เจ็บทุกทาง... ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร หนุ่มโทรเข้ารายการ เล่าปัญหาสุดหนักใจ ผมนอนไม่สบายอยู่ในบ้าน ตอนแฟนไม่อยู่ พี่สาวแฟนมาเช็ดตัวให้ จนเผลอไปมีอะไรกัน ตอนนี้ตั้งท้อง 5-6 เดือนแล้ว แต่พี่สาวขอแก้ไขเรื่องนี้ โดยการ...

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เจ็บทุกทาง... ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร หนุ่มโทรเข้ารายการ เล่าปัญหาสุดหนักใจ ผมนอนไม่สบายอยู่ในบ้าน ตอนแฟนไม่อยู่ พี่สาวแฟนมาเช็ดตัวให้ จนเผลอไปมีอะไรกัน ตอนนี้ตั้งท้อง 5-6 เดือนแล้ว แต่พี่สาวขอแก้ไขเรื่องนี้ โดยการ...

29 พ.ค. 2023

        “คุณเล็ก (นามสมมติ)” อายุ 21 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [24 พ.ค. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับพี่สาวของแฟน

        โดย “คุณเล็ก (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมคบกับแฟนมาได้ปีกว่าๆแล้ว เหตุการณ์นี้มี 3 ตัวละคร  คือ แฟนของผม แม่แฟน และพี่สาวแท้ๆของแฟน อายุ 27 ปี พอดีวันนั้นผมป่วย ไข้สูง แฟนกับแม่แฟนก็ออกไปข้างนอก ในบ้านมีแต่ผมกับพี่สาวของแฟน แม่แฟนก็เลยฝากให้พี่สาวอยู่ดูแลผมหน่อย แล้วพี่สาวแฟนก็มาดูแลผมปกติ เอายามาให้กิน เช็ดตัวให้ ผมก็กินยาแล้วมันเพลียก็เลยหลับไป

        อยู่ดีๆ ผมก็สะดุ้งตื่น เห็นพี่สาวแฟนมาโอบกอดผม ผมก็ตกใจ แต่ตอนแรกผมก็นึกว่าเขาจะมาวัดอุณหภูมิ แล้วเขาก็บอกว่าเดี๋ยวเช็ดตัวให้นะ ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร แล้วเขาก็จะถอดเสื้อผม ตอนนั้นผมก็คิดไว้แล้วว่าจะต้องลองใจผมแน่ๆ ผมก็ไม่เล่นด้วย เวลานั้นเป็นช่วงเช้าและฝนกำลังตกพอดี บรรยากาศกำลังเย็นๆ แล้วเขาก็มาหอมแก้มผม จนผมมีอารมณ์ขึ้นมา ก็เลยได้มีอะไรกัน

        หลังจากนั้นผมกับพี่สาวก็งงว่าทำอะไรกันลงไป สุดท้ายก็แยกย้ายกัน จนเวลามันก็ผ่านมา ในระหว่างนั้นเวลาที่เขาจะไปซื้อของหรือไปไหน ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล เขาก็จะพาผมไปด้วย และอ้างว่าเอาผมไปขับรถให้ เพราะผมเป็นคนเดียวที่ขับรถยนต์เป็นในครอบครัว ทางแฟนและแม่แฟนก็ไม่ได้ติดใจอะไรกัน เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยมาก อาทิตย์นึงประมาณ 3-4 ครั้ง และทุกครั้งที่ไปไหนด้วยกัน ก่อนจะเข้าบ้าน เราจะแวะโรงแรมมีอะไรกันก่อน ผมยอมรับว่ามีความคิดร่วมด้วย และไม่เคยขัด...

        ตลอดเวลาที่มีอะไรด้วยกันมา ผมไม่เคยป้องกันเลย เพราะพี่สาวแฟนบอกว่าเขากินยาคุมแบบรายเดือน เขาบอกว่ามันกันได้ 100% ไม่ต้องป้องกันก็ได้ จนวันนั้นผมเดินไปหลังบ้าน เขาก็เดินมาเจอกับผม 2 คน ทุกคนอยู่หน้าบ้านกันหมด เขาก็มาบอกกับผมว่า พี่ท้องนะ แต่จะไม่ให้วุ่นวายด้วย เดี๋ยวจะหาวิธี หาทางเอง เพราะเขากลัวน้องสาวกับแม่โกรธ ผมก็เสียใจที่เขาคิดแบบนี้

        ต้องบอกก่อนว่าพี่สาวของแฟน เขาก็สวย มีคนแถวบ้านมาชอบ มาจีบเยอะมาก จนเขาได้แฟนมาคนนึง อายุ 23 ปี เขาคุยกันแปปเดียวก็คบกันเลย เหมือนพอเขารู้ว่าท้อง เขาก็ตั้งใจไปคุยกับผู้ชายคนนั้น แล้วเขาก็ไปบอกผู้ชายคนนั้นว่าเขาท้องด้วยกัน แต่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่สงสัยอะไร และเขาก็แต่งงานกันแล้วด้วย หลังจากนั้นเขาก็ไม่มาอะไรกับเราอีกเลย ตอนนี้ก็ห่างกันแล้ว เขาบอกว่าไม่อยากให้ผมยอมรับ เพราะเขาไม่อยากให้ผมกับน้องสาวเขาต้องแยกกัน และครอบครัวเขาจะแตก เพราะมาทำแบบนี้กับแฟนน้อง

        ตอนนี้เขาตั้งครรภ์ได้ประมาณ 5-6 เดือนแล้ว ผมเคยคุยกับเขาด้วย แต่เขาบอกว่าไม่เป็นไร ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเลย เขาดูแลได้ แต่มันก็เป็นตราบาปให้ผม ผมคิดว่าถ้าลูกคลอดออกมาแล้ว ผมอยากได้ลูกของผม ไม่ว่าจะเลิกกับแฟน เลิกกับพี่สาวแฟน หรือเลิกกับทั้งสองคนผมก็ยอม... ผมอยากรู้ว่า มันพอจะมีทางออกเพิ่มมั้ยครับ?’

        3 ดีเจให้คำปรึกษา “คุณเล็ก (นามสมมติ)” ว่า ‘ถ้าแม่ของลูกเขาบอกว่าเขาสามารถเลี้ยงได้ และเลี้ยงได้ดี เราก็ควรเดินออกมา เพราะวันนึงเล็กจะต้องแต่งงานและมีลูกใหม่ การที่เล็กไปบอกความจริงทุกอย่าง ไม่รู้ว่าแม่เขาจะยอมให้ลูกกลับมามั้ย?

