เรื่องเล่าจาก ขวัญ น้ำมันพราย 'ครูเอก' I อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ 10 ก.ย. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจาก ขวัญ น้ำมันพราย 'ครูเอก' I อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [ 10 ก.ย. 2567]

14 ก.ย. 2024

    ‘ขวัญ น้ำมันพราย’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (3 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ครูเอก’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย!

    คุณขวัญเล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฟังมาจาก ‘พี่เอก’ ซึ่งเรื่องนี้ย้อนกลับไปประมาณ 20 - 30 ปีก่อน เป็นช่วงที่พี่เอกกำลังบรรจุเป็นครูที่โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในภาคเหนือ พี่เอกนั้นจะมีรถส่วนตัวคันเก่า จึงใช้รถคันนั้นขับไปรายงานตัวที่โรงเรียน โดยเดินทางออกจากจังหวัดกาญจนบุรี สมัยนั้นยังไม่มี GPS จึงเกิดการหลง ทำให้เสียเวลาพอสมควร พี่เอกถามคนข้างทางไปเรื่อย แต่ละคนต่างบอกไม่เหมือนกันสักคน ทำให้ถึงโรงเรียนประมาณ 6 โมงเย็น

    เมื่อขับไปถึง ลักษณะประตูโรงเรียนจะเป็นประตูเลื่อนบานเดียว พี่เอกก็สงสัยว่าทำไมโรงเรียนถึงเงียบผิดปกติ จึงไปยืนดูหน้าประตู และเห็นว่าประตูสามารถเลื่อนได้ พี่เอกจึงเลื่อนประตูแล้วขับรถเข้าไป เมื่อขับเข้าไป ก็เห็นสนามบอลอยู่ตรงกลางของโรงเรียน พี่เอกขับเข้าไปอยู่ฝั่งซ้ายของสนามบอล และหลังสนามฟุตบอลจะมีอาคารไม้สูงสองชั้น มีบันไดอยู่ 3 ขั้นเพื่อขึ้นชั้น 1 และมีทางเข้าออกซ้ายขวา ซึ่งพี่เอกไปจอดอยู่ฝั่งซ้ายของสนามบอลที่มีโรงอาหารเก่า ๆ อยู่ด้านข้าง

    เมื่อจอดรถเสร็จ พี่เอกก็รู้สึกสงสัย เพราะปกติแล้วโรงเรียนประถมควรจะคึกครื้นกว่านี้ แต่โรงเรียนนี้กลับเงียบผิดปกติ พี่เอกมองหาคนเพื่อสอบถาม แต่มองไปมองมาก็เห็นอาคารเล็ก ๆ เหมือนบ้านชั้นเดียวที่อยู่ข้างตึกเรียน จู่ ๆ บ้านหลังนั้นก็เปิดประตูมา แล้วก็มีคนเดินอกมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมลากของออกมาหน้าบ้าน พี่เอกจึงเดินผ่านตึกเรียนไปที่บ้านหลังนั้น ก็เห็นว่าเป็นคุณลุงใส่เสื้อเก่า ๆ พี่เอกจึงตะโกนเรียกคุณลุง คุณลุงหยุดการกระทำแล้วหันมามองพี่เอก แล้วถามว่า

    “คุณเป็นใคร”

    พี่เอกจึงตอบว่า “ผมเป็นครูใหม่ที่จะมารายงานตัวครับ”

    คุณลุงถามว่า “ทำไมมาเวลานี้ ผอ.ก็รอจนกลับไปแล้ว”

    พี่เอกรีบอธิบายว่าตนหลงทาง คุณลุงจึงให้กุญแจบ้านพักครูที่อยู่บริเวณหลังที่พี่เอกจอดรถ และให้ไปห้องที่ไม่ได้ล็อกกุญแจ

    เมื่อพี่เอกไปถึง ก็เห็นว่าทั้ง 2 ห้องดันล็อคกุญแจอยู่ พี่เอกจึงลองไขดูถึงได้รู้ว่าเป็นห้องไหน จากนั้นก็เอาของเข้าไปเก็บ เมื่อเก็บของเสร็จ พี่เอกก็คิดจะขับรถเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อหาของกิน ในตอนที่ออกจากห้องก็ยังเห็นคุณลุงขนของอยู่ พี่เอกจึงทักทายทำความรู้จักกับคุณลุง ได้ความมาว่าคุณลุงชื่อ ‘สังเวียน’ และคุณลุงยังบอกให้พี่เอกรีบไปรีบกลับอย่ากลับดึกมาก

