ทำความรู้จักคู่จิ้นสุดน่ารัก ที่ตกหัวใจแฟนคลับด้วยความธรรมชาติของพวกเธอ “ฟรีน-เบคกี้” พร้อมฉายาที่ใครหลายคนยังไม่รู้

EFM FANDOM RECAP

ทำความรู้จักคู่จิ้นสุดน่ารัก ที่ตกหัวใจแฟนคลับด้วยความธรรมชาติของพวกเธอ “ฟรีน-เบคกี้” พร้อมฉายาที่ใครหลายคนยังไม่รู้

13 มี.ค. 2023

        นับเป็นโอกาสดีๆ ที่ทาง EFM Fandom Live ได้มีแขกรับเชิญสุดพิเศษที่เรียกได้ว่าเป็นคู่จิ้น หญิง-หญิง อันดับต้นๆ ของประเทศไทย จากซีรีส์ “ทฤษฎีสีชมพู” ฟรีน สโรชา จันทร์กิมฮะ และ เบคกี้ รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง 

มาเยือนถึงในรายการเมื่อวันพฤหัสบดี 2 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ความสดใสของทั้งสองคนฟุ้งกระจายเต็มห้องจัดกันไปเลย ซึ่งแน่นอนว่าความสดใสนี้ไม่ได้มีแค่ในห้องจัดเท่านั้น แต่ยังกระจายไปกระทบตากระทบใจแฟนคลับอีกหลายๆ คนที่ติดตามพวกเธออยู่ หรือแม้แต่คนที่ยังไม่ได้ติดตามพอเจอความน่ารักของพวกเธอเข้าไปรับรองได้เลยว่าโดนตกเข้าด้อมแน่นอน และนี่จึงเป็นที่มาของบ้านแฟนคลับของพวกเธอ ไม่ว่าจะเป็น บ้านฟรีน, บ้านเบค, และบ้านคู่

        เริ่มกันที่แฟนคลับบ้านฟรีน ที่มาแชร์ที่มาของฉายาต่างๆ ที่เหล่าแฟนคลับเอาไว้เรียกฟรีน ไม่ว่าจะเป็น “ฟรีนจังจอมแก่น” เกิดจาก แฟนคลับถ่ายรูปให้ฟรีนเป็นตอนหันหลัง และฟรีนเอาไปลงสตอรี่ในอินสตาแกรม แล้วรูปนั้นดันเห็นแก้มของฟรีนเป็นก้อนก้อนเหมือนชินจังจอมแก่น หลังจากนั้นฟรีนก็เลยเอารูปที่เป็นชินจังจอมแก่นมาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ในทวิตเตอร์ และเปลี่ยนชื่อทวิตเตอร์เป็นฟรีนจังจอมแก่น ต่อด้วยอีกฉายาที่เรียกฟรีนว่า “มุแดง” ก็เกิดจากพี่ช่างแต่งหน้าที่อยู่ในกองถ่าย เวลาตบรองพื้นให้ฟรีน แก้มของน้องจะเด้ง เหมือนมุแดง ซึ่งจริงๆ แล้ว คำว่ามุแดงก็คือเพี้ยนมาจาก “หมูแดง” นั่นเอง และฉายาสุดท้ายนั่นก็คือ “ปิโย๊ะ” เกิดจากที่แฟนคลับมีไลน์โอเพ่นแชทแล้วมีฟรีนอยู่ในกลุ่มโอเพ่นแชทนี้ด้วย และฟรีนตั้งชื่อไลน์ตัวเองว่าปิโย๊ะ ซึ่งมันคือตัวการ์ตูนลูกเจี๊ยบจากเรื่อง “กุเดทามะ” นั่นเอง แต่ตอนนี้บ้านฟรีนยังไม่มีชื่อด้อม แต่จะมีชื่อเรียกกันหลายหลายแถว เช่น แฟนพี่ฟรีน, พี่ฟรีนตัวจริง, หม่าม๊า(มาจากที่ตัวการ์ตูนปิโย๊ะตามหาหม่าม๊าอยู่) นอกจากนี้ความประทับใจของแฟนคลับที่มีต่อฟรีนนั้นก็คือเรื่องของทัศนคติ โดยเวลาที่ไลฟ์ผ่านโซเชียลมีเดีย ฟรีนมักจะมีข้อคิดดีๆ มาบอกให้กับแฟนคลับอยู่เสมอ

      และมากันที่แฟนคลับบ้านเบคกี้ ฉายาแรกที่จะพาไปรู้จักนั่นก็คือ “น้องพุง” มาจากแฟนคลับตัดต่อหน้าน้องเบคกี้ไปใส่ในรูปเด็กน้อยที่มีพุงย้วยก้อนกลมๆ น่ารักๆ เบคกี้เลยเอาไปตั้งเป็นรูปโปรไฟล์และเปลี่ยนชื่อเป็นน้องพุง จนอัลกอริทึมของเฟสบุ๊คได้มอบเครื่องหมายสีฟ้า(เป็นการยืนยันว่านี่คือบัญชีผู้ใช้จริงสำหรับบุคคลสาธารณะ)ให้เพราะคิดว่าเป็นบัญชีของแฟนคลับ ไม่ใช่บัญชีของน้องเบคกี้ ตามมาด้วยฉายา “คิวศูนย์” มาจากการที่ใครจะเป็นแฟนฟรีนจะต้องต่อคิว ซึ่งแฟนคลับเปรียบเปรยว่าตอนนี้คิวยาวไปถึงดาวอังคารแล้ว แต่ถึงแม้จะต่อคิวยาวไปถึงดาวอังคาร คิวก็ไม่ขยับเพราะมีเบคกี้ยืนคุมที่คิวศูนย์ไม่ไปไหนเลย และฉายาสุดท้ายคือ “น้องขิง” ด้วยที่ตัวเบ็คกี้เองชอบลงรูป “ขิง” แฟนตัวจริงของฟรีนว่าพี่ฟรีนของฉันบ่อยๆ แฟนคลับจึงแซวและนำมาเรียกจนเป็นฉายา ทำให้ความประทับใจที่มีต่อตัวเบคกี้นั้นมีอย่างล้นหลาม “น้องมีสายตาที่แน่วแน่, ซื่อตรงต่อความรู้สึก ทั้งๆ ที่น้องเป็นเด็กขี้อาย แต่ด้วยสายตานั้นสามารถทำให้แฟนคลับที่หมดไฟไปแล้วกลับมาลุกขึ้นสู้ได้” แฟนคลับกล่าว

       และมาถึงคิวบ้านคู่ของฟรีนกับเบคกี้กันบ้าง โดยในรายการได้พูดถึงที่มาที่ไปว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แฟนคลับเล่าว่า “เกิดมาก่อนที่ซีรีส์จะออนแอร์” โดยแฟนคลับโดนน้องตกจากการที่น้องไปแคส แอบหลงรักเดอะซีรีส์ ก่อน และได้เห็นน้องสองคนเวิร์คช็อปและมีโมเมนต์น่ารักๆ ซึ่งกันและกันเลยเกิดเป็นแท็กเล็กๆ ขึ้นมาว่า “ฟรีน-เบค

ซึ่งความประทับใจที่แฟนคลับมีต่อน้องทั้งสองคนคงหนีไม่พ้นความเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง และน้องทั้งสองเป็นกันเองกับแฟนคลับ เจอแบบไหนตั้งแต่ต้นปัจจุบันก็ยังคงเป็นแบบนั้น

และนอกจากนี้ทางรายการเองก็ได้พูดคุยกับฟรีนและเบคกี้ ถึงเรื่องราวที่เจาะลึกลงไปถึงประเด็นต่างๆรวมถึงเปิดโมเม้นสุดคิวท์ พร้อมบทสัมภาษณ์ที่ชาวแฟนด้อมอย่างเราไม่เคยรู้มาก่อน! บอกเลยงานนี้มีฟินนนน~

 

ช่วงสัมภาษณ์ “ฟรีน-เบค”

มาที่คำถามแรกเมื่อดีเจพี่แนนเกิดสงสัย ว่าจริงๆ แล้วชื่อเล่นว่า ‘ฟรีน’ มีที่มาจากอะไร เพราะถือว่าเป็นชื่อที่แปลกใหม่มาก ฟรีนเลยให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้ความหมายชื่อตัวเองมาก่อน จนไปถาม Master ที่เรียนด้วย เขาจึงบอกว่าจริงๆ แล้ว ฟรีน มาจากภาษากรีก ที่ผันมาจาก Friendly จนกลายมาเป็น Freen นั่นเองค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ตัวเองก็ชื่อว่า ฟิล์ม แต่ดันไปเหมือนพี่ข้างบ้านซะงั้น แม่ก็เลยเปลี่ยนเป็น ฟรีน แทนค่ะ ดีเจพี่ดาว ก็เลยเอ่ยปากชมว่า ดันกลายเป็นความหมายที่ดีไปด้วยเลยนะคะเนี่ย

 

‘ First Impression ‘ จากมักเน่ขี้อายกลายเป็นสนิทสุดในกอง

เมื่อถามว่าทั้งคู่ตอนเจอกันครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง ด้านฟรีนตอบว่า เจอกันครั้งแรกน้องไม่คุยด้วยเลยค่ะ (หัวเราะ) อาจจะเพราะน้องเป็นมักเน่ด้วยแต่สวยค่ะ แล้วเราก็เลยงงว่า อืมม แล้วเราต้องพูดภาษาอะไรด้วย ซึ่งตอนนั้นน้องก็ยังพูดไทยไม่ค่อยชัดด้วยค่ะ แต่ช่วงนั้นก็เลยทำให้เราได้กลายมาสอนภาษาไทยให้น้องไปด้วยเลย

ส่วนเบคกี้ ก็ตอบกลับมา ตอนเจอพี่ฟรีนครั้งแรกเลย ก็สวยค่ะ คือเราไม่รู้จะเข้าหายังไง เพราะพี่เขาหน้านิ่งแล้วดูเหมือนดุด้วย ก็เลยยังไม่กล้าเข้าหาเท่าไหร่ค่ะ แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้เราสนิทกัน ฟรีนและเบคกี้ก็ต่างบอกว่า จริงๆ มันเริ่มช่วงซีรีส์เรื่องแรกเลยค่ะ ที่เราแสดงเป็นเพื่อนกัน ฝน-ของขวัญ ซึ่งในเรื่องเป็นสองสาวที่ต้องอยู่ในแก๊งวิศวะ เราก็เลยมีกันอยู่สองคนค่ะ ช่วงนั้นเราเลยเริ่มสนิทกัน มีซีนน้อยก็เลย ชอบพากันไปหาอะไรกินค่ะ ซึ่งเบคกี้ก็เสริมมาว่า นั่นแหละค่ะ จุดเริ่มต้นที่ทำให้หนูติดชานมค่ะ (หัวเราะ)

 

‘FreenBecky’ ความแตกต่างที่ลงตัว

พอพูดถึงเรื่องชานม ดีเจพี่แนนก็ถามขึ้นมาว่า แล้วปกติทั้งคู่ทานหวานประมาณไหน เบคกี้ก็ตอบเลยว่า เมื่อก่อนหนูติดชานมมาก แต่ตอนนี้ก็ลดมาบ้างแล้วค่ะ วันละหนึ่งแก้วแบบนี้ ปกติหนูกินหวาน100%เลยค่ะ ส่วนพี่ฟรีนเขาก็จะกินหวาน 30% ไม่ก็ 50% ค่ะ ดีเจพี่แนนจึงเอ่ยแซวว่า หรือเพราะพี่ฟรีนจะเหลือท้องไว้เผื่อ น้ำปลาร้า น้ำยำ ด้วยรึเปล่า ฟรีนถึงกับหลุดขำ ก็อาจจะใช่ค่ะเคยลองชวนน้องแล้วแต่น้องกินเผ็ดไม่ได้ ซึ่งเวลาไปทานข้าวด้วยกัน ก็เลยต้องแยกเป็นสองรูปแบบเลยค่ะ ถ้าไปร้านซูชิก็จะรู้เลยว่าฝั่งไหนของหนูฝั่งไหนของน้องค่ะ อย่างหนูก็จะต้องยำแซลม่อน แซ่บๆ เลยค่ะ ซึ่งฟรีนและเบคกี้ก็เสริมมาว่าเดี๋ยวนี้ก็ชอบชวนกันไปร้านนวดแล้วค่ะ พี่ฟรีนเป็นคนเปิดโลกเลย (หัวเราะ)

