โยนเงินให้ 5000 ! แล้วเขาก็ทิ้งหนูกับลูกในท้องไปเลย สาวอายุ 19 ปี โทรปรึกษาสามดีเจในรายการ... คบกับแฟนมา 4 ปี ตอนนี้กำลังท้องได้ 6 เดือนแล้ว แต่จับได้ว่าแฟนนอกใจ หนูอยากกลับมาใช้ชีวิตปกติ แบบมีความสุข อยากจะมูฟออนต้องทำยังไง?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

โยนเงินให้ 5000 ! แล้วเขาก็ทิ้งหนูกับลูกในท้องไปเลย สาวอายุ 19 ปี โทรปรึกษาสามดีเจในรายการ... คบกับแฟนมา 4 ปี ตอนนี้กำลังท้องได้ 6 เดือนแล้ว แต่จับได้ว่าแฟนนอกใจ หนูอยากกลับมาใช้ชีวิตปกติ แบบมีความสุข อยากจะมูฟออนต้องทำยังไง?

21 ก.ค. 2023

            “คุณโอ๋ (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 ก.ค. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเติ้ล-ดีเจต้นหอม-ดีเจอั๋น เกี่ยวกับปัญหาชีวิตที่กำลังตั้งท้องแต่แฟนนอกใจ ก่อนไปเขาให้เงินเราแค่ 5,000

            “คุณโอ๋ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า หนูมีแฟนอายุ 23 ปี คบกับได้ 4 ปีแล้ว ตอนนี้หนูกำลังตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน แต่จับได้ว่าแฟนนอกใจ เขาให้เงินไว้ 5,000 บาท แล้วก็ทิ้งหนูไปเลย เรา 2 คน ไม่ได้แต่งงานและจดทะเบียนสมรสกัน ตอนนี้หนูกับแฟนเลิกกันแล้ว ไม่ได้ติดต่อ ตัดขาดกันทุกช่องทางมาเป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว หนูไม่ได้ตั้งใจท้องแต่ทางครอบครัวของหนูและแฟนไม่อยากให้เอาออก หนูเลยตัดสินใจเก็บลูกไว้แล้วดรอปเรียนออกมาทำงาน ส่วนแฟนหนูไม่ได้เรียน เขาจบมัธยมปลายแล้วก็ทำงานเลย

            แฟนของหนูเขาดูเป็นคนเจ้าชู้ แต่ตั้งแต่คบกันมาก็ไม่เคยมีเรื่องนอกใจ หรืออาจจะมีแต่หนูไม่เคยจับได้ เขาดูแลหนูดีทุกอย่างยิ่งตอนท้องยิ่งดีเป็นพิเศษ หลังจากเกิดเรื่องหนูเล่าทุกอย่างให้ครอบครัวของหนูฟัง เขาไม่ได้โกรธที่หนูท้อง เขาให้กำลังใจพร้อมที่จะดูแลหนูและลูก แต่ทางบ้านของแฟนบอกกับหนูว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคนไม่อยากเข้ามายุ่ง ถ้าลูกคลอดออกมาค่อยว่ากัน

            คุณโอ๋ถามพี่ๆดีเจว่า หนูจะทำใจ Move on ยังไงดี? หนูยังรัก ยังเห็นเขาอยู่ในทุกๆที่ หนูไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงต้องจบแบบนี้ หนูอยากกลับไปใช้ชีวิตปกติแบบมีความสุขเหมือนที่แฟนหนูทำอยู่ตอนนี้ หนูจะต้องทำยังไง?

            “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำว่า ‘ให้คุณโอ๋คิดถึงลูกให้มากๆ ตอนนี้คุณโอ๋มีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มากคือ หน้าที่แม่ ตอนท้องมันจะภาวะของมีฮอร์โมนที่มันสวิงมากๆ ยิ่งเราเ ครียดมากเท่าไหร่มันยิ่งส่งผลต่อลูกในท้องมากเท่านั้น ส่วนการ Move on คงต้องใช้เวลา นับจากวันนี้ อะไรที่ทำให้นึกถึงผู้ชายคนนั้นต้องพยายามลบออกไป ไม่รู้จะให้เขากลับมาทำไม ต่อให้เขากลับมาก็คงมารับผิดชอบดูแลคุณโอ๋กับลูกไม่ได้ ทั้งทางบ้านเขาและตัวเขาไม่มีอะไรดีให้น่าเสียดาย ฉะนั้นควรตัดสิ่งที่ไม่ดีนี้ออกไปจากชีวิต แล้วมาโฟกัสกับหน้าที่ในปัจจุบัน หน้าที่แม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มันหนักกว่าการทิ้งผู้ชายคนนึงไปอีก

            ส่วนจะใช้ชีวิตให้มีความสุขแบบเดิม มันเป็นแบบเดิมไม่ได้เพราะตอนนี้คุณโอ๋มีอีก 1 ชีวิตอยู่ในท้อง เราจะมีชีวิตแบบเดิมได้ก็ตอนลูกโต ถ้าคุณโอ๋อยากมีแฟน มีครอบครัวใหม่ ก็ทำได้ถ้าเราเจอใครสักคนที่รับได้ในความเป็นเรา ในเมื่อคุณโอ๋เลือกที่จะเก็บลูกไว้ ลูกจะเป็นทุกอย่าง และมาทดแทนความรักที่ขาดหายไป โลกทั้งใบของลูกก็คือคุณโอ๋ คุณโอ๋ควรเอาความรักทั้งหมดทุ่มเทให้ลูก ลูกอาจจะเป็นศูนย์รวมความรักทั้งหมดของโอ๋เลยก็ได้ ดังนั้นโฟกัสกับปัจจุบันและชีวิตที่เหลือ ส่วนอดีตที่เลวร้าย ช่างมัน ให้เวลาค่อยๆรักษา แล้วเราจะดีขึ้น’

            “ดีเจอั๋น” แนะนำว่า ‘จริงๆแล้ว ‘ควรมีเมื่อพร้อม’ ในทุกๆเรื่องไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม แต่เมื่อสิ่งนี้มันเกิดขึ้นแล้ว เราต้องกลับมาอยู่กับความจริงให้ได้ก่อน อย่าโทษตัวเองนานเพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ห้ามคิดว่าชีวิตตัวเองพัง ไม่เหลือโอกาสในการใช้ชีวิตหรือมีความสุขอีกแล้ว เรายังมีโอกาส ที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เรายังมีครอบครัวที่คอยซัพพอร์ตทั้งจิตใจและร่างกาย

