งานที่หนูทำต้องใช้สมาธิมากๆ พื้นฐานหนู Introvert สุดๆ แล้วเพื่อนที่ทำงานที่นั่งข้างๆก็ Extrovert สุดๆ ชวนหนูคุยทั้งวัน มีเรื่องคุย เรื่องถาม สะกิดทั้งวันไม่หยุด เราก็เกรงใจเขาด้วยไม่กล้าบอกตรงๆ ทนมาเป็นปีแล้ว

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

งานที่หนูทำต้องใช้สมาธิมากๆ พื้นฐานหนู Introvert สุดๆ แล้วเพื่อนที่ทำงานที่นั่งข้างๆก็ Extrovert สุดๆ ชวนหนูคุยทั้งวัน มีเรื่องคุย เรื่องถาม สะกิดทั้งวันไม่หยุด เราก็เกรงใจเขาด้วยไม่กล้าบอกตรงๆ ทนมาเป็นปีแล้ว

02 ก.ย. 2024

งานที่หนูทำต้องใช้สมาธิมากๆ พื้นฐานหนู Introvert สุดๆ

แล้วเพื่อนที่ทำงานที่นั่งข้างๆก็ Extrovert สุดๆ ชวนหนูคุยทั้งวัน มีเรื่องคุย เรื่องถาม

สะกิดทั้งวันไม่หยุด เราก็เกรงใจเขาด้วยไม่กล้าบอกตรงๆ ทนมาเป็นปีแล้ว

ทุกคนเคยเจอคนข้างๆสะกิดคุยทั้งวันเหมือนกันไหมคะ?

        “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ26 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [28 ส.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม- ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาเพื่อนร่วมงานเป็น Extrovert ชอบเดินมาชวนคุย

โดย “คุณเอ(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีเรื่องที่อึดอัดใจ คือหนูเป็น Introvert ที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครเท่าไหร่ แล้วทีนี้หนูทำงานอยู่ที่บริษัทหนึ่ง ในแผนกส่วนใหญ่จะมีผู้ใหญ่วัยกลางคน และหนูจะเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด จนวันหนึ่งมีพนักงานใหม่เข้ามาอายุใกล้เคียงกับหนู ตอนแรกหนูก็รู้สึกดีที่มีเพื่อนร่วมงานอายุใกล้กัน แต่บุคลิกของเพื่อนร่วมงานคนนี้คือเค้ามีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก ดีที่สุดเลย คือเค้าคุยเก่งมาก คุยได้กับทุกคน ซึ่งมันเป็นนิสัยที่ตรงกันข้ามกับหนูเลย

ด้วยความคุยเก่งของเค้าก็เริ่มมากระทบกับหนู เพราะเค้าชอบชวนหนูคุยเรื่องทั่ว ๆ ไป และจะชวนคุยในขณะที่หนูกำลังทำงาน จะเรียกหนูหันไปดูว่าชุดนี้สวยไหม เสื้อตัวนี้สวยไหม เหมาะกับเค้ามั้ย หรือว่าถามหนูว่าเค้าควรแต่งตัวแบบไหนดีประมาณนี้ หนูก็คอยตอบเค้าตลอด ปกติเค้าจะเรียกชื่อหนู แต่ช่วงนี้เค้าจะเริ่มเดินมาที่โต๊ะทำงานเพื่อสะกิดหนูให้คุยในขณะที่หนูกำลังทำงาน แล้วมันเป็นแบบนี้ทุกวันตั้งแต่เช้ายันเลิกงาน เป็นแบบนี้มาเกือบปี หนูรู้สึกอึดอัดแล้วที่เค้ากำลังเข้ามาในเซฟโซนของหนู หนูเลยอยากจะถามพี่ๆดีเจว่าหนูควรจะวางตัว หรือ พูดกับเค้ายังไงดี?

โดย “ดีเจทั้ง 3 ท่าน” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เราสามารถพูดกันตรง ๆ ได้มั้ย เพราะเดี๋ยวนี้คนเราเริ่มเปิดมากยิ่งขึ้นประมาณว่า “เราเป็น Introvert น้าเอาจริง ๆ แล้ว” เหมือนบอกตรง ๆ ไปเลย เพราะถ้าเอพูดกับเค้า เค้าอาจจะเข้าใจก็ได้นะเค้าอาจจะหยุด  จริง ๆ พูดกับเค้าตรง ๆ แบบดี ๆ “ด้วยความที่เราเป็น Introvert เราอาจจะคุยไม่เก่งเราฏ้ไม่ค่ออยากจะคุยกับใคร บางทีเรามาทำงาน เราก็อยากจะอยู่เงียบ ๆ แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบเธอนะ หรือรำคาญอะไรเลย เพียงแค่เพราะว่าพื้นฐานเราเป็นคนแบบนี้ บุคลิกเราเป็นคนแบบนี้” คือพี่ว่าเออาจจะลองพูดไปก่อน ไม่น่าเกลียด คือปกติถ้าเราจะถามหรือจะคุยกับใครเราจะดูรีแอ๊คชั่นของอีกฝ่ายก่อนว่าเค้าอยากจะคุยกับเราไหม ถ้าสายเม้าเหมือนกันก็จะโต้ตอบกัน แต่ถ้านิ่ง ๆ มันก็จะดูออก’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูคบกับแฟนคนนี้มา 7 ปี ครอบครัวเรายังไม่เคยเจอกันเลย ครอบครัวฝั่งหนูเริ่มถามแล้วว่าเมื่อไหร่จะแต่ง เมื่อไหร่จะมีหลาน เราก็แก่ขึ้นทุกวัน ผู้ชายก็ไม่พูดถึงเรื่องขอแต่งงานอะไรเลย บอกว่ารอพร้อมก่อน จนตอนนี้เรารู้สึกอยากมั่นคงแล้ว ควรรออยู่ไหม?