    หลังจากทักทายกันเสร็จ พี่เอกก็ขอตัวออกไปหาอะไรกินในหมู่บ้านตามแผน คนในละแวกนั้นไม่เคยเห็นหน้าจึงถามว่าเป็นใคร พี่เอกก็บอกว่าเป็นครูคนใหม่ของโรงเรียน เมื่อกลับไปถึงโรงเรียนพี่เอกก็แปลกใจว่า ‘ทำไมไม่มีไฟสักดวง’ แต่ก็กลับไปที่ห้องพักแล้วกินข้าวที่ซื้อมา จากนั้นก็อาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวนอน แต่พี่เอกรู้สึกไม่คุ้นที่จึงออกมาเดินเล่น

    ในขณะที่เดินเล่นก็มีเสียง โครม! ดังมาจากอีกฝั่งของสนามบอล ก็คือหน้าห้องของลุงสังเวียน และก็เห็นว่าลุงสังเวียนเปิดประตูออกมาพร้อมถือไม้กวาดกับถังใส่ของ เมื่อเห็นว่าลุงสังเวียนไม่ได้เป็นอะไร พี่เอกก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ และมองไปที่อาคารไม้พร้อมกับชื่นชมตัวอาคารเพราะมันสวยดี แต่เมื่อแหงนมองไปชั้น 2 ก็แปลกใจกับสิ่งที่เห็น เพราะเห็นนักเรียนยืนเอามือท้าวขอบระเบียงอยู่บนระเบียง  พี่เอกจึงตะโกนถามว่าเป็นใคร เด็กคนนั้นหันมามองพี่เอกแล้วยิ้มให้แต่ก็ไม่พูดอะไรแล้วก็วิ่งหายไปในความมืด พี่เอกจึงกลับไปที่ห้องพักเพื่อเอาไฟฉายแล้ววิ่งตามไป แต่จังหวะที่กำลังขึ้นไปไฟฉายดันดับ สักพักได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ พี่เอกก็หันไปดูพร้อมหันไปฉายไปและไปฉายก็ติดพอดี เห็นหัวเด็กอยู่ตรงพื้นบันไดชั้น 2 ลักษณะเหมือนนอนละเอาหัวโผล่มา แล้วเด็กคนนั้นก็ลุกแล้วก็วิ่งย้อนไปอีกฝั่งนึง! พี่เอกก็วิ่งตามไปแต่ก็หาไม่เจอ จนไปถึงห้องสุดท้ายก็เปิดประตูเข้าไปก็ไม่มีอะไร

    ในระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเท้าพี่เอกจึงหันกลับไปดูแต่ก็ไม่มีอะไร พี่เอกเริ่มกลัวแล้วก็ตัดสินใจกลับห้อง แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตามหลัง พี่เอกเลยหันไปดู สิ่งที่เห็นคือเด็กวิ่งเข้ามาใส่ พี่เอกตกในจนเสียหลัก พอตั้งหลักได้เด็กคนนั้นกลับไปยืนอยู่กลางอาคาร พี่เอกจึงถามว่าเป็นใคร เด็กคนนั้นก็หายเข้าไปในห้องเรียน พี่เอกก็ตามเด็กไปอีก พี่เอกเปิดประตูเข้าไปเห็นเด็กอยู่ตรงหน้าต่าง พี่เอกก็เรียกให้เด็กคนนั้นมาคุย แต่สิ่งที่เห็นคือเด็กกระโดดลงหน้าต่างไป!

    พี่เอกรีบวิ่งไปดูแต่ก็ว่างเปล่า จากนั้นก็รู้ตัวแล้วว่าตนโดนผีหลอกจึงตัดสินใจวิ่งลงบันไดจะกลับห้อง ก็ได้ยินเสียง โครม! อีกครั้ง ดังมาจากบ้านลุงสังเวียน แล้วก็เห็นประตูบ้านของลุงสังเวียนเปิด จากนั้นพี่เอกก็เห็นว่ามีมือและหน้าเด็กโผล่ออกมา ซึ่งก็คือเด็กคนนั้นแล้วชี้เข้าไปในบ้าน พี่เอกจึงเดินไปหา แต่ก็รู้สึกเหมือนมีคนเดินบนอาคารเมื่อหันไปก็ไม่มีใคร

    พอถึงหน้าบ้านลุงสังเวียน พอเข้าไปบรรยากาศในบ้านมีของวางเต็มไปหมด และมีห้องที่ปิดประตูอยู่ พี่เอกจึงตะโกนถามว่า

    “ลุงอยู่ไหม เป็นอะไรรึเปล่า”

    แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ พี่เอกจึงเดินไปที่ห้องนั้น และเปิดประตูเข้าไปจนเตะเข้ากับขวดเหล้าขาวเต็มไปหมด พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นลุงสังเวียนแขวนคอตายลิ้นจุกปาก พอตั้งสติได้ก็วิ่งออกจากห้องลุงสังเวียน แล้วก็เอากุญแจรถที่ห้อง เมื่อจะขึ้นรถ จู่ ๆ ก็มีรถหลายคันขับเข้ามา แล้วถามพี่เอกว่าเป็นใคร ตนก็รีบอธิบายว่าเป็นครูคนใหม่ของโรงเรียนนี้ ซึ่งคนที่ถามคือครูเวรที่ไปตามตำรวจมา แล้วตำรวจก็พาเดินไปหน้าห้องลุงสังเวียน เพื่อชันสูตร แต่พี่เอกก็ต้องขนลุกเมื่อมองไปที่รูปภาพข้างเตียงของลุงสังเวียนเป็นเด็กคนนั้นที่มีคำว่าชาตะมรณะ ที่ตายยังไม่ถึง 1 อาทิตย์! และได้ความจากครูเวรว่าลุงสังเวียนเป็นปู่ของเด็กคนนี้ เด็กคนนี้พ่อแม่ทิ้ง ลุงสังเวียนจึงเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ ซึ่งสาเหตุการตายของเด็กคนนี้คือเล่นกับเพื่อนแล้วผลัดตกหน้าต่างไปแปลงผักที่มีไม้ไผ่เสียบอยู่ ซึ่งเด็กคนนี้ตกลงไปแล้วคอเสียบไม่ไผ่ตายคาที่ และวันนี้ครูเวรก็สงสัยว่าทำไมไม่เห็นลุงสังเวียน ก็ได้พบว่าลุงสังเวียนฆ่าตัวตาย เมื่อครูเอกได้รู้เรื่องราวก็เลือกที่จะไปเช่าบ้านอยู่นอกโรงเรียนแทน..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

ป่วยหนักทั้งครอบครัว รักษายังไงก็ไม่หาย ไปรักษาด้วยพิธีกรรมกับแม่หมอ จนหายสนิท แต่หลังจากนั้นก็เจอเรื่องน่าขนลุก!

16 ม.ค. 2024

ป่วยหนักทั้งครอบครัว รักษายังไงก็ไม่หาย ไปรักษาด้วยพิธีกรรมกับแม่หมอ จนหายสนิท แต่หลังจากนั้นก็เจอเรื่องน่าขนลุก!

