โยนเงินให้ 5000 ! แล้วเขาก็ทิ้งหนูกับลูกในท้องไปเลย สาวอายุ 19 ปี โทรปรึกษาสามดีเจในรายการ... คบกับแฟนมา 4 ปี ตอนนี้กำลังท้องได้ 6 เดือนแล้ว แต่จับได้ว่าแฟนนอกใจ หนูอยากกลับมาใช้ชีวิตปกติ แบบมีความสุข อยากจะมูฟออนต้องทำยังไง?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

โยนเงินให้ 5000 ! แล้วเขาก็ทิ้งหนูกับลูกในท้องไปเลย สาวอายุ 19 ปี โทรปรึกษาสามดีเจในรายการ... คบกับแฟนมา 4 ปี ตอนนี้กำลังท้องได้ 6 เดือนแล้ว แต่จับได้ว่าแฟนนอกใจ หนูอยากกลับมาใช้ชีวิตปกติ แบบมีความสุข อยากจะมูฟออนต้องทำยังไง?

21 ก.ค. 2023

            “คุณโอ๋ (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 ก.ค. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเติ้ล-ดีเจต้นหอม-ดีเจอั๋น เกี่ยวกับปัญหาชีวิตที่กำลังตั้งท้องแต่แฟนนอกใจ ก่อนไปเขาให้เงินเราแค่ 5,000

            “คุณโอ๋ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า หนูมีแฟนอายุ 23 ปี คบกับได้ 4 ปีแล้ว ตอนนี้หนูกำลังตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน แต่จับได้ว่าแฟนนอกใจ เขาให้เงินไว้ 5,000 บาท แล้วก็ทิ้งหนูไปเลย เรา 2 คน ไม่ได้แต่งงานและจดทะเบียนสมรสกัน ตอนนี้หนูกับแฟนเลิกกันแล้ว ไม่ได้ติดต่อ ตัดขาดกันทุกช่องทางมาเป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว หนูไม่ได้ตั้งใจท้องแต่ทางครอบครัวของหนูและแฟนไม่อยากให้เอาออก หนูเลยตัดสินใจเก็บลูกไว้แล้วดรอปเรียนออกมาทำงาน ส่วนแฟนหนูไม่ได้เรียน เขาจบมัธยมปลายแล้วก็ทำงานเลย

            แฟนของหนูเขาดูเป็นคนเจ้าชู้ แต่ตั้งแต่คบกันมาก็ไม่เคยมีเรื่องนอกใจ หรืออาจจะมีแต่หนูไม่เคยจับได้ เขาดูแลหนูดีทุกอย่างยิ่งตอนท้องยิ่งดีเป็นพิเศษ หลังจากเกิดเรื่องหนูเล่าทุกอย่างให้ครอบครัวของหนูฟัง เขาไม่ได้โกรธที่หนูท้อง เขาให้กำลังใจพร้อมที่จะดูแลหนูและลูก แต่ทางบ้านของแฟนบอกกับหนูว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคนไม่อยากเข้ามายุ่ง ถ้าลูกคลอดออกมาค่อยว่ากัน

            คุณโอ๋ถามพี่ๆดีเจว่า หนูจะทำใจ Move on ยังไงดี? หนูยังรัก ยังเห็นเขาอยู่ในทุกๆที่ หนูไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงต้องจบแบบนี้ หนูอยากกลับไปใช้ชีวิตปกติแบบมีความสุขเหมือนที่แฟนหนูทำอยู่ตอนนี้ หนูจะต้องทำยังไง?

            “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำว่า ‘ให้คุณโอ๋คิดถึงลูกให้มากๆ ตอนนี้คุณโอ๋มีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มากคือ หน้าที่แม่ ตอนท้องมันจะภาวะของมีฮอร์โมนที่มันสวิงมากๆ ยิ่งเราเ ครียดมากเท่าไหร่มันยิ่งส่งผลต่อลูกในท้องมากเท่านั้น ส่วนการ Move on คงต้องใช้เวลา นับจากวันนี้ อะไรที่ทำให้นึกถึงผู้ชายคนนั้นต้องพยายามลบออกไป ไม่รู้จะให้เขากลับมาทำไม ต่อให้เขากลับมาก็คงมารับผิดชอบดูแลคุณโอ๋กับลูกไม่ได้ ทั้งทางบ้านเขาและตัวเขาไม่มีอะไรดีให้น่าเสียดาย ฉะนั้นควรตัดสิ่งที่ไม่ดีนี้ออกไปจากชีวิต แล้วมาโฟกัสกับหน้าที่ในปัจจุบัน หน้าที่แม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มันหนักกว่าการทิ้งผู้ชายคนนึงไปอีก