        เอาจริงๆ เล็กก็ยังเป็นคนนอกสำหรับครอบครัวนี้ เป็นผู้ชายคนนึงที่นอกใจและไม่มีความยับยั้งชั่งใจ แต่พี่น้องที่คลานตามกันมา ทำไมถึงทำอย่างนั้นได้ลง และที่สำคัญต่อให้เล็กเปิดโปงความจริงทุกอย่าง คนที่เจ็บ ก็คือ แม่แฟนและแฟนที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย มันยากนะที่ใครหลายคนจะรับได้ แล้วคนที่เจ็บคือคนบริสุทธิ์ทั้งนั้นเลย

        ถ้าเล็กออกจากวงจรเขา เล็กก็ไม่ได้ผูกพันกับเด็กขนาดนั้น เราจะผูกพันกับเด็กคนนี้ก็ต่อเมื่อเราอยู่ในวันที่แม่เขาตั้งท้อง เราอยู่ในวันที่เขาคลอด เราอยู่และดูแลเด็กคนนั้นขึ้นมา แต่ถ้าวันนึงเราออกจากวงจรชีวิตนี้ไป แล้วไปเจอเด็กตอนโต เราจะไม่ผูกพัน แต่จะรู้สึกแค่ว่านี่คือลูกของเรา และความรักครั้งนี้ไม่อยากให้เปิดเผยด้วย...

        การที่จะไถบาปครั้งนี้ของเล็ก มันอาจจะสร้างบาปหนักไปมากกว่าอีก เล็กต้องไม่สปอยความอยากได้ของตัวเองแล้ว เล็กต้องระงับการที่จะอยากได้เด็กคนนี้มาเลี้ยงเป็นลูก เพราะไม่งั้นมันจะเป็นเหมือนเดิมที่เคยอยากได้กันกับพี่สาว แล้วปล่อยให้ทุกอย่างมันพังขนาดนี้ เล็กต้องไม่ได้ทุกอย่างที่อยากได้ได้แล้ว เพราะมันจะทำลายชีวิตคนอื่นไปด้วย

        ถ้าเล็กรู้สึกผิด อยากชดใช้ อยากแก้ไข พวกพี่ๆมองว่าเล็กทรมานไปคนเดียวน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะการรับผิดชอบโดยการเอาเด็กมาเลี้ยง มันสร้างผลกระทบกับคนอื่นที่ต้องเจ็บไปพร้อมๆกับเราอีกมากมาย เพราะเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่เอาลูกมาอยู่กับเรา โดยที่ยอมเลิกกับแฟนทั้งสองคน มันจะยิ่งทำให้ปัญหานี้ ไม่จบไม่สิ้นสักที

        พวกพี่ๆให้ 2 ทางเลือก เล็กลองไปคิดดูว่าจะเอาแบบไหน โดยทางแรก คือ เล็กอยู่แบบนี้ แล้วเห็นเด็กคนนี้เติบโตขึ้นทุกๆวัน โดยที่เล็กต้องคิดและกล่อมตัวเองว่านี่ไม่ใช่ลูกของเราหรอก กับทางที่สอง คือ ออกมาเลย เล็กไปแบบช้ำๆ ไปเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนที่ไม่ได้อยู่ในวงจรครอบครัวนี้ ถือว่านี่เป็นผลที่มันเกิดขึ้นสำหรับการกระทำที่ผ่านมาของเรา

        สุดท้ายทางที่จะทำให้เล็กไปยุ่งกับเด็กคนนี้ได้ คือ ณ วันนั้นที่แม่เขาต้องการเรา สมมติอนาคต ถ้าสามีของเขาจับได้ว่านี่ไม่ใช่ลูกของเขา ตัวแม่ของเด็กไม่ไหว ดูแลลูกไม่ได้ แบบนี้มันน่าจะคุ้มที่เราไปแสดงความรับผิดชอบอะไรก็ตาม…’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

โลกกลมเกิ๊นนน!! สาวสองโทรปรึกษา ไม่เชื่อในรักแท้ของ LGBTQ+ จนมาเจอผู้ชายคนนี้ ดีทุกอย่าง แล้วเขาก็นัดหนูไปกินข้าว และพาน้องชายมาด้วย สุดท้าย หนูจำได้ว่าน้องชายของเขา คือคนที่หนูเคยเล่นแอปด้วย และนัดมีอะไรกันมาหลายครั้งแล้ว...

03 เม.ย. 2023

โลกกลมเกิ๊นนน!! สาวสองโทรปรึกษา ไม่เชื่อในรักแท้ของ LGBTQ+ จนมาเจอผู้ชายคนนี้ ดีทุกอย่าง แล้วเขาก็นัดหนูไปกินข้าว และพาน้องชายมาด้วย สุดท้าย หนูจำได้ว่าน้องชายของเขา คือคนที่หนูเคยเล่นแอปด้วย และนัดมีอะไรกันมาหลายครั้งแล้ว...

