09 ธ.ค. 2024
ลูกชายอายุ 17 ถูกเพื่อนในโรงเรียนบูลลี่ แกล้ง แอบถ่ายตอนเข้าห้องน้ำ เอาไปส่งต่อ หัวเราะกันในกลุ่มไลน์ หัวอกแม่อย่างเรา พร้อมลุย จัดการให้ได้ทุกอย่าง แต่ลูกชายขอไว้ว่า อย่าไปเอาเรื่องใคร หรือ บอกอาจารย์นะครับแม่ ผมจะตั้งใจเรียนอีก 1 ปีกว่า
ลูกชายอายุ 17 ถูกเพื่อนในโรงเรียนบูลลี่ แกล้ง แอบถ่ายตอนเข้าห้องน้ำ เอาไปส่งต่อหัวเราะกันในกลุ่มไลน์ หัวอกแม่อย่างเรา พร้อมลุย จัดการให้ได้ทุกอย่าง แต่ลูกชายขอไว้ว่าอย่าไปเอาเรื่องใคร หรือ บอกอาจารย์นะครับแม่ ผมจะตั้งใจเรียนอีก 1 ปีกว่าแล้วจะสอบวิศวะให้ติดให้ได้ ตอนนี้เราสงสารลูกใจจะขาด ได้แต่รับฟังและทำตามที่เขาขอ “คุณผักกาด (นามสมมติ)” อายุ 38 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (4 ธ.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจต้นหอม – ดีเจเติ้ล’ เกี่ยวกับปัญหาการโดนบูลลี่ โดย “คุณผักกาด (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องที่เกิดขึ้นเริ่มจากที่ลูกชาย อายุ 17 ปี ด้วยความที่ลูกชายเป็นเด็กทุนจึงจำเป็นต้องย้ายเข้าไปอยู่หอพักของวิทยาลัยแห่งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งบ้านกับสถานศึกษาไม่ได้ไกลกันมาก สามารถไป-กลับได้ แต่ลูกชายต้องการที่จะแบ่งเบาภาระของคุณแม่ เนื่องจากเราเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ลูกชายเลยตัดสินใจเลือกรับทุนการศึกษานี้ พอหลังจากย้ายเข้าไปปีแรกเขาก็โดนแกล้งเลย ไม่ใช่เป็นการรับน้องแต่คือน้องโดนเพื่อนรุ่นเดียวกันจับถอดเสื้อผ้า ถอดกางเกง หลังจากนั้นเขาก็โดนล้อเรื่องของสงวนมาตลอด ตัวน้องเองก็บอกกับเพื่อนมาตลอดว่าไม่ชอบนะแต่มันจะมีทั้งคนที่ฟังแล้วไม่ล้ออีก และก็จะมีหัวโจกที่ยังคงล้ออยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนน้องมาเล่าให้ฟังว่า มันมีคนพยายามที่จะเปิดประตูห้องน้ำตอนที่น้องกำลังอาบน้ำอยู่ เพราะหอพักที่น้องอยู่มีลักษณะคล้ายอพาร์ทเม้นท์ 2 ห้องนอน มีห้องน้ำในตัว 1 ห้องนอนจะนอนได้ 2 คน ห้องที่ลูกชายพักก็จะอยู่ด้วยกัน 4 คน วันนั้นน้องอาบน้ำอยู่ ประตูห้องน้ำเป็นลูกบิดล็อคประตูไม่ใช่แบบกลอนล็อค เพื่อนใช้ส้อมพยายามงัดเปิดประตูเข้ามา 3 ครั้ง แล้วน้องก็บอกว่าตรงพัดลมดูดอากาศของห้องน้ำจะมีอะไรบางอย่างปิดอยู่ แต่ตอนน้องอาบน้ำก็ไม่ได้สังเกต จนน้องอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำ น้องเห็นว่าตรงนั้นมันเปิดออก