            ส่วนจะใช้ชีวิตให้มีความสุขแบบเดิม มันเป็นแบบเดิมไม่ได้เพราะตอนนี้คุณโอ๋มีอีก 1 ชีวิตอยู่ในท้อง เราจะมีชีวิตแบบเดิมได้ก็ตอนลูกโต ถ้าคุณโอ๋อยากมีแฟน มีครอบครัวใหม่ ก็ทำได้ถ้าเราเจอใครสักคนที่รับได้ในความเป็นเรา ในเมื่อคุณโอ๋เลือกที่จะเก็บลูกไว้ ลูกจะเป็นทุกอย่าง และมาทดแทนความรักที่ขาดหายไป โลกทั้งใบของลูกก็คือคุณโอ๋ คุณโอ๋ควรเอาความรักทั้งหมดทุ่มเทให้ลูก ลูกอาจจะเป็นศูนย์รวมความรักทั้งหมดของโอ๋เลยก็ได้ ดังนั้นโฟกัสกับปัจจุบันและชีวิตที่เหลือ ส่วนอดีตที่เลวร้าย ช่างมัน ให้เวลาค่อยๆรักษา แล้วเราจะดีขึ้น’

            “ดีเจอั๋น” แนะนำว่า ‘จริงๆแล้ว ‘ควรมีเมื่อพร้อม’ ในทุกๆเรื่องไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม แต่เมื่อสิ่งนี้มันเกิดขึ้นแล้ว เราต้องกลับมาอยู่กับความจริงให้ได้ก่อน อย่าโทษตัวเองนานเพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ห้ามคิดว่าชีวิตตัวเองพัง ไม่เหลือโอกาสในการใช้ชีวิตหรือมีความสุขอีกแล้ว เรายังมีโอกาส ที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เรายังมีครอบครัวที่คอยซัพพอร์ตทั้งจิตใจและร่างกาย

            ตอนนี้สิ่งที่คุณโอ๋ควรกังวลน้อยที่สุดคือเรื่องการเสียผู้ชายคนนี้ไป มันดูง่ายที่ทุกคนบอกให้ทิ้งเขาไป สำหรับคุณโอ๋มันเป็นเรื่องยากเพราะคุณโอ๋ยังรักเขาอยู่ แต่อยากให้คุณโอ๋ค่อยๆตระหนัก คิดถึงเขาให้น้อยลง หันไปโฟกัสเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านี้ให้มากขึ้น แล้วจะรู้ว่า ‘คนๆนี้คือยาพิษ’ มันไม่มีประโยชน์เลยที่จะได้เขานี้กลับมาในชีวิต คิดว่าลูกคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาให้มา นอกจากนั้นมันไม่มีค่าเลย คุณโอ๋ต้องยืนขึ้น รับผิดชอบตัวเองและเป็นคุณแม่ที่ดีให้ได้ ทำให้ครอบครัวที่ซัพพอร์ตเราอยู่ภูมิใจ เอาความเศร้าทั้งหมดมาเปลี่ยนเป็นพลังบวกเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่านี้ให้ได้ แล้ววันนึงที่คุณโอ๋มีอิสระมากพอ ค่อยคิดว่าตัวเองจะมีความสุขกับชีวิตยังไง คิดซะว่านี่คือโจทย์ของชีวิต ผู้ชายคนนั้นแค่ปัญหาที่เราต้องแก้ แล้วทำมันให้ดีที่สุด’

            ส่วน “ดีเจเติ้ล” แนะนำเสริมว่า ‘เรื่องที่คุณโอ๋เจอมันเป็นเรื่องยากมากที่จะผ่านไปให้ได้ในอายุ 19 ปี แต่มันมีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหลายคนที่อายุเท่าคุณโอ๋แล้วเลี้ยงลูกได้ดี ชีวิตมีความสุข แต่ก็มีฝั่งที่ชีวิตพัง แล้วแต่ว่าคุณโอ๋อยากให้ชีวิตของตัวเองเป็นแบบไหน หลังจากนี้อีก 3 เดือนก่อนที่ลูกจะคลอด คุณโอ๋ต้องทำให้ลูกเห็นว่า ถึงจะมีพ่อที่ไม่ดี ไม่เห็นคุณค่าของแม่และลูก แต่ลูกโชคดีที่มีแม่เป็นคุณโอ๋ที่สามารถทำหน้าที่ให้ความรักแทนพ่อที่ทำไม่ได้ เอาความเศร้าในแต่ละวันมาเปลี่ยนเป็นพลังเพื่อดูแลตัวเองและลูก เป็นตัวอย่างที่ดีให้เขา ส่วนจะทำยังไงใช้ชีวิตมีความสุข คุณโอ๋ลองถามคุณแม่ตัวเองก็ได้ว่า ตอนที่คุณแม่มีคุณโอ๋ ท่านมีความสุขมากขนาดไหนกับการที่ได้เป็นแม่คนๆนึง เรายังมีความสุขได้แค่เรามีอีกมือนึงที่จับลูกเราไว้เท่านั้นเอง’

            พี่ๆดีเจทิ้งท้ายว่า ‘สิ่งนี่น่ากลัวที่สุดคือการที่ผู้ชายคนนั้นกลับมา เพราะเขาจะกลับมาเป็นภาระให้คุณโอ๋ แล้วก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเขาจะทิ้งเราไปอีกหรือเปล่า บอกตัวเองว่า หัวใจที่เจ็บปวดที่สุดในวันนี้จะกลายเป็นหัวใจที่มีความสุขในอนาคต คุณโอ๋ต้องมองไปในทางที่ดีเศร้าไปก็ไม่มีประโยชน์มันจะส่งผลกระทบต่อลูกในท้อง ถ้าตอนนี้ต้องการกำลังใจให้ไปกอดพ่อแม่และครอบครัว พวกเขาพร้อมให้กำลังใจและความรักกับคุณโอ๋เสมอ’