“คุณไอซ์ (นามสมมุติ)” อายุ 30 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 มี.ค.66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม โดย “คุณไอซ์ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ขอท้าวความก่อนว่า หนูเป็นสาวประเภทสองและยังโสดอยู่ หนูไม่เชื่อเรื่องความรักเลยว่าจะเกิดขึ้นกับเพศทางเลือกหรือ LGBTQ อย่างหนู และหนูก็ใช้ชีวิตโสดมาเรื่อยๆ ถ้าเหงาก็มีการโหลดแอปหาคู่มาเล่นเพื่อคลายความเหงา แต่วันนึงความรักมันก็ได้เกิดขึ้นกับหนู ซึ่งหนูก็ได้เปิดใจให้ผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นรุ่นพี่ที่ทำงาน เขาก็เข้ามาจีบ เหมือนเขาเป็นคนที่มาเปิดประตูหัวใจของหนู ทะลายกำแพงความโสดของเราลง ให้เรากล้าที่จะคบกับใครสักคนมากขึ้น และเรื่องราวมันก็ดีมาก คบกันมาเรื่อยๆ สักระยะนึง ตัวหนูเองจะเป็นคนไม่ถามเรื่องส่วนตัว เรื่องการเป็นอยู่อะไรต่างๆของฝั่งผู้ชายเลย คือหนูจะไม่ยุ่ง ไม่ไปสืบหาอะไรทั้งสิ้น หนูรู้แค่ว่าเขาดีกับหนู หนูดีกับเขา แต่พอระยะเวลานานเข้าเขาก็อยากให้หนูรู้จักกับทางบ้านเขา ก็เริ่มจากเขานัดหนูไปทานบุฟเฟ่ต์ที่ห้างกับน้องชายเขาก่อน พอไปถึงร้านบุฟเฟ่ต์ หนูเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ผู้ชายคนนี้หนูรู้สึกคุ้นมาก แล้วเขาก็เดินมานั่งที่โต๊ะกับหนูกับแฟนของหนู หนูก็เลยรู้ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นน้องชายของแฟน ซึ่งเขาเคยคุยกับหนูในแอพหาคู่และนัดเจอแล้วมีอะไรกัน ทั้งหนูและน้องชายเขาก็สตั้นกันไป ต่างคนต่างตกใจ น้องเขาก็ตกใจมากที่หนูเป็นแฟนพี่ชาย มันเหมือนเป็นละคร แต่ไม่ใช่ มันคือเรื่องจริง ที่เคยนัดมีอะไรกัน มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เป็นตลอดระยะเวลาที่หนูโสด 1 – 2 เดือน ก่อนที่จะมาเจอพี่ชายของเขา หลังจากนั้น หนูก็เฟดตัวออกมาจากแฟนหนูเลย หนูไม่สามารถทำลายความรู้สึกของพี่เขาได้ เพราะเขาดีกับหนูมาก เขาไม่เคยทำให้หนูเสียใจ และหนูก็ไม่ได้มีการติดต่อกับน้องเขาด้วย มันก็เลยเป็นคำถามกับพี่เขาว่าเขาทำอะไรผิด ทำไมหนูถึงต้องเดินออกมาจากเขาทั้งๆที่เขาก็ OPEN ในเรื่องของการที่หนูเป็น LGBTQ เพราะเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร เขาก็งงกับตัวเองว่าเขาทำอะไรผิด หนูก็เลยบอกเขาว่า พี่ไม่ผิด แต่เราน่าจะไม่เหมาะกันตอนนี้ผ่านมา 5 เดือนแล้ว แต่หนูกับพี่เขายังเป็นเพื่อนกันอยู่ในเฟซบุ๊ก ก็ยังมีการกดไลก์ให้กันอยู่ หนูก็เคยโพสต์ประมาณว่า ทำไมโชคชะตาไม่เข้าข้างเรา ทำไมเราเจอเรื่องดีๆ แล้วเราต้องมีเรื่องแบบนี้ ทำให้เราต้องเดินออกมา เขาก็มากดหน้าเศร้า ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงเขาอยู่ แต่เขาโทรมาหนูก็ตัดสายทิ้ง อยากถามพี่ๆว่าจากเหตุการณ์นี้ ถ้าหนูเดินออกมาจากเขาโดยที่หนูไม่ได้บอกเหตุผล ไม่บอกความจริง ไม่สามารถที่จะพูดความจริงในเรื่องนี้ให้เขาฟังได้ จนมันเป็นคำถามในใจเขา หนูผิดมั้ยหรือว่าหนูทำถูกแล้ว? 3 ดีเจก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องนี้ไม่มีใครผิด แต่มันเป็นเรื่องของความซวยจริงๆ ถ้าให้แนะนำอยากจะให้ไปบอกเหตุผลกับเขา เผื่อจะได้ เพราะถ้ามันไม่ได้ขึ้นมายังไงก็เสมอตัว อย่างน้อยเราและเขาก็จะได้มูฟออนเร็ว ไม่ค้างคาใจกัน ยังไงก็แยกย้ายกันเหมือนเดิม แต่ถ้าเกิดบอกไปแล้วเขาโอเคก็นัดเจอเขาข้างนอกได้ ไม่ต้องเข้าบ้านเขา ไม่ต้องไปเจอน้องเขา ถ้าคบกันรอดเราก็แยกออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน 2 คน แต่ถ้าคบกันแล้วไม่รอดก็แยกย้าย ที่แนะนำให้บอกเพราะไม่อยากให้สร้างปมหรือความรู้สึกแย่กับคนๆหนึ่งที่เขารู้สึกว่าไม่ดีตรงไหน ผิดอะไร เขาจะพยายามหาอะไรที่มันเป็นการโทษตัวเอง เราบอกเขาเพื่อให้เขารู้ว่าเขามีค่านะ แต่มันดันบังเอิญเกิดเรื่องไม่คาดคิดแบบนี้ขึ้นมา บางทีจากปัญหาที่เราแบกไว้ 100% เราอาจจะแบ่งไปให้เขา 50 ก็ได้ ที่เหลืออีก 50 ไปคิดต่อ แล้วถ้าช่วยกันคิดแล้วได้คำตอบว่าเราคงไปต่อกันไม่ได้จริงๆ คำตอบของไอซ์มันจะชัดเจนเลย ถ้าบอกเหตุผลมันจะชัดเจนกับความสัมพันธ์ของ 2 คนนี้เลยว่ามันจะไปในทิศทางไหนต่อ แล้วมันจะกลายเป็นว่า 2 คนจะช่วยกันเลือกทางของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ทิ้งบาดแผลไว้ให้ใครข้างหลังไม่อยากให้คิดมาก ไม่ว่าไอซ์จะเลือกทางไหน บอกหรือไม่บอก ถ้าในอุดมคติการที่เราได้บอกอะไรโดยไม่ค้างคามันก็ดี แต่ในโลกความเป็นจริงมันก็มีบางเคสที่หนักใจเหลือเกินในการที่จะบอกแล้วก็เลือกที่จะหายไปเงียบๆ พอเวลาผ่านไปต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองวันนั้นจะรู้แค่ว่าเราอย่าไปรู้เลย จังหวะนั้นก็แค่ไม่ใช่ สุดท้ายเราจะเรียนรู้เองว่าถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ เหตุผลมันเป็นแค่ส่วนประกอบก็เท่านั้นเอง...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สาวคบแฟนมา 11 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน มีลูกด้วยกัน 2 คน ชีวิตกำลังราบรื่นดีทุกอย่าง เพิ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งโพรงจมูก ลุกลามจนระยะสุดท้าย หลังจากนั้นจับได้สามีแอบมีผู้หญิงอีกคน สามีขออยู่วันเว้นวันกับผู้หญิงอีกคน ถ้าทนไม่ไหวก็พร้อมหย่าเสมอ

23 มิ.ย. 2023

สาวคบแฟนมา 11 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน มีลูกด้วยกัน 2 คน ชีวิตกำลังราบรื่นดีทุกอย่าง เพิ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งโพรงจมูก ลุกลามจนระยะสุดท้าย หลังจากนั้นจับได้สามีแอบมีผู้หญิงอีกคน สามีขออยู่วันเว้นวันกับผู้หญิงอีกคน ถ้าทนไม่ไหวก็พร้อมหย่าเสมอ

