โยนเงินให้ 5000 ! แล้วเขาก็ทิ้งหนูกับลูกในท้องไปเลย สาวอายุ 19 ปี โทรปรึกษาสามดีเจในรายการ... คบกับแฟนมา 4 ปี ตอนนี้กำลังท้องได้ 6 เดือนแล้ว แต่จับได้ว่าแฟนนอกใจ หนูอยากกลับมาใช้ชีวิตปกติ แบบมีความสุข อยากจะมูฟออนต้องทำยังไง?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

โยนเงินให้ 5000 ! แล้วเขาก็ทิ้งหนูกับลูกในท้องไปเลย สาวอายุ 19 ปี โทรปรึกษาสามดีเจในรายการ... คบกับแฟนมา 4 ปี ตอนนี้กำลังท้องได้ 6 เดือนแล้ว แต่จับได้ว่าแฟนนอกใจ หนูอยากกลับมาใช้ชีวิตปกติ แบบมีความสุข อยากจะมูฟออนต้องทำยังไง?

21 ก.ค. 2023

            “คุณโอ๋ (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 ก.ค. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเติ้ล-ดีเจต้นหอม-ดีเจอั๋น เกี่ยวกับปัญหาชีวิตที่กำลังตั้งท้องแต่แฟนนอกใจ ก่อนไปเขาให้เงินเราแค่ 5,000

            “คุณโอ๋ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า หนูมีแฟนอายุ 23 ปี คบกับได้ 4 ปีแล้ว ตอนนี้หนูกำลังตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน แต่จับได้ว่าแฟนนอกใจ เขาให้เงินไว้ 5,000 บาท แล้วก็ทิ้งหนูไปเลย เรา 2 คน ไม่ได้แต่งงานและจดทะเบียนสมรสกัน ตอนนี้หนูกับแฟนเลิกกันแล้ว ไม่ได้ติดต่อ ตัดขาดกันทุกช่องทางมาเป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว หนูไม่ได้ตั้งใจท้องแต่ทางครอบครัวของหนูและแฟนไม่อยากให้เอาออก หนูเลยตัดสินใจเก็บลูกไว้แล้วดรอปเรียนออกมาทำงาน ส่วนแฟนหนูไม่ได้เรียน เขาจบมัธยมปลายแล้วก็ทำงานเลย

            แฟนของหนูเขาดูเป็นคนเจ้าชู้ แต่ตั้งแต่คบกันมาก็ไม่เคยมีเรื่องนอกใจ หรืออาจจะมีแต่หนูไม่เคยจับได้ เขาดูแลหนูดีทุกอย่างยิ่งตอนท้องยิ่งดีเป็นพิเศษ หลังจากเกิดเรื่องหนูเล่าทุกอย่างให้ครอบครัวของหนูฟัง เขาไม่ได้โกรธที่หนูท้อง เขาให้กำลังใจพร้อมที่จะดูแลหนูและลูก แต่ทางบ้านของแฟนบอกกับหนูว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคนไม่อยากเข้ามายุ่ง ถ้าลูกคลอดออกมาค่อยว่ากัน

            คุณโอ๋ถามพี่ๆดีเจว่า หนูจะทำใจ Move on ยังไงดี? หนูยังรัก ยังเห็นเขาอยู่ในทุกๆที่ หนูไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงต้องจบแบบนี้ หนูอยากกลับไปใช้ชีวิตปกติแบบมีความสุขเหมือนที่แฟนหนูทำอยู่ตอนนี้ หนูจะต้องทำยังไง?

            “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำว่า ‘ให้คุณโอ๋คิดถึงลูกให้มากๆ ตอนนี้คุณโอ๋มีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มากคือ หน้าที่แม่ ตอนท้องมันจะภาวะของมีฮอร์โมนที่มันสวิงมากๆ ยิ่งเราเ ครียดมากเท่าไหร่มันยิ่งส่งผลต่อลูกในท้องมากเท่านั้น ส่วนการ Move on คงต้องใช้เวลา นับจากวันนี้ อะไรที่ทำให้นึกถึงผู้ชายคนนั้นต้องพยายามลบออกไป ไม่รู้จะให้เขากลับมาทำไม ต่อให้เขากลับมาก็คงมารับผิดชอบดูแลคุณโอ๋กับลูกไม่ได้ ทั้งทางบ้านเขาและตัวเขาไม่มีอะไรดีให้น่าเสียดาย ฉะนั้นควรตัดสิ่งที่ไม่ดีนี้ออกไปจากชีวิต แล้วมาโฟกัสกับหน้าที่ในปัจจุบัน หน้าที่แม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มันหนักกว่าการทิ้งผู้ชายคนนึงไปอีก

            ส่วนจะใช้ชีวิตให้มีความสุขแบบเดิม มันเป็นแบบเดิมไม่ได้เพราะตอนนี้คุณโอ๋มีอีก 1 ชีวิตอยู่ในท้อง เราจะมีชีวิตแบบเดิมได้ก็ตอนลูกโต ถ้าคุณโอ๋อยากมีแฟน มีครอบครัวใหม่ ก็ทำได้ถ้าเราเจอใครสักคนที่รับได้ในความเป็นเรา ในเมื่อคุณโอ๋เลือกที่จะเก็บลูกไว้ ลูกจะเป็นทุกอย่าง และมาทดแทนความรักที่ขาดหายไป โลกทั้งใบของลูกก็คือคุณโอ๋ คุณโอ๋ควรเอาความรักทั้งหมดทุ่มเทให้ลูก ลูกอาจจะเป็นศูนย์รวมความรักทั้งหมดของโอ๋เลยก็ได้ ดังนั้นโฟกัสกับปัจจุบันและชีวิตที่เหลือ ส่วนอดีตที่เลวร้าย ช่างมัน ให้เวลาค่อยๆรักษา แล้วเราจะดีขึ้น’