เรื่องนี้ ‘หมอบี ฑูตสื่อวิญญาณ’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคุมโปง X’ (9 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘อูน ชนิสรา’ , ‘ดีเจแนน’ และ’ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องราวของหญิงชาวต่างชาติ ตัวเธอ ลูกสาวและพี่สาว ทั้ง 3 คนป่วยหนักเป็นโรคที่รักษาไม่หาย และได้ไปรักษาด้วยพิธีกรรมกับแม่หมอคนหนึ่ง ในที่สุดหายเป็นปกติ แต่หลังจากนั้นก็สังเกตเห็นความผิดปกติ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย นี่เป็นเรื่องของหญิงต่างชาติประเทศเพื่อนบ้านเรา สมมุติว่าชื่อ ‘คุณเอ’ คุณเอมาหาหมอบี 3 รอบ สองรอบแรกนั้นคุยเรื่องทั่วไป ไม่มีเรื่องผิดปกติ แต่รอบที่ 3 คุณเอมาพร้อมกับลูกสาวและพี่สาว เธอเล่าให้หมอบีฟังว่า เธอป่วยเป็นมะเร็ง ลูกสาวก็ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ส่วนพี่สาวก็ป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่าง ซึ่งหมอบีเล่าว่าจำไม่ได้แล้ว จำได้แค่ว่าป่วยเป็นอะไรสักอย่างที่แย่มาก ๆ คุณเอยังเล่าอีกว่า ที่ประเทศของเธอ จะมีแม่หมอคนหนึ่ง เก่งมาก หาตัวจับยากมาก คุณเอกับลูกสาวและพี่สาว ก็ไปรักษากับแม่หมอคนนั้น จากนั้นไม่นาน พวกเธอก็หายเป็นปกติ หมอบีฟังก็คิดว่าโอเค แต่ครั้งนี้ที่คุณเอมาหาหมอบีก็เพราะว่า คุณเอกังวลใจเกี่ยวกับสิ่งที่พบหลังจากไปหาแม่หมอคนนี้นั่นก็คือจะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับคนที่ไปรักษา หลังจากรักษาจนหายพอกลับมาก็จะมีอาการทางจิต ทั้งเครียด กังวล หลอน ไม่เป็นตัวของตัวเอง สุดท้ายก็ทนตัวเองไม่ไหว จากนั้นก็ตัดสินใจผูกคอตายทุกคน! คุณเอยังจับสังเกตได้อีกว่า ทุกคนที่ผูกคอตายก็ตายเป็นลำดับ ใครเข้าไปหาก่อนก็จะตายก่อน ไล่ตามลำดับมา และรอบที่กำลังจะมาถึง เป็นรอบของพี่สาว ต่อมาเป็นลูกสาว แล้วก็ถึงตาคุณเอ คุณเอรู้สึกเครียด คิดว่าก็ต้องมาถึงคิวคุณเออย่างแน่นอน จึงอยากกลับไปหาแม่หมอคนนั้นอีกครั้ง ด้วยความที่แม่หมอหาตัวยากมาก ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน คุณเอก็สืบค้นจนรู้ว่า แม่หมอคนนี้มาที่ประเทศไทย คุณเอกับลูกสาวและพี่สาว จึงเดินทางมาตามหาแต่ก็ไม่เจอ คุณเอก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ มีคนบอกให้คุณเอไปหาพระ ท่านอายุเยอะ แต่ท่านเก่งมาก อยู่ที่จังหวัดลำปาง พวกเธอก็ไปหา แต่พระท่านก็ได้แค่บอกให้พวกเธอไปหาหมอบี ท่านบอกว่าหมอบีช่วยได้ ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาพวกเธอจึงมาหาและเล่าให้หมอบีฟัง พอเล่าเสร็จก็เปิดรูปให้หมอบีดู รูปเยอะมาก ซึ่งรูปนั้นเป็นรูปของผู้เสียชีวิตตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่รูปที่ผูกคอตาย เป็นรูปที่ถ่ายติดคน บางรูปเป็นจาง ๆ บางรูปเป็นเหมือนนั่งกินข้าวด้วยกันเป็นกลุ่มแต่จะมีที่ว่างหนึ่งที่ราวกับมีคนนั่งอยู่ด้วย เป็นแบบนี้ทุกรูป รูปถัดมาเป็นรูปคุณเอกับคุณป้า แต่รูปนี้มีสิ่งผิดปกติ เช่น ถ่ายรูป 2 คน ก็เว้นที่ว่างไว้เหมือนถ่าย 3 คน และรูปที่ถ่ายคนเดียว แต่เว้นที่ว่างเหมือนถ่าย 2 คน เจอแบบนี้ทั้งหมด ทั้งลูกสาวและพี่สาวก็เจอแบบนี้เหมือนกัน แต่ของพี่สาวถึงขั้นไปร้านถ่ายรูป พี่สาวก็เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ไปนั่งถ่ายที่เป็นสตูดิโอ คนที่ถ่ายรูปก็มาจัดเก้าอี้ให้พี่สาวนั่ง ลูกสาวของพี่สาว 1 คน และก็เอาเก้าอี้อีกตัวมาวางข้าง ๆ พี่สาว พี่สาวจึงถามว่า “เอามาตั้งทำไม?” คนที่ถ่ายรูปก็ตอบว่า “ก็มาอีกคน เป็น 3 คน” พอพี่สาวได้ยินแบบนั้น ก็ตัดสินใจยกเลิกการถ่ายรูปไป เรื่องนี้หมอบีสัมผัสไม่ได้ สุดท้ายหมอบีก็พูดให้คุณเอเข้าใจว่า ‘ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ’ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับแต่ละคน ที่รักษาหายนั้น แท้จริงแล้วคือ ‘คนที่ถึงเวลาตาย แต่โกงความตายมา’ สุดท้ายก็ต้องกลับไปที่เดิมอยู่ดี ได้แค่ยื้อเวลา พอฟังที่หมอบีพูด คุณเอก็เข้าใจว่า “หนึ่งคือทุกคนป่วยหนักมาก สองพิธีกรรมของแม่หมอคือการเอาชีวิตของอีกคนที่มีชีวิตอยู่ มาแทนชีวิตให้อีกคนที่กำลังจะตาย มันถูกต้องแล้วหรอ คนเราไม่สามารถเปลี่ยนระบบกรรมได้ จุดเริ่มต้นของความตายคือการเกิดไม่ใช่หรอ แล้วเราควรเสียใจกับความตายหรือเสียใจเรื่องการเกิดมากกว่ากัน”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจาก นนท์ อินทนนท์ ’เปรตขอส่วนบุญ‘ I อังคารคลุมโปง X นนท์ อินทนนท์ [ 9 ก.ค. 2567]

