“PiXXiE” เกิร์ลกรุ๊ปสุดน่ารัก ที่ใครๆ ได้ทำความรู้จัก ก็ต้องตกหลุมรักพวกเธอมากกว่าเดิม!

EFM FANDOM RECAP

“PiXXiE” เกิร์ลกรุ๊ปสุดน่ารัก ที่ใครๆ ได้ทำความรู้จัก ก็ต้องตกหลุมรักพวกเธอมากกว่าเดิม!

03 พ.ค. 2023

ซัมเมอร์แบบนี้ ถ้าจะให้เรานึกถึงความสดใสคลายร้อนก็คงหนีไม่พ้น เกิร์ลกรุ๊ปวง T-POP จากค่าย LIT ENTERTAINMENT ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งอยู่ในช่วงนี้กับ 3 สาววง “ PiXXiE “ ( มาเบล - พิมมา - อิงโกะ ) 3 สาว 3 สไตล์ คาแรคเตอร์ชัดที่จะมามัดหัวใจของพวกคุณให้ดิ้นไม่หลุดกันไปเลยทีเดียว 

 

มาเริ่มกันที่ช่วงแรกของรายการกับการร่วมพูดคุยกับชาว ‘ Pixel’ ทุกท่านถึงจุดเริ่มต้นการรู้จักทั้ง 3 สาวกับเรื่องราวความแปก ที่ทำเอาชาว EFM Fandom Live แปลกใจในหลายอย่างเลยทีเดียว

 

ตำนาน “ ผมผี “ มีจริงค่ะซิส

 

เริ่มกันที่แฟนคลับของวิชวลสาวประจำวงอย่าง “ มาเบล PiXXiE ”หรือ มิ้นท์ สุชาดา ที่แฟนคลับก็ออกมาเล่าวีรกรรมความแปกของสาวคนนี้ที่บอกเลยว่า ความสวยยังไม่พอสำหรับเธอคนนี้ ความตลกก็ไม่น้อยหน้าใครอีกเช่นกัน อย่างคลิปไวรัลมาเบลพ่นน้ำก็เป็นอีกหนึ่งตำนานที่ทำเอาเหล่าแฟนคลับต่างเข้ามาชื่นชอบในตัวเธอ และหากใครได้เจอ Performance การเต้นการร้องของสาวน้อยคนนี้แล้วนั้น นอกจากจะเซอร์ไพรส์กับความสามารถของเธอแล้วนั้น ก็ต้องตกตะลึงกับความเริ่ดจากการเคลื่อนไหวผมของสาวคนนี้ไปตามๆ กัน จนกลายมาเป็น “ ตำนานผมผี ” ที่ใครหลายคนต่างแซวกัน 

 

และหากจะพูดถึงความประทับใจต่อสาวน้อยมาเบลคนนี้ ทางแฟนคลับจึงเล่าว่า สาวน้อยคนนี้มีความจริงใจในสายตาตลอดมา หากสังเกตง่ายๆ ก็คือพิกเซลคนไหนได้ไปตามเธอ เธอมักจะชอบพูดคุยและเล่นกับแฟนคลับอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้จึงแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านการกระทำและสายตาจากผู้หญิงคนนี้ตลอดมา 

 

ตัวแทนแรงบันดาลใจของเหล่า Pixel

 

คนต่อมาสาวเท่สายแฟชั่นอย่าง “ พิมมา พิมพ์มาดา ” ที่เหล่าแฟนคลับก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสาวคนนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจในหลายๆ อย่างให้กับแฟนคลับอย่างไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็นด้านการแต่งตัว ทัศนคติ และแบบอย่างของการทำงาน ซึ่งพิมมาก็ถือเป็นตัวอย่างของศิลปินคนหนึ่งที่ทั้งเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยเช่นกัน  สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ชาวพิกเซลทุกท่านภูมิใจและดีใจที่ได้รู้จักพิมมา ที่ทั้งสร้างเสียงหัวเราะให้แฟนคลับและกลายเป็นแรงบันดาลใจของใครหลายๆ คนจากตนตนที่แท้จริงของพิมมา

 

 

หมวยเล็กประจำบ้าน “ อิงโกะ PiXXiE ”

 

สุดท้ายมักเน่ประจำบ้าน PiXXiE “ อิงโกะ อินท์ปาลี ” สาวน้อยสายโวคอลหน้าตาจิ้มลิ้มที่มาพร้อมเสียงสวรรค์ จนทำเอาใครหลายคนต่างตกหลุมรักเธอคนนี้ตั้งแต่แรกเจอ เพราะเหล่าพิกเซลต่างการันตีกันแล้วว่าเธอคนนี้มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์อีกทั้งท่อนไฮโน้ตที่ทำทุกคนสะกดไปตามๆ กัน เชื่อว่าหลายๆ คนนั้นจะชื่นชอบเธอจากนิสัยและความสามารถไปอย่างแน่นอน

 

 

ซึ่งเรื่องราวไลฟ์สไตล์ของ มาเบล -พิมมา - อิงโกะก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเราจะพาทุกท่านไปรู้จัก PiXXiE ในอีกมุมหนึ่งของการใช้ชีวิต กับเรื่องราวความเป็นมิตรภาพของทั้งสาม ที่หากใครได้ตามก็ต้องประทับใจกันไปตามๆ กัน

 

“ มาเบลพ่นน้ำ เป็นยังไง ไหนเล่าซิ ”

 

เมื่อพูดถึงตำนานมาเบลพ่นน้ำ น้องมาเบลของเราก็ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ของวันนั้นว่า ส่วนตัวแล้วมาเบลจำเหตุการณ์ของวันนั้นไม่ได้ว่าเราตลกอะไรกัน แต่เราทั้งสามคนก็กำลังไลฟ์กันอยู่ในห้อง ทีนี้จึงได้เอาโทรศัพท์ตั้งไว้ที่ขวดน้ำ ซึ่งเลยไปด้านหลังมันก็เป็นแก้วน้ำ และต้องเล่าย้อนไปก่อนว่าก่อนหน้านี้เราเคยมีประเด็นกับทางนิติด้วยว่าห้องเราเสียงดัง เราก็เลยพยายามที่จะไลฟ์กันอย่างเงียบๆ แต่จู่ๆ มันมีตอนที่แก้วน้ำมันขยับพรืดไปพอดี ด้วยความเส้นตื้นของมาเบลที่กลั้นขำไม่อยู่ ก็เลยเป็นแบบในคลิปที่กลายเป็นไวรัลอยู่  ณ ตอนนี้ ที่น้ำพุ่งกระจายเต็มไปหมดเลยค่ะ

 

“ แรกพบ 3 สาว PiXXiE ”

 

เมื่อเล่าถึงเหตุการณ์การเจอกันครั้งแรกของทั้งสามกับความรู้สึกที่พบเจอกันครั้งแรกว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง มาเบลก็รีบพูดขึ้นมาเลยทันทีว่า ครั้งแรกตนรู้สึกว่าพิมมาดูดุ และน่ากลัวสำหรับเขามากด้วยความที่เราเจอกันครั้งแรกมาเบลเห็นพิมมาในลุคของความบอย ทั้งผมสั้น เสื้อตัวใหญ่อะไรแบบนี้ ทำให้วันนั้นการเจอกันในความรู้สึกของเขาก็คือ “ โห จะไปด้วยกันได้มั้ยเนี่ย ? ” ด้วยลุคด้วยที่ขัดกันไปหมดก็เลยไม่นึกว่าจะเข้ากันได้ แต่ในท้ายที่สุดแล้วทั้งมาเบลและพิมมาเองกลับกลายเป็นสนิทกันที่สุดกันมาได้ ส่วนอิงโกะสาวน้อยจำวงก็ได้เสริมว่า ตัวน้องเองตอนเข้ามาครั้งแรกคือนั่งเกร็งไปหมด เพราะเราไม่ค่อยสนิทกับใคร เราก็จะไม่พูด แต่พอเริ่มสนิททุกคนจะรู้เลยว่าอิงโกะ ไม่ใช่แบบนั้นเลย การันตีโดยพี่สาวทั้งสองของวงว่า “ อิงโกะ ก็คือ ยัยอิงโก๊ะ ” นั่นเอง

 

 

‘ PiXXiE ’ เป็นมากกว่าการทำงาน 

 

อย่างที่รู้กันว่า 3 สาว PiXXiE ของเราสนิทกันและผูกพันกันเป็นอย่างมาก ทั้งสามเล่าว่า เราไม่ได้เป็นเพียงการร่วมงานกันเฉยๆ แล้วก็จบ แต่เราอยู่ด้วยกันแบบครอบครัวพี่สาวน้องสาว ฉะนั้นเวลามีปัญหาอะไรกันก็จะคุยกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะปัญหาชีวิต หรือการทำงานอะไรก็ตามก็จะเล่าให้กันฟังตลอด อย่างบางทีก็มีดุบ้าง หากทำผิด เพราะเราก็ยังเป็นห่วงซึ่งกันและกันในการใช้ชีวิตเสมอ ซึ่งเรื่องนี้เคยเปิดใจกันไปตอน Outing ของค่ายกันไปเรียบร้อย เป็นเหตุการณ์ที่ทำทั้งสามสาวน้ำตาแตกกันไปตามๆ กัน กับประโยคของมาเบลที่บอกว่า “ PiXXiE โคตรมีความหมาย ฉันรักพวกแก ” จากวันนั้นเป็นต้นมาก็เลยทำให้เราทั้งสามคนปลดล็อคกันไปในหลายๆ เรื่องเช่นเดียวกัน 

 

 

Lifestyle ยามว่างของทั้ง 3 สาว 

 