            “ดีเจอั๋น” แนะนำว่า ‘จริงๆแล้ว ‘ควรมีเมื่อพร้อม’ ในทุกๆเรื่องไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม แต่เมื่อสิ่งนี้มันเกิดขึ้นแล้ว เราต้องกลับมาอยู่กับความจริงให้ได้ก่อน อย่าโทษตัวเองนานเพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ห้ามคิดว่าชีวิตตัวเองพัง ไม่เหลือโอกาสในการใช้ชีวิตหรือมีความสุขอีกแล้ว เรายังมีโอกาส ที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เรายังมีครอบครัวที่คอยซัพพอร์ตทั้งจิตใจและร่างกาย

            ตอนนี้สิ่งที่คุณโอ๋ควรกังวลน้อยที่สุดคือเรื่องการเสียผู้ชายคนนี้ไป มันดูง่ายที่ทุกคนบอกให้ทิ้งเขาไป สำหรับคุณโอ๋มันเป็นเรื่องยากเพราะคุณโอ๋ยังรักเขาอยู่ แต่อยากให้คุณโอ๋ค่อยๆตระหนัก คิดถึงเขาให้น้อยลง หันไปโฟกัสเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านี้ให้มากขึ้น แล้วจะรู้ว่า ‘คนๆนี้คือยาพิษ’ มันไม่มีประโยชน์เลยที่จะได้เขานี้กลับมาในชีวิต คิดว่าลูกคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาให้มา นอกจากนั้นมันไม่มีค่าเลย คุณโอ๋ต้องยืนขึ้น รับผิดชอบตัวเองและเป็นคุณแม่ที่ดีให้ได้ ทำให้ครอบครัวที่ซัพพอร์ตเราอยู่ภูมิใจ เอาความเศร้าทั้งหมดมาเปลี่ยนเป็นพลังบวกเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่านี้ให้ได้ แล้ววันนึงที่คุณโอ๋มีอิสระมากพอ ค่อยคิดว่าตัวเองจะมีความสุขกับชีวิตยังไง คิดซะว่านี่คือโจทย์ของชีวิต ผู้ชายคนนั้นแค่ปัญหาที่เราต้องแก้ แล้วทำมันให้ดีที่สุด’

            ส่วน “ดีเจเติ้ล” แนะนำเสริมว่า ‘เรื่องที่คุณโอ๋เจอมันเป็นเรื่องยากมากที่จะผ่านไปให้ได้ในอายุ 19 ปี แต่มันมีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหลายคนที่อายุเท่าคุณโอ๋แล้วเลี้ยงลูกได้ดี ชีวิตมีความสุข แต่ก็มีฝั่งที่ชีวิตพัง แล้วแต่ว่าคุณโอ๋อยากให้ชีวิตของตัวเองเป็นแบบไหน หลังจากนี้อีก 3 เดือนก่อนที่ลูกจะคลอด คุณโอ๋ต้องทำให้ลูกเห็นว่า ถึงจะมีพ่อที่ไม่ดี ไม่เห็นคุณค่าของแม่และลูก แต่ลูกโชคดีที่มีแม่เป็นคุณโอ๋ที่สามารถทำหน้าที่ให้ความรักแทนพ่อที่ทำไม่ได้ เอาความเศร้าในแต่ละวันมาเปลี่ยนเป็นพลังเพื่อดูแลตัวเองและลูก เป็นตัวอย่างที่ดีให้เขา ส่วนจะทำยังไงใช้ชีวิตมีความสุข คุณโอ๋ลองถามคุณแม่ตัวเองก็ได้ว่า ตอนที่คุณแม่มีคุณโอ๋ ท่านมีความสุขมากขนาดไหนกับการที่ได้เป็นแม่คนๆนึง เรายังมีความสุขได้แค่เรามีอีกมือนึงที่จับลูกเราไว้เท่านั้นเอง’

            พี่ๆดีเจทิ้งท้ายว่า ‘สิ่งนี่น่ากลัวที่สุดคือการที่ผู้ชายคนนั้นกลับมา เพราะเขาจะกลับมาเป็นภาระให้คุณโอ๋ แล้วก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเขาจะทิ้งเราไปอีกหรือเปล่า บอกตัวเองว่า หัวใจที่เจ็บปวดที่สุดในวันนี้จะกลายเป็นหัวใจที่มีความสุขในอนาคต คุณโอ๋ต้องมองไปในทางที่ดีเศร้าไปก็ไม่มีประโยชน์มันจะส่งผลกระทบต่อลูกในท้อง ถ้าตอนนี้ต้องการกำลังใจให้ไปกอดพ่อแม่และครอบครัว พวกเขาพร้อมให้กำลังใจและความรักกับคุณโอ๋เสมอ’

            สุดท้ายนี้พี่ๆดีเจทุกคนเป็นกำลังใจให้คุณโอ๋ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

บริษัทแฟนจัดสัมมนา แต่แฟนเรามาบอกว่า หัวหน้าเขาขอเก็บเงินน้องๆผู้ชายในทีมหลักหมื่น เราเลยถามว่าบริษัทจัด ทำไมเธอต้องจ่าย? แฟนบอก "หัวหน้าเขาเตรียมเด็ก N รอไว้ที่นู่นแล้ว" จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะเพิ่งเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้หนูควรทำยังไงดี?