พอลูกชายเล่าให้ฟังแล้ว เรารู้สึกกังวลว่า ลูกเราจะโดนถ่ายรูป ถ่ายคลิปไหม เพราะเด็ก ๆ จะมีกลุ่มส่วนตัวในแพลตฟอร์มนึงเพื่อคุยกัน ในกลุ่มนั้นก็จะชอบถ่ายรูปเพื่อน ๆ เวลานอนหลับอ้าปากบ้าง นอนกรนบ้าง เอาไปลงกันเป็นเรื่องโจ๊ก ซึ่งถ้ามันเป็นรูปลักษณะแบบนี้มันก็คงไม่โจ๊กหรอก พอน้องเห็นว่าตรงพัดลมดูอากาศเปิด น้องก็รู้สึกไม่โอเคก็เลยมาเล่าให้แม่ฟัง เราคิดว่าน้องน่าจะโดนหลาย ๆ อย่าง จริง ๆ ไม่ได้โดนทุกวัน น้องกับเพื่อน ๆ ยังคุยกันได้ แต่ก็จะมีการแกล้งแบบนี้ เราคิดว่าเขาน่าจะโดนแกล้งมาประมาณนึง จนทนไม่ไหวน้องตัดสินใจเล่าให้แม่ฟัง เพราะเขาจะไม่ค่อยเอาเรื่องอะไรมาเล่าให้แม่ฟังด้วยความที่อยู่กัน 2 คน เขาเห็นเรารับผิดชอบค่อนข้างเยอะ เขาจะไม่ค่อยเล่าอะไรถ้าไม่ซีเรียสจริง ๆ ตอนนี้ก็น้องโดนมาปีครึ่งแล้ว น้องก็ไม่อยากอะไรเลยนอกจากฟังเขาเล่า เขาเล่าให้ฟังแม่ก็อารมณ์เสียเพราะมันมาเกินไป จะมีเด็กประมาณ 3 - 4 คนที่โดนแบบนี้ พอเราฟังเขาเราก็อารมณ์ขึ้นปึ้ง เขาก็บอกว่า “แม่ หนูพูดกับใครไม่ได้เลยนอกจากแม่ หนูอยากให้แม่แค่รับฟัง” เราก็บอก “ย้ายไหม ย้ายเลย” คือถ้าเลือกย้ายโรงเรียน 1. ทุนที่เราได้รับทั้งหมดต้องจ่ายคืน 2. ที่นี่จะมีอะไรบางอย่างพิเศษกว่าที่อื่น ซึ่งถ้าจบจากที่นี่เขาจะมีสิทธิ์ได้เข้าในมหาลัยที่เขาอยากเข้า ซึ่งเรามองว่าเขาเก่งมากที่มองเป้าหมายแล้วเขาไม่หนี แต่เราก็มองว่ามันต้องอดทนขนาดนี้เลยเหรอ? ทั้งการเรียนก็หนักมาก หลาย ๆ อย่างที่เขาจะต้องทำอีกในเรื่องการเรียนอีก หลังเลิกเรียนคือช่วงเวลาที่จะได้พักผ่อน ทำการบ้าน เคลียร์งาน แต่กลับต้องมานั่งหวาดระแวง ซึ่งตอนแรกที่แม่รู้ แม่คิดว่าเราจะคุยกับผู้ปกครองของเด็กพวกนี้ เพราะเรามีไลน์กลุ่มกันเราก็คุยกับเขาได้ทุกเรื่อง ลูกก็บอกว่า “ไม่ได้สิแม่ มันก็ต้องถึงพวกนี้” ก็จะกลายเป็นว่าจะมี 2 อย่างที่เกิดขึ้น 1. โดนแกล้งหนักกว่าเดิม 2. โดนคว่ำบาตร ตัวน้องก็จะต้องทำโปรเจคซึ่งต้องทำเป็นกลุ่ม เด็กทุนก็ไม่ได้มีเยอะ ตัวเขาก็ไม่อยากย้ายโรงเรียนเขาบอกกับแม่ว่า “เขาไหว ถ้าเมื่อไหร่ที่ไม่ไหวเขาจะบอก” แต่คือเราเป็นแม่จัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ตอนนี้มันก็ผ่านมาสัปดาห์นึงแล้วเราก็คอยถามตลอดว่า ทุกอย่างดีขึ้นไหม โอเคไหม ถ้ามีอะไรที่เขามารังแกให้อัดเสียงไว้หรืออัดคลิปไว้นะ วันนี้หนูอาจจะไม่อยากเอาเรื่องแม่เข้าใจแต่วันนึงถ้าหนูไม่ไหว