เมื่อพูดถึงไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของทั้งมาเบล พิมมา และ อิงโกะ ก็ต้องบอกเลยว่าทั้ง 3 คน มีวิถีชีวิตประจำวันที่ต่างกันไปอย่างมาก ซึ่งมาเบลก็ได้เล่าว่าหากมีเวลาว่างก็คงจะอยากพักผ่อน หรือนอนอยู่ห้องเพื่อดูซีรีส์ หรือทานข้าวที่ห้องเพื่อทดแทนการทำงานหนักที่ผ่านมา แต่ถ้าวันไหนว่างมากจริงๆ ตัวเขาก็คงชอบที่ได้ไปเที่ยวกับธรรมชาติ หรือต่างจังหวัดอะไรแบบนี้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต่างจากสาวพิมมาตรงที่ถ้าเขาว่างเมื่อไหร่ก็เป็นอันจะต้องไปช็อปปิ้งเสื้อผ้าแฟชั่นโดยทันที เพราะส่วนตัวสาวพิมมาของเราชอบศึกษาเกี่ยวด้านนี้เป็นการส่วนตัวอยู่ด้วย หากได้ไปเดินดูเสื้อผ้าทีไรก็มักจะนึกถึงเมมเบอร์ในวงได้ทุกที ซึ่งบางทีตัวเขาเองก็มักจะถ่ายรูปส่งไปให้ทั้ง 2 สาวที่เหลือ เพื่อบอกว่าตัวนี้เหมาะกับเธอนะ อะไรแบบนี้ และน้องเล็กของเราสาวน้อยอิงโกะ รายนี้ก็มักจะตระเวนหาร้านอาหารทานกับครอบครัวอยู่เสมอ และเมนูโปรดของเธอก็คือเมนูปลาต่างๆ นั่นเอง

 

สุดท้ายนี้ทั้ง 3 สาวก็ได้เล่าถึงบรรยากาศวันถ่ายทำ Special MV ซิงเกิลล่าสุดอย่าง “ ชอบอยู่ รู้ยัง (FYl) ” ที่บอกเลยว่าทรหดกว่าที่คิด เบื้องหน้าภาพอันสวยงามที่เขาสามมุก บางแสน ก็คืออากาศอันอบอ้าวถึง 40 องศาที่ทำแสบผิวกันไปตามๆ กันเลยทีเดียว โดยทั้งสามนั้นก็ได้เล่าว่า นอกจากการถ่ายทำที่ลากยาวจาก 8 โมงเช้ายัน 1 ทุ่ม ก็ยังมีอากาศและอารมณ์ที่เราจะต้องปรับให้เข้ากับมู้ด MV กันให้ได้ อย่างที่บอกว่าด้วยอากาศร้อน แต่เราก็ยังคงต้องเผยความสดใสกันออกมา เพื่อให้ผลงานดูดีที่สุดเท่าที่ทำได้ จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ทั้งสามสาว PiXXiE ลงทั้งแรงกายและแรงใจให้ Pixel ได้ภูมิใจ กันได้อย่างแน่นอน 

 

EFM Fandom Live ก็ขอฝากผลงานล่าสุดของทั้ง 3  สาว PiXXiE กับ Special MV “ ชอบอยู่ รู้ยัง (FYl) ” ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของใครหลายๆ คนด้วยและหวังว่าการพบเจอกันในรอบนี้จะทำให้ทั้งสามสาวถูกค้นพบมากขึ้น และอย่าลืมรอติดตามคอนเสิร์ตของทั้งสามสาว กับคอนเสิร์ตของ LIT ENTERTAINMENT ที่จัดกันเป็นครั้งแรก! ก็อย่าลืมไปร่วมให้กำลังใจและไปหา PiXXiE กันให้เยอะๆ เลยน้า ชาว ‘Pixel’

 

“ Pixel to PiXXiE ”

 

“พิกเซลทุกคนก็อยากจะบอกกับ PiXXiE ว่า พวกเราภูมิใจเสมอที่ได้มาเป็นพิกเซลของ PiXXiE อย่างทุกวันนี้ ที่ผ่านมาทุกคนเก่งเสมอ และเราเชื่อว่าในอนาคต PiXXiE  จะเก่งและเติบโตแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนบางทีอาจจะคิดไม่ถึงเลยก็ว่าได้ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม อยากให้รู้ไว้ว่า เมื่อไหร่ที่เหนื่อย เมื่อไหร่ที่ท้อ ก็ยังมีชาว Pixel  ทุกคนอยู่ตรงนี้ ที่จะคอยให้กำลังใจให้เหมือนกับบทเพลง “เพลงประจำวัน” ที่ PiXXiE ได้มอบไว้ให้กับ Pixel เอาไว้”

 

ภาพ EFM FANDOM LIVE

related EFM FANDOM RECAP

สัมผัสความทะเล้นของ ‘เจ้าชินชิล่า กับ น้องไลอ้อน’ ที่มาสร้างรอยยิ้มให้ ‘คุณหนู’ ทุกคน ผ่าน “เจมีไนน์ - โฟร์ท” บอกเลยว่า...ดูจบแล้วต้องเอ็นดูหนุ่มๆกันแน่นอน!

23 ก.พ. 2023

สัมผัสความทะเล้นของ ‘เจ้าชินชิล่า กับ น้องไลอ้อน’ ที่มาสร้างรอยยิ้มให้ ‘คุณหนู’ ทุกคน ผ่าน “เจมีไนน์ - โฟร์ท” บอกเลยว่า...ดูจบแล้วต้องเอ็นดูหนุ่มๆกันแน่นอน!