สาวคบแฟนมา 11 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน มีลูกด้วยกัน 2 คน ชีวิตกำลังราบรื่นดีทุกอย่าง เพิ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งโพรงจมูก ลุกลามจนระยะสุดท้าย หลังจากนั้นจับได้สามีแอบมีผู้หญิงอีกคน สามีขออยู่วันเว้นวันกับผู้หญิงอีกคน ถ้าทนไม่ไหวก็พร้อมหย่าเสมอ ตอนนี้ยังรัก ไม่อยากเสียเขาไป แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะจากไปวันไหน... “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 มิ.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับมรสุมชีวิต เป็นมะเร็ง และสามีแอบไปมีชู้ โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘หนูรู้จักและคบกับแฟนมาประมาณ 11 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน แฟนหนูเด็กกว่าประมาณ 3 ปี หนูกับเขาเรียนที่เดียวกัน บ้านก็อยู่ใกล้กัน เป็นแฟนคนแรกของกันและกัน คบกันมาเรื่อยๆ ช่วงที่หนูเข้ามหาลัยก็มีห่างๆกันไปบ้าง แต่ก็กลับมาคบกันจนแต่งงาน ตอนนี้หนูกับเขาเพิ่งแต่งงานกันได้ประมาณ 5 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตอายุ 4 ปี ส่วนคนเล็กอายุ 9 เดือน ปกติหนูกับแฟนจะช่วยกันออกค่าเทอม ค่าประกัน ค่านมของลูกคนละครึ่ง หลังจากแต่งงานกันมาช่วงแรกชีวิตหนูดีมาก ราบรื่น ไม่มีเรื่องอะไรเลย ต้องบอกก่อนว่าหนูเคยมีเนื้องอก เคยผ่าออกไปแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร จนมารอบนี้ช่วงประมาณเดือนธันวาคม ปี 64 หนูมีอาการเลือดออกที่จมูกเลยไปตรวจอีกรอบ รอบนี้ไม่ใช่เนื้องอก แต่เป็นมะเร็งโพรงจมูก หมอเลยนัดผ่าอาทิตย์ถัดไป พอกลับบ้านมาหนูรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเลยซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจเล่นๆเพราะตอนนั้นหนูฉีดยาคุมด้วย เลยไม่คิดว่าตัวเองจะท้อง แต่ปรากฏว่าหนูท้องลูกคนที่ 2 หนูเลยไปปรึกษาคุณหมอว่าจะทำยังไงได้บ้าง คุณหมอบอกว่า ถ้าผ่าตอนนี้ลูกเสียชีวิตแน่นอน หนูเลยถามหมออีกว่า สามารถเลื่อนผ่าตัดไปก่อนได้ไหม หมอตอบว่า จริงๆรอได้ ยังไม่ได้เป็นหนักมาก เพราะเพิ่งเป็นแค่ระยะแรก หนูเลยยังไม่ผ่าตัดจนหนูคลอด ทำให้กระบวนการการรักษาค่อนข้างช้า เพราะหนูก็ตั้งใจที่จะปั้มนมไว้ให้ลูกให้ได้เยอะที่สุดก่อน พอกลับไปรักษาอีกรอบ เนื้องอกกลายเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แล้วก็เริ่มลามไปที่ตาขวา ตอนนี้ตาขวาหนูเริ่มมองไม่ค่อยเห็นแล้ว แต่หนูยังคิดว่าหนูโชคดีที่มีแฟน ครอบครัว และลูกที่น่ารักคอยอยู่ข้างๆ แต่ช่วงเดือนที่แล้ว แฟนหนูหายไปช่วงเวลาตั้งแต่ 3 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืนทั้งอาทิตย์ หนูติดต่อเขาไม่ได้ โทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย ด้วยเซนส์ของผู้หญิงหนูรู้สึกว่ามันแปลกๆแต่ก็ยังจับไม่ได้ หลังจากวันนั้นแฟนก็ขอไปกินเหล้ากับเพื่อนกลุ่มนี้อีก แล้วก็ขอกลับบ้านหลังร้านเหล้าปิด หนูเข้าไปดู IG story ของเพื่อนเขากลุ่มนี้ แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ร้านเหล้า หนูก็เอะใจแล้วว่าไม่น่าใช่แน่ๆ หนูเลยโทรถามเพื่อนว่าแฟนหนูได้ไปด้วยไหม เพื่อนเขาก็ตอบว่า ไม่ได้เข้ามาหานานแล้ว หนูเลยเข้า IG ของแฟนผ่านโน๊ตบุ๊ก แล้วไปเจอข้อความหนึ่งที่คุยกับผู้หญิงว่า ‘อันนี้เราให้เธอแหละ’ แต่ก็ไม่เจอข้อความอื่นๆ หนูเลยเอาชื่อ IG ของผู้หญิงคนนี้ไปเสิร์ชในเฟสบุ๊ก แต่ไม่เจอรูปอะไรเกี่ยวกับแฟนหนูเลย ซึ่งผู้หญิงคนนี้เคยมีลูก แล้วก็เลิกกับแฟนแล้ว หนูลองทักผู้หญิงคนนี้แล้วส่งรูปแฟนของหนูไป หนูถามเขาตรงๆว่า รู้จักคนนี้ไหม เป็นแฟนกันหรอ เขาก็ตอบกลับมาว่า รู้จักแล้วก็เพิ่งคบกัน หนูเลยบอกเขาไปว่า หนูเป็นภรรยาของผู้ชายคนนี้ หนูพยายามโทรหาผู้หญิงคนนี้ โทรจนเขารับสาย สิ่งแรกที่เขาพูดคือ ขอไปล้างก่อนนะเพิ่งมีอะไรกับแฟนหนูเสร็จ หนูเลยบอกเขาไปว่า แฟนเราอยู่ไหน ขอคุยกับเขาหน่อยได้ไหม เราเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายนะ ทำไมถึงทำกับเราแบบนี้ จนประมาณตี 4 เขาก็ติดต่อกลับมาบอกว่า แฟนเรากำลังกลับบ้าน แล้วก็บอกว่าจะเลิกยุ่ง เพราะไม่ชอบเป็นชู้ใคร พอแฟนกลับมาถึงบ้านหนูก็ถามว่าเรื่องมันเป็นยังไง มีอะไรคุยหรือบอกได้เลย แต่เขาบอกว่าเขาจะหย่ากับหนู หนูก็ถามเขาว่าหนูผิดอะไร ทำอะไรผิด เลี้ยงลูกไม่ดีหรอ หนูให้อิสระกับเขามากแต่ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น 11 ปี ไม่มีความหมายเลยหรอ ไหนจะลูกอีก แล้วหนูจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ หนูพยายามพูดทุกอย่างจนแฟนหนูยื่นข้อเสนอว่า ขอวันเว้นวันที่จะอยู่กับหนูและผู้หญิงอีกคนหนึ่ง หนูก็ยอมมาตลอดประมาณหนึ่งเดือนจนหนูทนไม่ไหวแล้ว เพราะมันกลายเป็นเหลือเวลาให้หนูแค่ 2 วันต่อสัปดาห์ หนูรู้สึกเศร้าและเครียดตลอด จนที่บ้านพาไปหาจิตแพทย์ หมอบอกว่าหนูเป็นซึมเศร้า จากการเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ บวกกับการทำคีโม หนูก็ได้ยากลับมากิน แล้วหนูก็บอกเขาว่าช่วยดูลูกให้ได้ไหม หนูอยากพัก แต่เขาก็ไม่สนใจ หนูพยายามยื่นข้อเสนอให้เขา แต่เขาก็ไม่พอใจสักอย่าง ล่าสุด