26 ก.ค. 2024

หนูคบกับแฟนคนนี้มา 7 ปี ครอบครัวเรายังไม่เคยเจอกันเลย ครอบครัวฝั่งหนูเริ่มถามแล้วว่าเมื่อไหร่จะแต่ง เมื่อไหร่จะมีหลาน เราก็แก่ขึ้นทุกวัน ผู้ชายก็ไม่พูดถึงเรื่องขอแต่งงานอะไรเลย บอกว่ารอพร้อมก่อน จนตอนนี้เรารู้สึกอยากมั่นคงแล้ว ควรรออยู่ไหม?

“คุณแจง (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [17 ก.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจอั๋น - ดีเจเติ้ล’ เกี่ยวกับปัญหาเราอยากแต่งงาน แต่แฟนเราไม่พร้อมสักที โดย “คุณแจง (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมา 7 ปี ปัญหาเรื่องเดียวที่มีตอนนี้คือเรื่องแต่งงาน เริ่มแรกที่มาคบกับแฟนคนนี้ หนูก็ถามเค้าและเช็คว่าเค้าอยากจะมีครอบครัวหรือแต่งงานไหม? ซึ่งแฟนหนูก็มีความคิดอยากจะแต่งงาน ทีนี้พ่อกับแม่หนูเป็นคนมีอายุ เค้าเลยจะเป็นคนหัวโบราณ พอคบกันได้ประมาณ 2 - 3 ปี แม่หนูก็อยากจะให้แต่งงาน แต่ช่วงนั้นหนูกับแฟนยังศึกษาดูใจกันอยู่ หนูก็เลยขอให้พ่อกับแม่รอก่อน หลังจากนั้นช่วงปีที่ 4 - 5 พ่อกับแม่ก็รู้สึกว่ามันนานสำหรับเค้า บวกกับอายุหนูที่ตอนนี้อายุ 33 และแฟนอายุ 35 ค่ะ พ่อกับแม่เลยอยากให้ครอบครัวของแฟนหนูเข้ามาคุยเรื่องแต่งงาน แต่ ณ ช่วงนั้นเกิดปัญหาคือแฟนหนูป่วย ไม่สามารถไปทำงานได้ปกติ ต้องรักษาถึงกลับมาปกติได้ ทางครอบครัวแฟนหนูเค้ามีฐานะและสามารถซัพพอร์ตแฟนหนูได้ แต่แฟนหนูรู้สึกว่าตัวเค้าหยุดชะงักลง เลยยังไม่แต่งงาน ณ เวลานั้น หนูใช้เวลา 2 ปีหลังจากนั้นรวมเป็น 7 ปีในการช่วยแฟนหนูดีขึ้น จนสามารถกลับมาทำงานได้เป็นปกติ และเริ่มกลับมาทำงานได้แล้ว ซึ่งในช่วง 2 ปีหลังนี้มันหนักมากเพราะหนูโดนกดดันทั้งทางครอบครัว และสังคมรอบข้าง ว่าคบกันมาตั้งนานแล้วทำไมยังไม่แต่งงานกันอีก หนูเป็นคนกลางที่เข้าใจทั้งแฟนและฝั่งพ่อแม่ และในระยะเวลาที่ยังไม่แต่งงานกัน แล้วหนูจะไปเจอแฟน หนูต้องโกหกพ่อกับแม่ตลอดว่าหนูไปทำงานพิเศษ แต่จริง ๆ แล้วเวลาวันหยุดของหนู หนูจะไปหาแฟน หนูไม่สามารถบอกพ่อกับแม่ได้เลยว่าหนูไปเจอแฟน เพราะว่าพ่อกับแม่หนูรับไม่ได้เรื่องอยู่ก่อนแต่ง มันทำให้หนูรู้สึกผิดมาก ๆ เพราะพ่อแม่หนูไม่ได้มีเงิน แม่หนูต้องทำงานหนักมาก ๆ เพื่อจะส่งเสียหนูเรียน หนูก็ต้องเรียนดี ๆ เพื่อที่จะได้งานดี ๆ แล้วหนูก็เป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่มาตลอด ถ้าหนูไม่ได้ทำตามความตั้งใจของพ่อแม่ มันทำให้หนูรู้สึกผิดที่หนูเหมือนเป็นลูกที่ไม่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจ จนมาวันนึงที่แม่หนูป่วยกะทันหันจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นทำให้หนูมีความคิดขึ้นมาว่าพ่อแม่หนูไม่ได้มีเวลาที่จะอยู่ตรงนี้อีกนาน แล้วถ้าวันนึงหนูแต่งงานแล้วพ่อแม่ไม่อยู่ มันจะมีประโยชน์อะไร? เพราะงานแต่งงานครั้งนี้หนูกับแฟนไม่ได้มีความคิดที่จะแต่งเพื่อมีหน้า มีตา แต่ที่แต่งเพราะพ่อแม่หนูอยากให้แต่งเพื่อให้ได้รับเกียรติจากครอบครัวฝั่งแฟนที่เค้าจะมาให้เกียรติทางบ้านเรา พอมันเกิดเหตุการณ์นี้มันทำให้ใจหนูมีนาฬิกานับถอยหลังเกิดขึ้น แล้วมันก็มีความคิดด้านดำกับขาวเกิดขึ้นกับหนู ด้านดำคือหนูก็คิดว่าหนูควรเลิกเสียเวลามั้ย? หนูควรหยุดแล้วไปเจอโอกาสที่ดีมั้ย? ส่วนด้านขาวก็คิดว่าหนูรักเค้านะ แฟนหนูก็เป็นความรักที่ดีของหนู เค้าไม่เคยนอกใจ ไม่เที่ยว ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า เวลาหนูทุกข์หรือลำบากเค้าก็อยู่ข้างหนูตลอด ทำไมหนูถึงจะทิ้งเค้าไป ทั้งสองความคิดนี้มันทำให้หนูเป็นทุกข์ว่าหนูจะทำยังไงดี... หนูเคยถามตัวเองว่าถ้าไม่มีงานแต่งหนูจะมีชีวิตที่รักกับแฟนได้มั้ย ซึ่งหนูทำได้ แต่เวลาหนูมองอนาคต หนูก็เจ็บปวดเวลาที่มองเห็นคนอื่นแต่งงานเพราะมันไม่เกิดขึ้นกับหนู หนูก็ถามเรื่องงานแต่งกับแฟน แฟนก็บอกว่าตัวเค้าพึ่งจะหายป่วย เค้ายังไม่พร้อม หรือบางทีก็ไม่มีคำตอบอะไรให้หนูเลย หรือแม้กระทั่งเมื่อ 3 วันก่อนหนูยื่นคำขาดว่าหนูไม่ไหวแล้วนะ หนูจะไม่โกหกพ่อแม่แล้ว ถ้ามันไปต่อไม่ได้ก็จะยอมรับความจริง เค้าก็นิ่งไปประมาณ 2-3 วัน เหมือนแฟนตัดสินใจว่าอยากจะเลิกกับหนู แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ก็เลิกกันไม่ได้เพราะว่ารักกัน และพ่อแม่หนูกับพ่อแม่แฟนก็ไม่เคยเจอกันเลยตลอดระยะเวลา7ปีที่ผ่านมา ประมาณปีที่ 5-6 หนูเคยบอกแฟนว่า เราแก้การปัญหาที่ต้องโกหกพ่อแม่ด้วยการนัดเจอกันมั้ย ให้มีการคุยกันว่าจะเกี่ยวดองกัน เวลาเจอกันจะได้ง่ายขึ้น เพราะพ่อแม่หนูก็เริ่มเปิดใจหลังจากที่หนูคุยกับเค้ามากขึ้น พ่อแม่หนูก็เลยเริ่มที่จะไม่กดดันเรื่องแต่งงานในช่วงปีหลัง ๆ ที่ผ่านมา เพราะเหมือนพ่อกับแม่ก็รู้ว่าพวกหนูเครียดกันทั้งคู่ แต่หนูรู้ว่าพ่อกับแม่เค้ารู้สึกเสียใจที่ทำไมครอบครัวแฟนถึงไม่มาคุยหรือมาให้เกียรติหนูเลย หรือเวลาหนูไปหาแฟนไปใช้ชีวิตด้วยกัน พ่อแม่แฟนหนูก็ไม่เคยพูดเรื่องแต่งงานเลยค่ะ และบ้านแฟนหนูในครอบครัวเค้าไม่เคยมีพิธีแต่งงานเลย ลูกเค้าบางคนก็โสด หนูอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ควรจะเลือกด้านไหนดี ระหว่างยอมรับความจริงและไปมีชีวิตต่อไป หรือพอแค่นี้ดี? โดย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าพี่เป็นแจง ถ้าถึงจุด 7 ปีแล้ว พี่จะถามเค้าตรง ๆ อย่างชัดเจนว่า “เธออยากแต่งกับเราไหม เพราะสำหรับเรางานครั้งนี้มันแค่งานที่จะบอกว่าเราสองคนจะอยู่เป็นสามีคู่รักกันต่อไป” มันแค่เป็นสิ่งที่จะทำให้ฉันมั่นใจกับเธอว่าเราจะอยู่กันไปตลอดแค่นั้นเอง เพราถ้างานแต่งนี้เกิดขึ้นฉันและเธอจะอยู่ด้วยกันได้อย่างสบายใจ ไปมาหาสู่กันในฐานะสามีภรรยาโดยไม่ต้องบอกข้ออ้างกับพ่อแม่อีกต่อไปว่าไปทำงานพิเศษ และจะทำให้พ่อแม่ฉันและตัวฉันเองที่อยากมีความสุขกับสิ่งนี้ พี่รู้สึกว่าการขอครั้งนี้ของแจงถ้าคนรักกันพี่ว่ามันให้ได้นะ พี่ว่ามันไม่ได้มีอะไรที่ทำให้คนรักกันมันแย่ลง มีแต่จะดีขึ้น นอกเสียจากว่าเค้าไม่อยากแต่ง พี่ว่า 7 ปีมันยาวนานมากพอแล้ว’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คนรักกันมันก็เลิกกันได้เพราะปัญหาเรื่องแต่งงาน คน ๆ นึงไม่ได้คิดจะมีอนาคตกับเรา พ่อแม่ไม่เคยเจอกันมันก็แปลกละ ไม่ได้อยากจะรู้จักครอบครัวนี้หน่อยหรอ ส่วนเรื่องแต่งงานคือเป็นอะไรกับที่มันไม่ได้ลำบากอะไรเลย หรือเค้าแต่งไปแล้วละจะไม่จดทะเบียนซ้อน ไปเช็คดี ๆ เพราะมันผิดปกติเกิน ถ้ารักกันมากขนาดนี้แล้วก็แค่จัดงานที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย เราภาวนาให้จบปัญหานี้ซึ่งปัญหานี้คือการแต่งงานก็แค่ไปแต่งสิ เมื่อไม่แต่งแล้วอนคตจะยังไง 7 ปีแบ้วจะรออะไรอีก รอให้ 8 ปี 10 ปี แล้วค่อนเออมันไม่ใช่อย่างงี้หรอ ให้เวลา 6 เดือนเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน ถ้าไม่มีหนูไปเลย ที่เค้าเงียบ ๆ อาจจะไปคิดงานเซอไพรซ์อยู่ แต่ 6 เดือนนานไป 3 เดือนพอ และถ้า 3 เดือนนี้ไม่มีความคืบหน้า แปลว่า การคบกันระหว่างเรามันมีอยู่แค่นี้ นี่มันคือปลานทางแล้ว ไม่มีไปต่ไม่สร้างอนาคต อยู่ที่แจงแล้วว่าจะโอเคกับสถานะแบบนี้ไปตลอดมั้ย หรือถ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ฉันต้องการอนาคต ฉันต้องการมีลูก เมื่อไม่ไปต่อ เธอก็ต้องสละเรือ ฉันต้องไปหาคนอื่น วันนันไม่ต้องถามอะไรละ แค่เดินไปบอกว่า “เธอฉันจะไปแล้ว ไม่ยื้อแล้วนะ เพราะมัน 7 ปีแล้ว” ยิ่งถ้าเค้ามีความคิดที่อยากจะเลิกกับเรา อยากให้เราไปเจอคนที่ดีกว่านี้ แปลว่าเค้าดีกว่านี้ไม่ได้ละ มันเป็นความรัก มันไม่มีอนาคต’ สุดท้าย “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ปัญหาพี่อั๋นคล้ายกับแจงมากเลย คือพี่อั๋นคบกับพี่จ๋าแล้วพี่จ๋าไม่ยอมแต่งงาน พี่คบเค้า 9 ปี ขอแต่งงานทุกปี เค้าปฏิเสธพี่เกิน 9 ครั้ง แล้วในที่สุดพี่กับเค้าก็เลิกกัน แต่ตลอดทางที่พี่ยังอยู่เพราะพี่รู้ว่าเค้ารัก และ 7-8 ปี พี่อั๋นไม่เคยเข้าบ้านเค้า และทุกครั้งที่พี่ขอเลิกพี่ไม่เคยเอาการเลิกเป็นการต่อรอง แต่พี่จะให้เวลาและพี่จะมาขอคำตอบทุกวันคริสต์มาส และสุดท้ายเลิกกันไป 2 ปี และเค้ากลับมาและเปลี่ยนใจปัญหาเลยจบ เพราะฉะนั้นคุณควรคุยกันให้ชัด ไม่ต้องคาดคั้นแบบเอาเป็นเอาตาย เราไม่สงสัยในรักของกันและกัน ตอนนี้มีแค่เราจะเดินต่อหรือไม่เดินต่อเท่านั้นเอง ถ้าเธอคิดจะอยากมีฉัน การแต่งงานเป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับการเป็นครอบครัวกับฉัน และไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่เลยที่เค้าต้องการสิ่งนี้ บอกเค้าว่าไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ แต่รู้เงื่อนไขและจุดยืนที่ชัดเจนแล้วนะ และในระหว่างนี้เราดูซิว่า เราสามารถเป็นคนสองคนเต็ม ๆ ที่อยู่โดยไม่มีกันแล้วชีวิตยังเต็มรึเปล่า หรือถ้าอยู่ด้วยแล้วสุขมากกว่า มันเต็มกว่า เราก็ควรมีกัน ฉันจะให้เวลาเธอจะวันเกิดเธอหรือฉันก็ได้ วานเลนไทน์ที่จะถึงก็ได้ จะเป็นไฟนอลนะ และ ณ วันนั้นไม่มีความสับสนอะไรแล้วนะ จะมีแค่แต่งหรือไม่แต่ง โดยที่ไม่ต้องมีคำอธิบายหรือเหตุผลอะไรต่อจากนี้ และฉันก็ให้สิทธิ์เธอเลือกแล้ว ทั้ง ๆ ที่ฉันก็เป็นคนเลือกได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมีพี่ที่ทำงานคนนึง กลิ่นปากแรงมากกกกกกกก แล้วเค้าพูดกับหนูเยอะที่สุด ตอนนี้เจอยาอมตัวนึงอยากลองสั่งซื้อให้พี่เขา แต่จะให้ยังไงให้ดูไม่น่าเกลียดดีคะ?? ขอวิธีแบบเนียนๆ