EFM FANDOM LIVE [23 กุมภาพันธ์ 2566] เปิดไมค์พาทุกคนมาร่วมพูดคุยกับตัวแทนความน่ารัก บอกเลยว่าคำนี้ไม่เกินจริงกับ “เจมีไนน์ – โฟร์ท” โดย “ดีเจดาว – ดีเจแนน” จะพาทุกคนมาสัมผัสความทะเล้น สนุกสนานและความน่าเอ็นดูของทั้งคู่ เรียกได้ว่าคืนนี้ครบรสแน่นอนเปิดช่วงแรกของรายการกันด้วยสายจากตัวแทนบ้านแฟนคลับมาร่วมพูดคุยถึงความประทับใจที่ “เจมีไนน์ – โฟร์ท” ตกทุกคน จนไม่สามารถหาทางออกได้เลย...ตัวแทนแฟนคลับจากเจมีไนน์ ความประทับใจที่เจมีไนน์ตกแฟน ๆ ก็คือความใส่ใจแฟนคลับ เวลามีงานหรือนัดรวมพล น้องจะคอยใส่ใจ เป็นห่วงแฟนคลับจะคอยพูดตลอดว่าอย่ากลับบ้านดึก ระวังด้วยนะ ดูแลตัวเองด้วยตัวแทนแฟนคลับจากบ้านโฟร์ท ความประทับใจของพี่โฟร์ทก็คือความน่ารัก รอยยิ้ม ความสดใส เวลาที่น้องแสดงออกมามันส่งมาถึงแฟนคลับจริง ๆ บางครั้งเวลาที่เราเครียดอยู่ พอเรามาเห็นคลิปหรือมาดูน้องมันก็ทำให้เรามีความสุข น้องเป็นเด็กที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เรามองเห็นศักยภาพบางอย่างในตัวน้อง ทั้งแสดง ร้องเพลง ทุกอย่างเริ่มมาดีและยังพัฒนาขึ้นให้ดีมากขึ้นไปอีกด้อมบ้านคู่ “คุณหนู” ชื่อด้อมมาจากเจมีไนน์-โฟร์ทเลย ทั้งคู่เป็นคนตั้งมีที่มาที่ไปจากซีรีส์เรื่อง แฟนผมเป็นประธานนักเรียน Ep.4 ที่ตัวติณณ์ใช้สรรพนามแทนตัวกันต์ว่าคุณหนู เรียกได้ว่าเป็นชื่อแทนให้นึกถึงทั้งผลงานแจ้งเกิดและตัวแทนของทั้งคู่นั่นเองช่วงที่สองมาถึงก็ตีกันเลย เอ้ย มาพูดคุยกันเลยกับ “เจมีไนน์ – โฟร์ท” ทั้งคู่จะมีเรื่องราวอะไรที่ทำให้เรารู้จักและหลงรักความเป็นตัวของตัวเองที่ทั้งคู่มีจะน่ารัก น่าเอ็นดูขนาดไหนไปต่อกันเลยไหนๆก็มาแล้วลองเป็นดีเจเจมีไนน์ และดีเจโฟร์ท มาดูกันว่าทั้งคู่จะจัดเพลย์ลิสต์แนวไหนกัน สมมุติว่าโฟร์ทได้เป็นดีเจจะจัดเพลย์ลิสต์เพลงรักเพลงอกหักเลย นึกถึงเวลาอยู่ในรถและฝนตกมันได้อารมณ์ จะเริ่มเปิดด้วยเพลง จันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์เสาร์อาทิตย์ ตามด้วยเพลง คนไกล เป็นเพลย์ลิสต์ของพี่แพทริค อนันดาเลย เพราะโฟร์ทเองเป็นแฟนเพลงพี่แพทริค สมมุติว่าเจมีไนน์ได้เป็นดีเจจะจัดเพลย์ลิสต์เพลงที่รวมยำทุกเพลงที่เจมีไนน์ชอบ รวมเป็นเพลย์ลิสต์เดียวเลย แล้วยังบอกอีกว่าชื่นชอบผลงานของพี่นนท์ ธนนท์มาก เวลาอยู่บนเวทีมีเสน่ห์มาก ชอบมากจริง ๆเรียกได้ว่าเป็นไอดอลของเจมีไนน์เลยResolution ของทั้งคู่ที่เพิ่งผ่านต้นปีมา งานนี้เจมีไนน์ขอออกตัวตอบคำถามแทนโฟร์ทด้วย เพราะได้ยินมาบ่อยจนจำได้แล้วว่าโฟร์ทมี Resolution ว่าจะต้องอ่านหนังสือสองเล่มให้จบภายในหนึ่งเดือน ต่อทุก ๆเดือน โฟร์ทเสริมทันทีว่ายังทำไม่ได้เลย (หัวเราะ) แต่ทางเราเข้าใจน้าก็โฟร์ททุ่มเทเวลาให้งานขนาดนี้ แล้วงานก็แน่นทุกวันด้วย โฟร์ทไม่ยอม ขอตอบแทนเจมีไนน์บ้าง เพราะจำได้เหมือนกันว่าเจมีไนน์อยากซื้อรถ โฟร์ทยังเสิร์ฟโมเมนต์น่ารัก ๆแซวเจมีไนน์ว่า “ก็ดีนะเราได้ไม่ต้องขับรถ ให้เค้าขับ คุณมีน้ำใจไปส่งผมไหม” เจมีไนน์ตอบกลับ “ไม่มี” (หัวเราะ) สมกับเจ้าพ่อช็อตฟีตจริง ๆเล่าถึงตำนานจิ้มแก้มผู้บริหาร ทั้งคู่เล่าว่าจริง ๆ มันไม่น่าภูมิใจเลย เรื่องราวเกิดจากมีพี่ช่างกล้องบอกให้ทำอะไรสักอย่าง โดยบอกเป็นท่าทางเอานิ้วชี้จิ้ม ๆย้ำ ๆไปที่ตรงแก้ม แล้วโดยปกติแฟนคลับเวลาถ่ายรูปจะบอกให้ทำท่าเอานิ้วชี้จิ้มไปที่แก้ม ทั้งคู่เห็นท่าทางก็อ๋อ เลยออกมาเป็นรูปที่ยกมือไหว้ขออนุญาตแล้วไปจิ้มแก้มผู้บริหาร จังหวะนั้นพี่ช่างกล้องก็บอกไม่ใช่ ๆให้ถอดแมสก์ (หัวเราะ) แต่ผู้บริหารน่ารักมาก ๆใจดีมากปิดจบด้วยทำท่ามินิฮาร์ทด้วยพูดถึงซีรีส์แฟนผมเป็นประธานนักเรียน เจมีไนน์พูดถึงว่าจริง ๆบทของซีรีส์เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว พอเห็นบทแล้วชอบมากมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดนตรี ในตอนแรกคิดว่าได้รับบท กันต์ ที่เป็นบทของโฟร์ทด้วยเพราะชีวิตจริงเจมีไนน์เล่นดนตรีที่โรงเรียนอยู่แล้ว แต่ว่าความจริงคือได้รับบทติณณ์ซึ่งก็เป็นอีกบทที่ชอบมาก ๆเหมือนกันส่วนตัวก็แอบคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีกระแสอยู่ในระดับนึงไม่คิดว่าจะดังขนาดนี้ โฟร์ทเล่าไม่ถูก พูดไม่ออกเลย เพราะไม่รู้ว่าตัวเองแสดงออกมาเป็นยังไง แต่พอออนแอร์ออกมาแล้วมีคนชอบขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจมาก ๆการเปลี่ยนแปลงของทั้งคู่หลังซีรีย์ออน โฟร์ทคิดว่ามันก็ไม่ได้เปลี่ยนชีวิตเรามากขนาดนั้น จะเปลี่ยนไปทางที่มีคนมาติดตามเรามากขึ้น เวลาไปงานอีเว้นท์ก็จะมีคนมาให้กำลังใจเต็มไปหมดเลย เจมีไนน์เสริมว่าช่วงแรก ๆที่ซีรีส์ออนยังไม่รู้เลยว่าเป็นยังไง เพราะเล่น Twitter ไม่เป็นเช็คอะไรไม่เป็นเลย ก็ได้แต่ถามเพื่อนว่าเป็นยังไงบ้างดีปะ เพื่อนก็จะตอบเอ้ย ดี ดี ซึ่งทุกคนก็จะพูดแบบนี้อยู่แล้วด้วยความเกรงใจ (หัวเราะ)ใจหายเมื่อซีรีส์เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายเจมีไนน์ยอมรับใจสลายเหมือนกันเพราะอยู่กับตัวละครนี้มานาน ได้เห็นเพื่อน ๆเติบโตมาพร้อมกันจากการเล่นซีรีส์ เรียกว่าดีใจที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็เสียใจที่มันจบลง ยังไงทุกคนก็จะยังได้เจอพวกเราในหลาย ๆผลงานที่กำลังจะตามมาส่วนโฟร์ทก็รู้สึกคล้ายเจมีไนน์ รู้สึกเวลาผ่านไปเร็วมาก ยังอยากให้มีอีกสัก 20 ตอน อยากให้แฟนคลับได้ดูต่อ เพราะกระแสตอบรับดีมากเวลาอยู่ด้วยกัน อยากรู้ไหม...ว่าเขาสองคนเรียกแทนกันว่า...เรียกได้ว่ามีหลายระดับถ้าสุภาพก็จะเป็นคุณกับผม ไว้ออกรายการไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่เวลาอยู่ด้วยกันสองคนก็เรียกตามปกติเตรียมตัวให้พร้อมกับช่วงถัดมาที่จะพา “เจมีไนน์ – โฟร์ท” มาเล่นเกมสนุก ๆโชว์ศักยภาพรอบด้านทั้ง ไหวพริบและการแสดงกับเกมที่มีชื่อว่า “รุ่นพี่ผมเป็นประธานชมรม ขอท้าให้…” (เข้าไปชมใน Youtube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของรายการแล้ว “เจมีไนน์ – โฟร์ท” ก็ได้มีความในใจที่อยากจะฝากบอกกับด้อมคุณหนูและแฟนคลับด้วย เจมีไนน์ :“ขอบคุณมากครับที่คอยติดตามกันมา บางคนติดตามมาตั้งแต่ตอนประกวดเข้ามาเลย เห็นทุกคนซัพพอร์ต เห็นทุกคนรักกันขนาดนี้ก็ปลาบปลื้มปิติหัวจิตหัวใจ ถือว่าเป็นหยาดน้ำทิพย์ชโลมหัวจิตหัวใจของผมมาก เห็นพวกคุณรักผม ผมก็รักพวกคุณมาก ๆครับ...” โฟร์ท :“ขอบคุณทุกคนนะครับ ผมรู้สึกถึงความรักที่ทุกคนให้มา ก็อยากที่จะมอบความรักกลับไปด้วยการทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด ให้ทุกคนได้มีความสุขที่สุด...”EFM FANDOM LIVE ได้เห็นมุมมองความน่ารักที่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงรัก “เจมีไนน์ – โฟร์ท” ทางรายการขอขอบคุณมากๆที่ทั้งสองคนมาร่วมพูดคุย สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะให้กับแฟนๆ และทางรายการ ทำให้เราได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น ก่อนจบลงทางเราก็ขอฝากซีรีส์เรื่อง ‘แฟนผมเป็นประธานนักเรียน’ และผลงานอื่น ๆของน้องทั้งสองคนด้วยน้า ไปติดตามได้ทาง Instragram ของทั้งคู่ได้เลยน้าสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

FANDOM AWARDS ของ “ออฟ - กัน” กับรางวัลความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลก! และ ‘หมอเท็น’ จะดูแล ‘เชฟเปรม’ ดีขนาดไหน! ตามไปดูกันในซีรีส์ “Cooking Crush อาหารเป็นยังไงครับหมอ”

24 ม.ค. 2024

FANDOM AWARDS ของ “ออฟ - กัน” กับรางวัลความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลก! และ ‘หมอเท็น’ จะดูแล ‘เชฟเปรม’ ดีขนาดไหน! ตามไปดูกันในซีรีส์ “Cooking Crush อาหารเป็นยังไงครับหมอ”