 

“ เปิดมุมมองความฝันในวัยเด็ก “

ทั้งสองคนมีความฝันอะไรกันบ้าง ถ้าเกิดตอนนี้ยังไม่ได้ทำงานตรงนี้มาก่อน ด้านฟรีนตอบว่า จริงๆ เมื่อก่อนอยากเป็นนักเขียนค่ะ เป็นฟีลเขียนฮีลใจผู้คนอะไรแบบนี้ เพราะด้วยเป็นคนนอนหลับยากด้วย ตอนกลางคืนในหัวเลยมีคำมากมายเลยค่ะและต้องจดใส่โทรศัพท์ทุกวันเลย ไม่งั้นจะนอนไม่หลับ นี่เลยทำให้ตัวเองค้นพบด้วยว่าการเขียนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ชอบและอยากจะทำค่ะ  ตอนเด็กๆ ไม่เคยรู้เลย เพราะเราก็เรียนวิทย์-คณิตมาด้วยและก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ทำอะไรหรืออยากเป็นอะไรด้วยค่ะ ณ ช่วงนั้น

ส่วนของเบคกี้ ความฝันในวันเด็กก็คือการได้เป็น นักร้องค่ะ เพราะชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ตอนนี้ก็ได้มีโอกาสเป็นนักแสดง และเรียนกฎหมายไปพร้อมๆ กัน ก็ค่อนข้างหนักนิดนึงค่ะ เพราะเราเรียนที่อังกฤษ และตอนนี้ก็เลยต้องเรียนแบบออนไลน์ไปด้วย แต่สนุกค่ะเพราะเราชอบด้วย

 

ทฤษฎีสีชมพู “คุณสาม - น้องม่อน” คาแรคเตอร์ที่ ‘ไกลตัว’ แต่ ‘ใกล้หัวใจ’

เมื่อพูดถึงกระแสของซีรีส์ ทฤษฎีสีชมพู ที่ผลตอบรับดีเกินคาดและดังไปหลายประเทศ ด้านฟรีนและเบคกี้ ก็ต่างตอบว่า ไม่เคยคิดถึงจุดจุดนี้มาก่อน เพราะเราไม่เคยเป็นนักแสดงหลักมาก่อนด้วยคิดแค่ว่าเราจะทำได้มั้ย เพราะคาแรคเตอร์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นวัยทำงาน การทำการบ้านกับตัวละครก็เลยหนักมาก ทั้งแบคกราวนด์ตัวละคร และเหตุผลของตัวละครทั้งสองด้วย อย่างตัวคุณสามก็ต้องมีความโตและนิ่ง แต่จริงๆ ความรู้สึกข้างในก็อ่อนไหวมากเช่นกัน ส่วนน้องม่อนก็จะมีความขี้อ้อน แต่มีความรู้สึกที่หลากหลาย ซึ่งการเรียนรู้ของเราก็มาจากตัวแฟนคลับฟีดแบคมาด้วย เราก็จะนำมาปรับปรุงเสมอเลย ทำให้เหมือนตัวซีรีส์ก็เติบโตไปพร้อมคนดูเลยค่ะ

 

“มุมมองความรักของ ฟรีน และ เบคกี้”

- ถ้าหากชีวิตจริงของทั้งฟรีนและเบคกี้ ต้องเจออุปสรรคทางความรักเหมือนใน ทฤษฎีสีชมพู ที่ถูกกีดกันจากคนในครอบครัว ทั้งสองจะทำอย่างไรบ้าง

ด้านฟรีนก็ตอบอย่างมั่นใจว่า ตนจะทำให้เราหาตรงกลางให้ได้และเชื่อว่าถ้าเราเชื่อในความรักและคนคนนั้น ทุกอย่างมันก็จะสามารถผ่านไปได้

ส่วนเบคกี้กลับมีอีกมุมมองที่คิดว่า ถ้ามองในความเป็นจริง เรารู้สึกว่ามันจะท็อคซิกกับตัวเองจนเกินไป เราอาจจะอยู่กับอะไรแบบนี้ไม่ได้นาน เราควรที่จะออกไปหาอะไรที่ทำให้เห็นถึงคุณค่าของตน และคิดว่าถ้าส่วนตัวเรา เราคงไม่อยากไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่ท็อคซิกแบบนั้น

- แล้วเวลามีความรัก ฟรีน และ เบคกี้ เป็นอย่างไร

ฟรีน : หนูว่าหนูคลั่งรักอยู่น้า เพราะเราเชื่อในความรักด้วย แล้วความรักก็ทำให้เรามีพลังบวกด้วยค่ะ ถ้าคิดเปอร์เซ็นต์ก็ 90 % เลยค่ะ (หัวเราะ)

เพราะความรักมันมีหลายรูปแบบด้วยค่ะ ครอบครัว แฟน เพื่อน ถ้าเรามีความรักที่ดี ก็จะส่งผลให้ชีวิตขับเคลื่อนได้ดีด้วย ก็…ความรักก็น่ารักดีค่ะ

เบคกี้ : คลั่งรักเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ) เพราะความรักของเราไม่ว่าใครที่เข้ามาในชีวิตเราให้ 100%เลยค่ะ ด้วยความที่เป็น Introvert ด้วย ก็เลยจะใส่ใจกับคนที่เข้ามาในชีวิตเรามากๆ เลยค่ะ

- การมอบความรักซึ่งกันและกัน

ทุกวันนี้เราทั้งสองดูแลกันยังไง ด้านฟรีนก็ตอบมาว่า ทุกวันนี้หนูเป่าผม ม้วนผม ทำผม ให้ด้วยเลยค่ะ (หัวเราะ) แต่เบคกี้เขาจะมาดูแลเราหนักๆ เลยช่วงเราป่วยค่ะ แต่ส่วนใหญ่ชีวิตประจำวันหนูชอบเทคแคร์คนอื่นซะมากกว่าค่ะ

ในเรื่องการให้คำปรึกษาเบคกี้ก็ตอบมาว่า ส่วนใหญ่มีอะไรก็จะปรึกษาพี่ฟรีนเลยค่ะ ด้วยความส่วนใหญ่เพื่อนเราอยู่ที่อังกฤษด้วย พี่ฟรีนก็ถือว่าเป็นพี่ที่สำคัญในชีวิตคนหนึ่งเลยค่ะ

 

และนี่นับเป็นการสัมภาษณ์ที่เปิดให้แฟนคลับได้รู้จักและรักพวกเธอทั้งสองคนมากยิ่งขึ้นไปอีก จะไม่ให้รักและผูกพันธ์ได้อย่างไร เพราะ “ทฤษฎีสีชมพู” ที่ทั้งสองคนถ่ายทอดความสัมพันธ์ที่มีต่อกันและกันออกมานั้นไม่เพียงแต่มีในจอเท่านั้น แต่ยังส่งไปถึงแฟนคลับที่อยู่นอกจอด้วย

“การได้ดูซีรีส์ของทั้งคู่เหมือนได้ย้อนกลับมาดูความรักของตัวเองว่าเราผ่านอะไรกันมาบ้าง” แฟนคลับที่ได้โทรเข้ามาพูดกับทั้งสองคนกล่าว

ทำให้ฟรีนและเบคกี้ต่างปลื้มปริ่มใจที่ตัวเองสามารถเป็นซอฟพาวเวอร์ให้กับใครหลายๆคนได้ และสุดท้ายนี้ฟรีนและเบคกี้ก็อยากฝากไว้กับแฟนคลับทุกคนที่คอยสนับสนุนพวกเธอเสมอมาว่า…

 

     “อยากให้ทุกคนอยู่ด้วยกันในทุกวัน ไม่ว่าจะเจออะไรก็อยากผ่านไปด้วยกัน และอยากขอบคุณทุกกำลังใจและแรงซับพอร์ตที่ทำให้ฟ้าของหนูสดใสขึ้นมาก แม้ในบางวันที่มันไม่ได้ดีทุกวัน

   -ฟรีน-

 

    “‌thank you guys,thank you for your support. I know I probably say this every single day. I hope you have bought yet but we love each so much. We appreciate you so much. we understand the language barrier and understand everything you guys put so much afford. Example like trying to communicate with us or see us or even Supposed watching line group. Anything really to really heart warming, thanks you for been such a lovely family and hope we will be  together forever.

    -เบคกี้-

 

ชมไลฟ์สดย้อนหลัง

related EFM FANDOM RECAP

‘ฟอส – บุ๊ค’ นักแสดงนำจากซีรีส์ “ชอกะเชร์คู่กันต์” กับมิตรภาพ ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันตลอด 15 ปี !

26 เม.ย. 2023

‘ฟอส – บุ๊ค’ นักแสดงนำจากซีรีส์ “ชอกะเชร์คู่กันต์” กับมิตรภาพ ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันตลอด 15 ปี !