            สุดท้ายนี้พี่ๆดีเจทุกคนเป็นกำลังใจให้คุณโอ๋ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

แม่โทรหาพ่อ พ่อออกไปสังสรรค์กับเพื่อน พ่อลืมกดวางสาย แม่นั่งฟังต่อ 1 ชั่วโมงกว่า ได้ยินตั้งแต่พ่อเมากับเพื่อน จนพาผู้หญิงอีกคนไปนอนด้วยกัน ตอนมีอะไรกัน แม่ได้ยินทุกอย่าง พีคสุดผู้หญิงคนนั้นคือคนแถวบ้านที่รู้จักด้วย

08 มี.ค. 2024

แม่โทรหาพ่อ พ่อออกไปสังสรรค์กับเพื่อน พ่อลืมกดวางสาย แม่นั่งฟังต่อ 1 ชั่วโมงกว่า ได้ยินตั้งแต่พ่อเมากับเพื่อน จนพาผู้หญิงอีกคนไปนอนด้วยกัน ตอนมีอะไรกัน แม่ได้ยินทุกอย่าง พีคสุดผู้หญิงคนนั้นคือคนแถวบ้านที่รู้จักด้วย

แม่โทรหาพ่อ พ่อออกไปสังสรรค์กับเพื่อน พ่อลืมกดวางสายแม่นั่งฟังต่อ 1 ชั่วโมงกว่า ได้ยินตั้งแต่พ่อเมากับเพื่อนจนพาผู้หญิงอีกคนไปนอนด้วยกัน ตอนมีอะไรกัน แม่ได้ยินทุกอย่างพีคสุดผู้หญิงคนนั้นคือคนแถวบ้านที่รู้จักด้วย ตอนนี้แม่เศร้ามา 2-3 แล้ว หนูจะทำยังไงดีคะ? “คุณนิค(นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 มี.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาที่คุณแม่ได้ยินเสียงคุณพ่อกับชู้กำลังมีอะไรกันในโทรศัพท์ โดย ​“คุณนิค(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คุณแม่คุยโทรศัพท์กับคุณพ่อ ได้ยินเสียงคุณพ่อสังสรรค์กับเพื่อนๆ และมีอะไรกับผู้หญิงอีกคนนึง เพราะคุณพ่อเมาแล้วลืมกดวาง แต่คุณแม่ไม่วางสาย เพราะอยากรู้ว่าในวงนั้นเขาคุยอะไรกันบ้าง? จนมันลามไปถึงตรงนั้น คุณแม่อายุ 69 ปี ส่วนคุณพ่ออายุ 58 ปี จะอายุน้อยกว่าคุณแม่ วันเกิดเหตุ คือคืนวันเสาร์ จากที่คุณแม่เล่าให้ฟัง คุณพ่อขอไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ตามปกติ คุณแม่เป็นคนไม่โทรจิก ไม่โทรตาม แค่จะถามว่าอยู่ไหน เมื่อไหร่จะกลับแค่นั้น คุณพ่อเป็นคนที่ชอบสังสรรค์กับเพื่อนอยู่ตลอด แต่คุณแม่ก็เข้าใจในส่วนนี้ วันนั้นเหตุการณ์คือ คุณพ่อไปสังสรรค์ คุณแม่ก็โทรตามปกติ คุณพ่อบอกว่า เดี๋ยวกลับแล้ว คุณพ่อก็คิดว่าคุณแม่วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว แต่หลังจากนั้นคุณแม่ก็แอบฟังว่าเขาคุยอะไรกัน ก็ฟังไปเรื่อย ๆ จนถึงจุด ๆ หนึ่ง เขาได้ยินเสียงคุณพ่อกับผู้หญิงคนนึงมีอะไรกัน มีการบอกว่าต้องทำยังไง และเสียงผู้หญิงตอนมีอะไรกันมันออกมาด้วย ซึ่งคุณพ่อน่าจะเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงและเมาในระดับหนึ่ง คุณแม่ก็ฟังจนเขาเสร็จภารกิจ ไปส่งกันแต่ไม่ถึงหน้าบ้าน เพราะเขาตกลงกันว่าจะส่งแค่ครึ่งทาง หลังจากที่กลับมาบ้าน คุณแม่ก็เคลียร์ตรงนั้นเลย คุณแม่มีสติ แต่ไม่รู้ว่าคุณพ่อพูดอะไรออกไปบ้าง เช้ามาคุณแม่ก็โทรหานิคเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ส่วนนิคก็โทรถามคุณพ่อว่า เหตุการณ์มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงทำแบบนั้นลงไป คุณพ่อก็ไม่ปฏิเสธ เขาบอกว่า เขาเมา อารมณ์ชั่ววูบ และไม่ได้ป้องกันด้วย ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนกับผู้ชายอีกคนหนึ่งในงาน เขาก็ไม่ใช่คนไกล อยู่หมู่บ้านข้าง ๆ คุณพ่อบอกคุณแม่ว่าเขามีครอบครัว มีสามี มีลูกแล้ว แต่สามีของผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด คุณแม่บอกว่าไม่ได้นอนเลย 2 - 3 วัน หนูกับคุณแม่อยู่คนละจังหวัด แต่อยู่จังหวัดใกล้ ๆ กัน หนูก็ได้แต่โทรไปถามว่า โอเคใช่ไหม จะทำยังไงกันดี คุณแม่ก็บอกว่า ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกเลย คุณแม่ค่อนข้างช็อคเพราะได้ยินทุกอย่าง หนูอยากถามว่า หนูจะปลอบใจแม่ยังไงดี เพราะไม่รู้ว่าแบบไหนจะช่วยให้ดีขึ้น?’ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ช่วงนี้ก็วิดีโอคอลหาคุณแม่บ่อย ๆ ปลอบใจกัน เวลาเห็นหน้าอาจจะส่งผลดีมากขึ้น สุดท้ายแล้วถึงแม่จะร้องไห้ ก็จะค่อย ๆ เยียวยาในตัวของมันเอง ได้เห็นหน้าลูก ได้เห็นหน้าหลาน อาจจะพอช่วยเยียวยาในช่วงนี้ไปได้บ้าง เรื่องราวมันค่อนข้างจะแรงมาก สิ่งที่ได้ยินมันเป็นซีนที่ทำร้ายจิตใจแบบมหาศาล ถ้าเราจะปลอบแม่ เราก็ต้องเชื่อก่อนว่า มันคือความผิดพลาด สิ่งที่เกิดขึ้นจากความมึนเมาแค่ครั้งเดียว คืนเดียวของพ่อ ก็คงต้องบอกว่า พ่อไม่เคยมีประวัติ มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะเมาแล้วขาดสติ ชั่ววินาทีเดียวอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ แต่เชื่อว่าไปนั่งพร่ำบอกว่าพ่อเป็นยังไง มันก็คงช่วยลำบากเพราะเหตุการณ์พึ่งเกิด ก็ทำได้แต่ชวนคุณแม่คุยเรื่องอื่น ชวนดูหลาน เลี้ยงหลาน ส่งรูปหลานให้ดูเยอะ ๆ ก็จะช่วยเยียวยาคนแก่ได้มาก เอาลูกของเราเป็นตัวช่วยสมานแผลให้กับคุณยาย’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าทำได้อยากให้คุณนิคจับเขาแยกกันก่อน เพราะว่าเขาอยู่ด้วยกัน 2 คน ถ้าคุณแม่ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยระแคะระคาย แล้วมาเจอตอนอายุ 69 ปี พี่ว่าก็ช็อค แล้วมาเจอเหมือนอยู่ในไลฟ์สด ต้องฟังไปเรื่อย ๆ จนจบ ก็ไม่แปลกที่คุณแม่จะมีอาการอย่างนี้ อาจจะให้มาอยู่กับทางหนูก่อน เพื่อไม่ให้ว่างหรือฟุ้งซ่าน เพราะตอนนี้พี่ว่าถ้าเขาอยู่คนเดียว ไม่มีอะไรมาดึงความสนใจ เขาก็ต้องคิดแต่เรื่องนี้ คล้าย ๆ กับพี่เผือกว่า เอาอย่างอื่นมาดึงความสนใจเขาก่อน พี่ว่ามันต้องใช้เวลาสักพักกับเรื่องนี้ จนเขาตกตะกอน ซึ่งพอเขาแยกออกมามันอาจจะเป็นได้ 2 ทางเลยคือ เขาตัดสินใจให้อภัยคุณพ่อ หรือเลิกกัน ซึ่งไม่ว่าจะยังไง พี่ว่าการที่นิคจะทำได้ดีที่สุดคือ น่าจะทำให้เขาเห็นว่า ไม่ว่ามันจะหัวหรือก้อย อยู่ต่อหรือเลิก คุณแม่จะมีคุณนิคอยู่ด้วย พร้อมซัพพอร์ตคุณแม่’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ตัวต้นเหตุคือคุณพ่อ สร้างความกลัวให้คุณพ่อเรื่องการที่ไม่ป้องกัน พ่อรู้ไหมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? แชร์ตัวอย่างต่าง ๆ ที่ผิดพลาดในครั้งเดียว แล้วชีวิตเปลี่ยนไปทั้งชีวิต บอกพ่อเลยว่าอีก 3 เดือนพ่อต้องไปตรวจ ถ้าเกิดว่าพ่อไม่เป็น ถือว่าพ่อโชคดีมาก ๆ ฉะนั้นพ่อจงรักษาความโชคดีนี้เอาไว้ เพราะวันนี้ถ้าพ่อเป็นอะไรขึ้นมา พ่ออาจจะเสียแม่ไปด้วย การแยกตอนนี้มันยากมาก ความผูกพันที่แม่มีกับพ่อมันยาวนานมากแหละ แต่คนที่ตัดสินใจคือคุณแม่ว่าจะอยู่หรือจะไป เพียงแต่ ณ ตอนนี้เราดึงคุณแม่ออกมาก่อน ให้คุณแม่ตกตะกอนทางด้านความคิด ความรู้สึก ตอนนี้ฮีลใจคุณแม่ สร้างความกลัวให้คุณพ่อเพื่อไม่ให้ทำผิดอีก’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หัวหน้างานมีลูกมีเมียแล้ว แต่มาขอเลี้ยงดูเรา แบบไม่หวังผลอะไร เราปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็โอนมาให้ทีละ 1000 2000 5000 ตอนนี้อึดอัด ไม่อยากออกงานเพราะงานดี เงินก็ดี เสียดายงานนี้ จะทำยังไงดี?