EFM FANDOM LIVE [18 มกราคม 67] คืนนี้ต้อนรับ “ออฟ - กัน” กับซีรีส์คู่ล่าสุด “Cooking Crush” พร้อมอัปเดตพูดคุยไปกับ 2 สาว “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ FANDOM AWARDS จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลก” อยากมอบรางวัลความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลกให้ “ออฟ – กัน” เพราะ ออฟ – กัน เป็นคู่ที่คอยซัพพอร์ตดูแลกันเสมอ เติบโตมาด้วยกัน ผ่านหลาย ๆ เรื่องตลอด 8 - 9 ปีนี้มาด้วยกัน เวลาไปออกงานหรือสัมภาษณ์ที่ไหน ถึงจะไปคนเดียวก็เหมือนไปสองคนเพราะพูดถึงอีกคนตลอด เป็นพื้นที่สบายใจของกันและกัน เหมือนที่น้องกันเคยบอกว่า “มีป่าปี๊อยู่ก็อุ่นใจ” เป็นคนที่เล่นอะไรขำ ๆ ด้วยกัน เวลาเล่นมุกหรือเล่นเกมอะไร ก็เป็นสองคนที่ทันกันแบบสุด ๆ จากปีแรก ๆ ที่อาจจะมีที่ไม่พอใจกันบ้าง วันนี้ก็ค่อยๆ ปรับจนแทบจะเรียกว่ามองตาก็รู้ใจ จากที่ไลฟ์สไตล์ต่างกันแบบสุด ๆ ก็ค่อย ๆ แชร์พื้นที่แบ่งเวลามาให้กัน “ออฟ - กัน” เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานที่ดีแล้วยังเป็นพี่น้องที่น่ารัก เป็นความสัมพันธ์ที่ทําเบบี๋อย่างเราอบอุ่นหัวใจสุด ๆ ขอมอบรางวัลนี้เพื่อบอกเจ้าตัวและคนทั้งโลกว่า “ออฟ-กัน” เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลกเล้ยยย2.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Best Grow Together Infinity” สำหรับแนวคิดชื่อรางวัลนี้ เพราะว่า ออฟ – กัน เป็นคู่ที่เติบโตมาด้วยกัน ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 9 แล้วที่ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันมา อยากให้ออฟกันเดินไปด้วยกันเติบโตไปด้วยกัน แบบนี้ไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนสัญลักษณ์ infinity (อีกอย่างโลโก้ออฟกัน OG มีลักษณะเหมือนสัญลักษณ์ Infinity ด้วย)3.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Comfort zone” ฟังดูเหมือนเป็นพื้นที่สบาย ๆ อบอุ่น ดูเหมือนว่าจะชัดเจนที่ความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกแบบสบาย ๆ อีกรูปแบบหนึ่ง และหากพูดถึงความสัมพันธ์รูปแบบนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงไม่คุ้นหูเท่าไหร่นัก ชอบความสัมพันธ์ในรูปแบบของ “ออฟ – กัน” มาก ความสัมพันธ์ที่เขาคอยเป็นห่วงกัน คอยดูแลกัน คอยให้คำปรึกษากัน คอยซัพพอร์ต มีเรื่องอะไรก็เล่าให้กันฟัง คอยบอกคอยเตือนกันตลอด เอาจริงไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะได้เจอความสัมพันธ์ที่น่ารักอบอุ่นมาก ๆ แบบนี้ไหม ประทับใจในตัว “ออฟ – กัน” ทุกอย่าง ทุกเรื่อง “ออฟ – กัน” เป็นคนเก่งพัฒนาตัวเองให้ทุกคนได้เห็น เป็นคนที่ตั้งใจทำงานเป็นคนที่ใส่ใจ แสนดีกับเบบี๋และคนรอบข้างตลอด ทั้งคู่ก็เป็น Partner ที่ดีต่อกันมาก ๆ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกัน เติมเต็มส่วนที่ขาดให้กันและกัน เป็นที่ปรึกษา คอยใส่ใจกัน เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักมาก ๆ ก็อยากให้มีคนรักเขาเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน “ออฟ – กัน” รักแฟนคลับมาก ๆ รักแบบบรรยายไม่ได้จริง ๆ คอยซัพพอร์ตแฟนคลับอยู่ข้าง ๆ คอยเล่นกับแฟนคลับ “ออฟ – กัน” จะคอยปกป้องแฟนคลับอยู่เสมอ และจะไม่ชอบคนที่ว่าแฟนคลับของตัวเอง ‘เราโตมาด้วยกัน เราร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ทำงานมาด้วยกัน มีวันนี้ก็มีด้วยกัน’ ถ้า OG กำลังรู้สึกขอบคุณพวกเรา ได้โปรดรับรู้ไว้ว่าเราเองก็รู้สึกขอบคุณ OG อยู่ตลอดเหมือนกัน ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกนี้ และขอบคุณความพยายามของคุณที่พาคุณมาถึงจุดนี้ จนทำให้เราได้พบได้รู้จักและได้รักคุณ อยากจะบอก OG ว่า “อยู่ตรงนี้เสมอหันมาเมื่อไหร่ก็เจอ”4.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “MY PERFECT COUPLE” กว่าจะได้มาเป็น "ออฟ - กัน" ในวันนี้ ทั้งคู่ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมาก ถึงแม้จะมี Personality ที่ต่างกัน แต่ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะปรับตัวและเรียนรู้ไปพร้อมกันเสมอ ชอบความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาก ชอบที่ทั้งคู่คอยซัพพอร์ตกันในทุก ๆ เรื่อง มีแต่ความหวังดีให้กันตลอด เป็นความสบายใจของกันและกัน พร้อมอยู่ข้างเสมอเมื่ออีกคนต้องการ หันมาเมื่อไหร่ก็เจอแน่นอน เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักมาก นี่แหละ MY PERFECT COUPLE คู่ที่สมบูรณ์แบบของจริง5.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “THE BEST ACTOR(S) IN A SUPPORTING ROLE FOR BABII.” รางวัลนี้ เป็นรางวัลที่สามารถตีความได้ 3 ความหมาย โดยความหมายแรก “THE BEST ACTOR(S)” เพราะออฟกันเป็นนักแสดงคนเก่งของเบบี๋ ไม่ว่าจะเล่นหนัง ละคร หรือซีรีส์เรื่องไหน ออฟกันก็ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองให้อยู่กับที่เลยสักวินาทีเดียว ทำให้เบบี๋ทึ่งได้ตลอด เพราะคาแรกเตอร์ สายตา น้ำเสียงไม่เคยซ้ำกันเลยสักครั้งและมีความสุดใหม่ ไม่เบื่อเลย นอกจากนี้ออฟกันยังเป็นศิลปินที่ดี จากวันแรกที่ออฟกันเต้น ร้องเพลง มาวันนี้ออฟกันก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อย ๆ สามารถร้องได้เพราะขึ้นจากที่เพราะอยู่แล้ว สามารถเต้นได้เก่งขึ้น แข็งแรงขึ้นจากที่เต้นเก่งอยู่แล้ว เซียนเวทีขึ้นกว่าเดิม เอนเตอร์เทนดี ตลกแบบไม่ประดิษฐ์ จนทุกคนเอ็นดู ความหมายที่สอง “SUPPORTING ROLE FOR BABI” เพราะออฟกัน เป็นสองคนที่ทำอยู่ในช่วงชีวิตของเบบี๋หลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน โดยออฟกันจะเป็นแรงผลักดัน กำลังใจ เป็นคนที่อยากทำให้เบบี๋หลาย ๆ คนพัฒนาตัวเองไปให้ดีกว่าเดิมเพื่อให้ออฟกันภูมิใจ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่พาเบบี๋หลาย ๆ คนขึ้นมาจากช่วงที่เหนื่อย ช่วงที่ท้อ ช่วงที่เครียด จนเหมือนไม่มีแสงสว่าง แต่ก็จะมีออฟกันเป็นแรงซัพพอร์ตให้ผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ ได้ และความหมายสุดท้าย ความหมายโดยรวมของรางวัลนี้คือการที่ออฟกันเป็น Best Partner กัน คอยให้กำลังใจ ซัพพอร์ตกันและกันและการที่เบบี้ซัพพอร์ตออฟกันเหมือนกัน ถ้าใครคนใดคนนึงหายไปก็อาจจะไม่สมบูรณ์จนเป็น The Best ได้ และถ้าวันใดวันนึงออฟกันอยากที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ ออฟกันสามารถหันมามองรางวัลนี้ และมั่นใจได้เลยว่าในทุกการเดินทางใหม่นั้น ออฟกันจะมีกันและกัน และเบบี๋เดินซัพพอร์ตเคียงข้างเสมอถึงเวลาที่เบบี๋รอคอย~ เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “ออฟ - กัน”ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลก.. ออฟ : คิดว่าเป็นความสัมพันธ์ที่เราเข้าใจกัน ไม่ค่อยทะเลาะกัน คือยิ่งอยู่ด้วยกันมันต้องยิ่งเข้าใจกัน รู้สึกว่ามันต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งคู่เราก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาทำงานด้วยกันมาประมาณ 8 ปี เราทะเลาะกันอยู่สองครั้ง ครั้งแรกคือ เราเคยไปวิ่งงานนึงมา แล้วเขาก็มาเล่นกับเรา แล้วเราก็ปัดมือไปโดนหน้าเขา อันนี้คือทะเลาะกันเรื่องความร้อนเพราะเราเพิ่งไปวิ่งกันมาต่างคนก็ต่างเหนื่อย และเรื่องที่สองคือ “ตด” คือเราซ้อมเต้นคอนเสิร์ตนึงกันอยู่ มันมีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์มากระแทกจมูกแล้วเหม็นมาก แล้วเราก็แบบ “ใครตด ๆ ” ด้วยความเราก็ “ไอกันตด ๆ แน่เลยยย” กันก็บอกว่า “กันไม่ได้ตด!” เริ่มโมโหขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ทะเลาะกัน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าใครตด.. กัน : ความสัมพันธ์ที่น่ารักสำหรับกันก็รู้สึกว่าอย่างงี้แหละ อยู่ซัพพอร์ตกันไปเรื่อย ๆ แล้วก็เหมือนเรื่องที่ป่าปี๊บอกก็คือ เข้าใจกัน และกันก็รู้สึกว่ากันกับป่าปี๊พักหลังไม่ค่อยมีเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจกัน ก็จะช่วยกันตลอดอย่างเช่น ป่าปี๊เขาจะรู้ว่ากันถ้าเล่นคอนเสิร์ต กันจะเป็นคนที่ตื่นเต้น เครียด ลืมที่ฝึกมาลืมหมด เขาก็จะช่วยกันตลอด ออฟ : อย่างคอนเสิร์ตล่าสุด “STARLYMPIC” ที่เขาติดไปงานแต่งเพื่อนไม่ได้มาบล็อคกิ้ง เราก็ช่วยจำว่าพอถึงท่อนนี้ต้องรวมนะ อะไรอย่างงี้ก็จำเผื่อแล้วลากเขาไปเวลาทะเลาะกันปกติใครเป็นคนง้อ.. ออฟ : ผม! กัน : กันไม่ค่อยง้อ ออฟ : เพราะว่าอีกวันมันต้องถ่ายละครใช่ไหม แล้วถ้าเราทะเลาะกัน ความที่มันจะต้องเข้าด้วยกัน สายตาที่เวลามองมันจะไม่ได้ เราก็เลยคิดว่าเคลียร์เลยดีกว่า เราไม่อยากให้ข้ามคืนด้วยเพราะรู้สึกว่ามันจะคาราคาซังไปเรื่อย ๆFEEDBACK จาก ‘ซีรีส์ Cooking Crush อาหารเป็นยังไงครับหมอ’ ออฟ : เราชอบอ่านจาก X ว่าเขาพิมพ์ถึงเราว่ายังไง แล้วในทุกEP.ที่ออนแอร์ เราก็พยายามดูแล้วสื่อสารกับเขา ณ ตอนที่ออนแอร์อยู่ กัน : ที่จริงเรื่องนี้แฟน ๆ เขาชอบแซวว่าแบบ “ให้ทำอาหารให้หน่อย” เพราะมีช่วงนึงกันเคยเปิดร้านในไอจีชื่อร้านว่า ‘หิวไหมอะ’ ตอนนั้นทำข้าวคลุกกะปิ ขายเมนูเดียวแล้วปิดเลย เป็นช่วงโควิดแล้วอยากหาอะไรทำอยู่บ้าน พอออเดอร์มันเยอะจริง ๆ แล้วข้าวคลุกกะปิมันใช้วัตถุดิบเยอะมาก กันก็เลยทำแค่รอบเดียวพอเลย กัน : ซีรีส์เรื่องนี้ตอนเราทำอยู่บ้าน เราอาจทำแบบผิด ๆ ถูก ๆ แต่พอเรามาเรียนต้องเป็นเชฟจริง ๆ มันมีวิธีเยอะ ต้องทำแบบนี้ หั่นแบบนี้ เวลายืนต้องหลังตรง การทำอันนี้ต้องเตรียมอันนี้ไว้ก่อน.. ออฟ : คือคนเป็นเชฟจริง ๆ แล้วมันต้องยืน 8 - 12 ชั่วโมงต่อวัน ถ้ายูหลังงอเมื่อไหร่แล้วยูติดเป็นนิสัย หลังยูจะมีปัญหาแน่นอน5ถ้าถาโถมเป็นปี ๆ ไปเรื่อย ๆวันเกิด “ออฟ” 20 มกราคม นี้แล้ว ~ ออฟ : ปีนี้ตั้งใจจะลงเสาบ้านให้สำเร็จ! พูดมาปีกว่าแล้วยังไม่ได้ลงสักที กัน : ก็ขอให้ป่าปี๊มีความสุขมาก ๆ คิดอะไรอยากจะทำอะไรก็ขอให้สมหวัง สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีงานมาเยอะ ๆ ออฟ : ให้เยอะ ๆ คู่ดีเลย ขอบคุณค้าบ สาธุ ๆการร่วมงานกับ ‘พี่ตั้ม พี่โดม พี่ส้วม’ ในซีรีส์ Cooking Crush กัน : สนุก~ ออฟ : กันชอบเข้ากับพี่ส้วม กัน : กันชอบเพราะพี่ส้วมเขาจะแบบเล่นมุก ทั้งพี่ตั้ม พี่โดมด้วย ทุกคนเก่งหมด เวลาเราเข้าซีนด้วยกันแล้วมันต้องจริงจัง กันก็จะขำตลอด ออฟ : คือพี่ส้วมแค่พูดธรรมดาก็ขำแล้ว พูดธรรมดาไม่ต้องบทเลย แล้วพอไปอยู่ในซีน ซีนครึ่งชั่วโมงขำอีกประมาณครึ่งชั่วโมงตอนแรกซีรีส์อาจมีความคอมเมดี้ แต่ตอนหลังมีความโรแมนติกมาก ออฟ : มีความโรแมนติก มีดราม่านิดหน่อย มันก็ต้องมีโรแมนติกอยู่แล้ว ไม่งั้นแบบหนังตลก ๆ อย่างเดียว คนก็จะรู้สึกว่ามันจะตลกไปไหม ต้องมีอะไรมาตัดความตลกบ้าง มีความรักมาเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งใน EP.7 มันเหมือนเราต้องห่างกัน แล้วพอ EP.8 ที่จะถึงมันเหมือนเป็นบททดสอบของเราแล้วว่าหลังจากนี้พอเราห่างกันแล้วแต่ละคนจะเป็นยังไงบ้างวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ของเราก็มีเกมให้ “ออฟ - กัน” เล่นกันด้วย กับเกมที่ชื่อว่า “อาการเป็นยังไงครับหมอ” โดยเปิดสตูแห่งนี้ให้เป็นห้องตรวจของหมอออฟ และให้กันเป็นคนไข้มาหาคุณหมอด้วยอาการต่าง ๆ สนุกสนานกันแน่นอน! (เข้าไปชมได้ใน YouTube: ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าเบบี๋ ได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “ออฟ-กัน” เป็นเบบี๋ตอนช่วงทฤษฎีจีบเธอ ไปโดนน้ำตาน้องกันใน EP. สุดท้ายตก ที่พี่ค่ายไปขอเติร์ดเป็นแฟนบนเวที อยากขอบคุณทั้งพี่ออฟ แล้วก็น้องกันมาก ๆ ที่เป็นกำลังใจให้กับเบบี๋หลาย ๆ คน ให้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตมาได้ พอมาชอบ ออฟ-กัน ก็อยากตั้งใจเรียนให้มากขึ้น ไม่อยากให้ทั้งพี่ออฟและน้องกันผิดหวังในตัวเรา พอวันนี้สอบติดก็ดีใจเพราะถึงเราติ่งไปด้วยมันก็ไม่ได้ทำให้การเรียนเราแย่ อยากบอกว่ารักทั้งคู่ แล้วก็อยากให้อยู่ด้วยกันด้วยความสัมพันธ์ที่ดีแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มันดีมันน่ารักมาก ๆ แล้ว ช่วยกันส่งเสริมทั้งเรื่องส่วนตัวเรื่องการงานให้มันเจริญรุ่งเรืองไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ได้รู้จักน้อง ๆ มา น้อง ๆ เป็นเด็กที่น่ารัก เป็นเด็กที่ทำงานเก่ง แล้วก็เป็นที่รักของแฟนคลับ ก็อยากขอบคุณทั้งคู่ที่เป็นความสุขให้แฟนคลับ เป็นความสุขให้กันและกันในแต่ละวัน เป็นห่วงน้อง ๆ ในเรื่องสุขภาพ เพราะอย่างที่เห็นกันคือ น้องทั้งคู่ทำงานหนัก ทั้งถ่ายละคร แฟนมีต ไหนจะอีเว้นท์ อยากให้น้อง ๆ พักเยอะ ๆ แล้วก็กินให้อิ่มนอนให้หลับ มีความสุขมาก ๆ ในการใช้ชีวิตในแต่ละวันรางวัล “ความสัมพันธ์ที่น่ารักที่สุดในโลก” กัน : ขอบคุณทุกคนที่โหวตรางวัลนี้ให้กันกับป่าปี๊ เราสองคนก็จะรักษาความสัมพันธ์แบบนี้ที่น่ารักที่สุดในโลกไปเรื่อย ๆ ออฟ : ยินดีมาก ๆ ที่ได้รับรางวัลนี้ ถือว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ของเราทั้งสองคนมากสุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ออฟ-กัน” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ความน่ารักให้กันในรายการ และก่อนที่จะจบรายการกันไป ฝากติดตามซีรีส์ “Cooking Crush อาหารเป็นยังไงครับหมอ” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 20:30 น. ทางช่อง GMM25 และเพลง What's Zabb ซึ่งเป็นเพลงที่สามที่ออฟกันได้ร้องคู่กัน ไปติดตามกันได้เลยยย!สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

