ทำความรู้จักคู่จิ้นสุดน่ารัก ที่ตกหัวใจแฟนคลับด้วยความธรรมชาติของพวกเธอ “ฟรีน-เบคกี้” พร้อมฉายาที่ใครหลายคนยังไม่รู้

EFM FANDOM RECAP

ทำความรู้จักคู่จิ้นสุดน่ารัก ที่ตกหัวใจแฟนคลับด้วยความธรรมชาติของพวกเธอ “ฟรีน-เบคกี้” พร้อมฉายาที่ใครหลายคนยังไม่รู้

13 มี.ค. 2023

        นับเป็นโอกาสดีๆ ที่ทาง EFM Fandom Live ได้มีแขกรับเชิญสุดพิเศษที่เรียกได้ว่าเป็นคู่จิ้น หญิง-หญิง อันดับต้นๆ ของประเทศไทย จากซีรีส์ “ทฤษฎีสีชมพู” ฟรีน สโรชา จันทร์กิมฮะ และ เบคกี้ รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง 

มาเยือนถึงในรายการเมื่อวันพฤหัสบดี 2 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ความสดใสของทั้งสองคนฟุ้งกระจายเต็มห้องจัดกันไปเลย ซึ่งแน่นอนว่าความสดใสนี้ไม่ได้มีแค่ในห้องจัดเท่านั้น แต่ยังกระจายไปกระทบตากระทบใจแฟนคลับอีกหลายๆ คนที่ติดตามพวกเธออยู่ หรือแม้แต่คนที่ยังไม่ได้ติดตามพอเจอความน่ารักของพวกเธอเข้าไปรับรองได้เลยว่าโดนตกเข้าด้อมแน่นอน และนี่จึงเป็นที่มาของบ้านแฟนคลับของพวกเธอ ไม่ว่าจะเป็น บ้านฟรีน, บ้านเบค, และบ้านคู่

        เริ่มกันที่แฟนคลับบ้านฟรีน ที่มาแชร์ที่มาของฉายาต่างๆ ที่เหล่าแฟนคลับเอาไว้เรียกฟรีน ไม่ว่าจะเป็น “ฟรีนจังจอมแก่น” เกิดจาก แฟนคลับถ่ายรูปให้ฟรีนเป็นตอนหันหลัง และฟรีนเอาไปลงสตอรี่ในอินสตาแกรม แล้วรูปนั้นดันเห็นแก้มของฟรีนเป็นก้อนก้อนเหมือนชินจังจอมแก่น หลังจากนั้นฟรีนก็เลยเอารูปที่เป็นชินจังจอมแก่นมาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ในทวิตเตอร์ และเปลี่ยนชื่อทวิตเตอร์เป็นฟรีนจังจอมแก่น ต่อด้วยอีกฉายาที่เรียกฟรีนว่า “มุแดง” ก็เกิดจากพี่ช่างแต่งหน้าที่อยู่ในกองถ่าย เวลาตบรองพื้นให้ฟรีน แก้มของน้องจะเด้ง เหมือนมุแดง ซึ่งจริงๆ แล้ว คำว่ามุแดงก็คือเพี้ยนมาจาก “หมูแดง” นั่นเอง และฉายาสุดท้ายนั่นก็คือ “ปิโย๊ะ” เกิดจากที่แฟนคลับมีไลน์โอเพ่นแชทแล้วมีฟรีนอยู่ในกลุ่มโอเพ่นแชทนี้ด้วย และฟรีนตั้งชื่อไลน์ตัวเองว่าปิโย๊ะ ซึ่งมันคือตัวการ์ตูนลูกเจี๊ยบจากเรื่อง “กุเดทามะ” นั่นเอง แต่ตอนนี้บ้านฟรีนยังไม่มีชื่อด้อม แต่จะมีชื่อเรียกกันหลายหลายแถว เช่น แฟนพี่ฟรีน, พี่ฟรีนตัวจริง, หม่าม๊า(มาจากที่ตัวการ์ตูนปิโย๊ะตามหาหม่าม๊าอยู่) นอกจากนี้ความประทับใจของแฟนคลับที่มีต่อฟรีนนั้นก็คือเรื่องของทัศนคติ โดยเวลาที่ไลฟ์ผ่านโซเชียลมีเดีย ฟรีนมักจะมีข้อคิดดีๆ มาบอกให้กับแฟนคลับอยู่เสมอ

      และมากันที่แฟนคลับบ้านเบคกี้ ฉายาแรกที่จะพาไปรู้จักนั่นก็คือ “น้องพุง” มาจากแฟนคลับตัดต่อหน้าน้องเบคกี้ไปใส่ในรูปเด็กน้อยที่มีพุงย้วยก้อนกลมๆ น่ารักๆ เบคกี้เลยเอาไปตั้งเป็นรูปโปรไฟล์และเปลี่ยนชื่อเป็นน้องพุง จนอัลกอริทึมของเฟสบุ๊คได้มอบเครื่องหมายสีฟ้า(เป็นการยืนยันว่านี่คือบัญชีผู้ใช้จริงสำหรับบุคคลสาธารณะ)ให้เพราะคิดว่าเป็นบัญชีของแฟนคลับ ไม่ใช่บัญชีของน้องเบคกี้ ตามมาด้วยฉายา “คิวศูนย์” มาจากการที่ใครจะเป็นแฟนฟรีนจะต้องต่อคิว ซึ่งแฟนคลับเปรียบเปรยว่าตอนนี้คิวยาวไปถึงดาวอังคารแล้ว แต่ถึงแม้จะต่อคิวยาวไปถึงดาวอังคาร คิวก็ไม่ขยับเพราะมีเบคกี้ยืนคุมที่คิวศูนย์ไม่ไปไหนเลย และฉายาสุดท้ายคือ “น้องขิง” ด้วยที่ตัวเบ็คกี้เองชอบลงรูป “ขิง” แฟนตัวจริงของฟรีนว่าพี่ฟรีนของฉันบ่อยๆ แฟนคลับจึงแซวและนำมาเรียกจนเป็นฉายา ทำให้ความประทับใจที่มีต่อตัวเบคกี้นั้นมีอย่างล้นหลาม “น้องมีสายตาที่แน่วแน่, ซื่อตรงต่อความรู้สึก ทั้งๆ ที่น้องเป็นเด็กขี้อาย แต่ด้วยสายตานั้นสามารถทำให้แฟนคลับที่หมดไฟไปแล้วกลับมาลุกขึ้นสู้ได้” แฟนคลับกล่าว

       และมาถึงคิวบ้านคู่ของฟรีนกับเบคกี้กันบ้าง โดยในรายการได้พูดถึงที่มาที่ไปว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แฟนคลับเล่าว่า “เกิดมาก่อนที่ซีรีส์จะออนแอร์” โดยแฟนคลับโดนน้องตกจากการที่น้องไปแคส แอบหลงรักเดอะซีรีส์ ก่อน และได้เห็นน้องสองคนเวิร์คช็อปและมีโมเมนต์น่ารักๆ ซึ่งกันและกันเลยเกิดเป็นแท็กเล็กๆ ขึ้นมาว่า “ฟรีน-เบค

ซึ่งความประทับใจที่แฟนคลับมีต่อน้องทั้งสองคนคงหนีไม่พ้นความเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง และน้องทั้งสองเป็นกันเองกับแฟนคลับ เจอแบบไหนตั้งแต่ต้นปัจจุบันก็ยังคงเป็นแบบนั้น

และนอกจากนี้ทางรายการเองก็ได้พูดคุยกับฟรีนและเบคกี้ ถึงเรื่องราวที่เจาะลึกลงไปถึงประเด็นต่างๆรวมถึงเปิดโมเม้นสุดคิวท์ พร้อมบทสัมภาษณ์ที่ชาวแฟนด้อมอย่างเราไม่เคยรู้มาก่อน! บอกเลยงานนี้มีฟินนนน~

 

ช่วงสัมภาษณ์ “ฟรีน-เบค”

มาที่คำถามแรกเมื่อดีเจพี่แนนเกิดสงสัย ว่าจริงๆ แล้วชื่อเล่นว่า ‘ฟรีน’ มีที่มาจากอะไร เพราะถือว่าเป็นชื่อที่แปลกใหม่มาก ฟรีนเลยให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้ความหมายชื่อตัวเองมาก่อน จนไปถาม Master ที่เรียนด้วย เขาจึงบอกว่าจริงๆ แล้ว ฟรีน มาจากภาษากรีก ที่ผันมาจาก Friendly จนกลายมาเป็น Freen นั่นเองค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ตัวเองก็ชื่อว่า ฟิล์ม แต่ดันไปเหมือนพี่ข้างบ้านซะงั้น แม่ก็เลยเปลี่ยนเป็น ฟรีน แทนค่ะ ดีเจพี่ดาว ก็เลยเอ่ยปากชมว่า ดันกลายเป็นความหมายที่ดีไปด้วยเลยนะคะเนี่ย

 

‘ First Impression ‘ จากมักเน่ขี้อายกลายเป็นสนิทสุดในกอง

เมื่อถามว่าทั้งคู่ตอนเจอกันครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง ด้านฟรีนตอบว่า เจอกันครั้งแรกน้องไม่คุยด้วยเลยค่ะ (หัวเราะ) อาจจะเพราะน้องเป็นมักเน่ด้วยแต่สวยค่ะ แล้วเราก็เลยงงว่า อืมม แล้วเราต้องพูดภาษาอะไรด้วย ซึ่งตอนนั้นน้องก็ยังพูดไทยไม่ค่อยชัดด้วยค่ะ แต่ช่วงนั้นก็เลยทำให้เราได้กลายมาสอนภาษาไทยให้น้องไปด้วยเลย

ส่วนเบคกี้ ก็ตอบกลับมา ตอนเจอพี่ฟรีนครั้งแรกเลย ก็สวยค่ะ คือเราไม่รู้จะเข้าหายังไง เพราะพี่เขาหน้านิ่งแล้วดูเหมือนดุด้วย ก็เลยยังไม่กล้าเข้าหาเท่าไหร่ค่ะ แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้เราสนิทกัน ฟรีนและเบคกี้ก็ต่างบอกว่า จริงๆ มันเริ่มช่วงซีรีส์เรื่องแรกเลยค่ะ ที่เราแสดงเป็นเพื่อนกัน ฝน-ของขวัญ ซึ่งในเรื่องเป็นสองสาวที่ต้องอยู่ในแก๊งวิศวะ เราก็เลยมีกันอยู่สองคนค่ะ ช่วงนั้นเราเลยเริ่มสนิทกัน มีซีนน้อยก็เลย ชอบพากันไปหาอะไรกินค่ะ ซึ่งเบคกี้ก็เสริมมาว่า นั่นแหละค่ะ จุดเริ่มต้นที่ทำให้หนูติดชานมค่ะ (หัวเราะ)

 

‘FreenBecky’ ความแตกต่างที่ลงตัว

พอพูดถึงเรื่องชานม ดีเจพี่แนนก็ถามขึ้นมาว่า แล้วปกติทั้งคู่ทานหวานประมาณไหน เบคกี้ก็ตอบเลยว่า เมื่อก่อนหนูติดชานมมาก แต่ตอนนี้ก็ลดมาบ้างแล้วค่ะ วันละหนึ่งแก้วแบบนี้ ปกติหนูกินหวาน100%เลยค่ะ ส่วนพี่ฟรีนเขาก็จะกินหวาน 30% ไม่ก็ 50% ค่ะ ดีเจพี่แนนจึงเอ่ยแซวว่า หรือเพราะพี่ฟรีนจะเหลือท้องไว้เผื่อ น้ำปลาร้า น้ำยำ ด้วยรึเปล่า ฟรีนถึงกับหลุดขำ ก็อาจจะใช่ค่ะเคยลองชวนน้องแล้วแต่น้องกินเผ็ดไม่ได้ ซึ่งเวลาไปทานข้าวด้วยกัน ก็เลยต้องแยกเป็นสองรูปแบบเลยค่ะ ถ้าไปร้านซูชิก็จะรู้เลยว่าฝั่งไหนของหนูฝั่งไหนของน้องค่ะ อย่างหนูก็จะต้องยำแซลม่อน แซ่บๆ เลยค่ะ ซึ่งฟรีนและเบคกี้ก็เสริมมาว่าเดี๋ยวนี้ก็ชอบชวนกันไปร้านนวดแล้วค่ะ พี่ฟรีนเป็นคนเปิดโลกเลย (หัวเราะ)

 

“ เปิดมุมมองความฝันในวัยเด็ก “

ทั้งสองคนมีความฝันอะไรกันบ้าง ถ้าเกิดตอนนี้ยังไม่ได้ทำงานตรงนี้มาก่อน ด้านฟรีนตอบว่า จริงๆ เมื่อก่อนอยากเป็นนักเขียนค่ะ เป็นฟีลเขียนฮีลใจผู้คนอะไรแบบนี้ เพราะด้วยเป็นคนนอนหลับยากด้วย ตอนกลางคืนในหัวเลยมีคำมากมายเลยค่ะและต้องจดใส่โทรศัพท์ทุกวันเลย ไม่งั้นจะนอนไม่หลับ นี่เลยทำให้ตัวเองค้นพบด้วยว่าการเขียนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ชอบและอยากจะทำค่ะ  ตอนเด็กๆ ไม่เคยรู้เลย เพราะเราก็เรียนวิทย์-คณิตมาด้วยและก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ทำอะไรหรืออยากเป็นอะไรด้วยค่ะ ณ ช่วงนั้น

ส่วนของเบคกี้ ความฝันในวันเด็กก็คือการได้เป็น นักร้องค่ะ เพราะชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ตอนนี้ก็ได้มีโอกาสเป็นนักแสดง และเรียนกฎหมายไปพร้อมๆ กัน ก็ค่อนข้างหนักนิดนึงค่ะ เพราะเราเรียนที่อังกฤษ และตอนนี้ก็เลยต้องเรียนแบบออนไลน์ไปด้วย แต่สนุกค่ะเพราะเราชอบด้วย

 

ทฤษฎีสีชมพู “คุณสาม - น้องม่อน” คาแรคเตอร์ที่ ‘ไกลตัว’ แต่ ‘ใกล้หัวใจ’