หนูต้องไปให้คีโมที่โรงพยาบาล หนูขอให้เขามาหา แต่เขาบอกว่าไม่ว่าง ต้องไปทำงาน หนูก็เชื่อเขา แต่เพื่อนหนูไปเจอเขาที่ร้านสเต็กแถวๆพระราม 7 เลยวิดีโอคอลมาหาหนู คือเขานั่งนัวเนียอยู่กับผู้หญิงคนเดิม หนูพยายามติดต่อแฟนแต่ติดต่อไม่ได้ แล้วเขาก็กลับบ้านมาตอนประมาณ 5 ทุ่ม หนูเลยเอารูปที่แคปไว้ตอนคอลกับเพื่อนให้เขาดู แล้วถามว่าทำไมไม่เลิกยุ่งกัน เขาตอบกลับมาประมาณว่า ก็บอกแล้วไงว่าให้หย่ากันตั้งแต่แรก เขาไม่ได้เลือกหนูแล้ว หนูไม่รู้จะทำยังไงเพราะหนูไม่อยากเลิกกับเขา จนวันหนึ่งลูกหนูเริ่มพูดประมาณว่า ทำไมป๊าไม่รักเราเลย ทำไมต้องไปหาเมียน้อย ทำไมไม่อยู่กับเรา หนูทักไปเคลียร์กับผู้หญิงคนนั้น เขาก็ขู่ว่าเขาจะฟ้อง ถ้ายังไม่เลิกยุ่งวุ่นวายกับเขา หนูเลยบอกแฟนว่าผู้หญิงคนนี้เขาพูดแบบนี้กับหนูแต่เขาก็ว่าหนูกลับว่าจะไปยุ่งกับเขาทำไม ทักไปหาแม่เขาทำไม จริงๆหนูตั้งใจจะฟ้องเขาแต่ทางบ้านของหนูบอกว่า ถ้าจะฟ้องต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะมาก ทำไมไม่เก็บไว้ให้ลูก หรือเก็บไว้รักษาอาการป่วยตัวเอง ถอยออกมาดีกว่า หย่าไปเลย ยังไงเขาก็ไม่ได้ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายอะไรอยู่แล้ว ทางบ้านก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเงิน พ่อแม่ของหนูก็ช่วยเลี้ยงลูกหนูได้ หนูไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ มันรู้สึกแย่ไปหมดเลย แต่หนูออกมาจากตรงนั้นไม่ได้ หนูไม่อยากเลิก ไม่รู้ว่าเพราะผูกพันหรือเปล่า หนูเสียใจ แย่ลงทุกวัน แต่หนูไม่ออกมาสักที “คุณเอ (นามสมมติ)” ถามพี่ๆดีเจทั้ง 3 คนว่า หนูต้องทำยังไงให้หลุดออกมาจากตรงนี้สักที? “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำว่า ‘การที่เราจะอยู่ใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน มันคือการตกลงด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้มีคุณเอฝ่ายเดียวที่อยากอยู่ ส่วนอีกฝ่ายเขาชัดเจนแล้วว่าไม่อยากอยู่ เขาไม่ได้ช่วยซัพพอร์ตอะไรคุณเอเยอะอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะเก็บเขาไว้ในชีวิตทำไม นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วยังทำให้คุณเอรู้สึกบั่นทอนเพิ่มขึ้นอีก อย่าเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่เขาไม่ต้องการ เรื่องการฟ้องใช้เงินเยอะมากจริงๆ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะเห็นผลเมื่อไร ดังนั้นวิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดคือ หย่ากับเขา ปล่อยเขาไป ผู้ชายคนนี้ก็เหมือนมะเร็ง คุณเอไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้ ยังไงเขาก็ไปอยู่ดี ตัดเขาออกไปเลย’ ส่วนเรื่องลูก “ดีเจต้นหอม” แนะนำว่า ‘เรื่องนี้ควรให้เป็นแค่เรื่องของพ่อกับแม่ ไม่ควรเอาไปฝังไว้ในหัวลูก คุณเอคือโลกทั้งใบของลูก ฉะนั้นลูกจะต้องจำแต่ความสุขเท่านั้น เราไม่ได้เสียคนที่รักเราแต่เราเสียคนที่ไม่รักเรา มันอาจจะต้องใช้เวลา คุณเอต้องบอกตัวเองว่า คุณเอจะมีความสุข คนเราจะทุกข์ไปได้นานแค่ไหน แล้วถ้าคุณเอเป็นอะไรไปลูกจะรู้สึกยังไง ปัญหาของคุณเอตอนนี้คือการรักษาร่างกายตัวเองให้อยู่ได้นานๆ สุดท้ายคุณเอคือคนที่ต้องเลือกและตัดสินใจกับเส้นทางของตัวเอง ถามตัวเองว่าจะอนุญาตให้ความสุขเข้ามาในชีวิตได้เมื่อไร’ “ดีเจเผือก” แนะนำว่า ‘คู่ชีวิตคือคนที่จะอยู่ด้วยกันในตอนที่ทุกข์ไม่ใช่แค่ตอนที่มีความสุข แล้วมันก็ห้ามไม่ได้ที่จะไม่ให้ลูกของคุณเอจดจำเรื่องนี้ จริงๆแล้วเนื้อร้ายในชีวิตของคุณเอคือผู้ชายคนนี้ เนื้อร้ายแบบนี้คุณหมอก็รักษาให้หายไม่ได้ เนื้อร้ายอันนี้มันทำร้ายทั้งคุณเอ ลูกและคนรอบตัว ณ เวลานี้คุณเอควรตั้งสติและโฟกัสว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตกันแน่ การที่มีร่างกายและสุขภาพที่ดีเพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่เรารัก คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณเอตอนนี้ ไม่ใช่การยื้อผู้ชายแย่ๆแบบนั้น’ และ “ดีเจเติ้ล” เสริมอีกว่า ถ้าสมมติคุณเอโชคร้ายแล้วต้องจากไปในอีก 2 วัน คุณเออยากให้ลูกจดจำคุณเอในแบบไหน ระหว่างแม่ที่โดนพ่อทิ้ง นอกใจไปมีคนอื่น แล้วแม่ก็ร้องไห้รอให้พ่อกลับมาแต่สุดท้ายพ่อก็ทิ้งคุณเอไป หรืออยากให้ลูกจำว่าคุณเอเป็นแม่ที่เข้มแข็ง รักตัวเอง ดูแลตัวเอง อยู่กับลูกแบบมีความสุขและสู้กับมะเร็งจนจากไป แบบไหนที่คุณเออยากเป็น มันขึ้นอยู่กับคุณเอ แล้วคุณเอต้องยอมรับว่า ไม่ว่าเราจะรัก ผูกพันกับใครนานแค่ไหน ถ้าอีกฝ่ายหมดใจเขาก็ไปอยู่ดี คนที่ move on ได้เร็วที่สุดคือคนที่มีความสุขเร็วที่สุดเช่นกัน สุดท้ายพี่ๆดีเจทั้ง 3 ขอส่งกำลังใจให้คุณเอที่พบเจอเรื่องแบบนี้ ดูแลรักษาร่างกายตัวเองให้ดี และเชื่อว่าคุณเอจะผ่านเรื่องราวแย่ๆนี้ไปได้เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผู้หญิงไร้ศีลธรรม กับ ผู้ชายที่ไม่รู้จักพอ... หนูคบแฟนมา 20 ปี ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในรูปแบบเพื่อนของแฟน สนับสนุนทุกเรื่อง ให้คำปรึกษาทุกอย่าง จนเรารู้สึกว่าทำไมเพื่อนเขาคนนี้ดีจัง... สุดท้าย ผู้หญิงโทรมาสารภาพ ‘ขออยู่ในสถานะเมียน้อย’ ได้ไหม?