EFM Fandom Live ชวนมา Dum Dum (ดึม ดึม) หัวใจ ไปกับ “เจฟ ซาเตอร์” กับเรื่องราวสุดอันซีนในคอนเสิร์ตครั้งแรกที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน !

18 เม.ย. 2023

EFM Fandom Live ชวนมา Dum Dum (ดึม ดึม) หัวใจ ไปกับ “เจฟ ซาเตอร์” กับเรื่องราวสุดอันซีนในคอนเสิร์ตครั้งแรกที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน !

เรียกได้ว่าแต่ละสัปดาห์ในช่วงเมษายนที่ผ่านมานี้ EFM Fandom Live ก็ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับศิลปินหน้าใหม่ หลากหลายสไตล์ หลากหลายความสามารถด้วยกัน ซึ่งสัปดาห์นี้ก็เอาใจสายหูเคลือบทองทุกท่านด้วยแขกรับเชิญสุดพิเศษของเรา กับศิลปินหนุ่มสาย RB ที่ไม่ว่าใครก็ต่างรู้จักเค้าคนนี้ แถมการันตีด้วยความสามารถและเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ กับ “วรกมล ซาเตอร์ หรือ เจฟ ซาเตอร์ ”นั่นเอง ! มาเริ่มกันที่ช่วงแรกของรายการ กับการร่วมพูดคุยกับตัวแทนบ้านแฟนคลับของหนุ่มเจฟอย่าง “คุณวี่” นั่นเอง ซึ่งบอกเลยว่าเรื่องราวความประทับใจจากแฟนคลับถึงหนุ่มเจฟ เป็นอะไรที่ทำให้เกิดความสุขใจกันไปทั้งทีมงานและรายการกันเลยทีเดียว‘ เจฟ ซาเตอร์ ’ บุคคลที่น่ารักกับเหล่าแฟนคลับเสมอ ถ้าหากจะให้พูดถึงความประทับใจแรกที่มีต่อหนุ่มเจฟแล้วนั้น ตัวคุณวี่เองก็ได้ออกมาบอกว่า จริงๆ แล้วด่านแรกที่ใครหลายคนเกิดตกหลุมรักเจฟ ก็คงจะเป็นหน้าตาของเขา ไม่ก็น้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่เขาได้ขับร้องออกมา แต่แท้จริงแล้วแฟนคลับทุกคนที่ยังจะซับพอร์ตศิลปินคนหนึ่งต่อ ก็คงจะเป็นทั้ง ทัศนคติ ความคิด และความใส่ใจซะมากกว่า ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้ เจฟ ซาเตอร์คนนี้ก็มีให้แฟนคลับอยู่เสมอ เขามองเห็นคุณค่าของแฟนคลับทุกคนที่มอบความรักให้เขา และเขาเองก็ได้กลายมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตกับใครก็ตามที่ติดตามเขาเช่นกัน สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นการตกหลุมรัก และประทับใจที่ได้ติดตามในตัวเจฟเสมอมาถึงคุณวันเสาร์ “ รักตัวเองก่อนเสมอ ” คุณวี่เองก็ได้กล่าวกับทางรายการว่า ตัวเจฟเองจะบอกกับแฟนคลับทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะในสัมภาษณ์หรืออะไรก็ตามว่าให้แฟนคลับทุกคน รักตัวเองก่อนเสมอ กอดตัวเองเหมือนที่กอดเจฟ หรือแม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างการซื้อของ เจฟก็จะบอกตลอดว่าต้องเลือกที่จะซื้อของให้ตัวเองก่อน แล้วค่อยมาเลือกซื้อให้เจฟก็ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นผลกับแฟนคลับทำให้แฟนคลับอย่างพวกเราดาวเสาร์รักตัวเองมากยิ่งขึ้น กล้าที่จะแต่งตัวมากขึ้น หรือมั่นใจกับตัวเองกว่าเดิม ซึ่งส่วนหนึ่งจากแรงบันดาลใจเหล่านี้มันก็มาจาก ผู้ชายคนนี้ที่ชื่อ เจฟ ซาเตอร์ ด้วยเช่นกันความน่ารักของเหล่าคุณวันเสาร์ ‘Saturdayss’ อย่างที่เรารู้กันว่า ‘ คุณวันเสาร์ ’เป็นชื่อเรียกของแฟนคลับหนุ่มเจฟ แต่ความน่ารักของหนุ่มเจฟก็ได้บอกเล่าผ่านเหล่าแฟนคลับเข้ามาให้ทางรายการได้รับฟังกันว่า จริงๆ แล้ว ‘Saturdayss’ ก็มาจากนามสกุลของหนุ่มเจฟอยู่แล้ว แต่ที่เติมตัว s เข้าไปสองตัวก็เพราะด้วยเหตุผลที่ว่าหนุ่มเจฟนั้นอยากให้เหล่า Saturdayss ของเขามีความพิเศษไม่เหมือนใครเลยเติมตัว s เข้าไปให้แปลกใหม่กว่าเดิม นอกจากนี้เหล่าคุณวันเสาร์นั้นก็ยังมีมาสคอตประจำด้อมกันอีกด้วย ซึ่งหลายคนก็อาจจะไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าตัวนี้กัน ต้องบอกเลยว่าน่ารักมาก จนได้รับชื่อจากเหล่าแฟนคลับว่า “ น้องดาวเสาร์ ” นั่นเอง ซึ่งด้วยลักษณะที่เป็นสีม่วงแล้วมีวงแหวนเป็นสีเหลือง ก็มักจะชอบถูกเหล่าแฟนคลับแซวกลายเป็นชื่อ ‘ น้องมันม่วง’ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเจ้าน้องดาวเสาร์เองก็ได้ไปปรากฏตัวในงานคอนเสิร์ต ‘ JEFF SATUR LIVE ON SATURN FIRST SOLO CONCERT IN BANGKOK ’ ของหนุ่มเจฟที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าความครีเอทีฟจากเหล่าแฟนคลับหนุ่มเจฟก็สร้างความประทับใจให้กับทางรายการไปอย่างมากกันเลยทีเดียว พอพูดมาถึงงานคอนเสิร์ตที่ผ่านมาของหนุ่มเจฟแล้วนั้น ทางรายการก็อดเอ่ยปากชมกับความสามารถของหนุ่มเจฟกับคอนเสิร์ตที่ผ่านมาไปไม่ได้ จึงได้เอ่ยถามกับทางคุณวี่ กับความประทับใจที่มีต่อหนุ่มเจฟในคอนเสิร์ตครั้งแรกที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน ทางคุณวี่นั้นก็ได้ตอบว่า จริงๆ แล้วตัวเขาเองก็ไม่สามารถบรรยายความประทับใจนี้ได้หมด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตของเจฟมันแสดงความเป็นตัวตนของเขาออกมาหมดแล้ว ความประทับใจก็คงจะเป็นการใส่ตัวตนในทุกรายละเอียดงานคอนเสิร์ตของเจฟเข้าไปจนกลายมาเป็นความสมบูรณ์แบบของคอนเสิร์ตนี้ขึ้นมา แต่ถ้าจะให้นึกถึงโชว์ที่กินใจและตราตรึงใจมากที่สุด ก็คงจะเป็นการโซโล่พิณของตัวหนุ่มเจฟเอง ที่สามารถนำเครื่องดนตรีไทยมาใส่เข้าไปในโชว์ให้กลายเป็นความตราตรึงใจจนใครหลายๆ คนในงานประทับใจกันไป อย่างไม่รู้ลืมและสุดท้ายคุณวี่ก็ขอเป็นตัวแทนของคุณดาวเสาร์ฝากไปถึงหนุ่มเจฟให้ได้รู้ว่า… “ ถ้าจะให้พูดคำหนึ่งที่พูดถึงเจฟได้ดีที่สุดก็คงเป็นคำว่า ‘ภูมิใจ’ ในตัวผู้ชายคนนี้มากๆ ไม่ว่าจะผลงาน หรือ อะไรก็ตามที่เขามอบให้เหล่าแฟนคลับทุกคน รวมไปถึงคำว่า ‘ ห่วงใย ‘ ด้วยที่อยากจะมอบให้ผู้ชายคนนี้ เพราะแฟนคลับทุกคนรู้ว่าเจฟเองก็ทำงานหนักทุกวัน สิ่งที่อยากจะบอกก็คงมีแค่ว่า โปรดอย่าเจ็บ อย่าป่วย ดูแลตัวเองดีๆ เพื่อที่การมาเจอกันระหว่างคุณดาวเสาร์กับเจฟเองเกิดขึ้นได้อย่างความสุข สนุกสนาน และอยู่ด้วยกันนานๆ ตลอดไป ” และต่อด้วยช่วงที่สองของรายการกับการร่วมพูดคุยกับหนุ่ม “ เจฟ ซาเตอร์ ” กับการถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของคอนเสิร์ตครั้งแรกที่เกิดขึ้น กับเรื่องราวเนื้อหาเพลงสุดลึกล้ำอย่าง Dum Dum (ดึม ดึม) ซิงเกิลล่าสุดที่แสดงความเป็นตัวตนของหนุ่มเจฟอย่างแท้จริงเรื่องราวความเป็น ‘ Jeff Satur ‘ กับ First Solo คอนเสิร์ตครั้งแรก ต้องบอกเลยว่าเป็นที่ตราตรึงใจกับใครหลายๆ คนที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในคอนเสิร์ตครั้งแรกของหนุ่มเจฟ ซาเตอร์ ที่ผ่านมาเรียกได้ว่างัดทุกความสามารถทั้งร้อง ทั้งเต้นออกมา ทำเอาสร้างความประทับใจและความตราตรึงใจให้ใครไปได้อย่างยาวนานเลยทีเดียว ซึ่งพอมาได้สอบถามถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของหนุ่มเจฟแล้วนั้น ตนก็ได้กล่าวว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นการทุ่มทั้งแรงกายแรงใจลงไป กว่าจะมาเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของตนได้ ก็ใช้เวลาไปร่วม 2 เดือนด้วยกัน ซึ่งความดีความชอบครั้งนี้ก็ขอบคุณทีมงานทุกท่าน รวมไปถึงศิลปินทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ที่มีส่วนให้คอนเสิร์ตของเจฟเองออกมาได้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าหากไม่มีพวกเขาความกลมกล่อมของงานก็อาจจะไม่น่าสนใจมากเท่านี้ ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าหากในอนาคตมีคอนเสิร์ตครั้งที่สอง หรือสาม เค้าก็อยากที่จะพรีเซนต์ออกมาในรูปแบบที่แปลกใหม่มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สมการรอคอยของทุกคนอย่างแน่นอนที่ไปที่มาของน้อง Dum Dum ( ดึม ดึม ) อย่างที่รู้กันว่าซิงเกิลล่าสุดอย่างเพลง Dum Dum (ดึม ดึม) ของหนุ่มเจฟนั้น ทางตัวเนื้อหาและสตอรี่มีเรื่องราวอันซับซ้อนมากมายที่ชวนสงสัยให้กับทางรายการ ทางเราจึงได้สอบถามหนุ่มเจฟไปถึงที่ไปที่มาของผลงานชิ้นนี้ว่ามีความเป็นมาอย่างไรถึงได้มีชื่อว่า Dum Dum ออกมาได้ ซึ่งเจฟเองก็ได้บอกว่า จริงๆ แล้วผลงานชิ้นนี้มาจากที่เราอยากที่จะขึ้นเสียงกีตาร์ เพื่อฮัมเพลงไปเรื่อยๆ ขึ้นมา แล้วจู่ๆ ทำนองนี้มันก็เข้ามา จนทำให้เราปิ๊งไอเดียคิดเพลงนี้ขึ้นมาได้ในหัวอย่างทันที ซึ่งพอมองลึกลงไปแล้วนั้นอย่างที่รู้ว่าเราใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในการโปรดิวซ์ครั้งนี้ค่อนข้างเยอะ เพื่อให้เกิดความเป็นตัวตนและลายเซ็นของเจฟมากยิ่งขึ้น ตัว Music Video จึงเกิดมาจากไอเดียเล็กๆ ของเราที่อยากจะทำผมสีเทา และมีการเพ้นท์เข้ามาในเนื้อหา จึงกลายเป็นเรื่องราวของตัวละครเทพเจ้า กับมนุษย์ ที่มีพันธะสัญญาถึงการแก้แค้นซึ่งกันและกัน ที่สุดท้ายนั้นมันก็ไม่ได้มาซึ่งความสงบสุขอยู่ดี เพราะถ้าสังเกตดีๆ เราจะใส่ดีเทลไปตรงที่รอยเพ้นท์ที่ตัวเจฟด้วยว่า “ SUNSHINE MOON SHINE LOVE DIE ” ซึ่งนิยามของมันก็เหมือนเปรียบว่าวันเวลาสุดท้ายมันก็ผ่านไปเรื่อยๆ เหมือนความรักที่ไม่ว่าอย่างไรมันก็จะตายไปกับเราอยู่ดี และสุดท้ายนี้ก่อนจะล่ำรากันไป EFM Fandom Live ก็ขอขอบคุณหนุ่ม เจฟ ซาเตอร์ อย่างมากที่ได้มาร่วมสนุกกับทางรายการของเรา และหวังว่าคุณวันเสาร์ทุกคนจะมีความสุขไปกับเราในทุกกิจกรรมในรายการเช่นกัน สุดท้ายนี้ก็ขอฝากซับพอร์ตหนุ่ม เจฟ ซาเตอร์ กับทุกๆ ผลงานที่จะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิลล่าสุดอย่าง Dum Dum (ดึม ดึม) ก็สามารถรับชมและรับฟังกันได้ในทุกสื่อสตรีมมิ่ง และแอบกระซิบมาว่าเร็วๆ นี้ก็จะมีผลงานซีรีส์กับน้อง ‘ บาร์โค้ด ตฤณสิษฐ์ ’ ด้วยเช่นกัน ก็อย่าลืมซับพอร์ตกับทุกผลงานของหนุ่มเจฟด้วยเลยน้า- Saturdayss to Jeff Satur “การที่พวกเรามาตามเจฟ ทำให้ได้รู้จักคนดีๆ มากมาย ได้ทั้งแฟนคลับที่เป็นได้ทั้ง เพื่อน พี่น้อง คนรอบข้างที่ดีเสมอ เวลาที่เราเหนื่อยหรือท้อ ผู้ชายที่ชื่อ เจฟ ซาเตอร์ ก็สามารถฮีลใจเราได้อย่างมาก คำพูดหลายคำพูดจากเจฟเองก็ทำให้คุณวันเสาร์ทุกคนเป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น อยากที่จะทำอะไรก็ได้ทำ แค่มีความสุขก็พอ เหมือนที่เจฟได้บอกคุณวันเสาร์ทุกคนไว้ ซึ่งพวกเราเองก็อยากบอกเช่นกันว่า ก็อยากให้เจฟเองทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข เพราะคุณดาวเสาร์ทุกคนจะคอยซับพอร์ตเจฟ ซาเตอร์ คนนี้อยู่ตรงนี้อยู่เสมอไม่ไปไหน เดินทางไปด้วยกันเรื่อยๆ แบบนี้ไปนานๆ เลยนะ รัก… เจฟ ซาเตอร์”ภาพ EFM Fandom Live