เมื่อพูดถึงกระแสของซีรีส์ ทฤษฎีสีชมพู ที่ผลตอบรับดีเกินคาดและดังไปหลายประเทศ ด้านฟรีนและเบคกี้ ก็ต่างตอบว่า ไม่เคยคิดถึงจุดจุดนี้มาก่อน เพราะเราไม่เคยเป็นนักแสดงหลักมาก่อนด้วยคิดแค่ว่าเราจะทำได้มั้ย เพราะคาแรคเตอร์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นวัยทำงาน การทำการบ้านกับตัวละครก็เลยหนักมาก ทั้งแบคกราวนด์ตัวละคร และเหตุผลของตัวละครทั้งสองด้วย อย่างตัวคุณสามก็ต้องมีความโตและนิ่ง แต่จริงๆ ความรู้สึกข้างในก็อ่อนไหวมากเช่นกัน ส่วนน้องม่อนก็จะมีความขี้อ้อน แต่มีความรู้สึกที่หลากหลาย ซึ่งการเรียนรู้ของเราก็มาจากตัวแฟนคลับฟีดแบคมาด้วย เราก็จะนำมาปรับปรุงเสมอเลย ทำให้เหมือนตัวซีรีส์ก็เติบโตไปพร้อมคนดูเลยค่ะ

 

“มุมมองความรักของ ฟรีน และ เบคกี้”

- ถ้าหากชีวิตจริงของทั้งฟรีนและเบคกี้ ต้องเจออุปสรรคทางความรักเหมือนใน ทฤษฎีสีชมพู ที่ถูกกีดกันจากคนในครอบครัว ทั้งสองจะทำอย่างไรบ้าง

ด้านฟรีนก็ตอบอย่างมั่นใจว่า ตนจะทำให้เราหาตรงกลางให้ได้และเชื่อว่าถ้าเราเชื่อในความรักและคนคนนั้น ทุกอย่างมันก็จะสามารถผ่านไปได้

ส่วนเบคกี้กลับมีอีกมุมมองที่คิดว่า ถ้ามองในความเป็นจริง เรารู้สึกว่ามันจะท็อคซิกกับตัวเองจนเกินไป เราอาจจะอยู่กับอะไรแบบนี้ไม่ได้นาน เราควรที่จะออกไปหาอะไรที่ทำให้เห็นถึงคุณค่าของตน และคิดว่าถ้าส่วนตัวเรา เราคงไม่อยากไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่ท็อคซิกแบบนั้น

- แล้วเวลามีความรัก ฟรีน และ เบคกี้ เป็นอย่างไร

ฟรีน : หนูว่าหนูคลั่งรักอยู่น้า เพราะเราเชื่อในความรักด้วย แล้วความรักก็ทำให้เรามีพลังบวกด้วยค่ะ ถ้าคิดเปอร์เซ็นต์ก็ 90 % เลยค่ะ (หัวเราะ)

เพราะความรักมันมีหลายรูปแบบด้วยค่ะ ครอบครัว แฟน เพื่อน ถ้าเรามีความรักที่ดี ก็จะส่งผลให้ชีวิตขับเคลื่อนได้ดีด้วย ก็…ความรักก็น่ารักดีค่ะ

เบคกี้ : คลั่งรักเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ) เพราะความรักของเราไม่ว่าใครที่เข้ามาในชีวิตเราให้ 100%เลยค่ะ ด้วยความที่เป็น Introvert ด้วย ก็เลยจะใส่ใจกับคนที่เข้ามาในชีวิตเรามากๆ เลยค่ะ

- การมอบความรักซึ่งกันและกัน

ทุกวันนี้เราทั้งสองดูแลกันยังไง ด้านฟรีนก็ตอบมาว่า ทุกวันนี้หนูเป่าผม ม้วนผม ทำผม ให้ด้วยเลยค่ะ (หัวเราะ) แต่เบคกี้เขาจะมาดูแลเราหนักๆ เลยช่วงเราป่วยค่ะ แต่ส่วนใหญ่ชีวิตประจำวันหนูชอบเทคแคร์คนอื่นซะมากกว่าค่ะ

ในเรื่องการให้คำปรึกษาเบคกี้ก็ตอบมาว่า ส่วนใหญ่มีอะไรก็จะปรึกษาพี่ฟรีนเลยค่ะ ด้วยความส่วนใหญ่เพื่อนเราอยู่ที่อังกฤษด้วย พี่ฟรีนก็ถือว่าเป็นพี่ที่สำคัญในชีวิตคนหนึ่งเลยค่ะ

 

และนี่นับเป็นการสัมภาษณ์ที่เปิดให้แฟนคลับได้รู้จักและรักพวกเธอทั้งสองคนมากยิ่งขึ้นไปอีก จะไม่ให้รักและผูกพันธ์ได้อย่างไร เพราะ “ทฤษฎีสีชมพู” ที่ทั้งสองคนถ่ายทอดความสัมพันธ์ที่มีต่อกันและกันออกมานั้นไม่เพียงแต่มีในจอเท่านั้น แต่ยังส่งไปถึงแฟนคลับที่อยู่นอกจอด้วย

“การได้ดูซีรีส์ของทั้งคู่เหมือนได้ย้อนกลับมาดูความรักของตัวเองว่าเราผ่านอะไรกันมาบ้าง” แฟนคลับที่ได้โทรเข้ามาพูดกับทั้งสองคนกล่าว

ทำให้ฟรีนและเบคกี้ต่างปลื้มปริ่มใจที่ตัวเองสามารถเป็นซอฟพาวเวอร์ให้กับใครหลายๆคนได้ และสุดท้ายนี้ฟรีนและเบคกี้ก็อยากฝากไว้กับแฟนคลับทุกคนที่คอยสนับสนุนพวกเธอเสมอมาว่า…

 

     “อยากให้ทุกคนอยู่ด้วยกันในทุกวัน ไม่ว่าจะเจออะไรก็อยากผ่านไปด้วยกัน และอยากขอบคุณทุกกำลังใจและแรงซับพอร์ตที่ทำให้ฟ้าของหนูสดใสขึ้นมาก แม้ในบางวันที่มันไม่ได้ดีทุกวัน

   -ฟรีน-

 

    “‌thank you guys,thank you for your support. I know I probably say this every single day. I hope you have bought yet but we love each so much. We appreciate you so much. we understand the language barrier and understand everything you guys put so much afford. Example like trying to communicate with us or see us or even Supposed watching line group. Anything really to really heart warming, thanks you for been such a lovely family and hope we will be  together forever.

    -เบคกี้-

 

ชมไลฟ์สดย้อนหลัง

related EFM FANDOM RECAP

สนยุกต์-อาโป-ยูโร แท็กทีมพา Shine ให้มาสว่างถึงกลางสตู EFM FANDOM LIVE! จัดเต็มความหล่อทะลุจอ พร้อมพูดคุยเม้าท์มอยและเผยเบื้องหลังสุด Exclusive สมกับฉายา Original Gay Series แห่งปี!

08 ส.ค. 2025

สนยุกต์-อาโป-ยูโร แท็กทีมพา Shine ให้มาสว่างถึงกลางสตู EFM FANDOM LIVE! จัดเต็มความหล่อทะลุจอ พร้อมพูดคุยเม้าท์มอยและเผยเบื้องหลังสุด Exclusive สมกับฉายา Original Gay Series แห่งปี!