            ตอนนี้สิ่งที่คุณโอ๋ควรกังวลน้อยที่สุดคือเรื่องการเสียผู้ชายคนนี้ไป มันดูง่ายที่ทุกคนบอกให้ทิ้งเขาไป สำหรับคุณโอ๋มันเป็นเรื่องยากเพราะคุณโอ๋ยังรักเขาอยู่ แต่อยากให้คุณโอ๋ค่อยๆตระหนัก คิดถึงเขาให้น้อยลง หันไปโฟกัสเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านี้ให้มากขึ้น แล้วจะรู้ว่า ‘คนๆนี้คือยาพิษ’ มันไม่มีประโยชน์เลยที่จะได้เขานี้กลับมาในชีวิต คิดว่าลูกคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาให้มา นอกจากนั้นมันไม่มีค่าเลย คุณโอ๋ต้องยืนขึ้น รับผิดชอบตัวเองและเป็นคุณแม่ที่ดีให้ได้ ทำให้ครอบครัวที่ซัพพอร์ตเราอยู่ภูมิใจ เอาความเศร้าทั้งหมดมาเปลี่ยนเป็นพลังบวกเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่านี้ให้ได้ แล้ววันนึงที่คุณโอ๋มีอิสระมากพอ ค่อยคิดว่าตัวเองจะมีความสุขกับชีวิตยังไง คิดซะว่านี่คือโจทย์ของชีวิต ผู้ชายคนนั้นแค่ปัญหาที่เราต้องแก้ แล้วทำมันให้ดีที่สุด’

            ส่วน “ดีเจเติ้ล” แนะนำเสริมว่า ‘เรื่องที่คุณโอ๋เจอมันเป็นเรื่องยากมากที่จะผ่านไปให้ได้ในอายุ 19 ปี แต่มันมีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหลายคนที่อายุเท่าคุณโอ๋แล้วเลี้ยงลูกได้ดี ชีวิตมีความสุข แต่ก็มีฝั่งที่ชีวิตพัง แล้วแต่ว่าคุณโอ๋อยากให้ชีวิตของตัวเองเป็นแบบไหน หลังจากนี้อีก 3 เดือนก่อนที่ลูกจะคลอด คุณโอ๋ต้องทำให้ลูกเห็นว่า ถึงจะมีพ่อที่ไม่ดี ไม่เห็นคุณค่าของแม่และลูก แต่ลูกโชคดีที่มีแม่เป็นคุณโอ๋ที่สามารถทำหน้าที่ให้ความรักแทนพ่อที่ทำไม่ได้ เอาความเศร้าในแต่ละวันมาเปลี่ยนเป็นพลังเพื่อดูแลตัวเองและลูก เป็นตัวอย่างที่ดีให้เขา ส่วนจะทำยังไงใช้ชีวิตมีความสุข คุณโอ๋ลองถามคุณแม่ตัวเองก็ได้ว่า ตอนที่คุณแม่มีคุณโอ๋ ท่านมีความสุขมากขนาดไหนกับการที่ได้เป็นแม่คนๆนึง เรายังมีความสุขได้แค่เรามีอีกมือนึงที่จับลูกเราไว้เท่านั้นเอง’

            พี่ๆดีเจทิ้งท้ายว่า ‘สิ่งนี่น่ากลัวที่สุดคือการที่ผู้ชายคนนั้นกลับมา เพราะเขาจะกลับมาเป็นภาระให้คุณโอ๋ แล้วก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเขาจะทิ้งเราไปอีกหรือเปล่า บอกตัวเองว่า หัวใจที่เจ็บปวดที่สุดในวันนี้จะกลายเป็นหัวใจที่มีความสุขในอนาคต คุณโอ๋ต้องมองไปในทางที่ดีเศร้าไปก็ไม่มีประโยชน์มันจะส่งผลกระทบต่อลูกในท้อง ถ้าตอนนี้ต้องการกำลังใจให้ไปกอดพ่อแม่และครอบครัว พวกเขาพร้อมให้กำลังใจและความรักกับคุณโอ๋เสมอ’

            สุดท้ายนี้พี่ๆดีเจทุกคนเป็นกำลังใจให้คุณโอ๋ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ตอนนี้อายุ 17 แต่ลังเลกับชีวิต... จะเลือก 'ลาออก' จากโรงเรียน แล้วไปหางานทำ หรือ 'เรียนต่อ' จนจบดี ตัดสินใจไม่ได้ รู้สึกเหมือนเปลืองเงินพ่อแม่ไปวันๆ

01 ธ.ค. 2023

ตอนนี้อายุ 17 แต่ลังเลกับชีวิต... จะเลือก 'ลาออก' จากโรงเรียน แล้วไปหางานทำ หรือ 'เรียนต่อ' จนจบดี ตัดสินใจไม่ได้ รู้สึกเหมือนเปลืองเงินพ่อแม่ไปวันๆ