02 ก.ค. 2024

บริษัทแฟนจัดสัมมนา แต่แฟนเรามาบอกว่า หัวหน้าเขาขอเก็บเงินน้องๆผู้ชายในทีมหลักหมื่น เราเลยถามว่าบริษัทจัด ทำไมเธอต้องจ่าย? แฟนบอก "หัวหน้าเขาเตรียมเด็ก N รอไว้ที่นู่นแล้ว" จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะเพิ่งเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้หนูควรทำยังไงดี?

“คุณข้าว (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (26 มิ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับแฟนไปสัมนาต่างประเทศ แต่โดนเก็บเงินจ้างเด็กเอ็น “คุณข้าว (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘แฟนต้องไปสัมนาไปดูงานกับทางบริษัทที่ต่างประเทศ แล้วแฟนมาบอกว่าต้องไปที่ที่นึง (ขอไม่เอ่ยชื่อ) แล้วเหมือนผู้จัดการจะเรียกเก็บเงินพนักงานในแผนกทุกคน เพื่อไปซื้อบริการ หรือจ้างเด็กเอ็นมาเอ็นเตอร์เทรน หนูงงว่า ทำแบบนี้กันได้ด้วยหรอ? เพราะผู้จัดการก็มีภรรยาแล้ว แล้วทำไมถึงจะจ้างเด็กเอ็น หนูไม่ค่อยสบายใจเลย ไม่ใช่หนูไม่ไว้ใจแฟนนะ แต่บางทีหนูไม่ไว้ใจเพื่อนร่วมงานเขา สมมติว่าแฟนหนูไม่ได้ทำก็จริง แต่ถ้าเกิดว่าโดนยั่วยุ พี่คุิดว่ามันจะอยู่เฉยๆได้ใช่มั้ยคะ ซึ่งหนูไม่โอเคเลยถ้าแฟนจะซื้อบริการ หนูถามเขาแล้วว่าอยากไปไหม เขาก็บอกว่า “ไม่อยากไป แต่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เพราะเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมา” หนูเพิ่งคบกันมาไม่นานมากเกือบครึ่งปี เวลามีอะไรก็จะเล่าให้ฟัง เขาเคยเล่าให้หนูฟังว่าเคยไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ครั้งนั้นมีเพื่อนไปด้วย เลยไม่ได้อยู่ร่วมวงเพราะแอบหนีกันมา แต่ครั้งนี้เพื่อนเขาไม่อยู่ด้วย หนูอยากถามว่า “ถ้าแฟนหนูไปหนูจะไว้ใจเขาได้ไหม หรือจะเอายังไงดี’ โดย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า “ถ้าพี่รับไม่ได้เรื่องเด็กเอ็น แฟนก็ไม่มีสิทธิ์ไปปาร์ตี้เด็กเอ็นอยู่แล้ว และพี่ก็เชื่อว่าไม่มีใครบังคับให้ใครใช้บริการนี้ได้ถ้าเจ้าตัวไม่เต็มใจ เป็นไปไม่ได้ เพราะนี้คือสิ่งที่ไม่ปกติ มันอาจจะเป็นพฤติกรรมปกติของผู้ชาย แต่ก็เป็นแค่คนเฉพาะกลุ่มที่ชอบแบบนี้ แล้วคนเหล่านี้ก็จะไม่บังคับคนที่ซื่อสัตย์ หรือรักแฟนให้ร่วมทำกิจกรรมนี้แน่นอน และด้วยประสบการณ์ของพี่ที่เขาเล่าว่า ”ปีที่เลยเคยเจอแบบนี้แล้วหนีออกมา“ มันคือการเล่าเกริ่นไปก่อนว่าเขาเป็นคนแบบไหน ถ้าหนีออกมาได้ มันไม่ได้ตั้งแต่แรก แล้วที่พี่ถามว่า ”ข้าวรับได้ไหมเรื่องเด็กเอ็น“ ถ้ารับไม่ได้ นั่นแปลว่ากิจกรรมนี้ต้องไม่เกิดขึ้นกับเธอ ต้องปฏิเสธ เพราะถ้าข้าวรับไม่ได้แล้วข้าวจะแคร์ผู้ชายคนนี้ทำไมที่เขาเป็นผู้ชายสายปาร์ตี้เด็กเอ็น ของแบบนี้ไม่มีใครบังคับให้ใครทำ มันไม่เหมือนการประกวดแต่งแฟนซีของงานเลี้ยงบริษัท อันนั้นมันเป็นกฎบริษัท แต่การใช้บริการเด็กเอ็นโดยการจ่ายเงิน ต้องมาจากความสัมครใจทั้งนั้น พี่จะไม่ตัดสินว่าแฟนข้าวเป็นแบบนั้นหรือป่าว แต่ถ้าข้าวรับไม่ได้ ไม่ผิดเลยที่จะยืนคำขาดว่า ไปสัมนากับบริษัทได้ แต่ไปกิจกรรมนี้ไม่ได้ แล้วในบริษัทไม่มีใครหน้าไหนบังคับเธอได้ด้วย เพราะมันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธแล้วมันไม่น่าเกลียด แล้วพี่อยากให้ข้าวสังเกตุแฟน ไปเช็คเลยว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ ระวังจะเจอตัวพ่อ ลองเผื่อใจไว้หน่อย เพราะผู้ชายดีๆปฏิเสธแน่นอน’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่คิดว่ามันไม่ใช่กิจกรรมหลักแน่ๆ ลองคิดดูนะว่ามีบริษัทจัดงานสัมนา แล้วปาร์ตี้เด็กเอ็นอยู่ในตารางกิจกรรม มันประหลาดนะ มันเหมือนกับแค่ไปเที่ยวกันแล้วพอกลางคืนก็ออกไปปาร์ตี้เตรียมเด็กเอ็นไว้ เพราะฉนั้น Main Event ควเป็นการไปเที่ยวไปทัวร์ แต่คงมีสักคืนหนึ่งที่แก๊งนี้จะแยกตัวออกไปเที่ยว เพราะฉนั้นไม่ใช่เรื่องเลยที่จะบอกว่าโดนบังคับ ไม่มีทางเลย ยิ่งกลุ่มหนึ่งแยกออกไป แล้วแฟนของข้าวบอกว่า “ตัวเองเค้าโดยบังคับ” ไม่เลยมึงอะอยากไปเองค่ะ ยิ่งบริษัทใหญ่ยิ่งไม่มีทางเลย พี่ยังไม่ได้ตัดสินแฟนหนูนะ ถ้าเกิดแฟนไม่อยากไปจริงๆ ลองให้เขาปฏิเสธ ลองไม่ไปดู แค่ไปเที่ยวปกติ ไปทัวร์ พอตกกลางคืนก็กลับเข้าห้อง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เห็นด้วยกับทุกคนเลย พี่ว่าถ้าข้าวไม่ชอบ ก็บอกเขาไปเลย แล้วมาดูว่าเขาจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง เขาจะไป เขาจะไม่ไป หรือถ้าแบบขี้เหล่สุดคือเขาจ่ายเงินแต่ไม่ไป และมันก็มีวิธีที่ทำให้ข้าวสบายใจว่าเขาไม่ได้ไปจริงๆ วิดีโอคอลก็ยังได้ พี่ว่ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องพิสูจน์ ว่าเขาไม่ไปที่นั้น ถ้าเขาพูดออกมาว่าไม่ชอบ ม่อยากไปที่นั้น พี่ว่าข้าวก็มีสิทธิ์ขอให้เขาทำในสิ่งที่เขาพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้ไปจริงๆ และยิ่งข้าวบอกว่า เขาได้เลื่อนขั้น เขายิ่งมีสิทธิ์เลือกว่าเขาจะทำอะไรไม่ทำอะไรนะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมรำคาญ! มีพี่ที่ทำงานคนนึง อายุ 52 เป็นรุ่นพ่อแล้ว แต่ยังแกล้งผม แกล้งรุ่นน้องผู้ชายในที่ทำงานเหมือนเด็ก เอาน้ำแข็งหยอดใส่หลัง ดึงกางเกงให้หลุด เดินเตะขาให้สะดุด กินข้าวก็เอามือมาปัดตะเกียบ หลังๆเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ

04 มี.ค. 2024

ผมรำคาญ! มีพี่ที่ทำงานคนนึง อายุ 52 เป็นรุ่นพ่อแล้ว แต่ยังแกล้งผม แกล้งรุ่นน้องผู้ชายในที่ทำงานเหมือนเด็ก เอาน้ำแข็งหยอดใส่หลัง ดึงกางเกงให้หลุด เดินเตะขาให้สะดุด กินข้าวก็เอามือมาปัดตะเกียบ หลังๆเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ

ผมรำคาญ! มีพี่ที่ทำงานคนนึง อายุ 52 เป็นรุ่นพ่อแล้วแต่ยังแกล้งผม แกล้งรุ่นน้องผู้ชายในที่ทำงานเหมือนเด็กเอาน้ำแข็งหยอดใส่หลัง ดึงกางเกงให้หลุด เดินเตะขาให้สะดุดกินข้าวก็เอามือมาปัดตะเกียบ หลังๆเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เคยด่าอ้อมๆไปว่า“ถ้าผมด่าพี่ได้ ผมคงด่าไปแล้วครับว่า เป็น *** อะไร?” “คุณนัท (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี เป็นสายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [28 ก.พ 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเรื่องพี่ที่ทำงานชอบแกล้ง โดย “คุณนัท (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘พี่ที่ทำงานอายุ 50 ปี ชอบแกล้งเหมือนเด็ก ๆ เช่น ดึงกางเกง ดึงผม ดีดหนังยาง ดึงหู บางที่ผมกำลังกินข้าวก็เอามือมาปัดแขนผม เพื่อให้ข้าวหล่น เอาน้ำแข็งใส่เสื้อ สกัดขาผมให้ล้ม เอานิ้วแหย่ก้น เอาปากกาเมจิกมาขีดแขน ผมก็รำคาญ ซึ่งผมเป็นคนหุ่นหมี พี่เขาตัวเล็กและอายุเยอะกว่า ผมจึงแกล้งเอาคืนพี่เขาไม่ลง วันไหนที่ผมต้องทำงานกับพี่เขาจะโดนแกล้งประมาณ 20 ครั้งต่อวัน ซึ่งคนอื่นก็โดนแกล้ง แต่ก็จะตะคอกและด่าพี่เขากลับ ด้วยความที่พี่เขาอายุเยอะกว่าผม เลยมีความเกรงใจ ผมจึงไม่ค่อยด่า แต่ผมก็เคยบอกกับพี่เขาไปว่า “ผมรำคาญ” พี่เขาก็หัวเราะ เห็นว่าผมอารมณ์ไม่ดีก็จะหายไปซักพัก พอเห็นว่าผมอารมณ์ดีแล้วก็จะกลับมาแกล้งผมอีก ผมก็เคยด่าเขาแต่ด่าแบบอ้อม ๆ พี่เขาก็เหมือนไม่รู้ตัว บางทีผมก็มีแกล้งเล่นกันกับเพื่อนที่ทำงาน แกล้งกันไปแกล้งกันมา ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรเพื่อน แต่ถ้าพี่เขาแกล้งผมแล้วผมแกล้งพี่เขาคืน พี่เขาก็จะโกรธและงอนเหมือนเด็ก ทำฟึดฟัด ไม่พอใจ ผมก็ไม่ขอโทษเวลาที่พี่เขางอน เขาก็จะหายเอง แล้วก็จะกลับมาแกล้งผมอีก ตอนที่พี่เขาอยู่กับคนที่อายุใกล้ ๆ กันก็ปกติ แต่จะชอบแกล้งแค่คนที่อายุน้อยกว่า ผมไม่ได้โกรธพี่เขาแต่แค่รำคาญ บางทีก็โมโหเพราะดึงหัวครั้งแรก ครั้งที่สอง ผมก็ไม่ได้อะไร แต่พี่เขาดึงย้ำ ๆ บ่อยจนผมโมโห แล้วเขาก็จะหายไป พอผมอารมณ์ดีก็จะกลับมาอีก ผมก็สงสารพี่เขาเพราะพึ่งเข้ามาทำงาน ไม่ค่อยมีเพื่อน แต่บางทีก็ทำเกินไปจนผมโมโห มีครั้งหนึ่งผมอยากแกล้งพี่เขาคืน ก็มีการคุยกันประมาณว่า ผมให้พี่ดีดหนังยางใส่ผม 3 ครั้ง แล้วผมขอดีดพี่ครั้งเดียว แล้วพี่ห้ามโกรธ พี่เขาก็ตกลงแต่จะขอเป็นคนเริ่มก่อน พอพี่เขาดีดหนังยางใส่ผม 1 ครั้ง ก็บ่ายเบี่ยงว่ายังดีดไม่ครบ 3 ครั้งยังไม่ให้ผมดีดคืน ก็เลยอยากปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่าผมควรทำยังไงให้พี่เขาหยุดแกล้งหรือจะเอาคืนพี่เขายังไงดี? ซึ่ง ดีเจทั้ง 3 คน ก็ให้คำปรึกษาว่า ‘พวกพี่ก็จะรีแอคให้เขารู้ไปเลยว่าที่โดนแกล้งอยู่มันไม่สนุก ซึ่งการกระทำของคุณนัทที่ทำทุกวันก็เหมือนเล่นกับพี่เขาไปด้วย แต่บางทีก็เกินไป ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเราก็สนุกกับการเล่นกับพี่เขาในบางวัน เวลาแกล้งกันก็แบบนี้ อาจมีเลยเถิดไปบ้าง แต่เท่าที่ดูคุณนัทก็มีความปราณีกับพี่เขาอยู่ อยากให้เล่นกับพี่เขาต่อไป ไม่ต้องไปโกรธพี่เขา วันที่สนุกก็สนุกด้วยกัน แต่ถ้าไม่เล่นก็ต้องไม่เล่นเลยตั้งแต่แรก และต้องพูดกับพี่เขาแบบจริงจังหรือพูดตรง ๆ ไปเลยว่า “ผมรำคาญและทำงานอยู่ ผมไม่ได้มีอารมณ์เล่นกับพี่ได้ทุกครั้งนะ แต่ถ้าพี่ยังแกล้งผม ต่อไปนี้ผมจะแกล้งคืนแล้วนะ พี่จะได้รู้ว่ามันรู้สึกยังไง” เตือนพี่เขาก่อน แต่ถ้าเขายังแกล้งอีกก็แกล้งเขาให้หนักกว่าที่พี่เขาแกล้งเรา ให้พี่เขารู้ว่าเขาต้องหยุด ถ้าเราแกล้งคืนแล้วพี่เขางอน ก็ให้คุณนัทแจ้งกับฝ่ายบุคคล...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้าน ไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้า ย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น! ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลา

27 พ.ย. 2023

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้าน ไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้า ย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น! ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลา

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้านไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้าย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น!ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลาเขาเหลือเราแค่คนเดียว ถ้าไม่อยากคุยกับป้าจะดูแย่รึป่าว... “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (22 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม กับปัญหาครอบครัวที่พ่อกับป้าระหองระแหงกัน จนทำให้รู้สึกลำบากใจ โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนแรกบ้านหนูอยู่กัน 5 คน คือ หนู , พ่อ , แม่ , คุณป้า (พี่สาวพ่อ) และน้องชาย ทีนี้เหมือนความสัมพันธ์ของป้ากับพ่อแม่ไม่ค่อยดีมานานแล้ว มีเหตุการณ์ที่พ่อว่าป้าแรง ๆ ทำให้วันนั้นป้าขอออกจากบ้านไป ซึ่งหนูเป็นคนกลาง ประกอบกับหนูก็สนิทกับป้าที่สุดในบ้าน ป้าเขาก็เลยจะคอยมาเล่าเวลาพ่อกับแม่ทำอะไรไม่โอเค หรือบางทีพ่อกับแม่ทำอะไรที่ไม่โอเคกับเขา เขาก็จะเอามาเล่าให้หนูฟัง หลังจากที่เขาออกจากบ้านหนูไป ป้าเขาก็ย้ายออกไปอยู่กับพี่สาวแท้ ๆ ด้วยกันอีกคนนึง แต่เหมือนอยู่ไม่ได้ เขาอยากกลับมาอยู่ที่บ้านมากกว่า เขารอพ่อมาง้อแต่พ่อหนูเขาก็ไม่ไปง้อ เพราะพ่อบอกว่า “ป้าเขาออกไปเอง ไม่ได้ไล่” ต่อจากนั้นป้าเขาก็ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว เป็นเหมือนหอพัก ก็ตามสไตล์คนแก่เขาไม่เคยอยู่คนเดียวมาก่อนตลอด 60 ปี พอไปอยู่ก็เหมือนเป็นโรคซึมเศร้า ก็เลยไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชมาเดือนนึง ทีนี้พอออกมา เขาก็พูดว่า “ถ้าเขาอยู่ไม่ได้อีก จะยอมไปอยู่โฮมแคร์ (บ้านพักคนชรา) แล้ว” เพราะว่าตอนแรกหนูอยากให้เขาไปอยู่โฮมแคร์มากกว่า อย่างน้อยมันก็มีคนดูแล แล้วสุดท้ายพอออกมาประมาณ 1 เดือนก็อยู่ข้างนอกไม่ได้ เลยยอมไปอยู่โฮมแคร์ ช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาพึ่งออกไปจากบ้าน และก็ก่อนที่จะไปเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ป้าเขาจะโทรหาหนู มาว่า มาด่าพ่อกับแม่ให้หนูฟังทุกวัน แทบจะตลอดเวลาเลย ทำให้หนูรู้สึกเครียดและไม่อยากจะรับสายเขา แต่พอเขาย้ายเข้าไปอยู่โฮมแคร์ เหมือนเขาก็บอกว่ามันก็โอเคนะ แต่พออยู่มาได้ซักพักนึงป้าเขาก็บ่นว่าอยากออกแล้ว เพราะเหมือนเค้ามีปัญหากับคนในนั้น ตอนนี้เขาบอกว่าอยากจะออกมาอยู่หอข้างนอกเหมือนเดิม แม่ก็เคยถามว่าอยากจะให้เขากลับมาอยู่มั้ย? ซึ่งก่อนหน้านี้หนูก็ไม่ค่อยรู้ตัวเองเท่าไหร่ มันจะมีช่วงที่หนูไม่ค่อยอยากอยู่บ้าน แล้วพอมาช่วงหลัง ๆ หนูมานั่งทบทวนดู คือทุกครั้งที่ป้าเขาเจอหน้าหนูจะต้องว่าพ่อกับแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ด่าให้หนูฟัง มันทำให้หนูรู้สึกไม่อยากคุยกับเขา แต่หนูก็รู้ว่าเขามีแค่เรา มันเลยเหมือน “คุยก็เครียด ไม่คุยก็เครียด” หนูอยากจะถามว่า “หนูควรที่จะเปลี่ยนความคิดตัวเองมั้ย คือเขาก็แก่แล้ว และหนูก็พยายามคิดว่าเขามีเราแค่คนเดียว” แต่ที่หนูไปหาจิตแพทย์ เขาก็บอกว่าให้เราเอาตัวเองเป็นหลักถ้าเรารู้สึกไม่ดี หนูเลยคิดว่า หรือว่าเขาควรจะอยู่ในโฮมแคร์ต่อมั้ย คือหนูอยากรู้ความคิดเห็นพี่ ๆเฉยๆ ว่าคิดยังไงกัน... ซึ่ง “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าเพิ่มเติมว่า ‘นิสัยอื่น ๆ ของคุณป้าก็นิสัยดี แต่แค่รู้ว่าเขาเป็นช่วงวัยทองเฉย ๆ ส่วนเรื่องที่มีปัญหากับที่โฮมแคร์ เหมือนว่ามีคนในนั้นเป็นผู้ป่วยติดเตียงชอบเปลี่ยนผ้าอ้อมตอนที่คนอื่นเขากำลังกินข้าวกัน แล้วเหมือนกับว่าป้าหนูเขาก็ไม่พอใจเพราะมันเหม็น เจ้าหน้าที่ก็เคยพูดกับคนที่ติดเตียงคนนี้ไปแล้วว่า “ไว้ค่อยเปลี่ยนได้มั้ย” คนนั้นเขาก็ไม่ยอม ซึ่งคนที่ติดเตียงเขาอยู่มาก่อนเลยมีพรรคพวกในนั้นเยอะ ป้าหนูเขาเลยเหมือนทะเลาะและโดนรุม คือเขาบอกว่าเขาจะไม่ไปอยู่โฮมแคร์ที่ไหน ๆ อีกแล้ว เขาบอกว่าที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน แต่ว่าหนูมองว่า ถ้าเป็นราคาที่มันสูงกว่านี้ขึ้นมา มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอย่างงี้ แต่ว่าด้วยสถานะทางการเงินไม่ได้เอื้ออำนวยเราขนาดนั้น คือ คุณป้าจะมีพี่สาวของคุณป้าที่ให้เงินแต่ละเดือนทุกเดือนอยู่ ตอนแรกป้าหนูเขาจะใช้เงินที่เก็บไว้ แต่ว่าช่วงที่เขาไปอยู่กับพี่สาว แล้วพี่สาวเขาไม่โอเค ให้ออกอะไรแบบนี้ เขาก็โทรมาคุยกับพ่อหนูว่าเดี๋ยวจะให้เดือนละเท่านี้ ๆ นะ “พาป้ากลับไปได้มั้ย” เพราะพี่สาวป้าเขาก็พึ่งหายจากมะเร็ง ลูกเขาก็ไม่อยากให้เขาเครียดด้วย พ่อหนูเขาก็ไม่ค่อยอยากให้ป้ากลับมาอยู่บ้านเหมือนกัน เพราะเหมือนพ่อมองว่าป้าทำให้น้องชายหนูทำอะไรเองไม่เป็น แต่จริง ๆ หนูมองว่าปัญหามันก็เกิดจากทุกคนในบ้าน ซึ่งหนูไปอยู่หอตั้งแต่อายุ 13 ก็เลยไม่ได้สนิทใกล้ชิดกับคนในบ้านขนาดนั้น แล้วเหมือนแม่กับป้าก็สปอยน้องขั้นสุด จากที่หนูคิด ป้าหนูก็ช่วยน้องเกินไปจริง ๆ น้องหนูอายุ 21 ป้ายังช่วยจัดกระเป๋าไปมหาลัยให้อยู่เลย หรือแม้แต่ตอนนี้น้องหนูยังนั่งรถเมล์เองไม่เป็นเลย แต่ทุกวันนี้ที่ป้าไม่อยู่ น้องเขาก็ทำด้วยตัวเองเพราะหนูไม่ช่วย ก็เห็นว่าน้องก็ทำได้ “กำลังคิดว่าหนูมองเขาในแง่ร้ายเกินไปมั้ย ทำกับเขาแย่รึเปล่า ที่ไม่อยากรับสายเขา ไม่อยากคุยกับเขา ทั้ง ๆ ที่เขาก็เหลือเราแค่คนเดียว” ด้าน “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องที่ว่าหนูมองโลกในแง่ร้ายจนรู้สึกกับเขาแบบนั้น เท่าที่พี่ฟังมา ถ้าพฤติการณ์รอบข้างเป็นแบบนี้ ถ้าเขาไปอยู่ที่ไหนแล้วคนก็จะไม่อยากอยู่กับเขา แสดงว่าเขาก็คงจริง ๆ แหละที่ทำให้หนูรู้สึกแบบนี้ จนหนูต้องไปคุยกับคุณหมอ พี่ว่ามันมีมูลแหละ หนูคงไม่ได้อยากรู้สึกไปเอง เพราะตอนนี้เหตุการณ์มันก็ชัดเจนว่าไปอยู่กับใครก็มักจะมีปัญหา พี่คิดว่าน่าจะให้เขาไปอยู่บ้านพักคนชราเพราะกลัวว่าถ้าไปอยู่คนเดียวจะซึมเศร้าอีก แล้วมันอาจจะนานไปจนสายเกินแก้พี่ว่ามันมีผลกระทบเยอะกว่าการไปอยู่บ้านพักคนชรา คือตอนนี้มันอยู่ที่ว่าเขาปรับตัวกับคนอื่นไม่ได้ แต่ถ้าเงื่อนไขในชีวิตเขา เขาไม่มีที่ไปแล้ว หนูก็ต้องคุยกับเขาให้ได้ว่าเขาจะต้องปรับตัวอยู่ให้ได้ เพราะบ้านพักก็มีเพื่อน มีอาหารต่าง ๆ ให้ ซึ่งมันก็ดีกว่าการไปอยู่หอพักคนเดียว เราอาจจะต้องคุยกับเขาให้เขาเห็นว่าเราหวังดีกับเขา บอกเขาตรง ๆ’ ต่อมาเป็น “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ป้า ป้าต้องฟังนะป้าต้องทบทวนก่อนว่าทำไมมันเกิดอะไรขึ้นในชีวิตป้าจนป่านนี้ ทำไมป้าถึงอยู่กับใครไม่ได้ ป้าต้องมีเวลาทบทวนตัวเองหรือคุยกับตัวเอง ไม่งั้นป้าจะย้ายที่จนไม่มีที่สิ้นสุด