15 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจาก นนท์ อินทนนท์ ’เปรตขอส่วนบุญ‘ I อังคารคลุมโปง X นนท์ อินทนนท์ [ 9 ก.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณนนท์ อินทนนท์‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (9 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’, ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ‘ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ’เปรตขอส่วนบุญ‘ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณนนท์เล่าว่า ตนเคยไปบวชที่เชียงราย เป็นวัดตรงข้ามบ้าน เป็นการบวชหลังเรียนจบก็เมื่อ 10 ปีที่เเล้ว เพราะเคยคิดหลังเรียนจบก็ตั้งใจจะบวช โดยปกติของพระใหม่ส่วนใหญ่ที่ต่างจังหวัดก็จะให้นอนในโบสถ์ ซึ่งโบสถ์ส่วนใหญ่จะไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องเดินไปเข้าห้องน้ำด้านนอก ในคืนนั้นคุณนนท์ไม่ได้นอนคนเดียว มีคุณพ่อ คุณลุงเเละเณร 7 คน เมื่อทราบว่ามีเณรมาอยู่ด้วยก็สบายใจ จากนั้นก็พากันเข้านอน ในกลางดึกคืนนั้นคุณนนท์ตื่นขึ้นมาเพราะปวดปัสสาวะ จึงสะกิดปลุกคุณลุงไปเข้าห้องน้ำนอกโบสถ์ด้วยกัน พอทำธุระเสร็จก็กลับเข้ามานอนในโบสถ์ ระหว่างที่กำลังจะล้มตัวนอนก็มีเสียง เอี๊ยด เอี๊ยดด ดังขึ้น พอมองดูรอบ ๆ ก็ไม่มีอะไร เเต่หลังจากนั้นเสียง เอี๊ยดดด นั้นก็ลากยาวขึ้น ดังรอบ ๆ โบสถ์ คุณนนท์จึงสะกิดถามคุณลุงว่า “ลุงได้ยินเสียงอะไรมั้ย หนูว่าเสียงมันแปลก ๆ อ่ะ” ลุงตอบกลับว่า “ลุงอ่ะ ได้ยินตั้งเเต่เเรกแล้ว ที่นนท์ขยับตัวก็ไม่รู้จะได้ยินเหมือนกันมััย” แล้วลุงก็ได้บอกกับคุณนนท์ว่ามันคือเสียง เปรต พอรู้ว่าเป็นเสียงเปรตคุณนนท์ก็รู้สึกขนลุก จึงถามลุงต่อว่า “ทำไรได้บ้าง สวดมนต์ได้มั้ย อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เขาได้มั้ย“ ลุงก็ตอบกลับว่า ”ถ้ายิ่งทำ เขาจะยิ่งมาขอเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นนอนเเล้วตั้งสติ“ คุณนนท์รู้แบบนี้เเล้วก็ทำอะไรไม่ได้จึงต้องข่มตาหลับ หลังจากที่บวชเสร็จ คุณนนท์ได้ไปถามกับหลวงพ่อว่า “หลวงพ่อ วันนั้นนนท์ได้ยินเสียงเเบบนี้นะ มันคือเสียงอะไร” หลวงพ่อตอบกลับว่า “เป็นเสียงเปรตนี่แหละ เเต่เป็นเปรตที่มีชีวิต“ คุณนนท์ได้เเต่งงว่าเปรตที่มีชีวิตคืออะไร ลุงของคุณนนท์ที่นั่งอยู่ข้างกันก็สะกิดเเล้วพูดว่า ”เห็นป้าคนนั้นมั้ย เขาชอบขโมยของที่บิณฑบาตมาแล้วเอาไปกินเอาไปใช้“ เเล้วลุงของคุณนนท์ก็ได้อธิบายเพิ่มว่า ”เขายังไม่เสียชีวิต เเต่จิตเขาเป็นเปรต ตอนเขานอนเขาต้องชดใช้กรรม ด้วยการเป็นเปรตอยู่ในวัด“ จนตอนนี้คุณนนท์ก็ยังเห็นคุณป้าคนนี้อยู่ที่วัด เเละยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม…(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