18 เม.ย. 2023

ผู้หญิงไร้ศีลธรรม กับ ผู้ชายที่ไม่รู้จักพอ... หนูคบแฟนมา 20 ปี ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในรูปแบบเพื่อนของแฟน สนับสนุนทุกเรื่อง ให้คำปรึกษาทุกอย่าง จนเรารู้สึกว่าทำไมเพื่อนเขาคนนี้ดีจัง... สุดท้าย ผู้หญิงโทรมาสารภาพ ‘ขออยู่ในสถานะเมียน้อย’ ได้ไหม?

“คุณหนู (นามสมมุติ)” อายุ 39 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (12 เม.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษาดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหามือที่สามของแฟน โดย “คุณหนู (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘เราคบกับแฟนมา 20 ปีแล้ว และมีลูกด้วยกัน จนเรามาจับได้ว่าแฟนเรามีคนอื่น ซึ่งก่อนหน้านี้แฟนเป็นคนเจ้าชู้มาตลอด แต่ด้วยความที่มีลูกแล้ว เราก็ไม่ได้ตาม ไม่อะไรแล้ว ลูกก็เริ่มโตแล้ว สนใจลูกมากกว่า เพราะเราคิดว่าเขาจะปรับตัวให้ดีขึ้นได้ จนวันหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาหาเรา เขาเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนของแฟน เขาเข้ามาหาแฟนในรูปแบบเพื่อน คอยให้คำปรึกษา ให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ จนเราคิดว่าเขาเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดี แล้วเขาก็ร้องไห้ สารภาพกับเราว่า เขาขอเป็นแบบนี้ได้ไหม ขออยู่ในสถานะเมียน้อยได้ไหม? เขาบอกว่าเขาช่วยแฟนเราทุกอย่าง เขาไม่ต้องการอะไรจากเราเลย ไม่ต้องการจะแย่ง แต่ขออยู่ในสถานะนี้ได้มั้ย ขอแค่ให้มาหาบ้าง โทรหาบ้าง ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน เราก็เลยถามเขาว่า ทำไมเกินเลยกันถึงขั้นนี้เลย เขาบอกไม่รู้เหมือนกัน เขารักไปแล้ว ไม่สามารถออกห่างหรือเลิกได้แล้ว ต้องท้าวความก่อนว่าผู้หญิงคนนี้เขาเคยผ่านการมีสามีมาแล้ว มีลูกติด 1 คน แล้วเขาก็มีหน้าที่การงานที่ดี หน้าตาดี มีฐานะที่ดี เราก็เลยถามเขาไปว่าเขาก็มีทุกอย่างแล้ว แต่ทำไมถึงยอมมาอยู่ในสถานะเมียน้อย ทำไมถึงไม่ยอมไปหาผู้ชายที่ดีกว่านี้ ผู้ชายที่ยังไม่มีครอบครัว เขาบอกก็รักไปแล้ว เราก็เลยถามว่านานแค่ไหนแล้ว เขาพูดกลับมาแบบกวนๆใส่เราว่า ก็น่าจะรู้นะว่านานแค่ไหนแล้ว เราก็เลยเอะใจว่าเขามาขอร้องอ้อนวอนเป็นเมียน้อย หรือเขามาเยาะเย้ยเรา แบบอยากให้เรารู้ว่าเขามีตัวตน หลังจากวางสายผู้หญิงคนนี้เราก็ไปเคลียร์กับแฟนเลย ตอนแรกแฟนเราก็ยังไม่ยอมรับ จนเราต้องจี้จุด พูดชื่อผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา เขาก็ร้องไห้แล้วสารภาพกับเราว่าเขามีปัญหาเรื่องธุรกิจ การงานของเขา เขาบอกเขาโพสต์เฟซบุ๊ก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็เข้ามาทักถาม ให้คำปรึกษา เขาก็ไปคุยกันส่วนตัวเพราะเราไม่รู้ เราไม่เคยเช็คโทรศัพย์ของแฟนเลย เพราะเราเชื่อใจและไว้ใจเขา แฟนเราบอกว่าพยายามจะเลิกกับผู้หญิงคนนี้หลายรอบแล้ว แต่ผู้หญิงไม่ยอมเลิก บอกจะฆ่าตัวตายบ้าง แล้วแฟนเราก็พูดกับเราขึ้นมาคำนึงว่าแล้วลูกเขาล่ะ? แฟนบอกผู้หญิงคนนี้กำลังท้องอยู่ ซึ่งเขาบอกว่าท้องกับสามีเราจริง แต่ตอนนี้เขาแท้งไปแล้ว หลังจากเขายอมรับสารภาพ เราก็โทรไปเคลียร์กับผู้หญิงคนนี้เลย เราด่าด้วยความโมโหว่ามายุ่งกับแฟนเราทำไม เขาก็พูดใส่เราขึ้นมาว่า แล้วเวลาเขาไล่ทำไมไม่ไปอ่ะ อยู่ทำไม? เหมือนกับว่าแฟนเราไปเล่าให้เขาฟังหลายครั้งแล้ว แต่เราไม่ไปเอง