หนูเรียน และ ทำงานอยู่ต่างประเทศ ทำโปรเจ็กต์ส่งเข้าแข่งขัน แต่ก็ได้แค่ Top3 มาตลอด ทั้งๆที่ผลงานเรา คนปรบมือให้ดังมากกว่าคนที่ได้รางวัล มีถึงขั้น E-mail จากบุคคลปริศนา ส่งมาชื่นชมเรา แต่ไม่รู้เพราะอะไรผลถึงออกมาเป็นแบบนี้

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูเรียน และ ทำงานอยู่ต่างประเทศ ทำโปรเจ็กต์ส่งเข้าแข่งขัน แต่ก็ได้แค่ Top3 มาตลอด ทั้งๆที่ผลงานเรา คนปรบมือให้ดังมากกว่าคนที่ได้รางวัล มีถึงขั้น E-mail จากบุคคลปริศนา ส่งมาชื่นชมเรา แต่ไม่รู้เพราะอะไรผลถึงออกมาเป็นแบบนี้

13 ธ.ค. 2024

หนูเรียน และ ทำงานอยู่ต่างประเทศ ทำโปรเจ็กต์ส่งเข้าแข่งขัน แต่ก็ได้แค่ Top3 มาตลอด

ทั้งๆที่ผลงานเรา คนปรบมือให้ดังมากกว่าคนที่ได้รางวัล มีถึงขั้น E-mail จากบุคคลปริศนา

ส่งมาชื่นชมเรา แต่ไม่รู้เพราะอะไรผลถึงออกมาเป็นแบบนี้ อยากได้กำลังใจให้ลุกขึ้นสู้ตามความฝันอีกครั้ง

        “คุณบิลลี่ (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [11 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาอยากขอกำลังใจในการลุกขึ้นสู้ เวลาที่เจออุปสรรคอะไรสักอย่างหนึ่ง

            โดย “คุณบิลลี่ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘บิลลี่มีความฝันตั้งแต่เด็ก ที่จะนำเทคโนโยลีมาเปลี่ยนโลกแฟชั่นให้ยั่งยืน ซึ่งตอนอายุ 15 บิลลี่ก็พยายามทำทุกทาง เพื่อที่จะให้ได้ทุนมาเรียนต่อที่ต่างประเทศ จนตอนนี้อายุ 30 แล้วบิลลี่ได้ทุนมาเรียนต่อด้าน AI และกำลังทำ Start Up ที่ผ่านมาบิลลี่แข่งมาหลายเวทีมาก ๆ ในยุโรป แต่การแข่งขันของบิลลี่ มักจะไปจบลงที่รอบไฟนอลคล้าย ๆ กับที่เราไปชวดมงกุฎในรอบสุดท้าย ซึ่งหลายคนก็บอกบิลลี่ว่า อาจเป็นเพราะคู่แข่งเป็นคนที่นี่ เป็นคนผิวขาว และก็กระแสที่เขาต่อต้านต่างชาติในยุโรปตอนนี้ก็ค่อนข้างแรงประมาณหนึ่ง อย่างตอนที่แข่งรอบล่าสุด ตอนที่บิลลี่ Pitching เสร็จ คนทั้งฮอลล์ยืนขึ้นปรบมือ เมื่อเทียบกับคนที่ชนะ เขาไม่ได้มีอะไรใหม่เลย หลังจากที่จบการแข่งขัน ก็มีอีเมลปริศนาจากใครสักคนหนึ่ง เขาส่งมาหาบิลลี่ว่า ‘You Billy I’m a big fan of you นะ you ติ้กถูกทุกข้อเลยใน Check box ที่จะเป็นผู้ชนะ แต่ว่า you อาจจะไม่ชนะในเหตุผลบางอย่าง ที่เราทุกคนก็รู้กัน’ มันก็เลยทำให้บิลลี่เริ่มดาวน์และเหนื่อยที่จะสู้ แต่ว่าตอนนี้บิลลี่นำ Start up ของตัวเองเข้ารอบไฟนอล ในระดับภูมิภาคของประเทศเนเธอร์แลนด์ได้อีกแล้ว บิลลี่เลยอยากถามพี่ดีเจว่า พี่เคยไหม ที่พยายามมาตลอดอีกนิดเดียวเราจะมงแล้ว แต่เราก็ไปชวดในวินาทีสุดท้าย พี่มีวิธีฮีลใจตัวเองที่จะทำให้ลุกขึ้นสู้ต่อยังไงกันบ้าง ในมุมของพี่ ๆ แต่ละคน?’

            ซึ่งเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หอมอยากให้บิลลี่มองอีกมุมหนึ่ง คือผลแพ้-ชนะ มันถูกพ่ายแพ้โดยเหตุผลที่เรา Control ไม่ได้ มันไม่ได้แปลว่าเราไม่เก่งหรือว่าเราไม่ดี ฉะนั้นวันนี้หอมเลยอยากให้บิลลี่ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำ บิลลี่เป็นคนเอเชียที่เข้าไปเติบโตที่นั่น การที่เข้าถึงรอบไฟนอลจริง ๆ แปลว่ามันผ่านการตัดสินอย่างยุติธรรม ในการให้คะแนน แต่บิลลี่มาแพ้ แพ้ความอยุติธรรม มันไม่ได้แพ้ในผลงาน ถ้าในมุมมองบิลลี่คือคนที่ชนะแล้ว แต่สิ่งที่มันเป็นเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้ เช่น คุณต้องให้คนพื้นถิ่น อันนั้นมันเกินที่บิลลี่จะควบคุมแล้ว หอมอยากให้บิลลี่มองในแง่ดีมากกว่า สิ่งที่เราทำ ถ้าเป้าหมายของเรา เราสู้กับคนตั้งมากมาย แล้วเราเข้าไปอยู่ในรอบไฟนอล มันคือที่สุดแล้ว มันเก่งมาก ๆ แล้ว

            ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าให้ใกล้เคียงกัน ผมก็มีในเรื่องการประกวดที่ได้เข้าชิงรางวัลนั้น รางวัลนี้ หลายต่อหลายครั้ง แทบทั้งหมดก็ไม่เคยได้รางวัลเลย ซึ่งสำหรับผม Finalist ก็คือรางวัลแล้ว มันอยู่ที่ว่าเราตั้งเป้าและความคาดหวังของเราแค่ไหน ทุกวันนี้ตอนผมคุยกับลูก เราจะพยายามเปลี่ยนโฟกัส จากผลลัพธ์ไปเป็นระหว่างทางให้เยอะที่สุด ซึ่งมันจะดีต่อตัวเรา ถ้าเราไปโฟกัสที่ผลลัพธ์ ยังไงแล้วถ้าไม่ได้ที่ 1 มันก็เท่ากับว่าล้มเหลว ผมมองว่าการได้ที่สองจากการประกวด Start Up ทั้งยุโรป สำหรับผมมันเป็นพอร์ตที่ดี ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นความล้มเหลว เขาบอกว่าโลกไม่จำอันดับ 2 ผมว่าไม่จริง ถ้าคุณเป็นอันดับ 2 ที่พยายามมากพอและไม่ยอมแพ้ ผมว่าอันดับ 2 เยอะแยะมากมายที่ประสบความสำเร็จกว่าอันดับ 1 ในหลาย ๆ วงการ ผมที่ฟังอยู่ตอนนี้ ผลงานของบิลลี่ที่ได้อันดับ 2 มามันเป็นพอร์ตที่ดีมาก ลองกลับมาดู Start Up ของเราให้ดี เราคลอดเขามา แน่นอนเขาต้องเป็นลูกที่เราภูมิใจที่สุด ลองเอาตัวเองออกมาแล้วมองกลับไปดูว่า เขาสมบูรณ์แบบจริง ๆ อย่างที่เราหลงใหลเขาหรือเปล่า อะไรที่เป็นผลงานของเรา เราหลงไหลมันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเป็นคนนอกมองเข้ามา Start Up ของเราดีพอหรือยัง ว่าถ้าเราได้อันดับ 2 แล้วตัดเรื่องชาติพันธ์ออกไป อันดับ 1 มันมีอะไรที่ดีกว่าเราบ้างจริง ๆ ในแบบที่ไม่ Bias เลย ถ้าเรามองว่ายังไงแล้วของเราดีกว่าจริง ๆ เรามองมุมไหนของเราก็ดีกว่า เราแพ้ในเรื่องราวที่ควบคุมไม่ได้ งั้นจงมั่นใจในสิ่งที่เรามีอยู่ ถ้ากระถางที่นั่นเราโตไม่ได้ ก็ย้ายกระถางซะ ถ้าเมล็ดพันธุ์ที่คุณมีมันดีมากจริง ๆ เราลองเอาเมล็ดพันธุ์ของเราไปโตที่อื่น เพราะฉะนั้นอย่ามองว่ามันเป็นความล้มเหลวซะทีเดียว ให้มองด้วยว่าการได้ที่สองของเรา เราทำมันดีพอหรือยัง ถ้าดีพอแล้วมันไม่ได้มีอะไรให้ต้องเสียดายเลย’

            และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่รู้สึกว่าหนูไปได้ขนาดนั้นแล้ว จากที่หนูอยากได้ทุน อยากเรียนต่อต่างประเทศ แต่ตอนนี้อยู่ไปอยู่เนเธอร์แลนด์แล้วนะ หนูส่งผลงานส่ง Start Up ตัวเองไปอยู่ใน Finalist พี่รู้สึกว่าหนูต้องภูมิใจกับตัวเองระดับหนึ่งแล้วสำหรับพี่ เพราะหนูมาได้ไกลมากนะ ซึ่งการตัดสินการประกวด บางทีเราก็เห็นกันอยู่บิลลี่ สมมติหนูดูนางงามหนูก็จะรู้ มันก็จะใกล้เคียงสุดกี่ปีกี่หนแล้ว ที่เรารู้สึกค้านสายตามาก แต่ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าภูมิใจมาก ๆ มันประจักษ์อยู่ในใจแล้วว่าสิ่งที่เราทำมันหน้าภูมิใจขนาดไหน ถ้าพี่จะแชร์เรื่องพี่นะ พี่เป็นผู้กำกับหนัง พอทำหนังออกมาเรื่องหนึ่ง เราไม่รู้จริง ๆ ว่าทำเสร็จแล้วคนดูเขาซื้อหรือไม่ซื้องานของเรา ถ้าเราจะเอามาตรวัดว่าคนดูไม่ดูหนังเราเลยหรือทำไมไม่ชอบหนังของเรา มันจะทำให้เราเสียใจ หมดความภาคภูมิใจในตัวเอง สำหรับพี่มันไม่ใช่ สำหรับพี่คือพี่ได้ทำหนังที่พี่รู้สึกว่าเต็มที่กับมัน พี่มีความสุขกับมัน สุดท้ายมันจะออกมาเป็นยังไง บางทีมันอยู่ที่ดิน ฟ้า อากาศ โชคชะตาแล้ว เราคุมไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราจะรู้ว่าเราภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้ ซึ่งพี่ว่าบิลลี่รู้สึกกับมัน และบิลลี่ก็รับรู้ว่าคนอื่นเขารู้ว่างานของบิลลี่มันมีคนชอบ มีคนภูมิใจ แม้ว่ามันจะยากสำหรับเรา แต่มันจะสะใจมากนะบิลลี่ตอนที่เราได้มันมา ขอเพียงแค่ว่าเราไม่ยอมแพ้’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

กำลังจะแต่งงานกับแฟนปีหน้า มาจับโป๊ะได้ว่าแฟนมีความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทของเรา เพื่อนบอก ความรู้สึกเริ่มแล้ว หยุดไม่ได้ แต่แฟนมาง้อ บอกจะเลิกยุ่งกับเพื่อนให้แล้วแต่งงานเลย พีคสุด 1 เดือน เขาบอกรักกันไปแล้ว 500+ ข้อความ เท่ากับที่คบหนูมา 3 ปี

22 พ.ย. 2024

กำลังจะแต่งงานกับแฟนปีหน้า มาจับโป๊ะได้ว่าแฟนมีความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทของเรา เพื่อนบอก ความรู้สึกเริ่มแล้ว หยุดไม่ได้ แต่แฟนมาง้อ บอกจะเลิกยุ่งกับเพื่อนให้แล้วแต่งงานเลย พีคสุด 1 เดือน เขาบอกรักกันไปแล้ว 500+ ข้อความ เท่ากับที่คบหนูมา 3 ปี