“คุณชาเย็น (นามสมมติ)” อายุ 17 ปี สายที่สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม กับปัญหาที่ว่าจะเรียนต่อหรือลาออกมาทำงานดีเพราะว่าสงสารพ่อแม่ที่ทำงานลำบากมาส่งตัวเองเรียน โดย “คุณชาเย็น (นามสมมติ)” ได้เริ่มปรึกษาว่า ‘หนูเลือกที่จะเรียนต่อ หรือว่าเลือกที่จะออกจากโรงเรียนดี หนูสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานส่งหนูเรียนเพราะว่าหนูเป็นคนที่ไม่เข้าเรียน ชอบโดดเรียน เพราะในห้องหนูไม่มีเพื่อนเลย ก็จะโดดเรียนไปนั่งที่โรงอาหารกับเพื่อนห้องอื่น เพื่อนในห้องเดียวกันก็ไม่มีใครพูดกับหนู เพราะเขาเห็นหนูเป็นคนไม่ดีกันไปหมดแล้ว หนูเคยขึ้นไปเรียนครั้งนึง เรียนไปหนูก็ไม่มีความสุข หนูสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานหาส่งหนูเรียน หนูเห็นท่านทำงานลำบากแล้วสงสาร หนูเลยคิดว่า ออกทำงานดีไหมเพื่อหาเงินให้พ่อแม่บ้าง อยากหาเงินมีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง ตอนนี้หนูอยู่ ม.4 หนูคิดว่าจะไปทำเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วก็ไปเรียน กศน. เอาวุฒิม.6 ไปต่อมหาวิทยาลัยหนูคิดไว้ว่าอย่างนี้ หนูอยากปรึกษาว่าหนูควรลาออกมาทำงานหรือว่าควรจะเรียนต่อดี’ โดยเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มเก ไม่เรียนหนังสือ ไม่ตั้งใจ เพื่อนพี่ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พี่มีทั้งกลุ่มที่เป็นเด็กเรียน และไม่เรียน แต่พี่ชอบเอาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มเด็กเกเร เพราะพี่มีปัญหาทางบ้าน บ้านพี่ไม่ค่อยอบอุ่นพี่ก็เลยไปทำอะไรแบบนั้น แต่คนที่เป็นรุ่นราวคราวเดียวหรือกลุ่มเกเรของพี่ ไม่ตายก็ติดคุก ไม่ติดคุกก็ติดยาแล้วก็เป็นบ้า ทั้งหมด 30 กว่าคน มีพี่รอดคนเดียว พี่เลยไม่แน่ใจว่าชาเย็นจะเป็น 1 ในคนที่รอดไหม ที่พี่รอดเพราะพี่หันกลับมาเรียนในวันหนึ่ง พี่เลือกที่จะไม่ติดยาแล้วก็ตายไปกับเพื่อน พี่เลือกวกกลับมา แล้วพี่รู้สึกเสียดายเวลาที่ ณ เวลานั้น กูไปทำอะไรอยู่วะ พี่ก็คิดแบบนี้ พี่อยากได้เงิน แต่การอยากได้เงินของพี่ พี่มีเป้าหมายในชีวิต ก็คือหาเงินเรียนในสิ่งที่ต้องการ พี่ฟังชาเย็น พี่ไม่เห็นเป้าหมายที่มันแข็งแรง เป็นเป้าหมายระยะสั้นๆ จะไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟแบบนี้ พี่ว่าความทะเยอทะยานมันน้อยไปหน่อย ถ้าเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วต้องไปเรียนต่อ สุดท้ายมันก็ต้องไปเรียนต่อ แล้วปัญหาที่เพื่อนไม่คุยกับเรา มันไม่แปลกหรอกเพราะเราไปอยู่กลุ่มที่มันคนละเคมีกับเขา ถ้าวันนี้เราอยากกลับไปอยู่ ในสังคมที่เพื่อนเขาคุยกับเรา เราก็ลองคุยกับเขาก่อน เราไปตั้งใจเรียนไปอยู่ในกลุ่มของเขา มันมีวิธีในการเขาหาเพื่อนได้เยอะแยะ พี่ว่าโลกข้างนอกอันตรายเกินไป แต่มันก็อยู่ที่ใจชาเย็นนะ ถ้าอยากออกมาหาเงินจริง ๆ อันนี้ต้องคุยกับพ่อแม่ เราก็ลองปรึกษาเขาว่าให้หนูออกมาทำงานดีไหม หนูอยากหาเงิน แต่เป้าหมายต้องแข็งแรงกว่านี้หน่อยว่าทำงานอะไร ต้องการเงินเท่าไหร่ พี่ว่าการเรียนหนังสือมันก็ให้อะไรมากกว่าที่เราคิด วุฒิการศึกษามันสามรถทำให้ง่ายกับการเปลี่ยนอาชีพ สมมติว่าอยากไปทำธุรการ ไปเรียนคุณครู แบบนี้เขาดูวุฒิการศึกษา ยกเว้นชาเย็นจะบอกว่าหนูอยากจะไปเป็นเน็ตไอดอล หนูสามารถทำเงินได้ 100 ล้าน ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษา แต่ต้องถามตัวเองว่าแล้วเราชอบทางนี้ไหม หรือเรามีความสามารถทางนี้ไหม ถ้าวันนี้เรายังไม่รู้ตัวเองว่าต้องการอะไรหรือชอบอะไร พี่ว่าการเรียนไปก่อนเป็นสิ่งที่ดี พี่แนะนำแบบนี้ แต่ถ้าอยากจะออกจริงๆ ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่า เราต้องการเงินนี้ไปทำอะไร เพื่ออะไรแล้วเลือกอาชีพที่เหมาะกับเรา’ ต่อมาที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เราอยู่กับเพื่อนแบบไหนก็มีความเป็นไปได้ว่าเราจะกลายเป็นคนแบบนั้นเยอะมาก เลือกอยู่กับคนที่จะพาเราไปสู่สิ่งที่ดี พาเราเจริญขึ้น อันนี้คำแนะนำแรก คำแนะนำที่สอง ถ้าสงสารคุณพ่อคุณแม่จริงๆ สิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือทำให้เงินที่เขาจ่าย