12 ธ.ค. 2023

หัวหน้างานมีลูกมีเมียแล้ว แต่มาขอเลี้ยงดูเรา แบบไม่หวังผลอะไร เราปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็โอนมาให้ทีละ 1000 2000 5000 ตอนนี้อึดอัด ไม่อยากออกงานเพราะงานดี เงินก็ดี เสียดายงานนี้ จะทำยังไงดี?

“คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 ธ.ค 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจต้นหอม – ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น กับปัญหาพี่ที่ทำงานอยากขอเลี้ยงดูเรา ทั้งๆ ที่เขาก็มีลูกมีเมียแล้ว โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘เป็นเรื่องที่พี่หัวหน้าที่ทำงาน เขาอายุห่างกับหนูเกือบ 20 ปี เขามาขอดูแลเรา ทั้งๆที่เขามีลูกมีเมียอยู่แล้ว แล้วหนูก็ไม่ได้อยากออกจากงาน เขามาพูดว่า “เขาอยากดูแล เขาไม่อยากได้อะไรจากเรา ขอแค่ดูแล” แต่พอมันเยอะขึ้นๆ หนูก็รู้สึกอึดอัด ก็เลยบอกเขาไปว่า “ไม่ต้องดูแลก็ได้ค่ะ แค่ถามไถ่กันอย่างนี้ก็พอ” แต่มันจะมีช่วงที่เขาให้คนมาถามเวลาเราคุยโทรศัพท์ ว่าเราคุยกับใคร? คุยกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ช่วงแรกๆ ที่หนูมาทำงาน เขาก็จะซื้อน้ำ ซื้ออะไรมาให้ “หนูก็ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจ” แต่พี่เขาก็บอกว่า “ไม่เป็นไร พี่แค่อยากช่วย เห็นเราเป็นรุ่นน้อง” แต่มันเริ่มข้ามเส้นเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เขาฟอลไอจีมา ไม่รู้ว่าหามาจากไหน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มมาชวนเราไปทานข้าว ซื้อของราคาแพงให้เรา บางทีก็โอนเงินมาให้ ครั้งละ 1,000 บ้าง 2000 บ้าง มากสุด คือ 5000 บาท เขาบอกว่า “เขาแค่อยากให้ เขาไม่ได้ต้องการอะไร” หนูก็รู้สึกแปลกๆ เพราะมันมีด้วยหรอที่ให้แล้วไม่ต้องการอะไร เขาก็มีลูกมีเมียอยู่แล้ว และหนูเองก็มีคนคุยอยู่เหมือนกัน หลังจากนั้น 2 เดือนต่อมาเขาก็มาบอกว่า “ขอคุยในฐานะอื่นได้ไหม” หนูก็บอกเขาไปว่า “พอดีมีคนคุยแล้ว แล้วก็ไม่ได้คิดจะชอบเขา” เหมือนมันจะดีขึ้น แต่สักพักเขาก็มาชวนไปทานข้าว ส่งสติกเกอร์ ส่งไลน์ ส่งเพลงมาให้ บางทีหนูก็รำคาญแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาเป็นรุ่นพี่ เป็นหัวหน้างานเรา เคยปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็ตึงๆ ใส่เรา บรรยากาศมันก็จะตึงๆ บางทีก็เลยยอมไปกับเขาด้วย แล้วเขายังเคยทักไปหาคนคุยเราว่าคุยกับเราจริงไหม? เขาบอกว่าเขาต้องการความชัดเจน แต่งานนี้เงินดี แล้วงานก็ดีมาก ก็เลยไม่อยากจะออก หนูอยากจะปรึกษาว่าควรจะทำยังไง หรือหาคำพูดยังไง หรือว่าควรบอกภรรยาเขาเลยดีไหม?’ โดย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่กำลังเป็นห่วงความปลอดภัย มันปลอดภัยแค่ไหนถ้าเราทำงานอยู่กับเขา 2 คน ถ้าเกิดเขาใช้กำลังกับเรา ถ้าแนะนำตอนนี้คือปฏิเสธให้เด็ดขาด สิ่งที่เขาทำให้อึดอัด แล้วเขาน่าจะเริ่มเข้ามาได้ไม่นาน ฉะนั้นเขาน่าจะไม่ได้มีความหวังอะไรมาก การไม่ไปกินข้าวกับเขาสองต่อสองเป็นการดับความหวัง เพราะการไปกินข้าวกับเขามันเป็นการให้เขามีความหวัง แล้วเขารู้ว่าเราเป็นคนใจอ่อน แล้วของทุกอย่างไม่ต้องรับ เราต้องไม่รับของเขาเพื่อทำให้เขารู้ในความชัดเจน ต่อให้เขาจะไล่หนูออกหรือว่าต้องหางานใหม่ พี่ว่าก็หางานใหม่ถ้าเขาจะไล่เราออกด้วยเหตุผลแค่นี้ ถ้าเขาให้เงินมาก็บอกไปว่าขอไม่รับ หนูรู้สึกอึดอัดหนูขอไม่รับดีกว่าหนูจะสบายใจกว่า การรับผลประโยชน์จากเขามันแปลว่าเรายอมรับนิดนึงแล้วต้องชัดเจน สำหรับพี่ถ้ายังเสียดายงานนี้ ก็ตีตัวออกห่างแสดงความชัดเจนเลย ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก เราพูดไปเลยว่า “พี่คะ สิ่งที่พี่กำลังทำอยู่หนูอยากให้หยุดเพราะหนูอยากมาที่นี่เพื่อทำงาน แล้วหนูรู้สึกอึดอัด แล้วหนูก็รู้จักกับครอบครัวพี่ ถ้าพี่จะถามหาความชัดเจนระหว่างเราหนูขอปฏิเสธตรงนี้เลย ว่าหนูไม่ได้คิดอะไร สิ่งที่พี่ทำอยู่มันทำให้หนูรู้สึกไม่สบายใจ” ชัดเจนไปเลยต่อให้เราไม่มีแฟนเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรกับเราแบบนี้’ ต่อมา “ดีเจอั๋น” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าหนูจะบอกภรรยาเขาหนูเตรียมหางานใหม่ ซึ่งถ้าหนูคิดว่าจะหางานใหม่อยู่แล้วก็ไม่ต้องไปบอกภรรยาอยู่ดี พี่ว่าไม่จำเป็นต้องไปถึงขั้นนั้น ถ้าเขาจะให้เงินเรา เราก็บอกไปว่า “ถ้าพี่เห็นหนูทำงานดี พี่ให้เป็นโบนัสเลยตอนปลายปี” จริงๆ นี่คือคุกคามอย่างชัดเจน และคุกคามโดยเอาหน้าที่การงานมากดทำให้เราอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถปฏิเสธ แล้วก็เราพูดไปเลยว่า “แล้วถ้าบังเอิญหนูทำอะไรให้พี่เข้าใจผิดไปว่าหนูมีใจ หนูขออภัยด้วยค่ะ แล้วสิ่งสุดท้ายที่หนูจะทำในชีวิต คือการยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว เพราะมันเป็นบาปค่ะ” แต่พี่ว่ายังไงเราควรหางานอื่นสำรองไว้’ และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูเริ่มต้นงานอื่นได้ พี่ว่าสิ่งที่เขาทำมันเกินไปแล้ว พื้นที่ส่วนตัวของเรา มันคุกคามแล้วก็ยิ่งเขาชัดเจนว่าขอดูแลเราพี่ว่าเขาไม่ได้หวังดีกับเรา ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นได้ขนาดไหน ถ้าเขายังขนาดนี้ ทั้งที่เขามีลูกมีเมียอยู่แล้ว พี่ว่าหนูไปทำงานที่อื่นสำหรับพี่ แล้วยืนยันไปว่าหนูไม่มีอะไรมากกว่าการทำงานเลย น้องเอต้องคิดดีๆ พี่ว่าอย่าละเลยต้องระวัง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูจะเลือกทางไหนดี? ครอบครัวอยากให้เรียนภาษาญี่ปุ่น มีงานรองรับให้ แต่ใจหนูอยากเรียนนิเทศศาสตร์ เพราะหนูเคยแคสซีรีส์ และมีผู้ติดตามใน TIKTOK เยอะด้วย ตอนนี้กำลังจะต้องเลือกคณะแล้วยังลังเลอยู่ค่ะ...