19 ก.ค. 2024

หนูมีพี่ที่ทำงานคนนึง กลิ่นปากแรงมากกกกกกกก แล้วเค้าพูดกับหนูเยอะที่สุด ตอนนี้เจอยาอมตัวนึงอยากลองสั่งซื้อให้พี่เขา แต่จะให้ยังไงให้ดูไม่น่าเกลียดดีคะ?? ขอวิธีแบบเนียนๆ

“คุณทิพย์ (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (17 ก.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาพี่ที่ทำงานกลิ่มปากเหม็นมากกกก! “คุณทิพย์ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูย้ายที่ทำงานมาเกือบปีแล้ว ในแผนกจะมีพี่เลี้ยงคนหนึ่งคอยดูแลอยู่ตลอด เป็นคนที่คุยกับหนูเยอะที่สุดเพราะเวลามีงานใหม่ หรือเวลามีปัญหาก็ต้องถามเขา จึงต้องคุยกันตลอด แล้วพี่เขาปากเหม็นมาก แต่หนูก็ไม่กล้าบอกพี่เขาเพราะยังทำงานไม่ถึงปี แล้วก็ยังไม่สนิทถึงขั้นที่จะพูดว่าเขาปากเหม็นได้ หนูเลยต้องพยายามถามเขาให้น้อยที่สุด แต่บางทีพี่เขาคุยโทรศัพท์อยู่โต๊ะข้างๆหนู กลิ่นมันก็ลอยมา แล้วหนูก็พยายามเอาพัดลมมาเป่ากลิ่นไป พยายามชวนเขากินลูกอม แต่เขาก็ไม่กินเพราะลดน้ำตาล หรือบางทีหนูก็เอาแมสมาใส่เวลาเขามาคุยด้วย ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ไหม หนูก็พยายามดูคนอื่นว่ามีปฏิกริยาแบบหนูไหม ปรากฎว่าไม่มีเลยสักคน หนูจึงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามาเรื่อยๆ จนเมื่อไม่นานมานี้หนูไปเจอทวิตหนึ่ง เขาพูดถึงยาที่ช่วยดับกลิ่นมาจากข้างในเหงื่ออกก็หอม แต่หลักๆคือช่วยเรื่องกลิ่นปาก ซึ่งไม่ใช่ลูกอม แต่เป็นยาที่ต้องกลืนเข้าไป ซึ่งหนูอยากซื้อให้พี่เขา เลยอยากรู้ว่าจะให้ยังไงดีที่จะไม่กระอักกระอ่วน?’ โดยพี่ๆดีเจได้ให้คำปรึกษาไปในทางเดียวกันว่า ‘ลองใช้ลูกอมดับกลิ่นปากแบบไม่มีน้ำตาลก่อน เวลาเขามาคุยให้หนูทำเป็นกินลูกอมแล้วยื่นให้เขา พี่ว่าน่าจะเบากว่ายาดับกลิ่นปากที่หนูบอกนะ เพราะถ้าให้ยาอันนั้น ก็เท่ากับหนูพูดแล้วว่าเขาปากเหม็น ซึ่งพูดเลยอาจจะดูดีกว่าเอายาให้เขากิน ยาอันนี้มันเหมือนลรักษาถึงรากข้างในเลย จริงๆกลิ่นปากสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนในโลกเลย แต่ต่อให้เขากิน แล้วเขากินวันเดียว หายวันเดียว มันก็เท่านั้นมันไม่ได้แก้ปัญหา พี่ว่าเขาต้องรู้ว่าเขามีปัญหาเรื่องกลิ่นปากแล้วให้เขาไปแก้ เช่น ปัญหาเรื่องเหงือก ปัญหาเรื่องฟัน เพราะถ้ายังไม่แก้ต่อให้เขาอมอะไรก็ตาม มันก็จะไม่หาย หรือลองคุยกับเพื่อนที่ทำงานที่สนิท ลองเช็คว่าเราได้กลิ่นคนเดียวมั้ย หรือลองแจ้งแม่บ้าน ว่ามีกลิ่นเหมือนมีอะไรตาย ให้เขาลองเดินเข้ามาเช็คหลายๆวัน ถ้ามันไม่เจอก็ลองเกริ่นไปว่า หรือว่าปากหนูเหม็น’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

บ้านอื่นเป็นเหมือนกันไหม... มีพี่น้อง 3 คน ผู้ชายหมด อยู่บ้าน อยู่ด้วยกันไม่ค่อยพูดอะไรกันเลย ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง จนคนแถวบ้านถามทำไมไม่พูดอะไรกันเลยพี่น้องบ้านนี้ ผมอยากรู้มันแปลกไหมครับ?