เราก็เลยโทรประชุมสายหาแฟนเราเลย ถามว่าเขาพูดแบบนี้จริงไหม แฟนบอกพูดจริง แต่คือจริงๆเขาไม่เคยไล่เราเลย ต่อให้ทะเลาะกันยังไงก็ไม่เคยไล่ สรุปคือแฟนเราไปเล่าเรื่องทุกอย่างในส่วนของเราให้ผู้หญิงคนนี้ฟังหมด ให้เขามาดูถูกเรา ไม่ว่าจะเรื่องไล่เราออกจากบ้าน ทุบตีเรา หรือแม้กระทั่งเราไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน เพราะทุกวันนี้เราเป็นแม่บ้าน มีงานแต่ไม่ได้มีเงินเยอะ หลักๆคือใช้เงินของแฟน และเขาก็ต้องมาคอยดูแลเรา ดูแลลูกเรา เขาบอกเขาเหนื่อย เขาไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็เลยโอบอุ้มเขาไป’ ตอนนี้เราเลิกกันมาได้ 3 – 4 เดือนแล้ว คำถามวันนี้คือ ‘อยากถามพี่ๆว่า ผู้ชายสมัยนี้เขารักความสบาย ไปกับผู้หญิงที่มีเงินได้โดยทิ้งผู้หญิงที่ลำบากมาด้วยกัน 20 ปี มันง่ายขนาดนี้เลยหรอ?’ 3 ดีเจจึงให้คำแนะนำ “คุณหนู (นามสมมุติ)” ว่า เท่าที่ดูไม่น่าจะเกี่ยวแค่เรื่องเงิน ไม่งั้นถ้ามีอะไรกันน่าจะป้องกันไปแล้ว แฟนเราน่าจะมีเรื่องของความรักมาแล้ว และระยะเวลา 20 ปีที่คบกัน มันอาจจะเป็นคู่ชีวิต อาจจะไม่หวือหวาเท่าคนใหม่ที่เข้ามา แต่สิ่งสำคัญคือมองผู้ชายของเราดีกว่า ทำไมไม่ปกป้องความรู้สึก ปกป้องครอบครัวเราเลย ถือว่าความรับผิดชอบเขาต่ำมาก หยุดถามคำถามได้แล้วว่า 20 ปี ทำไปเขาถึงไม่นึกถึงเลย ต่อให้ 20 ปี 30 ปี เขาก็ไป ถ้าเขาจะไปกับอีกคน ได้คำตอบมามันก็เท่านั้น จงใช้ชีวิตที่เหลือโดยการเอาลูกเป็นที่ตั้ง เป็นกำลังใจในการก้าวเดินต่อไป บอกตัวเองว่า เขาเลือกทิ้งเราไปจากชีวิตแล้ว แล้วถ้าวันนึง ถ้าเขาจะกลับมา เราควรค่าที่จะเอาเขากลับมาไหม อย่าเสียดายกับคำว่า พ่อ หรือ ผัว นับจากนี้ ปล่อยให้เขาไปใช้ชีวิตของเรา แล้วเรามีความสุขกับลูกต่อไป ไม่ต้องหาเหตุผลอะไรในอดีตอีกแล้ว... จริงๆ ไม่ใช่แค่ผู้ชาย ไม่ว่าใคร คนเราถ้ามันจะเลิกกัน คนมันจะไป ยังไงก็ไป ต่อให้ทำดีแค่ไหน นานแค่ไหนเขาก็ทำได้ ถ้ามองจริงๆ มันแทบไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าคนมันไม่รักกันแล้ว เขาก็จะทิ้งเราไป ซึ่งถ้าคนมันจะอยู่ยังไงเขาก็จะอยู่ แต่สิ่งที่ยากคือ การทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว หลายครั้งที่เรามักจะไม่เรียนรู้ความเจ็บปวด แต่เรามักจะไปอาลัยอาวรณ์เขามากกว่า แล้วเรื่องที่เค้าเอาเราไปพูดเสียๆหายๆ ปกติคนเราเวลาพูดอะไรออกไปก็จะไม่พูดให้ตัวเองดูเสียๆหายๆอยู่แล้ว ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ ง่าย ในหลายๆคู่ทำยิ่งกว่านี้อีก บางคนที่เห็นในข่าวฆ่าเมียเพื่อไปหาอีกคนก็ยังมี มันมีผู้ชายแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็กำลังทำอยู่เขาจะทำอะไรก็ได้เลยที่เขาอยากทำ เพื่อที่จะไปอยู่กับอีกคน ถ้าเรามองจากมุมข้างนอกเข้าไป เขาจะพูดถึงหนูยังไง เขาจะทำอะไร หนูก็โอเคกับเขา หนูเราเขา แต่ในขณะที่เขาไม่ได้รู้สึกเท่ากับหนู วันนี้ที่หนูออกมาแล้ว นับเป็นความโชคดีแล้ว แล้วเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว หนูจะพบเจอกับความสุข เราก็ทำหน้าที่แม่ที่ดีของเราต่อไป แล้วก็มูฟออนให้ได้ และถ้านับจากการวางหูที่โทรเข้ามาในรายการ เลิกถามคำถามนี้ได้แล้วว่า ทำไมทำไม โฟกัสไปที่ปัจจุบันแล้วเดินไปข้างหน้าต่อเลย...เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูทำงานเป็นผู้ช่วย เผลอไปมีอะไรกับหัวหน้าที่ทริปต่างจังหวัด มารู้ทีหลังว่า...