ป้าจะย้ายไปเรื่อย วันนี้ปัญหา คือ ป้าไม่สามารถอยู่กับใครได้ ป้ากำลังเล่นบทผู้ถูกกระทำ คนรอบข้างกระทำป้าทั้งหมด วันนี้ไหน ๆ ป้าอยู่บ้านพักคนชรา อยากให้ป้าทบทวนว่าเราสามารถปรับตัวอะไรได้บ้าง ป้าเป็นคนเก่ง ใช้ความเก่งของตัวเองในการปรับตัวให้อยู่กับคนอื่น มันไม่มีใครที่ทำอะไรถูกใจเราทั้งหมดหรอก แต่เราต้องอยู่บนโลกใบนี้ให้ได้ เราต้องอยู่บนที่นี้ให้ได้ ฉะนั้นเราลองปรับเปลี่ยนตัวเองดูมั้ย ลองปล่อยวางดูมั้ย เผื่อว่าอะไรดี ๆ มันจะดีขึ้น บอกป้าเขาอย่างงี้ บอกให้ป้าได้คิด เพราะจากเสียงหนูแล้ว หนูเป็นคนที่ยอมป้าทุกอย่าง แล้วหนูเป็นคนที่แบบเหมือนเป็นฟูกให้กับป้า “มีอะไร ก็มาล้มทางนี้” นี่คือฟูกชิ้นสุดท้ายแล้วป้า ก่อนที่ป้าจะเสียหนูไปอีกคน เพราะหนูบอกแล้วว่าหนูไม่ต้องการพลังงานลบ หนูจะรู้สึกดีใจ และภูมิใจมากที่ป้ายังอยู่ที่นี่อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ และมันก็เป็นประโยชน์กับชีวิตป้า แล้วพอป้าจะขอพูดเรื่องนั้น ให้บอกป้า หยุดดดดด! ไม่ต้องพูด ให้ป้าคิดก่อนว่าสิ่งที่ป้าจะพูดออกมานั้นคนอื่นเสียหายหรือไม่ ถ้าเกิดว่าสิ่งที่ป้าพูด คนอื่นเสียหายป้าไม่ต้องพูดหรือลืมมันไป วันนี้ต้องการโทรแค่ “ป้ากินข้าวยัง สบายดีมั้ย” ต้องการแค่นี้ อยากได้แค่ความห่วงใยในมุมบวก เราควรมาแลกซึ่งกันและกัน และถ้าเกิดว่าป้าปรับตัวสามารถเข้ากับคนอื่นได้ วันนึงป้าอาจจะกลับมาอยู่ในบ้านเราก็ได้นะ แต่ถ้าเราไม่อยากให้เขากลับมาก็อย่าพูดประโยคนี้ออกไป’ และสุดท้ายเป็น “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาตัวเองให้รอดก่อน ยุคนี้เอาตัวเองให้ตลอดรอดฝั่งโดยไม่ต้องกังวลอะไรก็ยากแล้ว ในเวลาแบบนี้เราจะแบกเขาไปได้ถึงไหน ก็คือจะดูแลไปตลอดเลยมั้ย ถ้าคุณหนูมีกำลังและสามารถดูแลได้ ก็ทำได้ตามความต้องการ แต่เท่าที่ฟังมาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ เราก็มีคุณพ่อคุณแม่ของเราที่เราจะต้องดูแล ช่วยเหลือเท่าที่เราจะช่วยเหลือได้ การที่ป้าไปอยู่โฮมแคร์แล้วเราก็ต้องช่วยเหลือ คือ เราก็ช่วยเหลือตรงนั้นได้ แต่หมายความว่าจะเอาเขามาอยู่ในชีวิตเราตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้ แล้วเวลาจะช่วยเหลือใคร เราเองก็ต้องสบายใจด้วย ถ้าเราไม่สบายใจเราจะมีกำลังไปช่วยเหลือเขาได้ยังไง ถ้าการมีอยู่ของเขามันทำให้เราสภาพจิตใจไม่ดีเลย แล้วมันดีจริง ๆ เหรอกับการที่หยิบยื่นมือไปช่วยเขาแล้วเราก็เจ็บเอง พี่เชื่อว่าการจะช่วยเหลือใคร ตัวเราต้องสบายใจก่อน สบายใจปุ๊บ จิตมันก็ดี เราก็มีกำลังที่จะช่วยเหลือกัน แต่เท่าที่ฟังดูเรื่องที่เปลี่ยนผ้าอ้อมตอนกินข้าวมันก็พอมีเหตุมีผลอยู่ แต่ว่าพอพิจารณาจากทั้งชีวิตเขาแล้ว มันก็น่าแปลกที่เขาจะมีปัญหาตลอดทางจริง ๆ แล้วก็เชื่อว่าต่อให้ด่าไปก็ไม่น่าเปลี่ยน คิดว่าด่าไป เขาก็จะงอนแล้วก็จะหาย สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้มา 60 ปีแล้ว มันกลายเป็นตัวเขาไปแล้ว มันคงยากที่เขาจะเปลี่ยนแล้ว เขาไม่ได้เกิดมาพร้อมทัศนคติที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับคนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งถ้าเขาไม่เปลี่ยนและเราไม่ไหว ก็เอาเท่าที่เราไหว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