21 พ.ค. 2024

บ้านอื่นเป็นเหมือนกันไหม... มีพี่น้อง 3 คน ผู้ชายหมด อยู่บ้าน อยู่ด้วยกันไม่ค่อยพูดอะไรกันเลย ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง จนคนแถวบ้านถามทำไมไม่พูดอะไรกันเลยพี่น้องบ้านนี้ ผมอยากรู้มันแปลกไหมครับ?

“คุณวอ (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [15 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาพี่น้องในครอบครัว โดย ​“คุณวอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมมีพี่น้อง 3 คนเป็นผู้ชายทุกคน ซึ่งผมเป็นพี่ชายคนโตอายุ 30 ปี น้องคนกลางอายุ 25 ปี และน้องคนเล็กอายุ 21 ปี โดยเมื่อก่อนเราทั้ง 3 คน เคยเช่าห้องอาศัยอยู่ด้วยกัน เราก็สนิทกัน พูดคุยกันเหมือนกับครอบครัวอื่น เพราะเราถูกเลี้ยงมาด้วยกัน เรียกได้ว่า เติบโตมาพร้อมกัน แต่เมื่อพวกเราโตขึ้น ต่างคนก็ต่างแยกย้ายออกไปใช้ชีวิตของตนเอง ซึ่งนับตั้งแต่ตอนนั้น พวกผมทั้ง 3 คนก็ไม่ได้ติดต่อ เพื่อพูดคุยหรือไตร่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเลย จนญาติพี่น้องของผมก็เกิดความสงสัยว่า ทำไมพวกแกถึงไม่คุยกัน? ทำไมถึงโทรหากัน? ทำไมถึงไม่ติดต่อหากัน? ซึ่งผมก็เข้าใจ เพราะต่างคนก็ ต่างย้ายไปอยู่กันคนละที่ และด้วยความที่เราทั้ง 3 คนก็เป็นผู้ชายทั้งหมด ผมเลยไม่รู้ว่าเราจะโทรคุยอะไรกัน ? แต่ถึงอย่างนั้น พวกผมก็จะกลับมาเจอกันในช่วงงานเทศกาล เช่น งานปีใหม่ งานสงกรานต์ หรืองานรวมญาติ แค่ว่าพวกผมไม่ได้โทรคุยกันเท่านั้น แต่ญาติของผมก็ยังชอบพูดกรอกหูผม อยู่ตลอดเลยว่า เป็นพี่คนโต ทำไมไม่โทรหาน้องมันบ้าง ? ผมเลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า การที่ผมไม่ติดต่อกับน้อง ไม่โทรคุยกัน ถือว่าแปลกมั้ยครับ ?’ ซึ่ง “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เข้าใจว่า ญาติคงจะปรารถนาดี แต่วิธีแก้ง่ายที่ง่ายที่สุด คือ การสร้าง LINE GROUP สำหรับ 3 พี่น้อง ในฐานะที่เราเป็นพี่คนโต เราก็บอกกับน้อง ๆ เลยว่า เรามาสร้างกลุ่ม เพื่อไว้คุยเรื่องครอบครัวดีกันกว่า หรือมีไว้เพื่อ จะได้ติดต่อกันแบบรวดเร็ว เพราะบางครั้งการที่เราโทรคุยกัน เราก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แต่การพิมพ์ข้อความ มันสามารถทำให้เราสื่อสารกันง่ายขึ้น ซึ่งถ้าญาติมาพูดอะไรอีก เราก็ไม่ต้องไปให้ความสำคัญกับทุกประโยค แต่ถ้าอยากทำให้ญาติสบายใจ คุณวอก็พูดว่า เดี๋ยวผมโทรให้เดี๋ยวนี้เลย แล้วก็ยื่นโทรศัพท์ให้คุยกัน’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่แปลก คุณวอไม่แปลกเลย แทบจะเป็นเรื่องปกติเลย เพราะการที่เราไม่ได้โทรคุย แต่มาเจอกันในงานเทศกาล หรือวันสำคัญ และก็มีการพูดคุยกัน มันเรื่องปกติมาก ๆ เพราะสิ่งที่แปลกไม่ใช่คุณวอ แต่เป็นญาติ ซึ่งเอาจริงเขาก็อาจจะหวังดี ส่งสติกเกอร์สวัสดีวันจันทร์ก็ได้! หรือไม่ก็เอาญาติคนนั้น เข้า LINE GROUP ด้วย เพราะถ้าเขาคุยคนเดียวเขาก็จะเข้าใจว่า ทุกคนไม่ได้ว่าง ต้องทำงาน ทำการ ญาติถามอีกก็ตอบว่า ไม่มีใครมีปัญหาอะไรกัน’ และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ปกติครับคุณวอ เราเจอกันในงานเทศกาล มาร่วมสังสรรค์กัน แล้วก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต ละนาน ๆ ก็เจอกันที มันปกติมาก ๆ เพราะน้อง ๆ ของคุณวอก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ญาติเขาก็อาจจะแค่ถามแทน ซึ่งวันหลังหากว่าญาติถามอีกก็ตอบว่า ไม่แปลก ปกติเลยครับ เพราะตอนที่เจอก็คุยกันปกติ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แปลกไหมคะ ถ้า "อดีตเมียน้อย" ที่แย่งสามีเรา จะกลายมาเป็น "เพื่อนสนิทเราในวันนี้" ตอนนี้เราทั้งคู่เลิกกับอดีตสามีไปแล้ว เขาทักมาเคลียร์ใจ ขอโทษ พอเจอกันบ่อยๆ รู้สึกสนิทกันจนเป็นเพื่อนสนิท แล้วเพื่อนเราที่เคยออกตัวสู้แทนเราในวันนั้นก็ไม่โอเคกับเราไปเลย