กลับมามีค่ากลับมาคุ้มค่า ไม่ยากเลยแค่เดินขึ้นไปเรียน ขึ้นไปแล้วเขาไม่คุยด้วยไม่แปลกครับเพราะว่า ชาเย็นบอกเคยขึ้นไปครั้งเดียวแล้วใครจะคุยกับหนูล่ะลูก เพราะเขาเรียนกันมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว หนูเพิ่งเคยขึ้นไปครั้งเดียว ถ้าสมมติหนูเป็นคนที่นั่งเรียนอยู่ แล้วก็มีใครไม่รู้ที่โดดเรียนตลอดเลย แล้ววันหนึ่งมาเพิ่งขึ้นมา หนูจะไปสนิทกับเขาหรอ หนูจะอยากคุยกับเขาหรอ ต่อให้เขาไม่ได้มองว่าหนูเป็นคนดีหรือไม่ดีก็เถอะ เขาก็ไม่ได้สนิทพอที่จะเดินเข้ามาคุย ถ้าเขารู้ว่าใครดีใครไม่ดีแล้วไม่อยากจะมาอยู่กับคนไม่ดี ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าชาเย็นจะบอก ชาเย็นไม่ใช่เป็นคนไม่ดี ชาเย็นแค่ขึ้นไปเรียนอยู่กับเพื่อนมันก็จะค่อยๆ รู้จักกันไปเอง ทีนี้ทำไมถึงอยากให้กับไปเรียน การเรียนให้มันจบอย่างน้อยคือการศึกษาขั้นต่ำ วุฒิการศึกษาที่ชาเย็นจะได้มันทำให้ชาเย็นจะเอาไปยื่นทำงานในอนาคตได้มากกว่าเยอะเลย แล้วโรงเรียนที่มีกฎระเบียบครอบไว้ชาเย็นยังไม่อยู่ แล้วถ้าไปเรียน กศน. ที่ไม่มีอะไรมาครอบไว้ ชาเย็นจะบังคับตัวเองได้หรอ แล้วจะจบไหม กศน. แล้วคิดว่าตัวเองจะสอบผ่านไหม จะเรียนตามเขาได้ไหมในเมื่อกฎของโรงเรียนหนูยังทำไม่ได้เลย พี่บอกสั้นๆ ว่า เรียนให้จบม.6 นี่เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่คนเราจะรับผิดชอบตัวเองได้’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อยากให้เรียน เพราะว่าฟังจนถึงตอนนี้ พี่อาจจะรีบตัดสินเร็วเกินไปแต่พี่คิดว่าชาเย็นไม่น่ารอดในการออกไปทำงานและหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองแล้วจะกลับไปเรียน กศน. ไปต่อมหาวิทยาลัย พี่คิดแบบี้เลยนะ อย่างที่พี่เผือกถาม หนูเรียนตอนนี้ตามหลักสูตรปกติหนูยังทำไม่ได้ ที่มีเงินจากพ่อแม่ที่ส่งให้หนูไปเรียน แล้วการที่ต้องไปเรียนและทำงานไปด้วยพี่ว่ามันยากมากเลยนะ อันนั้นพี่จะเห็นในกรณีของคนที่เขาไม่มีโอกาส ไม่มีเงิน เขามีเป้าหมายว่า เขาทำงานเพื่อหาเงินเพื่อนส่งตัวเองเรียน กศน. อันนั้นพี่เข้าใจได้ และพี่เชื่อว่าแบบนั้นเขาจะประสบความสำเร็จ เขามีเป้าหมายในชีวิต แต่ตอนนี้ชาเย็นเหมือนเอาอันนี้มาแก้ปัญหาที่มันเป็นการแก้ปัญหาผิดวิธีมากเลย พวกพี่พยายามจะถามว่า การที่กลัวว่าพ่อแม่จะเสียใจที่ทำงานส่งหนูเรียน หนูก็แค่ไปตั้งใจเรียนให้มันจบ หนูบอกปัญหาเรื่องเพื่อน พี่บอกว่าปัญหาเรื่องเพื่อนแค่นี้หนูยังสู้มันไม่ได้ หนูยังกลัว โลกข้างนอกพี่ว่ามันเลวร้ายกว่านี้อีก หนูจะทำอย่างไรถ้าหนูไปเสิร์ฟแล้วโดนเจ้าของร้านโกง หนูจะทำอย่างไรถ้าโดนลูกค้าด่า เพื่อนร่วมงานไม่คบ หรืออะไรก็ตามมันเกิดขึ้นได้ทั้งหมด โลกข้างนอกพี่ว่ามันโหดกว่าในโรงเรียน เยอะ เพื่อนไม่คุยกับหนูเพราะคิดว่าหนูเกเร ปัญหาแบบนั้นสำหรับพี่ มันสามารถแก้ปัญหาได้ แต่หนูเลือกที่จะเอาตัวเองออกจากโรงเรียน กระโจนเข้าสู่สิ่งที่มันมันเยอะกว่านี้ถ้ามันจะเกิดปัญหาขึ้น แล้วสำหรับพี่ การเรียนมันทำให้พี่มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ มันไม่ใช่แค่วิชาความรู้ที่เราจะได้จากโรงเรียน แต่มันยังหมายถึงการที่เราจะรู้จักการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน รู้จักการเข้าสังคม รู้จักการทำงานร่วมกับคนอื่น ซึ่งตอนนี้พี่คิดว่ามันเร็วมากเลยที่ชาเย็นจะตัดสินใจหันหลังให้มันเลย เพียงเพราะว่าเพื่อนไม่คุยกับเรา ชาเย็นแก้ปัญหาที่ผิดอยู่ตอนนี้ เพราะคุณพ่อคุณแม่ลำบากในการหาเงินมาให้หนู หนูก็ต้องเห็นคุณค่าของมัน โดยการไปเรียนหนังสือและตั้งใจเรียน ช่วงม.ปลาย มันจะเป็นช่วงที่ทำให้หนูได้รู้ว่าหนูอยากเรียนเพื่อไปเป็นอะไร จะทำให้หนูได้รู้ว่าหนูชอบอะไร โลกภายนอกมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ที่หนูพูดพี่ว่าหนูยังไม่เจออะไรมาเลย สำหรับพี่ยังไงการเรียนก็สำคัญและมันก็ทำให้พี่เป็นผู้เป็นคนก็เพราะการเรียนนี่แหละ ทั้งเพื่อน คุณครู กิจกรรม ถ้าหนูเลือกออกมาแล้ว มันกลับไปหาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว คิดดีๆ นะ พี่อยากให้กลับไปเรียนหนังสือ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

