สีดา พัวพิมล ใช้ประสบการณ์ในฐานะนักแสดงและแม่ที่สูญเสีย มาถ่ายทอดในภาพยนตร์ ‘วิมานหนาม’

ENTERTAINMENT NEWS

สีดา พัวพิมล ใช้ประสบการณ์ในฐานะนักแสดงและแม่ที่สูญเสีย มาถ่ายทอดในภาพยนตร์ ‘วิมานหนาม’

15 ส.ค. 2024

ทันทีที่ภาพของนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง แม่สีดา พัวพิมล ปรากฎตัวเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงนำของภาพยนตร์เรื่อง ‘วิมานหนาม’ จากค่าย GDH ผ่านการกำกับของ บอส-นฤเบศ กูโน ก็สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับคอหนังไทยมากทีเดียว เพราะนี่นับว่าเป็นการหวนคืนงานแสดงในรอบกว่า 20 ปี และหากย้อนไปเฉพาะงานภาพยนตร์ก็นานกว่า 36 ปีทีเดียว

ดังนั้นกลับมาทั้งทีแม่สีดาเลยหยิบเอาสกิลการด้านแสดง จากประสบการณ์ในฐานะนักแสดง และประสบการณ์ในฐานะแม่ที่สะสมมาตลอดชีวิต ร่วมถ่ายทอดลงไปเพื่อนำเสนอและสื่ออารมณ์ที่ดุเดือด ร่วมกับนักแสดงรุ่นใหม่ทั้ง อิงฟ้า วราหะ, เจฟ ซาเตอร์, เต้ย พงศกร และ เก่ง หฤษฎ์ แม้ว่าการถ่ายทำจะต้องเจอกับอุปสรรคและความท้าทายมากขนาดไหน แม่ก็สู้สุดใจไม่มีหวั่น จนเมื่อตัวอย่างแรกของ ‘วิมานหนาม’ ปล่อยออกมาก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก โดยเฉพาะฝีมือของแม่สีดา

แม่สีดาเล่าถึงการคัมแบ็กบนจอเงินรอบนี้ว่า สำเร็จตั้งแต่วันที่หนังยังไม่เข้าฉาย เพราะจากตัวอย่างและโปสเตอร์ที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ มีคนเข้ามาชื่นชมเรื่องการแสดงมากมาย จนทำให้แม่รู้สึกภาคภูมิใจ แม้ว่าจะอายุมากแล้ว แต่กระแสแรงมากจริง ๆ ก่อนที่จะยืนยันว่ายังแกร่ง ยังสู้ และยังอยากที่จะทำงานที่รักนี้ต่อไป

“ที่ผ่านมาช่วงชีวิตมีหลายเรื่องราวมาก ความที่เราอยู่โดดเดี่ยวมานาน จนเกินจะอธิบาย พอได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ รู้สึกดีใจปนความไม่มั่นใจ มันกล้า ๆ กลัว ๆ ในหลาย ๆ อย่าง แต่ดีใจที่ได้กลับมาสู่อาชีพที่เรารัก ดีใจที่ยังมีคนเห็นคุณค่า บอกเลยว่าภูมิใจจนน้ำตาไหล ที่ผ่านมาเราได้ร่วมงานกับผู้กำกับรุ่นบรมครู พอได้มาร่วมงานกับน้องบอส ยอมรับเลยว่าต้องปรับตัวเยอะมาก แต่พอได้เห็นการทำงานของเขา ต้องยอมใจเลย เพราะเขาเป็นผู้กำกับรุ่นใหม่ที่มีฝีมือคนหนึ่ง เวลาบรีฟในแต่ละซีนทำให้เราเห็นภาพตัวละครชัดเจนมาก ทำให้เราดึงเอาอารมณ์มาใช้ได้แบบตรงคาแรกเตอร์”

แม่สีดาบอกอีกว่า พาร์ตความท้าทายที่สุดคือบทที่จะต้องเป็นแม่ที่สูญเสียลูกเลย เลยหยิบเอาอารมณ์และความสู้สึกของตัวเองที่เคยต้องสูญเสียลูกชายไปจริง ๆ มาใช้ในการช่วยสื่ออารมณ์ ซึ่งบทที่ได้รับกับความเป็นจริงในชีวิต ก็มีความคล้ายกันคือชีวิตที่ยากลำบาก และการสูญเสีย

“ฉากงานบวชเป็นอีกฉากที่ทำให้แม่อินมาก เพราะมีความเหมือนกับชีวิตจริงของแม่ ที่ลูกตายไปก่อนที่จะบวชให้ ซึ่งพอได้เล่นในซีนนี้ทำเอาน้ำตาซึม ตื้นตันใจ แถมยังยังตื่นตาตื่นใจกับประเพณีการบวชของแม่ฮ่องสอนที่เราเองยังไม่เคยเห็นมาก่อน อีกอย่างที่ดีใจมาก คือการที่ได้มาร่วมงานกับคนรุ่นใหม่ อย่างน้องอิงฟ้า น้องเจฟ น้องเต้ย น้องเก่ง ยอมรับฝีมือเลยว่าเด็กสมัยนี้เขาเก่งกันจริง ๆ

“และถึงเบื้องหน้ามีฉากที่ต้องปะทะกันรุนแรงแค่ไหน แต่เบื้องหลังคือทุกคนดูแลแม่ดีมาก รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มากองถ่าย แม้ว่าเวลาทำงานจะใส่เต็มจนหมดแรง เพราะบท ‘แม่แสง’ เป็นบทที่หนักหน่วงและท้าทายมาก ๆ เป็นตัวละครที่มีมิติ มีด้านน่าสงสาร มีด้านร้าย มีมุมที่คาดไม่ถึง แม่อยากขอบคุณที่เลือกแม่มารับบทนี้ เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจในชีวิตการแสดงของแม่ ซึ่งแม่เองอยากเชิญชวนแฟนภาพยนตร์ให้มาดูหนังวิมานหนามกันด้วยนะคะ เป็นหนัที่น่าดูมาก ตัวละครแต่ละตัวก็คือไม่ธรรมดา ฟาดฟันแล้วก็เชือดเฉือนกันหนักมาก ตัวแม่เองก็ฟาดมากเช่นกันค่ะ มาดูกันเยอะ ๆ นะคะ รับรองว่าจะติดใจค่ะ”

‘วิมานหนาม’ เข้าฉายพร้อมกัน 22 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

ภาพ : GDH

related ENTERTAINMENT NEWS

ดู๋ สัญญา เผยว่าความรู้สึกหลัง หลานม่า เป็น 1 ใน 15 ผลงานที่ผ่านเข้ารอบ ลุ้นเป็น 5 เรื่องสุดท้ายชิงออสการ์

26 ธ.ค. 2024

ดู๋ สัญญา เผยว่าความรู้สึกหลัง หลานม่า เป็น 1 ใน 15 ผลงานที่ผ่านเข้ารอบ ลุ้นเป็น 5 เรื่องสุดท้ายชิงออสการ์

ระหว่างที่คณะกรรมการจาก สถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ (The Academy) กำลังพิจารณาและให้คะแนน เพื่อตัดสินว่าภาพยนตร์เรื่องใดจะเป็น 5 เรื่องสุดท้ายในฐานะนอมินีชิงรางวัลออสการ์ สาขา ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมประจำปีนี้ ดู๋-สัญญา คุณากร นักแสดงมากความสามารถผู้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ หลานม่า (How To Make Millions before Grandma Dies) ผลงานตัวแทนประเทศไทยที่สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าไปเป็น 15 เรื่องสุดท้าย ก็ให้สัมภาษณ์ถึงความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นกับวงการหนังไทย“ผมว่านี่ก็ทะลุความตั้งใจไปเยอะ ตอนแรกแค่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในฐานะตัวแทนหนังไทยเราก็ดีใจแล้วครับ แต่ตอนนี้พอเข้าไปอยู่ใน 15 เรื่องสุดท้าย ก่อนที่จะไปถึง 5 นอมินี ผมว่าเป็นความรู้สึกที่ดี เป็นชัยชนะในใจของทุกคนแล้วครับ ผมว่าหนังไทยไม่ใช่แค่เรื่องหลานม่า ก่อนหน้านี้เราก็มีผลงานดี ๆ ที่น่าประทับใจ ให้ความรู้สึกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติไหน แน่นอนว่าคนทั้งโลกก็มีของดีเป็นของตัวเอง สักวันก็ต้องมีวันนั้น เหมือนวงการกีฬาได้เหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรก วงการหนังก็ต้องมีวันนั้น เอาใจช่วยกันไปเรื่อย ๆ หนังไทยไม่สามารถไปต่อได้ด้วยรางวัล แต่ไปต่อได้การการสนับสนุนจากคนไทย หนังจะไปได้จากคนไทยดูก่อน แล้วนานาชาติช่วยกันดูมันก็จะไปต่อได้ อยากให้กำลังใจคนทำหนังทุกคน“ผมไม่ได้เก่งเรื่องการวิเคราะห์หนัง ผมพูดในฐานะคนดูหนังไทยคนหนึ่ง ผมเคยอ่านนิยายกำลังภายในจีนซึ่งมีประโยคหนึ่งที่ตรงกับหลานม่า เขาบอกว่า ‘สูงสุดคืนสู่สามัญ’ เราพัฒนาความซับซ้อนของเทคนิคขึ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนมือกระบี่ที่เก่งขึ้นเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งกลายเป็นท่าที่ดูเบาเบา ดูธรรมดา ไม่ได้พยายามเข้น พยายามขยี้ แต่มันเกิดสิ่งนั้นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ คือ ความซาบซึ้ง ความประทับใจที่ไม่ได้ถูกเข็น หลานม่าไม่ได้สร้างมาให้ร้องไห้ สร้างมาให้มันรีเลทกับเรื่องราวของแต่ละบุคคล ผมดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบเล็ก ๆ ที่ทำให้หนังไปถึงตรงนั้นครับ”มาร่วมลุ้นและเอาใจช่วยให้หนังไทยอย่าง หลานม่า ทะลุผ่านเข้าไปยืนเป็นผลงาน 5 เรื่องสุดท้ายเพื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขา ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม โดยจะมีการเผยรายชื่อผลงาน 5 เรื่องในฐานะนอมินีวันที่ 17 มกราคมที่จะถึงนี้ภาพ : GDH

บิวกิ้น พุฒิพงศ์ เผยความรู้สึกหลัง ‘หลานม่า’ ประสบความสำเร็จ พาขึ้นเป็นพระเอกพันล้าน

06 ส.ค. 2024

บิวกิ้น พุฒิพงศ์ เผยความรู้สึกหลัง ‘หลานม่า’ ประสบความสำเร็จ พาขึ้นเป็นพระเอกพันล้าน

บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ศิลปินและนักแสดงชื่อดัง ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับภาพยนตร์เรื่อง ‘หลานม่า’ จากค่าย GDH ที่ตอนนี้กำลังออกเดินทาง มอบความซาบซึ้งใจให้กับผู้ชมในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งนับรวมรายได้แล้วก็ทะลุผ่านหลัก 1,000 ล้านบาท ทำให้ บิวกิ้น ขึ้นแท่นพระเอกพันล้านได้จากหนังเรื่องแรกของตัวเองบิวกิ้น บอกว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นขอยกเครดิตให้กับทีมงานเบื้องหลังทุก ๆ ส่วน ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ทีมนักแสดง และทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ‘หลานม่า’ และก็รู้สึกโชคดีที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกร์หนังไทยเรื่องนี้“ยังไม่ค่อยชินหรอกพี่ (ยิ้มเขิน) ดีใจและภูมิใจครับ งานหนังมันเหมือนงานกลุ่มที่ต้องไปกันทั้งทีมครับ เราก็เต็มที่ในพาร์ตของเรา เราก็อยากทำให้งานนี้ออกมาดีที่สุด ผมรู้สึกโชคดีนะ เพราะจริง ๆ แล้วผมเข้ามาในโปรเจกต์นี้ท้าย ๆ เลยด้วยซ้ำครับ เพราะว่าเขาทำบทกันมานานมาก ทีมงานหลาย ๆ ส่วนก็ถูกล็อกไว้หมดแล้ว ผมเป็นทีมท้าย ๆ ที่เข้ามาแล้วครับ“หนังหลาย ๆ เรื่อง อาจจะมีคนที่เล่นหนังได้ดีกว่าผมอีก แสดงได้ดีกว่าผมอีก แต่มันอาจจะไม่ได้มีจังหวะประจวบเหมาะแบบเดียวกับผม มันยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จ เรื่องหน้าถ้าไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าเราได้เต็มที่มันก็โอเคนะครับผม ผมว่าผมโชคดีที่ได้เกาะขบวนหลานม่าไปกับเขาด้วย”ภาพ : GDH

ใบปอ ธิติยา ขึ้นแท่นนักแสดงหญิงที่น่าจับตามอง จากบทฝาแฝดใน ‘เธอกับฉันกับฉัน’ สู่บทตากล้องใน ‘เพื่อน (ไม่) สนิท’

10 พ.ย. 2023

ใบปอ ธิติยา ขึ้นแท่นนักแสดงหญิงที่น่าจับตามอง จากบทฝาแฝดใน ‘เธอกับฉันกับฉัน’ สู่บทตากล้องใน ‘เพื่อน (ไม่) สนิท’

เชื่อว่าใครที่ได้ไปชมภาพยนตร์เรื่อง ‘เธอกับฉันกับฉัน’ ผลงานเรื่องแรกของปีจาก GDH คงประทับใจและชื่มชมในความสามารถของ ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์ นักแสดงดาวรุ่งหญิงผู้รับบทฝาแฝด ยู-มี ได้อย่างไร้ที่ติ และก็เฝ้ารอชมการเดินทางของเธอในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ในวงการวันนี้เธอกลับมาร่วมงานกับ GDH อีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ สร้างสรรค์ผลงานโดย GDH ร่วมกับ Houseton โดยผู้กำกับ อัตต้า-อัตตา เหมวดี ซึ่งครั้งนี้ ใบปอ ก็ได้รับบทสุดท้าทายอีกครั้ง ด้วยการสวมวิญญาณเป็นตากล้อง อีกทั้งคาแร็กเตอร์ในเรื่องนี้ก็ยังแตกต่างจากผลงานภาพยนตร์ชิ้นแรกของเธอไปอย่างสิ้นเชิง เลยต้องทำการบ้านกันหนักหน่วง เพื่อให้ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละคร ‘โบเก้’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด“สำหรับ เพื่อน(ไม่)สนิท ถือเป็นหนังเรื่องที่สองในชีวิตของหนู ที่ได้กลับมาร่วมงานกับค่ายจีดีเอชอีกครั้ง รู้สึกดีใจ และปลื้มใจมากค่ะที่ได้รับโอกาสในครั้งนี้ เรื่องที่แล้วปอได้รับบทฝาแฝดซึ่งว่ายากแล้ว เรื่องนี้ก็ยากไม่แพ้กัน เพราะบท โบเก้ ปอต้องรับบทเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความเป็นผู้นำสูง ความยากคือต้องหาความแตกต่างให้ได้ ซึ่งคาแร็กเตอร์และอินเนอร์ของตัวละคร โบเก้กับปอต่างกันมาก ทำให้ปอต้องเวิร์คช็อปอย่างหนัก เพราะในเรื่องมีบทดราม่าที่สะท้อนตัวละครออกมาเยอะเหมือนกัน“และในเรื่องนี้ปอต้องรับบทตากล้องในหนังสั้น ทำให้ต้องเรียนรู้พวกอุปกรณ์ต่าง ๆ จะได้ดูเป็นมืออาชีพ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ตื่นเต้นมากค่ะ ที่ปอจะได้ทดลองทำอะไรใหม่ รู้สึกแฮปปี้มาก ๆ ที่ได้ร่วมงานกับเพื่อนใหม่ ได้ทั้งมิตรภาพ ได้ทั้งความประทับใจ ทุกคนคือทีมเวิร์คที่คอยช่วยเหลือกัน ทำให้การทำงานสนุกมากเลยค่ะ ยิ่งพอพี่อัตต้าผู้กำกับปล่อยให้พวกเราลองด้นสดเล่นกันเอง ให้เล่นตามหัวใจตัวเอง ยิ่งสนุกและท้าทายมาก“พี่อัตต้าเคยเล่าให้ฟังว่า เขียนบทหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอยากให้ทุกคนได้หวนนึกถึงเพื่อนหรือใคร ๆ ก็ตามที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต สำหรับใครที่ได้มาดูเรื่องนี้น่าจะได้ความรู้สึกที่คิดถึงเพื่อน ๆ สมัยมัธยม ไม่ว่าจะเพื่อนที่สนิท หรือเพื่อนที่ไม่สนิทก็ตาม สุดท้ายก็ฝากเป็นกำลังใจให้พวกเราในหนังเรื่องนี้ด้วยนะคะ”‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ ภาพยนตร์กระชับมิตร ฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ภาพ : GDH

ไอซ์ ปรีชญา เสียดายที่ปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้เธอพลาดโอกาสร่วมงานหนัง GDH เรื่องใหม่

10 มี.ค. 2025

ไอซ์ ปรีชญา เสียดายที่ปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้เธอพลาดโอกาสร่วมงานหนัง GDH เรื่องใหม่

ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร นักแสดงสาวมากความสามารถ ได้ออกมาอัปเดตสุขภาพของตนเอง หลังจากที่เธอเคยเปิดเผยถึงการต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ด้วยความเข้มแข็งและความมุ่งมั่น เธอสามารถก้าวผ่านมันมาได้ ปัจจุบันอาการดีขึ้นกว่าก่อนมาก แม้จะยังคงต้องดูแลตัวเองและรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ แต่เธอมั่นใจว่าในไม่ช้า จะกลับมาเป็น ไอซ์ ที่สดใสและสนุกสนานเหมือนเดิมเธอบอกว่าหนึ่งในสิ่งที่เธอรู้สึกเสียดายมากที่สุด คือการที่อาการป่วยทำให้พลาดโอกาสร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ GDH อย่าง Beauty and The Beat ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่เธอให้ความสนใจและตื่นเต้นกับการทำงานร่วมกับเพื่อนนักแสดงสายอารมณ์ดี รวมถึงผู้กำกับมากฝีมืออย่าง ไตเติ้ล-กิตติภัค ทองอ่วม แม้จะไม่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เธอยังคงส่งกำลังใจให้ทีมงานและนักแสดงทุกคนในการสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ“โปรเจกต์นี้เป็นสิ่งที่ไอซ์เสียดายมากค่ะ เพราะบทบาทต้องมีการเพิ่มน้ำหนักตัว ซึ่งไอซ์ขอไม่เปิดเผยว่าต้องเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่สุขภาพของไอซ์ยังต้องได้รับการดูแล การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการทำงานได้ ดังนั้นไอซ์จึงตัดสินใจถอนตัว แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายมากก็ตาม” เธอกล่าว พร้อมย้ำว่าเธอเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับงานเสมอ แต่เมื่อต้องเลือกระหว่างสุขภาพกับหน้าที่ เธอเลือกที่จะดูแลตัวเองก่อน อย่างไรก็ตาม เธอจะคอยติดตามและให้กำลังใจทีมงานทุกคน และตั้งตารอชมภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกันนอกจากนี้ ไอซ์ ยังได้แบ่งปันแนวคิดในการใช้ชีวิตให้มีความสุขขึ้น โดยเน้นการปล่อยวางสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ พร้อมกับให้ความสำคัญกับพลังใจจากตัวเอง เธอเชื่อว่ากำลังใจจากคนรอบข้างมีความหมาย แต่ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่เราสามารถให้กำลังใจตัวเองได้ เพราะสุดท้ายแล้วความเข้มแข็งจากภายในจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราก้าวข้ามช่วงเวลายากลำบาก และเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงภาพ : icepreechaya / GDH

album

0
0.8
1