12 ก.ย. 2023

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการเวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักทีกินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทันที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วยอยากได้วิธีการจากทุกคนว่าควรทำยังไงดี ถ้าเจอแบบนี้?? “คุณนิ (นามสมมุติ)” สายสุดท้ายของรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ก.ย.66] ได้โทรเข้ามาปรึกษาพี่ๆดีเจ ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก เกี่ยวกับปัญหาอยากรู้ว่าทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลท โดย “คุณนิ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ที่มหาวิทยาลัยจะให้เรียนคาบละ 50 นาที แล้วก็จะมีให้เดินทาง 10 นาที เพื่อที่จะไปเรียนวิชาใหม่ แต่จะมีอาจารย์คนหนึ่งก็คือสอนครบ 60 นาทีเลย แล้วตัวอาจารย์เขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะดุมาก อาจารย์เขาก็จะเข้าสอนก่อนเวลา ที่เขาปล่อยช้าบางทีก็ชอบเม้าท์ บางทีก็สอนบ้าง มันก็จะมีบางทีที่เขาสอนไม่ทันค่ะ หรือบางทีเขาก็สอนเสร็จเเล้วแต่ก็พูดเรื่องอื่นต่อ วิชานี้เป็นวิชาที่สาขาวิชาที่จะต้องเจอตลอด ๆ เลยเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1