03 มี.ค. 2023

หนูทำงานเป็นผู้ช่วย เผลอไปมีอะไรกับหัวหน้าที่ทริปต่างจังหวัด มารู้ทีหลังว่า...

“คุณหวาน (นามสมมุติ)” สายที่สามในรายการพุธทอล์คพุธโทรเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (01/03/2023) ได้โทรเข้ามาปรึกษาดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับหัวหน้าโดย “คุณหวาน (นามสมมุติ)” ได้ปรึกษาว่า ‘เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว หัวหน้าต้องการคนช่วยงาน เขาก็เลือกหนูกับเพื่อนอีกคนนึงให้ไปช่วยงานเขา เป็นงานจิปาถะ ทั้งเอกสาร เตรียมของ หรือไปออกต่างจังหวัด ในช่วงแรกๆยังไม่มีอะไร จนกระทั่งหัวหน้าได้ย้ายไปอีกที่นึง เขาก็ขอให้หนูกับเพื่อนคนนี้ไปช่วยอีก แต่เพื่อนได้ทุนจากที่ทำงานไปศึกษางานที่ต่างประเทศ ก็เหลือหนูคนเดียว ซึ่งเวลาไปดูงานที่ต่างจังหวัด หนูก็ดูแลหัวหน้ามาตลอด ไม่ได้คิดอะไรมาก เวลาเขาจะเอาของ จะดื่ม จะกินอะไร หนูคอยเทคแคร์ ดูแลให้หมด เป็นคล้ายๆเลขาแต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่าง ปกติจะมีเพื่อนอีกคนช่วยกัน แต่พอเหลือหนูคนเดียว หนูก็ต้องทำทุกอย่างวันนึงไปดูงานที่ต่างจังหวัดกับหัวหน้า แล้วเขาก็ดื่มแอลกอฮอล์ แบบกรึ่มๆเมาๆ หนูก็กลัวเขาจะขึ้นห้องไม่ไหวก็เลยพาขึ้นไปส่ง แต่ในช่วงที่พาเขาขึ้นไปส่ง หนูก็ดันเกิดซัมติง ไปมีอะไรกับเขา ซึ่งส่วนตัวเราชอบบุคลิก ชอบการทำงานของเขาอยู่แล้ว เขาก็บอกหนูว่าเขาดีใจ เขาชอบที่มีหนูไปคอยดูแลเขา มันก็เลยเผลอถลำลึกลงไป โดยที่รู้อยู่แล้วทั้งใจว่าเขามีครอบครัวแล้ว และมันก็เป็นแบบนี้มาตลอดทุกทริป หรือแม้แต่ไม่มีทริป เวลาเข้าไปช่วยงาน เขาก็จะมากอดหนูตลอด เป็นแบบนี้มาเกือบปี...จนกระทั่งเพื่อนคนเดิมกลับมา หัวหน้าก็เอาเพื่อนมาช่วยงานเหมือนเดิม มันก็จะกลายเป็นเซ็ทเดิมที่เคยช่วยเขา ซึ่งหนูก็ไม่ได้อะไร เพราะหัวหน้าก็ยังไลน์คุยกับหนูปกติ แต่มีอยู่วันนึงต้องไปออกทริปต่างจังหวัดอีก หนูกับเพื่อนก็ไปด้วย แต่หนูเริ่มมีเซ้นส์ รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป คุยกับหนูน้อยลง แล้วสุดท้ายก็เจอแจ็คพอตไปรู้ว่าเขาก็ไปมีอะไรกับเพื่อนคนนี้เหมือนกัน พอรู้หนูก็ช็อคไปเลย กินไม่ได้ ทำงานไม่ได้ จนเป็นโรคซึมเศร้าเพราะเรื่องนี้เลย และยังมีสภาพแวดล้อมอีก ยอมรับว่าเพื่อนร่วมงานเป็นคนค่อนข้างเก่งในสายตาหนู เขาเป็นคนละเอียด ทำงานเร็ว ตอบโจทย์หัวหน้าได้ดีมาก มันก็เลยมากดดันความรู้สึกว่าหนูทำงานไม่ดีหรอ ทำไมเขาถึงไปกับอีกคนนึงสภาพหนูไม่ไหว น้ำหนักจาก 40-50 เหลือ 40 กิโล ภายใน 2 อาทิตย์ ก็เลยไปปรึกษาคุณหมอและกินยา หมอก็บอกว่าต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมนะ ถ้าไม่เปลี่ยน โอกาสแย่มีมากกว่านี้ หนูก็เลยไปบอกหัวหน้า ขอกลับไปทำงานที่เดิม ตอนแรกเขาก็จะไม่ยอมปล่อย เหมือนเขาจะรู้สึกผิดว่าทำให้หนูเป็นแบบนี้ แต่สำหรับหนูไม่ได้แล้ว อยู่ไม่ได้ ถ้าอยู่ต่อคือหนักกว่าเดิมแน่นอน และหนูก็ยืนยันว่ายังไงก็ขอกลับ เขาก็โอเค ยอม แต่พอเรากลับมาที่เดิม เขาก็หายไปเลยสักพักนึง หนูก็ไม่พยายามติดต่อด้วยประมาณเกือบเดิมกว่าๆ อยู่ๆเขาก็ทักมาว่าเป็นไงบ้าง ดีขึ้นมั้ย แค่เขาทักมาใจมันก็ไปหมดเลย ยอมตั้งแต่หน้าประตู โหยหาเขา อยากเจอ อยากคุย อยากกอดเขาทุกอย่างเลย แล้วมันก็กลับมาวนลูปเดิม เขาก็คอยไลน์มาคุย มานู้นมานี่ จนถึงขั้นกลับมามีอะไรกันอีก และล่าสุดประมาณสองอาทิตย์ที่แล้ว ไม่รู้เป็นเพราะมีสติขึ้นหรือเปล่า ไปได้ยินประโยคนึงของซีรีส์คลับฟรายเดย์ ที่ผู้หญิงบอกว่า พอแล้ว ไม่เอาแล้ว มันไม่มีความสุข หนูก็เลยกลับมานั่งคิดว่าที่เป็นอยู่มันมีความสุขหรอวะ นั่งรอเขามาคุย มาหา ในขณะที่เขาก็ไม่ได้รอหนู ไม่ได้มาสนใจหนูตลอด แต่ใจหนูมุ่งแต่กับเขา มีงานทำก็จริงแต่พอทำเสร็จปุ๊บก็มานั่งไถไลน์ดูว่าเขาทักอะไรมาหรือยัง ตอนนี้ก็เลยสับสนกับตัวเองว่าจะเอายังไงดี จะตัดความสัมพันธ์แบบนี้ยังไง บางทีพอคิดได้ มันก็มาโทษตัวเองอีกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราควรรัก เพราะเขาก็มีครอบครัวแล้ว ต่อให้รักกันจริงมันก็เป็นไปไม่ได้ ซึ่งหนูควรจะทำยังไงกับความสัมพันธ์แบบนี้ดี?'3 ดีเจ ก็ให้คำปรึกษาว่า 'ยังไงก็ควรตัดขาด หรือ Block หัวหน้าคนนี้ไปเลย ถ้าทุกคนบอกให้หวานหยุด บอกให้หวานออกมาจากจุดที่ยืนอยู่ แต่ถ้าใจหวานยังไม่ออกก็จะอยู่ตรงนั้นต่อไป ถ้าจำเป็นต้องตอบทางไลน์ ก็คุยเฉพาะเรื่องงาน แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้อยู่ร่วมกันกับหัวหน้าไม่ได้แล้ว เหมือนกับแพ้ตั้งแต่หน้าประตูแล้วอยากให้หวานคิดดีๆว่าตัวเองทั้งน้ำหนักลด ทั้งเป็นซึมเศร้ากับแฟนของคนอื่น มันไม่ได้คุ้มค่าอะไรกับชีวิตของหวานเลย หัวหน้าคนนี้คือไม่ได้มีข้อดีอะไรเลย มีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ก็กล้ามีอะไรกับเพื่อนร่วมงาน มีอะไรกับเราอีก เค้ามีแค่คำหวาน ประตูก็มีทางออกอยู่แล้ว หวานเองก็รู้ว่าทางออกมันควรออกทางไหน แต่ก็ยังอยากอยู่ในวงกลมนี้ ทั้งๆที่มันเจ็บปวดวันนี้แค่ยังไม่ตื่นมายอมรับความจริง ความจริงรอเราอยู่แล้ว ตื่นเมื่อไหร่ รับเมื่อไหร่ มันยังยืนอยู่ที่เดิมเสมอ รักตัวเองให้เยอะๆ พ่อแม่เลี้ยงเรามาไม่ได้เลี้ยงมาเพื่อเสียน้ำตาให้คนอื่น ขนาดหวานรู้ว่าหัวหน้ามีอะไรกับเพื่อนร่วมงานยังเจ็บขนาดนี้ แล้วภรรยาของเค้าถ้ารู้เรื่องนี้ว่ามีอะไรกับผู้หญิงอีกหลายคน จะเจ็บแค่ไหน ออกมาได้แล้ว ออกมาใช้ชีวิตและหาความสุขให้กับตัวเองท้ายที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ต่อหรือย้ายงานไปที่ไหนแล้ว ถ้าใจหวานยังรัก และหลงหัวหน้าอยู่ ตัวไกลแค่ไหน ก็มีความเสี่ยงอยู่ดี ณ ตอนนี้ หวานยังอ่อนแอเกินไปที่จะปล่อยให้ตัวเองทำตามหัวใจของตัวเอง โดยที่ไม่สนความถูกต้องหรือสิ่งที่หวานรู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เพราะหวานก็รู้ดีอยู่แล้วว่าหัวหน้าก็มีครอบครัว เพราะฉะนั้นจะต้องทำให้ตัวเองเข้มแข็ง ต้องมองตัวเองในกระจก ข้างในตัวเองต้องบอบช้ำแค่ไหน แล้วบอกตัวเองว่า เราจะไม่กลับไปเป็นคนนั้นอีก ไม่ได้ทำเพื่อใครเลย สุดท้ายก็ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น...'เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1