โดนเพื่อนร่วมงานเกลียดตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน! เพราะเขาไปถาม HR ว่าเราเริ่มงานด้วยเรทที่สูงกว่าคนในแผนก ทำงานดีจนตอนนี้ผ่านโปรตั้งแต่ 2 เดือนครึ่ง ยิ่งโดนแซะหนักกว่าเดิม จะรับมือยังไงดี?

04 ธ.ค. 2023

โดนเพื่อนร่วมงานเกลียดตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน! เพราะเขาไปถาม HR ว่าเราเริ่มงานด้วยเรทที่สูงกว่าคนในแผนก ทำงานดีจนตอนนี้ผ่านโปรตั้งแต่ 2 เดือนครึ่ง ยิ่งโดนแซะหนักกว่าเดิม จะรับมือยังไงดี?

“คุณปาย (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม ว่าถูกเพื่อนร่วมงานไม่ชอบหน้า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน จนตอนนี้สถานการณ์เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ โดย “คุณปาย (นามสมมติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘วันแรกที่เราเข้ามาทำงาน ก็มีพี่ในทีมมาเล่าให้ฟังว่า รุ่นพี่ที่ทำงานจับกลุ่มเม้าส์เรา ไม่ชอบเราตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงาน เพราะรู้ว่าเงินเดือนเราสูงกว่าพวกเขา เพราะก่อนที่เราจะเข้ามาทำงานที่นี่ พวกรุ่นพี่ไปถามกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนของเรา มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมด เพราะเงินเดือนเราสูงเทียบเท่ากับเขาที่ต้องทำงานถึง 3 ปีจึงจะมีเงินเดือนเท่าเรา เรายังรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องจับกลุ่มเม้าส์เรา ทั้งที่เราก็มีวุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทำงานมาก่อน ตอนยื่นใบเสนอเงินเดือนกับทางหัวหน้างาน ก็เป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่าย เราจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นที่จับตามองของรุ่นพี่ที่ทำงาน ในช่วงแรก ๆ พี่ในทีมก็คอยมาบอกข่าวตลอด เราก็ทำงานมาเรื่อย ๆ จนเราก็ทำมาได้สักระยะประมาณสองเดือนครึ่ง หัวหน้าก็แจ้งว่าเราน่าจะผ่านโปรได้แล้ว จนเรื่องนี้ก็เป็นที่น่าจับตามองของพวกรุ่นพี่อีกครั้งเพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีใครผ่านโปรเร็วขนาดนี้ บางคนก็ต้องยืดระยะเวลาออกไปอีกถึงจะผ่านโปร ช่วงแรก ๆ ก็มีพี่ในทีมก็คอยถามไถ่เราบ้าง เราก็คิดว่าเขาหวังดี จนเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแฟน แฟนก็คอยเตือนเราว่าที่เขาเข้ามา เขาเข้ามาเพราะหวังดีจริงมั๊ย หรือเพราะผลประโยชน์อื่น เราก็ตอบแฟนตลอดว่า “ ไม่รู้สิ ไม่ได้คิดอะไร ” แฟนก็มักจะเตือนว่านิสัยของแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง แต่พี่ในทีมคนนี้ก็จะบอกเราตลอดว่าเราโดนนินทาในกลุ่มว่าเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ไม่ชอบเราต่าง ๆ นา ๆ ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนสักครั้ง ตอนนี้เราก็ทำงานที่นี่มาเข้าเดือนที่ 6 แล้ว สถานการณ์ก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เรารู้สึกว่าต่อหน้าทำอีกอย่าง แต่ลับหลังเรารู้ว่าเขาชอบนินทาเรา วันนึงหัวหน้ามอบหมายงานให้เรารับผิดชอบ พอเราทำงานชิ้นนี้เสร็จ มันก็เป็นที่น่าพอใจของหัวหน้า จนหัวหน้าเรียกทุกคนมารวมกัน และบอกว่างานของเราดีมาก อยากให้เอาเป็นแบบอย่าง จนคนในบริษัทบอกเราจะทำงานนี้ทำไม ทำให้คนอื่นดูไม่ดี เขาก็ชอบพูดเหน็บแนมเราตลอด “ถ้าคิดว่าเก่งมากก็มาทำแทนเลย เดี๋ยวจะลาออกให้” จนตอนนี้พี่ในทีมที่เคยเตือนเราก็ย้ายฝั่งไปอยู่ฝั่งนู้นแล้วเพราะเราก็เคยมีปัญหากัน เพราะเขาชอบพูดให้เราดูผิด จนเราขึ้นเสียงใส่เขาเพื่ออธิบาย เขาเลยไม่มาคุยกับเราอีกเลย จนตอนนี้เราก็ไม่มีเพื่อนคบเลยในที่ทำงาน หลังจากที่เราทะเลาะกับพี่ในทีมไปตอนนั้น ถึงตอนนี้ทุกคนในทีมเราก็เริ่มตีตัวออกห่างจากเรา พยายามไม่คุยกับเรา และเริ่มมาเยอะกับเรามากขึ้น จากงานที่เคยส่งมาแล้วผ่านตลอด แต่รอบนี้กลับกลายเป็นว่าไม่ผ่าน ทั้ง ๆ ที่เราก็ทำเหมือนเดิมตลอด เขาให้คำตอบแค่ว่า “ไม่ได้ มันไม่ได้” จนเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าเขาก็บอกแค่ว่าทีมน่าจะลืมบอก เราเลยตัดสินใจกลับไปคุยกับทีมว่าถ้างานพลาด ให้รีบแจ้งเราเลยได้มั๊ย เรายินดีที่จะแก้ แต่ในระหว่างที่เรากำลังเจรจากับพี่ ๆ ในทีม เราก็รู้สึกว่าบรรยากาศก็ไม่ได้ชวนอยู่สักเท่าไหร่ ก็เลยแอบบันทึกเสียงในมือถือ ก่อนจะเดินออกไปเพราะเราอยากรู้ว่าเขาคุยกันเกี่ยวกับเรายังไง ปรากฏว่าสิ่งที่เขาคุยกันคือบอกว่า “เราขี้เกียจ ขึ้เกียจก็คือขี้เกียจ อย่าไปเล่นละครตบตาหัวหน้าว่าตัวเองขยัน” จริง ๆ เราก็อยากจะหักหน้าเขาเหมือนกันว่าอยากให้ทำได้เหมือนเรา ไม่ใช่ให้เราทำได้คนเดียว ตอนนี้เรารู้สึกอึดอัดที่เพื่อนร่วมงานชอบพูดเหน็บแนมข้ามหัวกันไปมา