LYKN ก็คือหมาป่า และเมื่อ On Stage ขึ้นมาพวกเขาก็ไม่ต้องรอเวลาให้ Full Moon

19 พ.ค. 2023

LYKN ก็คือหมาป่า และเมื่อ On Stage ขึ้นมาพวกเขาก็ไม่ต้องรอเวลาให้ Full Moon

หนึ่งในรายการแข่งขันเฟ้นหาศิลปินหน้าใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้น รายการ ‘ ProjectAlphaTH ’ ที่ค้นหาเด็กหนุ่มมากความสามารถมาเข้าร่วมในทีมและเดบิวขึ้นเป็นศิลปินในสังกัด RISER MUSIC ในเครือ GMM TVเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา EFM Fandom Live ได้ต้อนรับสมาชิกทั้ง 5 จากวง LYKN (วิลเลียม - เลโก้ - ตุ้ย - ฮง - นัท ) บอยแบนด์หน้าใหม่ผู้ชนะจากรายการ ProjectAlphaTH !ซึ่งในช่วงแรกทางรายการก็ได้เปิดหน้าไมค์ให้เหล่าแฟนคลับได้มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวความแสบของน้องๆ LYKN ให้ชาว EFM Fandom Live ได้รับฟังกัน“ LYKN กับจุดเริ่มต้นทำความรู้จัก ”หลังจากที่ได้เปิดสายให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุย ทางรายการก็ได้ถามถึงความประทับใจแรกกับที่ไปที่มาว่าทำไมถึงมารู้จักทั้ง 5 หนุ่ม LYKN ได้ โดยเหล่าแฟนคลับก็ได้กล่าวเป็นรายคนเริ่มที่บ้านของ ‘ เลโก้ รพีพงศ์ ’ที่ได้กล่าวว่าตนนั้นโดนน้องตกจากความสามารถของน้อง และเชื่อว่าใครหลายๆ คนก็คงจะต้องชื่นชอบความสามารถเช่นเดียวกัน เพราะเลโก้ถือว่าเป็นมาตรฐานทางการเต้นที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก เพราะผ่านการแข่งขันระดับโลกอย่าง HHl มาเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าใครได้เข้ามารู้จักน้องด้วยใจจริงจะรู้ว่าเลโก้เป็นคนที่เปราะบางมาก ถึงจะมีดื้อหน่อย แต่ใส่ใจคนรอบข้างและคิดบวกเสมอ เพราะแบบนี้จึงทำให้เรารู้สึกตกหลุมรักเด็กคนนี้เข้าอย่างจังเลยทีเดียว นอกจากนี้เลโก้ยังชอบมีคำเรียกแฟนคลับว่า “ Everything ! “ กันอีกด้วยต่อกันที่ “ ฮง พิเชฐพงศ์ ” หนุ่มน้อยหน้าตี๋สุดน่ารักที่หลายๆ ชอบเรียกกันว่า “ ฮงชิ ” และแฟนคลับก็ได้แอบกระซิบมาว่าพี่ฮงของเราชอบทานของหวานชนิดหนึ่งเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ “ ไอศกรีม ” นั่นเอง ซึ่งความพิเศษของพิฮงก็คือการชื่นชอบทาน จนสามารถทานได้ทุกวันกันเลยทีเดียวส่วนคนถัดไป ผู้ชายสาย “ โกลเด้น ” อย่าง “ นัท ธนัท ” ที่ชอบถูกแฟนคลับแซวว่ามีความ ‘ บ๊อกแบ๊ก ’ ซุกซน ขี้เล่น เหมือนหมาน้อย ก็ทำให้แฟนคลับเกิดตกหลุมรักในความอัธยาศัยดีของเขา ที่ถึงแม้จะรู้จักกันครั้งแรกใครหลายคนอาจจะคิดว่านัทเป็นคนนิ่งๆ แต่ชาว ‘บีนนี่’ แฟนคลับของนัทก็ต่างบอกว่าถ้ามารู้จักจริงๆ นัทชอบเล่นมุขตลกกับแฟนคลับมากๆส่วน “ วิลเลียม จักรภัทร ” พ่อหนุ่มลูกเสี้ยวสายกรี๊ดก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่ต่างถูกตกหลุมรักเขาจากความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นร้องเต้น เขาคนนี้ก็สามารถทำมันออกมาได้ดีเป็นอย่างมาก แต่เรื่องที่จะแอบเมาส์จากแฟนคลับก็คงจะเป็นเสียงกรี๊ด อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ที่อยากให้ทางรายการได้รับฟัง รับรองว่าตราตรึงใจอย่างแน่นอนและปิดท้ายด้วยหนุ่มมากความสามารถสายบีตบ็อกซ์อย่าง “ ตุ้ย ชยธร ” ที่แฟนคลับให้สมญานามเลยว่าความ “ โคตรตุ้ย ” มันสุดมากจริงๆ ในที่นี่ก็หมายถึงความสามารถที่หลากหลายและไปสุดทางของน้องจนพูดได้เลยว่า ตุ้ยสุดทุกทาง อย่างแท้จริง นอกจากนี้ตุ้ยยังครีเอทชื่อแฟนคลับตัวเองให้ชื่อว่า “ เหล่านัตสึ ” กันอีกด้วย เพราะตุ้ยเปรียบกับแฟนคลับเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่งของตัวเอกในเรื่องของ Reborn ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ทั้งคู่ก็จะเคียงข้างกัน เดินไปด้วยกันเรื่อยๆ ในทุกๆอุปสรรคแต่วีรกรรมของทั้ง 5 หนุ่ม LYKN ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเราจะพาทุกท่านไปร่วมเอนจอยกันกับการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ในแบบฉบับ EFM Fandom Live !LYKN (ไลแคนท์) มันยิ่งกว่าหมาป่า !เมื่อถามถึงความหมายของชื่อวง หนึ่งในสมาชิกจากไลแคนท์ อย่างตุ้ยก็ได้ให้นิยามความหมายของ LYKN ว่า “จริงๆ แล้วไลแคนท์ก็คือหมาป่าเช่นเดียวกับ Werewolf แต่ความพิเศษของไลแคนท์มันอยู่ตรงที่สามารถที่จะแปลงร่างได้เลยไม่ต้องรอวัน Full Moon หรือพระจันทร์เต็มดวงใดๆ ซึ่งเปรียบเสมือนกับเวลาหลังจากเรา On Stage เสร็จเป็นที่เรียบร้อย เราก็สามารถสวิตช์ร่างกลับมาคุยกับแฟนคลับแบบเป็นกันเองและเข้าถึงง่ายได้ดังเดิมนั่นเอง”“ ใคร…ที่สุดใน LYKN ? ”เมื่อพูดถึงความที่สุดในแต่ละรูปแบบทางรายการจึงให้สมาชิกแต่ละคนใน LYKN นิยามมาว่าใครที่สุดในเรื่องอะไรกันบ้าง เริ่มกันที่ ‘ ใครพูดน้อยที่สุด ? ’ พอถามคำถามนี้ทุกคนก็ต่างชี้ไปที่ “ ฮงชิ ” ว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกที่พูดน้อยที่สุด ในที่นี้อาจจะไม่ได้หมายถึงไม่ค่อยพูดแต่เลโก้เสริมมาว่าฮงจะเป็นประเภทที่หลังจากเวลาสี่ทุ่มเป็นต้นไปเอเนอร์จี้เขาจะมาทันที ชอบที่จะใช้ชีวิตตอนกลางคืนเป็นส่วนใหญ่ถ้าให้บอกจริงๆ คงเป็นช่วง 8 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มซะมากกว่าที่ฮงจะพูดน้อย แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็คือเอเนอร์จี้เขาจะดีดกว่าปกติเลยทีเดียว ส่วนคำถามต่อมาก็คือ “ ใครพูดเยอะที่สุด ? ” คำตอบนี้เรียกได้ว่าล็อคมงกันสุดๆ เพราะเสียงเป็นเอกฉันท์ว่าคือ “ ตุ้ย ” นั่นเองเพราะอย่างที่แฟนคลับและเมมเบอร์บอกว่าตุ้ย ความสามารถของเขาก็คือ จะสามารถพูดได้เรื่อยๆ พูดเรื่องนู้นเชื่อมมาเรื่องนี้ ถ้าเราโยน Topic อะไรไปเขาสามารถพูดได้อย่างลื่นไหลเลยทีเดียว ส่วน “ ใครชอบกรี๊ดที่สุด ? ” ก็คงหนีไม่พ้นวิลเลียมที่ได้ออกมาบอกว่าเขาเป็นคนเป็นประเภทหนึ่งที่ถ้าเกิดเหตุการณ์เดดแอร์หรือความเงียบสิ่งที่เขาชอบทำก็คือการกรี๊ด หรือว๊ากออกมา เพื่อทำลายความน่าอึดอัดนั้น ส่วนข้อสุดท้าย “ใครกินเก่งที่สุด ? ” ข้อนี้ตอบได้เลยว่ายากมาก เพราะแต่ละคนก็จะมีความชอบที่ต่างกัน กินเก่งหมดแต่ความชอบกินมันไม่เหมือนกัน อย่างนัทจะเป็นสาย Healthy ชอบทานสลัด ส่วนวิลเลียมจะเป็นเยลลี่ ฮงจะเป็น ไอศกรีม และเลโก้ก็คือทานได้ทุกรูปแบบ โดยสรุปนั่นก็คือชอบทานทุกคนเลยนั่นเองการได้ขึ้นเป็น LYKN เปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเราไปบ้าง ?