กำลังจะแต่งงานกับแฟนปีหน้า มาจับโป๊ะได้ว่าแฟนมีความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทของเราเพื่อนบอก ความรู้สึกเริ่มแล้ว หยุดไม่ได้ แต่แฟนมาง้อ บอกจะเลิกยุ่งกับเพื่อนให้แล้วแต่งงานเลยพีคสุด 1 เดือน เขาบอกรักกันไปแล้ว 500+ ข้อความ เท่ากับที่คบหนูมา 3 ปี ควรให้โอกาส หรือ พอแค่นี้?“คุณเชอรี่ (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [20 พ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการโดนนอกใจโดย “คุณเชอรี่ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘โดนแทงข้างหลังจากคนที่เรารักทั้งสองคน หนูมีแฟนที่คบกันมา 3 ปี และมีเพื่อนสนิทที่ทำงานคบมา 3 ปีเหมือนกัน' คือ หนูเข้ามาทำงานที่บริษัทเดียวกับแฟน หนูเข้ามาทำทีหลังเขาเลยทำให้เราได้เจอกัน เขาก็มาจีบหนูก่อน ส่วนเพื่อนคนนี้อยู่กับหนูมาตั้งแต่วันแรกเลย ตั้งแต่แฟนมาจีบเขารู้หมดทุกอย่างสนิทกันมาก ไปหากันถึงบ้าน กับพ่อแม่ของเพื่อนหนูก็สนิท ซึ่งตอนนี้หนูลาออกมาประมาณปีครึ่งแล้ว แต่หนูกับแฟนก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน เมื่อก่อนเราจะไปไหนก็ไปกันสามคนตลอด ไปกินข้าวด้วยกันสามคน คือสนิทกันมาก แล้วพอหนูลาออกมาเหมือนเพื่อนเขาก็ได้ย้ายตำแหน่ง ได้ย้ายไปทำงานแบบ Under แฟนหนู เขาก็มีออกไปทำงานตรวจดูพื้นที่กัน หนูก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะสนิทกันจริง ๆ เขาก็ทำงานกันไป พอช่วงหลังๆ หนูเริ่มรู้สึกแปลก ๆ หนูกับแฟนก็เหมือนทะเลาะกันบ่อย มีปัญหากันแต่เราก็ยังอยู่ด้วยกันทุกวันปกติไม่ได้เลิกกันจนมีช่วงนึงประมาณเดือนที่แล้ว เป็นเดือนเกิดของแฟนหนู ซึ่งที่หนูเริ่มเอะ คือ เขาได้เสื้อมาตัวนึง ด้วยความที่หนูกับแฟนเราเลี้ยงหมาด้วยกัน แล้วเสื้อที่แฟนได้เป็นเสื้อที่สกรีนรูปหมา หนูก็เลยถามเขาว่า “ได้ของขวัญวันเกิดเหรอ” แฟนก็บอกว่า “อ่อใช่ คนที่ทำงานเขารวมเงินกันซื้อให้” หลังจากนั้นหนูก็ทักไปหาพี่ที่ทำงาน เพราะหนูก็สนิทกับทุกคนที่บริษัทยังคุยกันอยู่ปกติ หนูก็ทักไปถามพี่ที่ทำงานว่า “เออทำเสื้อที่ร้านไหน หนูอยากได้บ้าง” พี่เขาก็ถาม “เสื้ออะไร เขาไม่รู้” หนูก็เลยเริ่มเอ๊ะเลยไปดูรูปหมาที่มันอยู่บนเสื้อ บอกก่อนว่าหนูจะมี Instagram หมา บางรูปเราก็ไม่ได้ลงใน Instagram หมาเลย แล้วก็ไม่ได้ลงสตอรี่ มันเป็นรูปที่เราไม่ได้ถ่าย หนูก็เลยเริ่มเอ๊ะยังไง? แต่ด้วยเซนส์หนูก็เลยถามไปว่า “ใช่เพื่อนคนนี้ไหม นอกใจหรือเปล่า” แฟนหนูก็บอกกลับมาว่า “จะบ้าเหรอ ไม่มีทาง” แล้วหนูกับแฟนเป็นคนไม่เช็คโทรศัพท์กันเลย พอวันนั้นเราทะเลาะกัน คืนนั้นหนูก็เลยแอบไปเช็คโทรศัพท์ก็เลยเปิดเจอแชทๆนึง แล้วก็เห็นทุกอย่าง เขาแอบคุยกัน บอกรักกันทุกวัน ยิ่งมีคำนึงที่หนูรู้สึกเจ็บมาก คือ เดือนที่แล้วก็เป็นเดือนเกิดหนูเหมือนกัน ก่อนหน้าที่เป็นวันเกิดหนู หนูทะเลาะกับแฟน แล้วหนูก็ไปอยู่กับเพื่อนแล้ว พอถึงวันเกิดหนู แฟนก็มาหาหนูมาอยู่ด้วยกันในงานวันเกิดหนู คืนนั้นเหมือนเพื่อนคนนี้ก็พูดว่า รู้สึกไม่ดีเลย ไม่ชินเลยที่อยากโทรไปฝันดี อยากโทรไป good night แต่ทำไม่ได้เพราะแฟนอยู่กับหนู แล้วแฟนก็ง้อให้หนูกลับไป หนูก็อ่านแชทเขาก็พูดแบบว่า “อยากโทรหาก็โทรไม่ได้” วันอื่นก็มีเหมือนกันพอรู้เรื่องนี้หนูก็ทะเลาะกับแฟน แฟนก็ขอโอกาส คือ ที่ผ่านมาที่เราทะเลาะกันหนูก็ไม่ใส่ใจแฟนจริง ๆ บางเรื่อง เขาบอกว่าเขาอยากได้คนซัพพอร์ตเขา เวลาเราทะเลาะกันเขาจะชอบเอาเรื่องหนูไปปรึกษาเพื่อนคนนี้ แล้วเรื่องงานเขาก็คุยปรึกษากัน แล้วเพื่อนคนนี้ก็คอยซัพพอร์ตเขา คอยให้กำลังใจทั้งเรื่องหนู ทั้งเรื่องทำงาน เขาก็เลยบอกว่าเขาเผลอไป หนูก็ไปเคลียร์กับเพื่อนหนูเหมือนกันว่าทำแบบนี้ได้ยังไง? เพื่อนก็ยอมรับว่าหักหลังจริง ๆ พยายามหยุดแล้ว แต่ก็หยุดไม่ได้ เพื่อนก็บอกว่า “ไม่รู้จะเชื่อหรือเปล่า แต่หลังจากนี้ก็จะเลิกยุ่งแล้ว” เขาก็ยังต้องทำงานเจอกันทุก ๆ วัน หนูก็ไม่รู้ว่าหนูควรจะทำตัวยังไง แฟนหนูก็บอกให้ Move on ได้ไหม? เขาเลิกยุ่งแล้วจริง ๆ เขาก็ไลน์ไปบอกผู้หญิงว่าจะเลิกยุ่งนะ เขารักหนู สงสารหนู ให้เราเลิกยุ่งกัน หนูก็ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังมันจะเป็นยังไง หนูก็ไม่รู้ว่าหนูควรจะทำยังไง แต่ตอนนี้หนูบอกว่า หนูขอเลิกนะ เพราะหนูทำใจไม่ได้จริง ๆ ตอนแรกหนูกับแฟนคุยกันว่าเราจะแต่งงานกันปีหน้านะ เรื่องก็รับรู้ทั้งถึงพ่อแม่เขาและพ่อแม่เรา เขาไปคุยไปขอเราถึงบ้านแล้ว ตอนนี้หนูก็ย้ายมาอยู่กับเพื่อนข้างนอก แต่หนูก็มีกลับไปบ้านบ้าง เพราะว่าเลี้ยงหมาก็กลับไปดูหมาบ้างแต่หนูก็รู้สึกว่าหนูก็ยังลืมไม่ได้ เขาก็พูดว่าให้ลืมได้ไหม?เราก็เคลียร์กันเรื่องที่เราชอบอะไร ไม่ชอบอะไรในตัวกันและกัน มันมีอะไรบ้างเราจะแก้ไขยังไง แต่หนูก็ไม่รู้ว่าหนูจะ Move on ไปได้ไหม หนูคงคิดว่าเรื่องนี้มันติดอยู่ในใจหนูมาก ๆ เพราะมันเป็นคนใกล้ตัวมาก ๆ ซึ่งหนูก็คิดว่าหนูอยากจะให้โอกาสแฟนแต่พอคิดไปคิดมาอีกทีนึง หนูก็รู้สึกว่าเราจะทำใจได้จริง ๆ หรอกับเหตุการณ์นี้ ตั้งแต่เรารู้เรื่องมา เราคิดอยู่ในหัวตลอดเวลาแบบเราลืมไม่ได้เลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะลืมได้เมื่อไหร่ เขาก็ขอโทษทุกวัน แล้วหนูก็ไม่อยากให้เขามาเห็นหนูเป็นแบบนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องมาก็ผ่านมาประมาณสองอาทิตย์เขาก็ยังทุ่มเทง้ออยู่ เขาบอกเขาเผลอไป เขาไม่เคยรักแต่หนูอ่านแชท ในแชทก็เขาบอกรักกัน หนูเสิร์ชคำว่ารักในแชทเขากับเพื่อนมันแบบ 500 + เลย แล้วกับหนูที่คบกันมา 3 ปีคำว่ารักก็ 500+ เหมือนกัน ซึ่งมันแบบ 3 ปี แต่เขากับเพื่อนแค่เดือนกว่า ๆ คือไปรักกันอะไรขนาดนั้น หนูก็เลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะลืมเรื่องนี้ไปเลย หรือว่าเราควรเลิกให้มันแบบเจ็บแต่จบทีเดียวเลย?’เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาเป็นคนแรกว่า ‘ถ้าจะไปต่อถามว่ามันจะลืมได้ไหม ไม่ได้หรอก มันก็จะเป็นตราบาป ความสัมพันธ์นี้จะมีตำหนิครั้งนี้อยู่เป็นตำหนิที่ใหญ่แล้วก็จะไม่มีวันลืม หลังจากนี้เกิดเขาห่างจากเราไปหรือมีอะไรที่ผิดปกติไปแม้แต่เล็กน้อยภาพเหล่านี้ก็จะย้อนคืนมา มันก็จะเป็นความหลอนที่มันเคยเจอมาแล้ว แล้วมันจะเกิดขึ้นอีกไหม ความหวาดระแวงจะยังมีอยู่ไปตลอด มันอยู่ที่ว่าเชอรี่สามารถใช้ชีวิตยู่กับความไม่ไว้ใจตรงนี้ได้หรือเปล่า? ถามว่ามันจะสร้างกลับมาได้ไหม มันคงได้ แต่มันต้องใช้เวลามากพอสมควร มันจะไว้ใจได้ในแบบที่ว่าเราจะไม่ได้ลืมครั้งนี้ แต่เราจะรู้สึกว่าเขาคงไม่ทำแล้วแหละ คงไม่ทำเข้าใจคำว่าคงไม่ไหมมันได้แค่นั้น ความรู้สึกที่มันยังเหลืออยู่ในเชอรี่มันคงได้แค่นั้นแหละว่าเขาคงจะไม่ทำแล้วแหละ พี่ว่ายากที่จะมีวันใดวันนึงที่เชอรี่จะพูดได้เต็มปากว่าเขาไม่ทำแล้วแหละ ถ้าพี่คิดออกเร็ว ๆ ตอนนี้ก็อาจจะต้องแต่งงานกันไปมีลูก ลูกโตจนมันพิสูจน์มากพอซึ่งมันคงต้องใช้เวลานานมาก ถามว่าเชอรี่อยู่ได้ไหมล่ะ กับความไม่ไว้ใจอันนี้แล้วรวมถึงเขาด้วยเต็มใจที่จะอยู่จริงหรือเปล่าณ วันนี้มันยังง้อกันอยู่แต่ว่า มันกลับมาอยู่ด้วยกันจริง ๆ ได้เก็นเชอรี่นอย ได้เห็นเชอรี่ไม่ไว้ใจเหมือนเดิมสุดท้ายแล้วมันไปกันรอดจริงหรือเปล่า แต่ทั้งหลายทั้งมวลวงเล็บไว้ว่า ถ้าคนสองคนมันผิดพลาดแล้วมันตั้งใจที่จะกลับมาอยู่ด้วยกันจริง ๆ มันทำได้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้หมดไปประเมินเอาเอง ส่วนถ้าเลิกเลยเป็นยังไงก็ไม่น่ามีอะไร เลิกเลยก็คือเลิกคือเชอรี่ไม่พร้อมที่จะอยู่บนความไม่ไว้ใจในความสัมพันธ์ทั้งสิ้น มันมีคนที่อยู่ได้และมันมีคนที่อยู่ไม่ได้เพราะว่าพอฉันมันเริ่มไม่ไว้ใจเธอแล้ว ทุกการกระทำทุกการเคลื่อนไหวของเธอ ฉันไม่ไว้ใจเลยแล้วไม่มีความสุข ถ้าเชอรี่เป็นแบบนี้การเลิกเลยก็จะเป็นสิ่งที่ตัดไฟแต่ต้นลมได้ดีกว่าไม่ยืดเยื้อไท่คาราคาซัง มันอยู่ที่ว่าน้ำหนักของปัญหาครั้งนี้การไปบอกรักคนอื่นห้าร้อยครั้งในหนึ่งเดือน เราต้องตั้งคำนี้ไว้เลยคน ๆ นี้เคยบอกรักคนอื่นในขนาดที่มีเราห้าร้อยครั้งต่อหนึ่งเดือนคำนี้มันหลอกหลอนเชอรี่แค่ไหน เชอรี่สามารถใช้ชีวิตอยู่บนประโยคนี้ได้จริง ๆ หรือเปล่า กลับไปตกลงตัวเองให้ดีมันไม่ง่ายนะการนอกใจไปในแบบดีกรีเบา ๆ มันก็มีแต่เราดันไปเห็นรายละเอียดในสิ่งที่เขาคุยกัน ภาพเหล่านี้มันจะอยู่ในใจเราตลอดไปถ้าเธอเคยบอกรักเราแม้กระทั่งวันที่เรารักกันใหม่ ๆ มันเคยถึงห้าร้อยไหม เพราะฉะนั้นตรงนี้มันจะหลอกหลอนเชอรี่ไปตลอดแหละบางคนอยู่ได้บางคนเลือกที่จะไม่อยู่ดีกว่า ซึ่งไม่ว่าทางไหนของให้เชอรี่คิดถึงตัวเชอรี่เองเป็นหลัก ณ วันนี้คือช่วงเวลาที่เราจะยึดถือตัวเราเองเป็นหลักมากที่สุดไม่ต้องไปคิดถึงเขาไม่ต้องไปคิดถึงพ่อแม่เอาที่เราสบายใจที่สุด’ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คือการไปมีคนอื่นเพราะว่าระหว่างคู่ของเรามันมีปัญหา ถ้าตัดสินจากทฤษฎีความรักแบบรักดี ๆ จริง ๆ มันก็ฟังไม่ขึ้นหรอก หมายถึงว่ายังไงก็ต้องมาเคลียร์กันก่อน ไม่ใช่เลือกวิธีการที่จะไปมีคนอื่นมันเป็นแค่ข้ออ้าง แต่ว่าอันนี้พยายามจะเข้าใจในแง่มนุษย์ว่า มันก็คงเกิดขึ้นได้บ้างนั่นแหละ แต่ว่าพอเชอรี่พูดว่า เขาบอกรักกัน 50 / 500 ครั้งต่อวัน พี่จะไปนึกถึงแบบพี่เผือกว่า สิ่งนี้มันดูมีน้ำหนักมากเลยนะว่าหรือจริง ๆ มึงไม่ได้แค่กำลังมีปัญหาหรือจริง ๆ มึงก็แค่อยากมีกับเขา คนที่มันมีปัญหาเพราะว่าแฟนมันไม่ดูแล พี่ว่ามันควรจะออกมาอีกทางนึง แต่มันดูแบบเป็นคนคลั่งรักกันอยู่ ซึ่งพี่ก็เลยไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาพูดกับเชอรี่ ความจริงมันเหลืออยู่กี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อนหนูก็อีกคน ไม่รู้เหลือกี่เปอร์เซ็นต์เพราะว่าก็ยังทำกันได้ ถามว่าแล้วยังไงดีจะเลิกหรือจะให้อภัยจริง ๆ ถ้าเลิกกับเขาความเจ็บปวดมันนานแหละ แต่สำหรับพี่มันจะมีเส้นชัยคือมันจะจบ หนูอาจจะต้องแบบเจ็บปวดเสียใจฟูมฟายซึ่งอาจจะยาวนานแต่มันจะจบ แต่ถ้าหนูไม่เลิกสิ่งที่มันติดอยู่ในใจหนูว่า คน ๆ นี้เคยไม่ซื่อสัตย์กับฉัน เคยนอกใจฉันและไปนอกใจกับเพื่อนสนิทของฉันมันจะอยู่นานและไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่สำหรับพี่ คือมันแล้วแต่บุญแต่กรรมถ้าสุดท้ายแม่งเป็นคนดีจริง ๆ จนกูสบายใจวันนั้นมันก็อาจจะจบหรือมันก็กลายเป็นว่าเชอรี่ก็คือนอยแดกไปเลยทุกครั้งที่รู้ว่าเดี๋ยวเขาต้องไปทำงานด้วยกัน ซึ่งพี่ไม่รู้ว่าในระยะยาวมันจะส่งผลดีกับชีวิตคู่ของหนู ถ้าเทียบกับว่ากูเลิกกับมันตั้งแต่วันนั้นก้จบสิ้นละเรื่องนี้ ก็ให้เขาได้ไปอยู่กับเขาสองคนให้เขารักกันมาก ๆ 500 ครั้งนั่นน่ะอันนี้สำหรับพี่’สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จะบอกว่าคนที่ไม่ควรยุ่งที่สุดเขายังกล้ายุ่ง แล้วหนูจะเอาความไว้ใจที่ไหนเมื่อเขาก้าวออกไปนอกบ้าน วันนึงไปเที่ยวกลางคืนเหล้าเข้าปากหนูจะนอนไม่หลับ ถ้าหนูเลือกจะอยู่ต่อหนูจะกลายเป็นคนที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่ Toxic เขาจะดีหรือไม่ดีไม่มีใครรู้ แต่ตัวหนูไม่มีทางแบกรับความไว้ใจหรือความหวาดระแวงแบบนี้ได้ไปตลอดชีวิตหรอก พี่กำลังจินตนาการให้หนูเห็นภาพนะว่าสมมุติหนูยืนอยู่บนทางสองทาง ทางนึงเป็นทางที่แบบมีขวากหนามแต่มันเป็นประตูที่เขียนว่า Exit หลังประตูเป็นถนนที่เรียบแต่ว่าก่อนที่จะเดินไปมันเป็นทางขวากหนามสั้นหรือยาวอยู่ที่ตัวเองซึ้งพี่เคยอกหักแล้วใช้เวลาซ่อมใจแค่สองวัน ฉะนั้นมันสั้นได้มันย่นระยะเวลาได้ กับอีกทางนึงเป็นทางที่มีแต่เศษแก้วที่ผู้ชายคนนั้นปามาผู้ชายคนนั้นบอกว่าเดินกลับมาเชอรี่แล้ววันนึงฉันจะกวาดถนนเส้นนี้ให้เธอเอง ฉันจะปลูกดอกไม้ให้เธอแต่เธอเดินเหยียบแก้วกลับมาก่อนนะ แล้วนั้นนั้นก็จะมีห้อง ๆ นึงเป็นใบทะเบียนสมรสเมื่อเชอรี่เข้าไปแล้วปุ๊ปจะถูกล็อคประตูทันที โดยที่แบกความสุ่มเสี่ยงไว้ว่ามึงจะกวาดแก้วให้กูได้จริงไหม ถ้าเกิดกวาดจริงทะเบียนสมรสนั้นนอนกอดแบบสวย ๆ ไปเลยแต่ถ้าเกิดทำไม่ได้หนูต้องเดินย้อนกลับมาเหยียบแก้วนั้นอีกครั้งนึงแล้วหนูก็จะต้องเดินผ่านขวากหนามนั้นอีกครั้งนึง เผื่อไปยังประตู Exit ถ้ามีทะเบียนสมรสปุ๊ปหนูต้องแกะกุญแจนั้นอีก อย่างที่พี่บอกว่าหนูยังรู้เลยว่า หนูโครตโชคดีเลยที่ไม่แต่งงานไปก่อนแล้วมารับรู้เรื่องนี้ฉะนั้นความโชคดีมันถูกกำในมือหนูแล้ว เลือกใช้มันว่าจะเดินทางไหนสองทางที่หนูต้องเลือกพี่ให้หนูเลือกเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เราพาลูกไปฝากที่เนิร์สเซอร์รี เซ็นสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆสังเกตเห็นลูกซึมๆเลยดูกล้องวงจรปิด เจอพี่เลี้ยงทำร้ายลูกเรา เราเลยพาลูกออกมาแล้ว แต่เด็กอีกคนโดนหนักกว่า เราถ่ายคลิปไว้หมด ควรไปบอกพ่อแม่เขาดีไหม?

