เก่ง หฤษฎ์ เผยว่าตัวละคร ‘จิ่งนะ’ ในภาพยนตร์เรื่อง ‘วิมานหนาม’ มีความใกล้เคียงกับชีวิตจริงของตัวเอง

ENTERTAINMENT NEWS

เก่ง หฤษฎ์ เผยว่าตัวละคร ‘จิ่งนะ’ ในภาพยนตร์เรื่อง ‘วิมานหนาม’ มีความใกล้เคียงกับชีวิตจริงของตัวเอง

02 ก.ย. 2024

นอกจากบ้านและสวนทุเรียน ก็ยังมี ‘จิ่งนะ’ นี่แหละที่คนดูหนัง ‘วิมานหนาม’ อยากให้แม่แสงเซ็นยกให้ เพราะจากความสามารถด้านการแสดงที่ปรากฎในหนัง แทบไม่น่าเชื่อเลยว่านี่คือผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของ เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย นักแสดงน้องใหม่ที่แจ้งเกิดในทันที่จากบทหนุ่มน้อยผู้เป็นความสดใสเดียวในหนังเรื่องนี้

เก่ง เล่าให้เราฟังว่า เขาตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อรู้ว่าจะมีโอกาสได้แสดงหนังเรื่องแรก และความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อทราบว่าเป็นหนังของ GDH ที่ร่วมกับ JAI STUDIO พร้อมกับยอมรับว่าบท ‘จิ่งนะ’ เป็นอะไรที่ชาเลนจ์ความสามารถทางการแสดงของเขามาก ๆ เพราะนี่คือการถ่ายทอดเรื่องราวของคนสู้ชีวิต แม้จะดูเหมือนเป็นโจทย์ยากในการพิสูจน์ฝีมือ แต่กลับรู้สึกอินมาก และการทำงานก็ราบรื่นเมื่อรู้ว่าในบางมุมของชีวิตตัวละครมีความคล้ายคลึงกับชีวิตของตัวเอง

“ผมรู้สึกดีใจมากครับที่ได้มาเป็นหนึ่งในนักแสดงหนังเรื่องนี้ มีความกดดันและก็ท้าทายมากครับ เพราะถือเป็นหนังเรื่องแรกที่ผมได้เรียนรู้ในศาสตร์งานแสดง ซึ่งในเรื่องผมเล่นเป็นจิ่งนะ เป็นชาวไทยใหญ่ บุคลิกนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่มีเป้าหมายในชีวิต แต่พอได้มาเจอกับทองคำ ซึ่งรับบทโดย พี่เจฟ ซาเตอร์ ก็ดันไปตกหลุมรักเขาแบบไม่รู้ตัว เลยทำให้มีความหวังในการใช้ชีวิตขึ้นมา เรียกว่าเป็นความรักที่ไม่มีคำนิยามและอธิบายไม่ได้เหมือนกัน แต่รู้สึกแค่ว่าเราต้องมีชีวิตต่อสู้เพื่อคน ๆ นี้ เพราะเรารู้สึกเห็นใจและสงสารทองคำที่ต้องมาเจอกับความไม่ยุติธรรม จากการที่ไม่มีกฎหมายมารองรับในเรื่องของการสมรสเท่าเทียม ที่มันไม่ได้ครอบคลุมในส่วนของการครอบครองทรัพย์สิน

“ด้วยความที่คาแรกเตอร์ที่ผมเล่นมันค่อนข้างลึกในการแสดงความรู้สึก เวลาเล่นเราต้องสื่อสารอารมณ์ของตัวละครอย่างไรให้ชัดเจน ผมเลยต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเติมและเวิร์กช็อปอย่างหนัก แถมยังต้องไปเรียนรู้การเป็นชาวสวนทุเรียนจริง ๆ ด้วยครับ แต่ผมก็โชคดีที่บทบาทในเรื่องมีความใกล้เคียงกับชีวิตจริง เพราะผมเป็นคนเหนือ ที่บ้านทำสวน เลยมีความเข้าใจในวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนทางภาคเหนือครับ

“อยากชวนทุกคนมาดูหนังเรื่องนี้กันเยอะ ๆ นะครับ เพราะเป็นหนังที่เข้มข้น คาดเดาไม่ได้ และผมเชื่อว่าด้วยการเล่าเรื่อง การลำดับภาพ ความสวยงามบรรยากาศในการถ่ายทำ บวกกับความตั้งใจของทีมงานและนักแสดงในเรื่องจะทำให้คนดูอินได้อย่างแน่นอนครับ เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ ฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ครับ”‘วิมานหนาม’ ผลงานการกำกับของ บอส-นฤเบศ กูโน และมี วัน-วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ เป็นโปรดิวซ์เซอร์ นำแสดงโดย เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ, เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์, เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย, สีดา พัวพิมล ตอนนี้เดินหน้ากวาดรายได้ไปแล้วกว่า 70 ล้านมุ่งสู่ 100 ล้านบาท

ภาพ : GDH

related ENTERTAINMENT NEWS

อิงฟ้า วราหะ เล่าถึงความท้าทายที่ต้องเจอในหนังเรื่องแรก ‘วิมานหนาม’

14 ส.ค. 2024

อิงฟ้า วราหะ เล่าถึงความท้าทายที่ต้องเจอในหนังเรื่องแรก ‘วิมานหนาม’

นับถอยหลังเพื่อรอพบกับการฟาดฟันสุดเข้มข้นในภาพยนตร์เรื่อง ‘วิมานหนาม’ ผลงานล่าสุดจาก GDH ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์พร้อมกัน 22 สิงหาคมนี้แล้ว นี่คือผลงานการกำกับของ บอส-นฤเบศ กูโน ซึ่งมอบเซอร์ไพรส์แรกตั้งแต่วันเปิดตัวโปรเจกต์นี้ด้วยการจับคู่ อิงฟ้า วราหะ และ เจฟ ซาเตอร์ มาปะทะฝีมือบนจอเงินครั้งแรกและจากตัวอย่างที่มีการปล่อยออกมาเป็นน้ำจิ้มก่อนหน้านี้ หลายคนค่อนข้างเซอร์ไพรส์กับความทุ่มเทของ อิงฟ้า ที่เราจะคุ้นตากับคุลนางงามที่สวยเป๊ะทุกองศา แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะได้เห็น อิงฟ้า หน้าเปลือยไร้เมกอัพ อีกทั้งยังสาดอารมณ์แบบไม่ยั้ง จนแทบไม่เชื่อว่านี่คือการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของเธออิงฟ้า บอกกับเราว่า เธอยังไม่ลังที่จะทุ่มเทแบบสุดตัว เปลี่ยนลุคจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผมเพื่อรับบท ‘โหม๋’ หญิงสาวชาวบ้านที่ดูธรรมดา แต่มีปมบางอย่างที่ซ้อนไว้ จนนำมาสู่การแย่งชิงสิ่งที่ต้องการ อิงฟ้า เล่าว่าด้วยความเป็นการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก นั่นทำให้เธอต้องเตรียมตัวเพื่อรับมือกับหลากหลายความท้าทายทางการแสดงครั้งนี้“วิมานหนาม เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตของฟ้าเลยค่ะ ประทับใจมากที่ได้พลิกบทบาทมาเป็น ‘โหม๋’ ตอนแรกมีความกังวลว่าเราจะเล่นได้ถึงอย่างที่ผู้กำกับเขาวางคาแรกเตอร์เอาไว้ไหม เพราะมีเรื่องของการไต่อารมณ์เยอะมาก แต่พอได้ออกกอง ได้ลงมือทำงานจริง ๆ รู้สึกว่าสิ่งที่เราคิดคือพังทลายไปตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอพี่บอสผู้กำกับเลยค่ะ รู้สึกไม่กดดัน ไม่เครียด และรู้สึกสนุกมากในระหว่างการถ่ายทำ พี่บอสบอกว่า ในซีนอารมณ์ ถ้าอยากนำเสนออะไร ให้ลองเล่น ลองแสดงออกมาก่อน ซึ่งพอเปิดกว้างแบบนี้ มันทำให้การแสดงของเรามีมิติมากขึ้น“ซึ่งการต้องมารับบทโหม๋ ฟ้าต้องปรับเปลี่ยนเยอะมากค่ะ ทั้งเรื่องของคอสตูม เรื่องลุคต่าง ๆ รวมถึงอินเนอร์ด้วย ซึ่งพอได้อ่านบทตั้งแต่ต้นจนจบ ฟ้าก็เข้าถึงตัวโหม๋ทันที อาจจะด้วยความที่ตัวโหม๋มันมีตัวตนอะไรบางอย่างที่ฟ้าคลิกได้ ซึ่งโชคดีมากที่การเล่นหนังครั้งแรกได้ร่วมงานกับเจฟและแม่สีดา ที่คอยรับส่งอารมณ์ทั้งทางสายตา คำพูดและท่าทาง ทำให้การแสดงไหลลื่นมาก ๆ ค่ะ สุดท้ายก็อยากจะฝากให้ทุกคนได้ไปเที่ยวอีกโลกหนึ่งของพวกเรา ซึ่งฟ้ากับเจฟเก็บเอาไว้นานมาก กว่าที่วิมานหนามจะได้ออกสู่สายตาของทุกคน มันมีหลากหลายอารมณ์ ฟ้าและนักแสดงทุกคนเต็มที่กันมาก ๆ ห้ามพลาดนะคะ”‘วิมานหนาม’ ภาพยนตร์ที่จะชวนขุดหนามในตัวออกมาฟาดฟัน เพื่อแย่งชิงวิมานในฝันมาครอบครอง มีกำหนดจะเช้าฉาย 22 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ภาพ : GDH