สวัสดีชาวเด็กฝึกงานทุกท่าน ! วันนี้บริษัท EFM Fandom live มาเชิญชวนทุกท่านไปครื้นเครงกับ 2 หนุ่มสุดฮอตที่กำลังมาแรงอย่างมากในช่วงนี้กับ “ ฟอส จิรัชพงศ์ ” และ “ บุ๊ค กษิดิ์เดช ” จากซีรีส์เรื่อง “ ชอกะเชร์คู่กันต์ A Boss and a Babe ” ความสนุก ความฮาจะเป็นอย่างไรนั้น มาติดตามไปพร้อมกันได้เลย ก่อนที่จะไปร่วมพูดคุยกับทั้งสองหนุ่มวันนี้นั้น เรามาเริ่มความจอยกันที่เหล่าแฟนคลับของทั้งคู่ เพื่อล้วงลึกความเป็น ฟอส - บุ๊ค ในแบบฉบับชาวแฟนคลับเล่าสู่กันฟังเลยดีกว่า“ กัปตันฟอส ตำนาน อยู่ทุกด้อม ยกเว้นด้อมตัวเอง ” เปิดประเดิมมาด้วยคำถามยอดฮิตของเรากับฉายาที่เหล่าแฟนคลับไว้ใช้เรียกหนุ่มฟอส มาดูกันว่าจะมีชื่ออะไรกันบ้างนั้น บอกเลยว่าแต่ละอันปังมากเลยทีเดียว อย่างชื่อแรกที่แสนคุ้นเคยอย่าง ‘ แด๊ดดี้ฟอส ’ ที่มาจากคลิปไวรัลในตำนานอย่างการปลุกหนุ่มบุ๊คในรายการเซฟเฮ้าส์ จนทำเอาหนุ่มบุ๊คของเรารู้สึกคิดถึงพ่อขึ้นมาทันที หรือฉายา “ กัปตันฟอส ” ที่ชอบเป็นพยานคู่รักคนอื่นจนถูกแซวไปว่า ชอบอยู่ทุกด้อม ยกเว้นด้อมตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นชิปเปอร์ตัวเต็งบนทวิตเตอร์เลยก็ว่าได้ และนอกจากนี้ก็ยังมี ‘ พ่อแมว ‘ ที่ถูกแซวเพราะเป็นทาสแมวอย่างแท้จริง“ พี่เดชจะเป็นโมจิ ” มาต่อกันที่หนุ่มคนที่สองของเรา กับ บุ๊ค กษิดิ์เดช กับฉายาที่ได้มาจากความน่ารักอย่าง ‘โมจิ’ ที่เปรียบความมุมิของหนุ่มบุ๊คเป็นเหมือนโมจิขนมสุดน่ารัก และถ้าเมื่อไหร่ที่หนุ่มบุ๊คของเราลงรูปสุดหล่อเท่ ก็จะกลายเป็นร่าง “ พี่เดช ” ที่ทำแฟนคลับละลายกันไปตามๆ กัน“ ชาวบรรณา (รัก) บุ๊ค ที่สุดเลย ” นอกจากความน่ารักของหนุ่มบุ๊คที่ทำชาว EFM Fandom Live เอ็นดูไปตามๆ กันแล้ว ชื่อแฟนคลับก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งชื่อที่น่ารักมากเช่นกันกับ “ ชาวบรรณา ” จากด้อมบรรณารักบุ๊ค ที่ถูกตั้งขึ้นผ่านตัวหนุ่มบุ๊คเองที่ให้นิยามกับชื่อนี้ว่า อยากที่จะให้เหล่าแฟนคลับทุกคนเป็นเหมือนบรรณารักษ์ที่คอยปกป้อง ดูแลหนังสือเล่มนี้ไปเรื่อยๆ เคียงข้างและเดินด้วยกันตลอดไป ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริง ส่วนหนุ่มฟอสตอนนี้นั้นก็ยังไม่มีชื่อด้อมที่ปล่อยออกมาอย่างแน่นอน แต่เหล่าแฟนคลับก็ยังคงรอคอยได้ ไม่ได้เร่งรีบ ขอเพียงแค่เป็นที่มีความหมายและมาจากความตั้งใจจากหนุ่มฟอสก็เพียงพอสุดท้ายนี้แฟนคลับทุกคนก็มีข้อความมาฝากถึง ฟอส -บุ๊ค ว่า… แฟนคลับทุกคนเห็นถึงความตั้งใจทั้งฟอสและบุ๊คในทุกด้านเสมอ ไม่ว่าทั้งคู่อยากที่จะทำอะไรหรืออยากที่จะเป็นอะไร ทุกคนพร้อมที่จะซับพอร์ต ใช้ชีวิตที่อยากจะเป็นได้เลย พวกเราพร้อมที่จะเป็นกำลังใจตรงนี้ ไม่ว่าทั้งคู่จะไปทางไหนซ้ายหรือขวา หรืออยากไปไกลแค่ไหน แฟนคลับทุกคนพร้อมซับพอร์ตเสมอ ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม หันกลับมาก็จะเจอพวกเรา และจะดูการเติบโตของทั้งคู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ตลอดไป และก็จบไปแล้วกับการร่วมพูดคุยกับเหล่าแฟนคลับ แต่ความความสนุกความจอยยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะช่วงที่สองของเราทั้งสองหนุ่มฟอส - บุ๊ค จะมาเล่าวีรกรรม กับความเป็นเป็นเพื่อนอันยาวนานถึง 15 ปี !“ แด๊ดดี้ฟอส น่ารักกว่าที่คิด ” อย่างที่บอกว่าใครหลายคนก็มักจะบอกว่าฟอสเองบุคลิกของเขามีความเป็นแด๊ดดี้สูงมาก บุ๊คก็ยังได้กล่าวอีกว่า ตัวฟอสเค้ามักที่จะบ่นใส่บุ๊คเสมอในหลายๆ เรื่อง แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่เค้าบ่นไป ก็เพราะเค้าแสดงความเป็นห่วงใยเราในหลายๆ เรื่อง มุมนี้เราเลยคิดว่าเค้าจึงมีความเป็นพ่อสูง เลยกลายเป็นว่าใครหลายคนคงเรียกเขาจากนิยามนี้ แต่บางมุมฟอสเขาก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวอย่างวันไหนที่เขาเหนื่อยเขาก็จะมีมุมมางอแงกับบุ๊คบ้างเช่นกัน“ ความฮอตของฟอส กับ จุด (.) ทรงพลัง ” ด้วยความที่ทั้งฟอสและบุ๊ค รู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล ก็เลยอยากให้เล่าวีรกรรมของหนุ่มฟอสให้ฟังหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้างตอนอยู่โรงเรียน อย่างที่บอกว่าถึงทั้งคู่จะรู้จักกันก็จริงแต่ว่าก็อยู่คนละกลุ่มอยู่ดี แต่สิ่งที่การันตีได้เลยก็คือความฮอตของหนุ่มฟอสที่บอกได้เลยว่าฮอตปรอทแตกอย่างแท้จริง เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฟอสเล่นเฟสบุ๊ค แล้วโพสต์แค่จุด(.) จุดเดียว แล้วคนก็มาไลค์ประมาณ 3-4 พันกันเลยทีเดียว ก็เลยทำให้บุ๊คตัดพ้อกับตัวเองว่าเราลงรูปตั้งเยอะ แต่ไลค์ก็ยังไม่เท่าฟอสซักที อันนี้จึงเป็นต้นกำเนิดของจุดทรงพลังในตำนานนั่นเอง“ การคุยกัน สำคัญที่สุด ” อย่างที่บอกว่า ถึงแม้จะรู้จักกันมานานแค่ไหน แต่เราก็ต้องมีทั้งจุดกึ่งกลางซึ่งกันและกันเสมอ ทั้งฟอสและบุ๊คได้พูดกับทางรายการว่า ทั้งคู่ใช้วิธีการละลายพฤติกรรมซึ่งกันและกันด้วยการพูดคุยกันอยู่เสมอ เพราะเวลาคนเราอยู่ใกล้กันมากๆ มันก็ต้องมีเรื่องทะเลาะกันมาบ้าง ดังนั้นการพูดคุยจึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราเลยมักจะเคลียร์กันคุยกันในทุกเรื่อง เพื่อที่จะไม่ได้มีอะไรมาขัดข้องและสามารถทำงานไปด้วยกันได้อย่างมีความสุขอีกด้วย“ ความแตกต่างของห้องฟอสบุ๊ค ” ตัวฟอสเองได้บอกเล่าว่า เค้าเคยไปห้องบุ๊คแล้วบุ๊คเองก็เอ่ยปากมาว่า ‘ ห้องอาจจะรกนิดนึงนะ ’ แต่พอสิ่งที่เห็น กลับเป็นคนละอย่างกันไปเลย เพราะห้องบุ๊คสะอาดมากๆ ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งเสื้อผ้าและ หนังสือ แล้วโทนห้องก็เป็นสไตล์มูจิอีกด้วย เพราะว่าเขาตกแต่งด้วยตัวเอง ซึ่งบุ๊คก็แอบหัวเราะและบอกมาว่า อาจจะด้วยเหตุผลว่าบุ๊คเป็นภูมิแพ้ด้วย ก็เลยจะต้องรักษาความสะอาดอยู่ตลอดเวลา ส่วนห้องฟอสตัวบุ๊คเองก็ได้บอกว่า จริงๆ แล้วห้องที่บ้านของเขาเองสะอาดและก็หอมมาก แต่ด้วยความที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา ฟอสก็เลยย้ายมาอยู่ยังคอนโด ซึ่งอยู่กับเพื่อนอีกที ก็เลยอาจจะมีของเยอะไปบ้าง เพราะด้วยบางทีเราได้ของมาจากแฟนคลับ ก็ต้องเก็บไว้ที่นั่นด้วย ห้องก็เลยอาจจะของมากกว่าเดิมไปบ้างฟอส - บุ๊ค กับโมเมนต์ความประทับใจกับเหล่าแฟนคลับ ทางรายการก็อยากให้ทั้งคู่ได้เล่าถึงโมเมนต์ความประทับใจในตัวแฟนคลับที่ยังคงเป็นความทรงจำดีๆ ในชีวิตให้ฟัง ซึ่งบุ๊คเองก็นึกได้หนึ่งเรื่อง ว่าครั้งหนึ่งบุ๊คเคยรู้สึกหมดแพชชั่นในการทำงาน ซึ่งวันนั้นเขาได้ไปทำงานมาแล้วปรากฏว่าไม่มีใครมาดูเลย เลยกลายเป็น Bad Day ของเราวันหนึ่ง แต่พอกลับมาถึงตึกก็ดันเจอแฟนคลับคนหนึ่งที่ยืนรอเราอยู่ที่ตึกพร้อมกับเอาขนมมาให้และเขียนโพสอิทว่า “ สู้ๆ นะ รอดูรายการอยู่นะ ” ซึ่งมันกลายเป็นสิ่งที่ฮีลใจเขามากๆ ในวันนั้น อาจจะเพราะว่าเขาเองไม่เคยที่จะชื่นชอบศิลปินคนไหนเลย การที่ใครซักคนให้ของกับเขา หรือทำอะไรซักอย่างให้ เลยกลายเป็นความรู้สึกที่อิมแพ็คกับสิ่งเหล่านั้นมาจนถึงทุกวันนี้ และคำถามสุดท้ายที่ทาง EFM Fandom Live ก็คงไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าการที่ให้ทั้งสองคนบอกความในใจที่มีต่อกันและกันกับมิตรภาพความเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนานForce to Book “อาจจะมีเป็นห่วงอย่างหนึ่ง อยากบอกบุ๊คว่า บางสิ่งบางอย่างเราอาจจะควบคุมไม่ได้ อะไรเข้ามาก็รับไว้ทุกอย่างไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เราอยากให้ลองมีความสุขกับมันดู สุดท้ายแล้วมันก็คือชีวิต ที่อาจจะมีวันที่แย่ แต่ก็ยังมีคนที่อยู่ข้างหลังเรา และคอยซับพอร์ตเราเสมอ อย่าเครียดมาก เพราะสิ่งที่ยังเป็นห่วงก็คือเรื่องสุขภาพของบุ๊คเอง เพราะเรื่องการนอนดึกของเขา เราก็อยากให้บาลานซ์ให้โอเค ก็เป็นห่วงบุ๊คและรักบุ๊คเสมอครับ”Book to Force “จริงๆ เรา2คนก็ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันเยอะ และเรารู้ว่าส่วนใหญ่ฟอสเวลามีอะไรจะไม่ค่อยพูด แล้วบางทีเราก็ยังไม่รู้ว่าเค้าจะยังมีเซฟโซนมั้ย แต่เราก็ยังอยากที่จะให้เวลามีอะไรก็สามารถมาระบายกับเราได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว เพราะทุกอย่างย่อมผ่านไปได้เสมอ มีอะไรก็สามารถบอกบุ๊คได้เลย” เป็นยังไงกันบ้างชาว EFM Fandom Live ก็หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านรู้สึกเอ็นดูและรักทั้ง หนุ่ม ฟอส และ บุ๊ค มากขึ้นไปเรื่อยๆ เลยน้า สุดท้ายนี้ก็ขอฝากผลงานที่กำลังออนแอร์อยู่ตอนนี้กับซีรีส์ “ ชอกะเชร์คู่กันต์ A Boss and a Babe ” ที่กำลังมีเนื้อหาดำเนินไปอย่างเข้มข้น และเร็วนี้ๆ ก็กำลังจะมีคอนเสิร์ตที่ทั้งฟอสและบุ๊คได้ไปร่วมสนุกด้วยกับ LOVE OUT LOUD FAN FEST 2023 จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น ก็อย่าลืมไปติดตามในทุกๆ ผลงานของทั้งคู่เลยภาพ EFM Fandom Live

แก๊งสมาคมผู้ปกครองมาเยือน EFM FANDOM LIVE ทั้งที! งานนี้ไม่ได้มาแค่ให้ Kiss me! แต่ได้รับรางวัล ‘สมาคมคนสวยแห่งปี’ กลับบ้านไปด้วย

06 มี.ค. 2024

แก๊งสมาคมผู้ปกครองมาเยือน EFM FANDOM LIVE ทั้งที! งานนี้ไม่ได้มาแค่ให้ Kiss me! แต่ได้รับรางวัล ‘สมาคมคนสวยแห่งปี’ กลับบ้านไปด้วย