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 31 กรกฎาคม 68] คืนนี้ขอต้อนรับ 3 หนุ่มหล่อมาแรง “สนยุกต์ – อาโป - ยูโร” จากซีรีส์เรื่อง ‘Shine’ พร้อมพูดคุยเมาท์มอยกับ “ดีเจแนน” และ “ดีเจดาว”ในช่วงแรกของรายการ พี่ ๆ ดีเจอ่าน 6 จดหมาย“EFM FANDOM LOVE LETTERS” ที่ถูกเลือกมาจากแฟน ๆ ส่งความในใจที่อยากจะบอกกับศิลปินจดหมายฉบับที่ 1 ชื่อจดหมายว่า... พร้อมจะ Shine ไปทุกที่กับซีรีย์ Gay แห่งปีของประเทศไทย ขอบคุณศิลปินทุกคนที่เข้ามาให้รู้จัก นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกคุณจะถูกเรารักเป็นอย่างดี ทั้งการคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในทุกๆส่วนที่สามารถไปหาได้ ไม่ว่าวันนั้นจะแดดออก ฝนตก หรือพายุเข้า ถ้าถนนไม่ทรุด น้ำไม่ท่วมทาง คุณจะได้เจอเราไปให้กำลังใจอย่างแน่นอน เพราะพวกคุณเหมือนกับความหมายของชายน์ ที่คอยเป็นแสงสว่างให้หัวใจเราอยู่เสมอมา รักและส่องสว่างแบบนี้ตลอดไปเลยนะ เหนื่อยวันไหนกำลังใจจากเราจะอยู่กับคุณLetter #1: This letter is titled... Get ready to stand out everywhere with Thailand's top Gay series this year. Thank you to all the artists who have connected with us. From this day forward, you will have our unwavering love and support in every way possible. Whether it's bright and sunny or dark and stormy, as long as the road is safe to travel, you can count on us to be there cheering you on. You truly embody the spirit of Shine, lighting up our hearts. Let’s continue to love and shine together for all time. No matter how weary you feel, our encouragement will always be by your side.จดหมายฉบับที่ 2 ชื่อจดหมายว่า... แสงอาทิตย์ก็สู้ไม่ได้ เพราะเธอ “shine” จนตาฉันลายไปหมดแล้ว เย้ๆๆๆ สิ้นสุดการรอคอยแล้วค่ะ ดีใจ ตื่นเต้นและรู้สึก shine ไปพร้อมกับพี่ๆทุกคนเลย หนูดีใจที่ได้เติมมายอาโปสั๊กกกกกที!! และที่ดีใจไปมากกว่านั้นคือนอกจากพี่มายและพี่อาแปวสุดหล่อของหนู ยังมีพี่สนยุกต์ (แบบว่าพี่หน่ะเป็นพระเอกในวัย14 ของหนูเลยนะ) มียูโรด้วย ไม่คิดไม่ฝันเลยค่ะLetter #2: This letter is titled... The sun can't compete with you because your light makes my eyes go all blurry. Hooray! The waiting is finally done! I’m filled with joy and excitement, and I feel like I’m glowing along with all of you. I’m thrilled to be adding Mile Apo! What makes me even happier is that alongside my charming P'Mile and P'Apo, we also have P'Son Yuke (my 14-year-old hero) and Euro. I never imagined I’d witness this.จดหมายฉบับที่ 3 ชื่อจดหมายว่า... จากวันที่รอ พ.ศ.ที่ใจคิดถึง จากมุมมุมหนึ่งของดวงจันทร์นั้นเป็นอย่างไร ในปี 2567 วันที่ 31 เดือนมกราคม ได้มีการประกาศซีรีส์เรื่องชายออกมาสู่สาธารณชน ให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันอย่างล้นหลาม แล้วจนในที่สุดซีรีส์ที่เรารอคอยก็มาถึง อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์นั้นเป็นอย่างไร พร้อมกับเพลงทั้ง 9 เพลงที่ไพเราะมากแบบหูเคลือบทองแสงออกหูสุด ช่างดีงามเหลือคณาจริง ๆ ดีใจมาก ๆ ตื่นเต้นสุด ๆ ที่จะได้ชมผลงานเรื่องนี้แล้ว ขอให้ Shine The Series ปังปังปุริเย่ไปถึงดวงจันทร์เลยนะฮ้าฟLetter #3: This letter is titled... Since the moment I anticipated the year my heart longed for, how was it from that distant edge of the moon? On January 31, 2024, the highly anticipated series 'Shine' was officially announced, and fans are eagerly tuning in. At last, the series we've all been looking forward to has premiered. What is the other side of the moon like? The soundtrack features nine stunning songs that are simply enchanting. It's incredibly enjoyable. I'm thrilled and excited to watch this show. I really hope 'Shine The Series' becomes a huge success and reach the moon.จดหมายฉบับที่ 4 ชื่อจดหมายว่า... จดหมายจากสาววายผู้เหยียบดวงจันทร์ หมายเลข 1969 “หากนักบินอวกาศมีหน้าที่สำรวจดวงจันทร์ นักเศรษฐศาสตร์อย่างตฤณก็วางนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่ทหารอย่างไกรเลิศมีอำนาจในการบริหารประเทศและควบคุมเสรีภาพสื่อมวลชน นักข่าวอย่างณรันเองก็ต้องสอดส่องและรายงานข่าวอย่างระมัดระวัง ทั้งสามกลุ่มนี้จึงเกี่ยวโยงกันในด้านความรู้ อำนาจ และการสื่อสารกับประชาชนอย่างเลี่ยงไม่ได้” เขียนเองก็อินเอง ประเทศไทยกำลังจะมีซีรีส์เกย์การเมืองที่ดุเดือดที่สุดในยุคแล้วLetter #4: This letter is titled... Letter from fan girls who strolled on the Moon, No. 1969 "If astronauts are sent to explore the moon, economists like Trin will be in charge of creating economic and social policies. Meanwhile, soldiers like Krailert are given the authority to govern the nation and oversee press freedom, and journalists like Naran take on the crucial role of diligently tracking and reporting the news. These three groups are deeply interconnected when it comes to knowledge, power, and how they communicate with the public." On a personal note, I'm really invested in this. Thailand is on the brink of experiencing one of the most intense political movements related to the LGBTQ+ community in its history.จดหมายฉบับที่ 5 ชื่อจดหมายว่า... Inspired to film I have worked in TV as a video editor, but after watching your shows, and the love and dedication you put in to them, I have been inspired to write and direct my own LGBT film. I hope you can continue to inspire everyone from around the world, we love you very much.Letter #5: This letter is titled... แรงบันดาลใจในการถ่ายทำภาพยนตร์ เคยทำงานเป็นช่างตัดต่อวิดีโอในวงการทีวี แต่หลังจากที่ได้ชมซีรีส์ของคุณ พร้อมทั้งเห็นความรักและความมุ่งมั่นที่คุณมีต่อผลงานเหล่านั้น มันทำให้ฉันมีแรงบันดาลใจในการลองเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ LGBT ของตัวเอง หวังว่าคุณจะยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนทั่วโลกต่อไปนะ เรารักคุณมากจริง ๆ ค่ะ/ครับจดหมายฉบับที่ 6 ชื่อจดหมายว่า... ฉบับสุดท้ายถึงสุดหล่อ ก่อนออกเดินทาง ! หากสุดหล่อได้อ่านจดหมายฉบับนี้ คนเขียนคงกำลังเดินทางไปอีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์แล้ว หลังจากที่รอชายน์ออนมาเกือบ 2 ปี ไม่มีอีกแล้ววันที่ออกไปกรีดร้องในคืนพระจันทร์เต็มดวงเพราะอยากดูชายน์ใจจะขาด ภูมิใจในตัวอาโปมากๆและเวลคั่มพี่สนกับน้องยูโรนะค้า แค่ตัวอย่างก็รู้เลยว่าต้องดังเปรี้ยง อยากปริ้นชายน์ทั้งเรื่องลงกระดาษแล้วเอาไปติดทั่วมุมถนน ให้คนทั้งประเทศได้ดู แล้วเจอกันอีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์Letter #6: This letter is titled... The final note to the charming fellow before bidding farewell! If this handsome fellow happens to read this letter, the writer is likely already on the other side of the moon, having waited nearly two years for Shine. I can’t imagine another full moon night filled with the same excitement as when I just want to see Shine so badly. I’m incredibly proud of Apo and excited to welcome P'Son and N' Euro. Based on the trailer alone, I can tell it’s going to be a massive success. I’d love to print out the entire Shine and post it on street corners for everyone in the country to enjoy. See you on the flip side of the moon!เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVEมาต้อนรับ 3 หนุ่มหล่อ “สนยุกต์ – อาโป - ยูโร” อย่างเป็นทางการกันค้าบบ~การมาเจอกันของทั้งสามหนุ่ม! สนยุกต์: ไม่เคย ครั้งแรกเลย ยูโร: ผมไม่เคยเจอเลยสักคน อาโป: (ชี้ไปทางสนยุกต์) เขาเคยอยู่ช่องวันมาก่อน สนยุกต์: อาโปเคยอยู่ช่องสาม อาโป: (ชี้ไปทางยูโร) อันนี้อยู่ช่องเจ็ด เป็นการ cooperation ของวงการเปิดตัวแรงส์! ติดป้ายเป็น Original Gay Series เรื่องแรกของไทย อาโป: คือก่อนหน้านี้มันเป็น BOY LOVE ดูจากสภาพพวกเราส่องกระจกแล้ว มันไม่เป็น BOY แล้วไง 555555+ มันแมนละพี่ ยูโร: 5555555+ สนยุกต์: มันโตแล้วไง อาโป: เราก็ต้องเป็นแบบ MAN LOVE ไง แต่ Man Love มันอาจจะเข้าใจยากกับโลกใบนี้ เลยพูดว่า Gay Series แล้วกัน เพราะว่าผู้ชายมีอะไรกันก็ Gay ไง สนยุกต์: BeOnCloud ชอบพูดตรง ๆ Gay Series ไปเลยง่าย ๆอ่านบทยังไม่ทันจบ ก็รู้เลยว่านี่คือ Original Gay Series สนยุกต์: 555+ ตอนแรกเขาไม่ได้มีนิยาม เขาพึ่งมาคิด Gay Series หลัง ๆ นี้เองครับ ตั้งแต่ตอนช่วงถ่ายอยู่อะไรเงี้ย เพราะตอนแรกก็รู้อยู่แล้วแหละว่ามันเป็น BL อาโป: แปลว่าพอถ่ายไปถ่ายมาก็คือเห็นแต่ละฉากคือมัน… สนยุกต์: มันลึกขึ้น ๆ ยูโร: เดี๋ยวรอดูฉากสักฉากในทีเซอร์นี่แหละ แล้วจะรู้ได้เลยว่ามันไม่น่าใช่ BL แล้ว สนยุกต์: โตแล้ว โตกันแล้วเจ็บจี๊สส ครบรส นัวจบ ในเรื่องเดียว! อาโป: มีทั้งดราม่า คอมเมดี้ และโรแมนติก สนยุกต์: คือก็เป็นหนังพีเรียด ประวัติศาสตร์ แต่ว่าต้องบอกก่อนนะว่า ไม่ได้มาจากเหตุการณ์จริง เป็นการสมมติขึ้นมา แต่ว่าล้อมาจากช่วงยุคนั้นจริง ๆแต่ละคนทุ่มสุดตัว ทำการบ้านแน่นจนเหมือนระลึกชาติกลับไปเป็นคนยุคนั้น! ยูโร: จริง ๆ แล้วก็ต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะนะเพราะว่าย้อนกลับไปในยุคที่แบบคุณปู่ด้วยซ้ำ เราก็ต้องไปดูคลิปเก่า ๆ ทางผู้กำกับก็ส่งมาให้ดู เป็นคลิปเกี่ยวกับวิถีชีวิตคนสมัยนั้นด้วย แล้วก็ในเรื่องผมรับบทเป็นนักข่าว ก็จะเป็นในเรื่องของเครื่องพิมพ์ดีดก็ต้องเอาไปซ้อมที่บ้าน (ทำท่าพิมพ์ แต่ก ๆๆ) อาโป: อันนี้เรื่องจริงหรอ ยูโร/สนยุกต์: จริง สนยุกต์: เขาแบกเครื่องพิมพ์ดีดกลับบ้านเลย ยูโร: แบกเครื่องพิมพ์ดีดมาเล่นอาทิตย์นึงอะ อาโป: จริงหรอ แล้วอย่างนี้เวลาไปร้านกาแฟก็ต้องพกไปด้วยปะ ยูโร: ไม่ เล่นที่บ้านก็พอแล้ว โอ้โหหห หนักนะ! 10 โลกว่า มันไม่ได้หาง่าย ๆ แล้วก็จะมีในเรื่องของกล้องฟิล์ม ผมก็ไปเรียนล้างฟิล์ม ไปเรียนอัดกรอบรูป ไปเรียนอะไรก็เยอะอยู่เพราะเป็นนักข่าวสมัยนั้นมันไม่มีแบบถ่ายแล้วออนแอร์ได้เลยแบบนักข่าวสมัยนี้คือใครก็เป็นสื่อได้ เจออะไรปุ๊บถ่ายทอดสดได้เลย มันก็ต้องมีการลองไปฝึกพิมพ์ฝึกอ่านหนังสือจากที่ไม่เคยอ่านหนังสือ พอเล่นเรื่องนี้ก็อ่านเพิ่มขึ้นมา อาโป: โปก็ดูคลิปสมัยนู้นแล้วก็จินตนาการไปว่า เห้ย สมมติถ้าไม่มีโทรศัพท์เป็นยังไงวะ สมมติถ้าเกิดไม่มีคอมพิวเตอร์เป็นยังไงวะ แล้วสมมติถ้าเราอยากรู้อะไรบางอย่างเนี่ย เราต้องเดินออกไปข้างนอก ไปเจอผู้คน ไปพูดคุยกับคน ไปห้องสมุดอะไรเงี้ย มันเป็นยังไงหว่า แล้ว ณ ยุคนั้นอ่ะ การที่เด็กคนนึงอะ ได้เดินทางไปฝรั่งเศสเนี่ยเพราะว่าเนี่ยเล่นเป็นอาจารย์ ซึ่งจบป.