พิม ลัทธ์กมล เล่าเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

13 เม.ย. 2025

พิม ลัทธ์กมล เล่าเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

เป็นนักแสดงที่ทุ่มเท อยากรู้ความเป็นอยู่ของตัวละคร จึงขอไปนอนในสถานที่ถ่ายทำจริง แต่ใครจะคิด ว่าคืนนั้นจะไม่ได้นอนจนถึงเช้า และทำให้เปลี่ยนความเชื่อเรื่อง ‘ผี’ ไปตลอดกาล ติดตามเรื่องเล่าของ ‘คุณพิม ลัทธ์กมล’ ที่ได้นำเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (8 เมษายน 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ต้องขนลุกไปพร้อมๆ กัน! ‘คุณพิม’ ได้นำเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ มาเล่า โดยคุณพิมได้เล่าว่า คุณพิมได้ไปถ่ายหนังที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนเขมร ด้วยความที่คุณพิมเป็นนักแสดง จึงอยากลองเรียนรู้สถานที่ที่ใช้ถ่ายทำจริง ๆ ว่าตัวละครใช้ชีวิตอย่างไร คุณพิมจึงชวนเพื่อนมานอนด้วยกันที่สถานที่จริง สถานที่แห่งนี้เป็นกระต๊อบที่สร้างจากไม้ รอบ ๆ กระต๊อบที่คุณพิมและเพื่อนนอน ไม่มีบ้านคน มีแค่คนมาเฝ้าซึ่งเป็นชาวบ้านในแถบนั้น ที่ไม่มีโทรศัพท์ และไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีมากนัก ในคืนนั้นเวลาตี 3 คุณพิมได้ตื่นขึ้นมา เพราะอุณหภูมิในกระต๊อบเริ่มลดลง จากที่อากาศร้อนกลายเป็นเย็นจนเหมือนอยู่ในห้องแอร์ และเมื่อคุณพิมตื่นก็รู้สึกยุกยิกตามร่างกาย พอหันไปทางเพื่อนที่นอนอยู่ด้านข้าง ก็มีเห็นว่ามีอาการยุกยิกเหมือนกัน ขณะเดียวกัน คุณพิมก็เริ่มได้ยินเสียงระนาค ที่บรรเลงช้า ๆ คุณพิมจึงถามเพื่อนว่า “มีคนมาเปิดเพลงแกล้งเราไหม” เพื่อนคุณพิมจึงตอบกลับมาว่า“ไม่นะ ที่นี่มีแค่เรานอนกัน 2 คน คนที่มาเฝ้าก็เป็นชาวบ้านที่ไม่มีโทรศัพท์” คุณพิมจึงเริ่มสงสัยว่ามันคือเสียงอะไร แต่ก็กลัวจนไม่กล้าขยับตัว และเสียงระนาดยังคงดังต่อไป และตอนนั้นเองคุณพิมและเพื่อนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนคนกำลังเดินขึ้นมา ตึก ตึก ตึก และเสียงนั้นก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องคุณพิม ในใจคุณพิมก็ยังคิดว่าอาจเป็นคนที่มาเฝ้าเดินขึ้นมา แต่สิ่งนั้นก็ยังหยุดอยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานาน และทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น ตึง! ตึง! ตึง! เสียงเคาะดังขึ้นที่หัวเตียง แต่คุณพิมก็ยังคิดว่ามีใครมาแกล้งหรือเปล่า คุณพิมและเพื่อนจึงลองตั้งสติด้วยการนอนหลับไปอีกหนึ่งครั้ง แต่อากาศก็ยังเย็นลงเรื่อย ๆ เพลงยังคงบรรเลงต่อไป จนเช้าถึงหายไป และในคืนนั้นคุณพิมกับเพื่อนจึงแทบไม่ได้นอน เพราะความกังวลจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน ในช่วงเช้าคุณพิมจึงไปถามชาวบ้านเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตัวเองได้เจอ ชาวบ้านแถวนั้นจึงบอกว่า “ที่แถวนั้นมันแรง ก่อนไปนอนได้ขอไหม” คุณพิมจึงตอบไปว่า “ไม่ได้ขอค่ะ แค่ไปนอนเฉย ๆ” คุณพิมจึงได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคือ เขามาทักทาย คืนต่อมาคุณพิมได้เปลี่ยนที่นอน ไปนอนในบ้านที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้ และได้กราบไหว้ก่อนจะเข้านอน ทำให้ไม่เจออะไรอีกเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คุณพิมที่ไม่เคยเชื่อลี้ลับ กลายเป็นเชื่อ 100% ว่า ผีมีจริงแน่นอน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเป้ ‘ห้องนี้ห้ามเข้า’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ขวัญ อุษามณี [ 8 ต.ค. 2567]

12 ต.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณเป้ ‘ห้องนี้ห้ามเข้า’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ขวัญ อุษามณี [ 8 ต.ค. 2567]