อย่างที่รู้กันว่าเด็กหนุ่มทั้ง 5 คนกับพัฒนาการกว่าจะมาเป็นหนึ่งในศิลปินจาก LYKN ที่ดังและก็ปังขนาดนี้ ทุกคนก็ต้องผ่านความเป็นอุปสรรคและขวากหนามมาอย่างโชกโชน ทางรายการจึงอยากรู้ว่า การที่ได้มาเป็นศิลปินที่ได้ชื่อว่า ‘ LYKN ‘ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างกับตัวเรา ฮง พิเชฐพงศ์ - เราไม่คิดว่าจะมีคนมาสนใจในชีวิตเรามากขึ้นถึงขนาดนี้ เพราะเมื่อก่อนเราก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย พอเริ่มมีสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วมีคนมาซับพอร์ตในสิ่งที่เราชอบ มันทำให้เรารู้สึกดีใจมากๆ อย่างเวลาเราไปทานอาหารร้านไหน แฟนคลับบางคนก็จะมีการไปเช็คอินตามร้านที่เราเคยไปบ้าง บ้างก็แท็กร้านขนมหมานมา ชวนคุยว่าวันนี้เราทานไอศกรีมแล้วรึยังอะไรแบบนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราประทับใจมากๆนัท ธนัท - นัทรู้สึกว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปเยอะมากหลังจากที่เราเริ่มเข้ามาใน ProjectAlphaTH อย่างบางทีแฟนคลับก็มาเจอเราที่ใต้ตึก ก็รู้สึกดีใจมาก ที่เขามารอเรา บางทีก็ดึกมาก แต่เขาก็รอ ก็เลยไม่คิดว่าจะมีคนซับพอร์ตเราถึงขนาดนี้ตุ้ย ชยธร - ก็จะคล้ายกับสมาชิกคนอื่นเลยครับ พอมีคนมารอเราตั้งแต่เช้า เราซ้อมเสร็จกลับดึก บางทีก็ยังเห็นเขาอยู่ เราดีใจมาก มันคล้ายกับว่ามีคนเดินตามฝันไปพร้อมกับเรา ดังนั้นเลยเป็นแรงผลักดันให้เรา ทุกครั้งเวลาซ้อมเราจะตั้งใจทำมันมากๆ เพื่อให้ผลงานออกมาตอบแทนแฟนคลับที่ซับพอร์ตเราขนาดนี้วิลเลียม จักรภัทร - เมื่อก่อนที่เรายังไม่ได้ขึ้นเป็นศิลปิน เวลามาซ้อมที่ตึกเราเห็นพี่ๆ ดาราศิลปินที่มีแฟนคลับมารอ เราก็รู้สึกว่าอยากมีคนมาซับพอร์ตแบบนี้บ้างจัง ถ้ามีแบบนี้ก็คงจะดี แล้วพอมาถึงวันนั้นมันเหมือนความฝันเราเป็นจริง ก็เลยภูมิใจในตัวเองมากๆ เวลาเราท้อหรือเหนื่อยอะไร แค่เราเข้าไปขอกำลังใจจากแฟนคลับ มันก็เหมือนช่วยฮีลใจเราไว้เป็นอย่างมากเลโก้ รพีพงศ์ - พวกเขากลายเป็นอีกหนึ่งสีสันในชีวิตของผมมากขึ้น อย่างก่อนหน้านี้เราจินตนาการไว้อยู่แล้วว่าอยากที่จะเป็นศิลปินเพื่ออะไร มอบความสุขให้ใคร และได้อะไรกลับมาซึ่งหนึ่งในนั้นมันคือกำลังใจจากแฟนคลับ แล้วมันเกิดขึ้นมาจริงๆ เราก็รู้สึกแฮปปี้กับมัน ซึ่งบางทีเขาก็ซับพอร์ตเราเหมือนเราเป็นหนึ่งในครอบครัวเขาด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้เป็นอะไรในครอบครัวเขาเลย เขาแค่รู้สึกว่าสิ่งที่เขาได้จากเรามันคือความสุข แค่นี้เราก็รู้สึกว่าอยากทำผลงานตอบแทนเขาให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เช่นกันก่อนจบรายการทั้ง 5 หนุ่มจาก LYKN ก็มีความในใจที่อยากจะบอกซึ่งกันและกัน…LEGO “ขอบคุณในทุกๆ วันที่ทุกคนยังมี passion กับการทำงานอยู่ ช่วงนี้มันอาจจะหนักไปบ้าง แต่ก็อยากให้รู้ไว้ว่าถ้าเรามีความสุข ก็ยังมีคนที่รอดูเราอยู่ อยากให้ตั้งใจที่จะทำมันต่อไปเรื่อยๆ ให้คิดว่า LYKN เป็นเหมือนประเทศหนึ่ง ให้คนที่เข้ามาเขาอยากที่จะอยู่ ทำหน้าที่ของเราให้ดีต่อไป รักมากๆ ครับ”HONG “ ขอบคุณทุกคนมาก เพราะถ้าไม่มีทั้ง 5คนก็คงไม่มีเราในทุกวันนี้ ขอบคุณที่เหนื่อย ขอบคุณที่พยายาม ขอบคุณที่ไม่หยุดพัฒนา และเป็นเหมือนเดิมทุกอย่างตั้งแต่วันแรก และก็ขอบคุณที่รักกัน เป็นเหมือนอีกครอบครัวหนึ่ง ที่ทำให้ทุกเช้าตื่นมายังมีคนที่ใส่ใจเรา ดูแลเรา เป็นกลุ่มเป็นก้อนตลอดมา ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้อยู่ด้วยกันไปอีกนานๆ เลยครับ”WILLIM “ผมเข้าไปรายการตอนแรกผมอยากเป็นศิลปินเดี่ยวครับ แต่พอได้ลองมันคือไม่ใช่ทางเลยมันดูโหวงมาก พอเราได้ทำงานเป็นกลุ่มเราก็รู้สึกดีมากๆ ที่เพื่อนทั้ง 4 คนคอยซับพอร์ตผมเสมอ ทำให้เราอยากจะทำงานด้วยจริงๆ อยากจะขอบคุณที่บางทีเราอาจจะเต้นไม่ได้ ก็ขอบคุณที่มาคอยช่วย บางทีอยู่มุมห้อง ก็เห็นและคอยมาช่วยเสมอ ขอบคุณมากๆ ครับ”NUT “ ก็ขอบคุณทุกคนเลยที่ทำให้ทุกวันของเราอยากที่จะมาซ้อมในทุกๆ วัน ถึงแม้ว่ามันจะเหนื่อย แต่พอเรามาซ้อมด้วยกันมันก็มีความสุขมากๆ แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจทำผลงานของเราได้ออกมาให้ดีสุดๆ และผลงานต่อๆไปเราก็จะตั้งใจทำเหมือนวันแรกที่เราทำเพลงของเรา และตั้งใจแบบนี้ต่อๆ ไปเรื่อยเลยครับTUI “ ก็อยากจะขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่เต็มที่กับมันมากๆ ที่ผ่านมาเรารู้ว่าทุกคนผ่านอะไรมาเยอะ ทั้งฝึก ทั้งอะไรก็ตาม เรารู้ว่าทุกคนเต็มที่มาก วันแรกทุกคนตั้งใจยังไง ก็อยากให้ทุกคนตั้งใจอย่างนั้น เหมือนวันแรกที่เราได้เจอกัน และบางทีก็อยากขอโทษที่เราอาจจะทำให้ใครไม่พอใจในบางอย่าง หรือล้ำเส้นอะไรไปก็ขอโทษเหมือนกัน แต่ทุกอย่างที่เราทำไป เพราะเราไม่รู้ว่าคำว่า LYKN มันจะประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่เรารู้สึกว่าผมดีใจมากที่ได้ทำงานกับทั้งสี่คนนี้ และเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจในชีวิตเลยก็ว่าได้ ที่เราได้เป็นศิลปินร่วมกัน”สุดท้ายนี้ EFM Fandom Live ก็ขอบคุณสมาชิกจาก LYKN ทุกคนที่มาร่วมสนุกกันภายในรายการ น้องๆ ทุกคนน่ารักกันมากๆ ก็หวังว่าในภายภาคหน้าจะได้พบเจอกันอีก ขอฝากผลงานล่าสุดอย่าง “ เลิกกับเขาเดี๋ยวเหงาเป็นเพื่อน ( MAY I? ) ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยน้า และเร็วๆ นี้ LYKN จะมีเดินสายไปยังประเทศญี่ปุ่นครั้งแรก ก็ฝากเป็นกำลังใจให้เด็กๆ และตะโกนชื่อ “ LYKN ! “ กันให้สุดเสียงไปเลยภาพ EFM Fandom Live

album

0
0.8
1