02 ธ.ค. 2024

แปลกไหมคะ ถ้า "อดีตเมียน้อย" ที่แย่งสามีเรา จะกลายมาเป็น "เพื่อนสนิทเราในวันนี้" ตอนนี้เราทั้งคู่เลิกกับอดีตสามีไปแล้ว เขาทักมาเคลียร์ใจ ขอโทษ พอเจอกันบ่อยๆ รู้สึกสนิทกันจนเป็นเพื่อนสนิท แล้วเพื่อนเราที่เคยออกตัวสู้แทนเราในวันนั้นก็ไม่โอเคกับเราไปเลย

“คุณแจน (นามสมมติ)” อายุ 35 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคือวันพุธที่ [27 พ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจอั๋น - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเป็นเพื่อนสนิทกับเมียน้อยของสามีเก่า โดย “คุณแจน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ต้องขอเท้าความก่อนว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แจนแต่งงานมีสามี ซึ่งแต่งงานได้เพียง 1 ปี ก็จับได้ว่าสามีมีเมียน้อย ก็คือ...ผู้หญิงคนนี้ ขอให้นามสมมติผู้หญิงคนนี้คือ ‘คุณเอ’ ตอนนั้นพอจับได้ก็ทะเลาะกัน ด่ากันฉ่ำ ทั้งเพื่อนของแจนเอง ทะเลาะกันหนักพอสมควร ก่อนที่จะแยกย้ายกันออกมา ทีนี้ผ่านเวลาไปเราก็หย่ากันเรียบร้อย เลิกกันไม่ได้ติดต่อกัน จนเวลาผ่านไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ทางคุณเอเขาก็ติดต่อแจนมา เล่าให้ฟังว่า เขาเลิกกับอดีตสามีเราแล้ว เรื่องของเขาก็ค่อนข้างจะน่าสงสารเหมือนกัน เหมือนผู้ชายก็ไปมีผู้หญิงใหม่อีกคนนึง ก็คือนอกใจ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ติดใจกับอดีตสามี ไม่มีความคิดนั้นแล้ว ก็เลยได้ปลอบใจคุณเอว่า... เราก็ต้องใช้ชีวิตนะ แล้วก็ด้วยความบังเอิญเจอกันครั้งแรก มีครั้งหนึ่งเหมือนเขาไปเดินห้าง ๆ นึง แล้วเราอยู่ที่นั่นพอดีก็เลยได้นัดเจอกันเป็นครั้งแรก พอเจอกันก็พูดคุย เขาก็เล่าเรื่องของเขาเรื่องเดิม หลังจากนั้นมันกลายเป็นว่าเราเจอกันเกือบทุกวัน จนกลายเป็นนัดกันทุกวัน บางครั้งเขาก็เป็นคนนัดเรา บางครั้งเราก็เป็นคนนัด พอคุยกันเขาก็พยายามจะขอโทษเราตลอดเวลา เขารู้สึกผิด ด้วยความที่ไลฟ์สไตล์ของเราเหมือน ๆ กัน เสื้อผ้าก็ชอบคล้าย ๆ กัน แล้วยิ่งอยู่ใกล้ ๆ กันด้วย กลายเป็นว่าหลังเลิกงานก็นัดไปกินข้าว ช่วงหลัง ๆ มาเริ่มไปต่างจังหวัดด้วยกัน ด้วยฟีลผู้หญิงชอบถ่ายรูป จนมีครั้งนึงก็ถ่าย TikTok ด้วยกัน เพื่อนของเราเห็น แล้วเพื่อนจำได้ เพื่อนก็โทรมาถามว่า ไปเที่ยวกับคนนี้หรอ? ตอนนั้นก็เลยโกหกเพื่อนไปว่าบังเอิญเจอ คือเราเป็นห่วงความรู้สึกเพื่อน ก็ไม่กล้าไปพูดว่าเขาก็ดีนะ กลัวเพื่อนรู้สึกไม่ดี แล้วอีกเรื่องนึงเราลงรูปใน Facebook แต่ไม่ทันได้ตรวจทานให้ดี ดันมีรูปคุณเอ จนเพื่อนอีกกลุ่มเห็นก็เลยมาถามอีก เราก็เลยเล่าให้เขาฟัง เพื่อนเลยบอกว่ามันไม่ได้นะ! กลายเป็นว่าหลังจากนั้นเราก็ปิดมาตลอด ไม่บอกใคร ไม่ได้ลงอะไรอีกเลย แต่ก็ยังเจอกันตลอดเพราะมีความรู้สึกว่า เขาไม่ได้แสดงใส่ เราก็เริ่มมาสนิทกันจริง ๆ เมื่อ 3 เดือนหลัง แต่เริ่มรู้จักกันเมื่อต้นปี หนูเลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า ‘มันแปลกมั้ย เราควรจะปิดบังกับเพื่อนของเรามั้ย หรือเราควรจะบอก หรือไม่บอกดี แล้วควรพูดกับเพื่อนอย่างไร?’ เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องปกติของโลกนี้ แต่พี่ว่ามันเกิดขึ้นได้ มันไม่ใช่ทุกเคสที่ เมียหลวงจะไปญาติดีกับเมียน้อย แต่มันมี พี่ว่ามันมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ ควรบอกเพื่อนไหม? พี่ว่าควรบอก ถ้าหนูเจอกันขนาดนี้ สักวันนึงเพื่อนก็ต้องรู้ ถ้าจะบอกพี่ว่าต้องบอกความจริง คุยกับเขาก็ไม่ได้ติดค้างอะไร แล้วคุยกับเขาก็โอเคเป็นเพื่อนกันได้ แต่ก็เข้าใจเพื่อนแหละว่า เพื่อนคงเหว๋อ ‘ตอนนั้นกูยังด่ามันกับมึงอยู่เลย’ แต่ก็ต้องบอกเขาว่าเขาก็เลิกกันแล้ว เล่าที่มาที่ไป พี่ว่าเพื่อนก็น่าจะเข้าใจเราก็โต ๆ กันแล้ว จะเลือกคบใครเพื่อนก็แค่น่าจะเป็นห่วง เราก็ต้องดูดี ๆ เขาจะเข้ามาด้วยอะไร โตแล้วหนูคบก็ต้องดูว่าเขาไม่ได้มามีอะไรแอบแฝง พี่ว่าก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร’ ต่อมา “ดีเจอั๋น” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติ พี่จะไม่ระแวง แต่พี่ก็จะระวัง พี่จะไม่ลืม พี่จะไม่มีวันลืมสิ่งนั้น แต่พี่จะไม่เอามันมาเป็นอุปสรรคนะ พี่ยินดีคบเป็นเพื่อนได้ แต่เราก็ต้องเข้าใจเพื่อนว่าจะรู้สึกอะไรบ้างเพราะว่าเขาเป็นเพื่อนที่เคยออกรบมากับเรา ถ้าเป็นพี่พี่จะนัดทานข้าวกับเพื่อนเราบอกว่า มันมีเรื่องแปลกเกิดขึ้นแล้วเล่าเลย แล้วพูดกับเพื่อน แกไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ลืม กับสิ่งที่เขาเคยทำ แต่ฉันคบกับเขาวันนี้ แต่ฉันไม่ลืมอดีตของเขา’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘สถานการณ์นี้พี่หอมเคยเป็นเอ ก็คือผู้ชายไม่ได้บอกว่า มีแฟนแล้ว พอรู้ว่า แฟนเขาเริ่มโทรมาแสดงตัวว่าเขาคือแฟน เราก็เบรก แต่ส่วนผู้ชายก็จะไป ๆ กลับ ๆ จนเบอร์ 1 เริ่มท้อใจเสียใจ พอรู้ว่าผู้ชายหายไปก็จะเริ่มโทรตามที่เรา มันก็เหมือนผู้หญิงจะโทรคุยกับเรามากขึ้น เรารู้สึกว่ามันมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ณ ตอนนั้นเราก็ไปกับเขาเยอะ จนกลายเป็นที่ปรึกษาปรับทุกข์พูดคุยสอบถามกัน แต่เพื่อนเราก็จะเตือนแบบนี้เหมือนกัน เพื่อนเตือนว่า เห้ย! ไม่ใช่ ยังไงเขาก็เป็นแฟนเก่า ซึ่งเพื่อนก็จะไม่เข้าใจเราเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดีเลย แต่ทีนี้ที่เรายุติเพราะว่าเขาก็ไม่ได้หยุดกับทางฝั่งผู้ชาย สรุปได้เลยว่า หอมก็เข้าใจว่าการที่พูดคุยมันก็มาจากคนที่เจ็บช้ำน้ำใจเหมือนกัน แล้วมันเข้าอกเข้าใจ จนกลายเป็นเปิดหมด เราแทบไม่มีความลับต่อกัน เพราะบางเรื่องเหมือนพูดกับเพื่อนไม่ได้ก็เลยเข้าใจว่า มันคบกันได้นะ เพราะมันไม่มีผู้ชายเป็นตัวแปรแล้ว แต่ก็อย่างที่พี่ ๆ เขาบอกกัน เราก็ไม่ต้องกระโดดไปทั้งหมดเพราะมันก็แค่พึ่ง 3 เดือน ในความรู้สึกหอมค่อย ๆ ดูกันไป ถ้ายังมีความสุขกับการอยู่ตรงนี้ แต่ก็ไม่แนะนำให้ปิดเพื่อน ทิ้งท้าย ดีเจทั้งสาม ก็ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ‘ตอนนี้เพื่อนเป็นห่วงเรา แต่เราก็ไม่ได้ลืม แต่ก็ไม่ต้องไปยืนยันว่า แกเขาดีมาก ๆ เลย บอกเพื่อนว่ามันมีสิ่งนี้เกิดขึ้น แต่ว่าฉันมีสติอยู่นะแก แต่พี่ว่าเราก็ใช้เวลานาน ๆ หน่อย แม้แต่กับเพื่อนก็มีช่วงโปรโมชั่นเหมือนกันนะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1