22 พ.ย. 2024

เราพาลูกไปฝากที่เนิร์สเซอร์รี เซ็นสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆสังเกตเห็นลูกซึมๆเลยดูกล้องวงจรปิด เจอพี่เลี้ยงทำร้ายลูกเรา เราเลยพาลูกออกมาแล้ว แต่เด็กอีกคนโดนหนักกว่า เราถ่ายคลิปไว้หมด ควรไปบอกพ่อแม่เขาดีไหม?

เราพาลูกไปฝากที่เนิร์สเซอร์รี เซ็นสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆสังเกตเห็นลูกซึมๆเลยดูกล้องวงจรปิดเจอพี่เลี้ยงทำร้ายลูกเรา เราเลยพาลูกออกมาแล้ว แต่เด็กอีกคนโดนหนักกว่า เราถ่ายคลิปไว้หมดควรไปบอกพ่อแม่เขาดีไหม? ตอนนี้ เนิร์สเซอร์รีตักเตือนพี่เลี้ยงแล้วถ้าเกิดขึ้นอีกจะไล่ออก“คุณแม่เปิ้ล (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคือวันพุธที่ [20 พ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเนิร์สเซอร์รี่ที่เอาลูกไปฝาก มีพี่เลี้ยงทำร้ายลูกตัวเองและเด็กคนอื่นเลยอยากจะมาเตือนโดย “คุณแม่เปิ้ล (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตัวคุณแม่เองพาลูกสาวคนเล็กอายุ 1 ขวบ 1 เดือนไปฝากเอาไว้ที่เนิร์สเซอร์รี่ ซึ่งทางเนิร์สเซอร์รี่สามารถให้ดูกล้องวงจรปิดได้ แต่จะไม่มีเสียง ดูรีเพลย์ไม่ได้ และสิ่งที่ทำให้เอะใจเริ่มจากที่ตัวลูกสาวเอง ทำไมดูเรียบร้อยจัง นั่งอยู่กับที่ตลอด เด็กทุกคนนั่งอยู่กับที่ไม่ไปไหนเลย ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านก็ขยับตัวเดินตลอด พอไปอยู่ที่เนิร์สเซอร์รี่เหมือนต้องนั่งอยู่กับที่ ถ้าลุกเหมือนโดนชี้หน้า นอกจากนั้นสิ่งที่คุณแม่ได้เห็นในกล้องวงจรปิดคือ ลูกสาวตัวเองถูกทำร้าย และยังมีเด็กคนอื่นที่ถูกทำร้ายหนักกว่าอีกด้วยคุณแม่อยากรู้ว่าเจ้าของเนิร์สเซอร์รี่ เขาพอทราบบ้างมั้ย เคยดูกล้องแล้วเขาเห็นบ้างมั้ย หรือไม่เห็นจริงๆหรอว่ามีเด็กถูกทำร้าย และคนที่ทำน่าจะไม่ได้ทำเป็นครั้งแรกหรือพึ่งทำ ซึ่งทางเนิร์สเซอร์รี่แจ้งแค่ว่าจะตักเตือนก่อน ถ้ามีครั้งต่อไป หรือผู้ปกครองท่านอื่นแจ้งจะไล่ออกทันที ส่วนใจของคุณแม่สงสารเด็กอีกคนที่โดนหนักกว่า อยากช่วยแต่ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง พ่อแม่ของเด็กที่ถูกทำร้าย น่าจะไม่รู้ว่าลูกของตัวเองโดนทำร้ายอะไรบ้าง อยากจะไปแจ้งความ ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะว่าได้เซ็นสัญญากับทางเนิร์สเซอร์รี่ไว้ ตอนที่คุณแม่เห็นว่าลูกโดนทำร้ายก็เอาลูกย้ายออกจากเนิร์สเซอร์รี่เลย คุณแม่อยากจะออกมาเตือนแม่ ๆ คนอื่นว่าอยากให้ดูกล้องวงจรปิดสักหน่อย และอยากจะถามพี่ๆดีเจว่า ควรตามหาแม่ของน้องที่ถูกทำร้ายไหม?ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ควรไปบอกแม่ของเด็กคนนั้นที่ถูกทำร้าย เพราะยิ่งทำมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีกับเด็กคนอื่น ๆ มากเท่านั้น ถ้ากลัวเรื่องกฎหมายให้บอกคุณแม่คนอื่นด้วยปากดีสุด และยังฝากถึงศูนย์อีกด้วยว่าถ้าฟังอยู่ หากมันเป็นปัญหาส่วนบุคคลให้เอาคนนั้นออก เพราะถ้าไม่ลงโทษคนนั้น แสดงว่าทางศูนย์รู้เห็นเป็นใจ ที่จะดูแลเด็กด้วยวิธีแบบนี้ เพราะฉะนั้นควรทำให้มันถูกต้อง ไม่ใช่มาเซ็นสัญญากับคุณแม่และห้ามเขาพูด ควรปรับปรุงองค์กร องค์กรรับหน้าที่ดูแลลูกแทนพ่อแม่ของเขา’นอกจากนี้พี่ๆดีเจยังเสริมต่ออีกว่า ‘ในแง่กฎหมายต่อให้เซ็นสัญญา แต่การกระทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย ซึ่งสามารถแจ้งความและใช้เป็นหลักฐานได้ หรือถ้าทนายคนไหนมีลู่ทางที่จะช่วยได้สามารถหลังไมค์มาทางทีมงานให้ติดต่อไปหาแม่เปิ้ลก็สามารถทำได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ลูกชายอายุ 17 ถูกเพื่อนในโรงเรียนบูลลี่ แกล้ง แอบถ่ายตอนเข้าห้องน้ำ เอาไปส่งต่อ หัวเราะกันในกลุ่มไลน์ หัวอกแม่อย่างเรา พร้อมลุย จัดการให้ได้ทุกอย่าง แต่ลูกชายขอไว้ว่า อย่าไปเอาเรื่องใคร หรือ บอกอาจารย์นะครับแม่ ผมจะตั้งใจเรียนอีก 1 ปีกว่า

09 ธ.ค. 2024

ลูกชายอายุ 17 ถูกเพื่อนในโรงเรียนบูลลี่ แกล้ง แอบถ่ายตอนเข้าห้องน้ำ เอาไปส่งต่อ หัวเราะกันในกลุ่มไลน์ หัวอกแม่อย่างเรา พร้อมลุย จัดการให้ได้ทุกอย่าง แต่ลูกชายขอไว้ว่า อย่าไปเอาเรื่องใคร หรือ บอกอาจารย์นะครับแม่ ผมจะตั้งใจเรียนอีก 1 ปีกว่า

ลูกชายอายุ 17 ถูกเพื่อนในโรงเรียนบูลลี่ แกล้ง แอบถ่ายตอนเข้าห้องน้ำ เอาไปส่งต่อหัวเราะกันในกลุ่มไลน์ หัวอกแม่อย่างเรา พร้อมลุย จัดการให้ได้ทุกอย่าง แต่ลูกชายขอไว้ว่าอย่าไปเอาเรื่องใคร หรือ บอกอาจารย์นะครับแม่ ผมจะตั้งใจเรียนอีก 1 ปีกว่าแล้วจะสอบวิศวะให้ติดให้ได้ ตอนนี้เราสงสารลูกใจจะขาด ได้แต่รับฟังและทำตามที่เขาขอ “คุณผักกาด (นามสมมติ)” อายุ 38 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (4 ธ.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจต้นหอม – ดีเจเติ้ล’ เกี่ยวกับปัญหาการโดนบูลลี่ โดย “คุณผักกาด (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องที่เกิดขึ้นเริ่มจากที่ลูกชาย อายุ 17 ปี ด้วยความที่ลูกชายเป็นเด็กทุนจึงจำเป็นต้องย้ายเข้าไปอยู่หอพักของวิทยาลัยแห่งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งบ้านกับสถานศึกษาไม่ได้ไกลกันมาก สามารถไป-กลับได้ แต่ลูกชายต้องการที่จะแบ่งเบาภาระของคุณแม่ เนื่องจากเราเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ลูกชายเลยตัดสินใจเลือกรับทุนการศึกษานี้ พอหลังจากย้ายเข้าไปปีแรกเขาก็โดนแกล้งเลย ไม่ใช่เป็นการรับน้องแต่คือน้องโดนเพื่อนรุ่นเดียวกันจับถอดเสื้อผ้า ถอดกางเกง หลังจากนั้นเขาก็โดนล้อเรื่องของสงวนมาตลอด ตัวน้องเองก็บอกกับเพื่อนมาตลอดว่าไม่ชอบนะแต่มันจะมีทั้งคนที่ฟังแล้วไม่ล้ออีก และก็จะมีหัวโจกที่ยังคงล้ออยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนน้องมาเล่าให้ฟังว่า มันมีคนพยายามที่จะเปิดประตูห้องน้ำตอนที่น้องกำลังอาบน้ำอยู่ เพราะหอพักที่น้องอยู่มีลักษณะคล้ายอพาร์ทเม้นท์ 2 ห้องนอน มีห้องน้ำในตัว 1 ห้องนอนจะนอนได้ 2 คน ห้องที่ลูกชายพักก็จะอยู่ด้วยกัน 4 คน วันนั้นน้องอาบน้ำอยู่ ประตูห้องน้ำเป็นลูกบิดล็อคประตูไม่ใช่แบบกลอนล็อค เพื่อนใช้ส้อมพยายามงัดเปิดประตูเข้ามา 3 ครั้ง แล้วน้องก็บอกว่าตรงพัดลมดูดอากาศของห้องน้ำจะมีอะไรบางอย่างปิดอยู่ แต่ตอนน้องอาบน้ำก็ไม่ได้สังเกต จนน้องอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำ น้องเห็นว่าตรงนั้นมันเปิดออก พอลูกชายเล่าให้ฟังแล้ว เรารู้สึกกังวลว่า ลูกเราจะโดนถ่ายรูป ถ่ายคลิปไหม เพราะเด็ก ๆ จะมีกลุ่มส่วนตัวในแพลตฟอร์มนึงเพื่อคุยกัน ในกลุ่มนั้นก็จะชอบถ่ายรูปเพื่อน ๆ เวลานอนหลับอ้าปากบ้าง นอนกรนบ้าง เอาไปลงกันเป็นเรื่องโจ๊ก ซึ่งถ้ามันเป็นรูปลักษณะแบบนี้มันก็คงไม่โจ๊กหรอก พอน้องเห็นว่าตรงพัดลมดูอากาศเปิด น้องก็รู้สึกไม่โอเคก็เลยมาเล่าให้แม่ฟัง เราคิดว่าน้องน่าจะโดนหลาย ๆ อย่าง จริง ๆ ไม่ได้โดนทุกวัน น้องกับเพื่อน ๆ ยังคุยกันได้ แต่ก็จะมีการแกล้งแบบนี้ เราคิดว่าเขาน่าจะโดนแกล้งมาประมาณนึง จนทนไม่ไหวน้องตัดสินใจเล่าให้แม่ฟัง เพราะเขาจะไม่ค่อยเอาเรื่องอะไรมาเล่าให้แม่ฟังด้วยความที่อยู่กัน 2 คน เขาเห็นเรารับผิดชอบค่อนข้างเยอะ เขาจะไม่ค่อยเล่าอะไรถ้าไม่ซีเรียสจริง ๆ ตอนนี้ก็น้องโดนมาปีครึ่งแล้ว น้องก็ไม่อยากอะไรเลยนอกจากฟังเขาเล่า เขาเล่าให้ฟังแม่ก็อารมณ์เสียเพราะมันมาเกินไป จะมีเด็กประมาณ 3 - 4 คนที่โดนแบบนี้ พอเราฟังเขาเราก็อารมณ์ขึ้นปึ้ง เขาก็บอกว่า “แม่ หนูพูดกับใครไม่ได้เลยนอกจากแม่ หนูอยากให้แม่แค่รับฟัง” เราก็บอก “ย้ายไหม ย้ายเลย” คือถ้าเลือกย้ายโรงเรียน 1. ทุนที่เราได้รับทั้งหมดต้องจ่ายคืน 2. ที่นี่จะมีอะไรบางอย่างพิเศษกว่าที่อื่น ซึ่งถ้าจบจากที่นี่เขาจะมีสิทธิ์ได้เข้าในมหาลัยที่เขาอยากเข้า ซึ่งเรามองว่าเขาเก่งมากที่มองเป้าหมายแล้วเขาไม่หนี แต่เราก็มองว่ามันต้องอดทนขนาดนี้เลยเหรอ? ทั้งการเรียนก็หนักมาก หลาย ๆ อย่างที่เขาจะต้องทำอีกในเรื่องการเรียนอีก หลังเลิกเรียนคือช่วงเวลาที่จะได้พักผ่อน ทำการบ้าน เคลียร์งาน แต่กลับต้องมานั่งหวาดระแวง ซึ่งตอนแรกที่แม่รู้ แม่คิดว่าเราจะคุยกับผู้ปกครองของเด็กพวกนี้ เพราะเรามีไลน์กลุ่มกันเราก็คุยกับเขาได้ทุกเรื่อง ลูกก็บอกว่า “ไม่ได้สิแม่ มันก็ต้องถึงพวกนี้” ก็จะกลายเป็นว่าจะมี 2 อย่างที่เกิดขึ้น 1. โดนแกล้งหนักกว่าเดิม 2. โดนคว่ำบาตร ตัวน้องก็จะต้องทำโปรเจคซึ่งต้องทำเป็นกลุ่ม เด็กทุนก็ไม่ได้มีเยอะ ตัวเขาก็ไม่อยากย้ายโรงเรียนเขาบอกกับแม่ว่า “เขาไหว ถ้าเมื่อไหร่ที่ไม่ไหวเขาจะบอก” แต่คือเราเป็นแม่จัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ตอนนี้มันก็ผ่านมาสัปดาห์นึงแล้วเราก็คอยถามตลอดว่า ทุกอย่างดีขึ้นไหม โอเคไหม ถ้ามีอะไรที่เขามารังแกให้อัดเสียงไว้หรืออัดคลิปไว้นะ วันนี้หนูอาจจะไม่อยากเอาเรื่องแม่เข้าใจแต่วันนึงถ้าหนูไม่ไหว ถ้าแม่ต้องไปงัดไม่ว่าจะโรงเรียนหรือผู้ปกครองแม่ก็อยากให้เขารู้ว่ามันไม่มีหรอก ลูกฉันเป็นคนดี บางครั้งเวลาไปส่งลูกแล้วแม่เจอก็อยากถอดหมวกกันน็อคฝาดหน้ามันเลย เอาตรง ๆ คือมึงไม่ต้องมายกมือไหว้กูหรอก ไม่ต้องมาเรียกกูว่าแม่เลยถ้าจะทำแบบนี้ ทุกครั้งก็จะเอาขนมไปฝากตลอดเพราะเด็กบางคนอยู่ต่างจังหวัด ต่อหน้าเราเขาอีกอย่าง ด้วยความที่มันอาจจะเป็นปมนึงของลูกด้วยเพราะเขามีโลกประจำตัวตั้งแต่เด็ก เขาเคยได้รับการฉายรังสีที่ศีรษะและอวัยวะเพศ แม่ไม่ทราบว่ามันจะมีผลทำให้ฮอร์โมนบางอย่างมันช้าลงไหม และเขาก็เป็นคนตัวสูงใหญ่มันก็เลยอาจจะดูไม่บาลานซ์ เขามีความรู้สึกไม่มั่นใจตัวเองอยู่แล้วมาเจอแบบนี้อีก แม่รู้สึกไม่โอเคมากแต่ไม่รู้จะยังไงสับสนไปหมดเพราะความฝันของลูกก็สำคัญ มันรู้สึกเหมือนเราล้มเหลวเราเป็นแม่เขาแต่เราปกป้องเขาไม่ได้ แม่ก็เลยอยากจะปรึกษาว่าแม่ควรจะทำออกไปเป็นการกระทำอย่างไร ควรจะคิดยังไง?’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นหอมจะเลือกทำตามที่ลูกบอก เพราะว่าเขาประเมินสถานการณ์แล้วว่าเขารับมือกลับสิ่งตรงนี้ได้แค่ไหน สิ่งที่เขากังวลใจเขาก็ไม่อยากให้แม่เข้าไปยุ่งตรงนั้น ซึ่งการที่แม่เข้าไปยุ่งหรือทำให้สิ่งที่เขาไม่อยากให้ทำมันเป็นการเพิ่มปัญหาให้กับเขา ฉะนั้นวันเนี้ยสิ่งที่ทำได้คือคุยกับลูกให้เยอะ ๆ แล้วสังเกตว่าเราเป็นทีมเดียวกันนะ ถ้าสมมุติไม่ไหวแม่ก็ต้องเข้มแข็งให้ลูกเห็นว่า “เออ ลูกอยู่ทีมถ้าไม่ไหวยังไงบอกแม่เลยนะ แม่เอาออกได้เลยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลยนะลูก” แล้วลูกจะมีความรู้สึกฮึกเหิมว่ายังไหวอยู่อีกปีครึ่งแล้วแต่ลูกเลย ถ้าเกิดไม่ไหวบอกแม่ แม่เอาออกเลยแต่แม่จะทำตามลูกนะ ลูกให้ทำอะไรลูกบอกมาเลยลูกว่าไงว่างั้น เพราะเขาเป็นคนรับมือ แล้วเขาจะรู้สึกว่าโอเคมันอาจจะเฮิร์ทนิดนึงแต่ยังไหวอยู่ ให้เขาเป็นคนตัดสินใจแต่เราแค่แสดงเจตจำนงเลยว่า ซัพพอร์ท ไหวอยู่ไหมลูก ก็ทำให้บรรยากาศเวลาคุยกับเราแล้วไม่เครียด แต่ต้องไม่พูดด้วยความเครียด โมโห หรือแค้น เพราะเขาจะกังวลใจเข้าไปอีก ต้องทำให้เขาผ่อนคลายทำให้เขารู้สึกว่าทุกครั้งที่โทรหาแม่ลูกจะได้ความสบายใจกลับไปฉะนั้นแม่ก็ไม่ต้องเครียดเรื่องที่จะไฟต์รอคำสั่งจะเขาอย่างเดียวพอ แล้วเราก็เตรียมเรื่องเงินเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน แต่ทีนี้หอมเชื่อว่าเป้าหมายของลูกแข็งแรงพอที่เขาจะอดทน เราอาจจะพูดถึงอนาคตของเขาว่า อีกปีครึ่งแป๊บเดียว จะได้ไปอยู่มหาลัยที่ลูกต้องการแล้วนะ ให้เขารู้ว่าทุกปัญหามีแม่เสมอแม่จะอยู่เคียงข้างเสมอ’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เคสนี้ยากเหมือนกันเพราะผมก็ตอบไม่ได้ว่าควรทำยังไง เคยคิดเหมือนกันเราเพราะว่าเราจะอยากทำอย่างนึง แต่ลูกจะอยากให้เราทำอีกอย่าง เป็นคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็อยากจะจัดการอะไรบ้างอย่างทันทีในวันรุ่งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาให้ลูก ความโกรธเกิดขึ้นแน่นอน เราอยากจะลุยแหละไม่ว่าเราจะได้คุยกับใครจะเป็นครูที่ไว้ใจได้สักคนพอที่ลูกเราจะไว้ใจที่สุด คิดว่าครูคนนี้เก็บความลับได้มากที่สุดแล้วค่อย ๆ แก้กันไปโดนที่มีครูรับรู้อยู่ช่วยกันคิดว่าเราจะช่วยปัญหายังไง ซึ่งมันมีหนทางมากมายที่เราจะเข้าไปคุยด้วยแต่สุดท้ายเราก็คงต้องฟังลูกเป็นหลักก่อน ถ้าลูกยืนยันมาก ๆ ว่าอย่าพึ่งทำอะไรในตอนนี้ อย่างนึงในความเป็นพ่อเป็นแม่เราที่ทำได้เราก็ต้องไว้ใจลูกเราเหมือนกันว่า เขายังรับมือได้แต่คำว่ารับมือได้ เราในฐานะพ่อแม่ก็ต้องระวังหลังให้ลูกเหมือนกันว่า คุณรับมือได้จริงหรือเปล่า หรือ คุณแค่พยายามบอกทุกคนและบอกตัวเองว่าคุณรับมือได้ คุณยังทนได้แต่จริง ๆ ข้างในทนไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าความถี่ในการเกิดขึ้นและความรุนแรงที่มันเกิดขึ้นมันขนาดไหน ถ้ามันเป็นการกลั่นแกล้งที่ลูกยังทนได้จริง ๆ โอเคเราหายใจลึก ๆ เราอาจจะต้องเป็นฝ่ายที่อดทนมากกว่าลูกแต่ว่าถ้าการแกล้งมันเกิดขึ้นแบบรุนแรงมากเกินไปหรือมันเริ่มล้ำเส้นที่ไม่ควรจะทนแล้ว การกระทำเราอาจจะต้องเปลี่ยนเพราะฉะนั้นการสื่อสารกับลูกมาก ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมากในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่แม่ต้องหลีกเลี่ยงที่สุดคือ ตอนนี้แม่คือ ปราการสุดท้าย เซฟโซนสุดท้ายของเขาแล้วอย่าเสียตรงนี้ไป ทำทุกอย่างให้เขายังเล่าให้เราฟังอยู่ อะไรก็ตามที่ทำให้คุณแม่รู้สึกว่าถ้าทำออกไปแล้ว ลูกอาจจะไม่มาบอกอะไรเราอีกถ้ามันทำให้ทิศทางของแผนที่เขาวางไว้มันผิดหรือเขาไม่โอเค เราอาจจะเสียความเป็นเซฟโซนสุดท้ายไปตลอด เขากำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นมากการที่เขายังเลือกที่จะเล่าให้เขาฟังอยู่นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดมาก ๆ ณ ตอนนี้ในความเป็นพ่อเป็นแม่แค่ระวัง บอกเขาเลยว่า คนเรามันมีนะที่พูดว่าทนได้แต่จริง ๆ มันทนไม่ไหว ถ้ามันเป็นแบบนั้นเมื่อไหร่ให้บอกแล้วเราค่อย ๆ คิดว่าเราต้องทำอะไรบางอย่าง แต่ถ้า ณ วันนี้มันทนได้จริง ๆ แม่จะเคารพการตัดสินใจจะเชื่อใจทนกันอีกแค่ปีครึ่ง เพราะเท่าที่เราผ่านกันมาทั้งหมดสังคมเปลี่ยนทุก ๆ การเปลี่ยนสถานศึกษาจริง ๆ แม่ก็ผ่านมาแม่ก็คงจะรู้ว่าสังคมมันเปลี่ยนจริง ๆ กับการย้ายโรงเรียน ถ้าเราผ่านพ้นไปได้ทุกอย่างอาจจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นเพราะฉะนั้นเชื่อใจลูกให้มาก แต่ก็อย่าไว้ใจจนเราไม่ได้ปกป้องลูก’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล”ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณแม่ต้องสังเกตและต้องคอยระแวดระวังแบบมาก ๆ เลย เพราะว่าตอนนี้เรารู้ว่าเคสการแกล้งมันเกิดขึ้นแล้ว แต่เติ้ลก็ไม่แน่ใจนะว่าน้ำหนักการแกล้งมันไปถึงจุดที่มันเกินคำว่าแกล้งแบบเด็กผู้ชายเล่นกัน ไปถึงการบูลลี่ ไปถึงการทำร้ายร่างกายมันจะไปถึงไหนได้ สำหรับเติ้ลเห็นด้วยกับพี่หอมและเผือกว่า ถ้าลูกยังขอคุณแม่ว่าอย่าไปพูดแสดงว่า จะต้องมีบางอย่างที่เขาอาจจะลองทนก่อนหรืออะไรก็ตาม หรือเขาอยากจะให้เวลามันพิสูจน์ แต่ว่าถ้าเขาขอแล้วการที่จะเอาเขาอยู่เผื่อที่จะให้เขาเล่าเรื่องให้เราฟังตลอดก็ต้องทำตามที่เขาไว้ก่อน ซึ่งคุณแม่ก็ต้องย้ำเผื่อให้เขารู้ว่าการตัดสินใจที่เขายอมทนของเขาครั้งนี้จริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีความจำเป็นต้องทนเพื่ออะไร ถ้าเป็นลูกเติ้ลจะบอกลูกว่า ถ้าหนูต้องทนไม่มีความสุขเพื่อที่ว่าหนูจะไปโรงเรียนที่หวังว่า แม่จะประหยัดเงินหรือคิดว่าโรงเรียนนี้มันดีกับหนู หรือว่ามันต้องทนสิ่งนี้เพื่อที่จะได้อนาคตมาที่เรายังไม่รู้ว่ามันอะไร แต่ถ้าลูกจะต้องทนทุกข์ทรมานคือมันไม่จำเป็นนะสำหรับแม่ เพราะเราไม่อยากเห็นเขาไม่มีความสุข เราต้องทำให้เขาเห็นว่ามันไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรมาบังคับให้เขาจะต้องไม่มีความสุขเลยนะ แต่ถ้าเขาเลือกแบบนี้เราก็ต้องอยู่เป็น back support เขา สุดท้ายถ้าเรื่องที่คุณแม่รับฟังมันเริ่มไปเรื่อย ๆ ไปเรื่อย ๆแล้วไม่จบ รู้สึกว่ามันเริ่มรุนแรงมากขึ้นจนไปถึงทำร้ายร่างการเราต้องตัดสินใจพูดกับเขาว่า แม่ขอตัดสินใจไปคุยกับอาจารย์เผื่อที่จะให้เรื่องนี้มันจบ ซึ่งถ้ามันไม่จบแม่สัญญาว่าแม่จะยังอยู่ข้างหนูเพื่อทำให้หนูมีความสุขที่สุด’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมนอกใจแฟน บอกเลิกกันก่อนวันครบรอบ 3-4 วัน พอไปอยู่กับแฟนใหม่ ผมดันคิดถึงแฟนเก่า ก็เลยเลิกกับแฟนใหม่เพื่อไปง้อแฟนเก่า แต่ตอนนั้นแฟนเก่าผมก็มีคนใหม่ไปแล้ว จนเขาสองคนเลิกกัน ตอนนี้ผมอยากได้วิธีไปง้อแฟนเก่าที่ผมเคยนอกใจเขามาหน่อยครับ