‘วิมานหนาม’ ชนะรางวัลใหญ่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์ LGBT Film Festival Poland 2025

17 เม.ย. 2025

‘วิมานหนาม’ ชนะรางวัลใหญ่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์ LGBT Film Festival Poland 2025

อีกหนึ่งก้าวที่น่าภาคภูมิใจของวงการภาพยนตร์ไทย เมื่อ วิมานหนาม คว้ารางวัลใหญ่ Audience Award / Best Feature Film จากเทศกาลภาพยนตร์ LGBT Film Festival Poland 2025 ครั้งที่ 16 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศโปแลนด์ ท่ามกลางภาพยนตร์นานาชาติที่เข้าร่วมประกวดจากทั่วทุกมุมโลกโดยรางวัล Audience Award ถือเป็นรางวัลที่สะท้อนเสียงของผู้ชมโดยตรง และ วิมานหนาม ก็ได้รับการโหวตอย่างล้นหลาม จนสามารถคว้าตำแหน่ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปีไปครองอย่างสง่างามผู้ชมที่ได้ชมผลงานเรื่องนี้ต่างพูดตรงกันว่า จากเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้ง ภาษาภาพที่ทรงพลัง และการนำเสนออารมณ์ความรักหลากหลายมิติอย่างจริงใจ วิมานหนาม ยังสะท้อนความงามของเรื่องราว LGBTQ+ ในแบบที่เข้าอกเข้าใจ ถือเป็นตัวแทนผลงานไทยที่เปล่งประกายในเวทีระดับโลกขอแสดงความยินดีกับผู้กำกับ บอส-นฤเบศ กูโน, โปรดิวเซอร์ วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ และทีมนักแสดง ทั้ง เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ, เก่ง หฤษฎ์ บัวย้อย, เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์ และ สีดา พัวพิมล สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้ภาพ : GDH

สีดา พัวพิมล ใช้ประสบการณ์ในฐานะนักแสดงและแม่ที่สูญเสีย มาถ่ายทอดในภาพยนตร์ ‘วิมานหนาม’

15 ส.ค. 2024

สีดา พัวพิมล ใช้ประสบการณ์ในฐานะนักแสดงและแม่ที่สูญเสีย มาถ่ายทอดในภาพยนตร์ ‘วิมานหนาม’

ทันทีที่ภาพของนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง แม่สีดา พัวพิมล ปรากฎตัวเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงนำของภาพยนตร์เรื่อง ‘วิมานหนาม’ จากค่าย GDH ผ่านการกำกับของ บอส-นฤเบศ กูโน ก็สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับคอหนังไทยมากทีเดียว เพราะนี่นับว่าเป็นการหวนคืนงานแสดงในรอบกว่า 20 ปี และหากย้อนไปเฉพาะงานภาพยนตร์ก็นานกว่า 36 ปีทีเดียวดังนั้นกลับมาทั้งทีแม่สีดาเลยหยิบเอาสกิลการด้านแสดง จากประสบการณ์ในฐานะนักแสดง และประสบการณ์ในฐานะแม่ที่สะสมมาตลอดชีวิต ร่วมถ่ายทอดลงไปเพื่อนำเสนอและสื่ออารมณ์ที่ดุเดือด ร่วมกับนักแสดงรุ่นใหม่ทั้ง อิงฟ้า วราหะ, เจฟ ซาเตอร์, เต้ย พงศกร และ เก่ง หฤษฎ์ แม้ว่าการถ่ายทำจะต้องเจอกับอุปสรรคและความท้าทายมากขนาดไหน แม่ก็สู้สุดใจไม่มีหวั่น จนเมื่อตัวอย่างแรกของ ‘วิมานหนาม’ ปล่อยออกมาก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก โดยเฉพาะฝีมือของแม่สีดาแม่สีดาเล่าถึงการคัมแบ็กบนจอเงินรอบนี้ว่า สำเร็จตั้งแต่วันที่หนังยังไม่เข้าฉาย เพราะจากตัวอย่างและโปสเตอร์ที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ มีคนเข้ามาชื่นชมเรื่องการแสดงมากมาย จนทำให้แม่รู้สึกภาคภูมิใจ แม้ว่าจะอายุมากแล้ว แต่กระแสแรงมากจริง ๆ ก่อนที่จะยืนยันว่ายังแกร่ง ยังสู้ และยังอยากที่จะทำงานที่รักนี้ต่อไป“ที่ผ่านมาช่วงชีวิตมีหลายเรื่องราวมาก ความที่เราอยู่โดดเดี่ยวมานาน จนเกินจะอธิบาย พอได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ รู้สึกดีใจปนความไม่มั่นใจ มันกล้า ๆ กลัว ๆ ในหลาย ๆ อย่าง แต่ดีใจที่ได้กลับมาสู่อาชีพที่เรารัก ดีใจที่ยังมีคนเห็นคุณค่า บอกเลยว่าภูมิใจจนน้ำตาไหล ที่ผ่านมาเราได้ร่วมงานกับผู้กำกับรุ่นบรมครู พอได้มาร่วมงานกับน้องบอส ยอมรับเลยว่าต้องปรับตัวเยอะมาก แต่พอได้เห็นการทำงานของเขา ต้องยอมใจเลย เพราะเขาเป็นผู้กำกับรุ่นใหม่ที่มีฝีมือคนหนึ่ง เวลาบรีฟในแต่ละซีนทำให้เราเห็นภาพตัวละครชัดเจนมาก ทำให้เราดึงเอาอารมณ์มาใช้ได้แบบตรงคาแรกเตอร์”แม่สีดาบอกอีกว่า พาร์ตความท้าทายที่สุดคือบทที่จะต้องเป็นแม่ที่สูญเสียลูกเลย เลยหยิบเอาอารมณ์และความสู้สึกของตัวเองที่เคยต้องสูญเสียลูกชายไปจริง ๆ มาใช้ในการช่วยสื่ออารมณ์ ซึ่งบทที่ได้รับกับความเป็นจริงในชีวิต ก็มีความคล้ายกันคือชีวิตที่ยากลำบาก และการสูญเสีย“ฉากงานบวชเป็นอีกฉากที่ทำให้แม่อินมาก เพราะมีความเหมือนกับชีวิตจริงของแม่ ที่ลูกตายไปก่อนที่จะบวชให้ ซึ่งพอได้เล่นในซีนนี้ทำเอาน้ำตาซึม ตื้นตันใจ แถมยังยังตื่นตาตื่นใจกับประเพณีการบวชของแม่ฮ่องสอนที่เราเองยังไม่เคยเห็นมาก่อน อีกอย่างที่ดีใจมาก คือการที่ได้มาร่วมงานกับคนรุ่นใหม่ อย่างน้องอิงฟ้า น้องเจฟ น้องเต้ย น้องเก่ง ยอมรับฝีมือเลยว่าเด็กสมัยนี้เขาเก่งกันจริง ๆ“และถึงเบื้องหน้ามีฉากที่ต้องปะทะกันรุนแรงแค่ไหน แต่เบื้องหลังคือทุกคนดูแลแม่ดีมาก รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มากองถ่าย แม้ว่าเวลาทำงานจะใส่เต็มจนหมดแรง เพราะบท ‘แม่แสง’ เป็นบทที่หนักหน่วงและท้าทายมาก ๆ เป็นตัวละครที่มีมิติ มีด้านน่าสงสาร มีด้านร้าย มีมุมที่คาดไม่ถึง แม่อยากขอบคุณที่เลือกแม่มารับบทนี้ เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจในชีวิตการแสดงของแม่ ซึ่งแม่เองอยากเชิญชวนแฟนภาพยนตร์ให้มาดูหนังวิมานหนามกันด้วยนะคะ เป็นหนัที่น่าดูมาก ตัวละครแต่ละตัวก็คือไม่ธรรมดา ฟาดฟันแล้วก็เชือดเฉือนกันหนักมาก ตัวแม่เองก็ฟาดมากเช่นกันค่ะ มาดูกันเยอะ ๆ นะคะ รับรองว่าจะติดใจค่ะ”‘วิมานหนาม’ เข้าฉายพร้อมกัน 22 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ภาพ : GDH

‘วิมานหนาม’ และ ‘แฟนฉัน’ 2 หนังไทยเตรียมฉายในเทศกาลภาพยนตร์ CinemAsia Film Festival 2025

03 มี.ค. 2025

‘วิมานหนาม’ และ ‘แฟนฉัน’ 2 หนังไทยเตรียมฉายในเทศกาลภาพยนตร์ CinemAsia Film Festival 2025

อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยยังคงเดินหน้าสร้างความประทับใจบนเวทีระดับโลก ล่าสุด 2 ภาพยนตร์ไทยจาก 2 ยุค ‘วิมานหนาม’ และ ‘แฟนฉัน REMASTERED IN 4K’ ได้รับคัดเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ CinemAsia Film Festival 2025 ณ เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-11 มีนาคม 2568 นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงศักยภาพของวงการหนังไทย‘วิมานหนาม’ เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ได้รับเลือกให้ฉายในสาขา New Visions ซึ่งเป็นหมวดหมู่ที่เปิดพื้นที่ให้กับคนทำหนังรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมแนวทางและมุมมองที่โดดเด่น เทศกาลนี้ถือเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้กำกับหน้าใหม่ได้แสดงศักยภาพ และ ‘วิมานหนาม’ ก็ก้าวเข้ามาในฐานะภาพยนตร์ที่น่าจับตามอง ด้วยการเล่าเรื่องที่สดใหม่ผ่านมุมมองที่แสดงถึงพลังสร้างสรรค์ของผู้กำกับยุคใหม่ขณะที่ ‘แฟนฉัน REMASTERED IN 4K’ ได้รับเลือกให้อยู่ในหมวดหมู่ Pioneers ซึ่งเป็นสาขาที่ให้เกียรติภาพยนตร์ระดับตำนานของเอเชีย และนำเสนอผลงานที่ได้รับการปรับคุณภาพภาพและเสียงใหม่ โดยหนังเรื่องนี้ไม่เพียงเป็นที่จดจำของแฟนหนังชาวไทย แต่ยังถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ทรงอิทธิพลต่อวงการภาพยนตร์เอเชีย และยังคงเป็นที่รักของผู้ชมทั่วโลกแม้เวลาจะผ่านไปถึงสองทศวรรษการได้รับคัดเลือกให้ฉายในเทศกาล CinemAsia Film Festival 2025 นับเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าภาพยนตร์ไทยกำลังเป็นที่สนใจในระดับสากล ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของงานสร้างและการเล่าเรื่องของหนังไทย อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการนำเสนอเอกลักษณ์ของวงการภาพยนตร์ไทยบนเวทีระดับนานาชาติด้วยภาพ : GDH

album

0
0.8
1