ปัญหาเรื่องเหงือก ปัญหาเรื่องฟัน เพราะถ้ายังไม่แก้ต่อให้เขาอมอะไรก็ตาม มันก็จะไม่หาย หรือลองคุยกับเพื่อนที่ทำงานที่สนิท ลองเช็คว่าเราได้กลิ่นคนเดียวมั้ย หรือลองแจ้งแม่บ้าน ว่ามีกลิ่นเหมือนมีอะไรตาย ให้เขาลองเดินเข้ามาเช็คหลายๆวัน ถ้ามันไม่เจอก็ลองเกริ่นไปว่า หรือว่าปากหนูเหม็น’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1