ไม่ต้องเป็นเพื่อนร่วมกันที่ดีกันก็ได้ แต่ขอทำงานโดยที่ไม่ต้องมาจิกกัดเราแบบนี้ เราอยากรู้วิธีการรับมือ เพราะเราไม่ได้สนใจเรื่องนินทาเราแล้ว แต่บางทีได้ยินมันก็รู้สึกโมโห เพราะเราไม่ได้ลาออกจากที่นี่ อยากทำงานที่นี่ เพราะงานมันโอเคกับเราแล้ว ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าถ้าเราไม่อยากได้ยินเสียงไหน เรามีวธีการจัดการกับมันอยู่ สำหรับพี่คงเลือกวิธีไม่กี่วิธี อย่างเช่น 1. คิดซะว่าหมาเห่าอยู่ตรงนั้น หรือว่าเช้า ๆ เสียงนกอีแร้งมาร้องอยู่ข้างบ้านไม่หยุด หาอะไรมาอุดหูซะ แก้ที่เรา 2. แก้ที่ความคิดของเรา ลองไม่สนใจเสียงเหล่านั้น ลองคิดซะว่าเป็นเสียงนกเสียงกา สุดท้ายแล้วพี่ค้นพบว่าเราไปอุดปากนกไม่ได้ อุดปากหมาที่มันเห่าไม่ได้ แต่ว่าเราอยู่ที่วิธีคิดเรามากกว่า ทำไปตามความสบายใจของเรา ความเป็นมืออาชีพของเรา เสียงด่าทอพี่เข้าใจนะว่ามันน่าลำคาญ แต่ว่าถ้าเทียบกันแล้วพี่อยากให้ปายอยู่มากกว่า แล้วให้พวกนั้นลาออก ทำงานให้เป็นมืออาชีพต่อไป ถ้าสุดท้ายมันมีอะไรตัดขัดเกี่ยวกับเรื่องงานก็บอกหัวหน้าว่าเราทำเต็มที่แล้ว เอาจริง ๆ ทางเลือกตอนนี้มันก็มีไม่มากก็คือ 1. ทนอยู่ต่อ 2. ลาออกไปเลย เพราะฉนั้นไม่ต้องใส่ใจ การจะรุ่งเรือง บางทีมันต้องมีอุปสรรคบ้าง เราทำงานให้หัวหน้าเห็น ให้บริษัทเห็น เป้าหมายเราคือตรงนั้น ระหว่างทางอย่าไปใส่ใจ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เพราะว่าปายรักงานนี้ ปายอยากทำงานนี้ เพราะปายเห็นความเจริญเติบโตของมัน และปายก็ยังมีเจ้านายที่พี่เชื่อว่าเขาก็อยู่ทีมปายนะ เพราะฉะนั้นพี่ว่าปายต้องอดทน อย่างที่พี่เผือกบอกว่าเห็นพวกเขาเป็นอุปสรรคขวากหนามที่จะขัดขวางให้เราไปถึงเป้าหมาย ซึ่งมันก็เป็นเป้าหมายของปายที่ชัดเจนด้วยนะ ซึ่งต่างจากพวกเขาที่ไม่มีแต่อนาคตเลย ถ้าหัวหน้าปายมีคุณสมบัติมากพอ วันนึงเขาก็จะเห็นสิ่งที่พวกนั่นทำเอง และคงจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้หัวฟน้าเขาก็รับรู้แล้วแหละว่าเพื่อนร่วมงานไม่ชอบเรา เขาก็ดูมีเป้าหมทยที่ชัดเจนให้ปายนะ ว่าปายมาที่บริษัทเพื่อทำงาน ไม่ได้มาหาเพื่อน ซึ่งปายไม่จำเป็นต้องสนใจด้วยซ้ำ หรือถ้าเราไม่ไหวกับเพื่อนร่วมงานพวกนั้นแล้ว เพราะมันส่งผลกับงาน พี่ว่าก็เปิดใจคุยกับหัวหน้าได้นะ เดี๋ยวหัวหน้าก็ต้องจัดการปัญหาตรงนี้เอง ปายสามารถรายงานปัญหาได้เลย ส่วนเสียงนกเสียงกาเล่านั้น วันนี้พี่จะให้ไป 2 ทางเลือกคือ 1. พยายามไม่สนใจ ไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะเราต้องเข้าใจว่าพวกเขาเป็นแบบนั้น หมาคือหมา จะไปห้ามหมาให้มันเห่าไม่ได้ พี่เข้าใจแหละว่ามันยาก พี่ไม่รู้หรอกนะว่าปายนิสัยยังไง แต่ถ้าเป็นพี่วันนึงถ้าทนไม่ไหว พี่จะหันไปแล้วพูดกับเขาเลยว่า ไม่ได้ให้มาชอบ ไม่ได้ให้มารัก ไม่ต้องมาเอ็นดูอะไรทั้งสิ้น เกลียดหรือด่าได้เลย แต่อย่ากระทบงาน ถ้ากระทบงานเมื่อไหร่ฟาดทันที! แต่ตอนี้เราก็ต้องทำได้แค่ทน ถ้าถึงเป้าหมายเมื่อไหร่ คนเหล่านั้นก็แค่วุ้น หรือเป็นแค่จุลินทรีย์เท่านั้นแหละ เพราะพี่เชื่อว่าถ้ามารไม่มี บารมีไม่เกิด ปิดจบที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ เราต้องเก็บหลักฐาน แล้วพร้อมต่อสู้ ปายต้องไม่ทนไปตลอด ไม่งั้นสภาพจิตปายเสียแน่นอน พวกนั้นต้องแบ่งไปบ้าง แต่ตัวแรง ๆ ไปเลย ให้รู้ว่าเราพร้อมบวก! อีกอย่างทำทีว่าคุยโทรศัพท์ให้พวกมันได้ยินไปเลยให้รู้ว่าเราสายตบ มัสันดานดิบที่ร้ายแรง! พี่ว่าทุกคนก็พูดมาหมดแล้วแหละ ซึ่งพี่ก็เห็นด้วยหมดเลย แต่ถ้าถึงจุดที่มันกระทบกับงานเมื่อไหร่ ให้ไปฟ้องเจ้านายแล้วเรียกคุยเลยทั้งห้อง แล้วบอกสาเหตุทุกอย่างไปว่าเกิดอะไรขึ้น และเหตุผลของเราว่าแค่ต้องการชีวิตการทำงานที่พาไปสู่เป้าหมายการทำงาน เรื่องส่วนตัวพวกเขาก็ควรที่จะเก็บไว้ในใจบ้าง ไม่ต้องฟ่นออกมา เพราะอาจจะทำให้เรา Toxic เพราะบริษัทไหนก็ตามที่ไม่ดูแลคนดี สักวันหนึ่งคนดีทั้งหมดก็จะลาออกหมด แล้วมันจะเหลือแต่พวก Toxic หรืออีกอย่างน้องก็พูดกับเขาไปตรง ๆ ไปเลยว่าการกระทำพวกพวกเขาเหล่านี้มัน Toxic จนทำให้เราหมดกำลังใจทำงาน เรามาทำงานในบริษัทนี้ก็เพราะอยากให้บริษัทมันเติบโต ตอนนแรกเราโคตรมีไฟเลย แต่ตอนนี้เราโคตรหมดไฟเลย เราทนเรื่องนี้มาสักพักนึงแล้ว แต่ก่อนที่เราจะพูดอย่างนั้น ปายก็ต้องมีหลักฐานนะว่าคนพวกนี้ทำให้งานของเราไม่ก้าวหน้า ให้เขารู้สึกว่าอารมณ์เราถึงที่สุดแล้วถึงออกมาพูดแบบนี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นเหตุ! มี Social แฟนทุกแอป ยกเว้นไลน์ เลยขอให้แฟนเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ Line เป็นรูปคู่ สุดท้ายแฟนไม่เปลี่ยน แล้วบอกเลิก! ลั่น ทำนิสัยแบบนี้มัน Toxic บอกหนูคือต้นเหตุในการเลิกกันครั้งนี้ ตอนนี้รู้สึกผิดอยากขอกำลังใจค่ะ