รายการ EFM FANDOM LIVE [29 กุมภาพันธ์ 2567] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับแก๊งสมาคมผู้ปกครอง “ฮูพ – แพนเค้ก – ปาเอญ่า - โมเน่ต์ BNK48” กับซิงเกิลที่ 16 เพลง “kiss me! (ให้ฉันได้รู้)” พร้อมอัพเดตพูดคุยกับ 2 สาว “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการเป็นการคัดเลือกชื่อ FANDOM AWARDS จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “สมาคมคนสวยแห่งปี” น้องๆทั้ง 4 คน เป็นคนที่มีความสวยอยู่ในตัวทุกคนเลย แต่ความสวยจะเบ่งบาน ในช่วงฤดูกาลของมัน ซึ่งก็คือฤดูกาลนี้ค่ะ!! ปีนี้เป็นปีของน้องๆ ที่ทั้งความสวย ความสามารถ ออร่า พร้อมเปร่งประกาย และซิงเกิลที่ 16 นี้ด้วยฮูพ กัปตันบีทรี (B|||) พี่ใหญ่ของกลุ่ม ผู้พกความสามารถ ความเป็นผู้นำมาเต็มเปี่ยม มีความสวย ปนเซ็กซี่ และแรงดึงดูดสูงม้ากกกกกปาเอญ่า พี่รองของกลุ่ม เจ้าแม่แฟนแคม เพิฟโหดมาก เสน่ห์แพรวพราว ออนสเตจที ไฟลุกสุดๆ มีความสวยปนซนๆ น่าหยิกสุดๆแพนเค้ก หวานดั่งขนมสมชื่อ มีความหวาน ความน่ารักชวนหลง และเต็มไปด้วยความน่าหลงไหล สวยปนน่ารักทิ่สุดด คาวาอิอ่าา...โมเน่ต์ น้องเล็กคนสุดท้องของกลุ่ม คนนี้ซนมากก แต่ก็น่ารักมากๆเหมือนกัน น้องคนนี้เราเฝ้ามองการเติบโตของเขา ตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก จนตอนนี้โตมาเป็นคนสวยสุดแสบแล้ว และเมื่อ 4 คนนี้ มารวมตัวกันเมื่อไร ตู้ม!!! สมาคมคนสวยแห่งปีจึงเกิดขึ้นค่ะ สวยจนทุกคนต้องหันมามองเลย!!!2.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “จ้าวยุทธจักร แห่งบางกอก 48” เพราะว่าเด็ก ๆ ในวง ต้องมีการแข่งขันในหลาย ๆ ด้าน เช่น การเต้น การร้องเพลง การเซอร์วิสแฟนคลับ การวางตัวในวงการ และเรื่องเรียน การจะมายืนอยู่จุดนี้แล้วเปล่งประกายได้ เด็ก ๆ ต้องผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบาก จนอาจจะมีน้ำตาเป็นกะละมัง อาจจะมีความรู้สึกอยากยอมแพ้ แต่เด็ก ๆ ก็ยังใจสู้เพื่อความฝันตัวเองและแฟนคลับที่เชื่อมั่นและมั่นใจในตัวเด็ก ๆ จึงทำให้มีเด็กน้อยในวันนั้น โตมาเป็นเด็กสาวที่เปล่งประกายแบบทุกวันนี้ เปรียบเสมือนจอมยุทธที่ต้องท่องไปทั่วใต้หล้าทำให้มีการฝึกฝนจนตัวเองเก่งขึ้นเรื่อย ๆ จึงคิดว่าชื่อรางวัลนี้จะเหมาะสมกับเด็ก BNK48 ที่สุดแล้ว3.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ทูตสันถวไมตรีดีเด่นของครอบครัว” เนื่องจากเด็กๆทั้ง 4 คน เป็นแก๊งสมาคมผู้ปกครอง แล้วสนิทกัน ทำให้คุณพ่ อคุณแม่และครอบครัวของน้องๆสนิทกันไปด้วย เลยได้เห็นความน่ารักของทั้ง 4 บ้านบ่อยๆเลยครับ4.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “กระต่ายตัวมัมของฝูง” จากเพลงเปิดตัวรุ่น 3 ที่เป็นเพลง First Rabbit เป็นเหมือนการเล่าถึงกระต่ายตัวแรกที่จะมาเป็นผู้นำฝูง จากวันนั้นที่เดบิวต์กันมา วันนี้เด็กๆทั้ง 4 คนได้เติบโตมาอย่างดี เป็นเมมเบอร์ เป็นไอดอลที่มีคุณภาพที่พร้อมจะเป็นตัวอย่างให้กับน้องๆรุ่นต่อไป รวมไปถึงภาพลักษณ์ ทั้งการแต่งตัว การแสดง และความสวยที่พัฒนามาอย่างดี5.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ลูกโตน้อยแล้วนะ เฮ้!” แนวคิดคือเราเห็นน้องๆรุ่นนี้กันมา 3-4 ปี เราเห็นตั้งแต่วันแรกที่เค้าเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ซึ่งตอนนั้นทุกคนยังดูเด็กมากกกก ยังเป็นเบบี๋อ่ะคุณ ผ่านไป 4 ปี ลูกน้อยทุกคนเติบโต ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และหน้าที่การงาน เด็กสาวทั้ง 4 เปร่งประกายในเส้นทางของตัวเองอย่างชัดเจน และเหนือสิ่งอื่นใด เวลาที่พวกเธอขึ้นแสดงมันช่างดีซะจน ปะป๊า มาม๊า ปลื้มปริ่ม น้ำตางี้ไหลพรากๆ ชื่นชมกันไม่หวาดไม่ไหว สายตาที่มองขึ้นมาจากด้านล่างของเวทีนั้น พลันหันมาสบตากันแล้วพูดว่า "ลูกน้อยโตแล้วนะ เฮ้" (และถามว่าทำไมต้อง เฮ้! เพราะมันเป็นคำสร้อยที่ดูมีเอเนอจี้ดี)ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “ฮูพ-แพนเค้ก-ปาเอญ่า-โมเน่ต์ BNK48”รางวัล “สมาคมคนสวยแห่งปี”เปรียบความสวยของแต่ละคนเป็นฤดูกาลต่าง ๆ ปาเอญ่า : คิดว่าหนูเป็นฤดูหนาว รู้สึกว่าตัวเองมีความเย็นชาอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ก็เป็นฤดูที่เราสามารถอบอุ่นได้ถ้ามีคนอยู่ข้าง ๆ หนูเป็นคนหน้านิ่ง ๆ สวยแบบคูล ๆ แพนเค้ก : คิดว่าฤดูใบไม้ผลิ รู้สึกว่ามันเบ่งบานดี ร่มรื่น โมเน่ต์ : หนูไม่รู้เลย หนูดูไม่มีฤดู ฤดูห้องแอร์ 555 ปาเอญ่า : ฤดูร้อน เพราะว่าโมเน่ต์เป็นคนสดใส ฮูพ : ฤดูร้อนละกัน เพราะว่ามันพบเจอได้ทั้งปี ไม่ว่ายังไงก็สวยทั้งปีที่มาของ “แก๊งสมาคมผู้ปกครอง” ฮูพ : คือตอนแรกเราเถียงกันตลอด มีพี่เขามาถามว่า ทำไมมันเกิดขึ้น พวกหนู 4 คนไม่มีใครตอบได้เลย จนหนูไปถามแฟน ๆ ว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไง เขาก็เลยเตือนความจำพวกหนูว่า จริง ๆ แล้วมันเกิดขึ้นจากที่เขามีให้โหวตไปญี่ปุ่น แล้วเราเป็นทีมเดียวกัน เราก็เลยคิดว่าแก๊งเราทีมอะไรดี ก็เลยเป็นสมาคมผู้ปกครอง เพราะว่าพ่อแม่เราสนิทกันมาก ๆ ปาเอญ่า : แต่ที่จริงจับกลุ่มกันได้เพราะว่า… ตอนแรกพวกเราไม่ได้สนิทกัน แยกแก๊งกันหมด แล้วเหมือนพ่อแม่สนิทกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน เราก็ต้องไปกับพ่อแม่ เราเลยต้องอยู่ด้วยกันจนมาสนิทกัน เลยตั้งว่าสมาคมผู้ปกครอง อยากบอกว่าชื่อนี้เหมาะมาก เพราะว่าแม่ ๆ หนูตั้งชื่อกลุ่มไลน์ว่าคนสวย 555คนที่มีความเป็นผู้ปกครองมากที่สุด! ฮูพ : หนู โมเนต์ : หนูว่าโดยบังคับเพราะอายุ ฮูพ : ใช่ อายุหนูจะห่างจาก 3 คนนี้ อายุปีนี้จะ 22 ปี โมเน่ต์อายุ 16 ปี แพนเค้กอายุ 17 ปี ปาเอญ่าปีนี้อายุ 19 ปีเรื่องความดุ ความเป็นเจ้าระเบียบ ด้วยลุคอาจจะดูเป็นแม่ของแก๊งนี้ แต่จริง ๆ แล้วหนูเหมือนอายุเท่ากับโมเน่ต์ เพราะว่าหนูกับโมเน่ต์จะเล่นกันตลอด เวลาซ้อมตำแหน่งหนูกับโมเน่ต์จะยืนอยู่ด้วยกัน ก็จะมีเปที่ ชู่วววว… ปาเอญ่า : 2 คนนี้ชอบเสียงดัง หนูไม่ชอบอะไรเสียงดัง หนูเป็นคนที่เวลาซ้อมจะยืนอยู่เงียบ ๆ นิ่ง ๆ แล้วจะฟังครู หนูก็จะเห็นทุกอย่างว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วถ้าไม่มีใครฟังครู หนูก็จะหันไปพูดว่า เงียบ ๆ ฟังครูดิ! โมเน่ต์ : คือช่วงแรกอาจจะไม่รู้ แต่ช่วงหลัง ๆ คือรู้อยู่แล้วว่าพี่เปยังไงก็ต้องหันมา แต่หยุดไม่ได้ 555มุมความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่ของทั้ง 4 คน ฮูพ : ความเป็นผู้ใหญ่ เปจะมีความที่แบบว่าเดี๋ยวนี้น้องขับรถได้แล้ว น้องก็จะเป็นคนขับรถของกลุ่มเรา ปกติจะเป็นหนูแต่ตอนนี้หนูวางมือแล้ว ตั้งแต่น้องขับรถได้ น้องก็จะเป็นคนขับรถหาที่พักพิงให้กับพวกเรา แล้วเวลาไปกินข้าว