ถ้าแม่ต้องไปงัดไม่ว่าจะโรงเรียนหรือผู้ปกครองแม่ก็อยากให้เขารู้ว่ามันไม่มีหรอก ลูกฉันเป็นคนดี บางครั้งเวลาไปส่งลูกแล้วแม่เจอก็อยากถอดหมวกกันน็อคฝาดหน้ามันเลย เอาตรง ๆ คือมึงไม่ต้องมายกมือไหว้กูหรอก ไม่ต้องมาเรียกกูว่าแม่เลยถ้าจะทำแบบนี้ ทุกครั้งก็จะเอาขนมไปฝากตลอดเพราะเด็กบางคนอยู่ต่างจังหวัด ต่อหน้าเราเขาอีกอย่าง ด้วยความที่มันอาจจะเป็นปมนึงของลูกด้วยเพราะเขามีโลกประจำตัวตั้งแต่เด็ก เขาเคยได้รับการฉายรังสีที่ศีรษะและอวัยวะเพศ แม่ไม่ทราบว่ามันจะมีผลทำให้ฮอร์โมนบางอย่างมันช้าลงไหม และเขาก็เป็นคนตัวสูงใหญ่มันก็เลยอาจจะดูไม่บาลานซ์ เขามีความรู้สึกไม่มั่นใจตัวเองอยู่แล้วมาเจอแบบนี้อีก แม่รู้สึกไม่โอเคมากแต่ไม่รู้จะยังไงสับสนไปหมดเพราะความฝันของลูกก็สำคัญ มันรู้สึกเหมือนเราล้มเหลวเราเป็นแม่เขาแต่เราปกป้องเขาไม่ได้ แม่ก็เลยอยากจะปรึกษาว่าแม่ควรจะทำออกไปเป็นการกระทำอย่างไร ควรจะคิดยังไง?’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นหอมจะเลือกทำตามที่ลูกบอก เพราะว่าเขาประเมินสถานการณ์แล้วว่าเขารับมือกลับสิ่งตรงนี้ได้แค่ไหน สิ่งที่เขากังวลใจเขาก็ไม่อยากให้แม่เข้าไปยุ่งตรงนั้น ซึ่งการที่แม่เข้าไปยุ่งหรือทำให้สิ่งที่เขาไม่อยากให้ทำมันเป็นการเพิ่มปัญหาให้กับเขา ฉะนั้นวันเนี้ยสิ่งที่ทำได้คือคุยกับลูกให้เยอะ ๆ แล้วสังเกตว่าเราเป็นทีมเดียวกันนะ ถ้าสมมุติไม่ไหวแม่ก็ต้องเข้มแข็งให้ลูกเห็นว่า “เออ ลูกอยู่ทีมถ้าไม่ไหวยังไงบอกแม่เลยนะ แม่เอาออกได้เลยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลยนะลูก” แล้วลูกจะมีความรู้สึกฮึกเหิมว่ายังไหวอยู่อีกปีครึ่งแล้วแต่ลูกเลย ถ้าเกิดไม่ไหวบอกแม่ แม่เอาออกเลยแต่แม่จะทำตามลูกนะ ลูกให้ทำอะไรลูกบอกมาเลยลูกว่าไงว่างั้น เพราะเขาเป็นคนรับมือ แล้วเขาจะรู้สึกว่าโอเคมันอาจจะเฮิร์ทนิดนึงแต่ยังไหวอยู่ ให้เขาเป็นคนตัดสินใจแต่เราแค่แสดงเจตจำนงเลยว่า ซัพพอร์ท ไหวอยู่ไหมลูก ก็ทำให้บรรยากาศเวลาคุยกับเราแล้วไม่เครียด แต่ต้องไม่พูดด้วยความเครียด โมโห หรือแค้น เพราะเขาจะกังวลใจเข้าไปอีก ต้องทำให้เขาผ่อนคลายทำให้เขารู้สึกว่าทุกครั้งที่โทรหาแม่ลูกจะได้ความสบายใจกลับไปฉะนั้นแม่ก็ไม่ต้องเครียดเรื่องที่จะไฟต์รอคำสั่งจะเขาอย่างเดียวพอ แล้วเราก็เตรียมเรื่องเงินเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน แต่ทีนี้หอมเชื่อว่าเป้าหมายของลูกแข็งแรงพอที่เขาจะอดทน เราอาจจะพูดถึงอนาคตของเขาว่า อีกปีครึ่งแป๊บเดียว