ตรี โท เอก ที่ฝรั่งเศส เห้ย! ณ ยุคนั้นอะต่างประเทศนี่มัน โหห โก้มากเลยอ่ะ แล้วแบบมันต้องรู้สึกยังไงหว่าเพราะว่าโอเคยุคนี้โปมีโอกาสได้ไปฝรั่งเศสบ่อย ความรู้สึกคือมันว้าวอ่ะ แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเลย แล้วเราก็เหมือนพอไปบ่อย ๆ เราก็รู้สึกธรรมดาแล้วเพราะมันมีหลาย ๆ ภาพ หลาย ๆ สถานที่เราเคยเห็นผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ถ้ายุคน่ะ เราไปอ่ะ โอโห ทุกอย่างมันใหม่ แล้วมันคงล้ำมากเลย ก็เก็บความรู้สึกเหล่าเนี้ย แล้วก็จินตนาการแล้วก็อ่านบทเยอะ ๆ สนยุกต์: ผมเล่นเป็นทหารในยุคนั้น เป็นทหารยศสุงด้วยนะครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำเนี่ยก็คือ ผมต้องไปศึกษาความ tough ความหนักแน่นของทหาร ของผู้นำประเทศดีกว่า ใช้คำว่าผู้นำประเทศเลยเพราะว่าผมไปดูหลายคลิปมากนะว่าวิธีเวลาเขาพูดต่อหน้าสื่อ ต่อหน้าประชาชนเนี่ยเขาพูดกันยังไง แล้วก็สิ่งที่ผมทำการบ้านเยอะเนี่ยก็คือ ผมอยากเข้าใจทหารในยุคนั้น เวลาไปฟังย้อนเวลากลับไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เวลาดูคลิป ดู YouTube เนี่ยเขาจะพูดในฝั่งประชาชน ประชาชนเรียกร้องอะไร สิทธิเสรีภาพใด ๆ แล้วทหารอ่ะคิดยังไง เขาถึงมีอุดมการณ์แบบนั้น ผมก็ต้องไปทำความเข้าใจแหละว่ายุคนั้นน่ะเขาคิดกันยังไงจริง ๆ ดีเจแนน: คุณในชีวิตจริง ๆ เคยรับบททหารมาก่อนไหมคะ? สนยุกต์: ไม่เคย เคยรับแต่ตำรวจ ไม่ใช่ตำรวจที่ต้องมาย้อนยุคอะไรขนาดนี้ ดีเจแนน: พี่มายหล่ะ รับบทเป็นอะไรยังไง อาโป: พี่มายรับบทเป็นฮิปปี้ สนยุกต์: ฮิปปี้คืออะไรอ่ะ อาโป: เออ ฮิปปี้คือคล้าย ๆ ฮิปโป หมูเด้งอ่ะ! 55555555+ สนยุกต์/ยูโร: 55555555+ อาโป: ก็เหมือนที่เราพูดกันว่า โอเคอันนี้มันเกิดขึ้นในยุคปี 1969 โดยปกติแล้วเขาจะเล่าถึงปี 1950 ปี 1970 1980 2000 เนอะ แต่พอ 1960 ช่วงนั้นมันเกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกเกิดขึ้น ทุกคนอยากเรียกร้องสิทธิ์ ไม่ว่าสิทธิ์อะไรก็ตามอ่ะ รวมถึง culture อ่ะมันถูกเปลี่ยนผ่านกันเยอะมาก โดยเฉพาะที่ไทย แล้วที่ไทยอ่ะเด็ก ๆ หรือผู้คนน่ะก็อยากเรียกร้องสิทธิของตัวเอง แล้วมันก็จะมีผลงานเพลงต่าง ๆ มาจากฝั่งอเมริกาด้วยที่ทุกคนพยายามจะเรียกร้องสิทธิในแบบผ่านเสียงเพลงในแบบของตัวเอง ซึ่งพี่มายคือตัวละครนั้น คือตัวละครที่เป็นฮิปปี้ ที่เขารักอิสระเสรีภาพ เบาเลยแบบจะปล่อยตัวเซอร์ ๆ แล้วเสื้อผ้าเขาจะแบบพลิ้ว ๆ ที่มันถ่ายทอดความชิลล์ ๆ ของตัวละครไปว่า จริง ๆ มันมีทั้งคนจริงจังในแบบของทหาร คนจริงจังในแบบของอาจารย์ คนจริงจังในแบบของนักข่าวที่ทุกคนต้องการเสรีภาพ แต่ในมุมนึงอ่ะ มันมีคนอย่างตัวละครธันวาที่ เห้ย! จริง ๆ ชีวิตมันชิลล์ได้ แล้วรสชาติเหล่านี้ รวมถึงอีกคนนึงคือน้องปีเตอร์ เขาเล่นเป็นนักศึกษาที่อยากได้อิสรภาพเหมือนกัน ตั้งคำถามว่า ‘ทำไมประเทศเรามันถึงไม่มีวะ’ แล้วไอ่ส่วนผสมเหล่านี้ของพวกเราทั้ง 5 คนหลัก ๆ เนี่ย มันเลยเกิดความ ‘Shine’ เกิดขึ้นเพราะว่า แต่ละตัวละครมีความ Unique เป็นของตัวเอง มันเลยมาผสมกันว่า เอ้ยเค เรื่องมันจะ Shine แบบไหน ยูโร: แล้ว Shine แบบไหนอ่ะ อาโป: เอออ ชายเหมี่ยง (ยิ้ม) สนยุกต์/ยูโร: เอ้ออออ 5555555+ ดีเจแนน: แล้วอยากรู้ว่าพี่มายเขาไว้ผมยาวจริงไหม อาโป: ไว้ผมยาวจริง ๆ ผมจริงเลยขนทัพนักแสดงรุ่นใหญ่ร่วมแจมแบบจัดเต็ม! ยูโร: โห มีเยอะเลยนะ สนยุกต์/อาโป: พี่นก สินใจ ยูโร: มีพี่กบ สนยุกต์: อ่า พี่กบ พิมลรัตน์ อาโป: พี่ปาน ธนพร สนยุกต์: พี่ถา สถาพรออนแอร์ตอนแรก 2 สิงหาคมนี้ อาโป: เนี่ย อีกสองวัน คือโปว่านอกจากทีมนักแสดงที่เขามีประสบการณืเยอะอ่ะ ยังมีทีมตากล้อง ทีม Producer ทีมผู้กำกับเงี้ย สนยุกต์: จริง ๆ เรื่องเนี้ยมีผู้กำกับ 3 คน นั่งอยู่หน้า monitor 3 คน คนนึงกำกับภาพ คนนึงกำกับการแสดง อีกคนก็คือพี่ปอนด์คือดูภาพรวม ยูโร: ซึ่งกำกับภาพมี DP อีกคนนึงต่างหากอีกนะ อาโป: เต็มที่มาก สนยุกต์: ตากล้องคือพี่เปีย ซึ่งเขาเป็นตากล้องภาพยนตร์มาก่อน อาโป: รุ่นเก๋าอ่ะ แบบโหถ่ายทำ สนยุกต์: รู้มุมแบบดูมุมก็จะสังเกตได้ว่าแบบ เห้ย! มันเป็นงาน craft อาโป: ทั้งเรื่องนี้เราใช้การ handheld หมดคือการ handheld มันดีไง มันคือการถือกล้องที่เมื่อไหร่ที่นักแสดงหายใจแบบไหน ตากล้องจะหายใจแบบนั้น แล้วแปลว่าในทุก ๆ การเคลื่อนไหวของกล้องอ่ะ มันสามารถถ่ายทอดได้ว่าอารมณ์ความรู้สึกตัวละครเป็นไง ดีเจแนน: แล้วฉากที่ยูโรอยู่ในห้องนั้นน่ะ แล้วก็พูดคำนั้นแล้วตากล้องพูดด้วยปะ ยูโร: ไม่ ๆ 55555+ อาโป: ตากล้องอาจจะพูดก่อนแล้ว 55555555+ พูดนำก่อน ยูโร: ตอนแรกในบทไม่มี แล้วตากล้องพูดว่า ปึ๊บ! เราเลยผู้กำกับสนใจ เห้ย! อันนี้ดีนะ ดีเจดาว: อันนี้เรื่องจริงปะ ยูโร: ไม่จริง 55555555555+ อาโป: แต่ว่าความมีเสน่ห์ของเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่ภาพและบทและนักแสดงหรือมุมกล้อง มันคือเพลงเพราะว่าเรามี original soundtrack ทั้ง 9 เพลง ซึ่ง 9 เพลงนี้มันสามารถสื่อสารอารมณ์ของตัวละครทั้งหมดทั้งเรื่องนี้ออกมาได้คือ สมัยนี้เขาก็จะออกมาเป็น song by song เนอะ ออกมาแค่เพลงเดียว อันนี้เป็นทั้งอัลบั้ม แล้วมันจะบ่งบอกมาเลยว่าความรู้สึกของทั้งเรื่องนี้เป็นยังไง ซึ่งมันสามารถบอกความรู้สึกของเราในแต่ละวันได้ แล้วทั้ง 9 เพลงนี้มีทีม tero แต่งประมาณ 6-7 เพลง แล้วนอกนั้นเป็นพี่เจ มณฑล ยูโร: แล้วมี producer เป็นระดับโลก อาโป: (พยักหน้า) ใช่ ยูโร: คือนักร้องวง สนยุกต์: OneRepublic อาโป: ใช่ ๆ เพลง Far Side of the Moon ซึ่งจังหวะนี้เราหาฟังไม่ได้แล้ว ณ ยุคสมัยนี้ แล้วผมว่ามันเป็นความสบายที่มันกำลังบอกเราว่า เห้ย! ยูกล้าหรือยังล่ะ ยูกล้าที่จะข้ามไปดูพระจันทร์ฝั่งที่มันมืดอยู่ไหม ถ้ายูไม่เคยไป ยูลองไปแล้วยูถึงจะรู้ซีรีส์นี้ไม่ต้องทำการบ้านมาก่อน ก็อินได้เต็มอารมณ์! สนยุกต์: จริง ๆ แค่ตั้งใจดู EP1 ก็น่าจะโอเคแล้วนะเพราะมันจะมีรายละเอียด มีเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยอ่ะ ค่อย ๆ ดูไปเรื่อย ๆ ดูครั้งแรกอาจจะไม่เข้าใจ ดูครั้งสองเก็บรายละเอียด ยูโร: ก็ยังไม่เข้าใจ 555555555+ อาโป: ไม่ คือมันมีสองช่องทางไง มันมี WeTV แต่ต้องสมัคร VIP เป็น UnCut แน่นอน เป็นเวอร์ชั่นเบา ๆ ยูโร: มี Folk Song อาโป: แต่เวลาที่เราฟังแบบ ‘Orchestic’ มันจะคล้าย ๆ กับ Orchestra มันคือวงมันใหญ่ไง แล้วมันก็สีกันแบบเมามันส์มาก เห็นมั้ยถ้าใครดูรอบแรกยังไม่เข้าใจในช่อง 7HD ก็ต้องตามไปดูที่ WeTV แบบ VIP ตอน 4 ทุ่มของทุกวันเสาร์ อีกสองวันเริ่มในสามคนนี้ ใครแรงดีเอนเนอร์จี้เยอะไม่มีตก! อาโป: อื้อ! พี่สนอยู่แล้ว ยูโร: energy ก็คนนึง ฟิตก็คนนึง ดีเจแนน: แล้วยูโรคืออะไร ยูโร: ที่เห็น energy คือคนนี้ (ชี้ไปทางอาโป) อาโป: โป introvert ครับ ยูโร: อะไรก่อน เอามาจากไหน introvert อาโป: ฟิตสุดต้องพี่สน สนยุกต์: ดู trailer ยัง อาโป: ดูกล้ามพี่สนใน trailer ยัง สนยุกต์: ผมมีคำถามเหมือนกันทำไมเป็นผมคนเดียว อาโป: เขาหล่อยันเส้นขนไงเพราะหล่อยันเส้นขน มันเลยต้องอวดกันซะหน่อย สนยุกต์: จริง ๆ ผมอยากเล่าให้ฟังว่าผมอ่ะ เก็บโมเมนต์แบบนี้สำหรับโปรเจคที่ใช่จริง ๆ นะ คือถอดขนาดนี้ ผมไม่คิดว่าชาตินี้จะได้ถอดจริง ๆ แล้ว ผมเตรียมตัวหนักมาก ยูโร: น้ำไม่กิน ผมไปถ่ายก่อนที่เขาจะถ่ายอันนี้วันนึง สนยุกต์: พี่เล่าเอง ๆ 5555555+ อาโป: 55555555+ เซฟ ๆ สนยุกต์: แต่รู้ว่าต้องเล่นเรื่องนี้ ผมคือตั้งใจบิลด์ ตั้งใจคือแบบเอาสัดส่วนให้มันได้ปุ๊บ 1 เดือนก่อนถ่ายเนี่ย ผมเริ่มตัดอาหารแล้ว ผมไม่ได้ตัดแบบฮาร์ดคอร์นะ แต่ว่าผมกินแค่แบบวันละ 2 มื้อครึ่ง เน้นโปรตีน ส่วน 1 สัปดาห์ก่อนถ่ายจริง ๆ อ่ะ ผมตัดน้ำ จะค่อย ๆ ตัด มันมีวิธีกินอยู่ โซเดียมตัดน้ำ กินน้ำน้อย วิธีที่นักกล้ามเขาประกวดกัน มันจะมีเวลากิน ตัดโซเดียม 1 อาทิตย์แล้วก็พยายามกินน้ำอย่าเกินปริมาณเท่านี้ แล้วคือก่อนถ่าย 1 วันคือกินน้ำน้อยมาก ๆ แล้วก็วันที่ถ่ายคือกินแป้งเยอะ ๆ เพื่อ boost ให้กล้ามฟู อะไรอย่างนั้นมันเป็นวิทยาศาสตร์การกีฬา อาโป: แต่นี่คือฟูมากเลยนะ ยูโร: อันนี้ซิกม่าจริง!ในกองถ่าย ใครสายกินตัวจริง! สนยุกต์: คิดว่าอาโปนะ โปน่าจะกินเยอะสุด เพราะว่าพวกผมสองคนพยายามตัดอาหารอยู่ ยูโร: เขากินแต่ไข่ ไข่อะไรของเขาก็ไม่รู้อ่ะ ไข่ผงอะไรขอเขาอ่ะ สนยุกต์: เห็นผมยิงแอดไหม ผมขายอยู่ ขอบคุณนะที่ชงให้ (มองไปทางยูโร) ยูโร: 555555555+ ก่อนเข้ารายการกิน 2 จานอ่ะ เมื่อกี้ถ้าสลับบทได้ ขอไปเล่นเป็นคนนี้! อาโป: ผมอยากเล่นเป็นพี่สน สนยุกต์: ทำไมอ่ะ อาโป: ผมอยากรู้ความว่าความหล่อนั้นจริง ๆ นั้นมันเป็นยังไง สนยุกต์: อวยซะขนาดนี้ อาโป: เคยเข้าฉากกับเขา ผมแบบพี่แม่งหล่อว่ะ แล้วเสร็จปั๊บพี่สนก็บอก โห้ย แต่น้องก็หล่อเหมือนกันและในขณะที่เรายืนคุยอยู่อ่ะ ตากล้องยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วตากล้องแบบถอดหมวกแล้วส่ายหัว 555555+ ชมกันเอง สนยุกต์/ยูโร: 55555555555+ อาโป: เราเลยนิยามซีรีส์เรื่องนี้ว่าเป็นซีรีส์ที่รวบรวมผู้ชายที่หล่อที่สุดในประเทศมารวมกัน หล่อหลายคาแรคเตอร์ คือเรากำลังบอกว่าแบบไหนก็หล่อหมด แค่ยู Shine ในแบบของตัวเองอ่ะ ยูโร: ผมอ่ะอยากเป็นพี่มาย ภาคภูมิ ผมรู้สึกว่าชิลส์ แล้วมันน่าจะยากนะกับการเล่นที่แบบรักความสุขขนาดนั้นน่ะ ดีเจแนน: ในขณะที่รอบตัวเขาตึงเครียดไปหมด สนยุกต์/อาโป/ยูโร: (พยักหน้า) ใช่ ๆ 5555555555+ ยูโร: ทุกคนที่เขาคุยด้วยจะมีแต่ความเครียด แต่เขามีความสุขอยู่คนเดียว อาโป: เพราะว่าทุกครั้งที่เขาพูดอ่ะ ก็จะพูดแบบนี้ทั้งเรื่อง (ทำเสียงเหมือนลอย ๆ) สนยุกต์: เหมือนลอยมา ยูโร: ผมเลยอยากเล่นเป็นพี่มาย สนยุกต์: ผมก็เช่นกัน อยากเล่นเป็นมาย อยากเล่นเป็นธันวาเพราะตัวละครผมมันเหนื่อยอ่ะ 5555+ อาโป: ไม่ได้เหนื่อยเล่นนะ เหนื่อยเกร็ง 555555555+ สนยุกต์: ด้วยความเป็นทหารไงคือเราต้องแบบมีมากตลอดเวลา หลังตรงตลอดเวลา ชุดแน่นด้วย เวลาเดินก็ต้องเดินเป๊ะ ๆ คือแบบผมโดนทักในตอนถ่ายทำบ่อยมาก เห้ย สนเดินดี ๆ เดินเหมือนทหารหน่อยอะไรงี้ มันจะมีโมเมนต์เป๊ะเยอะอ่ะ แล้วผมเหนื่อย 5555555+ สนยุกต์: อยากเล่นสบาย ๆ ลอย ๆ บ้าง อาโป: พอชุดตึงแล้วก้นเขาเด้งนะ ไปดูได้ในซีรีส์ สนยุกต์/อาโป/ยูโร: 55555555+1 ประโยคให้การทำงานของพี่ปอนด์และทีมผู้กำกับทุกคน! อาโป: ขอให้คำว่า ‘มันส์’ สนยุกต์: ให้คำว่า ‘ระดับโลก’ ยูโร: ผมให้คำว่าโอ้โหการทำงานแบบนี้คือ ‘โคตรซิกม่าเลยว่ะ’ดูเรื่องนี้ได้อะไรดี ๆ กลับไปแน่นอน! ยูโร: ผมว่าน่าจะได้บรรยากาศในยุค 1969 แล้วกันเพราะว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของพร็อบหรือว่าในเรื่องของสถานที่อย่างเงี้ยเราไปถ่ายทำจริง ๆ ในสถานที่ที่มันเหมือนมาก ๆ แล้วเรา set ออกมาให้เหมือนยุคนั้นจริง ๆ ซึ่งบอกว่าตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะเกิดไม่ทันหรือว่าเป็นยังไง ผมว่าเรื่องนี้สามารถทำออกมาได้แบบดูบรรยากาศ ดูป้าย ดูต่าง ๆ เนี่ยคือผมว่าแบบคือใช่เลยอ่ะยุคนั้น อาโป: แล้วผมว่าพวกเราโชคดีตรงที่มี ททท. และกระทรวงพาณิชย์ support เราเลยได้แบบสถานที่ต่าง ๆ ที่เขาไม่ได้เคยให้ใครไปถ่ายมาก่อน เช่น โรงหนังเฉลิมกรุง สนยุกต์: ซึ่งเขาไม่เคยให้ใครมาถ่ายก่อน อาโป: แล้วก็มีอีกหลาย ๆ ที่ ที่มันเป็นวังอะไรเงี้ย ที่พอเข้าไปถ่ายอ่ะ มันจะเป็นตึกเก่า แล้วอีกอย่างมันจะมีซีนทะเลอะไรงี้ เขาก็ปิดหากให้เลย เจ๋งมากเลย แล้วก็ได้นักแสดงที่อยู่ที่นั่นน่ะ ที่เขาเป็นนักแสดงจริง ๆ นะ แล้วเขาผ่านการ cast กันเข้ามาเพื่อเล่นในเรื่องนี้ คิดว่าเออเจ๋งดี สนยุกต์: ผมว่าจะได้เห็นว่าคือตั้งแต่สมัยนั้นน่ะ การเรียกร้องสิทธิ เรียกร้องความแตกต่างเนี่ยมันก็มีมาตั้งแต่สมัยก่อน จนกระทั่งทุกวันนี้มันก็ยังมีเป็นเหมือนที่ผ่านมาเพราะฉะนั้นมันอยู่ทุกยุคทุกสมัยคือเรื่องนี้ ผมว่ามันได้สะท้อนให้เห็นว่าสมัยก่อนมันก็มี สมัยนี้มันก็มีแล้วมันก็จะมีตลอดไป คือธรรมชาติของโลกนี้ ทั้งความเชื่อ ทั้งด้านการเรียกร้องสิทธิใด ๆ นะครับ ดีเจแนน: เคยคิดไหมทำไมมันถึงมีการเรียกร้องในเรื่องของแบบสิทธิหรือเสรีภาพแบบในทุกยุคแบบไม่มีที่สิ้นสุด เพราะอะไร? สนยุกต์: คือมันเป็นเรื่องของการเมือง อำนาจหรือคือคนเรามันมีหลายรูปแบบ บางคนก็ต้องการเรียกร้องอิสรภาพ บางคนก็ต้องการความมั่นคง ความสงบอะไรงี้คือมันมีหลายมิติ คือคนมันคิดต่างกันทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว แค่แบบเราจะอยู่กับตรงนี้ ปัจจุบันนี้ยังไงให้เราไม่ทุกข์เพราะความเชื่อที่แตกต่างกันเดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เสิร์ฟโมเมนต์ความฟินให้กับแฟน ๆ ซีรีส์ให้ “สนยุกต์ - อาโป - ยูโร” ได้โทรกลับหาแฟน ๆ ให้เข้ามาพูดคุยกัน (เข้าไปชมได้ใน Youtube: ATIME) สุดท้ายนี้… รายการ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “สนยุกต์ – อาโป - ยูโร” มาก ๆ ที่มาร่วมพูดคุยกันแบบสนุกสนาน เอนจอยให้กับเหล่าแฟนคลับ แฟน ๆ อย่าลืมไปติดตามซีรีส์เรื่อง ‘Shine’ ซีรีส์เกย์แห่งปี ทุกวันเสาร์ เวลา 21.00 น. ทาง WeTV และช่อง 7HD กันด้วยน้า เริ่มเสาร์ที่ 2 สิงหาคมนี้ตอนแรก!สามารถเข้าไปรับชมความสนุกสนานกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