ถ้าเกิดพวกเรานั่งนิ่งไม่อยากจ่ายเงิน เขาก็จะเปย์ 555 แพนเค้ก : มุมความเป็นเด็ก รู้สึกว่าพี่เปมีความเป็นเด็กตอนที่เจอแมว ปาเอญ่า : ไม่รู้ว่าเรียกความเป็นผู้ใหญ่หรือเปล่า หนูรู้สึกว่าแพนเค้กเป็นเด็กที่กล้าทำทุกอย่าง มันจะมีตอนนึงที่พวกหนูไปเที่ยวเวียดนามด้วยกัน แล้วทุกคนอ่อม อยากนอนอยู่บนรถ แต่แพนเค้กชวนไปไหนก็จะบอกว่าไปได้ น้องกล้าทำหมดเลย โมเน่ต์ : หนูรู้สึกว่าแพนเค้กจัดการเวลาของตัวเองได้ หนูเคยเป็นรูมเมทกับแพนเค้กตอนที่เข้า BNK48 เขาตื่นเวลาไหนก็ตื่นเวลานั้น กระเป๋าจัดไว้ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้ว ฮูพ : ความเป็นเด็ก เป็นคนขี้เล่น ติดเล่น ปาเอญ่า : ความเป็นผู้ใหญ่ของโมเน่ต์ น้องเป็นคนที่ร้องไห้ยากมาก แล้วเป็นคนที่ไม่คิดเยอะ ปล่อยวางง่าย มีความคิดที่โต เวลาหนูมีปัญหา หนูไปปรึกษาโมเน่ต์ น้องจะมีความคิดที่โตกว่าความคิดหนู เพราะว่าหนูเป็นคนคิดมากด้วย ฮูพ : ความเป็นเด็กก็เป็นตัวป่วนประจำแก๊ง แพนเค้ก : ความเป็นผู้ใหญ่ของพี่ฮูพ ผู้ปกครองเขาก็จะไว้วางใจพี่ฮูพ มีอะไรก็ฝากพี่ฮูพไว้ว่า เจ้ ดูแลน้องนะ แล้วเจ้ก็รับผิดชอบหน้าที่ตรงนั้นได้ดี โมเน่ต์ : ความเป็นเด็กคือ พี่ฮูพเป็นคนขี้เกียจ ด้วยความที่อายุโต เหมือนพอเขามาทำงานทุกอย่างก็เลยบังคับให้เขาโตกว่าอายุ เขาเลยต้องทำหลาย ๆ อย่าง ซึ่งบางทีก็ชอบบ่นว่าขี้เกียจ แต่เขาก็ยังทำอยู่ดีสำหรับซิงเกิลที่ 16 ของ BNK48ความรู้สึกจากการร่วมงานครั้งแรกกับ ‘JYP Publishing’ ปาเอญ่า : ที่มาของซิงเกิลที่ 16 มาจากงาน General Election เป็นงานที่ให้แฟนคลับของเราโหวตว่า อยากให้ใครได้อยู่ในเพลงนี้บ้าง ก็เลยได้ออกมาเป็นอันดับ 1-16 แล้วก็ที่ได้ร่วมงานกับ JYP Publishing รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เพราะว่าเรารู้ตั้งแต่ก่อนเขาจะเปิดโหวตแล้วว่า เราจะได้ทำงานร่วมกับ JYP Publishing แล้วพอทำงานเขาเป็นระบบระเบียบมาก แพนเค้ก : เขามีความเป็น Professional มาก ๆ ในการทำงาน ฮูพ : เขามีวิธีการจัดการวางแบบแผนงานของเขาได้ดี แล้วก็ตรง เป๊ะมาก ๆ คือเขาจะมีภาพในหัวอยู่แล้วว่า เพลงที่เขาทำออกมาจะให้ออกมาเป็นยังไง ซึ่งเขาจะเก็บดีเทลรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เยอะมาก แบบที่พวกเราเองทำงานกันมาเยอะแล้วก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ ปาเอญ่า : ที่จริง วันที่อัดเสียงก็มีคนที่มาคุมอัดเสียงจากเกาหลี ชื่อว่าคุณ B-Rock เป็นโปรดิวเซอร์คนเดียวกับ QRRA ด้วย เขาก็จะสอนออกเสียงจนให้มันได้ เอาอีกเทคจนกว่าเขาจะคิดว่าใช่ ฮูพ : มันจะมีอีกพาร์ทหนึ่ง หนูได้เข้าประชุมกับทางทีมผู้ใหญ่ จริง ๆ เขามีการส่งให้ทางเกาหลีดูว่า เวลาถ่าย MV แพลนนิ่งจะเป็นแบบนี้ ทางเกาหลีจะฟีดแบคกลับมาว่า ถ้าสำหรับเขา เขาจะแนะนำถ่ายให้ Visual มากกว่าถ่ายแบบเต้น มันเป็นดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บางทีเราก็อาจจะไม่ได้รู้ว่าทำแล้วมันจะดีคอนเซ็ปท์ของเพลง Kiss me (ให้ฉันได้รู้)~~ ปาเอญ่า : คอนเซ็ปท์เพลง ปกติเขาก็จะมีภาพจำของ BNK48 เป็นเด็กผู้หญิงสดใส น่ารัก มีความเรียบร้อย แต่ครั้งนี้เขาอยากให้ภาพจำมันแตกต่างออกไป ให้เราดูเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจ มีลุคที่โตขึ้น มีความเฟียส เซ็กซี่ ซ่อนเท่นิดนึงมากขึ้น เนื้อเพลงจะประมาณว่า เราชอบใครสักคน แล้วเราก็รู้สึกว่าแกคิดเหมือนฉันนะ ทำไมแกไม่บอก แต่ว่าฉันจะไม่บอกนะเพราะมันดูไม่ดีพี่ฮาย Paper Planes ร่วมเขียนเนื้อเพลงนี้ ฮูพ : จริง ๆ หนูว่า..เพราะว่าพี่ฮาย ทำผลงานออกมาดีมาก ๆ ปาเอญ่า : ซึ่งหลาย ๆ เพลงที่เขาแต่งออกมาก็ดีหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นผลงานของเขา หรือผลงานที่เขาแต่ง ก็เลยรู้สึกว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ที่จริงเขามาคุมอัดเสียงด้วยเหมือนกัน แล้วเขาสอนพวกเราว่า ท่อนนี้ต้องออกเสียงแบบนี้ ซึ่งมันจะมีท่อนที่เขาแต่งเป็นภาษาอังกฤษ เขาละเอียดมาก เขาก็จะช่วยสอนเทคนิคการออกเสียงจนทำได้จริง ๆวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ 4 สาวสุดคิ้วท์อย่าง “ฮูพ-แพนเค้ก-ปาเอญ่า-โมเน่ต์ BNK48” เล่นกันด้วย กับเกมที่มีชื่อว่า ‘29 กุมภามาประชุมผู้ปกครอง’ สนุกสนานกันแน่นอน(เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับ ได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ“ฮูพ-แพนเค้ก-ปาเอญ่า-โมเน่ต์ BNK48” อยากจะบอกเมนตัวเองก่อนเลย อยากบอกปาเอญ่าว่า ความจริงก็อยากเจอปาเอญ่าในทุกงานเลย และรู้ว่าปาเอญ่าทำงานหนักมาก แต่ว่ายังไงก็ต้องพักผ่อนและดูแลตัวเองให้เพียงพอ ขอบคุณฮูพ แพนเค้ก และโมเน่ต์มาก ๆ ที่อยู่กับปาเอญ่าในวันที่ปาเอญ่าอาจจะหมดกำลังใจ อาจจะกำลังท้ออยู่ เพราะว่าชื่อของทั้ง 3 คน ก็อยู่ในไดอารี่ของปี 2023 ของปาเอญ่าด้วย อยากจะบอกทั้ง 4 คนว่า คิดว่าน้อง ๆ เป็นคนที่มีพลังวิเศษที่เราไม่เคยเห็นจากใคร เขาสามารถเปลี่ยนวันแย่ ๆ ของเรา ของทุก ๆ คน ของคนคนนึงให้เป็นวันดี ๆ ได้ภายในระยะเวลาเพียงชั่วพริบตา เราอยู่ตรงนี้ตามน้อง ๆ นานแล้ว ก็ได้คุยกับคนที่เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หรือเคยอยู่ในจุดที่แย่มาก ๆ มาก่อน รวมถึงตัวเราเองด้วยเมื่อไม่นานมานี้เคยมีช่วงที่ลำบาก แต่เราก็ผ่านมาได้ เพราะได้รับกำลังใจจากน้อง ก็อยากให้ทุกคนรู้ว่า โดยเฉพาะน้องแพนเค้ก ที่บอกว่าเราได้มอบความความสุข มอบกำลังใจให้แฟนคลับ มันไม่ใช่แค่คำพูดสวย ๆ แต่มันเป็นเรื่องที่ประสบมาจริง ๆ สิ่งที่เขาทำสำคัญมากสำหรับแฟนคลับ แล้วก็รักษาสุขภาพด้วยทุกคน อยากฝากถึงโมเน่ต์ว่า อยากขอบคุณน้องที่เป็นกำลังใจให้ถึงแม้จะไม่ค่อยได้เจอ แต่น้องก็ยังสดใสในแบบของน้องอยู่บนเวทีเสมอ ชอบเวลาที่น้องเต้น เวลาที่ร้องเพลงมาก อยากบอกน้องฮูพว่า จะเป็นกำลังใจให้เขาเสมอ และจะซัพพอร์ตเขาตลอดไป“ฮูพ-แพนเค้ก-ปาเอญ่า-โมเน่ต์ BNK48” ขอบคุณสำหรับรางวัล “สมาคมคนสวยแห่งปี” ขอบคุณที่แฟนคลับส่งกันมา มีหลายชื่อด้วย ขอขอบคุณสำหรับรางวัล “สมาคมคนสวยแห่งปี” ก็เป็นความจริงทั้งหมดขอยอมรับไว้ สรุปความเป็นแก๊งได้ใน 7 พยางค์ ทำถึง!! สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ฮูพ-แพนเค้ก-ปาเอญ่า-โมเน่ต์ BNK48” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากติดตามซิงเกิลที่ 16 เพลง “Kiss me! (ให้ฉันได้รู้)” สามารถรับชมได้ทาง YouTube : BNK48 หรือสตรีมมิ่งทุกแพลตฟอร์ม และฝากกิจกรรม Cover Dance ส่งได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ถึง 27 มีนาคม 2567 ไปติดตามกันได้เลยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