อังคารคลุมโปง X (8 ตุลาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘คุณเป้‘ ที่ได้มาเล่าเรื่อง ’ห้องนี้ห้ามเข้า’ ให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม‘ และแฟนรายการฟัง ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นภายในบ้านที่ต่างประเทศ ทนไม่ไหวจนต้องย้ายออกจากบ้านทันที! เรื่องราวจะเป็นยังไง จะหลอนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย! คุณเป้เล่าว่าเป็นเรื่องของน้องที่ต่างประเทศคนหนึ่ง เขาชื่อ ‘อิงอิง’ เป็นคนจีนที่สอนหนังสือชั้นอนุบาลในสิงค์โปร์ ในตอนนั้นคุณอิงอิงกำลังหาที่พักใหม่เนื่องจากที่เดิมไกลจากโรงเรียนมาก ต้องใช้เวลาในการเดินทางไปโรงเรียน 3-4 ชั่วโมง จนได้ไปเจอป้ายติดประกาศตามกำแพงจึงตัดสินใจโทรไป มีคุณลุงแก่ ๆ รับสาย ก็ได้เจรจาพูดคุยกันเกี่ยวกับที่พักเเล้วก็ได้นัดเจอกัน ต่อมาเมื่อถึงเวลาที่นัดประมาณ 6 โมงครึ่ง คุณลุงก็นั่งรออยู่ตรงทางเข้า ลักษณะภายนอกของคุณลุงดูไม่ค่อยเป็นมิตร แต่คุณลุงก็ได้พาคุณอิงอิงเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จนไปเจอบ้านชั้นเดี่ยวหลังหนึ่ง เมื่อเดินสำรวจรอบบ้านเเล้วคุณอิงอิงก็ถูกใจบ้านหลังนี้ การเดินทางไปโรงเรียนก็สะดวกเเละไวกว่าที่เก่า คุณลุงเห็นว่าคุณอิงอิงชอบจึงได้พูดคุยเเละบอกกฎของบ้านว่า “ห้องนี้มี 2 ห้องนอนนะ ทางขวามือเป็นห้องเก่าของลุงเอง ซึ่งตอนนี้ไม่ได้อยู่เเล้ว ใครมาถามหาลุงก็บอกไปนะว่าลุงไม่อยู่ ห้ามพาใครมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เเละที่สำคัญคือห้องตรงนั้นที่เป็นห้องเก็บของ ห้ามเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามเข้าไปในห้องนี้ ถ้าลุงรู้ไล่ออกจากบ้านทันที ยกเลิกทุกอย่าง ค่าน้ำค่าไฟหนูจ่ายเเค่ค่าน้ำอย่างเดียวนะ ค่าไฟลุงจ่ายเองทั้งหมด“ เมื่อได้ยินดังนั้น คุณอิงอิงก็รู้สึกแปลก ๆ เเต่คุณลุงบอกราคาเช่าที่ถูกมาก ทำเอาตนลบความแปลกนั้นออกไปจากสมองทันที จึงตัดสินใจที่จะเช่าบ้านหลังนี้ เเล้วก็ได้ย้ายของเข้ามาทันที ไม่นานหลังจากนั้น ก็ย้ายของเข้ามา ด้วยความเพลียจากการที่ตนจัดห้องจึงทำให้เผลอหลับไปในช่วงค่ำ ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในห้อง! เเล้วเสียงก็เงียบไป.. วันต่อมา คุณอิงอิงกลับมาจากโรงเรียนก็ทำธุระส่วนตัวเเล้วก็เข้านอน ในช่วงกลางดึกก็ได้ยินเสียงเหมือนเดิมเเต่รอบนี้มีเสียงทุบประตูด้วย! ปึ้งง ปึ้งงง! เเละตนก็ได้ยินว่า “พอแล้วว ไม่ทำแล้ว” เเล้วเสียงนั้นก็เงียบไป ณ ตอนนั้นเองคุณอิงอิงก็คิดว่าอาจจะเป็นเสียงข้างบ้านทะเลาะกัน จนผ่านไปเรื่อย ๆ เหตุการณ์ในบ้านก็เริ่มหนักขึ้น จนตนรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มันแปลก.. คืนหนึ่งในขณะที่ตนนอนอยู่ ก็รู้สึกว่าหนาวผิดปกติจึงจะลุกไปปิดหน้าต่างเเละประตู เมื่อหันไปดูที่หน้าต่างปรากฎว่าหน้าต่างปิดอยู่ จึงลุกไปปิดประตู เเต่ในขณะที่กำลังจะปิดก็มีไอเย็นบางอย่างที่อยู่ภายในบ้านตามพื้น ตนสัมผัสได้จากเท้าเปล่าเเละสงสัยว่ามาจากไหน จึงเดิมตามไอเย็นนั้นไป ปรากฎว่าไอเย็นนั้นที่ตนสัมผัสได้มันมาจากห้องเก็บของ! เเต่ห้องมันล็อคไว้อยู่เเล้วคุณลุงก็สั่งห้ามเข้า ตนไม่อยากยุ่งเพราะกลัวว่าจะโดนไล่ออกจากบ้าน จนเวลาผ่านไป.. ในคืนหนึ่ง คุณอิงอิงก็รู้สึกว่ามีเสียง กึ๊กกึก แกกแกกก! ดังอยู่ข้าง ๆ หู จึงลืมตาเเล้วปรากฎว่า กลายเป็นมือของตัวเองที่กำลังหมุนลูกบิดประห้องเก็บของ! ตนตกใจมากเพราะกำลังนอนอยู่เเล้วฝันละเมอมาห้องนี้ เเต่ในขณะนั้นก็มีเสียงร้องไห้สะอื้นมาจากห้องนี้! จนทำให้เริ่มรู้สึกกลัวเเละก็ได้กลับไปทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ตั้งเเต่คืนแรกที่เจอภายในบ้าน จนทำให้ตนรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มันต้องมีอะไรเเน่นอน ในเช้าวันถัดมา คุณอิงอิงก็ได้เล่าเรื่องสิ่งที่เจอในบ้านหลังนี้ให้เพื่อนที่โรงเรียนฟัง เเต่กลับโดนเพื่อนบอกว่า “มึงฝันละเมอไปเองรึเปล่า?” ตนก็รู้สึกว่าไม่น่ามาเล่าให้เพื่อนฟัง เเต่ก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องนี้เเละสัมผัสได้ว่าเรื่องที่คุณอิงอิงเล่าเป็นเรื่องจริง จึงได้เเอบเอาสร้อยประคำ 1 เส้นให้ คุณอิงอิงจึงรู้สึกสบายใจที่ได้สร้อยประคำเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เเล้วตนก็ได้บอกว่า “ถ้าคืนนี้มันมีเหตุการณ์เเบบนี้อีกนะ ไม่เอาเเล้ว” จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าลาก วางอยู่ใกล้ตัวเพื่อที่จะได้สามารถย้ายออกทันที เเละตนก็ได้หลับไป.. แล้วในคืนนั้น ตนก็สะดุ้งตื่นกลางดึกเหมือนเดิม เพราะรู้สึกว่าเหมือนใครกำลังคร่อมตนอยู่! เเต่มองไม่เห็นเพราะในห้องมันมืด เเล้วก็มีเสียงเหมือนมีดที่กำลังกรีดตามผนังห้อง! สักพักเสียงนั้นก็หยุดไปเเต่กลับมาแทงบนเตียงนอน เเทงนับไม่ถ้วน! เเล้วก็มีเสียงเข้ามาในห้องว่า “หยุด พอได้เเล้ว ชั้นผิดไปแล้ว ชั้นขอโทษ” ในตอนนั้นคุณอิงอิงตกใจก็กรี๊ดสุดเสียงเพราะกลัว เมื่อได้โอกาสตนจึงคว้ากระเป๋าเเล้วรีบวิ่งออกจากห้องนั้นทันที เเต่ในขณะที่กำลังจะออกจากบ้าน สายตาของตนเห็นสร้อยประคำที่เพื่อนให้ไว้ เเขวนอยู่ตรงหน้าประตู! ตนรู้สึกว่าสร้อยนั้นเป็นของสำคัญจึงรีบไปเอาสร้อยนั้น เเล้วในขณะที่กำลังจะคว้าก็มีรอยแกะสลักเป็นตัวอักษรภาษาจีนว่า ช่วยด้วย! นาทีนั้นตนคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะช่วยใคร จึงรีบคว้าสร้อยนั้นเเล้ววิ่งออกไปจากบ้าน ในตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 4 กว่า จึงได้ไปนั่งอยู่ตามร้านขายของข้างทางจนเช้า เเล้วได้นั่งรถไปที่โรงเรียน เมื่อถึงโรงเรียนก็รีบโทรหาคุณลุงทันที ในใจตนคิดว่าจะย้ายออกจาก ไม่อยู่เเล้วบ้านหลังนี้ สักพักหนึ่งคุณลุงก็รับสายเเล้วพูดว่า “เออ โอเคตกลง” ทั้ง ๆ ที่คุณอิงอิงยังไม่ได้พูดอะไรเลย เหมือนรู้ว่ากำลังจะพูดอะไร ตนจึงเอาของไปเก็บเเละย้ายพักอยู่กับเพื่อนชั่วคราว ผ่านไปประมาณ 1 เดือน ขณะที่กำลังดื่มกาแฟกับเพื่อนอยู่ในตอนเช้า คุณอิงอิงก็เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งอยู่ตรงปกหนังสือพิมพ์ที่เพื่อนกำลังอ่าน ตนรู้สึกแปลกใจเพราะคุ้นผู้ชายคนนี้มาก ๆ จึงขอยืมหนังสือพิมพ์เพื่อนมา เเล้วคลี่อ่าน เมื่อตนเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นก็ช็อค! ตกใจมาก เพราะเขาคือคุณลุงเจ้าของบ้านที่ตนไปเช่า ข่าวในหนังสือพิมพ์เขาเขียนว่า “เจ้าของบ้านถูกจับข้อหาฆาตกรรมภรรยาตัวเองภายในบ้าน! สาเหตุเกิดจากการหึงหวงภรรยาทะเลาะกันเรื่องชู้สาว ครอบครัวผู้หญิงมีการติดต่อมาอยู่เรื่อย ๆ เเต่ไม่มีการตอบกลับ จึงได้เเจ้งเรื่องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ไปตรวจสอบที่บ้านหลังนี้เเล้วก็ได้พบศพอยู่ในตู้เเช่เย็นภายในห้องเก็บของ! สภาพศพตามร่างกายถูกเเทงพรุนทั้งตัว! ตามใบหน้าถูกกรีดจนจำใบหน้าไม่ได้!” เมื่อคุณอิงอิงอ่านข่าวจบก็ถึงกับช็อค! เพราะไม่คิดว่าตนจะนอนอยู่กับศพเป็นเวลา 1 สัปดาห์เเละก็หายสงสัยเรื่องค่าไฟที่คุณลุงบอกว่าจะจ่ายเอง เป็นเพราะว่าเขาเปิดตู้เเช่เย็นตลอดเพื่อแช่ศพภรรยาตัวเองไว้นั่นเอง!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1