6 นักแสดงจากซีรีส์ “กี่หมื่นฟ้า Your Sky Series” รับรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “ไม่ว่าจะกี่หมื่นฟ้าก็ยังมีเธอเป็นที่รัก” แล้วจะหลงรักเจ้าก้อนเมฆทั้ง 6 แบบไม่รู้ตัว!

16 ธ.ค. 2024

6 นักแสดงจากซีรีส์ “กี่หมื่นฟ้า Your Sky Series” รับรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “ไม่ว่าจะกี่หมื่นฟ้าก็ยังมีเธอเป็นที่รัก” แล้วจะหลงรักเจ้าก้อนเมฆทั้ง 6 แบบไม่รู้ตัว!

รายการ EFM FANDOM LIVE [5 ธันวาคม 67] คืนนี้ความน่ารักอัดแน่นเต็มสตู เพราะต้อนรับ 6 นักแสดงจากซีรีส์ “กี่หมื่นฟ้า Your Sky Series” กับ “อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ - แพทจิ” พร้อมอัพเดตพูดคุยกับ 2 ดีเจ “ดีเจดาว” และ “ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดโหวต 1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัลที่ 3 “(Y)ourskyphile Award (ผู้หลงใหลในท้องฟ้า)” เวลาที่ทุกคนได้ยินชื่อ กี่หมื่นฟ้า นึกถึงอะไรกันบ้างคะ!!? ส่วนใหญ่ก็คงนึกถึงท้องฟ้ากันใช่ไหมล่ะ แนวคิดนำคำว่า -phile (suffix) ที่แปลว่าหลงใหล หลงรัก มารวมกับคำว่า (Y)oursky เปรียบเสมือนเด็กๆกี่หมื่นฟ้าทุกคนเป็นท้องฟ้า โดยแต่ละวันท้องฟ้าก็มีสีสันไม่เหมือนกัน เวลาที่เราเหนื่อยได้มองไปที่ท้องฟ้าเหมือนได้ปล่อยความเครียดของตัวเองออกไปให้ท้องฟ้าที่สีสันสดใสคอยฮีลใจเรา เหมือนกับการที่เราได้มารู้จักทีมนักแสดงกี่หมื่นฟ้าทุกคนทำให้โลกของเราสดใสขึ้น แค่ได้มองพวกเขายิ้มหรือหัวเราะความเครียดที่เราสะสมมาทั้งวันก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย แล้วยิ่งมาดูซีรีส์กี่หมื่นฟ้าก็เหมือนได้ฮีล ได้ปล่อยใจจอยๆสนุกไปกับตัวละครและ “อยากให้นักแสดงกี่หมื่นฟ้ามองแฟนคลับทุกคนเป็นท้องฟ้าที่คอยส่งพลังบวกให้เหมือนกันนะ ถ้าเหนื่อยก็หันกลับมาจะมีแฟนคลับทุกคนคอยส่งกำลังใจให้เสมอ” ให้พวกเราต่างหลงรักในท้องฟ้าของกันและกันแบบนีตลอดไปเลยย(Y)ourskyphile Award When you hear the name 'Ki Muen Fah', what comes to mind? For many, it’s likely the sky, right? The idea here is to blend the suffix '-phile', which signifies a love or fascination for something, with 'Yoursky'. It’s as if all the Ki Muen Fah children embody the sky. Each day, the sky showcases a new color. When we feel overwhelmed, gazing at the sky can lift our spirits and fill our hearts with warmth. Getting to know the wonderful cast and crew of Ki Muen Fah truly brightens our lives. Just witnessing their smiles and laughter can dissolve the stress we've carried throughout the day. Watching the Ki Muen Fah series feels like a refreshing escape, a chance to unwind and have fun with these delightful characters. I hope the Ki Muen Fah cast recognizes their fans as their own sky, always radiating positive vibes. Whenever you feel weary, just remember there are fans cheering you on. Let’s cherish and celebrate each other’s skies forever!2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “หล่อเทพบุตรดุจเทพสร้าง” มาจากหน้าตาของนักแสดงเรื่องนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นที่เลื่องลือมากว่าหล่อเทพบุตร หล่อเกินคน หล่ออันตราย หล่อล้ำเทคโนโลยี เดินมาใครไม่มองให้มันรู้ไป ผมหล่อก็หาว่าผมแอ๊ค ถึงหน้าจะดูแบดบอยแต่ใจสปอร์ต อบอุ่น บ้านรวย เทคแคร์ดี สเปคสาวไทยทั้งประเทศ ใคร ๆ ก็บอก นักแสดงเรื่องนี้คือเหมือนลอยมากันทุกคน เท้าไม่ติดพื้นแล้ว แล้วจะไม่โดนตกยังไงไหว วาสนาพี่หมื่นฟ้าสุด ๆ น้องชายก็หล่อบ้อกแบ้ก เพื่อนก็หน้าตาฟ้าประทาน น้องที่รักก็ยิ้มหวานแก้มน่าบีบDrop-dead gorgeous. The charm of the actors In this beloved story is truly captivating; they are often described as strikingly handsome, almost like divine beings—so attractive that it’s hard to look away when they pass by. One might say, “If I were handsome, people might think I was acting,” but beneath that rugged exterior lies a warm and caring heart, rich in spirit and devoted to self-care. I feel like I’m the quintessential girl in all of Thailand, and everyone seems to echo that sentiment. These actors seem to float above the ground, making it impossible not to be enchanted by them. P’ Muen Fah is incredibly fortunate; not only is his younger brother a charming presence, but his friends are equally blessed with good looks, and his dear brother has a delightful smile and cheeks that are just begging to be pinched.3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัลที่ 2 “แกงค์ป่วน ก๊วนลูกปูไต่”**ชื่อสาขานี้เป็นชื่อที่ได้รับการเสนอเข้ามาเยอะที่สุด นี่คือแนวคิด/ที่มาบางส่วนเท่านั้น** แนวคิด 1 : มาจากผู้กำกับซีรีย์เรื่องกี่หมื่นฟ้าใช้เรียกน้องๆ เวลาเข้าบล็อคกิ้ง เข้าซีนต่างๆ แล้วพากันซนอยู่ไม่นิ่ง พี่ๆเลยเรียกแกงค์ลูกปูไต่ค่ะ แนวคิด 2 : มีที่มาจากคุณผู้กำกับของเรื่องอย่างพี่กล้าที่เล่าว่าเด็กๆกี่หมื่นฟ้าเวลาเข้าซีนด้วยกันเมื่อไหร่วุ่นวายสุดๆๆ เหมือนต้องจับปูใส่กระด้งเพราะแต่ละคนแสบซ่ากันมากอยู่กันไม่นิ่งพอเรียกอีกมาอีกคนก็ไป จับตัวให้ยืนนิ่งๆๆยากมาก55555Mischief-makers: the Crab Crew**The name of this branch received the most suggestions,and here are a few of the wonderful ideas and inspirations we’ve gathered.** Idea 1 : This delightful notion originated from the director of the series “Ki Muen Fah” He would often invite the younger cast members during rehearsals as they moved between scenes. With their lively spirits and boundless energy, they were quite the handful! This playful behavior led the older cast to affectionately nickname them the “Little Crab Climbing Gang.” Idea 2 : The director of the story, P’ Kla, shared a delightful observation about the Ki Muen Fah children. He mentioned that whenever they come together in a scene, it becomes wonderfully lively and a bit tumultuous—like trying to catch crabs in a basket! Each child is full of energy and personality, making it hard for them to stay in one place. Whenever one is called over, the others tend to wander off. It really is quite a challenge to encourage them to hold still!4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัลที่ 1 “ไม่ว่าจะกี่หมื่นฟ้าก็ยังมีเธอเป็นที่รัก” เราได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อนิยายและตัวละครหลักในเรื่อง กี่หมื่นฟ้า โดยชื่อ "หมื่นฟ้า" หมายถึงพระเอก และ "ที่รัก" หมายถึงนายเอก ชื่อรางวัลนี้สื่อถึงความรักที่มั่นคงและไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะผ่านเรื่องราวหรืออุปสรรคใด ๆ ความหมายนี้ยังสะท้อนถึงจิตวิญญาณของเรื่องราวในซีรีส์ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่และลึกซึ้งWith countless skies above, you’ll always be my beloved. We drew inspiration from the novel’s title and the beloved characters in the series, Ki Muen Fah, where ‘Muen Fah’ signifies ‘the hero’ and ‘Teerak’ represents ‘the main character.’ This award’s name beautifully embodies a love that remains constant and unwavering, regardless of the challenges we face. It wonderfully captures the essence of the series, reflecting a profound and meaningful relationship that resonates deeply with us all.5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Star of My Sky (ดวงดาวแห่งท้องฟ้าของฉัน)” คำนิยายอีกนิยามหนึ่งคือ คุณคือท้องฟ้าของผม ที่มาคือ ซี่รีส์ “กี่หมื่นฟ้า Your Sky Series” เหมือนได้ทำให้โลกเปิดกว้างสดใสมากขึ้น ทั้งนักแสดง ตัวละคร ภาพ รวมไปถึงเพลงประกอบซีรี่ส์ ทำให้ทุกๆวันที่ได้ดูเรื่องนี้ได้ฮีลใจไปด้วยเพราะเป็นเรื่องที่สนุก ครบรสมากเพราะได้แต่รอยยิ้มเวลาที่เราดู อีกทั้งน้องๆ ทั้ง6คน ก็ได้ถ่ายทอดตัวละครมาจากนิยายได้น่ารักทุกตัวละครเลย และก็รู้ว่าน้องๆทำเต็มที่กับการแสดงซีรี่ส์เรื่องนี้มากๆ แถมน่ารักกับแฟนคลับทุกคนด้วย อยู่ปั่นเทรนช่วยกันทุกครั้งเวลาซีรี่ส์ออนแอร์ เลยอยากให้น้องๆทุกคนถูกค้นพบเยอะมากๆ เพราะน้องๆน่ารักจริงๆ แล้ววันไหนที่เราได้เห็นน้องๆ ตัวเท่ามดนั้นแสดงว่าพวกเขาได้เป็นดวงดาวที่พร้อมจะส่องแสงสว่างไปกับความสำเร็จที่เรารอคอยนั้นแล้วจริงๆนี้ เลยเป็นที่มาของ Star of My Sky (ดวงดาวแห่งท้องฟ้าของฉัน)Stars of My Sky One way to define a novel is by saying, “You are my sky.” This phrase comes from the delightful series “Ki Muen Fah: Your Sky Series.” It truly brings a sense of openness and brightness to the world. The performances of the actors, the vibrant characters, the beautiful imagery, and even the lovely soundtrack all work together to create a heartfelt experience that lifts my spirits every time I watch it. It’s such a joyful story that I can’t help but smile. Additionally, the six young actors portray their characters with such charm and cuteness. I can feel their dedication in each scene, and they genuinely connect with their fans, helping to create a buzz every time the show airs. I can’t wait for everyone to discover these talented young stars because they are simply wonderful! When we see them shining brightly—small yet mighty—it reminds us that they are ready to take the spotlight and achieve the success we’ve all been eagerly anticipating. This is where “Star of My Sky” truly begins.