09 พ.ค. 2025

หนูจะเลือกทางไหนดี? ครอบครัวอยากให้เรียนภาษาญี่ปุ่น มีงานรองรับให้ แต่ใจหนูอยากเรียนนิเทศศาสตร์ เพราะหนูเคยแคสซีรีส์ และมีผู้ติดตามใน TIKTOK เยอะด้วย ตอนนี้กำลังจะต้องเลือกคณะแล้วยังลังเลอยู่ค่ะ...

“คุณหนูจี๊ด (นามสมมติ)”อายุ 18 ปี สายที่สามในรายการพุธทอล์ค พุธโทรเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [7 พฤษภาคม 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา“ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม”เกี่ยวกับปัญหาการเรียนต่อว่าจะเลือกสายไหนดี? ระหว่าง เรียนญี่ปุ่น หรือ นิเทศศาสตร์ โดย “คุณหนูจี๊ด (นามสมมติ)”ได้เล่าว่า คุณแม่ของหนูจี๊ดเสียงเมื่อ 3 เดือนก่อน แล้วไม่ได้อยู่กับพ่อ แต่อาศัยอยู่กับน้าสาวเป็นหลัก ช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงของการเปิดเทอมเรียนแล้ว อยากจะปรึกษาว่าควรจะเลือกเรียนอะไรดี? เรียนตามความฝัน หรือ ตามที่ครอบครัวอยากให้เรียน ซึ่งทุกคนในครอบครัวอยากจะให้หนูเรียนภาษาญี่ปุ่น เพราะน้าทำงานบริษัทญี่ปุ่น จะช่วยปูทางเข้าทำงานให้ได้ แต่ใจลึกๆอยากจะเรียนนิเทศศาสตร์ เพราะเคยไปแคสซีรีส์มาแล้ว และ คนติดตามใน TIKTOK ก็ค่อนข้างเยอะ คิดว่าถ้าเรียนนิเทศศาสตร์แล้วอาจจะมีความสุขมากกว่า อยากจะถามพี่ๆว่า ควรจะเลือกทางไหนดี?’ “ดีเจเผือก” ได้ให้ความคิดเห็นว่า ‘ถ้าเทียบกัน อยากให้ดูความจำเป็น ของชีวิตเราเป็นหลัก ว่าเรามีเวลาทำตามความฝันนานแค่ไหน พิสูจน์ตัวเองนานแค่ไหน เรามีเวลาในการต่อสู้ในเส้นทางนี้แค่ไหน ต้องยอมรับว่านิเทศศาสตร์ คู่แข่งเยอะ การที่จะมาอยู่เบื้องหน้า คู่แข่งเยอะมากๆ แต่ถ้ามองว่าจะทำเบื้องหลัง พูดตรงๆว่าจะใช้ชีวิตที่เหนื่อยพอสมควร เช่น กองถ่าย เหมือนทุกวันนี้คนเบื้องหลังอยู่ด้วยแพชชั่น อยู่ด้วยใจรัก ถ้าเทียบกันงานที่บริษัทญี่ปุ่น หรือ บริษัทภาษาอื่นๆมา ถ้าเราเรียนภาษาเหล่านี้ มันมีโอกาสสูงมากที่เราจะได้ทำงานต่อได้ในเวลาอย่างรวดเร็ว หรือมองง่ายๆว่า มีตำแหน่งงานรองรับมากกว่า คิดซะว่า จบมา มีงานบริษัทญี่ปุ่นรออยู่เลย เผลอๆฝั่งนิเทศ เพื่อนที่จบนิเทศมาอาจจะอิจฉาเราด้วยซ้ำ เพราะงานเราที่ทำออฟฟิศต่างชาติมันค่อนข้างสบาย แต่ถ้าเทียบกับฝั่งนิเทศกว่าเราจะไปเป็นเบื้องหน้าได้มันยากกว่า อยากให้หนูจี๊ดกลับไปนั่งเลือกฝั่ง ความจำเป็นในชีวิตเราว่าจะเลือกฝั่งไหนดีนะ? จะเลือกนิเทศแล้วเรียนเสริมญี่ปุ่นก็ได้แล้วแต่เรา แต่ต้องขยันหน่อยนะ ถ้าเราเลือกแบบนี้’ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้าอยากทำเบื้องหน้า อยากให้ไปเรียนญี่ปุ่นเลย เพราะถ้าจะทำเบื้องหน้า ถ้าเรามีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่น สวย เก่ง แล้วได้ภาษาญี่ปุ่นได้ไฟแล่บอีก ยิ่งมีหนทางให้กับตัวเองอีก ไปแคสโฆษณาได้อีก เพราะตอนนี้เท่าที่ดูโปรไฟล์หนู หนูจี๊ดมีแววมาก แต่ถ้าหากอยากเป็นเบื้องหลัง การไปเรียนนิเทศก็จำเป็น แต่เท่าที่ดูโปรไฟล์หนูจี๊ด หนูมาทางสายเบื้องหน้ามากกว่า พูดจากประสบการณ์ก็คือสายนิเทศคนที่เรียนนิเทศแล้วจะจบมาเป็นเบื้องหน้าเลย มันมีน้อย แนะนำว่าอย่าทิ้งภาษาญี่ปุ่น การที่เราเรียนจนพูดได้ฟังได้ มันทำให้เรามีภาษีสูงขึ้น ดูอย่างอย่างดีเจดาว ดีเจดาวสามารถเป็นเบื้องหน้าได้ และ เป็นพิธีกรภาษาญี่ปุ่นได้ ยังไงภาษาญี่ปุ่นก็ได้ใช้อยู่แล้ว ต้องกลับไปถามตัวเองเยอะๆแล้วว่าอยากเป็นเบื้องหน้า หรือ เบื้องหลัง’ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำแนะนำว่า ‘ตัวพี่เองจบเศรษฐศาสตร์มาแล้วก็มาเป็นดารา เพราะพี่ฝันจะเป็นดารา แนะนำว่าจากคาแรคเตอร์เรา หน้าตา บุคลิกเรา มีสไตล์อยู่แล้ว เอาเวลาไปเรียนภาษาญี่ปุ่น แล้วทำ Content เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นควบคู่ไปด้วย ดีเจต้นหอมชื่นชมว่าดูจากคลิปที่โพสแล้วว หนูจี๊ดเต้นสวยมาก เต้นเก่งมาก ทำคาแรคเตอร์ให้เป็นผู้หญิงที่เก่งภาษาญี่ปุ่น และ เต้นด้วยได้ หนูมีของอยู่แล้ว อินเนอร์ของหนูคือดีมาก ดังแล้วอย่าลืมพี่นะ และที่สำคัญหนูสามารถทำชีวิตตัวเองให้มีความสุขได้ โดยที่ไม่ต้องเรียนนิเทศก็ได้’ “ดีเจเผือก” กล่าวเสริมตอนท้ายว่า ‘ถ้าสมมุติเดินทางในสายบันเทิงแล้วไม่โด่งดัง ก็ทำงานสายญี่ปุ่นให้รวยไปเลย ตั้งใจทำงาน ดูแลตัวเองให้ได้ มองง่ายๆเป็นเลขาเจ้านายญี่ปุ่น เงินยังดีมากๆ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สิ้นปีตั๋วกลับใต้แพงมาก เดินทางวิธีไหนก็ลำบาก แต่ประเด็นคือ รักแรกที่เราเคยแอบชอบมา 5 ปี ทักชวนเรากลับบ้านด้วยกันไหม ใจนึงก็อยาก แต่อีกใจนึงก็กลัวใจตัวเองจะหวั่นไหว เพราะเราทั้งคู่ต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นทุกคน จะตัดสินใจยังไงกันคะ ??