07 พ.ค. 2024

เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นเหตุ! มี Social แฟนทุกแอป ยกเว้นไลน์ เลยขอให้แฟนเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ Line เป็นรูปคู่ สุดท้ายแฟนไม่เปลี่ยน แล้วบอกเลิก! ลั่น ทำนิสัยแบบนี้มัน Toxic บอกหนูคือต้นเหตุในการเลิกกันครั้งนี้ ตอนนี้รู้สึกผิดอยากขอกำลังใจค่ะ

“คุณใหม่ (นามสมมติ)” สายที่สามในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (1 พ.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาขอให้แฟนเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูปคู่ โดย “คุณใหม่ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนเก่ามาเกือบปี ประมาณ 11 เดือนได้ ขอเล่าก่อนว่าตอนที่คบกันได้ประมาณ 5 – 6 เดือน เราก็ไปมาหาสู่กันปกติ เป็นความรักระยะไกล เราอยู่คนละจังหวัดกัน แต่ไม่ไกลมาก ตอนนั้นหนูไปเที่ยวบ้านเขา และไปเล่นไอแพดของเขา หนูไปแอบนั่งอ่านแชทเขาแล้วอึ้งเลย! ทำให้หนูไปรู้ว่าเขาแอบไปมี Friends with benefits (FWB) แอบไปคุยกับรุ่นพี่คนสนิท เคยไปรับไปส่งกันหลายรอบ เคยไปมีซัมติงกัน 1 ครั้ง และไปเต๊าะผู้หญิงอีก 2 - 3 คน ชอบไปกด LOVE ในสตอรี่บลาๆ หนูเห็นปุ๊บก็ร้องไห้ แล้วเขาก็มาบอกว่าเขาเลือกหนูนะ จะให้เขาทำยังไงก็ได้ หนูก็เลยโอเค งั้นขอพิสูจน์หน่อย ก็เลยให้เขาทักไปบอกคนที่เต๊าะหรือคนที่มีอะไรด้วยว่าหนูจับได้แล้วนะ เธอเลือกหนู ก็เลยเป็นสาเหตุของการที่หนูได้รหัสเฟซบุ๊กกับไอจีเขามา หลังจากนั้นหนูอยู่กับความหวาดระแวงมาตลอด เขาไปไหน จะทำอะไร บางทีหนูก็อยากรู้ อยากเห็น อยากให้ถ่ายรูปส่งมาให้ดู แต่เขาก็ไม่ค่อยถ่าย ทำเป็นลืมบ้าง ถ่ายบ้าง ไม่ถ่ายบ้าง จนช่วงหลังๆหนูเริ่มมีความตะหงิดใจ รู้สึกถึงความเปลี่ยนไป หนูก็เลยขอให้เขาเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในไลน์เป็นรูปคู่ แล้วเขารับปากว่า โอเค เดี๋ยวจัดการให้ แล้วเขาก็ทำเป็นลืม จนหนูเว้นระยะเวลาไว้ให้สัก 3 – 4 วัน หนูก็ไปถามเขาว่า ลืมหรือเปล่า ทำไมยังไม่เปลี่ยนให้ เขาก็ตอบกลับมาว่า ทำไมทำตัวน่ารำคาญจังเลย ทำไมถึงเยอะ ไม่อยากทำอะไรให้ใครอีกแล้ว ซึ่งเขาใส่รูปส่วนตัวของเขา เนื่องจากเฟซบุ๊กกับไอจีเขา เรามีรหัส เราก็เลยสามารถเข้าไปดูได้ว่าเขาเล่นอะไร หรือคุยกับใครหรือเปล่า เลยกลายเป็นจุดที่ทำให้เราต้องทะเลาะกัน ซึ่งพฤติกรรมของเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจในชีวิตประจำวันของเรา เมื่อก่อนตอนคุยกันแรกๆอาจจะมีใส่ใจบ้าง แต่หลังๆมาไม่ค่อยใส่ใจ ไม่ค่อยอยากรู้ว่าไปทำงาน ถึงที่ทำงานหรือยัง เที่ยงนี้กินข้าวอะไร เย็นนี้ไปไหนมั้ย? ล่าสุดหนูเป็นคนบอกเลิกเขา เพราะหนูรู้สึกว่าไม่อยากจะทนแล้ว เขาไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกเราเลย เวลาทะเลาะกันบางทีเขาเลือกที่จะไม่คุย หายไปเลย ไม่รับโทรศัพท์ ไม่อธิบายใดๆ อาจจะหายไปนอน ไม่คุยกัน 2-3 วัน แล้วก็ทักมาคุยปกติ เหมือนข้ามเรื่องที่ทะเลาะกันไปเลย ตอนที่หนูตัดสินใจเลิก หนูก็ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด เขาก็เลยทักมาว่าทำไมไม่ทักไปชวนกันเลย ไหนบอกจะพาไปเที่ยว เพราะมันเป็นที่ที่เคยคิดว่าจะไปด้วยกัน เขาก็ได้มีโอกาสตอบกลับมาเป็นเพราะหนูขี้ระแวงทำให้เขารู้สึกอึดอัดและเป็นตัวต้นเหตุของความสัมพันธ์เป็นพิษครั้งนี้ แล้วมันทำให้หนูรู้สึกว่าเราผิดหรือเปล่า เราแย่หรือเปล่า? และช่วงแรกๆที่เลิกกันไป เขายังไม่ได้เปลี่ยนรหัสผ่าน หนูก็เลยเข้าไปเห็นที่เขาคุยกับเพื่อนเขา ประมาณว่า กูเลิกแล้วนะ เบื่อมาก รำคาญ ไม่กลับไปแล้วเว้ย หนูว่าเขารู้ว่าหนูเข้าไปอ่าน เขาอาจจะอยากให้หนูเจ็บบ้าง หนูก็เลยอยากมาขอกำลังใจจากพี่ๆดีเจ’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ดีแล้วที่หนูใจแข็ง หลายๆคนที่เจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้มักจะใจอ่อน ส่วนเรื่องที่เขามาโทษเรามันเป็นทรงเดิมๆของคนที่เขาทำผิดแบบนี้ ถ้ามันไม่มีเหตุมันจะระแวงกันทำไม ไม่ต้องคิดมาก มันเป็นคำตอบพื้นที่ข้อห้าประมาณนี้ คิดถึงวันที่เขาทำเราเจ็บไว้ เอาความรู้สึกนั้นอยู่กับตัวไว้ มันจะได้ไม่ใจอ่อน เมื่อไหร่ที่เราเริ่มเจ็บน้อยลงเราจะเริ่มใจแข็งมากขึ้น มันเป็นเรื่องปกติ’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันก็เข้าใจได้ว่าทำไมหนูถึงเป็นแบบนี้ พี่ว่ามันดีกับหนูนะการที่ใจเด็ดแบบนี้ อย่างน้อยการไปมีแฟนใหม่อาจจะทำให้หนูสบายใจกว่านี้ ไม่ต้องให้หนูมาระแวง ถ้าสมมติเขาเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นรูปคู่ แล้วจากนั้นยังไงต่อ หนูคิดว่าหนูจะไว้ใจผู้ชายคนนี้ได้หรอ? กลายเป็นว่าเรื่องที่เขาไปนอกใจมันเป็นปมในใจหนูแล้ว หนูจะไม่มีทางเว้นว่างจากการเข้าไปดูของเขา เข้าไปสืบของเขา มันไม่สบายใจไปแล้ว การที่หนูบอกเลิกเขาแล้วเขาชัดเจน ไม่รั้งหนูไว้ ถ้าเขารักหนูจริงๆ เขาต้องพยายามเข้าใจหนูมากกว่านี้ พี่ว่าตัดสินใจแบบนี้ก็ดีแล้ว และต้องแข็งแรง อย่ากลับไป’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หลายคนคงคิดว่าจะทะเลาะกัน เลิกกันเพราะเรื่องโปรไฟล์หรอ? เรื่องโปรไฟล์เป็นส่วนหนึ่งของการนอกใจ ชีวิตคู่ปิดตาข้างนึงได้ แต่ไม่ใช่เรื่องนอกใจ มันมีเรื่องที่ผู้หญิงยอมได้ และยอมไม่ได้ สำหรับผู้ชายคนนี้เลิกไปดีแล้ว ถ้าเขารักเราจริง แค่เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เอง ขึ้นรูปคู่เพื่อความสบายใจของแฟน แล้วเขาก็เป็นคนมีประวัติ เพราะฉะนั้นหวังว่าใหม่จะไม่กลับไป ถ้าอยู่แล้วทำให้เราเจ็บปวด ก็ไม่เอา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หัวหน้างานมีลูกมีเมียแล้ว แต่มาขอเลี้ยงดูเรา แบบไม่หวังผลอะไร เราปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็โอนมาให้ทีละ 1000 2000 5000 ตอนนี้อึดอัด ไม่อยากออกงานเพราะงานดี เงินก็ดี เสียดายงานนี้ จะทำยังไงดี?

12 ธ.ค. 2023

หัวหน้างานมีลูกมีเมียแล้ว แต่มาขอเลี้ยงดูเรา แบบไม่หวังผลอะไร เราปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็โอนมาให้ทีละ 1000 2000 5000 ตอนนี้อึดอัด ไม่อยากออกงานเพราะงานดี เงินก็ดี เสียดายงานนี้ จะทำยังไงดี?

“คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 ธ.ค 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจต้นหอม – ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น กับปัญหาพี่ที่ทำงานอยากขอเลี้ยงดูเรา ทั้งๆ ที่เขาก็มีลูกมีเมียแล้ว โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘เป็นเรื่องที่พี่หัวหน้าที่ทำงาน เขาอายุห่างกับหนูเกือบ 20 ปี เขามาขอดูแลเรา ทั้งๆที่เขามีลูกมีเมียอยู่แล้ว แล้วหนูก็ไม่ได้อยากออกจากงาน เขามาพูดว่า “เขาอยากดูแล เขาไม่อยากได้อะไรจากเรา ขอแค่ดูแล” แต่พอมันเยอะขึ้นๆ หนูก็รู้สึกอึดอัด ก็เลยบอกเขาไปว่า “ไม่ต้องดูแลก็ได้ค่ะ แค่ถามไถ่กันอย่างนี้ก็พอ” แต่มันจะมีช่วงที่เขาให้คนมาถามเวลาเราคุยโทรศัพท์ ว่าเราคุยกับใคร? คุยกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ช่วงแรกๆ ที่หนูมาทำงาน เขาก็จะซื้อน้ำ ซื้ออะไรมาให้ “หนูก็ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจ” แต่พี่เขาก็บอกว่า “ไม่เป็นไร พี่แค่อยากช่วย เห็นเราเป็นรุ่นน้อง” แต่มันเริ่มข้ามเส้นเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เขาฟอลไอจีมา ไม่รู้ว่าหามาจากไหน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มมาชวนเราไปทานข้าว ซื้อของราคาแพงให้เรา บางทีก็โอนเงินมาให้ ครั้งละ 1,000 บ้าง 2000 บ้าง มากสุด คือ 5000 บาท เขาบอกว่า “เขาแค่อยากให้ เขาไม่ได้ต้องการอะไร” หนูก็รู้สึกแปลกๆ เพราะมันมีด้วยหรอที่ให้แล้วไม่ต้องการอะไร เขาก็มีลูกมีเมียอยู่แล้ว และหนูเองก็มีคนคุยอยู่เหมือนกัน หลังจากนั้น 2 เดือนต่อมาเขาก็มาบอกว่า “ขอคุยในฐานะอื่นได้ไหม” หนูก็บอกเขาไปว่า “พอดีมีคนคุยแล้ว แล้วก็ไม่ได้คิดจะชอบเขา” เหมือนมันจะดีขึ้น แต่สักพักเขาก็มาชวนไปทานข้าว ส่งสติกเกอร์ ส่งไลน์ ส่งเพลงมาให้ บางทีหนูก็รำคาญแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาเป็นรุ่นพี่ เป็นหัวหน้างานเรา เคยปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็ตึงๆ ใส่เรา บรรยากาศมันก็จะตึงๆ บางทีก็เลยยอมไปกับเขาด้วย แล้วเขายังเคยทักไปหาคนคุยเราว่าคุยกับเราจริงไหม? เขาบอกว่าเขาต้องการความชัดเจน แต่งานนี้เงินดี แล้วงานก็ดีมาก ก็เลยไม่อยากจะออก หนูอยากจะปรึกษาว่าควรจะทำยังไง หรือหาคำพูดยังไง หรือว่าควรบอกภรรยาเขาเลยดีไหม?’ โดย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่กำลังเป็นห่วงความปลอดภัย มันปลอดภัยแค่ไหนถ้าเราทำงานอยู่กับเขา 2 คน ถ้าเกิดเขาใช้กำลังกับเรา ถ้าแนะนำตอนนี้คือปฏิเสธให้เด็ดขาด สิ่งที่เขาทำให้อึดอัด แล้วเขาน่าจะเริ่มเข้ามาได้ไม่นาน ฉะนั้นเขาน่าจะไม่ได้มีความหวังอะไรมาก การไม่ไปกินข้าวกับเขาสองต่อสองเป็นการดับความหวัง เพราะการไปกินข้าวกับเขามันเป็นการให้เขามีความหวัง แล้วเขารู้ว่าเราเป็นคนใจอ่อน แล้วของทุกอย่างไม่ต้องรับ เราต้องไม่รับของเขาเพื่อทำให้เขารู้ในความชัดเจน ต่อให้เขาจะไล่หนูออกหรือว่าต้องหางานใหม่ พี่ว่าก็หางานใหม่ถ้าเขาจะไล่เราออกด้วยเหตุผลแค่นี้ ถ้าเขาให้เงินมาก็บอกไปว่าขอไม่รับ หนูรู้สึกอึดอัดหนูขอไม่รับดีกว่าหนูจะสบายใจกว่า การรับผลประโยชน์จากเขามันแปลว่าเรายอมรับนิดนึงแล้วต้องชัดเจน สำหรับพี่ถ้ายังเสียดายงานนี้ ก็ตีตัวออกห่างแสดงความชัดเจนเลย ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก เราพูดไปเลยว่า “พี่คะ สิ่งที่พี่กำลังทำอยู่หนูอยากให้หยุดเพราะหนูอยากมาที่นี่เพื่อทำงาน แล้วหนูรู้สึกอึดอัด แล้วหนูก็รู้จักกับครอบครัวพี่ ถ้าพี่จะถามหาความชัดเจนระหว่างเราหนูขอปฏิเสธตรงนี้เลย ว่าหนูไม่ได้คิดอะไร สิ่งที่พี่ทำอยู่มันทำให้หนูรู้สึกไม่สบายใจ” ชัดเจนไปเลยต่อให้เราไม่มีแฟนเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรกับเราแบบนี้’ ต่อมา “ดีเจอั๋น” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าหนูจะบอกภรรยาเขาหนูเตรียมหางานใหม่ ซึ่งถ้าหนูคิดว่าจะหางานใหม่อยู่แล้วก็ไม่ต้องไปบอกภรรยาอยู่ดี พี่ว่าไม่จำเป็นต้องไปถึงขั้นนั้น ถ้าเขาจะให้เงินเรา เราก็บอกไปว่า “ถ้าพี่เห็นหนูทำงานดี พี่ให้เป็นโบนัสเลยตอนปลายปี” จริงๆ นี่คือคุกคามอย่างชัดเจน และคุกคามโดยเอาหน้าที่การงานมากดทำให้เราอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถปฏิเสธ แล้วก็เราพูดไปเลยว่า “แล้วถ้าบังเอิญหนูทำอะไรให้พี่เข้าใจผิดไปว่าหนูมีใจ หนูขออภัยด้วยค่ะ แล้วสิ่งสุดท้ายที่หนูจะทำในชีวิต คือการยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว เพราะมันเป็นบาปค่ะ” แต่พี่ว่ายังไงเราควรหางานอื่นสำรองไว้’ และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูเริ่มต้นงานอื่นได้ พี่ว่าสิ่งที่เขาทำมันเกินไปแล้ว พื้นที่ส่วนตัวของเรา มันคุกคามแล้วก็ยิ่งเขาชัดเจนว่าขอดูแลเราพี่ว่าเขาไม่ได้หวังดีกับเรา ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นได้ขนาดไหน ถ้าเขายังขนาดนี้ ทั้งที่เขามีลูกมีเมียอยู่แล้ว พี่ว่าหนูไปทำงานที่อื่นสำหรับพี่ แล้วยืนยันไปว่าหนูไม่มีอะไรมากกว่าการทำงานเลย น้องเอต้องคิดดีๆ พี่ว่าอย่าละเลยต้องระวัง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1