ถึงเวลาที่แฟน ๆ ชาวด้อมรอคอย! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการเราจะมาพูดคุยกับ “อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ - แพทจิ” กันรางวัล “ไม่ว่าจะกี่หมื่นฟ้าก็ยังมีเธอเป็นที่รัก” โทมัส : ครับผมก็อยากจะบอกพี่ ๆ ทุกคนเลยครับว่า “รักมาก ๆ นะครับ แล้วก็ We did it guy this our first trophy of a your sky series” ก้อง : ครับผมก็ขอบคุณสำหรับรางวัลและก็ชื่อรางวัลเก๋ ๆ ให้พวกเราแก๊งกี่หมื่นฟ้าด้วยนะครับผม พวกเราจะเก็บรางวัลนี้ไว้เป็นอย่างดี ใส่ตู้เซฟล็อค 8 ชั้นความสนิทกันของแก๊งกี่หมื่นฟ้า ป๋อ : ตอนแรกวันที่ถ่าย pilot เป็นคิวแรกที่ถ่ายทำกี่หมื่นฟ้าผมจะเข้าซีนกับก้องเยอะกับแพทด้วย แต่ว่าคือตอนนั้นเรายังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะว่ามันก็มีแค่ Workshop นิด ๆ หน่อย ๆ ก้อง : ใช่ ก่อนคือเหมือนก่อนที่จะได้ถ่าย pilot เราเจอกันไม่ถึง 5 ครั้งด้วยซ้ำแล้วก็ยังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นยังไม่ได้รู้จักกัน นี่คือ pilot เรื่องแรกที่ทุกคนใหม่มาก ทุกคนยังโฟกัสกับการถ่ายมากก็เลยยังไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ เยอะมากเพราะว่าเราโฟกัสกับการถ่ายมากจริง ๆ โทมัส : ครับก็สำหรับผมนะครับ ก็คือตั้งแต่ตอนแรก ๆ ที่พึ่งรู้ว่าโปรเจกต์เราจะต้องแสดงก็รู้สึกว่ากดดันมาก ๆ ได้เจอเพื่อน ๆ ที่แบบหน้าใหม่ บางคนก็เจอกันนานแล้วนะครับผม ก็รู้สึกแบบมีความอุ่นใจและก็มีความตื่นเต้นมาก ๆ เลยจนแบบทำให้เรารู้สึกว่าเราจะเกร็งหรือเปล่า เพราะตอนแรกก็แบบไม่ได้ Ice breaking กัน ครับแต่ว่าตอนนี้ก็สนิทกันมาก ๆ เลยครับ เพราะได้ร่วมงานด้วยกันแล้วก็ได้ใช้เวลาด้วยกันครับผมกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ของแก๊งเรา โทมัส : มีครับ ก็มีเยอะเลยครับแต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นตอนที่ออกกองนี่แหละครับ ก็จะหา activity มาสักอย่างหนึ่งมาเล่นด้วยกัน ก็มีเล่น TikTok เต้น ๆ บ้าง ก้อง : เพราะว่าพอเราเข้าซีนมันจะมีแบบบางคนที่ว่างครับ กลุ่มนั้นก็จะหาอะไรทำเพราะไม่งั้นมันจะง่วงนอน โทมัส : หาทำ Content ครับทุก ๆ คิวเลยคนที่ซนน้อยที่สุดในแก๊งกี่หมื่นฟ้า คือ ... ก้อง : ถ้าน้อยสุดก้องให้พี่เซฟ โทมัส - อู่อู๋ : เห็นด้วยครับ ๆ แพทจิ : ผมไม่เห็นด้วยครับ ควรจะเป็นผม อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ : โอ้โฮฮฮ 555555 ก้อง : ดูจะเป็นคนที่เรียบร้อยที่สุดในพวกเราแล้วครับผม โทมัส : ใช่ เซฟจะเป็นคนนิ่ง ๆ แล้วแบบด้วยความที่เซฟเป็นคนฉลาด แล้วเก่งอะ 555 เซฟจะเป็นคนที่โฟกัสกับงานมาก ๆ เลย จะไม่ยุกยิกจะนิ่งมาก ๆ เลยแล้วคนที่ซนมากที่สุดในแก๊ง คือ ... โทมัส : ชัดเจนมากเลยครับ น้องแพทจินั่นเอง แพทจิ : ขอเหตุผลได้ไหม? โทมัส : เดี๋ยวพวกพี่จะบอกเหตุผล แล้วให้น้องแพทโต้ละกันนะ แพทจิ : ผมว่าสังคมหล่อหลอมมากกว่า อู่อู๋ เซฟ โทมัส ก้อง ป๋อ : โอ้โฮฮฮ 555555 ก้อง : ไม่ใช่ อันเนี้ยแพทหล่อหลอมสังคม ป๋อ : ถ้าแก๊งนี้คือโดนเยาวชนมอมเมาครับ โทมัส : ใช่ครับผม ก็คือน้องแพทซนที่สุดและดื้อที่สุดเพราะว่าน้องแพทชอบไปแกล้งพี่ ๆ คนอื่น โทมัส : ใครโดนเยอะสุด ป๋อกับอู่อู๋ ป๋อ : อู่อู๋ก่อน อู่อู๋ : คือผมไม่ค่อยโดน แต่ผมอะเห็นน้องแกล้งคนอื่น เอาจริงส่วนใหญ่ก็จะแกล้งป๋อนะหมายถึงว่าแบบ แพทจิ : ผมแกล้งยังไง ป๋อ : คือนี่ก็รู้สึกว่าโดนบ่อยนะ แต่ว่าก็พยายามลืม ๆ มันไป 55555 แพทจิ : อันนี้ให้ความเท็จครับ ไม่จริง พี่ป๋อแกล้งผม ป๋อ : พี่แกล้งยังไง แพทจิ : ก็ล้อเรื่องเก่า ๆ บ้าง ล้อเรื่องทรงผม เรื่องนาฬิกาในเรื่อง ป๋อ : อันนั้นไม่ใช่แค่พี่ อันนั้นทั้งกอง ก้อง : คือแพทในคาแรคเตอร์เขาจะมีนาฬิกาสีส้มประจำตัวครับ ส้มจี๊ด ก็เลยจี๊ดถึงทุกวันนี้ โทมัส : ใช่ครับ ด้วยความที่แบบน้องเล่นคาแรคเตอร์ที่ต้องดีด ๆ หน่อย น้องจะเหมือนลิง 5555 แพทจิ : ไม่ใช่ครับ ในห้อง Workshop ครูของพวกเรานะครับ ก็ให้ผมสวมบทบาทเป็นสัตว์ตัวนึง แล้วผมก็คิดว่าเออมันน่าจะเหมือนลิง ก็เลยลองเล่นเป็นลิง หลังจากนั้นเวลาที่ต้องเล่นผมก็เลยจะแบบ alert ตลอดเวลา แต่จริง ๆ ผมเหมือนพี่โทมัสเลยครับ โทมัส : ครับก็ให้ผู้ชมตัดสินเอานะครับดีใจที่วันนี้ทุกคนมาหาพวกเรานะครับ 3 ก้อง : ครับผมก็ขอบคุณทุกคนมาก ๆ นะครับที่มาหาพวกเรา ก็คือตอนลงมาจากรถเนี่ยตกใจมากคนมาเยอะมากแล้วก็ดีใจที่เจอทุกคน เพราะว่าเราก็ไม่ค่อยได้รวมผลกันบ่อยไงนานทีก็ดีใจที่วันนี้ทุกคนมาหาพวกเรานะครับโทมัส – ก้อง เปรียบคู่ของตัวเองเป็นมาการองไส้สตอรว์เบอร์รี โทมัส : เราเปิดก่อนได้เปรียบ ก็รู้สึกว่าคู่ของเรานะครับจะเป็นอาหารที่อร่อยมาก ๆ เป็นของหวานให้มาการองละกันครับ เพราะว่า มาการองเป็นสิ่งที่ผมชอบ ก้อง : เอ้าแค่นั้นเหรอ โทมัส : และมันหวานและมันอร่อย ก้อง : จริงเหรอ ของเรามาการองจริงเหรอ โทมัส : ไม่รู้ อ่อแล้วก็มีอีกอย่างนึงที่เป็นเหมือนกัน ก้อง : เป็นสตรอว์เบอร์รีครับ เพราะผมชอบกิน 5555 โทมัส : ตอนแรกผมจะตอบว่าเป็นซูชิโอมากาเสะบวกกับพิซซ่าทรัฟเฟิลอีก 1 ชิ้นครับ เพราะชอบกินอู่อู๋ – เซฟ เปรียบคู่ตัวเองเป็นก๋วยเตี๋ยวรสเผ็ช! เซฟ : ถ้าผมกับพี่อู่อู๋ก็คิดว่าน่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวครับ เพราะว่าผมคิดว่า อู่อู๋ : เส้นเยอะใช่ไหม 5555 เซฟ : ก๋วยเตี๋ยวมันก็มีแบบว่าหลาย ๆ อย่างอยู่ในก๋วยเตี๋ยว ผมก็เลยคิดว่าเราทั้งคู่มีอะไรหลาย ๆ อย่างแล้วก็สามารถปรุงได้ด้วย ก็เหมือนเราอยากได้รสไหนเราก็ปรุงเข้าไปเติมเข้าไปรสนั้นรสนี้ อยากได้แบบไหนก็ปรุงได้ อู่อู๋ : เอาเส้นออกก็เป็นน้ำซุปได้ เซฟ : ไม่ก็จะเป็นเกาเหลาไง โทมัส : แต่ว่าส่วนใหญ่ก็จะเป็นก๋วยเตี๋ยวรสเผ็ดเนอะพวกเรา เซฟ : ทำไมอะ โทมัส : พวกคุณรสเผ็ดอะ ก้อง : อย่าบอกนะว่าเขาแซ่บกันอะ เฮ้ยย โทมัส : ไม่เป็นรสเพราะว่าแบบ ก้อง : ทะเลาะกันแซ่บ โทมัส : ใช่ครับ ใช่ป๋อ - แพทจิ เปรียบเราสองคนเป็นปลาร้า เพราะ... แพทจิ : ผมคิดว่าเป็นปลาร้าครับ ปลาร้าสวีเดนเพราะว่ากลิ่นความหล่อของผมกับพี่ป๋อมันแรงเกิน 5555คนนิสัยแบบนี้! มัดใจแต่ละคนได้อย่างสบายๆ โทมัส : ผมขอตอบก่อน รู้สึกว่าคนที่จะทักมาผมจะหวั่นไหว คือธรรมดาแล้วผมเป็นคนที่ใจแข็งไม่ค่อยหวั่นไหวกับอะไรง่าย ใช่ไหม ใช่ครับ คือจะเป็นคนที่ทำให้ผมสบายใจที่อยู่ด้วยแล้วก็เป็นความสกใสในชีวิต นิสัยที่แบบตลก ฮา ๆ ครับ ทำให้แบบผม enjoy ไปด้วย ส่วนตัวผมแล้วผมเป็นคนอินโทรเวิร์ต ก็จะไม่ค่อยมีอะไรทำให้ผมแฮปปี้หรือมีโดปามีนเข้าในหัวเท่าไหร่ก็เลยอยากจะมีคนมาเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางที่ดีขึ้นครับ ก้อง : ก้องจะเป็นคนที่พูดเยอะก็ถ้าสมมุติคนที่ก้องจะชอบก็จะเป็นคนที่พูดน้อยละกัน เพราะว่าจะได้ไม่แย่งก้องพูดจะได้ฟังเราพูด เป็นคนที่มีวุฒิภาวะมากกว่าเรา เล่นกับเราได้เพราะว่าชอบเล่นถ้าเล่นคนเดียวเดี๋ยวเขาหาว่าบ้า 5555 เซฟ : ขอผมน่าจะเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำ ทั้งมีความสามารถก็สามารถพาเราไปทำหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะความแปลกหรือความใหม่ก็ได้หมดเลย อู่อู๋ : ผมชอบคนขี้อ้อนครับ คือผมเป็นที่ชอบเล่นหมายถึงว่าหาอะไรทำอะ แต่ว่าบางทีหาไรทำมันไม่ใช่แค่แบบ ปกติเขาจะหาไรทำเป็นกิจกรรมใช่ไหม แต่อันนี้คือสมมุติว่าผมอยู่กับคนที่ผมชอบผมจะชอบแกล้ง บางทีอาจจะออกแนวรุนแรงนิดหน่อยแต่ไม่ได้ตั้งใจรุนแรงนะแต่ว่าเราเอ็นดูไง แล้วก็ชอบคนนิสัยแบบอ้อน ๆ เหมือนแมว ป๋อ : คนที่ต้องรู้จักกันมานานผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะแยะ เป็นคนที่ใส่ใจกันครับ เป็นคนที่แคร์เราเยอะ ๆ ครับ หลัก ๆ ก็เป็นคนที่ใส่ใจเราและก็ค่อยเป็นห่วงเรา ค่อยดูเราในแต่ละพาร์ทแล้วก็ค่อยอยู่ข้าง ๆ เราละกันครับ แพทจิ : ก็คงจะเป็นคนตลกครับ คนที่แบบเข้ากับผมได้สติไม่ค่อยมีเหมือนกัน เป็นคนที่ผมเล่นอะไรแล้วเล่นตาม คุยกันถูกคอเข้าขากันได้วันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ – แพทจิ” มาให้เล่นกันชื่อเกมว่า “จะกี่หมื่นฟ้าผมก็จะพาไป….” แล้วมาดูกันว่าทั้ง 6 หนุ่มจะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่?(เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ – แพทจิ” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “อู่อู๋ - เซฟ - โทมัส - ก้อง - ป๋อ – แพทจิ” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้กับรายการ และฝากซีรีส์ “กี่หมื่นฟ้า Your Sky Series” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 22.15 น. ทางช่อง One 31 และรับชมย้อนหลังแบบ UNCUT เวลา 23.15 น. ทาง iQIYI ฝากเพลงประกอบซีรีส์ “ที่รักครับ (Only One)” จาก ATLAS ด้วยน้าาสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

