02 ก.ย. 2022
[REVIEW] ‘Hunt’ ล่าคนปลอมคน ภารกิจล่าสายลับ โค่นอำนาจเผด็จการ| GOSSIP GUN
ชื่อเสียงของหนัง Hunt เป็นที่กล่าวถึงตั้งแต่ช่วงกลางปีทีี่ผ่่านมาด้วยหลายๆปัจจัย ข้อแรกนี่คือผลงานกำกับเรื่องแรกของ อีจองแจ พระเอกแถวหน้าของเกาหลีที่ดังระดับโลกจากซีรีส์ Squid Game ข้อต่อมา คือหนังได้รับเลือกให้ไปฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีล่าสุดในส่วนของ Midnight Screening ในแบบที่ Train To Busan เคยทำได้มาแล้ว แม้ว่ารีวิวจะออกมาก้ำกึ่ง ส่วนใหญ่นักวิจารณ์เมืองนอกหลายคนดูหนังแล้วตามไม่ค่อยทัน แต่แน่นอนว่าคะแนนรีวิวจากคานส์สำหรับหนังเกาหลีอาจจะเชื่อถือมากไม่ค่อยได้ เพราะหนังอย่าง Emergency Declaration ก็ได้รับรีวิวไม่ค่อยดี แต่ถูกใจคอหนังในเกาหลีรวมถึงในไทย และข้อสุดท้ายคือ ล่าสุดหนังเพิ่งเข้าฉายในเกาหลีเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และกวาดรายได้เป็นอันดับ 1 Korea Box Office ได้นานถึง 3 สัปดาห์ซ้อน ล่าสุดติด Top 3 หนังเกาหลีทำเงินสูงสุดของปีไปแล้ว แน่นอนว่า Hunt ไม่ใช่โปรเจกต์ธรรมดาที่ควรมองข้ามอีจองแจ เลือกที่จะพาผู้ชมกลับไปยังเกาหลีใต้ในยุค 80s ช่วงเวลาที่รัฐบาลทหารยังเรืองอำนาจ บ้านเมืองถูกปกครองแบบเผด็จการ นักศึกษาจำนวนมากออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย (อ่านแล้วคุ้นๆ) โดย อีจองแจ เองรับบท หัวหน้าพัค หัวหน้าทีมข่าวกรองนอกประเทศ ที่ต้องมาปะทะเดือดกับ หัวหน้าคิม หัวหน้าทีมข่าวกรองภายในประเทศ (ซึ่งรับบทโดย จองอูซอง จาก Steel Rain เพื่อนสนิทของ อีจองแจ ที่เป็นการหวนกลับมาเจอกันบนหน้าจอครั้งแรกในรอบ 23 ปีหลังจาก City of the Rising Sun ในปี 1999) หลังจากทั้งสองได้รับคำสั่งให้ตามจับ "ทงลิม" สายลับจากเกาหลีเหนือที่แฝงตัวอยู่ในองค์กรของพวกเขา โดยต่างฝ่ายต่างต้องสืบสวนทีมฝ่ายตรงข้าม ว่ามีหนอนบ่อนไส้แฝงตัวอยู่หรือไม่ เพราะถ้าทั้ง หัวหน้าพัค และหัวหน้าคิม หาตัวคนร้ายไม่เจอ พวกเขาอาจจะต้องกลายเป็นแพะรับบาปเสียเอง และที่สำคัญ พวกเขาต้องหาตัว ทงลิม ให้เจอ ก่อนที่แผนการลอบสังหารประธานาธิบดีจะเกิดขึ้นคำที่จะจำกัดความหนังเรื่อง Hunt ได้ดีที่สุด คงหนีไม่พ้นคำว่า "เดือดมากกก (เติม ก.ไก่ไปอีกล้านตัว) เพราะตั้งแต่เริ่มหนังในนาทีแรก ไม่มีคำว่ากราฟตกเลย ถ้าเปรียบเสมือนรถยนต์ที่ อีจองแจขับ เขาน่าจะเหยียบคันเร่งตั้งแต่นาทีแรก แล้วไม่มีคำว่าเหยียบเบรกเลย ด้วยความเร็วระดับ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผ่านถนนอันคดเคี้ยวขั้นสุด เพราะหนังเดินเรื่องด้วย Pacingที่ค่อนข้างไวมาก มีรายละเอียดในเนื้อหา และตัวละครค่อนข้างเยอะ ทำให้ผู้ชมอาจจะต้องโฟกัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอค่อนข้างสูง มิฉะนั้นอาจจะตกเนื้อหาไปบางอย่างและพาลทำให้ดูไม่รู้เรื่องได้ และที่สำคัญ หนังมาพร้อมกับพล็อตที่ยากแก่การคาดเดา พร้อมที่จะหักมุมตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถลุกออกไปเข้าห้องน้ำได้เลย เพราะทุกนาทีหนังสามารถพลิกเหตุการณ์ได้ตลอด และช่วงเวลาที่คุณลุกไป อาจจะพลาดดีเทลบางอย่างก็เป็นอันได้ แน่นอนว่าด้วยความเร็วและดีเทลค่อนข้างเยอะ หนังอาจจะไม่เป็นมิตรกับคนดูมากนัก แต่ถ้าคุณตามทัน Hunt จะเป็นหนังที่โคตรมันส์อย่างแท้จริงความเข้มข้นขั้นสุดของ Hunt เกิดจาก 3 ปัจจัยสำคัญ เริ่มจากการเล่าเรื่องที่ชวนให้ติดตามอย่างมาก หนังสามารถดึงความสนใจของผู้ชมได้ตั้งแต่นาทีแรกๆ และไม่ปล่อยให้ผู้ชมวอกแวกไปคิดเรื่องอื่นเลย ยิ่งช่วงที่ตัวละครหลักพยายามไล่ล่าหาว่าใครคือ สายลับจากเกาหลีเหนือกันแน่ มันขับเขี้ยวเฉือนคมกันมันส์สุดๆ ถ้าคุณเคยชื่นชอบหนังแบบ Infernal Affairs ของฮ่องกง จะต้องไม่พลาดเรื่องนี้ ปัจจัยที่สองคือฉากแอ็กชัน ที่ดีไซน์ออกมาทั้งเดือด ทั้งมันส์ และเท่ห์สุดๆ แถมมันถูกตัดต่อออกมาให้ผู้ชมดูแล้วเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ตัดมั่วซั่วแบบหนังบางเรื่อง ดังนั้นในระหว่างที่คุณสนุกกับซีนแอ็กชัน ก็ยังเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยไฮไลต์สุดท้ายของ Hunt ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ "ซูเปอร์แคส"ทีมนักแสดงที่ใส่เต็มทุกคน เริ่มจากดูโอ้ อีจองแจ และจองอูซอง ใส่ยับแบบไม่เกรงใจกันเองเลย ทุกฉากที่พวกเขาต้องปะทะอารมณ์กัน เถียงกัน ไล่ล่ากัน มันถึงพริกถึงขิงถึงอารมณ์จริงๆ ในขณะตัวนักแสดงสมทบก็ใส่หนักทุกเบอร์ โดยเฉพาะ โกยุนจอง ที่เพิ่งมีผลงานซีรีส์ Alchemy of Souls เข้าฉายไป บทของเธอมีบทบาทค่อนข้างมาก และเธอแสดงอารมณ์ได้เต็มจริงๆ ใครที่เป็นแฟนๆของ โกยุนจอง ต้องมาดูเธอใน Huntก่อนที่จะไปดูเธอขยับเป็นนางเอกใน Alchemy of Soul พาร์ทสอง นอกจากนี้ ไฮไลต์สำหรับแฟนหนังและซีรีส์เกาหลี คือการที่ Hunt มีนักแสดงรับเชิญโผล่แบบเยอะมาก เหมือน อีจองแจ กวาดนักแสดงรุ่นราวคราวเดียวกันมารับเชิญแบบล้นจอ มีทั้งที่มีบทพูดเยอะหน่อย และคนที่โผล่มาแว้บๆ ถ้าตาดีก็อาจจะเห็นทันโดยรวม Hunt ล่าคนปลอมคน ที่หนังเกาหลีที่เดือดสะใจแฟนๆหนังสไตล์แอ็กชันสายลับ หักเหลี่ยมเฉือนคม เป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เกือบ 3 ทศวรรษในวงการบันเทิง อีจองแจ ได้สะสมฝีมือ ศึกษาแง่มุมในการทำหนังเพื่อมาทุ่มให้กับโปรเจกต์นี้ และเพื่อความสนุกมากยิ่งขึ้น ถ้าผู้ชมมีโอกาสได้ศึกษาประวัติศาสตร์ด้านการเมืองการปกครองของเกาหลีใต้ในช่วงยุค 80s ก็อาจจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมมากขึ้น ดีไม่ดีอาจจะยิ่งอินหนักและโยงมาเปรียบเทียบกับการเมืองไทยในปัจจุบันได้ชมตัวอย่าง Hunt ล่าคนปลอมคน วันนี้ในโรงภาพยนตร์ภาพ : Mongkol Major Mongkol Cinema