รางวัล “เสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปี” บอกเลย...ชื่อนี้เหมาะกับ “มิว ศุภศิษฏ์” ที่สุด พร้อมพูดคุยอัปเดตผลงานในปี 2024 นี้!!

07 ก.พ. 2024

รางวัล “เสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปี” บอกเลย...ชื่อนี้เหมาะกับ “มิว ศุภศิษฏ์” ที่สุด พร้อมพูดคุยอัปเดตผลงานในปี 2024 นี้!!

EFM FANDOM LIVE [1 กุมภาพันธ์ 2567] คืนนี้ต้อนรับ “มิว ศุภศิษฏ์” พร้อมอัปเดตผลงานใหม่ๆ พูดคุยกับ 2 สาว “ดีเจดาว - ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการเป็นการคัดเลือกชื่อ FANDOM AWARDS จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปี” แนวคิด 1: พี่มิวเป็นคนหัวเราะได้เป็นเอกลักษณ์มากค่ะ เสียงจะออกมาจากลำคอ ปลายเสียงหัวเราะจะคีย์สูง และมีเสียงนาสิกแอดลิบออกมา ใครอยู่ใกล้ก็จะได้อรรถรสมาก แต่อยู่ไกลก็จะไม่เหงา เพราะเสียงหัวเราะของพี่มิวสามารถได้ยินในระยะ 500 เมตรเลยค่ะ​ แนวคิด 2: น้องมิวเป็นคนที่หัวเราะได้สุดมาก ๆ หัวเราะแล้วโลกสดใส ได้ยินเสียงน้องมิวหัวเราะจากที่เครียดอยู่จะอดยิ้มตามไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงหัวเราะน้องมิวจะต้องยิ้มตามทุกครั้ง2.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ศิลปินแห่งความภูมิใจ”​ พี่มิวเป็นทั้งนักร้อง และนักแสดง อีกทั้งยังทำงานเบื้องหลังเช่นการเป็นผู้จัดซีรี่ย์ และการเป็นเจ้าของบริษัท รวมทั้งยังมีด้านการเรียนปริญญาเอก พี่มิวตั้งใจทำทุกอย่างอย่างเต็มที่มาเสมอ ตั้งใจทำงานเพื่อตอบแทนแฟนคลับทุกคนที่รักเขา และยังสามารถแบ่งเวลาชีวิตของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แม้เวลาจะมีน้อยแต่หากมีเวลาก็จะแบ่งมาให้แฟนคลับด้วยตลอด พี่มิวโชว์ทัศนคติที่ดีของตัวเองออกมาให้แฟน ๆ ภูมิใจมาเสมอไม่ว่าด้านใดก็ตาม คอยเป็นกำลังใจ ส่งความเชื่อมั่น ส่งต่อความคิดดี ๆ ให้แฟนคลับอย่างตั้งใจ เป็นคนที่ทำให้mewlionsภูมิใจมากๆมาเสมอเลยค่ะ3.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Perfect Man” ในมุมมองของแฟนคลับคนนึงคิดว่ามิวเป็นคนที่เพอร์เฟคมาก ๆ ทั้งหล่อ น่ารัก นิสัยดี เรียนเก่ง ร้องเพลงเพราะ วาดรูปสวย ขยันทำงาน ขี้อ้อนเป็นหนุ่มคลั่งรักมากกกก รักครอบครัว รักแฟนคลับ รักสัตว์ และคอยที่จะเรียนรู้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาอาวุธของมิวที่จะทำให้ตกหลุมรัก คือ​ 1. สายตาพิฆาต / เวลาสบตาที่ไรเหมือนโดนมนต์สะกด​ 2. รอยยิ้มที่สดใส / เจอยิ้มทีละลายไปเลยจ้า​ 3. เสียงหัวเราะที่อร่อยมากกกกกกกกก / ไม่ว่าจะเหนื่อยหรือเครียดอะไรมาพอได้ฟังเสียงหัวเราะของมิวคือช่วยได้เยอะมากๆ4.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เทพบุตรรอยยิ้มรักโลก” แนวคิดมาจากอยากให้โลกนี้มีแต่ความรัก ความใจดี ความเมตตา ให้กันและกัน รอยยิ้มเป็นสิ่งที่แต่ละคนสามารถให้ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องลงทุนอะไร เป็นกำลังใจ เป็นความรู้สึกดีๆที่ส่งต่อให้กัน สร้างวันที่ดีให้กันและกัน มีพลังในการใช้ชีวิตต่อไปได้ อยากมอบรางวัลนี้ เทพบุตรรอยยิ้มรักโลก ให้แด่พี่มิว ศุภศิษฏ์ ชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มที่ฮีลหัวใจของมิวเลียนส์ที่สุด รอยยิ้มแสนอบอุ่น ที่ส่งผ่านแววตาเวลาที่ได้พบเจอแฟนคลับ รอยยิ้มที่แสดงถึงความรู้สึก ดีใจที่ได้เจอกันนะครับ หรือ ขอบคุณทุกคนที่มาหาผมนะครับ เป็นการส่งกลับพลังงานดี ๆระหว่างศิลปินและแฟนคลับ ทำให้แต่ละครั้งที่ได้ใช้เวลาด้วยกันเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษ การไปหาไปให้กำลังใจพี่มิวในแต่ละงาน อาจจะเสียพลังงานในเดินทางหรือการรอที่จะได้เจอกัน แต่ทุกครั้งเมื่อเราได้เจอกันแล้ว รอยยิ้มของพี่มิว ฮีลพลังงานที่เสียไปกลับมาได้เสมอ รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นนี้ต่อให้ไม่ใช่แฟนคลับได้เห็นก็รู้สึกได้ถึงความสุขที่ส่งออกมาได้ อยากให้รางวัลนี้เป็นตัวแทนบอกกับพี่มิวว่า ขอบคุณที่คอยรักษาโลกใบนี้ของมิวเลียนส์มาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์แบบไหน รอยยิ้มของพี่มิวเป็นกำลังใจช่วยให้ผ่านมาได้ตลอด พี่มิวเหมาะสมกับรางวัลนี้ที่สุดเลย ขอบคุณรอยยิ้มแสนสดใสที่คอยมอบให้กันมาเสมอนะคะ รักนะคะ5.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คนจริงใจดีเด่น” เขาหล่อ เขาน่ารัก เขาเก่ง ร้องเพลงก็เพราะ งานแสดงก็ทรงเสน่ห์! รุ่มรวยด้วยความสามารถรอบตัว! แต่! สิ่งที่ทำให้ตกหลุมรัก และยังทำให้รักอยู่เสมอ คือ ความจริงใจของเค้าค่ะ! เค้าจะบอกทุกครั้งว่า อะไรเป็นอะไร ให้ข้อเท็จจริงกับเรา ให้ข้อมูล ให้เราเอาไปคิดพิจารณาเอง ถือว่ามิวเคารพในทุกการตัดสินใจของแฟนคลับ และมันทำให้เรารู้สึกดีตรงนี้มาก ๆ เลยค่ะ มิวไม่ใช่เพื่อน พี่น้อง คนรัก หรือคนในครอบครัว มิวเป็นศิลปินคนนึงที่เราติดตามจากการเสพความบันเทิงในชีวิตทั่วไป แต่เราไม่คิดไม่ฝันว่า คนคนหนึ่งจากคนที่เรารู้จักในโลกบันเทิงเท่านั้น กลับยิ่งทำให้เรารู้จัก ก็ยิ่งรักเค้า ทั้งที่ไม่ใช่คนสนิท แต่มิวกลับหยิบยื่นความรัก ความจริงใจ ให้กับแฟนคลับอย่างเรา ๆ ตลอดมา​ มิวเคยบอกว่าบนเวทีมันก็มีการแสดงอยู่ในนั้น แต่มันก็เกิดจากความตั้งใจที่จะให้ทุกคนมีความสุข จากที่เคยคิดว่าเค้าเป็นศิลปิน เค้าก็คงเลือกให้เห็นแต่สิ่งที่สวยงามสิ แต่มิวเลือกที่จะบอกว่าในโลกกลม ๆ นี้ ก็มีอีกหลายด้านไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง มิวเคยมีวันที่แย่ ๆ ที่ทำให้เค้าไม่มีความสุข แต่เค้าก็เลือกที่จะบอกตรงนี้กับทุกคน เลือกที่จะให้แฟนคลับรับรู้ บางคนอาจจะถอยห่าง แต่หลายคนก็ไม่ไปไหน กลับรู้สึกดีที่มิวเลือกที่จะเล่าให้มิวเลี่ยนส์ฟัง ในเมื่อมิวเลือกให้เรารับรู้ทั้งสุขและทุกข์ แสดงว่ามิวก็เห็นมิวเลี่ยนส์ เหมือนคนในครอบครัวแล้วค่ะ ในโลกใบนี้ เราพบเจอกับคนต่างครอบครัว ต่างที่มามากมาย จากคนแปลกหน้าคนนึง ได้มารู้จักกัน จะมีซักกี่คนที่ให้ความจริงใจกับเราได้ขนาดถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “มิว ศุภศิษฏ์”รางวัล “เสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปี”สิ่งที่มิวอยากเห็นแฟนคลับมีในทุก ๆ วันนอกจากรอยยิ้ม อยากเห็นมากที่สุดคือเรื่องความสุข เพราะเหมือนเขาก็คอยให้กำลังใจเรา คอยให้ความรัก ให้การสนับสนุน เราก็รู้สึกว่าอยากเห็นเขามีความสุขเหมือนกัน ไม่ว่าจะด้วยเรื่องเราหรือว่าเรื่องการใช้ชีวิตของเขาใดใดก็แล้วแต่ อยากให้เขาแฮปปี้เรื่องที่กำลังศึกษาและกำลังพัฒนาตัวเอง ช่วงนี้รู้สึกอยาก Discover เรื่องศิลปะ ตอนเด็กชอบวาดรูปมากก็เลยรู้สึกว่าอยากได้ Activity บางอย่างที่สามารถทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น ก็เลยกลับไปวาดรูป แล้วก็ Discover ว่าการวาดรูปมันทำให้เรามีสมาธิได้มาก ๆ คือระหว่างวาดรูปผมสามารถวาดไป 5 ชั่วโมงได้โดยไม่ทำอะไรเลย อยู่กับมันไปได้เรื่อย ๆแนวการวาดรูปที่ชอบ ผมจะชอบแนว อินเพรสชั่นนิสม์ (Impressionism) ละกัน คือไม่ใช่ เรียลลิสติก (realistic) เกินไป แต่ว่าเหมือนเอาความรู้สึกเรา เช่นสมมติว่าถ้าเราไปเที่ยวแล้วก็เห็นภาพทะเล ท้องฟ้า ภูเขาอะไรต่าง ๆ นานา แต่ถ้าอินเพรสชั่นนิสม์ (Impressionism) มันจะมีความเหมือนเก็บความรู้สึกตอนนั้นมาแล้วก็ระบาย เช่น เราอาจจะรู้สึกว่าท้องฟ้าเราอาจจะไม่สีฟ้าก็ได้ ผมรู้สึกว่าเราสามารถเอาสมาธิไปอยู่กับมันได้นาน ก็แปลกใจเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าเป็นการที่เราได้ทำอะไรที่ชอบและได้ฝึกสมาธิไปในตัวด้วยถ้าพูดถึงเรื่อง Mew Mories Special B Day With You งานครบรอบวันเกิดมิว : จริง ๆ เกิดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ แต่งานเกิดขึ้นวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ก็เลยต้องจัดก่อนเพราะวันเกิดต้องไปทำงานที่ต่างประเทศเหตุผลที่เลือกคอนเซ็ปท์นี้ คือ…ตัวคอนเซ็ปท์จะมีความเหมือนปฏิทินที่ทำทุกปี ปีนี้จะเป็นคอนเซ็ปท์ที่ลิงก์กัน ก็จะมีความเอารูปเก่า ๆ มา และก็ทำแบบถ้าปัจจุบันแล้วเป็นยังไง ตัวงานนี้ก็เหมือนกันจะเป็นการเก็บความทรงจำ แต่ด้วยความเป็นแฟนมีตก็จะมีเพลงต่าง ๆ ด้วยที่ถูกใส่เข้ามาในการร้องและกิจกรรม ซึ่งเพลงก็จะเป็นแนวยุคตั้งแต่เราเกิดผ่านอะไรมาบ้างจนถึงปัจจุบัน แต่ที่เป็นชอปเปอร์ก็คือเป็นอีกหนึ่งความทรงจำดี ๆ ที่อยู่ด้วยกันกับเรามาจนปัจจุบัน อยู่ด้วยกัน 10 ปีแล้วอายุปีนี้ของมิว ศุภศิษฏ์มิว : เราก็ใกล้ ๆ กัน ผม 33 แล้วปีนี้ ทำไมถึงถามออกรายการแบบนี้! 555สิ่งที่พิเศษในวันเกิดปีนี้ที่ต่างจากปีอื่น ๆ วันเกิด 21 กุมภาพันธ์ ก็ปีนี้นี่ไงที่บอกไปทำงาน ไป fashion week แล้วมันชนกับวันเกิดพอดี ช่วงหลัง ๆ ก็ทุกปี แต่บางทีก็พยายามเก็บช่วงกลางคืน เผื่อไว้ดินเนอร์กับที่บ้าน เป่าเค้กหน่อย ตอนเด็ก ๆ มีธรรมเนียมต้องตื่นไปทำบุญก่อน ไปกินข้าวที่บ้าน พอโตมาแล้วไม่ไหวละ 555 แต่ปกติก็อย่างที่บอกไป แต่ปีนี้ก็อดเพราะไปต่างประเทศสิ่งที่ห้ามพลาด แฟน ๆ ต้องมาเท่านั้น! ทุกอย่างเลย เพราะว่าปีนี้มีกิจกรรมใหม่ ๆ อย่างที่บอกไปก็ช่วงนี้อินกับศิลปะ ก็เลยจะเอาพวกงานที่วาดรูปไปโชว์ ไปโชว์วาดรูปได้ไหม จะยอมมากันไหม ผมว่าแฟน ๆ ก็อาจจะปวดสลักเพชร อาจจะมีบริการก็คือให้หมอนวดเข้ามานวดและดูวาดรูปไปด้วย 555sequence ในงานครั้งนี้ ถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว ก็จะมี sequence อย่างที่บอกไปเป็นช่วงอายุและก็เป็นแนวเพลงต่าง ๆ ที่ถูกทำมารวมทั้งชุดและกิจกรรมต่าง ๆ อาจจะยังสปอยเยอะไม่ได้ แต่ก็จะมีอย่างในโปสเตอร์เดี๋ยวจะพาชอปเปอร์มาด้วย ตัวหลักคนนี้ถ้าร้องเพลงได้จะให้ออกงานละ ดันชอปเปอร์ออกงานละ 555 ธีมชุดก็คิดหนักมากว่าควรจะเป็นธีมอะไร เพราะว่างานมีตบางอันก็เคยจัดช่วงฮาโลวีน คอสเพลย์ผีมาเรียบร้อยละ ปีนี้ถ้าคอนเซ็ปท์ยากไปไม่รู้เขาจะทำได้หรือเปล่ามีอยู่ในใจ คอนเซ็ปท์ผีตาโขน ไปเปิดดูถ้าแฟน ๆ ใส่เป็นผีตาโขนก็น่ารักดีนะ แต่คิดว่าไม่น่าผ่าน งั้นเอาเป็นว่าง่าย ๆ เป็นตัวอักษร ม.ม้า หรือไม่ก็ตัว M และมีการแจกรางวัลให้กับคนที่แต่งตัวปังที่สุดด้วย สามารถซื้อบัตรได้ที่ช่องทาง eventpop.me ซื้อได้เลยตอนนี้ ขายบัตรไปแล้ววันที่ 18 มกราคม สถานที่ At KBang Siam Pic-Ganeshaถ้าพูดถึงละคร “มนต์รักลูกทุ่ง 2567”ความรู้สึกหลังจากที่ทางละครติดต่อมา คิดหนักจริง เพราะว่าแต่ละเวอร์ชั่นเขาก็ปังมาก แล้วก็ยังไม่เคยร้องเพลงลูกทุ่งมาก่อน ก็เลยจะทำยังไงดี แล้วเขาอยากให้เราร้องหลายเพลงด้วย ในเวอร์ชั่นเก่า ๆ พี่ ๆ พระเอกก็ไม่ได้ร้องเอง จะเป็นศิลปินมาร้อง แล้วเวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นแรกที่เหมือนเขาจะให้ผมร้องเองเลย พอออนแอร์ไปแล้ว EP. แรก วีคที่แล้วกระแสดีมาก ในยอด X ก็เยอะเหมือนกันเป็นล้านเหมือนกันนะที่ลงทวิต แล้วเรตติ้งก็น่าพอใจเลยสำหรับช่วงเวลานั้น พอหลังจากออนวันเดียว ผมไปนั่งกินข้าวร้านข้างทาง มีคนเรียกพี่คล้าวการโคจรมาพบกันกับ “ชาล็อต ออสติน” น้องน่ารักมาก น่ารักจริง ๆ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งเลยที่รับเรื่องนี้ พอรู้ว่าทองกวาวคือชาล็อต คนดูต้องเซอร์ไพรส์แน่เลยถ้าเป็นชาล็อตความท้าทายในละคร “มนต์รักลูกทุ่ง 2567” ตอนเริ่มแรกเรื่องร้องเพลงเป็นปัญหาหลัก แต่พอตอนถ่ายปัญหาเต็มไปหมด 555 มันจะมีความที่เห็นเป็นรอมคอมแบบนี้แต่มันจะมีซีนที่แอคชั่นเยอะ เช่น การขี่ควายก็ต้องขี่จริง ๆ แล้วตอนนั้นผู้กำกับคืออาสำรวย ซึ่งกำกับตั้งแต่เวอร์ชั่นพี่ตั้วเลย แล้วก็พี่ป๋อ และนี่ก็เวอร์ชั่นที่ 3 เขาก็แบบถ้าทำแบบเดิมก็จะไม่ทำ เขาอยากทำให้มันแตกต่างจากเดิม เพลงต่าง ๆ ก็ยังมีอยู่ทั้งมนต์รักลูกทุ่ง ทั้งสิบหมื่น 2 เพลงนี้ก็ร้องเองเหมือนกัน พอร้องลูกทุ่งร้องยากมากเลยอะ น้ำตาจะไหล นึกไปแล้วทำไมทรมานจังตอนอัด คนที่คุมอัดก็เป็นครูลูกทุ่งเลยวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับคนเก่งรอบด้านอย่าง “มิว ศุภศิษฏ์” เล่นกันด้วย กับเกมที่มีชื่อว่า ‘พี่มิวทำได้’ สนุกสนานกันแน่นอน (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับ ได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “มิว ศุภศิษฏ์” อยากจะขอบคุณพี่มิว ที่เลือกที่จะอยู่ตรงนี้ให้พวกเราได้รัก จะบอกว่าตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ได้มาตามพี่มิวทุก ๆ วันเป็นวันที่มีความสุขมาก ๆ เลย แล้วก็ในทุกเส้นทางที่พี่มิวจะเลือกเดินต่อจากนี้ จะมีพวกเราแฟนคลับ มิวเลียนส์ทุกคนคอยซัพพอร์ตพี่มิวเสมอ ถ้าวันไหนพี่มิวเหนื่อยให้หันกลับมามองก็จะมีพวกเรายืนส่งยิ้มให้ แล้วก็ชูสองนิ้ว แล้วบอกว่าสู้ ๆ จะเป็นกำลังใจให้เสมอ รู้ว่าพี่มิวเหนื่อย ก็อย่างที่สายเมื่อกี้บอกพวกเราเป็นกำลังใจเสมอ หันกลับมาเมื่อไหร่ก็จะเจอพวกเรา และก็อยากบอกว่าขอบคุณด้วย รอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของพี่มิวมันช่วยฮีลใจในแต่ละวันของพวกเรามาก ๆ ก็เหมือนที่น้องมิวบอกพวกมิวเลียนส์ทั้งหลาย ที่บอกว่าอยากให้มีความสุข พวกมิวเลียนส์ทุกคนก็อยากให้น้องมิวมีความสุขมาก ๆ เหมือนกัน“มิว ศุภศิษฏ์” ขอบคุณสำหรับรางวัล “เสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปี” ต้องขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมได้รับรางวัลเสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปีนี้ ก็พยายามจะรักษาคุณภาพเสียงหัวเราะต่อไปในปีนี้ด้วย ฝากติดตามเสียงหัวเราะของผมและคุณภาพเสียงของผมหลังจากนี้ด้วยสุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “มิว ศุภศิษฏ์” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ความน่ารักให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากติดตามละคร “มนต์รักลูกทุ่ง 2567” ทั้งดูสดทั้งย้อนหลัง , ภาพยนตร์เรื่อง The Package พัสดุฝ่าแดนมรณะ กำลังจะออนแอร์เร็ว ๆ นี้ , ซีรีส์เรื่อง Homeroom 29 ตัวประกัน , ซีรีส์เรื่อง ถึงคุณภรรยาจากสามีที่รัก และซีรีส์เรื่อง Love is like a cat ไปติดตามกันได้เลยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