รางวัล “เสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปี” บอกเลย...ชื่อนี้เหมาะกับ “มิว ศุภศิษฏ์” ที่สุด พร้อมพูดคุยอัปเดตผลงานในปี 2024 นี้!!

07 ก.พ. 2024

รางวัล “เสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปี” บอกเลย...ชื่อนี้เหมาะกับ “มิว ศุภศิษฏ์” ที่สุด พร้อมพูดคุยอัปเดตผลงานในปี 2024 นี้!!

EFM FANDOM LIVE [1 กุมภาพันธ์ 2567] คืนนี้ต้อนรับ “มิว ศุภศิษฏ์” พร้อมอัปเดตผลงานใหม่ๆ พูดคุยกับ 2 สาว “ดีเจดาว - ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการเป็นการคัดเลือกชื่อ FANDOM AWARDS จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปี” แนวคิด 1: พี่มิวเป็นคนหัวเราะได้เป็นเอกลักษณ์มากค่ะ เสียงจะออกมาจากลำคอ ปลายเสียงหัวเราะจะคีย์สูง และมีเสียงนาสิกแอดลิบออกมา ใครอยู่ใกล้ก็จะได้อรรถรสมาก แต่อยู่ไกลก็จะไม่เหงา เพราะเสียงหัวเราะของพี่มิวสามารถได้ยินในระยะ 500 เมตรเลยค่ะ​ แนวคิด 2: น้องมิวเป็นคนที่หัวเราะได้สุดมาก ๆ หัวเราะแล้วโลกสดใส ได้ยินเสียงน้องมิวหัวเราะจากที่เครียดอยู่จะอดยิ้มตามไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงหัวเราะน้องมิวจะต้องยิ้มตามทุกครั้ง2.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ศิลปินแห่งความภูมิใจ”​ พี่มิวเป็นทั้งนักร้อง และนักแสดง อีกทั้งยังทำงานเบื้องหลังเช่นการเป็นผู้จัดซีรี่ย์ และการเป็นเจ้าของบริษัท รวมทั้งยังมีด้านการเรียนปริญญาเอก พี่มิวตั้งใจทำทุกอย่างอย่างเต็มที่มาเสมอ ตั้งใจทำงานเพื่อตอบแทนแฟนคลับทุกคนที่รักเขา และยังสามารถแบ่งเวลาชีวิตของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แม้เวลาจะมีน้อยแต่หากมีเวลาก็จะแบ่งมาให้แฟนคลับด้วยตลอด พี่มิวโชว์ทัศนคติที่ดีของตัวเองออกมาให้แฟน ๆ ภูมิใจมาเสมอไม่ว่าด้านใดก็ตาม คอยเป็นกำลังใจ ส่งความเชื่อมั่น ส่งต่อความคิดดี ๆ ให้แฟนคลับอย่างตั้งใจ เป็นคนที่ทำให้mewlionsภูมิใจมากๆมาเสมอเลยค่ะ3.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Perfect Man” ในมุมมองของแฟนคลับคนนึงคิดว่ามิวเป็นคนที่เพอร์เฟคมาก ๆ ทั้งหล่อ น่ารัก นิสัยดี เรียนเก่ง ร้องเพลงเพราะ วาดรูปสวย ขยันทำงาน ขี้อ้อนเป็นหนุ่มคลั่งรักมากกกก รักครอบครัว รักแฟนคลับ รักสัตว์ และคอยที่จะเรียนรู้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาอาวุธของมิวที่จะทำให้ตกหลุมรัก คือ​ 1. สายตาพิฆาต / เวลาสบตาที่ไรเหมือนโดนมนต์สะกด​ 2. รอยยิ้มที่สดใส / เจอยิ้มทีละลายไปเลยจ้า​ 3. เสียงหัวเราะที่อร่อยมากกกกกกกกก / ไม่ว่าจะเหนื่อยหรือเครียดอะไรมาพอได้ฟังเสียงหัวเราะของมิวคือช่วยได้เยอะมากๆ4.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เทพบุตรรอยยิ้มรักโลก” แนวคิดมาจากอยากให้โลกนี้มีแต่ความรัก ความใจดี ความเมตตา ให้กันและกัน รอยยิ้มเป็นสิ่งที่แต่ละคนสามารถให้ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องลงทุนอะไร เป็นกำลังใจ เป็นความรู้สึกดีๆที่ส่งต่อให้กัน สร้างวันที่ดีให้กันและกัน มีพลังในการใช้ชีวิตต่อไปได้ อยากมอบรางวัลนี้ เทพบุตรรอยยิ้มรักโลก ให้แด่พี่มิว ศุภศิษฏ์ ชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มที่ฮีลหัวใจของมิวเลียนส์ที่สุด รอยยิ้มแสนอบอุ่น ที่ส่งผ่านแววตาเวลาที่ได้พบเจอแฟนคลับ รอยยิ้มที่แสดงถึงความรู้สึก ดีใจที่ได้เจอกันนะครับ หรือ ขอบคุณทุกคนที่มาหาผมนะครับ เป็นการส่งกลับพลังงานดี ๆระหว่างศิลปินและแฟนคลับ ทำให้แต่ละครั้งที่ได้ใช้เวลาด้วยกันเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษ การไปหาไปให้กำลังใจพี่มิวในแต่ละงาน อาจจะเสียพลังงานในเดินทางหรือการรอที่จะได้เจอกัน แต่ทุกครั้งเมื่อเราได้เจอกันแล้ว รอยยิ้มของพี่มิว ฮีลพลังงานที่เสียไปกลับมาได้เสมอ รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นนี้ต่อให้ไม่ใช่แฟนคลับได้เห็นก็รู้สึกได้ถึงความสุขที่ส่งออกมาได้ อยากให้รางวัลนี้เป็นตัวแทนบอกกับพี่มิวว่า ขอบคุณที่คอยรักษาโลกใบนี้ของมิวเลียนส์มาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์แบบไหน รอยยิ้มของพี่มิวเป็นกำลังใจช่วยให้ผ่านมาได้ตลอด พี่มิวเหมาะสมกับรางวัลนี้ที่สุดเลย ขอบคุณรอยยิ้มแสนสดใสที่คอยมอบให้กันมาเสมอนะคะ รักนะคะ5.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คนจริงใจดีเด่น” เขาหล่อ เขาน่ารัก เขาเก่ง ร้องเพลงก็เพราะ งานแสดงก็ทรงเสน่ห์! รุ่มรวยด้วยความสามารถรอบตัว! แต่! สิ่งที่ทำให้ตกหลุมรัก และยังทำให้รักอยู่เสมอ คือ ความจริงใจของเค้าค่ะ! เค้าจะบอกทุกครั้งว่า อะไรเป็นอะไร ให้ข้อเท็จจริงกับเรา ให้ข้อมูล ให้เราเอาไปคิดพิจารณาเอง ถือว่ามิวเคารพในทุกการตัดสินใจของแฟนคลับ และมันทำให้เรารู้สึกดีตรงนี้มาก ๆ เลยค่ะ มิวไม่ใช่เพื่อน พี่น้อง คนรัก หรือคนในครอบครัว มิวเป็นศิลปินคนนึงที่เราติดตามจากการเสพความบันเทิงในชีวิตทั่วไป แต่เราไม่คิดไม่ฝันว่า คนคนหนึ่งจากคนที่เรารู้จักในโลกบันเทิงเท่านั้น กลับยิ่งทำให้เรารู้จัก ก็ยิ่งรักเค้า ทั้งที่ไม่ใช่คนสนิท แต่มิวกลับหยิบยื่นความรัก ความจริงใจ ให้กับแฟนคลับอย่างเรา ๆ ตลอดมา​ มิวเคยบอกว่าบนเวทีมันก็มีการแสดงอยู่ในนั้น แต่มันก็เกิดจากความตั้งใจที่จะให้ทุกคนมีความสุข จากที่เคยคิดว่าเค้าเป็นศิลปิน เค้าก็คงเลือกให้เห็นแต่สิ่งที่สวยงามสิ แต่มิวเลือกที่จะบอกว่าในโลกกลม ๆ นี้ ก็มีอีกหลายด้านไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง มิวเคยมีวันที่แย่ ๆ ที่ทำให้เค้าไม่มีความสุข แต่เค้าก็เลือกที่จะบอกตรงนี้กับทุกคน เลือกที่จะให้แฟนคลับรับรู้ บางคนอาจจะถอยห่าง แต่หลายคนก็ไม่ไปไหน กลับรู้สึกดีที่มิวเลือกที่จะเล่าให้มิวเลี่ยนส์ฟัง ในเมื่อมิวเลือกให้เรารับรู้ทั้งสุขและทุกข์ แสดงว่ามิวก็เห็นมิวเลี่ยนส์ เหมือนคนในครอบครัวแล้วค่ะ ในโลกใบนี้ เราพบเจอกับคนต่างครอบครัว ต่างที่มามากมาย จากคนแปลกหน้าคนนึง ได้มารู้จักกัน จะมีซักกี่คนที่ให้ความจริงใจกับเราได้ขนาดถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “มิว ศุภศิษฏ์”รางวัล “เสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปี”สิ่งที่มิวอยากเห็นแฟนคลับมีในทุก ๆ วันนอกจากรอยยิ้ม อยากเห็นมากที่สุดคือเรื่องความสุข เพราะเหมือนเขาก็คอยให้กำลังใจเรา คอยให้ความรัก ให้การสนับสนุน เราก็รู้สึกว่าอยากเห็นเขามีความสุขเหมือนกัน ไม่ว่าจะด้วยเรื่องเราหรือว่าเรื่องการใช้ชีวิตของเขาใดใดก็แล้วแต่ อยากให้เขาแฮปปี้เรื่องที่กำลังศึกษาและกำลังพัฒนาตัวเอง ช่วงนี้รู้สึกอยาก Discover เรื่องศิลปะ ตอนเด็กชอบวาดรูปมากก็เลยรู้สึกว่าอยากได้ Activity บางอย่างที่สามารถทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น ก็เลยกลับไปวาดรูป แล้วก็ Discover ว่าการวาดรูปมันทำให้เรามีสมาธิได้มาก ๆ คือระหว่างวาดรูปผมสามารถวาดไป 5 ชั่วโมงได้โดยไม่ทำอะไรเลย อยู่กับมันไปได้เรื่อย ๆแนวการวาดรูปที่ชอบ ผมจะชอบแนว อินเพรสชั่นนิสม์ (Impressionism) ละกัน คือไม่ใช่ เรียลลิสติก (realistic) เกินไป แต่ว่าเหมือนเอาความรู้สึกเรา เช่นสมมติว่าถ้าเราไปเที่ยวแล้วก็เห็นภาพทะเล ท้องฟ้า ภูเขาอะไรต่าง ๆ นานา แต่ถ้าอินเพรสชั่นนิสม์ (Impressionism) มันจะมีความเหมือนเก็บความรู้สึกตอนนั้นมาแล้วก็ระบาย เช่น เราอาจจะรู้สึกว่าท้องฟ้าเราอาจจะไม่สีฟ้าก็ได้ ผมรู้สึกว่าเราสามารถเอาสมาธิไปอยู่กับมันได้นาน ก็แปลกใจเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าเป็นการที่เราได้ทำอะไรที่ชอบและได้ฝึกสมาธิไปในตัวด้วยถ้าพูดถึงเรื่อง Mew Mories Special B Day With You งานครบรอบวันเกิดมิว : จริง ๆ เกิดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ แต่งานเกิดขึ้นวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ก็เลยต้องจัดก่อนเพราะวันเกิดต้องไปทำงานที่ต่างประเทศเหตุผลที่เลือกคอนเซ็ปท์นี้ คือ…ตัวคอนเซ็ปท์จะมีความเหมือนปฏิทินที่ทำทุกปี ปีนี้จะเป็นคอนเซ็ปท์ที่ลิงก์กัน ก็จะมีความเอารูปเก่า ๆ มา และก็ทำแบบถ้าปัจจุบันแล้วเป็นยังไง ตัวงานนี้ก็เหมือนกันจะเป็นการเก็บความทรงจำ แต่ด้วยความเป็นแฟนมีตก็จะมีเพลงต่าง ๆ ด้วยที่ถูกใส่เข้ามาในการร้องและกิจกรรม ซึ่งเพลงก็จะเป็นแนวยุคตั้งแต่เราเกิดผ่านอะไรมาบ้างจนถึงปัจจุบัน แต่ที่เป็นชอปเปอร์ก็คือเป็นอีกหนึ่งความทรงจำดี ๆ ที่อยู่ด้วยกันกับเรามาจนปัจจุบัน อยู่ด้วยกัน 10 ปีแล้วอายุปีนี้ของมิว ศุภศิษฏ์มิว : เราก็ใกล้ ๆ กัน ผม 33 แล้วปีนี้ ทำไมถึงถามออกรายการแบบนี้! 555สิ่งที่พิเศษในวันเกิดปีนี้ที่ต่างจากปีอื่น ๆ วันเกิด 21 กุมภาพันธ์ ก็ปีนี้นี่ไงที่บอกไปทำงาน ไป fashion week แล้วมันชนกับวันเกิดพอดี ช่วงหลัง ๆ ก็ทุกปี แต่บางทีก็พยายามเก็บช่วงกลางคืน เผื่อไว้ดินเนอร์กับที่บ้าน เป่าเค้กหน่อย ตอนเด็ก ๆ มีธรรมเนียมต้องตื่นไปทำบุญก่อน ไปกินข้าวที่บ้าน พอโตมาแล้วไม่ไหวละ 555 แต่ปกติก็อย่างที่บอกไป แต่ปีนี้ก็อดเพราะไปต่างประเทศสิ่งที่ห้ามพลาด แฟน ๆ ต้องมาเท่านั้น! ทุกอย่างเลย เพราะว่าปีนี้มีกิจกรรมใหม่ ๆ อย่างที่บอกไปก็ช่วงนี้อินกับศิลปะ ก็เลยจะเอาพวกงานที่วาดรูปไปโชว์ ไปโชว์วาดรูปได้ไหม จะยอมมากันไหม ผมว่าแฟน ๆ ก็อาจจะปวดสลักเพชร อาจจะมีบริการก็คือให้หมอนวดเข้ามานวดและดูวาดรูปไปด้วย 555sequence ในงานครั้งนี้ ถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว ก็จะมี sequence อย่างที่บอกไปเป็นช่วงอายุและก็เป็นแนวเพลงต่าง ๆ ที่ถูกทำมารวมทั้งชุดและกิจกรรมต่าง ๆ อาจจะยังสปอยเยอะไม่ได้ แต่ก็จะมีอย่างในโปสเตอร์เดี๋ยวจะพาชอปเปอร์มาด้วย ตัวหลักคนนี้ถ้าร้องเพลงได้จะให้ออกงานละ ดันชอปเปอร์ออกงานละ 555 ธีมชุดก็คิดหนักมากว่าควรจะเป็นธีมอะไร เพราะว่างานมีตบางอันก็เคยจัดช่วงฮาโลวีน คอสเพลย์ผีมาเรียบร้อยละ ปีนี้ถ้าคอนเซ็ปท์ยากไปไม่รู้เขาจะทำได้หรือเปล่ามีอยู่ในใจ คอนเซ็ปท์ผีตาโขน ไปเปิดดูถ้าแฟน ๆ ใส่เป็นผีตาโขนก็น่ารักดีนะ แต่คิดว่าไม่น่าผ่าน งั้นเอาเป็นว่าง่าย ๆ เป็นตัวอักษร ม.ม้า หรือไม่ก็ตัว M และมีการแจกรางวัลให้กับคนที่แต่งตัวปังที่สุดด้วย สามารถซื้อบัตรได้ที่ช่องทาง eventpop.me ซื้อได้เลยตอนนี้ ขายบัตรไปแล้ววันที่ 18 มกราคม สถานที่ At KBang Siam Pic-Ganeshaถ้าพูดถึงละคร “มนต์รักลูกทุ่ง 2567”ความรู้สึกหลังจากที่ทางละครติดต่อมา คิดหนักจริง เพราะว่าแต่ละเวอร์ชั่นเขาก็ปังมาก แล้วก็ยังไม่เคยร้องเพลงลูกทุ่งมาก่อน ก็เลยจะทำยังไงดี แล้วเขาอยากให้เราร้องหลายเพลงด้วย ในเวอร์ชั่นเก่า ๆ พี่ ๆ พระเอกก็ไม่ได้ร้องเอง จะเป็นศิลปินมาร้อง แล้วเวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นแรกที่เหมือนเขาจะให้ผมร้องเองเลย พอออนแอร์ไปแล้ว EP. แรก วีคที่แล้วกระแสดีมาก ในยอด X ก็เยอะเหมือนกันเป็นล้านเหมือนกันนะที่ลงทวิต แล้วเรตติ้งก็น่าพอใจเลยสำหรับช่วงเวลานั้น พอหลังจากออนวันเดียว ผมไปนั่งกินข้าวร้านข้างทาง มีคนเรียกพี่คล้าวการโคจรมาพบกันกับ “ชาล็อต ออสติน” น้องน่ารักมาก น่ารักจริง ๆ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งเลยที่รับเรื่องนี้ พอรู้ว่าทองกวาวคือชาล็อต คนดูต้องเซอร์ไพรส์แน่เลยถ้าเป็นชาล็อตความท้าทายในละคร “มนต์รักลูกทุ่ง 2567” ตอนเริ่มแรกเรื่องร้องเพลงเป็นปัญหาหลัก แต่พอตอนถ่ายปัญหาเต็มไปหมด 555 มันจะมีความที่เห็นเป็นรอมคอมแบบนี้แต่มันจะมีซีนที่แอคชั่นเยอะ เช่น การขี่ควายก็ต้องขี่จริง ๆ แล้วตอนนั้นผู้กำกับคืออาสำรวย ซึ่งกำกับตั้งแต่เวอร์ชั่นพี่ตั้วเลย แล้วก็พี่ป๋อ และนี่ก็เวอร์ชั่นที่ 3 เขาก็แบบถ้าทำแบบเดิมก็จะไม่ทำ เขาอยากทำให้มันแตกต่างจากเดิม เพลงต่าง ๆ ก็ยังมีอยู่ทั้งมนต์รักลูกทุ่ง ทั้งสิบหมื่น 2 เพลงนี้ก็ร้องเองเหมือนกัน พอร้องลูกทุ่งร้องยากมากเลยอะ น้ำตาจะไหล นึกไปแล้วทำไมทรมานจังตอนอัด คนที่คุมอัดก็เป็นครูลูกทุ่งเลยวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับคนเก่งรอบด้านอย่าง “มิว ศุภศิษฏ์” เล่นกันด้วย กับเกมที่มีชื่อว่า ‘พี่มิวทำได้’ สนุกสนานกันแน่นอน (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับ ได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “มิว ศุภศิษฏ์” อยากจะขอบคุณพี่มิว ที่เลือกที่จะอยู่ตรงนี้ให้พวกเราได้รัก จะบอกว่าตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ได้มาตามพี่มิวทุก ๆ วันเป็นวันที่มีความสุขมาก ๆ เลย แล้วก็ในทุกเส้นทางที่พี่มิวจะเลือกเดินต่อจากนี้ จะมีพวกเราแฟนคลับ มิวเลียนส์ทุกคนคอยซัพพอร์ตพี่มิวเสมอ ถ้าวันไหนพี่มิวเหนื่อยให้หันกลับมามองก็จะมีพวกเรายืนส่งยิ้มให้ แล้วก็ชูสองนิ้ว แล้วบอกว่าสู้ ๆ จะเป็นกำลังใจให้เสมอ รู้ว่าพี่มิวเหนื่อย ก็อย่างที่สายเมื่อกี้บอกพวกเราเป็นกำลังใจเสมอ หันกลับมาเมื่อไหร่ก็จะเจอพวกเรา และก็อยากบอกว่าขอบคุณด้วย รอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของพี่มิวมันช่วยฮีลใจในแต่ละวันของพวกเรามาก ๆ ก็เหมือนที่น้องมิวบอกพวกมิวเลียนส์ทั้งหลาย ที่บอกว่าอยากให้มีความสุข พวกมิวเลียนส์ทุกคนก็อยากให้น้องมิวมีความสุขมาก ๆ เหมือนกัน“มิว ศุภศิษฏ์” ขอบคุณสำหรับรางวัล “เสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปี” ต้องขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมได้รับรางวัลเสียงหัวเราะอรรถรสแห่งปีนี้ ก็พยายามจะรักษาคุณภาพเสียงหัวเราะต่อไปในปีนี้ด้วย ฝากติดตามเสียงหัวเราะของผมและคุณภาพเสียงของผมหลังจากนี้ด้วยสุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “มิว ศุภศิษฏ์” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ความน่ารักให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากติดตามละคร “มนต์รักลูกทุ่ง 2567” ทั้งดูสดทั้งย้อนหลัง , ภาพยนตร์เรื่อง The Package พัสดุฝ่าแดนมรณะ กำลังจะออนแอร์เร็ว ๆ นี้ , ซีรีส์เรื่อง Homeroom 29 ตัวประกัน , ซีรีส์เรื่อง ถึงคุณภรรยาจากสามีที่รัก และซีรีส์เรื่อง Love is like a cat ไปติดตามกันได้เลยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