จะได้ไปอยู่มหาลัยที่ลูกต้องการแล้วนะ ให้เขารู้ว่าทุกปัญหามีแม่เสมอแม่จะอยู่เคียงข้างเสมอ’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เคสนี้ยากเหมือนกันเพราะผมก็ตอบไม่ได้ว่าควรทำยังไง เคยคิดเหมือนกันเราเพราะว่าเราจะอยากทำอย่างนึง แต่ลูกจะอยากให้เราทำอีกอย่าง เป็นคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็อยากจะจัดการอะไรบ้างอย่างทันทีในวันรุ่งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาให้ลูก ความโกรธเกิดขึ้นแน่นอน เราอยากจะลุยแหละไม่ว่าเราจะได้คุยกับใครจะเป็นครูที่ไว้ใจได้สักคนพอที่ลูกเราจะไว้ใจที่สุด คิดว่าครูคนนี้เก็บความลับได้มากที่สุดแล้วค่อย ๆ แก้กันไปโดนที่มีครูรับรู้อยู่ช่วยกันคิดว่าเราจะช่วยปัญหายังไง ซึ่งมันมีหนทางมากมายที่เราจะเข้าไปคุยด้วยแต่สุดท้ายเราก็คงต้องฟังลูกเป็นหลักก่อน ถ้าลูกยืนยันมาก ๆ ว่าอย่าพึ่งทำอะไรในตอนนี้ อย่างนึงในความเป็นพ่อเป็นแม่เราที่ทำได้เราก็ต้องไว้ใจลูกเราเหมือนกันว่า เขายังรับมือได้แต่คำว่ารับมือได้ เราในฐานะพ่อแม่ก็ต้องระวังหลังให้ลูกเหมือนกันว่า คุณรับมือได้จริงหรือเปล่า หรือ คุณแค่พยายามบอกทุกคนและบอกตัวเองว่าคุณรับมือได้ คุณยังทนได้แต่จริง ๆ ข้างในทนไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าความถี่ในการเกิดขึ้นและความรุนแรงที่มันเกิดขึ้นมันขนาดไหน ถ้ามันเป็นการกลั่นแกล้งที่ลูกยังทนได้จริง ๆ โอเคเราหายใจลึก ๆ เราอาจจะต้องเป็นฝ่ายที่อดทนมากกว่าลูกแต่ว่าถ้าการแกล้งมันเกิดขึ้นแบบรุนแรงมากเกินไปหรือมันเริ่มล้ำเส้นที่ไม่ควรจะทนแล้ว การกระทำเราอาจจะต้องเปลี่ยนเพราะฉะนั้นการสื่อสารกับลูกมาก ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมากในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่แม่ต้องหลีกเลี่ยงที่สุดคือ ตอนนี้แม่คือ ปราการสุดท้าย เซฟโซนสุดท้ายของเขาแล้วอย่าเสียตรงนี้ไป ทำทุกอย่างให้เขายังเล่าให้เราฟังอยู่ อะไรก็ตามที่ทำให้คุณแม่รู้สึกว่าถ้าทำออกไปแล้ว ลูกอาจจะไม่มาบอกอะไรเราอีกถ้ามันทำให้ทิศทางของแผนที่เขาวางไว้มันผิดหรือเขาไม่โอเค เราอาจจะเสียความเป็นเซฟโซนสุดท้ายไปตลอด เขากำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นมากการที่เขายังเลือกที่จะเล่าให้เขาฟังอยู่นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดมาก ๆ ณ ตอนนี้ในความเป็นพ่อเป็นแม่แค่ระวัง บอกเขาเลยว่า คนเรามันมีนะที่พูดว่าทนได้แต่จริง