ต้องได้สกอร์เท่าไหร่ ถึงจะ 'ทัชใจ' พี่เบอร์ 8 “โนอึล ณัฐรัชต์” ที่จะชวนทุกคน... มาเข้าโหมดตกหลุมรักทำ สกอร์หัวใจ ไปพร้อมกัน

18 ธ.ค. 2023

ต้องได้สกอร์เท่าไหร่ ถึงจะ 'ทัชใจ' พี่เบอร์ 8 “โนอึล ณัฐรัชต์” ที่จะชวนทุกคน... มาเข้าโหมดตกหลุมรักทำ สกอร์หัวใจ ไปพร้อมกัน

รายการ EFM FANDOM LIVE [23 พฤศจิกายน 66] ขอต้อนรับพี่เบอร์ 8 “โนอึล ณัฐรัชต์” ที่กลับมาคนเดียว ซึ่งครั้งนี้มาในฐานะของศิลปินเดี่ยว กับซิงเกิล ‘Touchdown’ ซึ่งเป็นซิงเกิลภาษาไทยเพลงแรกของโนอึลอีกด้วยยยย!!ในช่วงแรกของรายการ วันนี้เราจะมาพูดคุยกับตัวแทนแฟนคลับของ “โนอึล ณัฐรัชต์” ที่จะมาชวนทุกคนไปทำแต้มให้ถึงหัวใจโนอึลกันเล้ยย! ครั้งนี้กลับมาพร้อมกับชื่อด้อม ‘MagentaBoy’ ที่มาคือ น้องชอบสี Magenta จะเป็นสีกึ่งแดงกึ่งม่วง เป็นสีที่ห้ามเรียกว่าสีแดงหรือสีม่วง ต้องเรียกว่าสี Magenta น้องเลยตั้งแทนตัวเองว่า MagentaBoy และตั้งให้แฟนคลับว่า ‘MagentaBabe’ เพลง ‘Touchdown’ นี้น้องออกในนามของตัวเองด้วยในช่อง Magenta Studio Official ในช่องก็จะมีรายการ ม้านั่ง ก็จะเป็นรายการของน้องกับม๊าเฉินที่เป็นผู้จัดการ ในรายการ เขาจะคอยถ่าย Vlog ที่เขาไปทำงานหรือไปทำนู่นทำนี่ เพื่อให้แฟนคลับได้ติดตามเขามากขึ้นความประทับใจที่มีต่อ “โนอึล” น้องจะเป็นคนที่ชอบเข้ามาคุยกับแฟนคลับตลอด และจะค่อยส่องแฟนคลับเสมอ ว่าแฟนคลับกำลังทำอะไรกันอยู่ และเป็นคนที่เวลาแฟนคลับมีโปรเจกต์ให้จะเป็นคนที่เคลื่อนไหวเร็วมาก บางทีแฟนคลับด้วยกันยังไม่ทันเห็นเลยแต่น้องมาแบบ เอ้ย! มีอันนี้ด้วย ขอบคุณนะครับ ความประทับใจสำหรับแฟนคลับก็คือยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากทำให้สิ่งที่อยากบอกกับ “โนอึล”To…โนอึล อยากบอกกับน้องว่า สู้ๆ นะ แฟนคลับทุกคนคอยซัพพอร์ตเสมอ อยากให้น้องมั่นใจในตัวเองมากๆ แล้วก็ก้าวผ่านในเรื่องทุกอย่างที่น้องเจอให้ก้าวผ่านไป ขอให้น้องพบเจอแต่สิ่งดีๆเข้าสู่ช่วงที่สองของรายการเราจะมาพูดคุยไปกับ “โนอึล ณัฐรัชต์” ล้วงลึกทำความรู้จักกับพ่อหนุ่ม MagentaBoy ไปกันเล้ย!ว่าด้วยเรื่องความชอบกินเยลลี่ของ “โนอึล” ผมชอบกินเยลลี่ทุกชนิดบนโลกใบนี้เลย ติดมาก ช่วงปีที่ผ่านมาหลังจากซีรีส์ออน ผมมีโอกาสได้บินไปหลายประเทศมากๆ ผมก็เลยไปไล่เก็บเยลลี่ที่ผมไม่เคยกินมาก่อนในชีวิต ของทุกๆ ประเทศผมไล่กินหมดเลย“โนอึล” ชอบ Pokemon ขนาดที่… ก็…นับเป็นพิพิธภัณฑ์ได้อยู่ครับ5555 จริงผมชอบโปเมอนมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเด็กๆ เป็นการ์ตูนที่ดูแล้วติดมากกก แต่ว่าเราไม่กล้าซื้อเพราะว่าเรามีประสบการณ์จาก… ผมชอบอุลตร้าแมนด้วย แล้วผมซื้อแล้วมันหยุดซื้อไม่ได้ มันก็ทำให้สูญเสียทรัพย์สินไปมากมาย ผมก็เลยไม่กล้าเริ่มซื้อโปเกมอน แต่ว่ามันมีจังหวะหนึ่งที่ไปเดิน mega plaza แล้วเห็นในตู้ก็ “หู้ยย เท่จังเลยอยากได้ ซื้อตัวเดียวก็ได้ไม่เป็นไรหรอก” แต่อย่างที่รู้กัน พอซื้อตัวเดียวเขาก็จะมีสกิลเรียกเพื่อนมา จุดกำเนิดเริ่มมาจากตัวเล็กๆ ตอนนี้ตู้ที่บ้านใหญ่มากกกกรีแคป Love in The Air Meet Greet in Chiang Mai ที่ผ่านสักหน่อย แฟนมีตติ้งที่เชียงใหม่ที่ผ่านมาของพวกเราทั้ง 4 คน บอส , โนอึล , ฟอร์ด , พีท บัตรก็ Sold out เลย เพราะว่า เราก็เพิ่งเคยไปภาคเหนือครั้งแรกไปจัดที่เชียงใหม่ แล้วก็แฟนๆ ของ Love in The Air ของพวกเราทั้ง 4 คนก็ให้การต้อนรับแล้วก็รอพวกเรามาโดยตลอดสำหรับที่ภาคเหนือ ได้ไปก็รู้สึกว่า ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นมากๆ ทุกคนน่ารัก มายืนรอขอบคุณมากๆ เลยนะครับ สำหรับความทรงจำดีๆอัพเดทชีวิตช่วงที่ผ่านมาว่าเปลี่ยนไปขนาดไหน รู้สึกว่า…เราต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น พอเรามีเรื่องการทำงานเข้ามาเราต้องรักษาเวลา จะต้องรู้ว่าเราควรทำอะไร แล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองในพาร์ทของการทำงานให้มันดีที่สุด ส่วนเรื่องที่เปลี่ยนไปเลยคือ ผมไปซื้อขนมที่เซเว่นแล้วมีคนรู้จัก เราออกไปไหนก็มีคนรู้จัก ก็ดีใจ มีครั้งนึง ผมเดินข้ามจากสยามฝั่งน้ำพุไปพารากอนก็ได้ยินตะโกน โนอึลลล ผมก็เอ๊ะ! ใครนะ หันไปก็เห็นคนโบกมือให้ ผมเห็นตัวเท่าจุด เพราะเขาอยู่ไกลมาก ผมก็เลยโบกมือกลับ ก็ไม่คิดว่าวันนึงเราจะได้มาอยู่ในจุดที่คนรู้จักเรา ไปไหนก็มีคนพอจะรู้จักเรา ช่วงนี้ก็จะทำงานทุกวันเลย แน่นๆ เลยครับ ชีวิตตอนนี้ก็ชินแล้ว ช่วงแรกๆ ก็อาจจะมีไม่ชินบ้าง เอาจริงๆ ตอนนี้ผมก็มีลืมตัวบ้างเหมือนกันนะ อย่างเมื่อเช้าผมนั่งอยู่กับพี่ๆ ผู้จัดการ แล้วก็เห็นในทีวีมีโนอึลออกมา ผมก็ชี้ให้ดูแล้วก็ หู้ยย! มีโนอึลด้วย แล้วผมก็หลุดพูดออกมาว่า เหมือนดาราเลย อย่างเนี้ยย55555วันว่างๆ ของโนอึลก็จะ… ถ้าเป็นช่วงก่อนหน้านี้ผมก็จะมีแก๊งที่เตะฟุตบอลด้วยกัน แต่ว่าตอนนี้ก็ต่างคนต่างเรียนจบแล้ว เขาก็ไปทำงานไปนู่นไปนี่กัน ก็ไม่ว่างกัน ผมก็จะมีเล่นเกมด้วย สะสมฟิกเกอร์ ไปไดร์ฟกอล์ฟก็มีด้วย แล้วก็ออกกำลังกาย ผมเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่อุดอู้ในห้องรู้สึกว่าอึดอัดผมก็เลยชอบออกไปข้างนอกมากกว่าช่วงนี้ติดซีรีส์ เมื่อก่อนดูซีรีส์เกาหลีนะ แต่ว่าตอนนี้คือ ไม่มีเวลาด้วยหนึ่ง แล้วก็หลังๆเริ่มหายไป ย้ายไปดูซีรีส์ฝังจีนบ้าง ไปดูการ์ตูน อนิเมะ หลายๆ อย่างเลย เพราะว่าหลังๆ ผมชอบแอบเดาเนื้อเรื่องเพราะว่าเมื่อก่อนดูมาเยอะ เวลาดูก็จะ “เดี๋ยวพระเอกมันต้องอย่างนี้แน่เลย แล้วเดี๋ยวนางเอกมาก็จะไม่รู้ว่าพระเอกมันทำอย่างนี้!” แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอเราเดาได้หมดเราก็เลยไม่ดูแระะ ไปดูอย่างอื่นดีกว่า ที่ติดซีรีส์จีน มันเริ่มต้นจากผมไปบ้านเพื่อนแล้วเพื่อนดูอยู่ เพื่อนก็บอกว่า เนี่ยเรื่องนี้สนุก แล้วผมก็ชอบพระเอก ชอบหลินอี ล่าสุดผมก็เพิ่งไปดู สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักเวอร์ชั่นของจีน ก็ชอบม้ากกกก เป็นเวอร์ชั่นของ ไล ควานลิน ถ้าให้แนะนำซีรีส์จีน ผมเชียร์เรื่องนี้ครับ สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก คือผมชอบควานลิน เขาน่ารัก เวอร์ชั่นจีนเขาจะขยายเนื้อเรื่อง แต่เบสเรื่องก็คล้ายๆ เดิมเลยความจีนๆ กับโนอึล ทำให้ซิงเกิลแรกก็เป็นภาษาจีน เพลงแรกของผมก็เป็นภาษาจีน ความยากของเพลงนี้ก็คือ เราพูดไม่ได้ Accent เราไม่ได้ เราก็ต้องฝึกในการร้อง ในการออกเสียงเยอะมาก แต่ช่วงนั้นเรามีโอกาสดีๆ ฝั่งบริษัทจีนบริษัทหนึ่งติดต่อมาว่า เขาอยากทำเพลงให้เรานะ เรารู้สึกว่ามันเป็นโอกาสนึงในชีวิต ก็ เอ้ย! ลองดูแล้วกัน ถึงมันจะยาก แต่ผมก็รู้สึกว่า มันก็น่าลองทำไมต้อง Touchdown... เปรียบความรักเป็นกีฬาอเมริกันฟุตบอล การ Touchdown คือการทำแต้มสูงที่สุดของอเมริกันฟุตบอล ก็คือเหมือนกับว่า การได้เจอคนๆ เนี้ย ของท่อนฮุคเลย คือ พอฉันมาเจอเธอฉันรู้สึกเหมือนแบบ ชีวิตฉัน Touchdown แล้ว ก็คือการทำแต้มสูงสุดแล้ว เป็นการเข้าเส้นชัยของฉันแล้วที่มาของซิงเกิล Touchdown... ผมอยากทำ จริงๆ ผมชอบการเป็นศิลปิน ชอบการร้องการเต้นอยู่แล้ว ก็เลยได้ติดต่อพี่ที่รู้จักไปว่าแบบ ช่วยทำเพลงให้หน่อย แล้วเราก็ให้โจทย์ไปว่า เราอยากได้ฟีลประมาณนี้นะ อยากได้แบบฟังง่ายๆ ติดหูน่ารักๆ ที่ใครๆ ก็สามารถฟังได้ Concept ของการถ่าย MV ก็คือ ตามชื่อเพลง Touchdown ก็เลยเป็นอเมริกันฟุตบอลบอสฟังเพลงนี้แล้วว่าไง… จริงๆ บอสฟังคนแรก ฟังก่อนทุกคน หลังจากได้เพลงมาแล้วก็ให้บอสฟังก่อน ทั้งตัว MV ทั้งเพลง บอสก็จะเห็นก่อน บอสก็บอกว่า ชอบนะ ติดหูนะ ผมก็จะถามว่า MV โอเคไหม เป็นไงบ้าง ปรับตรงไหนบ้าง เราก็จะคุยกัน บอสก็จะ โอเคแล้วนะอะไรแบบนี้แลกเปลี่ยนกัน เป็นพาร์เนอร์ที่เราคุยได้ทุกเรื่องแพลนซิงเกิลหน้า นอกจากการแสดงผมก็ชอบเรื่องเพลงด้วย ก็มีเพลงเตรียมตัวไว้อยู่บ้าง รอปล่อย อาจจะเป็นปีหน้า ไม่ได้เร็วถึงขั้นต้นปี แต่ก็ไม่แน่น้าาาา ผมอาจจะพูดอะไรมากไม่ได้ ก็รอติดตามกันนะค้าบบวันนี้ทางรายการEFM FANDOM LIVE ของเราก็มีเกมให้กับ “โนอึล”ได้เล่น รับรองเลยว่า Magentababe จะต้อง Happy กันมากๆ แน่นอนเล้ยยย กับเกมที่ชื่อว่า “ต้องได้สกอร์เท่าไหร่ ถึงจะ Touch ใจเธอ” (เข้าไปชมได้ในYouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้ MagentaBabe ได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “MagentaBoy”ของพวกเขาสายแรกTo… โนอึล อยากให้พี่อึล ดูแลตัวเอด้วยนะคะ พักผ่อนเยอะๆ เป็นคนเก่งตลอดไป แล้วก็จะอยู่ตรงนี้คอยซัพพอร์ตในทุกๆ เรื่องไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ตลอดไป อยู่กับพี่บอสและพวกเราไปนานๆ เลยนะคะ จะรักพี่โนอึลกับพี่บอสตลอดไปค่ะสายที่สองTo… โนอึล อยากบอกว่า ดีใจนะที่ได้มาเจอกันแล้วก็จะอยู่กับโนอึลไปนานๆ เลย จะคอยซัพพอร์ตจะคอยยินดีกับทุกความสำเร็จของน้อง อยากให้โนอึลเป็นโนอึลที่น่ารักแบบนี้ไปนานๆ นะคะ แล้วก็อยากบอกว่า พี่เป็นห่วงโนอึลนะ ไม่ได้เป็นวงกลมสายที่สามTo… โนอึล อยากให้โนอึลเต็มที่ในทุกๆ ด้านที่อยากทำ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรอยากให้อึลข้ามมันไปให้ได้ อยู่เป็นกำลังใจให้อึล ขอบคุณที่อึลเป็นกำลังใจให้เราเหมือนกัน แค่เราเจอหรือดูรูปน้องก็รู้สึกว่าเขาเป็นแรงผลักดันให้เราทำงานในทุกๆ วัน ขอบคุณที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอเขา เหมือนเป็นแสงสว่างในเราในเวลาที่เราเหมือนอยู่ในมุมมืด อยากให้เขาตัดสินใจได้เลยว่าเขาอยากทำอะไร พร้อมที่จะซัพพอร์ตเขาเต็มที่ รักและเป็นห่วงมากๆ เหมือนน้องคนนึงเลย อยู่กับเขามานานมากเหมือนเขาเป็นครอบครัวของเราคนนึง รักและหวังดีกับเขามากๆสายสุดท้ายTo… โนอึล อยากบอกว่าคุณแฟนเก่งมากวันนี้ ตามโนอึลมาตั้งแต่วันแรกๆ พัฒนามาไกลมาก เมื่อก่อนขี้อายตอนนี้กล้าจีบเรากลับแล้ว เขาแพรวพราว ยักคิ้วหลิ่วตาเล่นมุข เมื่อก่อนเล่นมุขเขาไม่เคยทันอะไรเลย อยากถามว่ามาวิ่งในใจเราเหนื่อยไหมสุดท้ายนี้EFM FANDOM LIVEขอขอบคุณ“โนอึล ณัฐรัชต์” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ความน่ารักสดใส สนุกสนานให้กันในรายการ และก่อนที่จะจบรายการกันไป ฝากติดตามเพลง Touchdown ฟังได้ใน Youtube ช่อง Magenta Studio Official เป็นซิงเกิลเดี่ยวของโนอึลที่พึ่งปล่อยไปและ ซีรีส์ The Boy Next World เร็วๆ นี้ รอติดตามได้เลอ ทุกคนต้องชอบแน่!!สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1