13 ธ.ค. 2024

ผมนอกใจแฟน บอกเลิกกันก่อนวันครบรอบ 3-4 วัน พอไปอยู่กับแฟนใหม่ ผมดันคิดถึงแฟนเก่า ก็เลยเลิกกับแฟนใหม่เพื่อไปง้อแฟนเก่า แต่ตอนนั้นแฟนเก่าผมก็มีคนใหม่ไปแล้ว จนเขาสองคนเลิกกัน ตอนนี้ผมอยากได้วิธีไปง้อแฟนเก่าที่ผมเคยนอกใจเขามาหน่อยครับ

“คุณอ๊อฟ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (11 ธ.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการนอกใจแฟน โดย “คุณอ๊อฟ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมนอกใจแฟน เมื่อเดือนมีนาคมช่วงต้นปีก็เป็นวันครบรอบ 3 ปีผมกับแฟน แต่แฟนผมจับได้ก่อนว่าผมนอกใจเขา เราเลยเลิกกันก่อนจะถึงวันครบรอบประมาณ 3 – 4 วัน แล้วผมก็ได้มาอยู่กับทางคนใหม่ เหตุการณ์ตอนนั้นคือประมาณว่าผมก็ง้อเขาเหมือนเขาจะคืนดีกับผมแล้ว แต่เขาลง Story IG ประชดผมแบบลงกับผู้ชาย กลายเป็นผมเองที่รับไม่ได้ผมเลยบอกเลิกเขาไปอีกครั้งแต่เรื่องทั้งหมดก็ผ่านมาเกือบ 1 ปีแล้ว พอหลังจากที่เลิกกันไป ผมก็ไปอยู่กับคนใหม่ เราคบกันได้ประมาณ 3 เดือนผมรู้สึกว่าเหมือนตัวเองรู้สึกผิดแล้วผมรู้มาว่าเขาไปพูดกับเพื่อนผมว่า เขารู้สึกว่า เขาผิดตรงไหน เขาแย่ตรงไหน ทำไมเขาถึงโดนทำแบบนี้ ผมเลยคิดว่าเขาคงจะยังมูฟออนไม่ได้ พอผมได้ยินแบบนี้ผมเลยตัดสินใจเลิกกับแฟนคนใหม่ แล้วกลับไปบอกเหตุผลกับเขาว่าที่ผมนอกใจเขาครั้งนั้น เพื่ออะไร เพราะอะไร เพื่อเคลียร์ปัญหาที่ผมได้ก่อไว้เพราะผมแค่ตั้งใจจะอธิบายกับเขาทุกอย่างให้มันกลับมาถูกต้องยังไม่ได้ต้องการที่จะให้เขากับมาคบกับผม หลังจากที่ผมอธิบายกับเขาทั้งหมดจนเราคุยกันลงตัวทุกอย่าง เขาก็ได้บอกกับว่า ตอนนี้เขามีคนใหม่แล้วนะ ผมก็โอเค แล้วเราก็แยกย้ายกันไป ส่วนเขาก็คบกับคนใหม่มาจนถึงช่วงสิ้นปีนี้ ผมก็อยู่คนเดียวของผมมาตลอดไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเขาเลย แต่ตอนเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเขาติดต่อผ่านเพื่อนผมมาว่าจะยืมเต็นท์เอาไปเที่ยว เพื่อนก็มาบอกผม ผมก็เลยบอกโอเคเดี๋ยวเอาไปให้ จากนั้นเราก็ได้โทรคุยกันจนรู้ว่าเขาพึ่งเลิกกับแฟนใหม่เขาเหมือนกัน จากนั้นจนเรื่องมาถึงปัจจุบันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว จริง ๆ เรื่องที่ผมจะปรึกษาคือ ผมควรปล่อยให้เขาอยู่ตรงนั้นไหม เพราะว่าที่เราคุยกันตอนเดือนพฤจิกายนเขาบอกว่าเขาก็มีคนคุยอยู่แล้วนะตอนนี้ ถึงแม้เขาจะเลิกกับคนนั้นแล้วเขาก็บอกผมว่าเขาให้สถานะผมได้แค่เพื่อน แต่ตอนนี้ผมก็ได้ไปทานข้าวกับเขาหลังจาดวันนั้นประมาณ 3 ครั้ง มันมีเหตุการณ์ก่อนจะเจอกันครั้งแรกเขาเป็นลมชักเข้าโรงพยาบาล อยู่ ๆ เขาจะเป็นโรคหัวใจผมก็ได้ไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลแต่พอไปถึงเจอแฟนเก่าเขา ผมก็เลยไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเขา แล้วก้ไปรู้มาว่าแฟนเก่าเขามาตามง้อ คนที่เขาคุยอยู่ก็มาหาเขาเหมือนกัน ตอนนี้ปัจจุบันก็คือ เขาบอกให้ผมเป็นเพื่อนแต่ผมบอกเขาว่าผมไม่เป็นเพื่อนผมขอเป็นคนรู้จักแล้วกัน ผมก็เลยอยากปรึกษาพี่ ๆ ผมจะทำยังไงให้เขาใจอ่อนกลับมาคบกับผมดี?’ ซึ่งเริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าจากที่ฟังดูมีโอกาสที่จะกลับมาคบกันได้แต่มันก็ขึ้นอยู่กับผู้หญิงคนนั้นด้วย มันตอบยาก แต่ว่าถ้าอ๊อฟอยากจะทำให้เขากลับมารักเราก็ต้องทำให้เขาเห็นว่าเราอยากจะกลับไป สมมุติอันนี้จะตอบในมุมว่าอยากให้เขามารักเราอีกรอบ แต่พี่จะห่วงว่าอ๊อฟจะทำได้ไหมจะไม่นอกใจเขาอีกแล้ว เราต้องพิสูจน์ว่าจะไม่ใช่อ๊อฟคนเดิมแล้ว ส่วนเขาก็คือต้องอยู่ที่เขาแล้วว่าเขาจะยังไง เขาอาจจะเห็นเราเป็นแค่แฟนเก่าก็เลยให้เกียรติยังผูกพันมาทำอะไรก็ได้หรือเขาก็อาจจะหว่านเสน่ห์ แล้วก็บอกอ๊อฟทีหลังก็ได้ว่ากูไม่รู้สึกอะไรกับมึงเลยกูแค่แกล้งมึงก็ได้ หรือสุดท้ายเขาอาจจะมีเยื่อใยอยู่ อ๊อฟพิสูจน์ตัวเองแล้วก็กลับมารักกับอ๊อฟอีกทีก็ได้ มันเป็นไปได้หมดเลย’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เขามีใจให้อ๊อฟอยู่แล้ว ผู้หญิงถ้าเลิกกับแฟนเก่าที่นอกใจ ถ้ามันเกลียดมันไม่มองหน้าอยู่แล้ว มึงทำเขาขนาดนั้นเป็นกูถ้าโกรธกูก็ไม่คุย แต่ถ้าเกิดว่าเอาเรื่องเต็นท์มาอ้าง แปลว่ายังอยากกลับมาคุยอยู่ แต่การที่จะแบบมาดีกับมึงง่าย ๆ มันง่ายไปอ๊อฟมึงทำอะไรกับกูไว้มันก็ต้องมีชั้นเชิงนิดนึง มันก็ต้องดูว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไหม แสดงความมั่นใจหรือเปล่าคือครั้งนี้อ๊อฟมีหน้าที่ลงทุนอย่างเดียวโดยที่ไม่รู้ว่าผลกำไรกลับคืนมาไหมหรือจะขาดทุน แต่ในเมื่ออ๊อฟรู้สึกว่าอ๊อฟต้องการของสิ่งนี้ทำได้แค่ลงทุนแล้ว รอผลลัพธ์ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ ให้เคล็ดลับแล้วกันเข้าทางเพื่อนด้วย เพื่อนก่อนถ้าเพื่อนมันตั้งป้อมปุ๊บเพราะวัยนี้เป็นวัยเชื่อเพื่อน ทำให้เขามั่นใจตัวเขาก่อน ให้เขาเห็นความพยายามแล้วเราก็ไม่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด ช่วยเหลือเขาในวันที่เขาไม่มีใคร แล้วก้เข้าทางเพื่อนเขา สเต็ปต่อไปคือการดูแลเขาไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลาวันนึงที่เรามั่นใจแล้วว่าเขาน่าจะมีใจเพื่อนเขาเราโอเคแล้ว ก็ยื่นคำขาดเลยไปต่อหรือพอแค่นี้ถ้าเขาบอก เฮ้ยระหว่างเรายังไงก็เป็นไปไม่ได้ ไปแผนล้ำลึกเลยปล่อยข่าวว่ามีใครสักคนนึงที่กำลังจีบเราอยู่เป็นการกดดันเขา มึงต้องรีบตัดสินใจแล้วอันนี้เป็นสเต็ป ๆ ไล่เลเวลไป’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาเสริมอีกว่า ‘มันต้องเคลียร์ตัวเองก่อน คือคราวเนี้ยถ้าเรากลับไปแล้วยังทำเรื่องอีก การที่เราทำร้ายใครสักคนในรอบแรกเนี่ยมันก็เลวร้ายมากพออยู่แล้ว แต่คือมัน 2 รอบเราจะไม่เหลืออะไรให้เคารพตัวเองอีกเลยนะหมายถึงว่า วันนึงเมื่ออ๊อฟอายุขึ้นมาก ๆ จนอ๊อฟตกตะกอนในชีวิตแล้ว อ๊อฟคิดย้อนมามันจะรู้สึกเกลียดตัวเองเวอร์ชั่นนี้เลยนะว่า เฮ้ยกับคน ๆ นึงเราทำ 2 รอบเลยเหรอวะ มันทำให้เขาเจ็บแล้วเจ็บอีก ถามตัวเองก่อนแล้วกันว่ามั่นใจกับการรีเทิร์นครั้งนี้ ถ้ามั่นใจจริงเขียนไว้เลยว่าให้หวังแบบไม่หวังเพราะเราไม่รู้หรอกว่าเขาจะโอเคหรือเปล่า หลัก ๆ จริง ๆ อาจจะไม่ได้อยู่ที่เราเพราะเขาคือคนที่เจ็บแผลอยู่ที่เขาให้เราทำให้ตายยังไง ถ้าเขาไม่อยากรีเทิร์นมันก็ไม่เกิดขึ้น แต่คือเขาก็ดูมีเยื่อใยอยู่แต่เยื่อใยนี้จะเป็นเยื่อใยเพื่อนหรือว่าเยื่อใยรีเทิร์นเป็นแฟนอีกครั้งไม่รู้เพราะฟังแค่นี้ไม่รู้จริง ๆ ก็ได้แต่หวังแบบไม่หวังทำดีเข้าไว้เหมือนจีบเขาอีกครั้งนึง แต่จีบครั้งเนี้ยรู้ไว้เลยว่าเรามีคดีเหมือนเขารู้แล้วว่าเราเป็นคนไม่ดีแล้วการเป็นคนไม่ดีจะจีบผู้หญิงคนนึงด้วยความจริงใจต้องทำยังไงไปคิดเอาเอง ก็ลองดูถ้าคิดว่าสงบแล้วจริงก็ลองดูโอกาสอีกสักครั้งนึง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1