จอส – กวิน พาซีรีส์ My Golden Blood เลือดนายลมหายใจฉัน มาฝากแฟนๆ EFM FANDOM LIVE เม้าท์มอย พร้อมทำภารกิจเล่นเกม Fly me to the moon กันถึงในสตู!

06 มิ.ย. 2025

จอส – กวิน พาซีรีส์ My Golden Blood เลือดนายลมหายใจฉัน มาฝากแฟนๆ EFM FANDOM LIVE เม้าท์มอย พร้อมทำภารกิจเล่นเกม Fly me to the moon กันถึงในสตู!

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 8 พฤษภาคม 68] คืนนี้ต้อนรับหนุ่ม ๆ “จอส - กวิน” จากซีรีส์เรื่อง My Golden Blood เลือดนายลมหายใจฉัน มาร่วมพูดคุยเม้าท์มอยกับดีเจสองสาว “ดีเจดาว” และ “ดีเจแนน”ในช่วงเปิดรายการพี่ ๆ ดีเจได้อ่านจดหมายทั้ง 5 ฉบับของของแฟน ๆ “จอส – กวิน”ที่เขียนแสดงความรักถึงศิลปิน และถูกเลือกมาอ่านในช่วง “EFM FANDOM LOVE LETTER”จดหมายฉบับที่ 1 ชื่อจดหมายว่า… “May My Golden Blood” bring you “Golden time” :-) ขอบคุณ จอส - กวิน ที่ตั้งใจกับโอกาสใหญ่ครั้งนี้อย่างเต็มที่นะ แอคติ้งของทั้งคู่มีมิติมากทำให้เชื่อเลยว่า มาร์ค - ตอง มีอยู่จริงๆ ทั้งที่จอสกวินคอยบอกแฟนคลับเสมอว่า ไม่ต้องเครียดเรื่องปั่นแท็ก ให้เอาเท่าที่สนุก แต่ทุกวีคก็จะมาช่วยเล่นแท็กกับแฟนคลับตั้งแต่เย็นจนวันรุ่งขึ้นอีกวัน จากที่ปกติไม่ค่อยแอคทีฟโซเชียลกัน appreciate สิ่งนี้มากเลย ขอบคุณนะคะ ขอให้ MGB พาจอสกวินได้ไปในที่ที่อยากไป และได้ทำในสิ่งที่อยากทำอีกเยอะๆเลยนะLetter #1: This letter is titled... “May My Golden Blood bring you Golden time” :-) Thank you, Joss - Gawin, for fully committing to this incredible opportunity. The performances from both actors are rich and layered, truly convincing me that Mark - Tong is real. Although Joss-Gawin often reminds fans not to stress over boosting the hashtag and encourages everyone to simply enjoy the process, they consistently show up every week to support the hashtag alongside the fans, from evening until dawn, despite typically being inactive on social media. I genuinely value this dedication. I am confidence that MGB will help Joss-Gawin reach their aspirations and enable them to pursue their passions even further.จดหมายฉบับที่ 2 ชื่อจดหมายว่า... “เพื่อนแท้คู่ซี้ชีวิตนี้มีแต่เธอ” เรารู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่ได้ค้นพบทั้งจอสและกวิน ถึงแม้การค้นพบพวกพี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ความรักที่มีให้ตอนนี้คือสิ่งที่เราตั้งใจมอบให้ ขอบคุณพี่จอสที่ทำให้รักสุขภาพตัวเองมากขึ้น ทำให้ทัศนคติ positive มากกว่าเดิม และขอบคุณพี่กวินที่ทำให้กลับมาร้องเพลง และชอบเครื่องดนตรีนะ เราจะคอยซัพพอร์ตพวกพี่เสมอเลย จะคอยยินดีกับสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตพี่ ๆ นะคะ มีโอกาสจะไปหาให้ได้! ฉบับนี้เขียนด้วยความรักLetter #2: This letter is titled... “You are the solo shining star in my universe of friendship.” We consider ourselves incredibly fortunate to have found Joss and Gawin. Although our meeting was unexpected, the affection we feel for both of you is genuine and what we want to share. Thank you, Joss, for encouraging me to take better care of myself and for inspiring a more positive outlook. And thank you, Gawin, for reigniting my love for singing and playing musical instruments. I’ll always be here to support you and celebrate the wonderful things that come your way. If the opportunity arises, I'll absolutely come to see you! This letter comes from the heart.จดหมายฉบับที่ 3 ชื่อจดหมายว่า... “ความรักอันไม่มีที่สิ้นสุดของฉันที่มอบให้กับคุณ” ตั้งแต่แรกที่สายตาของฉันจับจ้องไปที่คุณ ความรู้สึกหลงใหลเข้าครอบงำด้วยดวงตาที่มีเสน่ห์ราวกับชวนให้ค้นหา ความแน่วแน่ในสายตาของคุณ และรอยยิ้มอบอุ่นที่เปล่งประกายดั่งพระอาทิตย์ยามเช้า ฉันชื่นชมทุกความพยายามที่คุณทุ่มเทให้เหล่าแฟนๆ ชาวเวียดนามอย่างเรา เราจะติดตามเส้นทางที่คุณสร้างขึ้นเสมอ ฉันอยากให้คุณรู้ว่ามีคนมากมายที่รักและเคารพคุณอย่างสุดหัวใจ ขอให้คุณเป็นตัวของคุณเองอย่างเต็มที่~ จงเปล่งประกายและก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งนะที่รัก~Letter #3: This letter is titled... “My Enternal Love for You” From the first time I saw you, I was mesmerized by your captivating looks, your steadfast gaze, and your warm smile like the early morning sun. I cherish every effort you dedicate. We, the Vietnamese fans, will always follow in your footsteps. I want you to know that there are always many people who love you. Please always be yourselves~ Keep shining brightly and moving forward strongly, my loves~จดหมายฉบับที่ 4 ชื่อจดหมายว่า… ‘จอสกวิน’ ความเหมาะสมของห้วงเวลา และคุณค่าที่ถูกค้นพบ เวลาที่ใช่ในวันที่ใช่กับคนที่ใช่ บางทีนี่อาจเป็นห้วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่ 'จอส - กวิน' จะถูกค้นพบ ผ่านการบ่มเพาะประสบการณ์ สั่งสมคุณค่าในตัวเอง จนกระทั่งวันนึงได้มาพบกัน คงไม่ง่ายนักที่จะเจอ partner การทำงานที่สามารถไว้ใจได้ และเป็น dear friend ในชีวิตจริงได้อย่างสนิทใจด้วย ขอบคุณที่ตั้งใจสร้างผลงานที่มีคุณภาพ เราเชื่อว่าคุณค่าของ จอสกวิน จะถูกค้นพบมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนดาวที่พร้อมเปล่งประกาย รัก JGLetter #4: This letter is titled… ‘Joss Gawin’: The richness of the moment and the treasures we uncover The right time on the right day with the right person. Maybe this is the perfect moment for 'Joss - Gawin' to be found as we build experiences and grow in self-worth until that day arrives. It's tough to find a work partner you can really trust, someone who can also be a close friend in real life. We appreciate your commitment to producing great work. We’re confident that the value of Joss - Gawin will become increasingly evident, like a star poised to shine. With love, JG.จดหมายฉบับที่ 5 ชื่อจดหมายว่า... “Thank you” Hi both :) hope you are doing well. I am a very new fan from the other side of the world. Thank you for making international fans very welcome. I appreciate you in English and by the way your English is really good :) I am a retired athlete, so watching you play basketball because you love it is very inspiring for me to continue playing my sports for fun this time :). I wish you all the success.Letter #5: This letter is titled... “ความซาบซึ้งในใจ” สวัสดีทั้งคู่! หวังว่าทั้งสองจะสบายดีนะคะ ฉันเป็นแฟนคลับใหม่ที่เดินทางจากอีกฟากของโลก ขอบคุณมากที่ให้การต้อนรับแฟนๆ ชาวต่างชาติอย่างอบอุ่น ฉันชื่นชมทักษะภาษาอังกฤษของคุณอย่างมาก และต้องบอกว่า ภาษาอังกฤษของคุณยอดเยี่ยมมาก ฉันคืออดีตนักกีฬาที่เกษียณแล้ว การได้เห็นคุณเล่นบาสเก็ตบอลด้วยความรักและ ความหลงใหลของคุณ ทำให้ฉันมีแรงบันดาลใจในการเล่นกีฬาเพื่อความสนุกสนานอีกครั้ง ขอให้คุณประสบความสำเร็จในทุกก้าวนะถึงเวลาเข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVE มาพูดคุยกับ “จอส - กวิน”จากซีรีส์เรื่อง “My Golden Blood เลือดนายลมหายใจฉัน” กันเลย“จอส” ทำให้ “กวิน” กลายเป็น “เจ้าจิ๋ว” กวิน : ผมดูตัวเล็กมั้ยครับ? จอส : สำหรับผม..ไม่ได้ตัวเล็กนะ กวิน : เขาไม่ได้ถามถึงน้ำหนัก เขาถามถึงฟีลลิ่ง จอส : แต่ถ้าถามว่าเขาน่าดูแล น่าป้องป้องมั้ย..ก็ใช่“จอส” กับบทบาทการเป็นเทรนเนอร์ให้ “กวิน” จอส : พอรู้ว่าต้องเล่นซีรีส์ด้วยกัน เบื้องบนเขาสั่งมาว่าต้องฟิตหุ่นให้กวิน ก็จะออกกำลังกาย กับเล่นบาสด้วยกันครับ กวิน : เวลาออกกำลังกายจอสไม่ดุครับ แต่เวลาผมไม่ทำเขาก็แอบนอย จอส : เพราะในซีรีส์มันมีต้องถอดเสื้อ เราก็อยากให้เขาดูดี เลยอยากให้เขากระตือรือร้นกว่านี้นิดนึง กวิน : เขาหวังดีครับ จอส : จนตอนนี้ผมรู้สึกว่าการออกกำลังกายมันก็ไม่ได้สนุก แต่ว่าพอมีกล้ามเราก็จะรู้สึกดีถ้าย้อนกลับไป “จอส – กวิน” อยากบอก “มาร์ค - ตอง” ว่า... จอส : ผมจะมาร์คว่า..ให้มันน้อย ๆ หน่อยนะ อย่าดื้อให้มันมากนะ กวิน : เขาดื้อขนาดนั้นเลยหรอครับ? จอส : ค่อนข้างจะดื้ออยู่ เพราะหลังจบep.9ไปก็เสียใจมากโหมดอ้อนของ “ตอง” กับ “กวิน” ความเหมือนที่แตกต่าง กวิน : ถ้าตองก็จะอ้อน แต่ถ้าเป็นผมก็จะไม่ง้อครับ ไม่อ้อน จอส : เขาจะไม่ได้ง้อ จะทำให้ขำเพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้นมากกว่าครั้งแรกกับซีรีส์แวมไพร์ จอส : เราเป็นคนผิวแทนมีกล้ามไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเหมาะกับบทแวมไพร์ กวิน : ผมดีใจมากคิดว่าจะได้เล่นเป็นแวมไพร์ แต่จริงๆแวมไพร์คือจอส แต่ก็ดีใจที่ได้ร่วมโปรเจคต์นี้ จอส : แล้วแวมไพร์ในแบบที่คิดไว้ แตกต่างกับแวมไพร์คลั่งรักขี้อ้อนอย่าง “มาร์ค” ปกติแวมไพร์จะไม่มีความรู้สึก ไม่มีอารมณ์ แต่เรื่องนี้ทำให้แวมไพร์กลับมามีความรู้สึกนอกจากมาเม้าท์มอยกันแล้ว ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมมาให้ “จอส - กวิน” เล่นกัน!ชื่อเกมว่า... Fly me to the moon (สามารถเข้าไปชมได้ใน YouTube: ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย ทางรายการเสิร์ฟความฟินกันแบบฉ่ำๆให้ “จอส - กวิน” ได้โทรหาแฟนคลับมาพูดคุยกัน (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้… ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณหนุ่ม ๆ “จอส – กวิน” ที่มาร่วมสร้างเม้าท์มอยและสร้างเสียงหัวเราะให้กับพี่ ๆ และแฟนคลับ ฝากติดตามซีรีส์ “My Golden Blood เลือดนายลมหายใจฉัน” ได้ทุกวันพุธ เวลา 20:30 น. ทางช่อง GMM25 และดูออนไลน์ เวลา 21:30 น. บนแอป iQIYI ได้เลย และสามารถติดตาม จอส-กวิน ได้ทาง Instagram @josswayar และ @gawincaskey ได้เลยน้าสามารถเข้าไปรับชมความฟินและความฮากันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1