ๆ มันทนไม่ไหว ถ้ามันเป็นแบบนั้นเมื่อไหร่ให้บอกแล้วเราค่อย ๆ คิดว่าเราต้องทำอะไรบางอย่าง แต่ถ้า ณ วันนี้มันทนได้จริง ๆ แม่จะเคารพการตัดสินใจจะเชื่อใจทนกันอีกแค่ปีครึ่ง เพราะเท่าที่เราผ่านกันมาทั้งหมดสังคมเปลี่ยนทุก ๆ การเปลี่ยนสถานศึกษาจริง ๆ แม่ก็ผ่านมาแม่ก็คงจะรู้ว่าสังคมมันเปลี่ยนจริง ๆ กับการย้ายโรงเรียน ถ้าเราผ่านพ้นไปได้ทุกอย่างอาจจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นเพราะฉะนั้นเชื่อใจลูกให้มาก แต่ก็อย่าไว้ใจจนเราไม่ได้ปกป้องลูก’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล”ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณแม่ต้องสังเกตและต้องคอยระแวดระวังแบบมาก ๆ เลย เพราะว่าตอนนี้เรารู้ว่าเคสการแกล้งมันเกิดขึ้นแล้ว แต่เติ้ลก็ไม่แน่ใจนะว่าน้ำหนักการแกล้งมันไปถึงจุดที่มันเกินคำว่าแกล้งแบบเด็กผู้ชายเล่นกัน ไปถึงการบูลลี่ ไปถึงการทำร้ายร่างกายมันจะไปถึงไหนได้ สำหรับเติ้ลเห็นด้วยกับพี่หอมและเผือกว่า ถ้าลูกยังขอคุณแม่ว่าอย่าไปพูดแสดงว่า จะต้องมีบางอย่างที่เขาอาจจะลองทนก่อนหรืออะไรก็ตาม หรือเขาอยากจะให้เวลามันพิสูจน์ แต่ว่าถ้าเขาขอแล้วการที่จะเอาเขาอยู่เผื่อที่จะให้เขาเล่าเรื่องให้เราฟังตลอดก็ต้องทำตามที่เขาไว้ก่อน ซึ่งคุณแม่ก็ต้องย้ำเผื่อให้เขารู้ว่าการตัดสินใจที่เขายอมทนของเขาครั้งนี้จริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีความจำเป็นต้องทนเพื่ออะไร ถ้าเป็นลูกเติ้ลจะบอกลูกว่า ถ้าหนูต้องทนไม่มีความสุขเพื่อที่ว่าหนูจะไปโรงเรียนที่หวังว่า แม่จะประหยัดเงินหรือคิดว่าโรงเรียนนี้มันดีกับหนู หรือว่ามันต้องทนสิ่งนี้เพื่อที่จะได้อนาคตมาที่เรายังไม่รู้ว่ามันอะไร แต่ถ้าลูกจะต้องทนทุกข์ทรมานคือมันไม่จำเป็นนะสำหรับแม่ เพราะเราไม่อยากเห็นเขาไม่มีความสุข เราต้องทำให้เขาเห็นว่ามันไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรมาบังคับให้เขาจะต้องไม่มีความสุขเลยนะ แต่ถ้าเขาเลือกแบบนี้เราก็ต้องอยู่เป็น back support เขา สุดท้ายถ้าเรื่องที่คุณแม่รับฟังมันเริ่มไปเรื่อย ๆ ไปเรื่อย ๆแล้วไม่จบ รู้สึกว่ามันเริ่มรุนแรงมากขึ้นจนไปถึงทำร้ายร่างการเราต้องตัดสินใจพูดกับเขาว่า แม่ขอตัดสินใจไปคุยกับอาจารย์เผื่อที่จะให้เรื่องนี้มันจบ ซึ่งถ้ามันไม่จบแม่สัญญาว่าแม่จะยังอยู่ข้างหนูเพื่อทำให้หนูมีความสุขที่สุด’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin