[REVIEW] “Uncharted” ดัดแปลงเกมล่าขุมทรัพย์สู่หนังใหญ่ | GOSSIP GUN

HOLLYWOOD GOSSIP

[REVIEW] “Uncharted” ดัดแปลงเกมล่าขุมทรัพย์สู่หนังใหญ่ | GOSSIP GUN

17 ก.พ. 2022

“หนังจากวีดีโอเกมส์มักจะเจ๊ง” กลายเป็นคำกล่าวที่ลือลั่นในฮอลลีวูด เพราะน้อยครั้งมากที่หนังที่สร้างจากเกมจะประสบความสำเร็จแบบปังๆ ย้อนไปดู Box Office ในอเมริกา มีหนังจากเกมแค่ 5 เรื่องที่ทำรายได้ผ่านหลัก 100 ล้านเหรียญฯ คือSonic The Hedgehog, Pokemon Detective Pikachu, Lara Croft : Tomb Raider, The Angry Bird Movie และ Rampage (ซึ่งเรื่องหลังเมื่อเทียบกับทุนสร้างแล้ว ก็ไม่ได้ถือว่าทำเงินอะไรมากนัก) แต่ฮอลลีวูดก็ยังคงหยิบเกมมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างหนังอยู่เสมอ ล่าสุดคือ Uncharted เกมผจญภัยล่าสมบัติที่โซนี่หยิบมาสร้างเป็นหนัง หวังให้เป็นแฟรนไชส์แบบเดียวกับ Indiana Jones และ Tomb Raider โดยดึงพระเอกที่ประสบความสำเร็จสุดของค่าย ณ ตอนนี้อย่าง ทอม ฮอลแลนด์ ถอดชุดสไปเดอร์แมน มาล่าขุมทรัพย์ (แม้ว่าแฟนเกมจะติเรื่องที่เขาดูต่างจากตัวละครในเกมมากอยู่ก็ตาม)

ทอม ฮอลแลนด์ รับบทเป็น นาธาน เดรก หนุ่มที่ใช้ชีวิตเป็นบาร์เทนเดอร์ แต่ก็เป็นนักล้วงกระเป๋าเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่ลึกๆเขาเองสนใจในการล่าสมบัติ จากความคลั่งไคล้ของพี่ชายที่หายตัวไป จนกระทั่งเขาได้เจอกับ ซัลลี่ (รับบทโดย มาร์ก วอห์ลเบิร์ก) ชายนักล่าขุมทรัพย์มืออาชีพ ที่ชักชวนเขาให้ร่วมทีมออกตามหาทองคำที่หายไป จากเรือของมาเจลแลน ที่แล่นข้ามโลกได้สำเร็จเมื่อในอดีต แต่การออกบล่าสมบัติครั้งนี้ของพวกเขาไม่ง่ายนัก เพราะมี ซานติอาโก้ (รับบทโดย แอนโตนิโอ แบนเดอราส) มหาเศรษฐีทายาทตระกูลเก่าแก่ ออกตามล่าสมบัตินี้เช่นกัน เพราะเขาเชื่อว่านี่คือมรดกของตระกูล ซึ่งการล่าขุมทรัพย์ในครั้งนี้ สำหรับนาธานไม่ใช่แค่เรื่องทองคำเท่านั้น เพราะนี่อาจเป็นโอกาสที่เขาจะได้สืบเกี่ยวกับพี่ชายที่หายตัวไปด้วย

Uncharted ฉบับหนังใหม่มีกลิ่นอายคล้ายๆ Tomb Raider หลายๆประการ ด้วยพล็อตและวิธีการดำเนินเรื่องที่เน้นไขปริศนา เพื่อตามหาสมบัติในสถานที่ต่างๆทั่วโลก ในขณะที่ตัวละครนำก็มีปมเรื่องคนในครอบครัว (อย่างใน Tomb Raider คือพ่อของนางเอก ส่วน Uncharted เป็นพี่ชาย) หนังทั้ง 2 จึงมีโครงสร้างคล้ายๆกัน แต่ในแง่คุณภาพ Uncharted อยู่ในระดับกลางๆ โดยรวมหนังทำฉากแอ็กชันออกมาได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะฉากกลางอากาศ ซึ่งเป็นฉากใหญ่ถึง 2 ฉากในหนัง ทำออกมาได้ตื่นเต้นและตื่นตาอย่างมาก ยิ่งดูในระบบจอ IMAX ที่มีการเพิ่มขนาดจอเฉพาะสองฉากนี้ ทำให้เหมือนเราอยู่ในฉากแอ็กชันไปกับตัวละครด้วย

แต่สิ่งที่ทำให้ Uncharted ไม่ได้กลายเป็นหนังแอ็กชันที่พีคมากๆ คงจะหนีไม่พ้นเรื่องบท ที่จะพบว่าฉากต่างๆในหนัง ถูกคลี่คลายไปอย่างง่ายดายมาก ถ้าเป็นการเล่นเกมก็คงเหมือนการผ่านด่านที่ง่ายเกินไป เวลาที่พระเอกจำเป็นต้องไขปริศนาอะไรบางอย่างก็สามารถค้นพบคำตอบด้วยเวลานิดเดียว เลยทำให้ดูเหมือนผู้ชมไม่จำเป็นต้องลุ้นตามตัวละครนำมากนัก เพราะน่าจะสามารถผ่านวิกฤตต่างๆไปได้ง่ายๆอยู่แล้ว บวกกับหนังค่อนข้างเล่าแบ็คกราวน์ของตัวละครน้อย หนังใช้เวลาค่อนข้างสั้นเพื่อเล่าที่มาที่ไปของ นาธาน เดรก ทำให้ผู้ชมอาจจะยังไม่ได้อินกับเขาเท่าไหร่ ก่อนที่การผจญภัยจะเริ่มต้นขึ้น

ทอม ฮอลแลนด์ ยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดบนจอได้อย่างดี คาแรคเตอร์ในเรื่องที่คล้ายๆกับ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ แบบนี้ ดูเหมือนจะกลายเป็นภาพจำของเขาไปแล้ว ซึ่งก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ แม้ว่าคนที่เล่นเกมนี้จะยืนยันว่าเขาไม่เหมือน นาธาน เดรก ในฉบับเกมเลยก็ตาม ในขณะที่ มาร์ก วอห์ลเบิร์ก ก็ยังคงเล่นบทแอ็กชั่นเบาสมองได้ดูเพลินเช่นเดิม แม้ว่าเคมีของเขากับทอม อาจจะยังไม่มากเท่าไหร่นัก กลายเป็นคนที่เคมีเข้ากับทอมดีกว่าคือ โซเฟีย อาลี ที่รับบทโคลอี้ สาวนักล่าสมบัติที่เข้ามาร่วมทีมกับ นาธานและซัลลี่ หลายฉากที่เธออยู่กับ ทอม เหมือนจะเห็นเสน่ห์เวลาทั้งคู่รับส่งบทออกมา แต่ที่น่าเสียดายสุดคือ แอนโตนิโอ แบนเดอรัส ในบทร้าย ที่ยังไม่ค่อยเห็นถึงความน่าหวาดกลัว และยังไม่มีบทบาทเท่าไหร่นัก

โดยรวม Uncharted ถือว่าเป็นหนังแอ็กชันจากวีดีโอเกมที่สอบผ่าน สามารถดึงเอาเสน่ห์ของฉากการผจญภัยในเกม มาทำเป็นฉากแอ็กชันในหนังได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะฉากไคลแม็กซ์ที่ตื่นตาทีเดียว แต่ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องบท คล้ายๆกับหนังเกมทั่วไปที่อาจจะไม่ได้มีวัตถุดิบมากพอที่จะมาใส่ให้เรื่องราวเข้มข้นมากขึ้น การคลี่คลายปริศนาก็ทำได้อย่างไม่ยากนัก แต่การแสดงของ ทอม ฮอลแลนด์ ก็ชวนให้เราลุ้นตามและดูการผจญภัยของเขาไปได้จนจบ ใครที่อยากดูหนังแอ็กชัน Popcorn ที่ดูง่ายๆ เหมือนเล่นเกมผ่านด่าน ก็ลองมาชมเรื่องนี้ได้


(ให้ 7 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน)


related HOLLYWOOD GOSSIP

[REVIEW] ‘OMG รักจังวะ..ผิดจังหวะ’ นี่คือเพื่อนสนิทในฉบับยุคใหม่ หวนนึกถึงหนังวัยรุ่นจีทีเอช | GOSSIP GUN

28 ต.ค. 2022

[REVIEW] ‘OMG รักจังวะ..ผิดจังหวะ’ นี่คือเพื่อนสนิทในฉบับยุคใหม่ หวนนึกถึงหนังวัยรุ่นจีทีเอช | GOSSIP GUN

นานแค่ไหนแล้วที่ผู้ชมไม่ได้ดูหนังวัยรุ่น ในแบบที่คุณเคยตกหลุมรักค่ายจีทีเอช หนังรักในวัยเรียนในแบบ เพื่อนสนิท หรือ Season Change การมาถึงของ 'OMG รักจังวะ..ผิดจังหวะ' เป็นเหมือนการพาผู้ชมย้อนกลับไปสัมผัสหนังรักในสไตล์นั้นอีกครั้ง แต่ถูกเล่าด้วยจังหวะในแบบยุคใหม่ ในสไตล์ของคนรุ่นใหม่ แต่ยังคงมีพล็อตที่กระแทกใจ และคนส่วนใหญ่สามารถเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของตัวเองได้ นั่นทำให้ OMG มีส่วนผสมของหนังวัยรุ่นจีทีเอชที่หลายคนคิดถึง กับซีรีส์วัยรุ่นยุคปัจจุบันที่มีสไตล์การเล่าที่ค่อนข้างเร็ว มีจังหวะที่โบ๊ะบ๊ะ เหมือนดูรายการทาง YouTube ผสมกับความเป็นยุค TikTok บวกกับวิธีการเล่าในแบบหนังของ เต๋อ นวพล'OMG รักจังวะ..ผิดจังหวะ' มาพร้อมกับชื่อตัวละครที่จำง่ายๆ เพราะแทบจะโยงมาจากชื่อจริงของนักแสดงนำเกือบทั้งหมด เล่าเรื่องราวของ กาย (รับบทโดย สกาย วงศ์รวี) เด็กหนุ่มที่โตมากับพี่น้องหญิงล้วน ที่คอยสอนเขาให้จีบหญิง มารยาทในการเข้าสังคมกับผู้หญิง กายตกหลุมรัก จูน (รับบทโดย จูเน่ เพลินพิชญา) เพื่อนในมหาลัยฯเดียวกัน แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามจะจีบหรือบอกรักจูน ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่เข้าข้างเขาตลอด ทุกอย่างดูผิดจังหวะและไม่เป็นใจไปเสียหมด ตอนที่เขาโสด จูนก็ดันมีแฟน พอจูนเลิกกับแฟน กายก็ดันไม่โสด จังหวะไม่ลงล็อกเสียที จนกระทั่ง จูนได้เจอกับ พี่พีต (รับบทโดย พีช พชร) หนุ่มนักร้องโปรไฟล์โคตรดี ชายหนุ่มสุดแสนจะเพอร์เฟ็ค การที่ที่จูนคบกับพี่พีต ทำให้ความรักของกาย ยิ่งไม่เป็นไปตามแผน ท้ายที่สุด จังหวะรักของเขาและจูน จะลงตัวหรือไม่ ต้องไปติดตามกันต่อในหนังอย่างที่เกริ่นไป OMG เป็นหนังโรแมนติกคอเมดี้ที่ไม่ค่อยเห็นค่ายหนังอารมณ์ดีสร้างมาสักพักแล้ว (ส่วนใหญ่ จีีดีเอช จะสร้างหนังรอมคอมที่ตัวละครโตขึ้นกว่าเดิม อย่าง น้อง/พี่/ที่รัก และ Friend Zone ที่ไม่ใช่วัยรุ่นในรั้วมหาลัยฯ) การพาผู้ชมไปสัมผัสความรักของวัยเรียนอีกครั้ง ทำให้หวยคิดถึงหนังรักวัยรุ่นแบบ จีทีเอช อยู่ไม่น้อย ระหว่างที่ดู OMG ทำให้หวนคิดถึงหนังอย่าง เพื่อนสนิท ตลอดเวลา พร้อมกับนึกไปว่า ถ้าเพื่อนสนิท ถูกหยิบมาสร้างในยุคนี้ มันก็คงเล่าเรื่องในสไตล์แบบนี้ จังหวะแบบนี้ Pacing แบบนี้ ที่ค่อนข้างลงล็อกกับรสนิยมของวัยรุ่นยุคนี้ นอกจากพล็อตที่มีจุดร่วมคือการตกหลุมรักเพื่อนสนิทแล้ว ตัวละคร กาย ยังทำให้หวนนึกถึง หลายๆบทที่ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ เคยแสดง มีคาแร็คเตอร์ที่คล้ายคลึงกัน หรือแม้แต่การลง Voice Over สิ่งที่ตัวละครกายคิด ก็มีความคล้ายคลึงกับหนังอย่าง ฟรีแลนซ์ อยู่ไม่น้อย แม้ว่าหนังอาจจะไม่สามารถเทียบเท่าหนังอย่าง เพื่อนสนิท หรือ Season Change ที่กลายเป็นหนังวัยรุ่นระดับคลาสสิกไปแล้ว แต่ OMG ก็สนุกมากพอที่จะทำให้นึกถึงหนังเหล่านั้นสิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับ OMG มีหลายๆส่วน ที่ทำให้หนังค่อนข้างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นมุกตลก ที่จังหวะโบ๊ะบ๊ะและเวิร์กในเกือบทุกฉาก พอถึงช่วงดราม่าหนักๆ หนังก็สามารถดึงจังหวะให้ผู้ชมอินกับอารมณ์ในฉากนั้นได้ ไม่ได้ย้วยหรือสั้นจนเกินไป รวมถึงการแสดงของทั้ง สกายและจูเน่ ที่ต่างมีเสน่ห์และออร่ามากๆทั้งคู่ บวกกับเคมีที่เข้ากันดี เหมาะกับการเป็นทั้งเพื่อนสนิทและคู่รัก จนอดเชียร์สองตัวละครนี้ไม่ได้ แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ OMG คือ บทภาพยนตร์ และการตัดสินใจว่าเส้นเรื่องจะไปยังจุดไหน โดยเฉพาะในครึ่งหลัง ที่มีปมด้านศีลธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง หนังเลือกทางออกที่สมจริงมากพอ เลือกบทสรุปที่ค่อนข้างน่าพอใจ ทำให้สิ่งที่ OMG ปูมาตั้งแต่แรกไม่สูญเปล่า ไม่ว่าจะในแง่มุมใดโดยรวม 'OMG รักจังวะ..ผิดจังหวะ' คือหนังรอมคอมวัยรุ่นฟีลกู้ด ที่ผู้ชมน่าจะเอ็นจอยกับเรื่องราวและอินกับหนังได้อย่างไม่ยาก ด้วยพล็อตที่เชื่อว่าใกล้ตัวเกือบทุกคน ไม่ว่าจะเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มา หรืออาจจะกำลังเกิดขึ้นกับตัวเองในขณะนี้ ผ่านการแสดงที่มีเสน่ห์มากๆ ของทั้ง สกายและจูเน่ สองนักแสดงที่ถ่ายทอดสองตัวละครที่มีความเป็น มนุษย์สุดๆ ดีบ้าง ร้ายบ้าง เห็นแก่ตัวบ้าง เอาแต่ใจบ้าง ชั่วบ้าง แต่ทั้งหมดมันก็คือ คนทั่วไป ที่ผิดพลาดได้ แต่ก็ต้องแก้ไขและยอมรับในความผิดพลาด หลายครั้งที่ผู้ชมทั้งเชียร์และไม่เชียร์คู่นี้ ตามจังหวะชีวิตและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละฉาก หนังยังฝากให้ผู้ชมได้คิดในหลายๆประเด็นความรัก จังหวะที่ใช่มันคืออะไร ต้องไปหาคำตอบกันในหนังเรื่องนี้'OMG รักจังวะ..ผิดจังหวะ' วันนี้ในโรงภาพยนตร์ภาพ : GDH

[REVIEW] ‘Faces of Annes แอน’ ใครคือแอนตัวจริง หนังชวนฉงน ชวนสะพรึงแห่งปี | GOSSIP GUN

12 ต.ค. 2022

[REVIEW] ‘Faces of Annes แอน’ ใครคือแอนตัวจริง หนังชวนฉงน ชวนสะพรึงแห่งปี | GOSSIP GUN

ฮือฮาตั้งแต่เปิดตัวไปแล้วสำหรับภาพยนตร์ไทยน่าจับตามองแห่งปีอย่างFaces of Anneหรือชื่อไทยสั้นๆ ว่า"แอน"ด้วยทีมนักแสดงสุดหวือหวา เพราะน่าจะเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่รวมนักแสดงหญิงวัยรุ่นน่าจับตามองไว้เยอะที่สุดขนาดนี้ ทั้งที่เปิดเผยออกมาแล้วถึง10คน ตามรายชื่อบนใบปิด ประกอบด้วย ออกแบบ ชุติมณฑน์,อิ้งค์ วรันธร,วี วิโอเลต,มินนี่ ภัณฑิรา,ก้อย อรัชพร,ปันปัน สุทัตตา,เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ,มิวสิค แพรวา,อุ้ม อิษยา และ นานา ศวรรยา ยังไม่รวมที่ยังไม่ได้โปรโมตอีก ซึ่งความพีกยิ่งกว่าคือคอนเซปต์ของหนัง เพราะนักแสดงทั้งหมดที่เอ่ยนามมานี้ ต่างเล่นเป็นตัวละครที่ ชื่อว่า แอน พวกเขารับบทเป็นหญิงสาวที่ตื่นขึ้นมาในห้องหนึ่ง ในชุดสีเหลืองเหมือนกัน ทุกคนต่างถูกคุมขังไว้ในสถานที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่อันตรายกำลังจะมาถึง หลังจากการปรากฏตัวขึ้น ของ ปีศาจกวาง ที่ออกไล่ฆ่าพวกเธออย่างอำมหิต ท้ายที่สุดแล้ว พวกเธอจะมีชีวิตรอดหรือไม่ แล้วทำไมทุกคนถึงชื่อแอน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ในที่แห่งนี้ ต้องไปหาคำตอบกันในหนังสิ่งที่ดึงดูดกลุ่มคนดูหนังมากที่สุด นอกจากลิสต์รายชื่อนางเอกรุ่นใหม่ และพล็อตสุดแปลกแล้ว คือ ชื่อของผู้กำกับ อย่าง คงเดช จาตุรันต์รัศมี เจ้าของผลงานเกรดเออย่าง เฉิ่ม,ตั้งวง, Snapแค่ได้คิดถึง และล่าสุดอย่างWhere We Belongที่ตรงนั้นมีฉันหรือเปล่า(นอกจากนี้ คงเดช ยังเขียนบทให้กับหนังรักคุณภาพล้นอย่างThe Letterจดหมายรัก และMe..Myselfขอให้รักจงเจริญ อีกด้วย)ด้วยงานกำกับที่คุมคนดูอยู่หมัดมาโดยตลอด และไม่ว่าเขาจะเล่าเรื่องอะไร มักแฝงประเด็นสถานการณ์บ้านเมืองไว้เสมอ โดยเฉพาะ3เรื่องล่าสุดที่ เอ่ยถึงทั้งอย่างตรงไปตรงมา และในนัยยะแฝง เฉกเช่น ผลงานล่าสุดอย่างFaces of Annesแม้ตัวหนังเองจะทำท่าเป็นPsychological Thrillerหรือหนังทริลเลอร์จิตวิทยา ที่มีกลิ่นของหนังสยอง และหนังไล่เชือด แต่ในเส้นเรื่องที่ลึกกว่านั้น เชื่อว่าผู้กำกับได้แฝงอะไรบางอย่างไว้อย่างแน่นอน เพราะระหว่างทางมีอะไรให้คิดไปทางนั้นอยู่ไม่น้อยโดยรวมบรรยากาศของFaces of Annesทั้งชวนสะพรึง ชวนสยอง และชวนฉงนไปพร้อมๆกัน ในพาร์ทที่ทำให้รู้สึกสะพรึงนั้น หนังสามารถทำได้ตั้งแต่วินาทีแรกๆ ที่คุมคนดูอยู่ แม้จะเคลื่อนตัวไปช้าในระดับหนึ่ง แต่ด้วยอารมณ์ของหนังทำให้ผู้ชมติดอยู่กับสถานการณ์นั้นได้ตลอด นำมาสู่จังหวะที่หนังชวนสยอง เมื่อFaces of Annesเพิ่มดีกรีความระทึกขึ้น นับตั้งแต่ตัวละคร"ปีศาจกวาง"โผล่ออกมา ไล่ฆ่าพวกเธอ แม้เหล่าแอนจะพยายามหนีแต่ก็ไม่มีทางออก นำไปสู่พาร์ทชวนฉงน การดูหนังเรื่องนี้เหมือนการต่อจิกซอว์อยู่ไม่น้อย เมื่อคนดูค่อยๆปะติดปะต่อเรื่องราว คนสร้างก็ค่อยๆเผยโครงสร้างพล็อตออกมา เผยความจริงบางอย่าง ทำให้หนังน่าติดตาม และชวนให้อยากรู้ว่าท้ายที่สุดแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในหนังเรื่องนี้?แน่นอนว่าFaces of Annesไม่ใช่หนังสยองขวัญที่เล่าเรื่องชั้นเดียว นอกจากการไขปริศนาที่เกิดขึ้นในเส้นเรื่องหลักแล้ว การมองหนังด้วยแว่นตาที่ต่างออกไป ทำให้เห็นอะไรบางอย่างมากขึ้น โดยเฉพาะแว่นตาของการเมือง ซึ่งปรากฏในหนังคงเดชอยู่บ่อยครั้ง ในเรื่องนี้ก็แฝงไว้ซึ่งสัญญะเช่นกัน(ต่อจากนี้ไม่ได้สปอยล์เรื่องนะครับ)เริ่มจากตัวละครแอน และปีศาจกวาง ที่เปรียบเปรยถึง คน หรือ กลุ่มคนบางกลุ่ม สามารถสังเกตได้ด้วย สิ่งที่พวกเธอเผชิญ เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ ในขณะที่ปีศาจกวางนั้น สามารถสังเกตได้จาก การเลือกให้ตัวละครนี้ สวมหัวกวาง สัตว์ที่ดูสง่างามแต่กลับมาไล่ฆ่าคน อาวุธที่กวางใช้ เพลงที่ถูกเปิดทุกครั้งที่ปีศาจตนนี้ปรากฏตัว พร้อมด้วยรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมาย หลายจังหวะถ้าดูหนังด้วยแว่นตาแบบดูเอาบันเทิงอาจจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ถ้ามองอีกแบบ อาจจะเจอคำตอบ สิ่งที่แฝงไว้ในหนังเรื่องนี้ โดย นอกจากในแง่การปกครองที่ถูกเล่าผ่านFaces of Annesแล้ว หนังยังเล่าถึงสังคมคนรุ่นใหม่ในยุคสมัยปัจจุบันอย่างตรงไปตรงมา การใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การถูกครอบงำโดยSocial Mediaลามไปถึงปัญหาด้านจิตเวช ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่วัยรุ่นยุคนี้ต้องเผชิญ ในสภาวะสังคมที่ไม่ปกตินี้ไฮไลต์ที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ คือเหล่าทีมนักแสดงหญิงรุ่นใหม่มากฝีมือที่ตบเท้าเข้ามาแสดงในFaces of Anneอย่างน่าตื่นตา โดยรวมหนังค่อนข้างบาลานซ์Screen Timeของนักแสดงแต่ละคนได้ค่อนข้างดี แน่นอนว่า เวลาปรากฏบนจอไม่เท่ากัน แต่ทุกคนต่างมีโมเมนต์เป็นของตัวเอง มีจังหวะที่ปล่อยของกันพอสมควร ถ้าจะให้เลือกไปเลยว่าใครคือMVPแทบจะเลือกได้ยากมาก เพราะทุกตัวละครต่างมีความสำคัญ ต่างมีอะไรบางอย่างที่ไม่ง่ายนักในการแสดง ความสนุกของผู้ชมคือการลุ้นว่า ใครจะโผล่มาเมื่อไหร่ นักแสดงที่เราชอบจะปรากฏตัวช่วงนี้ ประโยชน์ของการที่หนังมีดาราเยอะ มันก็สนุกในแบบนี้แฝงไปด้วยโดยรวมFaces of Annesคือหนังชวนขยี้สมองแห่งปี หากจะเข้าไปดูเพื่อความบันเทิง อาจจะได้ความเครียดกลับมาแทน เพราะหนังท้าทายผู้ชม กระตุ้นให้ชวนคิดต่อตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในแง่เส้นเรื่องปกติ รวมถึงเส้นประเด็นที่แฝงเอาไว้ ทั้งหมดนี้ถูกคุมด้วยบรรยากาศชวนสะพรึงตลอดทั้งเรื่อง แม้จะมีบางจุดที่จังหวะการเล่าค่อนข้างช้า แต่หนังก็สามารถตรึงเราไว้ได้เสมอ และด้วยแคสระดับดรีมทีมแบบนี้ ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้ดูหนังไทยที่แปลกใหม่ น่าสนใจ น่าลิ้มลองในแบบที่Faces of Annesนำเสนอ ถ้ามีโอกาส นี่คือหนังไทยอีกเรื่อง ที่อยากให้ลองชมภาพ : M Picturesชมตัวอย่าง แอนFaces of Anneเข้าฉาย13ตุลาคมในโรงภาพยนตร์

[REVIEW] ‘Knives Out : Glass Onion’ ฆาตกรรมหรรษาเคสใหม่ สนุกฮาชั้นเชิงเกินร้อย| GOSSIP GUN

22 ธ.ค. 2022

[REVIEW] ‘Knives Out : Glass Onion’ ฆาตกรรมหรรษาเคสใหม่ สนุกฮาชั้นเชิงเกินร้อย| GOSSIP GUN

ยกให้เป็นหนังโคตรสนุกส่งท้ายปีเลยก็ว่าได้ สำหรับภาคใหม่ของ Knives Out หนังตามหาฆาตกรสไตล์ Whodunit ที่มาพร้อมกับความแสบสันต์ และทีมนักแสดงชุดใหญ่ ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน Knives Out กลายเป็นหนังระดับโคตรฮิตและกวาดคำวิจารณ์ในแง่บวกไปเพียบ จากทุนสร้างเพียง 40 ล้านเหรียญฯ สามารถทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 300 ล้าน กลายเป็นแฟรนไชส์ใหม่สำหรับพระเอก แดเนียล เคร็ก หลังโบกมือลาบท เจมส์บอนด์ ไปแล้ว เขาก็ได้หนังฮิตชุดใหม่ต่อทันที และเมื่อหนังสามารถเรียกผู้ชมได้มากขนาดนี้ Netflix เลยตาไว ซื้อสิทธิจากค่าย Lionsgate ไปซะเลย และซื้อแบบรวดเดียวทั้งภาค 2 และ 3 ทำให้หนัง Knives Out ภาคใหม่นี้ ผู้ชมจะไม่ได้ดูในโรงเหมือนภาคก่อน แต่จะลงให้ชมใน Netflix เป็นสเต็ปแรกไปเลยหนังภาคใหม่นี้ ใช้ชื่อเต็มๆว่า "Glass Onion : A Knives Out Mystery” พาผู้ชมไปหรรษากับคดีใหม่ของ นักสืบเบอร์นัวห์ บลองค์ ซึ่งรับบทโดย แดเนียล เคร็ก เขาคือนักแสดงคนเดียวจากภาคแรกที่กลับมาแสดงในภาคต่อนี้ โดยเบอร์นัวห์ ได้บัตรเชิญให้ไปร่วมงานปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟ บนเกาะส่วนตัวสุดหรู ที่ทะเลในประเทศกรีซ ซึ่งเจ้าของคือมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยจากเทคโนโลยีใหม่ๆ เมื่อเขามาถึงก็ได้พบว่า แขกทั้งหมดล้วนเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมานานของ เศรษฐีคนนี้ ซึ่งทั้ง นักการเมืองปากเก่ง ยูทูปเบอร์สุดเพี้ยน อดีตนางแบบสาวตัวแม่ และอีกเพียบ โดยทุกคนจะต้องมาร่วมสนุกกับการไขปริศนาคดีฆาตกรรม แต่ทุกอย่างกลับเข้มข้นขึ้น เมื่อมีหนึ่งในกลุ่มเพื่อน เสียชีวิตจริงๆ แต่ใครคือฆาตกรกันแน่ ?สามารถพูดได้เต็มปากว่า Glass Onion คือหนังที่โคตรสนุก โคตรแสบ และคาดเดาไม่ได้จริงๆ ดูเหมือนองค์ประกอบในหลายๆอย่างจะถูกเพิ่มขึ้นจากภาคก่อน หลังจากที่ Knives Out ภาคแรกกลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จเกินคาด กลายเป็นจุดที่เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน มากยิ่งขึ้น ว่าเขามาถูกทางแล้ว กับการผสมผสานระหว่างหนังสไตล์ตามหาฆาตกรสุดเข้มข้น กับหนังตลกเสียดสีสุดแสบสันต์ สิ่งที่ผู้ชมชื่นชอบ ดูเหมือนจะถูกเพิ่มดีกรีในภาคนี้หมด สิ่งที่ทำให้หนังสนุกมาก คือชั้นเชิงในการเล่าเรื่องของไรอัน มันไม่ใช่แค่ผู้ชมจะลุ้นว่าใครจะตาย ใครคือฆาตกร แต่ดีเทลต่างๆที่ใส่มา ล้วนมีความสำคัญแทบทั้งหมด มุกเล็กๆน้อยๆที่หยอดไว้ มันอาจจะเชื่อมโยงกับอะไรบางอย่างหลังจากนั้นก็ได้ กลายเป็นหนังที่เล่าอย่างแพรวพราวจริงๆสิ่งที่ถูกเพิ่มดีกรีขึ้นมาใน Glass Onion อย่างชัดเจนอีก คืองานโปรดักชั่น และอารมณ์ขันสุดแสบ หลังจากที่ภาคแรกเน้นการเล่าเรื่องในคฤหาสน์สุดหรูของคุณปู่ ภาคนี้จัดความใหญ่ด้วยเกาะส่วนตัวกันไปเลย ซึ่งมีรายละเอียดของสถานที่ที่อลังการอยู่ไม่น้อย (รวมถึงสถานที่ที่จะเผยว่าชื่อหนัง Glass Onion หมายถึงอะไร) อีกจุดที่เพิ่มดีกรีขึ้นมา คือ ความตลกแบบแสบจี๊ด หลังจากภาคแรกเสียดสี สังคมอเมริกาและการเมืองแบบไม่แตะเบรก ภาคนี้ดูเหมืิอนจะเสียดสีและล้อเลียน กลุ่มคนที่ถูกยกให้เป็น Elite ของสังคม ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐีเทคโนโลยี (แบบ อีลอน มัสก์) ผู้ที่โด่งดังจากโลกออนไลน์ โดยมุกต่างๆที่แทรกไว้ ค่อนข้างเวิร์กเลยทีเดียว และจังหวะการเล่น การขยี้ก็ค่อนข้างลงตัว จากรอบปฐมทัศน์ในไทยที่ Netflixจัดฉายพิเศษในโรง สามารถบอกได้ว่า หัวเราะกันลั่นโรงจริงๆพาร์ทสำคัญที่เป็นไฮไลต์ของหนังสไตล์ Whodunit คือ Ensemble Cast หลักจากภาคนี้ ไรอัน จอห์นสัน ชวนนักแสดงดังๆมาร่วมแสดงกันแน่นจอ ภาคนี้แม้ว่าดีกรีความดังของนักแสดงอาจจะเทียบภาคแรกไม่ได้ แต่ว่าแต่ละคนก็มีของแบบไม่ธรรมดา ประกอบด้วย เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน, เคต ฮัดสัน, เดฟ บอทิสต้า, แคทเธอรีีน ฮาห์น แต่ที่โดดเด่นเหนือออกมา คือการแสดงของ จาเนล โมเน่ห์ ในบทเพื่อนรักเพื่อนแค้นของคนกลุ่มนี้ ด้วยคาแรคเตอร์ของเธอทำให้ จาเนล สามารถโชว์สกิลได้อย่างหลากหลาย ส่วนนักแสดงนำอย่าง แดเนียล เคร็ก ภาคนี้ดูเหมือนเขาจะเอ็นจอยกับบทมากขึ้น แดเนียลดูสบาย ดูสนุกกับบท จนทำให้คนดูเพลิดเพลินกับตัวละครนี้ไปด้วย จนอยากจะตามต่อภาคหน้าแล้วว่าเขาจะไปคลี่คลายคดีที่ไหนโดยรวม Glass Onion : A Knives Out Mystery ถือเป็นหนังโคตรบันเทิงมากๆ ผสมผสานระหว่างหนังสืบหาฆาตกรกับตลกเสียดสีอย่างลงตัว จนไม่แปลกใจที่หลายๆสถาบันจะให้เรื่องนี้ติดอันดับหนังยอดเยี่ยมของปีด้วย รวมถึง แดเนียล เคร็ก ก็ได้ชิงรางวัลในหลายๆสถาบัน นอกจากทีมนักแสดงสุดแสบแล้ว Knives Out ภาคนี้ยังแอบใส่นักแสดงรับเชิญไว้หลายคน นอกจากคนดูจะเซอร์ไพรสกับเส้นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้แล้ว ยังจะเซอร์ไพรสกับแขกรับเชิญที่หนังใส่มาอีกด้วย (นักแสดงบางคนมาแต่เสียงก็มี) นี่จึงเป็นหนังที่สนุกและห้ามพลาดส่งท้ายปี แม้ว่าคุณจะยังไม่เคยดูภาคแรกมาก่อน ก็สามารถมาเอ็นจอยกับภาคนี้ได้เลย เพราะเป็นการเปิดคดีใหม่ เส้นเรื่องไม่ได้เกี่ยวโยงกันGlass Onion : A Knives Out Mystery สตรีม 23 ธันวาคมใน Netflix

[Review] Thanksgiving สาแก่ใจคอหนังไล่เชือด ฆาตกรโรคจิตกับคืนวันขอบคุณพระเจ้า

30 พ.ย. 2023

[Review] Thanksgiving สาแก่ใจคอหนังไล่เชือด ฆาตกรโรคจิตกับคืนวันขอบคุณพระเจ้า

จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าการลดราคาครั้งใหญ่ Black Friday ในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า กลายเป็นคืนแห่งเลือดในห้างสรรพสินค้าห้างหนึ่ง นี่คือไอเดียตั้งต้นของ Thanksgiving หนังสยองขวัญแนวเชือด ที่เป็นการกลับมาสู่หนังแนวนี้อีกครั้งของผู้กำกับ อีไล รอธ หลังแจ้งเกิดจากหนังสยองขวัญสายโหดอย่าง Cabin Fever และ Hostel แล้วก็วนไปกำกับหนังแนวอื่น ซึ่งเดิมทีไอเดียของ Thanksgiving เริ่มจากการทำตัวอย่างหนังปลอม ๆ ไปใส่ไว้ในหนังชื่อ Grindhouse (2007) จนต่อมา อีไล ได้พัฒนาบทหนัง จนกลายมาเป็นหนังใหญ่ในที่สุด ซึ่งหนังจากเขาเบนเข็มไปกำกับทั้งหนังแอ็กชัน หนังแฟนตาซี และหนังไซไฟ ก็ได้ฤกษ์ที่เขาจะกลับมาทำหนังที่แจ้งเกิดเขาอีกครั้งเสียทีThanksgiving เล่าเรื่องราวความสยองในคืนวันเทศกาลขอบคุณพระเจ้า เมื่อเกิดความโกลาหลขึ้นในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่ผู้คนพากันเหยียบกันตาย เพราะแย่งกันซื้อของลดราคา กลายเป็นฝันร้ายของเมืองพลีมัธนับจากนั้น แม้ผู้คนจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ แต่เมื่อ 1 ปีผ่านไป ฝันร้ายก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อมีฆาตกรโรคจิตใส่หน้ากาก แต่งตัวเป็นผู้ก่อตั้งเมือง ออกมาไล่เชือดประชาชน ซึ่งทุกคนล้วนแต่เกี่ยวข้องกับเหตุโศกนาฏกรรมเมื่อปีก่อน โดยเป้าหลักคือ เจสสิก้า หญิงสาวที่พ่อของเธอเป็นเจ้าของห้างที่เกิดเหตุร้าย แถมเธอยังอยู่ในเหตุการณ์คืนวันนั้น จึงกลายเป็นหน้าที่ของ เอริค (รับบทโดย แพทริค เดมพ์ซีย์ จาก Grey's Anatomy) นายอำเภอของเมืองที่จะต้องจัดการคนร้าย ก่อนที่เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง จะกลายเป็นคืนสยองอีกครั้ง!ใครที่เป็นแฟนหนังแนวนี้ Thanksgiving คือหนังที่น่าจะสาแก่ใจคอหนังไล่เชือดอยู่ไม่น้อย โดยรวมนี่คือหนังที่ค่อนข้างเดินตามรอยหนังแนวเดียวกันที่ฮิตในช่วงปลายยุค 90s ไล่ตั้งแต่ Scream, I Know What You Did Last Summer ไปจนถึงUrban Legend เรื่องราวของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ต้องเผชิญกับฆาตกรโรคจิตในหน้ากากปริศนาที่คอยตามไล่ฆ่า กับเหตุฝันร้ายในอดีตที่ตามหลอกหลอนพวกเขา โดยเหตุการณ์มักจะเกิดขึ้นในเมืองเล็กๆเมืองนึง และฆาตกรก็มักจะเป็นตัวละครสักตัว โดยจะเฉลยปมเหตุการฆ่าในตอนท้าย สำหรับ Thanksgiving แล้ว มาในสูตรแบบเดียวกันนี้เลย แต่ทำออกมาได้อย่างสนุก มีองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ใส่มาอย่างน่าพอใจ ซึ่งปัจจุบันผู้ชมอาจจะไม่ค่อยได้เห็นหนังแนวนี้มากนัก เหมือน Thanksgivingสร้างมาให้หายคิดถึงกึ่ง ๆ Tribute ให้ด้วยซ้ำThanksgiving คือหนังที่สามารถนิยามได้ว่า “ฆ่ากันแบบเถิดเทิง” เพราะหนังมีองค์ประกอบที่ทำถึงมาก ๆ ในสองส่วน พาร์ทแรกคือความโหด ที่ Thanksgiving จัดเต็มความโหดแบบไม่ยั้ง ไม่ให้เสียชื่อ อีไล รอธ หลังจากหนังสยองหลายเรื่องกลัวไม่ได้ผู้ชมกลุ่มอายุน้อย เลยโหดแบบเบาๆเพื่อให้ได้เรต PG-13 แต่หนังเรื่องนี้ มุ่งหน้าสู่เรต R แบบไม่กลัว ทำให้ฉากฆ่า ฉากเชือด จัดเต็มทั้งเลือดและฉากอวัยวะขาดแบบสะใจคอหนังเชือด และอีกพาร์ทที่หนังทำได้ดีคือ อารมณ์ขัน หนังเต็มไปด้วยอารมณ์ตลกร้าย จนหลายครั้งตัวหนังเองก็เกือบจะเป็นหนังล้อเลียน Parody หนังแนวไล่เชือดอยู่ไม่กัน โดยเฉพาะพวกฉากฆ่าต่าง ๆ มีดีไซน์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ทำให้หนังยิ่งสนุกมากขึ้นสรุปแล้ว Thanksgiving คือหนังประเภท Teen-Slasher ที่แม้จะเดินตามสูตร แต่ก็ทำออกมาได้อย่างสนุกสนาน มีองค์ประกอบทั้งความโหดและอารมณ์ขันแบบจัดเต็ม เป็นความโหดที่บันเทิงใช้ได้เลย และสำหรับแฟนของ แพทริค เด็มพ์ซีย์ ก็ถือว่าค่อนข้างแปลกตา ที่เขามารับบทนำในหนังแนวนี้ หลังติดภาพเขาเป็นผู้ชายในฝันเจ้าสำอาง บทบาทนี้ก็ดูสดใหม่ดีสำหรับเขาอยู่เหมือนกัน ใครที่คิดถึงหนังไล่เชือดที่เต็มไปด้วยความเถิดเทิง ไม่ต้องเนี้ยบมาก ไม่ต้องฉลาดมาก เรื่องนี้คือตัวเลือกที่น่าสนใจThanksgiving คืนเดือดเชือดขาช็อป / เข้าฉาย 5 ธันวาคมนี้

album

0
0.8
1