16 ธ.ค. 2024

สิ้นปีตั๋วกลับใต้แพงมาก เดินทางวิธีไหนก็ลำบาก แต่ประเด็นคือ รักแรกที่เราเคยแอบชอบมา 5 ปี ทักชวนเรากลับบ้านด้วยกันไหม ใจนึงก็อยาก แต่อีกใจนึงก็กลัวใจตัวเองจะหวั่นไหว เพราะเราทั้งคู่ต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นทุกคน จะตัดสินใจยังไงกันคะ ??

“คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคือวันพุธที่ [11 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาปีใหม่นี้คนที่เราเคยแอบชอบ ทักมาชวนกลับบ้านด้วย โดย “คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ปัญหาที่ตัวเองเจอคือ ‘เพื่อนที่เป็นรักแรกของหนูตอนม.2 ชวนกลับบ้านที่ต่างจังหวัดด้วยกัน’ แต่หนูไม่รู้ว่าต้องตัดสินใจไป หรือไม่ไปดี? เพราะว่าต่างคนก็ต่างมีแฟนกันอยู่แล้วทั้งคู่ ซึ่งตอนนี้หนูกับเขาอยู่โซนภาคกลางเหมือนกัน หนูอยู่กรุงเทพฯ แล้วเขาอยู่อีกจังหวัดนึง หนูกับเขาคุยกันผ่านแอปพลิเคชันนึง เขาก็บอกว่า ‘เอองั้นเธอก็กลับกับเราสิ’ ค่าเครื่องจะได้ไม่ต้องจ่ายเพราะช่วงปีใหม่มันแพง แล้วเราก็แบบใจฟูเนอะ ตั้งแต่ม.2 อ่ะ หนูชอบเขา แต่มันก็มีส่วนที่ตะขิดตะขวงใจอย่างนึงก็คือหนูก็มีแฟน เขาก็มีแฟน ถามว่าหนูอยากไปไหม? หนูก็อยากไปนะ หนูไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับหนูไหม แต่เขาก็บอกคิดถึงหนูอยู่นะ ‘ตอนเด็ก ๆ เราจีบกันเลยค่ะ’ คือหนูชอบเขาแล้วก็มีการกุ๊กกิ๊กกันอยู่ตลอด 5 ปี ตั้งแต่ ม.2 จนถึงปี 1 แต่มันเป็นอดีตนะ คำถามที่อยากจะถามพี่ดีเจคือ ‘ควรไปกับเขาดีไหม?’ คือเราอยากกลับบ้าน อยากเจอแม่ด้วย ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ไปกับใครก็ได้ แต่ไปกับเขาไม่ได้’ ที่เหลือไปหาทางกลับเอาเอง เพราะมีแฟนกันแล้ว ถ้าสมัยก่อนยังกลับบ้านเองได้อันนี้ กุ๊บกิ๊บกำลังจะหาเหตุ กำลังหาข้ออ้างที่จะไปกับกิ๊กเก่า ซึ่งแฟนเรามีอยู่แฟนเขาก็มีอยู่ “คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)” ทิ้งท้ายต่อว่า มันก็จะมีอีกคำถามนึงตอนแรกหนูก็พยามยื้อว่า เราไม่อยากไปเรากลัวแฟนเราด้วย แล้วก็กลัวแฟนเขาเสียใจด้วย แล้วเหมือนเขาก็ตัดพ้อกลับมาว่า ‘อะไรอะ เราแค่ไปเราเป็นเพื่อนกันนะ’ หนูเลยบอกว่า เราก็เกรงใจแฟนเธอนะ เธอก็มีแฟนอยู่แล้วถ้าแฟนเสียใจขึ้นมาทำยังไง? เขาก็บอกว่าแฟนเราไม่ได้งี่เง้าขนาดนั้นหรอก ทาง ‘ดีเจเติ้ล’ เลยให้คำปรึกมาว่าเนี่ยมันดูเหมือนอ่อยอ่ะ เหมือนอ่อยให้ไปเจอกันอ่ะ สุดท้ายนี้ทั้งสามดีเจ ได้ให้คำปรึกษาต่อว่า ‘ใจเราไม่บริสุทธ์ไปแล้ว เราคิดไปแล้ว ‘คนบางคนก็ไม่เหมาะเป็นเพื่อน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1